Mais conteúdo relacionado
Savepdf
- 4. สิ่งจูงใจในการออม
• การที่คนเรามี “เป้าหมาย” อย่างหนึ่งอย่างใดในอนาคตกาหนดไว้อย่าง
ชัดเจนแน่นอนก็จะทาให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะเก็บออมมากขึ้น เป้าหมาย
ของแต่ละบุคลอาจแตกต่างกัน แล้วแต่ความจาเป็นและความต้องการของเขา
และยังขึ้นอยู่กับความหวังและความทะเยอทะยานในชีวิตของเขาด้วย
ตัวอย่างเช่น บางคนอยากมีบ้านและที่ดินเป็นของตังเอง อยากจะมีการศึกษาสูง
อยากมีชีวิตที่สุขสบายในยามปลดเกษียณ หรือหวังที่จะให้ลูกหลานมีหลักฐาน
มั่นคง ดังนั้นเป้าหมายในการออมแตกต่างกันนี้จะเป็นสิ่งที่กาหนดให้จานวน
เงินออมและระยะเวลาในการออมแตกต่างกันไป
- 6. • 2. มูลค่าของอานาจซื้อของเงินในปัจจุบัน ผู้ออมจะตัดสินใจทาการออมมาก
ขึ้นภายหลังจากการพิจารณาถึงอานาจซื้อของเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะมีความ
แตกต่างจากมูลค่าของเงินใน อนาคตมักหมายความว่าจานวนเงิน 1 บาทซื้อ
สินค้าและบริการได้ในจานวนใกล้เคียงหรือเท่ากับการใช้เงิน 1 บาทซื้อสินค้า
หรือบริการในอีก 2-3 ปีข้างหน้าหรือมากกว่านั้น ในทางตรงกันข้ามถ้าท่าน
ว่าการเก็บเงินออมไว้โดยไม่ยอมซื้อสินค้าขณะนี้ ท่านอาจจะสูญเสียความพอใจ
ที่ควรได้รับจากการซื้อสินค้าในปัจจุบันมากกว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากการ
ออม ทั้งยังเสียเวลาคอยที่จะซื้อสินค้าในอนาคตที่อาจมีราคาสูงมากกว่าอัตรา
ผลตอบแทนที่ได้รับอีกด้วย ดังนั้นถ้าท่านพอใจทีจะซื้อสินค้าในวันนี้มากกว่า
การหวังผลตอบแทนที่จะได้รับเพิ่มขึ้นในอนาคต ท่านก็จะมีการออมลดลง
- 7. • 3.รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ ผู้ที่มีรายได้คงที่แน่นอนเป็นประจาทุกเดือนใน
จานวนที่ไม่สูงมากนักเช่น ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน
บริษัทเอกชนระดับต่า จานวนเงินออมที่กันไว้อาจเป็นเพียงจานวนน้อยตาม
อัตราส่วนของรายได้ที่มีอยู่ซึ่งต่างจากจานวนเงินออมของผู้บริหารระดับสูง
หรือนักการเมืองที่จะมีเงินเหลือออมได้มากกว่า นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลง
รายได้เนื่องจากการเลื่อนตาแหน่ง การโยกย้ายงานการถูกปลดออกจากตาแหน่ง
หน้าที่การงานที่มีผลต่อระดับการออมเช่นกัน คืออาจทาให้มีการออมเพิ่มมาก
ขึ้นหรือลดลงไปจากระดับเดิมได้ดังนั้นในระหว่างที่ท่านมีรายได้มากกว่าปกติ
หรือในขณะที่ท่านมีความสามารถหารายได้ได้อยู่จึงควรจะมีการออมไว้เพื่อ
ป้องกันปัญหาทางการเงินอันอาจเกิดขึ้นได้ดังกล่าวแล้ว
- 8. • 4. ความแน่นอนของจานวนรายได้ในอนาคตหลังการเกษียณอายุ ถ้าผู้มีรายได้ทุกคน
ทราบได้แน่นอนว่าเมื่อใดก็ตามที่ท่านไม่มีความสามารถหารายได้ได้อีกต่อไป ท่านก็จะไม่
มีปัญหาทางการเงินเกิดขึ้น หรือถ้ามีก็ไม่ใช่ปัญหาที่รุนแรงมากนัก เนื่องจากหน่วยงานที่
ท่านเคยทางานอยู่มีนโยบายช่วยเหลือท่านในวัยชราหลังเกษียณอายุ หรือภายหลังออกจาก
งานก่อนกาหนด เช่น นโยบายการให้บานาญ บาเหน็จ เงินชดเชย เป็นต้น ดังนั้นผู้ออมอาจ
มีการออมลดลงเพื่อกันเงินไว้ใช้จ่ายมากขึ้นโดยไม่ทาให้จานวนเงินรวมในอนาคต
กระทบกระเทือนแต่ประการใด เงินออมควรเก็บรักษาอย่างไรจึงจะปลอดภัย การเก็บเงินไว้
กับตนเองย่อมไม่ปลอดภัยและเป็นการสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้รับ ดังนั้นเงินออมควรเก็บ
รักษาไว้ในที่ปลอดภัยและมีรายได้ด้วย โดยการฝากสถาบันการเงินบางแห่งไว้เช่น
ธนาคารพาณิชย์ธนาคารออมสิน สหกรณ์ออมทรัพย์หรืออาจเก็บออมในรูปของการซื้อ
หลักทรัพย์หรือตราสารฯ ที่มีความมั่นคง ก่อให้เกิดรายได้และสามารถเปลี่ยนมาเป็นเงินสด
ได้ง่ายมาถือไว้เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาล สลากออมสิน พันธบัตรออมทรัพย์ต่าง ๆ ตั๋ว
สัญญาของบริษัทเงินทุนที่มั่นคง การซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือซื้อหุ้นบริษัทที่
มั่นคงถือไว้ฯลฯ
- 13. • ตัวอย่าง เรามีเงิน 100 บาท ฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย 10 % ต่อปีจะได้
เงินเท่าไรหลังจากฝาก 2 ปี
• วิธีการคานวณ
• 1.เงินต้น 100 บาท
• 2.ปีแรกได้ดอกเบี้ย 10 บาท (ดอกเบี้ย 0.10 × เงินต้น 100 บาท × 1 ปี)
• 3.เมื่อสิ้นสุดปีแรกจะมีเงินฝากเพิ่มเป็น 110 บาท(เงินต้น 100 + ดอกเบี้ย
10 บาท)
• 4.ปีที่สองได้ดอกเบี้ย 10% จากเงินฝากก้อนใหม่ 110 บาท = ได้
ดอกเบี้ย 11 บาท
• (ดอกเบี้ย 0.10 × เงินต้น 110 บาท × 1 ปี)
• 5.สิ้นสุดปีที่สองจะมีเงินฝากเป็น110+ 11 = 121 บาท
- 16. • 3.ให้นักเรียนคิดอัตราดอกเบี้ยจากเงินต้น 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5 ฝากเงินเป็นเวลา 5 ปีจะได้ดอกเบี้ยเท่าไร
• ปีที่1 เงินต้น 1,000 บาท ร้อยละ 5 = ……………………………………………..
• ปีที่2
………………………………………………………………………………
• ปีที่3
……………………………………………………………………………...
• ปีที่4
………………………………………………………………………………
• ปีที่5
………………………………………………………………………………
• ปีที่6
……………………………………………………………………………....
• ปีที่7
………………………………………………………………………………
• ปีที่8
……………………………………………………………………………..
• ปีที่9
………………………………………………………………………………
• ปีที่10 ....................................................................................................
- 20. • (3) โอกาสในการขยายตัวของการลงทุน เป็นการลงทุนในธุรกิจที่กาลังขยายตัว
จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการลงทุน และน่าจะทาให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทน
จากการลงทุนที่สูงขึ้น
• (4) สภาพคล่อง เป็นการเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ลงทุนเป็นเงินสด ซึ่งถือว่ามี ความ
คล่องตัวในการใช้จ่ายสูงที่สุด
• (5)สภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง การเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้นาของประเทศมี
ผลทาให้นโยบายในการบริหารบ้านเมืองทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยน
ตามไปด้วย เช่น นโยบายด้านการลงทุนทางอุตสาหกรรม นโยบายด้านการค้า
ต่างประเทศ นโยบายเรื่องเงินตรา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นผลให้การระดมเงินออม
และสภาวะการหมุนเวียนของเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา