Mais conteúdo relacionado Semelhante a งานนำเสนอแรงจูงใจ กลุ่ม 2 (9) Mais de ไกรลาศ จิบจันทร์ (20) งานนำเสนอแรงจูงใจ กลุ่ม 2 3. แรงจูงใจ (motive) เป็นคาที่ได้ความหมายมาจากคาภาษา
ละตินที่ว่า movere ซึ่งหมายถึง "เคลื่อนไหว (move) "
ดังนั้น คาว่าแรงจูงใจจึงมีการให้ความหมายไว้ต่างๆ กันดังนี้
1. แรงจูงใจ หมายถึง "บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในตัวของ
บุคคลที่มีผลทาให้บุคคลต้องกระทา หรือเคลื่อนไหว หรือมี
พฤติกรรม ในลักษณะที่มีเป้าหมาย" (Walters.1978 :218)
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แรงจูงใจเป็นเหตุผล ของการกระทา
นั่นเอง
4. 2.แรงจูงใจ หมายถึง "สภาวะที่อยู่ภายในตัวที่เป็นพลัง ทาให้ร่างกายมี
การเคลื่อนไหว ไปในทิศทางที่มีเป้าหมาย ที่ได้เลือกไว้แล้ว ซึ่งมักจะเป็น
เป้าหมายที่มีอยู่นภาวะสิ่งแวดล้อม" (Loundon and Bitta.1988:368)
จากความหมายนี้จะเห็นได้ว่า แรงจูงใจจะเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบที่
สาคัญ 2 ประการ คือ
(1) เป็นกลไกที่ไปกระตุ้นพลังของร่างกายให้เกิดการกระทา และ
(2) เป็นแรงบังคับให้กับพลังของร่างกายที่จะกระทาอย่างมีทิศทาง
12. 3.) ขจัดอุปสรรคในการทางานที่สามารถส่งผลกระทบในเชิงลบต่อ
การสนับสนุนพนักงาน เช่น งานที่ไม่จาเป็นหรือซ้าซ้อน
4.) เลือกคนให้เหมาะสมกับงานโดยคานึงถึงคุณสมบัติของ
ตาแหน่งงานและความสามารถของผู้ที่จะดารงตาแหน่งงานนั้น
5.) ติดตามและพัฒนาบรรยากาศในการทางานโดยผู้นาต้องมี
ความสามารถและมีรูปแบบการบริหารงานที่เหมาะสมเพื่อจูงใจ
พนักงาน
6.) มุ่งเน้นถึงผลตอบแทนที่ไม่ได้อยู่แค่ในรูปของเงินเท่านั้น เช่น
โอกาสการเติบโตในหน้าที่การงาน การพัฒนาในด้านต่างๆ และ
การยกย่องชมเชยพนักงาน
15. ทฤษฎีความต้องการของ Maslow
• สมมติฐาน : 4 ประการ
–เฉพาะความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองที่สามารถ
กระตุ้นการทางานได้ ความต้องการที่ได้รับการตอบสนองแล้ว
จะไม่สามารถจูงใจได้
–ความต้องการของคนเรียงลาดับตามความสาคัญ
–คนเราจะต้องได้รับตอบสนองในลาดับล่างก่อน
จึงจะมีความต้องการในขั้นสูงต่อไป
–ถ้าความต้องการที่ได้รับการตอบสนองแล้วหมดไปความ
ต้องการนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
21. 2. ทฤษฎี ERG ของ Alderfer
• ได้ปรับปรุงทฤษฎีความต้องการของ Maslow โดยมองว่า
–มีความต้องการที่เกิดขึ้นได้มากกว่า 1 อย่างในเวลาเดียวกัน
–ถึงแม้ว่าความต้องการในขั้นที่สูงกว่าเกิดขึ้นแล้วแต่ในขั้นที่ต่ากว่าก็
ยังต้องการอยู่
–แบ่งความต้องการใหม่ จาก 5 เหลือ 3 ข้อ
22. • ความต้องการดารงอยู่ (Existence Needs) ต้องการมีชีวิตอยู่รอด
รวมถึง ความเป็นอยู่ที่ดี
• ความต้องการความสัมพันธ์ (Relation Needs) เป็นความ
ต้องการที่เน้นความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ทางสังคม
• ความต้องการการเจริญเติบโต (Growth Needs) เป็นความ
ต้องการที่จะพัฒนาตัวเอง
23. ทฤษฎีความต้องการ ของ McClelland
• ความต้องการของมนุษย์จะเกิดจากแรงขับภายใน และแบ่ง
ความต้องการเป็น 3 กลุ่มคือ
–ความต้องการความสาเร็จในการทางาน (The need for
Achievement: nAch) ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
–ความต้องการอานาจ (The need for Power: nPow) อยาก
ควบคุมผู้อื่น
–ความต้องการความสัมพันธ์ (The need for Affiliation:
nAff) เน้นความสัมพันธ์อันดี
24. ทฤษฎีสองปัจจัย ของ Herzberg
แบ่งปัจจัยในการทางานออกเป็น
• ปัจจัยบารุงรักษา (Hygiene Factors)
– ปัจจัยที่สามารถขจัดความไม่พอใจของพนักงานได้แต่ไม่สามารถจูงใจ
พนักงานได้ เช่น นโยบายและการบริหาร การบังคับบัญชา สภาพการ
ทางาน ค่าตอบแทน เป็นต้น
• ปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)
– คือ ปัจจัยที่สามารถจูงใจให้พนักงานทางานได้ เช่น ความสาเร็จในงาน
ที่ทา การยอมรับ ความท้าทายของงาน การเพิ่มงาน ฯลฯ
25. เป็นหลักฐานการอนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมตามมาตรา 43
ของ พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 เป็นผู้มีสิทธิ
ในการประกอบวิชาชีพ ซึ่งได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานในตาแหน่ง ครู
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งนี้
เป็นไปตาม มาตรา 53 ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ที่กาหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและ
บุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของรัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ยกเว้นบุคลากรทางการศึกษาที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
ชมวิดีโอ ประกอบ
26. 1. ผลดีต่อวิชาชีพ ผู้ที่อยู่ในวงวิชาชีพครูจะต้องยึดถือจรรยาบรรณ ใน
การดารงวิชาชีพให้เป็นที่ยอมรับ จึงทาให้เกิดผลดีต่อวิชาชีพ ดังนี้
1.1. เกิดความศรัทธาต่อวิชาชีพ
1.2. เกิดการธารงและปกป้องวิชาชีพ
1.3. เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ในวิชาชีพ
1.4. เกิดการสร้างองค์กรวิชาชีพให้แข็งแกร่ง
1.5. เกิดความร่วมมือในกิจกรรมขององค์กรวิชาชีพ
27. 2. ผลดีต่อผู้เรียน
2.1. ครูตั้งใจถ่ายทอดวิชาการแก่ผู้เรียนอย่างเต็มที่ ทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
ได้เต็มตามศักยภาพ
2.2. ครูมีความรักและเข้าใจผู้เรียน สามารถช่วยให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จ
ในการเรียน และดารงชีวิตได้อย่างถูกต้อง
2.3. ผู้เรียนสามารถหาวิธีการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น จากการที่ครู
ส่งเสริมการเรียนรู้และชี้แนะให้แก่ผู้เรียน
2.4. ผู้เรียนได้รับความยุติธรรมจากผู้ที่เป็นครู
2.5. ผู้เรียนได้ซึมซับแบบอย่างที่ดีจากครูที่ประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณ
วิชาชีพครู
28. 3. ผลดีต่อตนเองและสังคม
3.1. ครูมีการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ตลอดเวลา เช่น ด้านความรู้ ด้าน
ความประพฤติ ด้านจิตใจ
3.2. เกิดความชานาญในการปฏิบัติงาน สามารถทาผลงานได้อย่างมีคุณภาพ
3.3. เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นครู
3.4. ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากผลงานเชิงประจักษ์
3.5. เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และร่วมพัฒนาในกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ
3.6. มีการพัฒนางานจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการทางานแบบสั่งสมความรู้
32. 1. ความต้องการทางร่างกาย (Physiological Needs) การมีใบประกอบวิชาชีพ
ครูเป็นเสมือนใบเบิกทางที่
ทาให้มีอาชีพ มีเงินที่จะนามาใช้จ่าย เพื่อให้มีชีวิตอยู่
2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety Needs) เมื่อมีงานทา มีเงินใช้ ก็ต้องการ
ความมั่นคงและปลอดภัย
ในการทางาน ดังนั้นจะต้องปฏิบัติตนตามมาตรฐานจรรยาบรรณของครูในการรักษาใบ
ประกอบวิชาชีพให้
คงอยู่กับตนเพื่อที่จะได้ประกอบอาชีพครูต่อไป
33. 3. ความต้องการทางสังคม (Social Needs) วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพ
ชั้นสูง ผู้ที่ได้อยู่ในวงวิชาชีพนี้ถือว่ามี
เกียรติ สามารถเชิดหน้าชูตาในสังคมได้อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าประพฤติตัว
ไม่เหมาะสมขัดต่อจรรยาบรรณครูก็จะถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพ
เป็นเหตุให้ได้หลุดจากวงวิชาชีพครู ดังนั้นใบประกอบวิชาชีพครูจึงเป็น
ตัวกาหนดให้ครูมีพฤติกรรมตามมาตรฐานที่วางไว้
34. 4. ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง (Esteem Needs) บุคคลที่ได้เข้ามาอยู่ใน
วงวิชาชีพครูแล้วนั้นเมื่อความต้องการบรรลุถึงขั้นที่ 3 แล้วยังมีความต้องการ
เกียรติยศชื่อเสียงอีกเพราะมีความรู้ความสามารถสูงจึง
พยายามสร้างผลงานให้เป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป แต่ถ้าทา
ผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพครูแม้เพียงบางประการ ถึงจะมีความสามารถสูง
แค่ไหน ก็อาจถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพได้ นั่นเป็นเหตุให้
ต้องออกจากวงวิชาชีพครูไป ดังนั้นใบประกอบวิชาชีพยังมีอิทธิพลต่อความ
ต้องการในขั้นนี้
35. 5. ความต้องการความสมหวังของชีวิต (Self-Actualization Needs)
ความต้องการในขั้นนี้แต่ละคนจะมี
ความต้องการไม่เท่ากัน บางคนมีความต้องการสมหวังในชีวิตคือได้รับราชการครู
บางคนเป็นครูแล้วยัง
ต้องการมีตาแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะมีความต้องการขั้นใดในวง
วิชาชีพครูสิ่งที่ต้องคานึงถึง
และต้องยึดถือประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู