Mais conteúdo relacionado
Semelhante a บทที่3 (เสร็จ) (20)
Mais de Annop Phetchakhong (11)
บทที่3 (เสร็จ)
- 1. บทที่ 3
วิธีดาเนินงานวิจัย
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัย เรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104) เรื่องประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนวัดราชโอรส โดยมีจุดประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและ
หาประสิทธิภาพของนักเรียนแต่ละห้อง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ 1/8 เรื่องการแปลง
ข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ของโรงเรียนวัดราชโอรส 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ 1/8 เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ที่ได้รับการ
จัดการเรียนรู้ในห้องเรียน 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ 1/8 เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้
และความใจในการทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
ซึ่งผู้วิจัยได้ดาเนินและเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า โดยมีขั้นตอนดาเนินงานดังนี้
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3. ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
5. การวิเคราะห์ข้อมูล
6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรในวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนวัดราชโอรส แขวง
บางค้อ เขตจอมทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร สังกัด สพม. 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
จานวน 2 ห้องเรียน โดยเลือกห้องนักเรียนที่มีนักเรียนจานวนเท่ากัน คือ 47 คน ได้แก่ ห้อง
มัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ มัธยมศึกษาปีที่ 1/8 รวมทั้งหมด 94 คน
- 2. กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนวัดราชโอรส
แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร สังกัด สพม. เขต1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2556 โดยเจาะจงกับนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นห้องที่ผู้วิจัยทาการสอน และนักเรียนมีความรู้
ความสามารถด้านการใช้คอมพิวเตอร์ไม่แตกต่างกัน และเนื่องด้วยจานวนนักเรียนในห้องมีจานวน
นักเรียน 47 คนเท่ากัน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย
1. แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่อง การแปลงข้อมูลให้เป็น
สารสนเทศ
1.1 แผนการจัดการเรียนรู้ โดยการจัดการเรียนการสอนทั้งแบบทฤษฎีและลงมือ
ปฏิบัติกับคอมพิวเตอร์ จานวน 4 แผน 2 คาบ/สัปดาห์ รวม 8 คาบ
1.2 บทเรียนที่ใช้ในการสอน คือ เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ โดยมี
การอธิบายพร้อมให้นักเรียนเขียนบันทึกลงในสมุดเพื่อจะได้ทบทวนในการเรียนครั้งต่อไป และมี
การนาสื่อต่างๆ มาขึ้นสไลด์บนหน้าจอโปรแจ็คเตอร์ มีการนาเสนอบทสรุป แบบวิธีการบรรยาย
พร้อมทั้งการปฏิบัติให้กับนักเรียนดูหน้าชั้นเรียน ประกอบกับใบความความรู้ และแบบฝึกหัดใน
แต่ละเรื่อง
1.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ 1/8 เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ โดยผู้วิจัยได้สร้างขึ้นเอง
เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีคาตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวจานวน 30 ข้อ
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ
การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้
1. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104) ที่ใช้ในการจัดการ
เรียนการเรียนการสอน ผู้วิจัยยึดองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรของ
สถานศึกษาของโรงเรียนวัดราชโอรส มีขั้นตอนดังนี้
1.1 ศึกษาหลักสูตร คู่มือครูกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
1.2 แบ่งเนื้อหาในบทเรียนเพื่อนามาเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
- 3. 1.3 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงโดย
ก. กาหนดเนื้อหา
ข. กาหนดสาระสาคัญของเนื้อหาที่ทาการสอน
ค. เขียนจุดประสงค์ปลายทางและจุดประสงค์นาทาง
ง. กาหนดการเรียนการสอนโดยมีขั้นนาเข้าสู่บทเรียนขั้นอภิปรายก่อนการทดลอง
ขั้นกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การศึกษาเนื้อหาจากใบงาน
การทาใบงานลงในโปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 ค้นคว้าหางานทางอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้การจัดกิจกรรมคานึงถึงความเหมาะสมกับเนื้อหาในบทเรียนเฉพาะรายคาบนั้น ๆ
จ. สื่อการเรียนการสอน เป็นสื่อที่นามาประกอบการเรียน โดยนามาจากสื่อที่เป็น
ของจริงเกี่ยวเนื้อหาบทเรียนนั้น ๆ และครูสร้างขึ้น
ฉ. การวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน เป็นการประเมินผลว่าผู้เรียน
พัฒนาการและสามารถเรียนรู้ได้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ โดยประเมินจากคะแนน
การทาแบบทดสอบก่อนเรียน และ คะแนนการทาแบบฝึกหัดและแบบทดสอบหลังเรียน
1.4 นาแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบแล้วนาผลการปรับปรุง
1.5 เมื่อปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
2. การสร้างบทเรียน
การสร้างบทเรียน วิชาเรียน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104) เรื่องการแปลงข้อมูลให้
เป็นสารสนเทศ ที่จัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ยึดองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตร
สถานศึกษาของโรงเรียนวัดราชโอรส มีขั้นตอนการสร้างดังนี้
2.1 ศึกษาหลักสูตร คู่มือครูกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
2.2 แบ่งเนื้อหาในบทเรียนเพื่อนามาเขียนแผนการจัดการเรียนรู้
2.3 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมงโดย
ก. กาหนดเนื้อหา
ข. กาหนดสาระสาคัญของเนื้อหาที่ทาการสอน
ค. เขียนจุดประสงค์ปลายทางและจุดประสงค์นาทาง
ง. กาหนดการเรียนการสอนโดยมีขั้นนาเข้าสู่บทเรียนขั้นอภิปรายก่อนการทดลอง
ขั้นกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การศึกษาเนื้อหาจากใบงาน
- 4. การทาใบงานลงในโปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 ค้นคว้าหางานทางอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้การจัดกิจกรรมคานึงถึงความเหมาะสมกับเนื้อหาในบทเรียนเฉพาะรายคาบนั้น ๆ
จ. สื่อการเรียนการสอน เป็นสื่อที่นามาประกอบการเรียน โดยนามาจากสื่อที่เป็น
ของจริงเกี่ยวเนื้อหาบทเรียนนั้น ๆ และครูสร้างขึ้น
ฉ. การวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน เป็นการประเมินผลว่าผู้เรียน
พัฒนาการและสามารถเรียนรู้ได้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่ โดยประเมินจากคะแนน
การทาแบบทดสอบก่อนเรียน และ คะแนนการทาแบบฝึกหัดและแบบทดสอบหลังเรียน
2.4 นาแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบแล้วนาผลการปรับปรุง
2.5 เมื่อปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงนาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3. การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การสร้างแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104) เรื่อง
การแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยได้ศึกษาหลักสูตรและจุดประสงค์
จุดประสงค์ เพื่อกาหนดเนื้อหา ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางการ
สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยผู้วิจัยได้ดาเนิน
ขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 ศึกษาวิธีการสร้างแบบทดสอบ จากคู่มือการวัดผลประเมินผลคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน
วัดราชโอรส เทคนิคการวัดผลการเรียนรู้ของ ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2539,หน้า93-
121) เทคนิคการวิจัยทางการศึกษาของ ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ (2538,หน้า170-176)
3.2 ศึกษาเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง21104) เรื่องการ
แปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ จากแบบเรียนและคู่มือครู
3.3 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องการแปลง
ข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ เป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกตอบ (Multiple Choice) 4 ตัวเลือก โดย
แบ่งตามเนื้อหา ดังนี้
3.3.1 ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
3.3.2 องค์ประกอบของสารสนเทศ
3.3.3 ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล
3.3.4 ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
- 5. 3.4 นาแบบทดสอบที่สร้างข้นไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ จานวน 5 ท่าน
ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยใช้ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
(IOC-Index of Item-objective Congruence) นาข้อสอบที่มีคะแนนเฉลี่ยจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน
มากกว่า .5 ขึ้นไป โดยพิจารณาความสอดคล้องของข้อคาถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการ
วัด โดยใช้หลักเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้
ข้อคาถามที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียน ให้คะแนน +1
ข้อคาถามที่ไม่แน่ใจว่าสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ให้คะแนน 0
ข้อคาถามที่ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ให้คะแนน -1
นาผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละข้อไปหาค่าดัชนีความสอดคล้อง
ระหว่างข้อคาถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้
3.5 นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของ
ผู้เชี่ยวชาญ แล้วนาไปให้อาจารย์ที่ปรึกษา ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
3.6 นาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5
และ 1/8 ของโรงเรียนวัดราชโอรส แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร สังกัด
สพม. เขต1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556 จานวน 94 คน
3.7 นาผลการทดสอบมาตรวจให้คะแนนโดยให้คะแนนข้อที่ตอบถูกเป็น 1 คะแนน และ
ข้อที่ตอบผิดหรือเลือกตอบมากกว่า 1 ข้อ หรือไม่ตอบเลยเป็น 0 คะแนน
3.8 นาผลคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของบทเรียน หาค่าความยากง่าย จาแนก
และค่าความเชื่อมั่น ซึ่งมีสูตรและเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกข้อสอบ ดังนี้
1) วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของบทเรียน ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดย
ที่ 80 ตัวแรก หมายถึง ประสิทธิภาพของกระบวนการวัดจากแบบฝึกหัด 80 ตัวหลังหมายถึง
ประสิทธิภาพของผลลัพธ์จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การหาประสิทธิภาพการทดลองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1/5 โรงเรียนวัดราชโอรส นาบทเรียนไปทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 1/5 จานวน 47 คน
ขั้นตอนที่ 2 การหาประสิทธิภาพการทดลองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 1/8 โรงเรียนวัดราชโอรส นาบทเรียนไปทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 1/8 จานวน 47 คน
ขั้นที่ 3 เมื่อหาประสิทธิภาพการทดลองทั้ง 2 กลุ่มแล้ว จานวน 94 คน
จานวน 2 ห้องเรียน เมื่อผ่านกระบวนการทั้ง 3 ขั้นตอน และประสิทธิภาพ
- 6. เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานจึงนาบทเรียนไปวิเคราะห์หาความยากง่าย อานาจ
จาแนก และค่าความเชื่อมั่นต่อไป
2) วิเคราะห์หาความยากง่ายและอานาจจาแนกของแบบทดสอบ โดยใช้เทคนิค
อย่างง่าย (สุรศักดิ์ อมรรัตน์ศักดิ์,2536,หน้า 137-138) โดยหาค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง .32-
.82 ค่าอานาจจาแนก (r) ตั้งแต่ .27-.91 ขึ้นไป ถ้าข้อสอบข้อใดไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กาหนดจะนาไป
แก้ไข แล้วนามาหาค่าใหม่ เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์
3) วิเคราะห์ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
แต่ละห้อง คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 และ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/8
3.9 นาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้จริง
การเก็บรวมรวมข้อมูล
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้รายงานได้ดาเนินการทดลอง กับกลุ่มตัวอย่างตามลาดับดังนี้
1. ก่อนการทดลองให้นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเทคโนโลยี
สารสนเทศ เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ เป็นข้อสอบปรนัยแบบเลือกตอบ (Multiple
Choice) 4 ข้อ จานวน 30 ข้อ
2. ผู้รายงานดาเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจานวน
4 แผน โดยให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ วิธีการ/
สื่อนวัตกรรม
3. เมื่อสิ้นสุดการทดลองสอนแล้ว นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ เป็นข้อสอบปรนัยแบบ
เลือกตอบ (Multiple Choice) 4 ข้อ จานวน 30 ข้อ ไปทดสอบนักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนาผลที่ได้
ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป
วิธีการดาเนินการทดลอง
ผู้วิจัยดาเนินการสอนทั้ง 2 ห้องเรียน โดยใช้เนื้อหาเดียวกัน คือเรื่องการแปลงข้อมูลให้
เป็นสารสนเทศ ได้แก่ ข้อมูล และ สารสนเทศ , ความหมายของข้อมูล , ประเภทของข้อมูล ,
ความหมายของสารสนเทศ , ประเภทของสารสนเทศ , การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ,
วิธีการประมวลผลข้อมูล , ลักษณะสาคัญและผลกระทบของสารสนเทศ , โดยกลุ่มทดลองให้
- 7. นักเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรูปแบบบรรยายประกอบด้วยใบความรู้และแบบฝึกหัด ใช้เวลาการ
จัดการเรียนการสอน จานวน 4 สัปดาห์ จานวน 8 คาบ โดยทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ก่อนเรียนและหลังเรียน ทั้ง 2 ห้องเรียน ซึ่งการวิจัยนี้เป็นการวิจัยการทดลองตามแบบแผน มี
ลักษณะการทดลองตามตาราง ดังนี้
การกาหนดเข้ากลุ่ม สอบก่อนเรียน สอบหลังเรียน
E T1E T2E
C T1C T2C
ความหมายของสัญลักษณ์
E แทน กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5
C แทน กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/8
T1 แทน การทดสอบก่อนการทดลอง (Pretest)
T2 แทน การทดสอบหลังการทดลอง (Posttest)
1. วิธีการดาเนินการทดลอง
1.1) อธิบายเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้นักเรียนแต่ละห้องได้ทราบและทาความเข้าใจ
เกี่ยวกับการแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
1.2) ให้กลุ่มทดลองทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนจานวน 20 นาที
1.3) ดาเนินการทดลอง โดยให้ผู้เรียนใช้โปรแกรม Microsoft Office Excel 2010 โดยให้
ทาแบบฝึกหัด เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรม และทาการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศใน
Microsoft Excel 2010 , การจัดเรียงข้อมูล , การแบ่งกลุ่มข้อมูล , การจัดการข้อความ , การจัด
ตารางและใส่ข้อมูลลงในตาราง , การเลือกวิธีการประมวลผล , การประมวลผลแบบกราฟแท่ง ,
การเปลี่ยนสีของข้อมูล ,ใช้เวลาการจัดการเรียนการสอน จานวน 4 สัปดาห์ จานวน 8 คาบ
1.4) ให้กลุ่มทดลองวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจานวน 20 นาที
1.5) นาผลการเรียนที่ได้มาตรวจให้คะแนน โดยใช้วิธี 0-1 (zero – one Method) โดยมี
เกณฑ์การกาหนดว่าตอบถูก 1 คะแนน ตอบผิดหรือตอบไม่ตอบ หรือตอบเกินมากกว่า 1 แห่ง
ในข้อเดียวกันให้ 0 คะแนน
1.6) รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ค่าสถิติ
1.7) สรุปผลและรายงานผลการวิจัย
- 8. การวิเคราะห์ข้อมูล
1. การวิเคราะห์ข้อมูลคานวณโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
1.1) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบทเรียนให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
80 ตัวแรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนได้รับจากการทา
แบบฝึกหัดการปฏิบัติด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรม Microsoft Excel 2010 เรื่อง การแปลงข้อมูล
ให้เป็นสารสนเทศ , การจัดเรียงข้อมูล , การแบ่งกลุ่มข้อมูล , การจัดการข้อความ , การจัดตาราง
และใส่ข้อมูลลงในตาราง , การเลือกวิธีการประมวลผล , การประมวลผลแบบกราฟแท่ง , การ
เปลี่ยนสีของข้อมูล ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 80
80 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนได้รับการทาแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เรื่อง การแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ การจัดเรียงข้อมูล , การแบ่งกลุ่ม
ข้อมูล , การจัดการข้อความ , การจัดตารางและใส่ข้อมูลลงในตาราง , การเลือกวิธีการประมวลผล
, การประมวลผลแบบกราฟแท่ง , การเปลี่ยนสีของข้อมูล ถูกต้องเฉลี่ยร้อยละ 80
โดยใช้สูตร E1/E2 (ชัยยงค์ พรหมวงศ์,2550,หน้า 51)
E1 =
E2 =
เมื่อ E1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการ
E1 คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
∑X คือ คะแนนรวมของแบบฝึกหัด
∑F คือ คะแนนของผลลัพธ์หลังเรียน
A คือ คะแนนเต็มของแบบฝึกหัดทุกเรื่องรวมกัน
B คือ คะแนนเต็มของการสอบหลังเรียน
N คือ จานวนผู้เรียน
1.2) หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตร KR-20
ของ คูเดอร์-ริชาร์ต (Kuder Richardson) (บุญเรียง ขจรศิลป์,2533,หน้า 163)
X 100
N
F
N
X
X 100
A
B
- 9. Rtt =
เมื่อ Rtt แทนค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ
S1
2
แทนความแปรปรวนของแบบทดสอบ
N แทนจานวนของแบบทดสอบ
p แทนสัดส่วนของผู้ทาได้ในข้อหนึ่งๆ
q แทนสัดส่วนของผู้ที่ทาผิดในข้อหนึ่ง ๆ หรือ p-1
1.3) หาดัชนีความสอดคล้อง (IOC = Index of Item-objective Congruence)
IOC =
IOC แทนค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
แทนผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา
ทั้งหมด
N แทนจานวนผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา
สถิติที่ใช้ในการวิจัย
สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เปรียบเทียบคะแนน โดยใช้สถิติ
เปรียบเทียบคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนของแต่ละกลุ่ม คือกลุ่มที่ 1 นักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จานวน 47 คน กลุ่มที่ 2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/8 จานวน 47 คน
โดยการทดสอบหาค่าทีแบบ t-test Independent (ระพินทร์ โพธิ์ศรี,2549)
t =
df (v) =
2
1
1
1 s
pq
N
N
N
r
r
2
2
2
1
2
1
2121
n
s
n
s
21 2
2
2
2
2
2
1
1
2
1
2
2
2
1
2
1
n
n
s
n
n
s
n
s
n
s
- 10. เมื่อ คือ ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่ 1
และกลุ่มที่ 2 ตามลาดับ
คือ ความแปรปรวนของตัวอย่างกลุ่มที่ 1
และกลุ่มที่ 2 ตามลาดับ
คือ จานวนตัวอย่างของกลุ่มที่ 1
และกลุ่มที่ 2 ตามลาดับ
df หรือ V คือ ชั้นความเป็นอิสระ (Degree of Freedom)
1) หาค่าความยากง่าย และอานาจจาแนก โดยใช้เทคนิคอย่างง่าย (สุรศักดิ์
อมรรัตน์ศักดิ์,2536,หน้า 137-138)
ค่าความยากง่าย
P =
โดยใช้เกณฑ์ค่าความยากง่ายระหว่าง .20-.80
โดย = จานวนคนที่ตอบถูกในกลุ่มสูง
= จานวนคนที่ตอบถูกในกลุ่มสูง
= จานวนคนทั้งหมดในกลุ่มสูง
= จานวนคนทั้งหมดในกลุ่มสูง
ค่าอานาจจาแนก
R =
โดยใช้เกณฑ์ค่าอานาจจาแนกตั้งแต่ .20 ขึ้นไป
2) หาค่าความแตกต่างระหว่างบททดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการ
ทดสอบด้วยค่าสถิติทดสอบ t-test paired
t =
D =
SD =
21, xx
2
2
2
1 ,ss
21 ,nn
1NN
RR
H
nu
uR
nR
HN
LN
1orNN
RR
H
nu
D
D
s
uD
postpre XX
n
sd
- 11. Df = n-1
เมื่อ D คือ ผลต่างระหว่างข้อมูลแต่ละคู่
n คือ จานวนคู่
คือ ค่าเฉลี่ยของผลต่าง
SD คือ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลต่าง
Df คือ ชั้นความเป็นอิสระ (degree of Freedom)
D