More Related Content Similar to Work1m34 39 40 (20) Work1m34 39 403. การนาเสนองานเข้ามามีบทบาทสาคัญในองค์กรธุรกิจ ทาง
การเมือง ทางการศึกษา หรือหน่วยงานของรัฐ ต้องอาศัย
วิธีการนาเสนอสื่อสารข้อมูลเสนอความคิดเห็น เสนอขอ
อนุมัติ หรือเสนอข้อสรุปการดาเนินงานต่าง ๆ ผู้ที่มีหน้าที่
เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ การแนะนาเพื่อเยี่ยมชม การ
ฝึกอบรม การประชุม การนาเสนอความรู้ต่างๆจึง
จาเป็นต้องรู้จักวิธีการนาเสนองาน เพื่อนาไปใช้ให้เหมาะสม
กับงานต่างๆนอกจากนี้ยังต้องเลือกใช้ Software ที่
เหมาะสมเนื่องจากในปัจจุบันมี Software ให้เลือกใช้อย่าง
มากมายแต่ละโปรแกรมต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน
ออกไปดังนั้นในการใช้ Software และอุปกรณ์ดิจิตัลมาช่วย
ในการนาเสนองาน ผู้ใช้จึงจาเป็นที่จะต้องพิจารณาถึง
รายละเอียดต่าง ๆให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่จะนามาใช้
4. การนาเสนออาจมีความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจหลายอย่าง
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพื่อโน้นน้าวใจ เพื่อให้พิจารณาผลงาน เพื่อให้เห็น
ด้วย ให้การสนับสนุน หรืออนุมัติจากวัตถุประสงค์โดยรวม สามารถใช้การ
นาเสนอเป็นจุดประสงค์เฉพาะ ดังนี้
1.การต้อนรับ 6. การเจรจาต่อรอง
2.การบรรยายสรุป 7. การส่งมอบงาน
3.การประชาสัมพันธ์ 8. การฝึกอบรม
4.การขาย การแนะนาสินค้าหรือบริการ 9. การสอนงาน
5.การเจรจาทาความตกลง 10. การรายงาน
โดยทั่วไป การนาเสนอควรจะมุ่งเน้นในวัตถุประสงค์ที่
เฉพาะเจาะจง ไม่ควรจะนาเสนอด้วยวัตถุประสงค์ที่มากมายหลายด้าน จน
เป็นเหตุให้ไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแท้จริง
5. ผู้มีมารยาท ในการฟังควรปฏิบัติตน ดังนี้
1. เมื่อฟังอยู่เฉพาะหน้าผู้ใหญ่ ควรฟังโดยสารวมกิริยามารยาท ฟังด้วย
ความสุภาพเรียบร้อย และตั้งใจฟัง
2. การฟังในที่ประชุม ควรเข้าไปนั่งก่อนผู้พูดเริ่มพูด โดยนั่งที่ด้านหน้าให้
เต็มก่อนและควรตั้งใจฟังจนจบเรื่อง
3. จดบันทึกข้อความที่สนใจหรือข้อความที่สาคัญ หากมีข้อสงสัยเก็บไว้
ถามเมื่อมีโอกาสและถามด้วยกิริยาสุภาพ เมื่อจะซักถามต้องเลือกโอกาสที่ผู้พูด
เปิดโอกาสให้ถาม หรือยกมือขึ้นขออนุญาตหรือแสดงความประสงค์ในการ
ซักถาม ถามด้วยถ้อยคาสุภาพ และไม่ถามนอกเรื่อง
4. มองสบตาผู้พูด ไม่มองออกนอกห้องหรือมองไปที่อื่น อันเป็นการแสดง
ว่าไม่สนใจเรื่องที่พูด และไม่เอาหนังสือไปอ่านขณะที่ฟัง หรือนาอาหาร
เครื่องดื่มเข้าไปรับประทานระหว่างฟัง
6. 5. ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับผู้พูด
แสดงสีหน้าพอใจในการพูด ไม่มีแสดงกิริยาก้าวร้าว เบื่อ
หน่าย หรือลุกออกจากที่นั่งโดยไม่จาเป็นขณะฟัง
6. ฟังด้วยความสุขุม ไม่ควรก่อความราคาญให้
บุคคลอื่น ควรรักษามารยาทและสารวมกิริยา ไม่หัวเราะ
เสียงดังหรือกระทืบเท้าแสดงความพอใจหรือเป่าปาก
7. ฟังด้วยความอดทนแม้จะมีความคิดเห็นขัดแย้ง
กับผู้พูดก็ควรมีใจกว้างรับฟังอย่างสงบ
8. ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟัง ควรฟังเรื่องให้จบ
ก่อนแล้วค่อยซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
9. ควรให้เกียรติวิทยากรด้วยการปรบมือ เมื่อมี
การแนะนาตัวผู้พูด ภายหลังการแนะนา และเมื่อ
วิทยากร พูด จบ
9. 2.1ข้อคิดเห็นเชิงเหตุผล เป็นข้อคิดเห็นที่อ้างถึงเหตุผล อ้างถึงข้อ
เปรียบเทียบที่เชื่อถือได้ และความมีเหตุผลต่อกัน โดยชี้ให้ผู้ฟังเห็นว่า
ควรทาอย่างนี้เพราะเหตุเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ทาอย่างที่กล่าวก็จะมีผลตามมา
เป็นอย่างไร โดยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลของผู้แสดงความคิดเห็นเท่านั้น
2.2ข้อคิดเห็นเชิงแนะนา เป็นข้อคิดเห็นที่บอกกล่าวให้ผู้รับฟังทราบว่า
สิ่งใดควรปฏิบัติ และผลของการปฏิบัติและไม่ปฏิบัติ ๆ จะเป็นอย่างไร
บางครั้งอาจมีการแนะนาวิธีการปฏิบัติควบคู่กันไปด้วยก็ได้
2.3ข้อคิดเห็นเชิงวิจารณ์ เป็นข้อคิดเห็นที่กล่าวถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วย
การเปรียบเทียบระหว่างส่วนดีกับส่วนบกพร่องหรือข้อดีข้อเสียหรือ
ค้นหาข้อบกพร่องจากเรื่องนั้น ๆ แล้วนามาเสนอแนะในแง่มุมที่ดีกว่า
หรือควรนามาปรับปรุงใหม่
11. 2. การเตรียมและรวบรวมข้อมูล
เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องจากการทาความเข้าใจในประเด็นและเรื่องราวที่จะ
นาเสนอ เพื่อให้การนาเสนอมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปที่มีการนาเสนอ
เช่น การอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภามีการใช้แผนภูมิ ใช้เทปบันทึกเสียง ในการ
นาเสนอเพื่อขอรับทุน ขอเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬา ต้องเตรียมสื่อ
ประกอบเพื่อให้ผู้ฟังสามารถเห็นด้วยและคล้อยตามอันจะนาไปสู่การพิจารณา
เรื่องที่เราจะขออนุมัติ
3. การจัดทาสื่อเพื่อนาเสนอ
โดยทั่วไปการนาเสนอนิยมจัดทาด้วยโปรแกรม Microsoft Power
Point ซึ่งเดิมทีเดียวนั้นใช้เพียงการพูด การใช้แผ่นใสประกอบ สื่อในการ
นาเสนอสามารถจัดทาได้มากมายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเรื่องราว
ระยะเวลา สถานที่ และโอกาสของการนาเสนอ กลุ่มเป้าหมายหรือผู้ฟัง ผู้ชม ก็
เป็นองค์ประกอบที่สาคัญอย่างหนึ่งในการจัดทาสื่อ โดยภาพรวมแล้วการจัดทา
สื่อควรพิจารณาว่าทาอะไร ทาอย่างไร ผู้รับชมเป็นใครและคาดหวังผลอย่างไร
19. 4. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer)
เป็นอุปกรณ์ฉายภาพระบบดิจิตอล
ประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือ
เครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและ
เอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้เลยโดยไม่ต้อง
ดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสาหรับใช้ในการ
นาเสนองานต่าง ๆ โดยเฉพาะครู อาจารย์ นัก
ขาย ใช้ในการนาเสนอภาพนิ่งได้ดีกว่า
ภาพเคลื่อนไหว แต่ภาพที่แสดงออกมานั้นมีความ
คมชัด มีสีสันที่สดใส และมีโหมดของการแสดง
ภาพให้ปรับการทางานด้วย การควบคุมการ
ทางานทาได้โดยใช้รีโมต
21. 6. กล่องถ่ายรูปดิจิตัล (Digital Camera)
เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูกเก็บลงในหน่วยความจา (Memory) ที่อยู่
ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทาได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วยความจาลงบน
เครื่องพิมพ์หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถ
ย่อหรือขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือเพิ่มรูปแบบก็สามารถทา
ได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ก็สามารถใช้หน่วยความจาเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสีย
เงินซื้อฟิล์ม
22. 1. รีโมท (Remote Mouse) เป็นอุปกรณ์ที่
ช่วยควบคุมการนาเสนอข้อมูลในรูปแบบ
ของอุปกรณ์ไร้สาย โดยกดผ่านเมาส์ที่
เป็นรีโมทของเครื่องฉายภาพแทนการกด
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ประกอบในการนาเสนองาน ทาให้การนาเสนอมีความ
สะดวกขึ้น เช่น
23. 2. เมาส์ปากกา (Mouse Pen / Tablet
Pen / Graphic Tablet) จัดเป็นอุปกรณ์
นาเข้าข้อมูลในลักษณะปากกา ที่สามารถ
ใช้เขียนหรือคลิกบนซอฟแวร์ต่าง ๆ เมาส์
ปากกาสามารถวาดเส้นได้อย่างอิสระ
มากกว่าเมาส์ธรรมดา ทาให้เหมาะสมกับ
การทางานด้านกราฟิกและยังสามารถใช้
งานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้หลาย
ระบบปฏิบัติการ ร่วมถึงการใช้งาน
ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งาน
ด้านกราฟิกอย่างเช่น Adobe โดย
อุปกรณ์เหล่านี้สามารถติดตั้งได้ง่าย ผ่าน
พอร์ต USB
24. 3. เลเซอร์พอยต์เตอร์ (Laser Pointer) เป็นอุปกรณ์ที่ชี้ตาแหน่งด้วยแสง
เลเซอร์ไปยังงานนาเสนอ ทาให้การนาเสนองานมีความชัดเจนมากขึ้น
สามารถชี้สิ่งที่กาลังจะนาเสนอให้ผู้รับสารเห็นได้อย่างชัดเจน โดยในปัจจุบัน
เลเซอร์พอยต์บางรุ่นบรรจุความสามารถของรีโมทในการเลื่อนหน้าจอ
สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel, Power Point, PDF,
Internet Explorer, Mozilla Firefox และโปรแกรมอื่น ๆ
Editor's Notes Dtrdtrdtrdtr