โครงงานสวมหมวกนิรภัย By Panadda

1. การสวมหมวกนิรภัยของชาวบ้านหมู่ 3 ต.ตะโหมด
นางสาว ปนัดดา กิ่งแก้ว เลขที่ 2
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา I30202
การสื่อสารและการนาเสนอ
(Communication and presentation)
ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนประชาบารุง อาเภอตะโหมด
จังหวัดพัทลุง สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12

2. การสวมหมวกนิรภัยของชาวบ้านหมู่ 3 ต.ตะโหมด
นางสาว ปนัดดา กิ่งแก้ว เลขที่ 2
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา I30202
การสื่อสารและการนาเสนอ
(Communication and presentation)
ประจาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนประชาบารุง อาเภอตะโหมด
จังหวัดพัทลุง สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12

3. (ก)
ชื่อเรื่อง : การสวมหมวกนิรภัยของชาวบ้านหมู่ 3 ต.ตะโหมด
ผู้จัดทา : นางสาวปนัดดา กิ่งแก้ว
ที่ปรึกษา : อาจารย์ สุเทพ เรืองคล้าย
ปีการศึกษา : 2558
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องหมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ในการขับขี่และการป้องกันภัยหรืออุบัติเหตุทาง
ท้องถนน มีกฎหมายบังคับและมีการรณรงค์อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการหาสาเหตุผลลดการสูญเสียเราจึง
ต้องการหาข้อมูลหาเหตุผลที่เป็นสาเหตุทาให้ชาวบ้านหรือวัยรุ่นไม่นิยมสวมใส่หมวกนิรภัย ซึ่งได้จัดทาโครงงาน
นี้ขึ้นเพื่อสร้างจิตสานึกให้แก่เยาวชนทั้งหลายและเพื่อช่วยกันรณรงค์ส่งเสริมให้มีการสวมหมวกนิรภัยเป็นการ
ป้องกันการสูยเสียชีวิตทั้งทรัพย์สิน ทางผู้จัดทาได้สอบถามชาวบ้านในพื้นที่เพื่อสารวจการสวมหมวกนิรภัย
ผลสรุปซึ่งอยู่ในบทสรุปโครงงานเรียบร้อยแล้ว

4. (ข)
กิตติกรรมประกาศ
รายงาน เรื่อง การสวมหมวกนิรภัยของชาวบ้านหมู่3 อ.ตะโหมด ฉบับนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก นาย
สมหมาย กรดเต็ม ผู้อานวยการโรงเรียนประชาบารุง ผู้จัดทาขอกราบขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้
ขอขอบพระคุณ คุณครูสุเทพ เรืองคล้าย ครูผู้สอนและให้คาปรึกษา แนะนา และคอยช่วยเหลือในการ
จัดทารายงานจนสาเร็จลุล่วง
ขอขอบพระคุณนางนิภาพร บัวศรีและชาวบ้านหมู่ 3 ที่ให้ข้อมูล ในการทารายงานทางวิชาการ และ
ให้ความอนุเคราะห์ในด้านต่างๆ
ขอขอบพระคุณบิดามารดาของคณะผู้จัดทา ที่ให้การสนับสนุนในการศึกษาเล่าเรียน และคอยเป็น
กาลังใจที่ให้เสมอมา
นางสาวปนัดดา กิ่งแก้ว

5. (ค)
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
บทที่ 1 บทนา
. แนวคิดความเป็นมาและความสาคัญ 1
วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2
สมมุติฐานของการศึกษา 2
ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินการศึกษา 2
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 2
ขอบเขตของการศึกษา 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ความปลอดภัย 3
ความสาคัญของหมวกนิรภัย 3
ประเภทหมวกนิรภัย 3
อันตรายจากการสวมใส่หมวกนิรภัย 4
ความเชื่อผิดๆของการสวมใส่หมวกนิรภัย 4
บทที่ 3 วิธีดาเนินการ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 11
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 11
การเก็บรวบรวมข้อมูล 11
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 11
บทที่ 4 ผลการดาเนินการ
สิ่งที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า 12
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผล 13
อภิปรายผล 13

6. ข้อเสนอแนะ 13
บรรณานุกรม 14
ภาคผนวก 15

7. บทที่ 1
บทนา
ความสาคัญและความเป็นมาของปัญหา
หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ในการขับขี่และการป้องกันภัยหรืออุบัติเหตุทางท้องถนน มีกฎหมายบังคับ
และมีการรณรงค์อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการหาสาเหตุผลลดการสูญเสียเราจึงต้องการหาข้อมูลหาเหตุผลที่
เป็นสาเหตุทาให้ชาวบ้านหรือวัยรุ่นไม่นิยมสวมใส่หมวกนิรภัย
โดยส่วนใหญ่เมืองไทยเรานั้นมักจะเดินทางด้วยจักยานยนต์เป็นส่วนมาก โดยคนไทยใช้จักรยานยนต์
มากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก ราว 17 ล้านคัน ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยวันละ 30
คน ร้อยละ 70 - 80 เกิดจากขับขี่และซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ เฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากการขับขี่และซ้อนท้าย
จักรยานยนต์ อยู่ที่ประมาณวันละ 24 คน หรือในแต่ละชั่วโมง มีผู้เสียชีวิต 1 คนและในทุก 2 ชั่วโมงจะมีผู้
พิการเพิ่มขึ้น 1 คน การสวมหมวกนิรภัยจึงเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาของการสูญเสียทรัพย์สินและชีวิตได้
เพียงประชากรส่วนใหญ่ไม่นิยมการสวมใส่หมวกนิรภัยอาจมาจากหลายสาเหตุที่ทาให้ไม่สวมใส่หมวกนิรภัยจึง
เป็นที่มาของการเกิดอุบัติเหตุ โดยการมีความคิดที่ไม่ถูกต้องจึงทาให้เกิดอุบัติเหตุ
ความเชื่อที่ผิดอันเป็นสาเหตุให้ไม่สวมหมวกนิรภัย
1.ความเชื่อ “ขี่มอเตอร์ไซค์ไปใกล้ๆ แค่นี้เอง” เป็น ความเชื่ออันดับแรก
2.ความเชื่อ “ไม่ได้ขับขี่รถออกถนนใหญ่ หมวกไม่ต้องใส่ก็ได้”
3.ความเชื่อ “เร่งรีบ ก็เลย เอาหมวกมาใส่ไม่ทัน”
3.ความเชื่อ “ร้อนอึดอัด สวมใส่แล้วไม่สบาย สกปรก”
4. “กลัวผมเสียทรง”
5. “ไม่มีที่เก็บ พกพาลาบาก กลัวหาย”
6.บริเวณที่จะขี่ไปไม่มีตารวจ
8.ไม่มีหมวกนิรภัย
9.ความเชื่อ คิดว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุมีน้อย
10.ความเชื่อ “บุคคลที่นั่งมาด้วยก็ไม่ได้สวม”
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ที่ทาให้ไม่สวมใส่หมวกนิรภัยและทาให้เกิดอุบัติเหตุ และความสูญเสีย จึงเป็นแนวทางใน
การ หาสาเหตุและการป้องกัน เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียต่างๆ โดยวัยรุ่น
ส่วนใหญ่นั้นอาจมีเหตุผลส่วนตัวในการไม่สวมใส่หมวกนิรภัยจึงต้องแก้ไขปัญหาเพื่อให้มีการสวมหมวกนิรภัย
กันมากขึ้น

8. วัตถุประสงค์การของการศึกษา
รายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
1. เพื่อสร้างจิตสานึกให้กับชาวบ้านได้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรโดยเคร่งครัด
2. เพื่อสร้างความร่วมมือและความรับผิดชอบด้านการลดอุบัติเหตุต่างๆ
3. เพื่อหาสาเหตุของการไม่สวมหมวกนิรภัย
4. เพื่อลดการสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุในการขับขี่
สมมุติฐานของการศึกษา
1. การสวมใส่หมวกนิรภัยนั้นสามารถช่วยลดการสูญเสียในการเกิดอุบัติเหตุได้มาก
2. ชาวบ้านได้ให้ความร่วมมือในการสวมหมวกนิรภัยเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎจราจร
ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินการศึกษา
รายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย ใช้ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า ตั้งแต่วันที่ 20 เดือน ธันวาคม พ.ศ.
2558 ถึงวันที่ 15 เดือน มกราคม พ.ศ. 2559
สถานที่ดาเนินการ ได้แก่ บ้านหมู่ที่ 3
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ทราบข้อดีและข้อเสียของหมวกนิรภัยและได้รับรู้ในการใช้งานอย่างถูกวิธี เข้าใจว่าเพราะเหตุใด
ชาวบ้านหรือวัยรุ่นถึงไม่ชอบสวมใส่หมวกนิรภัย
2. การเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ในแต่ละวันลดน้อยลง
3. ชาวบ้านในพื้นที่ได้สวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้น
ขอบเขตของการศึกษา
ขอบเขตด้านเนื้อหา
1. ความปลอดภัย
2.ความสาคัญของหมวกนิรภัย
3.ประโยชน์ของหมวกนิรภัย
4.ประเภทของหมวกนิรภัย
5.ความสาคัญของหมวกนิรภัยแต่ล่ะประเภท
6.อันตรายจากการไม่สวมใส่หมวกนิรภัย
7.ความเชื่อผิดๆของหมวกนิรภัย
8.ข้อปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย
9.กฎหมายของผู้ขับขี่
10.มาตรฐานของหมวกนิรภัย

9. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
รายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย ผู้จัดทาได้มีการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ความปลอดภัย
2. ความสาคัญของหมวกนิรภัย
3. ประเภทหมวกนิรภัย
4. อันตรายจากการสวมใส่หมวกนิรภัย
5. ความเชื่อผิดๆของการสวมใส่หมวกนิรภัย
1.ความปลอดภัย
1.1 หมวกนิรภัยรูปทรงปลอดภัย
1.2 ขนาดของหมวกนิรภัย
1.3 กฎหมายคุ้มครอง
1.4 ความแข็งแรงของหมวกนิรภัย
1.5 การป้องกันสิ่งต่างๆในระหว่างการขับขี่
2.ความสาคัญของหมวกนิรภัย
2.1 ป้องกันสิ่งต่างๆระหว่างการขับขี่
2.2 ลดแรงกระแทงต่างๆ
2.3 ลดอาการบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุ
2.4 ทาให้มีกฎหมายคุ้มครองเวลาสวมใส่
(อ้างอิง http://www.rvp.co.th/knowledge/SaftyDriving/indexalcohol20.htm)
3.ประเภทหมวกนิรภัย
3.1 แบบปิดเต็มหน้า เปลือกหมวกมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมปิดด้านข้าง ด้านหลัง ขากรรไกรและ
คาง
3.2 แบบเต็มใบ เปลือกหมวกเป็นรูปทรงกลมปิดด้านข้าง และด้านหลัง เสมอแนวขากรรไกร และ
ต้นคอด้านหลัง ด้านหน้าเปิดเหนือคิ้วลงมาตลอดถึงปลายคาง
3.3 แบบครึ่งใบ เปลือกหมวกเป็นรูปครึ่งวงกลมปิดด้านข้าง เสมอระดับหู
หมายเหตุ กรณีหมวกกันน๊อคมีกระบังลม กระบังลมต้องทาจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี

10. 4.อันตรายจากการสวมใส่หมวกนิรภัย
4.1 สิ่งสกปรกจากหมวกนิรภัย
4.2 กลิ่นเหม็นๆในหมวกนิรภัย
4.3 การต้านลมในระหว่างการขับขี่
4.4 ความทึบแสง
4.5 ความถนัดในการขับขี่
5.ความเชื่อผิดๆของการสวมใส่หมวกนิรภัย
5.1 เชื่อว่าไปใกล้ๆแค่นี้คงไม่เป็นไร
5.2 ไม่ได้ขับออกถนนใหญ่
5.3 เร่งรีบ หยิบไม่ทัน
5.4 อึดอัด ร้อน
5.5 ผมเสียทรง
5.6 ไม่มีที่เก็บ พกพาลาบาก
5.7 บริเวณที่ไปไม่มีตารวจ
5.8 ไม่มีหมวกนิรภัย
5.9 โอกาสการเกิดอุบัติเหตุน้อย
5.10 คนที่ซ้อนท้ายมานั้นก็ไม่ได้สวมใส่

11. บทที่ 3
วิธีดาเนินการ
รายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย มีวิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า ดังนี้
ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา
ในการศึกษาใช้รูปแบบการสารวจ สืบค้นข้อมูล จากอินเทอร์เน็ต และการตอบแบบสอบถาม
กลุ่มตัวอย่าง
- ชาวบ้านจานวน 10 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1. แบบสอบถาม
การเก็บรวบรวมข้อมูล
1.กาหนดเรื่องที่จะศึกษา
2.สารวจปัญหาที่พบในชุมชน
3.เลือกเรื่องที่จะศึกษาเพื่อเป็นแรงจูงใจในการหาคาตอบ
4.ศึกษาแนวคิดในการแก้ปัญหา
5.ตั้งชื่อเรื่อง
6.พบครูผู้สอนเพื่อปรึกษารับฟังความคิดเห็นและวางแผน ปรับปรุงแก้ไข
7.เขียนความสาคัญเพื่อเป็นที่มาของปัญหา วัตถุประสงค์ สมมุติฐานและจดบันทึกในโครงร่าง
8.สร้างเครื่องมือที่เป็นแบบสอบถาม 10 ข้อ
9.นาเครื่องมือที่ปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
10.รวบรวมข้อมูล
11.วิเคราะห์ข้อมูล
12.สรุปการศึกษา
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ การหาค่าเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ โดยการนาผลจากแบบสารวจของผู้ใช้
รถจักรยานยนต์ในพื้นที่หมู่ 3 ตาบลตะโหมด มาหาค่าเฉลี่ย และใช้ฐานนิยมในการสรุปผลแบบสารวจ

12. บทที่ 4
ผลการดาเนินการ
จากการศึกษาค้นคว้า เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย ผู้ศึกษาได้เสนอผลการดาเนินกาศึกษา ดังนี้
สิ่งที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า
ตารางแสดงการผลการประเมินเรื่องการสวมหมวกนิรภัยของชาวบ้านหรือวัยรุ่นในพื้นที่ที่สอบถามจานวน
10 คน
โดยใช้หลักฐานนิยมทางคณิตศาสตร์และค่าเฉลี่ย มาใช้ในการสรุปผล
รายการประเมิน ความคิดเห็น
ผลสรุปมาก ปานกลาง น้อย
1. พอใจต่อการปฏิบัติตามกฎจราจร 6 3 1 มาก
2. การสวมหมวกนิรภัยสามารถป้องกันอุบัติเหตุ 6 4 - มาก
3. สร้างจิตสานึกให้กับตนเอง 3 4 3 ปานกลาง
4. สร้างความเคยชิน 5 3 2 มาก
5. การสวมหมวกนิรภัยมีผลต่อการขับขี่ 6 2 2 มาก
6. ราคาหมวกนิรภัยมีผลกระทบต่อการซื้อมาใส่ 2 3 5 น้อย
7. หมวกนิรภัยป้องกันแสงแดดและฝุ่นควันได้ 3 4 3 ปานกลาง
8. มีสมาธิในการขับขี่มากขึ้น 4 4 2 มาก
9. เห็นด้วยในการรณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย 5 3 2 มาก
10. รู้สึกปลอดภัยขึ้น 6 2 2 มาก
ค่าเฉลี่ย 46 % 32 % 22 % มาก

13. บทที่ 5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
รายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย สามารถสรุปและอภิปรายผลการดาเนินการ ดังนี้
สรุปผลการศึกษา
การจัดทารายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย สามารถสรุปได้ ดังนี้
1.เพื่อหาสาเหตุการไม่สวมหมวกนิรภัย
2.เพื่อปลูกจิตสานึกและคานึงถึงความปลอดภัยของการขับขี่
3.เพื่อให้ตระหนักถึงประโยชน์ของการสวมหมวกนิรภัยและโทษของการไม่สวมหมวกนิรภัย
4.เพื่อให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับนิรภัย
อภิปรายผล
การจัดทารายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้จากการศึกษา การสวมหมวก
นิรภัยของชาวบ้านหมู่ 3 อ.ตะโหมด พบว่า ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ต.ตะโหมดค่อนข้างที่จะสวมหมวกนิรภัยในการ
ขับขี่ยานพาหนะเป็นส่วนมาก เนื่องจากมีการรณรงค์และเผยแพร่ความรู้อยู่ตลอด ทาให้ชาวบ้านได้มีจิตสานึก
ในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนเคารพกฏจราจรอีกด้วย
ข้อเสนอแนะ
การจัดทารายงาน เรื่อง การใส่หมวกนิรภัย มีข้อเสนอแนะดังนี้ ดังนี้
1. สามารถนาไปศึกษาปัญหาต่างๆที่พบในโรงเรียนและชุมชนอื่นๆได้ แต่ควรมีตัวแปรร่วมด้วย
เพื่อให้ การศึกษามีคุณภาพ
2. สามารถนาไปศึกษากับกลุ่มตัวอย่างอื่น
3. ควรมีเวลาศึกษามากขึ้น

14. บรรณานุกรม
ณัฏฐ์พัชร์ วงศ์ธรรมมา. “ความรู้การสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้จักรยานยนต์” . 2551.
[ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://tea.gspa-buu.net/library/is/mpa49/49931510.pdf.
[ระบบออนไลน์]. http://www.rvp.co.th/knowledge/SaftyDriving/indexalcohol20.htm.
[ระบบออนไลน์].. http://www.bangpoosociety.com/forum/index.php?topic=1180.0.

15. ภาคผนวก