Mais conteúdo relacionado Semelhante a Hospital Information System (June 26, 2018) (20) Mais de Nawanan Theera-Ampornpunt (20) Hospital Information System (June 26, 2018)2. 2
แนะนาตัว
2003 M.D. (Ramathibodi) (First-Class Honors)
2009 M.S. in Health Informatics (U of MN)
2011 Ph.D. in Health Informatics (U of MN)
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสารสนเทศ
อาจารย์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
nawanan.the@mahidol.ac.th
หัวข้อวิจัยที่สนใจ
• การนา Health IT มาใช้ในรูปแบบต่างๆ ในโรงพยาบาล
• พฤติกรรมของผู้ใช้งาน IT, Social Media, Privacy & Security
4. 4
ระบบสารสนเทศ
• Information System
– ระบบที่มีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาใช้
เพื่อสนับสนุนกระบวนการทางานบางอย่างของมนุษย์
– ใช้เทคโนโลยีเป็น เครื่องมือ เพื่อให้ข้อมูล (Deliver information) และ
สนับสนุนกระบวนการทางาน (business processes) ให้กับ ผู้ใช้งาน
(users) ในการทางานหนึ่งๆ
– เช่น ระบบการฝาก-ถอนเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ระบบการลงทะเบียน
เรียนผ่านเว็บ ระบบ e-learning ระบบจองตั๋วเครื่องบิน ระบบแสดงตาราง
เที่ยวบิน เป็นต้น
6. 6
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
Hardware Software
Peopleware Data
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทั้งเครื่อง
แม่ข่าย (Servers) และเครื่องลูก
ข่าย (Clients)
- ระบบเครือข่าย (Network)
- ระบบปฏิบัติการ (Operating
System) เช่น Windows XP
- โปรแกรมช่วยสนับสนุนการ
ทางาน (System Utilities) เช่น
Antivirus
- โปรแกรมประยุกต์
(Applications) เช่น Microsoft
Word หรือ Hospital
Information System
- ข้อมูลที่เก็บในระบบ
- ผู้ใช้งาน
โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ (IT Infrastructure)
13. 13
อีกหลายรูปแบบของ Health IT
m-Health
Health Information
Exchange (HIE)
Biosurveillance
Information Retrieval
Telemedicine &
Telehealth
Images from Apple Inc., Geekzone.co.nz, Google, PubMed.gov, and American Telecare, Inc.
Personal Health Records
(PHRs)
16. 16
“To Err Is Human”
• การทาสิ่งผิดพลาด เป็นธรรมชาติของมนุษย์
• ระบบสุขภาพของประเทศสหรัฐอเมริกา มี “ปัญหาเชิงระบบ”
(systemic problems) ที่นาไปสู่ข้อผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกัน
ได้ และคุณภาพการรักษาพยาบาลที่แย่
• แนวทางการแก้ไขปัญหา เน้นการแก้ไขเชิงระบบ ไม่ใช่การจัดการที่ตัว
บุคคล
• เทคโนโลยีสารสนเทศ มีบทบาทหรือไม่ อย่างไร?
17. 17
ทาไมต้องมี Health IT
• Healthcare มีความซับซ้อนสูง (และขาดประสิทธิภาพ ต้นทุนสูง ขาดความ
คล่องตัว)
• Health care is information-rich
• คุณภาพการรักษา ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย
• ความรู้ทางการแพทย์มีปริมาณมากเกินอัจฉริยะจะท่องจาได้หมด และแพทย์มี
เวลาเพียงช่วงสั้นๆ ในการดูแลผู้ป่วยแต่ละคน
• “To err is human”
18. 18
Image Source: (Left) http://docwhisperer.wordpress.com/2007/05/31/sleepy-heads/
(Right) http://graphics8.nytimes.com/images/2008/12/05/health/chen_600.jpg
To Err is Human 1: Attention
19. 19Image Source: Suthan Srisangkaew, Department of Pathology, Facutly of Medicine Ramathibodi Hospital, Mahidol University
To Err is Human 2: Memory
20. 20
คุณภาพการรักษาพยาบาล
• ความปลอดภัย (Safety)
• ความทันเวลา/ทันท่วงที (Timeliness)
• ประสิทธิผล (Effectiveness): มุ่งผลลัพธ์ (outcomes) ที่ดี
• ประสิทธิภาพ (Efficiency): คุณภาพดี แต่ต้นทุนต่า (คุ้มค่า)
• ความเป็นธรรม (Equity)
• การยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-centeredness)
(IOM, 2001)
23. 23
Front Office
• ระบบงานบริการผู้ป่วย (Front Office)
– ระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Medical Records
หรือ Electronic Health Records)
– ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System)
หรือระบบสารสนเทศทางคลินิก (Clinical Information System)
– ระบบงานย่อยๆ ของหน่วยบริการภายในโรงพยาบาล
24. 24
Back Office
• ระบบงานบริหารจัดการ ที่ไม่เกี่ยวกับงานบริการ (Back Office)
– ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information Systems
หรือ MIS)
– ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning
หรือ ERP)
– ระบบสารสนเทศการวิจัยและการศึกษา
– เว็บไซต์ และอินทราเน็ตภายในองค์กร
– ระบบงานสารบรรณ (การเวียนเอกสาร)
25. 25
Master Patient Index (MPI)
• ระบบทะเบียนผู้ป่วย
• Functions
– การลงทะเบียน (Registration) และระบุตัวตน (identification)
ของผู้ป่วย โดยใช้เลขประจาตัวผู้ป่วย (HN)
– การบันทึกและแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย (patient
demographics)
– ระบบอื่นๆ ในโรงพยาบาลมักใช้ข้อมูลจากระบบนี้เพื่อระบุตัวตน
หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ป่วย
26. 26
Admission-Discharge-Transfer (ADT)
• ระบบงานรับผู้ป่วยใน จาหน่าย และย้าย/ส่งต่อผู้ป่วย
• Functions
– สนับสนุน Admission, Discharge และ Transfer ผู้ป่วย
(เรียกกระบวนการ ADT ว่า “patient management”)
– ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของผู้ป่วยว่า admit อยู่หรือไม่ รวมทั้งหอ
ผู้ป่วยที่ admit
– ให้ข้อมูลที่ใช้ในการคานวณอัตราครองเตียง (bed occupancy)
– เชื่อมโยงกับระบบการเงิน และการส่งข้อมูลเพื่อเบิกจ่ายค่า
รักษาพยาบาล
28. 28
ระบบตรวจสอบสิทธิค่ารักษาพยาบาล
(Insurance Eligibility System)
• Functions
– ตรวจสอบว่าผู้ป่วยมีสิทธิค่ารักษาพยาบาลอะไรบ้าง เช่น สิทธิ
ประกันสุขภาพ (30 บาท), สิทธิประกันสังคม, สิทธิข้าราชการ
เป็นต้น หรือไม่มีสิทธิใดๆ (เงินสด)
– ตรวจสอบว่าสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย ครอบคลุมการ
บริการที่ผู้ป่วยจะได้รับหรือไม่ (coverage) เพื่อคานวณค่าใช้จ่าย
– อาจต้องเชื่อมโยงกับระบบตรวจสอบสิทธิค่ารักษาพยาบาลของ
หน่วยงานต่างๆ เช่น สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สานักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง
29. 29
ระบบนัดหมายผู้ป่วย
(Appointment Scheduling)
• Functions
– บันทึกข้อมูลการนัดหมายของผู้ป่วย
– กาหนดจานวนผู้ป่วยที่สามารถนัดได้ต่อแพทย์หรือต่อหน่วยตรวจ
– สนับสนุนการเลื่อนนัดหรือยกเลิกนัด
– แสดงรายชื่อผู้ป่วยที่นัดหมายในวันหนึ่งๆ ของแต่ละหน่วยตรวจได้
– สามารถปรับจานวนผู้ป่วยที่สามารถนัดได้ หรือกาหนดวันหยุดที่
ห้ามนัดได้
30. 30
ระบบงานพยาบาล (Nursing Applications)
Functions (บางส่วน)
• บันทึก nursing assessments, interventions และ nursing
outcomes
• ช่วยสนับสนุนการลง charting และ vital sign recording
• อาจใช้มาตรฐานข้อมูลทาง nursing informatics
• ช่วยในการบันทึกแผนการรักษา (care-planning)
• สนับสนุนการสื่อสารภายในทีมและระหว่างเวร เช่น ระบบ e-Kardex
• บันทึกเหตุการณ์ความเสี่ยง (incidents) ต่างๆ
31. 31
ระบบงานห้องยา (Pharmacy Applications)
Functions
• สนับสนุนกระบวนการทางาน (workflow) ตั้งแต่การสั่งยา
(medication orders/prescription) ไปจนถึงการจ่ายยา
(dispensing) และการคิดราคายา
• ลดความผิดพลาดทางยา (medication errors) และช่วยส่งเสริม
ความปลอดภัยทางยา (medication safety)
• ช่วยสนับสนุนการบริหารจัดการคลังยา (drug inventory
management)
32. 32
Laboratory Information System (LIS)
Functions
• รับข้อมูลและประมวลผล Lab orders ที่มีการสั่งมา
• การ match tube และ specimen กับผู้ป่วย ในระบบ
• กระบวนการภายในห้อง Lab
– การประมวลผล Order (Order processing)
– การลงทะเบียนรับ specimen (Specimen registration & processing)
– การตรวจสอบผลและรายงานผล Lab (Lab results validation &
reporting)
– การเก็บ Specimen ไว้ในคลัง (Specimen inventory)
33. 33
ระบบภาพทางการแพทย์ (Imaging Applications):
ระบบแสดงภาพ (PACS)
Picture Archiving and Communication System (PACS)
• รับภาพ x-ray จากเครื่อง x-ray modalities ต่างๆ และบันทึกเข้าสู่ระบบ
• การแสดงภาพ x-ray ให้บุคลากรทางการแพทย์อ่าน
• ส่วนใหญ่ใช้กับภาพ x-ray เป็นหลัก แต่อาจใช้ในสาขาเฉพาะทางอื่นๆ ได้ เช่น
โรคหัวใจ ส่องกล้อง พยาธิวิทยา และจักษุวิทยา เป็นต้น
• ข้อดี: ประหยัดพื้นที่เก็บฟิล์ม x-ray, ค่าพิมพ์ฟิล์ม ป้องกันการทาฟิล์ม x-ray
สูญหาย สามารถดูภาพพร้อมกันหลายคนได้ ดูภาพจากทางไกล (เช่น ที่บ้าน)
ได้ รวมทั้งคุณสมบัติในการคานวณและประมวลผลภาพด้วยคอมพิวเตอร์
(image processing & manipulation)
34. 34
ระบบภาพทางการแพทย์ (Imaging Applications):
ระบบสารสนเทศทางรังสีวิทยา
Radiology Information System (RIS) หรือ Workflow
Management
• สนับสนุนกระบวนการทางาน (workflow) ภายในหน่วยงานรังสี
วิทยา (radiology department) ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้ป่วย
(patient registration) การนัดหมายเอกซเรย์ (appointments &
scheduling) การส่งปรึกษา (consultations) การพิมพ์รายงานการ
อ่านภาพเอกซเรย์ (imaging reports) เป็นต้น
35. 35
ระบบงานการเงิน (Billing System)
• Functions
– คานวณค่าบริการสาหรับการให้บริการที่ผู้ป่วยได้รับ
– คานวณค่าใช้จ่ายที่ต้องเรียกเก็บตามสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย
(insurance eligibility) และความครอบคลุมการบริการต่างๆ (coverage)
– บันทึกจานวนเงินที่ผู้ป่วยชาระและยอดคงเหลือ เพื่อการติดตามทวง
ค่าใช้จ่ายในอนาคต
– ส่งข้อมูลยอดเงินที่ได้รับไปยังระบบบัญชีหรือระบบ Back Office เพื่อ
บันทึกรายได้ของโรงพยาบาล และเพื่อการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่
เหลืออยู่จากกองทุนต่างๆ (reimbursement claims to government
agencies)
36. 36
Enterprise Resource Planning
(Back Office)
• ระบบบริหารทรัพยากรขององค์กร
• Some Functions
– การคลัง (Finance)
• บัญชี (Accounting)
• งบประมาณ (Budgeting)
• การวิเคราะห์ต้นทุน (Cost control and management)
37. 37
Enterprise Resource Planning
(Back Office)
• Some Functions (ต่อ)
– การพัสดุ (Materials Management)
• การจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement)
• การบริหารคลังพัสดุ (Inventory management)
– การบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources)
• การคัดเลือกและบรรจุ (Recruitment) การประเมิน (evaluation) การเลื่อนขั้น
(promotion) และการลงโทษทางวินัย (disciplinary actions) บุคลากร
• การอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร (Human resource development
and training)
• การจ่ายเงินเดือนและค่าตอบแทน (Payroll) และสิทธิประโยชน์ของบุคลากร
42. 42
การใช้ประโยชน์จากเวชระเบียน
• เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลรักษา (Continuity of Care)
– บันทึกข้อมูลสาคัญสาหรับการดูแลรักษาในอนาคต
– สาคัญมากสาหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (chronic diseases) เช่น เบาหวาน
ความดันโลหิตสูง หรือกรณีนัดตรวจติดตามผล (follow-up) เช่น หลัง
ผ่าตัด
• เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
– ป้องกันอันตรายที่ผู้ป่วยอาจได้รับเพราะไม่ทราบประวัติผู้ป่วย
– เช่น ประวัติแพ้ยา (drug allergies), list of current medications,
problem list
44. 44
• เพื่อการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Claims & Reimbursements)
– ได้ให้บริการอะไรให้กับผู้ป่วย
– โรงพยาบาลจะได้รับค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเท่าใดและอย่างไร
– การตรวจสอบ (Audit) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการขอเบิกจ่ายค่า
รักษาพยาบาล
• เพื่อการใช้ประโยชน์ของผู้ป่วยเอง
– เพื่อการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันของผู้ป่วย
– เพื่อการเรียนรู้ของตนเอง หรือการดูแลตนเอง
• เพื่อการวิจัย
– เพื่อค้นหาความรู้ใหม่จากประวัติการรักษาผู้ป่วย ผ่านการทาวิจัย
การใช้ประโยชน์จากเวชระเบียน
48. 48
ประโยชน์ของการใช้เวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์
(EHRs/EMRs)
• ข้อมูลที่เข้าถึงได้ทุกที่ (anytime, anywhere, everyone ที่มีสิทธิเข้าถึง)
• เข้าถึงข้อมูลพร้อมกันได้หลายคน
• หมดยุคของ “เล่มเวชระเบียนผู้ป่วยหายไปไหน!!!!!”
• สามารถควบคุมผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลได้ดีกว่าการเข้าถึงเล่มเวชระเบียน
• สามารถบังคับให้บันทึกข้อมูลให้ละเอียด ครบถ้วน ได้มาตรฐานได้
• ความสามารถในการแสดงผลข้อมูลที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ
• การป้อนข้อมูลเข้าที่รวดเร็วขึ้น (แต่บางครั้งก็อาจช้าลงได้เหมือนกัน)
• การปรับปรุงกระบวนการทางาน หรือ workflow เรียกว่า Process improvement หรือ
business process reengineering/redesign
• ไม่มีลายมือแพทย์!!!!!
49. 49
Computerized Physician Order Entry
(CPOE)
Functions
• แพทย์สั่ง medication/lab/diagnostic/imaging orders ผ่านคอมพิวเตอร์
• พยาบาลและเภสัชกร ตรวจสอบความเหมาะสมของ orders และรับไปดาเนินการ
• มักถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบ EHRs หรือ HIS
ประโยชน์
• ไม่มีลายมือแพทย์ใน Order!!!
• สามารถกาหนดให้ป้อนข้อมูลให้ครบถ้วนได้ (เช่น dose, unit, route, frequency ในการสั่งยา) ลด
โอกาสผิดพลาด
• ไม่มีกระบวนการคัดลอก order (transcription) ลดโอกาสผิดพลาด
• สามารถนาระบบช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (CDS) มาช่วยได้ (เช่น ตรวจสอบการแพ้ยา หรือ
drug interactions)
• ช่วยให้กระบวนการจากการสั่ง order ไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ รวดเร็ว มีการประสานงานร่วมกัน
51. 51
กระบวนการทางยา (Stages of Medication Process)
Ordering Transcription Dispensing Administration
CPOE
Automatic
Medication
Dispensing
Electronic
Medication
Administration
Records
(e-MAR)
Barcoded
Medication
Administration
Barcoded
Medication
Dispensing
52. 52
Clinical Decision Support Systems
(CDS)
• ระบบสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิก (สนับสนุน Clinical Decision Making)
• CDS มีหลากหลายรูปแบบ
– Expert systems (ทาหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ตอบคาถามหรือให้ข้อมูลที่ต้องการ)
• ใช้ artificial intelligence, machine learning, ตรรกะ หรือวิธีการทางสถิติ
• ตัวอย่าง: ระบบที่ช่วยให้ differential diagnoses หรือแนะนาแนวทางการรักษา
– Alerts & reminders (การเตือนให้ทาหรือไม่ทาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง)
• อาศัยเงื่อนไขตามที่ได้รับการออกแบบ
• ตัวอย่าง: drug-allergy checks, drug-drug interaction checks, reminders for
preventive services (เช่น smoking cessation), clinical practice guideline
integration
– ฐานข้อมูลความรู้ต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลยา (drug database)
– ระบบง่ายๆ ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เช่น การ highlight ผล lab ที่ผิดปกติ เป็นต้น
56. 56
Hospital A Hospital B
Clinic D
Policymakers
Patient
at Home
Hospital C
HIE Broker
The Bigger Picture:
Health Information Exchange (HIE)
การแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศสุขภาพระหว่างสถานพยาบาล
58. 58
• ในโรงพยาบาลมีระบบสารสนเทศหลายระบบ หลายรูปแบบ
• ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (HIS) มักหมายถึง “Front Office” ที่
เกี่ยวข้องกับการบริการผู้ป่วย ของระบบสารสนเทศต่างๆ ในโรงพยาบาล
• HIS และ EHRs ถูกใช้เพื่อสนับสนุนกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วย สนับสนุน
การตัดสินใจทางคลินิก เพิ่มคุณภาพการรักษา และลดค่าใช้จ่าย
• HIS และ EHRs เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศที่ใช้ในระบบ
สุขภาพในภาพรวม (ทั้งในและนอกโรงพยาบาล)
• การใช้ระบบสารสนเทศอาจมีผลที่ไม่พึงประสงค์ (unintended
consequences) เกิดขึ้นได้ จึงควรใช้งานให้ถูกต้องตามที่ออกแบบมา
สรุป