SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 102
Baixar para ler offline
่      ้้้
Kao wa Pom Ba Land
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


พล่าม

                ข้อความทุกคำบนกระดาษในหนังสือเล่มนี้คงจะเรียกว่าแหล่งความรู้ที่จัดทำขึ้นโดยนักวิชาการหรือผู้รอบรู้ในเรื่องของรถยนต์คงหา
    มิได้ เพราะมันถูกจัดทำขึ้นเพื่อระงับอาการบ้าของตัวเองเท่านั้น เนื้อหาที่ได้มาก็จับแพะชนแกะจากแหล่งความรู้ออนไลน์ และหนังสือต่างๆ
    รวมทั้งอาการบ้าของตัวเองที่กำเริบออกมาให้เห็นอย่างเป็นระยะๆ เลยจับแปลงมาเป็นตัวหนังสืออย่างที่ท่านได้เห็น
    ก็หวังอย่างเดียวว่าสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ใดๆอันเกิดจากหนังสือเล่มนี้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
    ก็ขอมอบให้กับผู้ใช้รถแลนด์ฯทุกคนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ และที่มอาจลืมได้เลยคือ
                                                                            ิ
    ผู้ที่ใช้รถแลนด์ฯในการประกอบคุณปการให้กับประเทศชาติในอดีต จนสร้างตำนานหน้าหนึ่ง
                                        ู
    และความมีเสน่ห์ของรถแลนด์ฯให้ย่งยืนจนถึงคนรุ่นหลังๆอย่างเรา
                                          ั




                                                                     2
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ
เรื่องราวรถแลนด์โรเวอร์ในบ้านเราดูจะมีข้อมูลให้ค้นหาน้อย นอกจากอาศัยสอบถามจากผู้รู้ และผู้ที่เกิดทัน แต่คนรุ่นหลังๆ
เกิดมาก็เห็นแต่ซากเสียแล้ว น้อยมากที่จะเห็นวิ่งอยู่ตามท้องถนนเมืองไทย รถแลนด์ เริ่มเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948
คือไม่ทันถึงปีหลังจากเริ่มผลิต ผู้สั่งเข้าเป็นบริษัทชาวอังกฤษชื่อ SERVICE GARAGE แต่หลังจากนั้นผู้ที่ทำให้แลนด์
เป็นรถที่แพร่หลายมาในเมืองไทยคือ BUTLER & WEBSTER เพราะ นอกจากลูกค้าเป็นชาวบ้านทั่วไปแล้ว ยังขายให้หน่วยงานใหญ่ๆ
และราชการ ส่วนมากพวกคนรุ่นก่อนคงจะจำกันได้ว่าสมัยนั้นรถตำรวจใช้ แลนด์ ซีรีส์ 1 และยังเป็นรถดับเพลิงด้วย
นอกนั้นก็ยังมีกรมทางหลวง กรมป่าไม้ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี เทศบาลต่างๆ กระทรวงกลาโหม เป็นต้น
ด้วยความต้องการที่มากพอจึงทำให้มีการประกอบรถกันที่ อู่วัฒนายนต์ที่สมุทรปราการ
โดยเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ภายใต้แบรนด์แลนด์โรเวอร์ แห่งแรกในเมืองไทยที่ทำให้กบบริษัท BUTLER & WEBSTER หลังจากปี
                                                                                           ั
1980 ก็เปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายมาเป็นบริษท Lay Thai Motors ที่ขายรถอังกฤษอยู่ก่อนแล้ว (Triump, Jaguar,Austin)
                                             ั
หลังจากหน่วยราชการเลิกใช้ มันก็ถูกจำหน่ายจ่ายออก หรือไม่ก็ปล่อยทิ้งไว้ให้พังไปตามกาลเวลา
ร้านอะไหล่ที่ขายอะไหล่แลนด์ท่รุ่งเรืองเมื่อครั้งมันยังเป็นคุณหนูยอดฮิตของหน่วยราชการ ก็ต้องปิดตามไปบางส่วน
                                  ี
หรือไม่กหันไปค้าขายอะไหล่ญี่ปุ่นไปเลยเพื่อความอยู่รอด เรื่องที่น่าเศร้าอีกอย่างที่เมื่อก่อนพบเห็นเป็นประจำ คือ
          ็
บางครั้งเมื่อมันถูกขายออกมาให้กับพ่อค้า คุณประโยชน์ของมันเป็นได้แค่เศษเหล็ก หรือเศษอลูมเิ นียม ที่ตัดออกมาชั่งกิโลขาย
ไม่เหลือคราบของราชันย์แห่งพงพี ที่เคยสร้างคุณูปการร่วมกับข้าราชการไทย เพื่อพัฒนาบ้านเรามาก่อนเลย แต่ก็มีบางส่วนไม่น้อย
สำหรับผู้ที่เคยบุกบั่นมากับมัน เมื่อถึงเวลาเพื่อนที่เคยร่วมทาง มีอันต้องปลดระวาง ก็หวนคิดถึง หาซื้อกลับมาซ่อมแซมเพื่อใช้งานต่อ
(หรือจอดเก็บ) ด้วยความผูกพันธ์ บางส่วนก็รับมรดกตกทอดมาจากญาติผ้ใหญ่ ส่วนที่ว่ารักและชอบในความไม่เหมือนใคร
                                                                          ู
อยากจะเป็นเจ้าของนั้นน้อยมาก ด้วยปัจจัยที่มันเป็นรถที่หาความสะดวกสบายไม่ได้เลย และที่สำคัญด้วยอายุ
อานามของมันเองจึงทำให้ออกอาการสามวันดี สี่วนไข้ กินสตางค์เจ้าของแทนน้ำมัน หาช่างรู้ใจไม่ค่อยจะเจอ สมัยก่อนมีคนเปรียบเปรยไว้ว่า
                                                     ั
ผู้ใดได้เป็นเจ้าของรถแลนด์ฯถือว่าเป็นทุกขลาภประเภทหนึ่ง ที่ผู้ซึ่งมีไว้ในครอบครอง จะมีแต่เรื่องเสียเงิน เสียเวลา
หรือพาลมีปัญหากับครอบครัวไปเลย แต่ปัจจุบัน การหารถแลนด์ฯ มาไว้ในครอบครองนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เพราะเราจะสังเกตุเห็นว่าลุงเชยของเรามาออกกำลังบนถนนมากขึ้น ซึ่งมันอาจจะเป็นดัชนีบ่งบอกถึงความนิยม ของคนในยุคเราๆ
หรืออาจเป็นเพราะความเพรียบพร้อมในเรื่องข้อมูลที่จำเป็นของการซ่อมแซม แหล่งอะไหล่ ในโลกยุคของข้อมูล ข่าวสาร
จนทำให้ความอยาก(เป็นเจ้าของ) มาบดบังความกลัวไปหมด โดยความเป็นจริงแล้ว
เรื่องราวของแลนด์โรเวอร์ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายอะไร เมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ของรถญี่หออื่นที่ใช้ในสงครามต่างๆ
                                                                                             ้
เพราะจริงๆแล้วมันถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวไร่ ชาวนาเป็นหลัก
ถึงแม้ในปัจจุบันที่ความแปรผันทางด้านการตลาดเปลี่ยนไปจนทำให้มุมมองของคนทั่วไปเห็นว่าแลนด์โรเวอร์เป็นรถที่น่าจะ
เหมาะกับเศรษฐีเท่านั้น แต่เมื่อมองกลับไปถึงรากเหง้าของมัน ผมนิยามขึ้นมาเอง ว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ มันป็น “รถสมรรถะ”
ที่พอมี พออยู่กบอัตภาพของเจ้าของเอง มีเงินหมื่นก็ขับมันแบบหมื่น มีเงินแสนก็ขับมันแบบแสน
                ั


                                                                 3
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


หรือมีเงินล้านก็เป็นเรื่องของเจ้าของที่จะขับมันแบบล้าน ความชัดเจนที่ว่าทำไมเมื่อเจอกันบนท้องถนนต้องยกมือ หรือกระพิบไฟทักทายกัน
ทั้งที่ไม่รู้จกกันมาก่อน น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่า แลนด์ฯก็เป็นตำนานหน้าหนึ่งเหมือนกัน ถึงตอนนี้ปิดหนังสือ
              ั
แล้วหลับตานึกถึงรถเราที่จอดอยู่หน้าบ้าน หรือยังคาอยู่ในอู่ หรือผู้ที่ยังไม่มีรถก็นกภาพเอา
                                                                                  ึ
ว่านี่แหล่ะหนึ่งในความความภูมิใจของเรา......แล้วค่อยมาทำความรู้จักกับแลนด์โรเวอร์ในบทถัดไป


รถต้นแบบ (Pototype)




ประวัติศาสตร์ของคนบ้าเริ่มก่อตัวเมื่อพี่น้องตระกูล วิลค์ (Wilks) ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มใน Angleaey ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน เขาใช้ Jeep Willy กับภาระกิจในฟาร์มของเขาเอง
ซึ่งในรถต้นแแบบที่ทำขึ้นก็ยังคงใช้ชิ้นส่วนที่ขอหยิบขอยืมมาจาก Jeep ซะส่วนใหญ่ แต่เมื่อในการผลิตจริงใช้วัตถุดิบภายในอังกฤษทั้งหมด
ซึ่งพวงมาลัยยังคงอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง เหมือนรถแทร็คเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรทั่วไป
ทั้งนี้เพราะยังไม่อยากจะผลิตรถขับซ้ายหรือขวาเหมือนตลาดรถยนต์ทั่วไป เลยเอาไว้ตรงกลางซะเลย.......
ความจริงมันเป็นความคิดที่ดแต่เป็นไปไม่ได้ในตลาดขณะนั้น แต่ถ้ามันเป็นไปได้ ในปัจจุบันคงจะเท่ไม่ใช่น้อยถ้ามีรถแลนด์ฯชนิดเดียวที่
                            ี
นั่งขับตรงกลาง เป็นพวก Series คงไม่เท่าไหร่ เพราะอาการคลาสสิคคงจะกลมกลืนกันไป แต่ถ้าขับ Range Rover แล้วนั่งขับตรงกลาง
มันจะเป็นยังไงหนอ




ว่ากันต่อครับ โครงสร้างของ chassis ในรถต้นแบบนำมาจาก Willys แต่ในสายการผลิตแรกใช้แผ่นหล็ก 4 แผ่นเชื่อมติดกัน ตัวถังใช้อลูมิเนียม
ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ เหล็กตอนนั้นหายาก และธุรกิจรถยนต์กำลังอยู่ในช่วงทรุดตัวจนกระทั่งเหล็กมีจำนวนมากเพียงพอ Rover
จึงกลับมาผลิตรถอีกครั้ง และ กฏหมายในสมัยนั้นบังคับว่าการผลิตที่มีอยู่นั้นต้องใช้เพื่อส่งออกเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
และถูกจำกัดจำนวนการผลิตรถยนต์ที่ใช้ภายในประเทศ ให้แค่พอใช้เท่านั้น


                                                                 4
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




โครงสร้าง chassis ที่มาจาก Jeep Willy ถูกออกแบบกันชนหน้าใหม่ แต่ยังคงใช้คานหน้า,หลัง, ล้อและยาง รวมทั้งเบรคเป็นของ Willy
ทั้งหมด ส่วนเฟืองและเบรคมือเอามาจากผู้ผลิตภายในประเทศ มี เครื่องยนต์,คลัทช์ และเกียร์เท่านั้นที่เป็นของแลนด์โรเวอร์




ตำแหน่งคนขับถูกขยับเดินหน้าไป 3 นิ้ว พร้อมเปลี่ยนเบาะนั่งใหม่ ในส่วนที่ว่างสำหรับบรรทุกด้านท้ายมีความยาว 37" ขณะที่ Willy มีแค่
31" ตัวถังใช้อลูมิเนียมแบบอ่อนทั้งหมด


Series I
หลังจากระบบธุรกิจของพี่น้องตระกูล วิลค์ (Wilks) เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และเริ่มผลิตรถในเชิงพานิชน์เป็นครั้งแรก
เราก็ได้เห็นคุณปู่เมื่อสมัยยังหนุ่มของเราออกมาวิ่งพล่านทั่วท้องนาอังกฤษ ซึ่งต้องเน้นว่าท้องนานะครับ
เพราะแผนการขายส่วนใหญ่มุ่งเน้นการใช้รถในการเกษตรกรรมเป็นหลัก และอีกอย่าง
เศรษฐีเมืองผู้ดีส่วนใหญ่ก็คงจะไม่สนคุณปู่ของเราสักเท่าไหร่ เพราะหาความสะดวกสบายไม่ได้เลยอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
และก็ไม่รู้ว่าจะใช้ 4WD ไปทำไม แต่ถ้ายุคนี้อาจจะต้องคิดกลับกัน เพราะคนรวย และคนบ้าเท่านั้นที่มสิทธิจะได้เป็นเจ้าของรถแลนด์ฯ
                                                                                                  ี
(มนุษย์เงินเดือนอย่างผม ต้องข้อหลังอย่างเดียว)ความจริงแล้ว ในตอนแรกเราไม่ได้เรียก Series 1 ว่า “ซีรี่ส์วัน” สาเหตุที่เรียกว่า Series one
ก็เพราะตอนปี 1958 LR ได้เปิดโฉม Series 2 ออกจำหน่าย เลยเรียก LR รุ่นแรกว่า Series 1 ซะเลยจะได้ไม่งง โดยตัว S1 เองก็มีอยู่หลายรุ่นคือ



                                                                    5
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


รุ่น ความกว้าง 80" (1948-1953), 86" (1953-1956), 88" (1956-1958), 107" (1953-1958) และ 109" (1956-1958) ส่วนเครื่องยนต์มี 3 รุ่น คือ
1595cc (1948-1951), 1997cc (1951-1958) เบนซิน และ 2052 cc ดิเซล (1957-1958)




ปี 1948 เป็นปีแห่งความหมายของ Land Rover ที่ปรากฎต่อสาธารณะชน และคำๆนี้ต่อมามันก็เป็นส่วนหนึ่งของภาษาอังกฤษและ
เป็นสัญลักษณ์ของเกาะอังกฤษอย่างหนึ่ง และถูกพบในพจนานุกรมอังกฤษมหาวิทยาลัยออคฟอร์ด
อย่างไรก็ตามการเผยตัวเป็นครั้งแรกเพื่อให้เกิดการยอมรับจากสาธารณะชนนั้นเป็นเรื่องยาก จำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่ดีและต้องทำงานหนัก
เพื่อทดสอบรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการผลิต และรองรับกับความต้องการของผู้ใช้ได้ สายการผลิตชั่วคราวถูกจัดตั้งเพื่อผลิตรถจำนวน 50
คันแรกของแลนด์โรเวอร์ และในวันที่ 11 มีนาคม รถยนต์คันแรกก็สำเร็จ โดยมีหมายเลขแซสซี R01
 คงไม่ต้องสงสัยถ้าเผอิญไปเห็นในรูปรถแลนด์โรเวอร์ที่ออกวิ่งทดสอบขณะที่ทาสียังไม่เสร็จ รถคันที่ 2 ประกอบสำเร็จในวันที่ 15 ถัดมา
ฤดูหนาวยังไม่ส้นสุด แต่ R01 และ R02 ก็ยังคงวิ่งทดสอบความสมบูรณ์ไปวันละนิดละหน่อย จนคณะตรวจสอบยอมอนุมัติ ในวันที่ 23
                ิ
มีนาคม ซึ่งในเวลานั้นก็เป็นเวลาที่จะบอกถึงความยิ่งใหญ่ให้โลกได้รับรู้ และรอรับออเดอร์จากลูกค้า
เพื่อคำนวณวัสดุการผลิตให้ตรงความต้องการ จากนั้นลูกค้าก็ต้องรอจนกว่ารถจะประกอบเสร็จ
          การเปิดตัวครั้งแรก ในวันที่ 20 เมษายน ในงานแสดงรถยนต์อัมเตอร์ดัมมอเตอร์ในระหว่างวันที่ 30 ถึง 9 พฤษภาคม
โดยมีแลนด์โรเวอร์เข้าร่วมแสดง 8 คัน โดย มีบางคันในนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์การเชื่อมโลหะเข้าไปด้วย (Mobile Welding Plant)
แลนด์โรเวอร์สามารถโกยยอดจองได้พอสมควรแต่กยังไม่สามารถผลิตส่งลูกค้าได้เพราะแลนด์โรเวอร์เองต้องปรับปรุงรถต้นแบบอีก
                                                     ็
หลายประการจนกระทั่งเดือนกรกฎาคมจึงเริ่มผลิตส่งให้ลูกค้า โดยลำดับแรกเน้นลูกค้าในส่วนของอุตสาหกรรมการเกษตร
ที่มกำลังการซื้อที่จัดว่าพอใช้ได้นอกจากนี้เองผู้บริหารจำเป็นต้องวางแผนการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้สอดคล้องกับ
     ี
นโยบายการปันเหล็กเพื่ออุตสาหกรรมของรัฐบาลด้วย เพราะฉนั้นคนบ้าฯ อย่างเราๆท่านๆ จงภูมิใจไว้ได้เลยว่า
กว่าจะเป็นแลนด์โรเวอร์อย่างในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย
          ความคิดครั้งแรกของการผลิตคือ ต้องการจะเพิ่มเติมกระจกด้านข้าง ที่ยึดยางอะไหล่ และที่นั่งที่เน้นความกว้างขวางขึ้น
โดยสนนราคาค่าตัวที่ประมาณ 540 ปอนด์ แต่ในเดือนตุลาคมก็ตัดสินใจสุดท้าย ว่าจะผลิตแบบมาตราฐานเดิมโดยตั้งราคาไว้ที่ 450 ปอนด์
และในเดือนตุลาคมนี้เองก็ได้เผยรูปแแบบรถ Station wagon ที่มีราคาเป็นสองเท่าของรุ่นมาตราฐาน แต่ก็มีอุปสรรคบ้างในการผลิต
เพราะติดปัญหาเรื่องภาษีภายในประเทศเอง ด้วยจำนวนการใช้รถที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนี้เอง ทำให้ได้แลนด์โรเวอร์ได้รับข้อมูลจากผู้ใช้มากมาย
เพื่อปรับปรุงหรือดัดแปลงเพิ่มเติมในส่วนที่ผู้ใช้ต้องการ รวมทั้งมีการเพิ่มเติม Power Take Off แต่ก็ใช้งานได้น้อยมาก


                                                                   6
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


เพราะหน้าที่จริงๆน่าจะเป็นการฉุด ลาก มากกว่า จะนำมาใช้ในการไถ หรือเพาะปลูกพืชผล แต่ก็มีไม่น้อยที่มความต้องการเพื่อนำไปใช้ในเชิง
                                                                                                       ี
OffRoad จริงๆ ซึ่งจุดนี้เองที่ผมคิดเอาเองว่า มันน่าจะเป็นจุดผกผัน ที่ทำให้แลนด์โรเวอร์กลายเป็นรถ OffRoad
มากกว่าเป็นรถเพื่อการเกษตรเพียงอย่างเดียว และอาจจะพูดได้ว่าด้วยกรณีน้เี องมั้ง
ที่ทำให้มันเป็นจุดสนใจให้กับวงการทหารที่จะนำมันมาปรับปรุงให้เข้ากับภารกิจทางหทาร




SI รุ่น 80" เริ่มผลิตเมื่อปี 1948 ในพื้นฐานของรถสำหรับใช้งานเอนกประสงค์ทั่วไป (multi-purpose utility) โดยเฉพาะในงานเกษตรกรรม
หลังจากนั้นก็เพิ่มเติมในส่วนของการใช้งานแบบต่างๆเช่น เป็นแบบเสตชั่นวากอน, หรือ ใช้ในพระราชพิธี,
ทำเป็นรถสำหรับเชื่อมโลหะเคลื่อนที่ (Mobile Welder), รถดับเพลิงเป็นต้น




สำหรับแบบ Station Wagons และ Mobile Welders จะแยกการเรียงหมายเลข chassis ออกไป ส่วน สำหรับรถดับเพลิงจะใช้หมายเลขทั่วไป
ในระหว่างปี 1948 และ 1953 แลนด์โรเวอร์ได้มีการเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนเป็นจำนวนมาก ยกเว้นในรุ่นที่ผลิตในเบลเยี่ยม
ที่ประกอบและออกแบบตัวถังเองโดยบริษัท Minerva Land Rover แต่ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ เกียร์ และเพลา
ในรุ่นมาตราฐานเช่นเดียวกับในอังกฤษ

หมายเลข Chassis
หมายเลข Chassis ของรุ่น 80" จะเป็นเลขเดียวกันกับหมายเลขรถ ที่ระบุไว้บนแผ่นเพลทภายในรถ หรือจะอยู่ด้านหน้าซ้ายมือของ Chassis
บริเวณแท่นเครื่อง ถ้าเป็นรถพวงมาลัยซ้ายอาจจะอ่านยากหน่อยเพราะมีพวกแกนพวงมาลัยบังอยู่




รุ่น 1948 (จนถึง กุมภาพันธ์ 1949)
รุ่นทดลอง ใช้ R หรือ L 01ถึง 48


                                                                7
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


รุ่นมาตราฐาน ใช้ R หรือ L 860001 ถึง 863000.
ส่วนเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 860001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 3048 คัน
รุ่น 1949 (จาก กุมภาพันธ์ 1949 - กรกฏาคม 1949)
รุ่นมาตราฐาน ใช้ R หรือ L 8663001 ถึง 8667920
Station Wagon, R หรือ L 8670001 ถึง 8670070
Mobile Welder, R หรือ L 8680001 ถึง 8680010
ส่วนเครื่องยนต์, ชุดส่งกำลัง, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 860001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 5000 คัน
Land-Rover 80" Series-I (1948-1953)
1948 Models (to ~ Feb' '49)




    รุ่น Pre-Production, R or L 01 to 48
รถในรุ่นนี้จัดทำมาแค่ 48 คัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อประเมิณและทดสอบก่อนที่จะมีการผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม ปี 1948
โดยจะมีหมายเลขแชสซี ขึ้นต้นด้วย R หรือ L แล้วตามด้วยหมายเลข 1 ถึง 48 ตามลับดับ ปัจจุบันเหลือเพียง 19
คันเท่านั้นที่ยังพอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง โดยประกอบไปด้วย R01, L03, R04, R08, L09, L11, R12, R14, R16, R17, L19, R23, R24, L25,
L29, R30, R45 ,R46 ส่วนคันสุดท้ายแย่กว่าคันอื่นหน่อยคือ ยังไม่สามารถประกอบเป็นคันให้สมบูรณ์ได้คอ หมายเลข L26
                                                                                                  ื
ทั้งหมดถูกดัดแปลงย้ายตำแหน่งพวงมาลัยมาด้านขวาทั้งหมด ยกเว้นคัน L09 ที่ยังคงสภาพเหมือนตอนออกจากโรงงาน
แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมันก็ถูกย้ายกลับไปตามตำแหน่งของรุ่นแล้วทั้งหมด และก็กระจายไปอยู่ทั่วอังกฤษ และประเทศใกล้เคียง
โดยเฉพาะในพิพิธภัณท์ตางๆ และด้วยจำนวนการผลิต และจำนวนที่ยังคงมีให้เห็นอันน้อยนิดนี้ จึงทำให้มันหาค่าไม่ได้สำหรับคนบ้าฯ
                           ่
อย่างเราๆ ท่านๆ แต่ถาเอามาจอดแถวย่านธุรกิจบันเทิงในบ้านเรา ก็คงไม่พ้นเป็นรถขนขยะเป็นแน่แท้
                       ้




                                                                  8
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




                   R01 Gaydon




R04 ปัจจุบันจอดแสดงที่ National Motor Museum ,Beaulieu




                           9
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




                        R14 - HNX 444, สภาพก่อนการซ่อมแซม




R16 - HNX 331 – ในสภาพที่ยงไม่สามารถประกอบให้สมบูรณ์เหมือนเดิมได้ ส่วนด้านหลังคือ L09
                          ั




            L29, ในสภาพที่ซ่อมแซมแล้ว โดยย้ายตำแหน่งพวงมาลัยกลับมาที่เดิม




                                          10
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


   รุ่น Basic Model, R or L 860001 to 863000




เป็นรุ่นมาตราฐาน 80 นิ้ว ที่ผลิตออกจำหน่ายในระหว่างปี 1948 ถึง 1953

รุ่น 1950 Model (สิงหาคม 1949 - กรกฏาคม 1950)




                                            The "North American spec." model
รุ่นมาตราฐาน หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06100001 ถึง 06115440
Station Wagon, หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06200001 ถึง 06200480
Mobile Welder, หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06300001 ถึง 06300030




เครื่องยนต์ตนแบบขนาด 2 ลิตร หมายเลข 07100001 ถึง 07100050
            ้
ส่วนเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 06100001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 16000 คัน
รุ่น 1951 Model
Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 16100001 ถึง 16103971
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16160001 ถึง 16163268
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16130001 ถึง 16137601
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (ประกอบในประเทศ CKD) 16660001 ถึง 16662322
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (ประกอบในประเทศ CKD) 16630001 tถึงo 16630078
CKD หมายถึงนำไปประกอบ ณ ประเทศนั้นโดยตัวแทนจำหน่าย



                                                                11
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




80" Station Wagon Model




Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 16200001 (Sequence not used. All right hand vehicle where export models. )
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16260001 ถึง 16260020
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16230001 ถึง 16230080
ในรถรุ่นนี้ LR เลิกผลิตหลังจากปี 1951
หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง
ใช้นบหมายเลขจาก 16100001 สำหรับรถขับขวา และ 16130001สำหรับรถขับซ้าย
    ั
รวมจำนวนการผลิต 17360 คัน




                                                               12
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




รุ่น 1952 Model




                                            ใบโฆษณาส่งเสริมการขาย ในปี 1952

Home models หมายเลขแชสซีสใช ้26100001 ถึง 26105569
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้ สำหรับส่งออก 26160001 ถึง 26163614
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 26130001 ถึง 26136424




                                                             13
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


Right hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 26660001 ถึง 26661092
Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 26630001 ถึง 26631985
หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า
ใช้นับหมายเลขจาก 26100001 สำหรับรถขับขวา และ 26130001 สำหรับรถขับซ้าย ส่วนเพลาหลังใช้นบตั้งแต่ 26100001
                                                                                      ั
รวมจำนวนการผลิต 18715 คัน
รุ่น 1953 Model




                                            ใบโฆษณาส่งเสริมการขาย ในปี 1953

Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 36100001 ถึง 36104122
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 36160001 ถึง 36164007
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 36130001 ถึง 36134613
Right hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 36660001 ถึง 36662240
Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 36630001 ถึง 36637268
หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า
ใช้นบหมายเลขจาก 36100001 สำหรับรถขับขวา และ 36130001 สำหรับรถขับซ้าย ส่วนเพลาหลังใช้นับตั้งแต่ 36100001
    ั
รวมจำนวนการผลิต 22272 คัน (รวม รุ่น Minervas)




                                                            14
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


รุ่น 80”Mobile Welder Model




                                                    Land Rover Mobile Welder
Land Rover 80" Mobile Welder สามารถติดตั้งได้ทั้งเครื่องเชื่อมแก๊สหรือไฟฟ้า โดยจะติดตั้งไว้ส่วนกลางด้านท้ายรถ
รวมการผลิต SI รุ่น 80" ทั้งหมด 82395 คัน


Land-Rover 86" Series-I (1954-1958)
ปลายปี 1953 : เป็นช่วงวิกฤตกับบริษัทผลิตรถยนต์ทั่วไป เพราะเนื่องมาจากการชลอตัวของการผลิต และราคาน้ำมัน
อันเป็นผลมาจากภาวะหลังสงคราม และนอกจากนี้ปัญหาหลักที่แลนด์โรเวอร์พบหลังจบการผลิตรถทดลองในช่วงปลายปี 1952 คือ
พื้นที่การบรรทุกด้านหลังที่น่าจะเพิ่มเติมเข้าไปอีก จึงนำรถรุ่น 80" ปี 1954 มาขยายความยาวฐานล้อเป็น 86" และ 107" ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังเพิ่มช่วงความกว้างของแหนบเป็น 2.5 นิ้ว
ในการปรับปรุงรุ่น 80" ให้ดีขึ้น เริ่มคิดกันมาตั้งแต่เริ่มผลิตรุ่นนี้ใหม่ๆ จนกระทั่งต้นปี 1950 ก็ได้ลงมือทำรถต้นแบบจำนวน 50 คัน
โดยใช้หมายเลข chassis 07100001 ถึง 07100050 โดยเลข 7 หมายถึง `Test Land Rover' แต่กไม่เคยได้นำมาใช้ซะที
                                                                                              ็
จนกระทั่งรถมาตรฐานออกสู่ตลาดในปี 1952 กับเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร และเปลี่ยนหมายเลขตำแหน่งที่สองเป็น 6a




                                                                  15
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


ในระหว่างปี 1952 Land Rover เริ่มสร้างรถต้นแบบ 9 คันจากรุ่น 86" โดยเพิ่มขนาดที่ว่างในตัวถังด้านหน้าอีก 9" รวมทั้งออกแบบภายใน
ประตู ใหม่เพื่อเปลี่ยนโฉมจากที่เป็นรถเฉพาะชาวนา ให้เป็นรถที่ทุกคนต้องการจะใช้มน        ั
รถต้นแบบ ทั้ง 9 คันใช้รหัสรถ P86/1 ถึง P86/9 ซึ่ง `P86' หมายถึง Prototype 86"
และในเวลาเดียวกันก็ยังมีความคิดที่จะเพิ่มความยาวฐานล้อขึ้นอีก จึงทำให้เกิด รถต้นแบบ 107" อีก 3 คัน โดยใช้รหัสรถ P107/1 ถึง P107/3
ความสำเร็จของรถต้นแบบทั้ง 12 คัน ทำให้ LR ผลิตรถออกมาจนถึงปี 1953 โดยใช้นบเลข Chassis จาก 47100001ซึ่งเลข 7
                                                                                     ั
ก็ยังมีความหมายว่า `Test Land Rover' เหมือนเดิม แต่มีบางล็อตในปลายปี1953 ใช้หมายเลข 36100001 ส่วน รุ่นปี 1954 ใช้หมายเลขจาก
46100001
รุ่น 86" และ 107" เดินสายการผลิตแค่ 2 ปีเท่านั้นก็เลิก เพราะเหตุผลที่ LR เริ่มออกรุ่น 88" และ 109" กับเครื่องยนต์ดเี ซลใหม่ขนาด 2 ลิตร
แต่รุ่น 107" Station wagon ยังคงผลิตอยู่แต่ไม่ได้ใช้เครื่องดีเซลใหม่ตัวนี้
Chassis Numbers.
Pre-Production 86" (1952) P86/1 ถึง P86/9
Pre-production 107" (1952-53) P107/1 ถึง P107/3
Pre-production 107" Station Wagon (1954-55) 107/SW/1 และ 2, LRSW 107-3 ถึง 6


1954 Models
ในปี 1954 นี้เองที่นับว่าเป็นปีแห่งความยุ่งเหยิงของแลนด์โรเวอร์ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือ การเริ่มผลิตรถในรุ่น 86
และ107 นิ้ว เพื่อรองรับความต้องการของตลาด




Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 47100001 ถึง 47102681
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47160001 ถึง 47163434
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47130001 ถึง 47135125
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47660001 ถึง 47663096
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47630001 ถึง 47630564




                                                                  16
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


1955 Model
Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 57100001 ถึง 57108185
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57160001 ถึง 57163537
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57130001 ถึง 57135760
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57660001 ถึง 57662250
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57630001 ถึง 57630482
รวมรุ่น 1955 86" ผลิต 20214 คัน
1956 Model
Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 170600001 ถึง 170604807
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 176600001 ถึง 176602441
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 173600001 ถึง 173604433
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 177600001 ถึง 177601367
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 174600001 ถึง 174601000
รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 86" แบบมาตราฐาน จำนวน 49351 คัน
Land-Rover 88" Series-I (1956-1958)
แลนด์โรเวอร์ได้เพิ่มความยาวฐานล้อจาก 86 นิ้วเป็น 88 นิ้ว และในปีนี้เองที่ทีมวิศวกรได้ออกแบบเครื่องยนต์ดีเซลออกมาใช้งาน นำทีมโดย
Jack Swain รวมทั้งแลนด์โรเวอร์อีกยอมควักกระเป๋าอีก 240,100 ปอนด์ เพื่อสร้างสายการผลิตให้ให้กับ รุ่น 88 และ 109 นิ้ว
รายละเอียดการเพิ่มเติม คือ ย้ายเพลาหน้าไปด้านหน้า อีก 2นิ้ว ลดขนาดแชสซีสตัวที่รองรับหม้อน้ำลง
แก้มและฝากระโปรงถูกปรับตำแหน่งและขนาดให้เหมาะสม พื้นด้านล่างของคอหน้าเปลี่ยนเป็นชิ้นเดียว แทน 3 ชิ้นแบบเดิม




                                                     88" Station Wagon




                                                               17
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




Land-Rover 107" Series-I (1955-1958)
รุ่น 107" Model




Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 47200001 ถึง 47200441
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47260001 ถึง 47261674
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47230001 ถึง 47231245
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47760001 ถึง 47760346
Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47730001 ถึง 47730114
รวมรุ่น 1954 107" ผลิต 3820 คัน




Land-Rover 107" Series-I Station Wagon (1955-1958)




                                                             18
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


                                                   107" Series-I 1955

1955 Model

รุ่น 107" Model
Basic model Home modelsหมายเลขแชสซีสใช้ 57200001 ถึง 57201205
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57260001 ถึง 57263863
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57230001 ถึง 57232120
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57760001 ถึง 57761436
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57730001 ถึง 57730066
รวมรุ่น 1955 107" ผลิต 8690 คัน




1957 Model
รุ่น 107" Station Wagon Model
Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 131700001 ถึง 131700053
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 132700001 ถึง 132701024
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก (C.K.D) 133700001 ถึง 133700024
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 134700001 ถึง 134701283
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 135700001 ถึง 135700036
รวม 1957 107" Station Wagon ผลิตออกจำหน่าย 2420 คัน




                                                             19
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




                                             Above: With 1990's wheels




                                         Above: With a Holden 202 motor
1958 Model
รุ่น 107" Station Wagon Model
Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 131800001 ถึง 131800120
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 132800001 ถึง 132801541
Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก (C.K.D) 133800001 ถึง 133800036
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 134800001 ถึง 134801618
Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 135800001 onwards (unknown)
รวมรุ่น 1958 107" Station Wagon ผลิต 3315 คัน


                                                            20
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 107" แบบมาตราฐาน จำนวน 20348 คัน
รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 107" แบบ Station wagon จำนวน 7007 คัน


Land-Rover 109" Series-I (1956-1958)
1958 Model




                                                          1958

                                               Early Series I 80in




Years: July 1948-May 1950
Number Built: 18,693 (approx)
Engine:
      1595 cc, 50 hp, 101 ft-lbs, 4 cylinder petrol (producion
      1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol (on the 50 prototypes)
Weight: 2594 lbs
Distinguishing features:
      Tapered doors; headlights behind the grill; instrument assembly centrally located and
      protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; no exterior door handle;
      recessed breakfast with 4 breakfast holes; square, wire Grill.
Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas
Production Data:
      1948:
             Basic: 3,000
      1949:




                                                            21
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

            Basic: 4920
            Station Wagon: 70
            Welder: 10
      1950: 10,693 (approx)
            Basic & CKD: 10,290 (approx)
            Station Wagon: 320 (approx)
            Welder: 33 (approx) 2-liter Prototypes: 50

                                       Mid Series I 80in




Years: May 1950-Early 1953
Number Built: 49,465 (approx)
      Basic: 40,484 (approx--also includes 1950 CKDs)
      Station Wagon: 260 (approx)
      Welder: 79 (approx
      CKD: 8640 (approx)
Engine:
      1595 cc, 50 hp, 101 ft-lbs, 4 cylinder petrol (1951 models)
      1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol (1952 and 1953 models)
Weight: 2594 lbs
Distinguishing features:
      tapered doors; headlights peaking through the grill; instrument assembly centrally located
      and protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; exterior Door handles were
      introduced in 1952; recessed breakfast with 4 breakfast holes; rectangular, wire Grill.
Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas
Production Data:
      1950
             Basic & CKD: 5,149 (approx)
             Station Wagon: 160 (approx)
             Welder: 17 (approx)
      1951
             Basic: 13,359
             Station Wagon: 100
             Welder: 20
             CKD: 2,401
      1952



                                                  22
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

             Basic: 15,607
             Welder: 31
             CKD: 3,077
      1953
             Basic: 6,371 (approx)
             Welder: 11 (approx)
             CKD: 3,162 (approx)

                                       Late Series I 80in




Years: Early 1953-Sept 1953
Number Built: 9,544 (approx)
Engine:
      1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol
Weight: 2594 lbs
Distinguishing features:
      Tapered doors; headlights on the breakfast; instrument assembly centrally located and
      protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; exterior door handles; recessed
      breakfast with one breakfast hole; inverted T, wire Grill.
Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas
Production Data:
      1953
             Basic: 6,371 (approx)
             Welder: 11 (approx)
             CKD: 3,162 (approx)
                                     Series I 86in & 107 in




                                                  23
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

Years: 1954-1956 (86"), 1955-1958 (107")

Number built:
     86" Basic: 49,342
     107" Basic: 20,345
     107" Station Wagon: 7,001
Engine:
     Petrol: 1997 cc, 52hp, 4 cylinder petrol
     Diesel: None
Weight: 86" basic, 2702 lbs; 107" basic, 3031 lbs; 107" Station Wagon, 3444 lbs

Distinguishing features:
      flat sides; headlights inboard; body color headlight rings; one breakfast hole; inverted T,
      wire grill; flat door hinges; recessed door latch; centrally located instruments.
Notes:

   •   The as with other Rovers the only main difference between the 86" and 107" is the
       wheelbase, otherwise they are identical.
   •   The Series I 86" and 107" came with a number of body styles: hard top, pickup top, soft
       top and no top.
   •   The 86" had 2 doors and would seat 3. The 107 in came either as a 2 door (seating 3) or
       as a 5 door (Station Wagon) that seated 10.

Production data:
     1954:
            86" Basic: 15,080
            107" Basic: 3,820
     1955:
            86" Basic: 20,214
            107" Basic: 8,690
     1956:
            86" Basic: 14,048
            107" Basic: 7,835
            107" Station Wagon: 1,266
     1957:
            107" Station Wagon: 2,420
     1958:
            107" Station Wagon: 3,315

                                          Series I 88 in




                                                   24
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




Years: 1956-1958

Numbers Built:
     88" Basic: 25,944
     109" Basic: 16,132
Engine:
     Petrol: 1997 cc, 52 hp @3500 rpm, 101 lb-ft @1500 rpm, 4 cylinder
     Diesel: 2052 cc, 51 hp @3500 rpm, 87 lb-ft @2000 rpm, 4 cylinder
Weight: 88" Basic, 2740 lbs; 109" Basic, 4080 lbs

Distinguising Features:
      Flat sides; headlights inboard; chrome headlight rings; inverted T, wire grill; centrally
      located instruments
Note: The 109" is essentially a stretched 88"
Production Data:
      1956
              88" petrol: 2,270
              88" diesel: 6 (prototypes)
              109" petrol: 1,152
              109: diesel: 1 (prototype)
      1957
              88" petrol: 13,977
              88" diesel: 298
              109" petrol: 8,475
              109: diesel: 153

       1958
              88" petrol: 7,338
              88" diesel: 2,055
              109" petrol: 5,405
              109: diesel: 946




                                                    25
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


Land Rover Series II (1958-1961)




นับเป็นปีที่แลนด์โรเวอร์เริ่มมองหารูปแบบใหม่ๆ เพื่อเปิดตลาดรถยนต์เพิ่ม ซึ่งในปีนี้เองคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด คือ Austin Gypsy
ที่รูปแแบการตลาดคล้ายคลึงกัน รวมทั้งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีก็เริ่มขยายตัวทำให้ตลาดมีความต้องการความใหม่ของรูปแบบรถยนต์




                                                         Austin Gypsy

และแล้วก็มาถึงลูกเมียน้อยของแลนด์โรเวอร์ พราะผลิตได้แค่ไม่ก่ีปก็เลิก ซ้ำร้ายขณะยังไม่ได้ออกจำหน่าย โครงการณ์ผลิต Series 3
                                                                 ี
ก็ออกมาเป็นคู่แข่งพร้อมๆกันเสียแล้ว Series II มีช่วงการผลิตที่น้อยเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นเพราะเป็นช่าวเวลาที่ Series 3
กำลังใกล้จะออกตามมาเช่นกัน โดยถูกผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1958 โดย David Bache นักออกแบบของ LR เอง โดยมี 2 รุ่นดังนี้คือ ขนาดกว้าง 88
and 109" กับเครื่องยนต์มให้เลือก 2052cc ดีเซล หรือ 2286cc เบนซิน, (88" จะใช้เครื่องเบนซิน 1997 CC )
                        ี




                                                               26
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ S2 แท้ๆ สักคัน หรือลูกครึ่งก็ไม่เป็นไร ขอให้โครงสร้างตัวถังดีเป็นใช้ได้




                                                                   27
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




จงภูมใจไว้เถอะครับว่ารถรุ่นเรามีนอย ควรค่าแก่การเก็บรักษา และรุ่นนี้ในบ้านเราทั้งหมด ขนขึ้นเรือ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอังกฤษทั้งคัน
     ิ                           ้




                                                              Series II




                                                      Years: 1958-1961


Numbers Built:




                                                                28
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

88" Basic: 60,456
109" Basic: 12,032
109" Station Wagon: 7,579
Engine:
Petrol: 1997 cc, 52 bhp @3500 rpm, 101 lb-ft @1500 rpm, 4 cylinder--1958 88" models only
Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder
Diesel: 2052 cc, 51 bhp @3500 rpm, 87 lb-ft @2000 rpm, 4 cylinder
Weight: 88" Basic, 2900 lbs; 109" Basic, 3294 lbs

Distinguising Features:
Bulged Sides; Headlights inboard; 3 holes in the breakfast; wire, inverted T grill, centrally located
instruments
Notes: 109" is essentially a streched 88"

Production Data:
1958
88" petrol: 7,150
88" diesel: 1,261
109" petrol: 2,944
109" diesel: 791
1959
88" petrol: 12,936
88" diesel: 2,685
109" petrol, Basic: 6,987
109" petrol, Station Wagon: 1,660
109" diesel, Basic: 2,217
109" diesel, Station Wagon: 32
1960
88" petrol: 15,909
88" diesel: 3,143
109" petrol, Basic: 11,438
109" petrol, Station Wagon: 2,643
109" diesel, Basic: 2,740
109" diesel, Station Wagon: 93
1961
88" petrol: 14,922
88" diesel: 9,539
109" petrol, Basic: 12,364
109" petrol, Station Wagon: 3,000
109" diesel, Basic: 2,641
109" diesel, Station Wagon: 151




                                                        29
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


Land Rover Series IIA (1962-1968)




1961: เครื่องยนต์ดีเซลที่เป็น option เพื่อเพิ่มกำลังจาก 2 ลิตร เป็น 2.25 ลิตร แต่ยังมีชวงชักเท่ากับเครื่องยนต์เบนซิน
                                                                                       ่
นอกจากนี้ยงเสริมความแข็งแรงที่ แค้งชาร์ฟ (crankshaft) ให้แข็งแรงกว่าเครื่องเบนซิน แตรย้ายมาตรงกลางพวงมาลัย
            ั
ก้านไฟเลี้ยวตีกลับมาตำแหน่งเดิมเมื่อเลี้ยวเสร็จ
1962: A 12-seater LWB station wagon was introduced, as an option to the usual 10-seater. This could be seen as a tax avoidance measure
because 12 seats made it a bus and buses did not carry sales-tax! The rear seat occupants would need to be very good friends.
1962: Forward Control Land Rover เริ่มผลิต
1965: ดำเนินการออกแบบรถต้นแบบของ Military Lightweight.
1966: เพิ่ม Optional เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.6 ลิตร 6 สูบ ในรุ่น LWB และ FC เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ FC (series 2B) ในขณะนั้น มี LR
ผลิตออกมาจำหน่ายจำนวน 500,000 คันแล้ว
1967: เปลี่ยนหน้าปัดมาตรวัดต่างๆ และมอเตอร์ปัดน้ำฝนเป็นแบบใช้ตวเดียว     ั
1968:ไฟหน้าย้ายมาอยู่ด้านข้างบริเวณแก้มทั้งสองข้าง ในรถส่งออก แต่ในบ้านเราก็มีบางคันที่ไฟหน้าจะอยู่ตรงกลาง
จุดสังเกตที่พอจะทำให้แยกจาก S2 ได้คือ บริเวณห้องเครื่องด้านท้ายเครื่องจะเว้ามากกว่ารุ่น S2




                                                                  30
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




1969: เพิ่มความแข็งแรงให้เพลาท้ายในรุ่น LWB
1971: SIII เริ่มผลิต หยุดสายการผลิต S2A



                                              Early Series IIA




Years: 1962-(April 1968-Feb 1969)
Not all markets saw the changes that started in April 1968
Numbers Built (approximations):
88" Basic & Station Wagon: 103,000
109" Basic & Station Wagon: 123,000
109" 6 cyl: 3,900
109" 1 ton: 50 ("very few"--the production then was about 70/year and the split came mid year)
88" & 109" CKD: 51,000 (CKD=Complete Knock Down--a kit assembled overseas)
Engine:
Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder
Petrol: 2625 cc, 83 bhp @4500 rpm, 132 lb-ft @1750 rpm, 6 cylinder (109" only)
Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder
Weight:



                                                       31
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

88" Basic: 2953 lbs
88" Station Wagon: 3281 lbs
109" Basic: 3445 lbs
109" Station Wagon: 3742
Distinguising Features:
Bulged sides; inboard headlights; crome headlight rings; wire, inverted T grill, 3 breakfast holes, stearing
arms under the swivel ball; centrally located instruments
Notes:
109" is essentially a streached 88".
Land Rovers built before April 1967 have an postive earth electricals and a body colored instrument panel.
Post April 1967 Land Rovers are negative earth and have a black colored instrument panel.
Production Data (approximate--data is a model based on all known information):
1962
88": 13,500
109": 16,500
88" & 109" CKD: 6,600
1963
88":12,600
109": 15,300
88" & 109" CKD: 6,100
1964
88": 15,400
109": 18,800
88" & 109" CKD: 7,600
1965
88": 16,660
109": 20,200
88" & 109" CKD: 8,200
1966
88": 17,300
109": 21,100
88" & 109" CKD: 8,600
1967
88": 16,000
109": 17,700
88" & 109" CKD: 7,900
109" 6 cyl: 2,250
1968
88": 11,800
109": 13,500
88" & 109" CKD: 6,000
109" 6 cyl: 1700
109" 1 ton: 50




                                                       32
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

                                              Late Series IIA




Years: ~1968/1969 to 1971
It is not clear when LR made the transition from the Bugeye to the Late SIIA
Numbers Built (approximations):
88" Basic & Station Wagon: 48,700
109" Basic & Station Wagon: 57,000
109" 6 cyl: 5,000
109" 1 ton: 260
88" & 109" CKD: 25,200 (CKD=Complete Knock Down--a kit assembled overseas)
Engine:
Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder
Petrol: 2625 cc, 83 bhp @4500 rpm, 132 lb-ft @1750 rpm, 6 cylinder (109" only)
Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder
Weight:
88" Basic: 2953 lbs
88" Station Wagon: 3281 lbs
109" Basic: 3445 lbs
109" Station Wagon: 3742
Distinguising Features:
Bulged sides; wing mounted, recessed headlights; wire, plus shaped grill; 3 breakfast holes; stearing arms
under the swivel ball; centrally located instruments
Notes: 109" is essentially a stretched 88".
Production Data (approximate--data is a model based on all known information):
1968
88": 3,000
109": 3,500
88" & 109" CKD: 2,000
109" 6 cyl: 500
109" 1 ton: 20
1969
88": 17,830
109": 20,400
88" & 109" CKD: 9,000



                                                      33
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

109" 6 cyl: 2250
109" 1 ton: 72
1970
88": 16,700
109": 19,100
88" & 109" CKD: 8,500
109" 6 cyl: 2250
109" 1 ton: 82
1971
88": 10,200
109": 13,000
88" & 109" CKD: 5,700
109" 6 cyl: 2250
109" 1 ton: 83

1981: ~1110
1981: ~1110



Forward Control Series IIA




 หลังจากแลนด์โรเวอร์ได้แนะนำ SIIA เข้าสู่ตลาดในปี 1962 แล้วนั้น เพื่อตอกย้ำตลาดภายในบ้านตัวเองจึงคิดจะผลิตรถยนต์แบบ Station
Wagon แบบ 12 ที่น่ง แต่ถ้ายังคงใช้รูปแบบตัวรถแบบเดิมจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก
                  ั
นักออกแบบของแลนด์โรเวอร์จึงคิดออกแบบรถให้เสียภาษีน้อยลงโดยยึดโครงสร้างให้ไปเป็นแบบรถมินบัสในปัจจุบัน ซึ่งมันก็ได้ผล
                                                                                                ิ
เพราะราคาขายสามารถลดลงจาก 1293 เป็น 950 ปอนด์ และในเดือนกันยายนก็เริ่มผลิตออกขาย ให้ชื่อรุ่นว่า Forward Control




                                                              34
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ



1962: รุ่น Forward control หรือ cab-over เป็น version หนึ่งของ SIIA Land-Rover ซึ่งถูกผลิตขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการเนื้อที่บรรทุกมากๆ
หรือต้องการพื้นที่วางเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ แต่มันยังคงใช้โครงสร้าง Chassis ของ SIIA
                    ่
แต่มีส่วนเพิ่มเติมในด้านหน้าเพื่อทำหน้าที่ยึดตัวถังที่ยื่นออกมา ในส่วนของตัวถังก็ยงสามารถนำของ SIIA มาปรับแต่งใช้บางส่วนโดยเพิ่ม
                                                                                  ั
Sub-chassis ไว้ดานบนของแชสซีหลักเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นของตัวรถ กระจังรับลมด้านหน้าเลื่อนมาไว้ด้านหน้า
                  ้
และลดขนาดก้านพัดลมลง ทำให้อายุงานสั้นลง แต่เมื่อต้องการจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ ก็สามารถนำพัดลมไฟฟ้ามาติดตั้งได้เลย
เพราะเนื้อที่เหลือเฟือ




                                                                 S2A

ด้านหน้า Chassis ประกอบไปด้วยเหล็กชิ้นหลายท่อน เพื่อทำหน้าที่ยึดตัวบอดี้ส่วน ฝาครอบเครื่องยนต์ยื่นเข้าไปจนถึงที่นั่งด้านหน้า
Series IIB
1966: พัฒนามาเป็น Series IIB forward control ที่มีความแข็งแรงกว่า มีความยาวฐานล้อ 110" และขยับเพลาหน้าเดินหน้ามา 1 นิ้ว
ความกว้างฐานล้อเพิ่มขึ้นจาก SIIA เพื่อประโยชน์ในการทรงตัวที่ดีขึ้น




จุดสังเกตที่เห็นได้ง่ายสุดระหว่าง FC SII2A กับ FC SII2B คือ SII2B ไฟหน้าจะอยู่ด้านล่าง และไฟหรี่จะย้ายไปอยู่ด้านบน ต่อจากไฟเลี้ยว




                                                                  35
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




The Land-Rover Forward Control 101 ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในราชการทหารของกองทัพอังกฤษ




เพื่อจุดประสงค์ให้สามารถเคลื่อนย้ายทางอากาศ ได้ รุ่นมาตราฐานของ 101 จะเป็นแบบหลังคาอ่อน (ผ้าใบ) แบบรถวิทยุแวน




และรถพยาบาล ใช้ระบบไฟ 24V ในตอนแรกมีใช้กนมากที่กองกำลัง NATO ในแถบประเทศยุโรป ในบ้านเราไม่ค่อยเห็นเท่าที่ควร
                                        ั
โดยคนไทยนิยมเรียกมันว่า “แลนด์ฯโย่ง”


                                                             36
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


รถต้นแบบ
1969: ในตอนแรกฝากระโปรงจะสั้นมาก รูปแบบด้านหน้ารถก็แตกต่างจารถผลิตจริงมาก นอกจากนี้ยงใช้ระบบ ขับ 4 แบบ part time
                                                                                             ั
ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร 6 สูบ
รถต้นแบบดังกล่าว ถูกขายให้กบ ออสเตรเลีย ซึ่งนำไปใช้กับเครื่องยนต์ Australian Ford Falcon motor 3.6 ลิตร 6 สูบ และรถต้นแบบนี้ยังใช้
                              ั
รถพ่วงของบริษท Tasmanian หลังจากนั้นมันก็ถูกขายต่อให้ John Ayre และ Simon Ramsey แห่ง ULR Motors ใน Melbourne
                ั
ในตอนนั้นก็ยังคงใช้ตัวถัง รวมทั้งผ้าใบแบบเดิม หลังจากนั้น Falcon motor




ก็เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นแบบ V8 Leyland Terrier ขนาด 4.4 ลิตร โดยเครื่องยนต์ดังกล่าวถือได้ว่าเหมาะเจาะกับมันเป็นอย่างดี




รถต้นแบบ 101ปี 1969: forward control truck, หลังคาผ้าใบ, 2 ที่นั่ง (เพิ่มอีก 8 ที่นั่งในด้านหลัง), 2 ประตู
ความยาว 4290 mm (169"), กว้าง 1830mm (72"), สูง 2180mm (86")
ความยาวฐานล้อ 2560mm (101"), ความกว้างฐานล้อ 1520mm (60") / 1550mm (61"), ความสูงตัวรถ 254mm (10")
รัศมีวงเลี้ยว 7.15m (23'6")
น้ำหนักรวม ถังน้ำมัน 5 แกลลอน,เครื่องดับเพลิง,เครื่องมือต่างๆ 1998 kg (4396 lbs), ด้านหน้า 1170kg (2574 lbs), หลัง 828kg (1822 lbs)
เครื่องยนต์ Ford Falcon XT Series 3620cc (221 cu in), petrol, 6-cyls, carbulator, 2-valves/cyl, ohv
กำลัง 99bhp (gross) ที่ 4100rpm,แรงบิด 170 lbft ที่ 1700rpm


                                                                  37
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


ระบบไฟแบบl 24 volts, 60 amp alternator
คลัทช์ 9.5" (10" envisaged for production)
อัตราทดเกียร์ 4.609:1, 2.448:1, 1.505:1, 1:1 (ถอยหลัง 3.664:1); transfer case: 1.174:1 (hi), 3.321:1 (lo); diff: 5.571:1
อัตราทดรวม hi: 26.6:1, 16.0:1, 9.85:1, 6.54:1 (ถอยหลัง 24:1)
อัตราทดรวม lo: 75.0:1, 45.3:1, 27.8:1, 18.5:1 (ถอยหลัง 67:1)
รถต้นแบบใช้เกียร์รุ่น `phase-I box' กับเพลา ENV ส่วนรถในสายการผลิตใช้เกียร์ `SIII phase-II gearbox' (เช่น. LT95)
เบรค ขนาด 280mm x 76mm (11" x 3") ในด้านหน้า และ, 280mm x 63mm (11" x 2.25") ในด้านหลัง
ยางขนาด 9.00 x 16 Dunlop ถังน้ำมัน 2 ถัง ถังละ 18 แกลลอน

สายการผลิต
1972: เริ่มออกแบบสายการผลิต




101 ถูกผลิตในช่วงปี 1975 และ 1978 เป็นจำนวนมากเกิน ทำให้ต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน
และต้องนำมาดูแลกันใหม่เมื่อต้องการนำออกมาขายอีกครั้ง โดยมันใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.5-litre alloy V8 และเกียร์รุ่น LT95 จาก Range
Rover แบบ 4 จังหวะ และ 2 จังหวะสำหรับเกียร์ transfer , ขับสี่ล้อ full time ระบบช่วงล่างเป็นแหนบที่มีขนาดใหญ่และกว้าง
ความกว้างของเพลา ยาวกว่าในรุ่นของ series ขนาดยางมาตราฐาน 9.00" x 16" ล้อขนาด 6.5" x 16" น็อตล้อ 6 รู
Land-Rover 101 (1975-1978):
หลังคาผ้าใบ, 2 ที่นั่ง (เพิ่มอีก 8 ที่น่งในด้านหลัง), 2 ประตู
                                        ั
ความยาว 4290 mm (169"), กว้าง 1830mm (72"), สูง 2180mm (86")
ความยาวฐานล้อ 2560mm (101"), ความกว้างฐานล้อ 1520mm (60") / 1550mm (61"), ความสูงตัวรถ 254mm (10")
รัศมีวงเลี้ยว 7.15m (23'6")
เครื่องยนต์ 3.5L V8 เกียร์ LT95 4 จังหวะแบบธรรมดา Full time 4WD
เบรคดรัม ขนาด 280mm x 76mm (11" x 3") ในด้านหน้า และ, 280mm x 63mm (11" x 2.25") ในด้านหลัง
ยางขนาด 9.00 x 16
option : Winch Nokken ติดตั้งอยู่ Chassis ด้านซ้ายมือ




                                                                      38
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




ทำการผลิตจนถึงปี 1978 และในรุ่นถัดมาตั้งแต่ปี 1980-1982 ก็ถูกเรียกกลับเพื่อทำใหม่ (rebuild) และตัวถังแบบรถพยาบาลก็ถูกนำมาใช้ใน
Chassis รุ่นมาตรฐาน
ระบบไฟมีท้ัง 60A 24V และ 40A 12V
Land Rover Light Weight (1967-1983)




ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง Jeep ถูกส่งเข้าประจำการในสงครามร่วมกับหน่วยพลร่มของอังกฤษ และหน่วยพลร่ม 82 และ 101
ของอเมริกน ซึ่งยุทธวิธีที่ใช้ลำเลียงกำลังพล และยุทธโธปกรณ์ คือ ทางอากาศ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ มีบทบาทสำคัญยิ่ง
           ั
เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว และสามารถขนส่งกำลังพล และรถยนต์ได้ตรงพื้นที่เป้าหมาย
รถยนต์คันแรกที่เริ่มใช้ขนส่งทางอากาศได้คอ Citroen 2CV แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอสำหรับงานหนักเช่นนี้ได้
                                            ื
จึงเกิดมีความต้องการรถยนต์ที่สมรรถนะแข็งแรง น้ำหนักเบา ซึ่งต้องไม่เกิน 25000 ปอนด์ สามารถเคลื่อนย้ายทางอากาศได้สะดวก
และปลอดภัย
รถยนต์ขาด 88" มาตรฐานของ Land Rover เองก็มีน้ำหนักเกือบ 3,000 ปอนด์ ซึ่งใกล้เคียงกับข้อกำหนด
และสามารถจะนำมาดัดแปลงให้เข้าข้อกำหนดได้ง่าย แต่มันเป็นไปไม่ได้ถ้าเราจะลดน้ำหนักของ Chassis


                                                               39
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




โดยที่ไม่มีผลเสียหายข้างเคียงตามมา ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ เกียร์ และเพลา ก็คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มีสิ่งเดียวที่เหลือพอจะจัดการได้
ตัวถัง โดยการลดสัดส่วน ลดขนาดของส่วนต่างๆลง เช่นประตู กระจกหน้า หรือแม้กระทั่ง ส่วนของบั้นท้าย แต่ยังคงไว้ กันชนเดิม
และยางอะไหล่ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย สามารถลดน้ำหนักลงเหลือ 2,650 ปอนด์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของกองทัพอังกฤษ THE LAND
ROVER AIR-PORTABLE LIGHTWEIGHT จึงถือกำเหนิดเป็นครั้งแรก
ปี 1968 เริ่มสายการผลิต แต่ในเวลานั้น เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในปฏิบัติการทางทหารสามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น ทาง Land Rover
จึงไม่ได้ถอดประตูข้าง และหลัง รวมทั้งกระจกหน้าออกเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานภาคพื้นดิน
สายการผลิตเริ่มผลิตจากปี 1968 จนกระทั่งเริ่มผลิตรุ่น Series 3 จึงหยุดการผลิต โดยพวกมันถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพกว่า 20 ประเทศ
โดยมีแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น เครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล ระบบไฟฟ้า 12V หรือ 24 V หลังคาแข็ง หลังคาอ่อน
หรือจะเป็นรถวิทยุท่สร้างมาเฉพาะ
                   ี
Land Rover Santana ถูกผลิตขึ้นในสเปน รู้จักกันในนาม 88 Militar ซึ่งต่อมาก็มการผลิตในรุ่น 109"
                                                                             ี
และบางส่วนถูกส่งไปประจำการในต่างประเทศ




Light Weight รุ่นแรกเป็น Series 2 มีไฟหน้าอยู่ข้างตระแกรงหน้ารถ แต่เมื่อ Series 3 ถูกผลิตมันก็ถูกย้ายมาด้านข้างที่แก้มทั้งสองข้าง
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์ตาม Series 3 ไปด้วย ส่วนในบ้านเรา ค่อนข้างหายาก หรือจะพูดได้ว่าหาแทบไม่ได้ก็ว่าได้
แต่ยังมีให้เห็นบ้างในโอกาสสำคัญๆ ถ้าใครเป็นเจ้าของก็คงนับได้ว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งหล่ะครับ




                                                                  40
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




                            Early Series IIA Military Lightweight




Years: 1967-1969
Numbers Built: about 1,112
Engine:
      Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years)
Weight: 3514 lbs
Distinguising Features:
      Angular bonnet; flat sides; flat plate windscreen mount; wire mesh, rectangular grill;
      centrally located instruments; flat dash; headlights on breakfast; recessed breakfast
Notes:: All were built for the British Army
Production Data:
      1967: 2
      1968: 512
      1969: ~600

                             Late Series IIA Military Lightweight




                                                   41
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




Years: 1970-1972
Numbers Built: about 1,825
Engine:
      Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years)
Weight: 3514 lbs
Distinguising Features:
      Angular bonnet; flat sides; flat plate windscreen mount; wire mesh, rectangular grill;
      centrally located instruments; flat dash; headlights in wings; recessed breakfast
Notes:: All were built for the British Army
Production Data:
      1970: ~800
      1971: ~900
      1972: ~175

                                Series III Military Lightweight




Years: 1972-1983
Numbers Built:
      Petrol: 10,425 (1972-1979)
      Diesel: 1,909 (1972-1979)
      Either: ~4,500 (1980-1983)
Engine:
      Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years)
      Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder (after 1975)




                                                   42
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ

Weight: 3514 lbs
Distinguising Features:
      Angular bonnet; flat sides; pillar windscreen mount; wire mesh, rectangular grill; centrally
      located instruments; flat dash; headlights in wings; recessed breakfast
Notes:: All were built for military use
Production Data:
1972: ~1540
1973: ~1540
1974: ~1540
1975: ~1540
1976: ~1540
1977: ~1540
1978: ~1540
1979: ~1540
1980: ~1110
1981: ~1110

Land Rover Stage I (1979-1985)




1979: LandRover stage-1 ชื่อที่ใช้เรียกแทนโครงการลงทุนในรถรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นขั้นแรกของโครงการ ซึ่งต่อมาก็คือ รุ่น 90-110 และ Defender
ตามลำดับ
stage-1 ที่เราเห็นมันก็คือ Series III ที่ยังคงใช้ช่วงล่างเป็นแหนบเหมือนเดิม ความยาวฐานล้อ 109" แต่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.5 ลิตร V8
กับเกียร์ 4-speed full-time 4WD




                                                                 43
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ




1981: มีรุ่นเฉพาะที่จำหน่ายในออสเตรเรีย ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Isuzu 3.9L 4BD1 4สูบ
โครงสร้างของ series III ถูกดัดแปลงใหม่ โดยย้ายกระจังหน้ามาไว้ด้านหน้า ฝากระโปรงยาวเต็มถึงแก้มซ้ายขวา ตัด chassis
ชิ้นที่สองที่ขั้นกลางออก แล้วสร้างใหม่เพื่อมารับน้ำหนักที่ใต้เกียร์ หลังจากนั้นก็ตัด chassis อีกอันที่อยู่ท้ายเกียร์ เพลายังเป็นรุ่นของ SIII
ทีมีอัตราทดเฟือง 3.54




ภาพ : LandRover Stage-1 ปี 1981, LWB station wagon, 10 ที่นั่ง, 5 ประตู
ความยาว 4580 มม, ความกว้าง 1680 มม, ความสูง 2000 มม
ความยาวฐานล้อ 2770มม. (109"), ความสุงจากพื้น 209 มม.
น้ำหนัก 1809 kg
เครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 3528 cc 2valves ต่อสูบ แบบ OHV
กระบอกสูบขนาด 88.9 มม, ช่วงชัก 71.12 มม, กำลังอัด 8.13:1

                                                                       44
เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ


กำลัง 69kW (92bhp) ที่ 3500 rpm, แรงบิด 230Nm ที่ 2000rpm
ระบบส่งกำลัง LT95, 4m, full-time 4WD, centre differential
อัตราส่วน ที่เกียร์ (1) 4.069:1,(2) 2.448:1, (3) 1.505:1, (4) 1:1 (ถอยหลัง 3.664:1), transfer-case hi 1.336:1, lo 3.321:1
ช่วงล่าง แหนบ หน้า-หลัง พร้อม ดรัมเบรค หน้า-หลัง เช่นกัน
ขนาดยาง 7.50x16, ปริมาตรถังน้ำมัน 68 ลิตร
1983: เริ่มผลิต รุ่น 110 และ 90 (1994)

                                                        Stage I (SIII, 109", V8)




                                                         Years: Feb 1979-1985

Numbers Built:
Unknown. An approximate upper bound is 58,000. This number is based upon a model that predicted the
number of 109" built for the years in question. So 58,000 includes non-Stage I 109"s. I wouldn't be
surprised if the true number is around 40,000
Engine: Petrol: 3528 cc, 91 bhp @3500 rpm, 166 lb-ft @2000 rpm, V8

Weight: 3396 lbs

Distinguising Features:
Grill flush with wings; wire mesh, rectangular grill, windscreen attached via pillers on the firewall;
instruments located in front of the driver; a dash board; recessed headlights mounted in the wings; bulged
sides; square doors; steering arms under the swivel pin housing.
Notes:
The Stage Is were all 109".
The number of Stage Is built is unknown because Land Rover switched over to VINs. So all Chassis
numbers are jumbled together and there there isn't an easy to pull the Stage I data out from the other 109"
and 88" data




Land Rover Series III (1971-1985)


                                                                       45
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์
ประวัติแลนด์โรเวอร์

Mais conteúdo relacionado

Destaque

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by HubspotMarius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 

Destaque (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

ประวัติแลนด์โรเวอร์

  • 1. ้้้ Kao wa Pom Ba Land
  • 2. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ พล่าม ข้อความทุกคำบนกระดาษในหนังสือเล่มนี้คงจะเรียกว่าแหล่งความรู้ที่จัดทำขึ้นโดยนักวิชาการหรือผู้รอบรู้ในเรื่องของรถยนต์คงหา มิได้ เพราะมันถูกจัดทำขึ้นเพื่อระงับอาการบ้าของตัวเองเท่านั้น เนื้อหาที่ได้มาก็จับแพะชนแกะจากแหล่งความรู้ออนไลน์ และหนังสือต่างๆ รวมทั้งอาการบ้าของตัวเองที่กำเริบออกมาให้เห็นอย่างเป็นระยะๆ เลยจับแปลงมาเป็นตัวหนังสืออย่างที่ท่านได้เห็น ก็หวังอย่างเดียวว่าสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ใดๆอันเกิดจากหนังสือเล่มนี้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็ขอมอบให้กับผู้ใช้รถแลนด์ฯทุกคนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ และที่มอาจลืมได้เลยคือ ิ ผู้ที่ใช้รถแลนด์ฯในการประกอบคุณปการให้กับประเทศชาติในอดีต จนสร้างตำนานหน้าหนึ่ง ู และความมีเสน่ห์ของรถแลนด์ฯให้ย่งยืนจนถึงคนรุ่นหลังๆอย่างเรา ั 2
  • 3. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ เรื่องราวรถแลนด์โรเวอร์ในบ้านเราดูจะมีข้อมูลให้ค้นหาน้อย นอกจากอาศัยสอบถามจากผู้รู้ และผู้ที่เกิดทัน แต่คนรุ่นหลังๆ เกิดมาก็เห็นแต่ซากเสียแล้ว น้อยมากที่จะเห็นวิ่งอยู่ตามท้องถนนเมืองไทย รถแลนด์ เริ่มเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 คือไม่ทันถึงปีหลังจากเริ่มผลิต ผู้สั่งเข้าเป็นบริษัทชาวอังกฤษชื่อ SERVICE GARAGE แต่หลังจากนั้นผู้ที่ทำให้แลนด์ เป็นรถที่แพร่หลายมาในเมืองไทยคือ BUTLER & WEBSTER เพราะ นอกจากลูกค้าเป็นชาวบ้านทั่วไปแล้ว ยังขายให้หน่วยงานใหญ่ๆ และราชการ ส่วนมากพวกคนรุ่นก่อนคงจะจำกันได้ว่าสมัยนั้นรถตำรวจใช้ แลนด์ ซีรีส์ 1 และยังเป็นรถดับเพลิงด้วย นอกนั้นก็ยังมีกรมทางหลวง กรมป่าไม้ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรธรณี เทศบาลต่างๆ กระทรวงกลาโหม เป็นต้น ด้วยความต้องการที่มากพอจึงทำให้มีการประกอบรถกันที่ อู่วัฒนายนต์ที่สมุทรปราการ โดยเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ภายใต้แบรนด์แลนด์โรเวอร์ แห่งแรกในเมืองไทยที่ทำให้กบบริษัท BUTLER & WEBSTER หลังจากปี ั 1980 ก็เปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายมาเป็นบริษท Lay Thai Motors ที่ขายรถอังกฤษอยู่ก่อนแล้ว (Triump, Jaguar,Austin) ั หลังจากหน่วยราชการเลิกใช้ มันก็ถูกจำหน่ายจ่ายออก หรือไม่ก็ปล่อยทิ้งไว้ให้พังไปตามกาลเวลา ร้านอะไหล่ที่ขายอะไหล่แลนด์ท่รุ่งเรืองเมื่อครั้งมันยังเป็นคุณหนูยอดฮิตของหน่วยราชการ ก็ต้องปิดตามไปบางส่วน ี หรือไม่กหันไปค้าขายอะไหล่ญี่ปุ่นไปเลยเพื่อความอยู่รอด เรื่องที่น่าเศร้าอีกอย่างที่เมื่อก่อนพบเห็นเป็นประจำ คือ ็ บางครั้งเมื่อมันถูกขายออกมาให้กับพ่อค้า คุณประโยชน์ของมันเป็นได้แค่เศษเหล็ก หรือเศษอลูมเิ นียม ที่ตัดออกมาชั่งกิโลขาย ไม่เหลือคราบของราชันย์แห่งพงพี ที่เคยสร้างคุณูปการร่วมกับข้าราชการไทย เพื่อพัฒนาบ้านเรามาก่อนเลย แต่ก็มีบางส่วนไม่น้อย สำหรับผู้ที่เคยบุกบั่นมากับมัน เมื่อถึงเวลาเพื่อนที่เคยร่วมทาง มีอันต้องปลดระวาง ก็หวนคิดถึง หาซื้อกลับมาซ่อมแซมเพื่อใช้งานต่อ (หรือจอดเก็บ) ด้วยความผูกพันธ์ บางส่วนก็รับมรดกตกทอดมาจากญาติผ้ใหญ่ ส่วนที่ว่ารักและชอบในความไม่เหมือนใคร ู อยากจะเป็นเจ้าของนั้นน้อยมาก ด้วยปัจจัยที่มันเป็นรถที่หาความสะดวกสบายไม่ได้เลย และที่สำคัญด้วยอายุ อานามของมันเองจึงทำให้ออกอาการสามวันดี สี่วนไข้ กินสตางค์เจ้าของแทนน้ำมัน หาช่างรู้ใจไม่ค่อยจะเจอ สมัยก่อนมีคนเปรียบเปรยไว้ว่า ั ผู้ใดได้เป็นเจ้าของรถแลนด์ฯถือว่าเป็นทุกขลาภประเภทหนึ่ง ที่ผู้ซึ่งมีไว้ในครอบครอง จะมีแต่เรื่องเสียเงิน เสียเวลา หรือพาลมีปัญหากับครอบครัวไปเลย แต่ปัจจุบัน การหารถแลนด์ฯ มาไว้ในครอบครองนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเราจะสังเกตุเห็นว่าลุงเชยของเรามาออกกำลังบนถนนมากขึ้น ซึ่งมันอาจจะเป็นดัชนีบ่งบอกถึงความนิยม ของคนในยุคเราๆ หรืออาจเป็นเพราะความเพรียบพร้อมในเรื่องข้อมูลที่จำเป็นของการซ่อมแซม แหล่งอะไหล่ ในโลกยุคของข้อมูล ข่าวสาร จนทำให้ความอยาก(เป็นเจ้าของ) มาบดบังความกลัวไปหมด โดยความเป็นจริงแล้ว เรื่องราวของแลนด์โรเวอร์ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายอะไร เมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ของรถญี่หออื่นที่ใช้ในสงครามต่างๆ ้ เพราะจริงๆแล้วมันถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวไร่ ชาวนาเป็นหลัก ถึงแม้ในปัจจุบันที่ความแปรผันทางด้านการตลาดเปลี่ยนไปจนทำให้มุมมองของคนทั่วไปเห็นว่าแลนด์โรเวอร์เป็นรถที่น่าจะ เหมาะกับเศรษฐีเท่านั้น แต่เมื่อมองกลับไปถึงรากเหง้าของมัน ผมนิยามขึ้นมาเอง ว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ มันป็น “รถสมรรถะ” ที่พอมี พออยู่กบอัตภาพของเจ้าของเอง มีเงินหมื่นก็ขับมันแบบหมื่น มีเงินแสนก็ขับมันแบบแสน ั 3
  • 4. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ หรือมีเงินล้านก็เป็นเรื่องของเจ้าของที่จะขับมันแบบล้าน ความชัดเจนที่ว่าทำไมเมื่อเจอกันบนท้องถนนต้องยกมือ หรือกระพิบไฟทักทายกัน ทั้งที่ไม่รู้จกกันมาก่อน น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่า แลนด์ฯก็เป็นตำนานหน้าหนึ่งเหมือนกัน ถึงตอนนี้ปิดหนังสือ ั แล้วหลับตานึกถึงรถเราที่จอดอยู่หน้าบ้าน หรือยังคาอยู่ในอู่ หรือผู้ที่ยังไม่มีรถก็นกภาพเอา ึ ว่านี่แหล่ะหนึ่งในความความภูมิใจของเรา......แล้วค่อยมาทำความรู้จักกับแลนด์โรเวอร์ในบทถัดไป รถต้นแบบ (Pototype) ประวัติศาสตร์ของคนบ้าเริ่มก่อตัวเมื่อพี่น้องตระกูล วิลค์ (Wilks) ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มใน Angleaey ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน เขาใช้ Jeep Willy กับภาระกิจในฟาร์มของเขาเอง ซึ่งในรถต้นแแบบที่ทำขึ้นก็ยังคงใช้ชิ้นส่วนที่ขอหยิบขอยืมมาจาก Jeep ซะส่วนใหญ่ แต่เมื่อในการผลิตจริงใช้วัตถุดิบภายในอังกฤษทั้งหมด ซึ่งพวงมาลัยยังคงอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง เหมือนรถแทร็คเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรทั่วไป ทั้งนี้เพราะยังไม่อยากจะผลิตรถขับซ้ายหรือขวาเหมือนตลาดรถยนต์ทั่วไป เลยเอาไว้ตรงกลางซะเลย....... ความจริงมันเป็นความคิดที่ดแต่เป็นไปไม่ได้ในตลาดขณะนั้น แต่ถ้ามันเป็นไปได้ ในปัจจุบันคงจะเท่ไม่ใช่น้อยถ้ามีรถแลนด์ฯชนิดเดียวที่ ี นั่งขับตรงกลาง เป็นพวก Series คงไม่เท่าไหร่ เพราะอาการคลาสสิคคงจะกลมกลืนกันไป แต่ถ้าขับ Range Rover แล้วนั่งขับตรงกลาง มันจะเป็นยังไงหนอ ว่ากันต่อครับ โครงสร้างของ chassis ในรถต้นแบบนำมาจาก Willys แต่ในสายการผลิตแรกใช้แผ่นหล็ก 4 แผ่นเชื่อมติดกัน ตัวถังใช้อลูมิเนียม ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ เหล็กตอนนั้นหายาก และธุรกิจรถยนต์กำลังอยู่ในช่วงทรุดตัวจนกระทั่งเหล็กมีจำนวนมากเพียงพอ Rover จึงกลับมาผลิตรถอีกครั้ง และ กฏหมายในสมัยนั้นบังคับว่าการผลิตที่มีอยู่นั้นต้องใช้เพื่อส่งออกเพื่อพยุงเศรษฐกิจ และถูกจำกัดจำนวนการผลิตรถยนต์ที่ใช้ภายในประเทศ ให้แค่พอใช้เท่านั้น 4
  • 5. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ โครงสร้าง chassis ที่มาจาก Jeep Willy ถูกออกแบบกันชนหน้าใหม่ แต่ยังคงใช้คานหน้า,หลัง, ล้อและยาง รวมทั้งเบรคเป็นของ Willy ทั้งหมด ส่วนเฟืองและเบรคมือเอามาจากผู้ผลิตภายในประเทศ มี เครื่องยนต์,คลัทช์ และเกียร์เท่านั้นที่เป็นของแลนด์โรเวอร์ ตำแหน่งคนขับถูกขยับเดินหน้าไป 3 นิ้ว พร้อมเปลี่ยนเบาะนั่งใหม่ ในส่วนที่ว่างสำหรับบรรทุกด้านท้ายมีความยาว 37" ขณะที่ Willy มีแค่ 31" ตัวถังใช้อลูมิเนียมแบบอ่อนทั้งหมด Series I หลังจากระบบธุรกิจของพี่น้องตระกูล วิลค์ (Wilks) เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และเริ่มผลิตรถในเชิงพานิชน์เป็นครั้งแรก เราก็ได้เห็นคุณปู่เมื่อสมัยยังหนุ่มของเราออกมาวิ่งพล่านทั่วท้องนาอังกฤษ ซึ่งต้องเน้นว่าท้องนานะครับ เพราะแผนการขายส่วนใหญ่มุ่งเน้นการใช้รถในการเกษตรกรรมเป็นหลัก และอีกอย่าง เศรษฐีเมืองผู้ดีส่วนใหญ่ก็คงจะไม่สนคุณปู่ของเราสักเท่าไหร่ เพราะหาความสะดวกสบายไม่ได้เลยอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะใช้ 4WD ไปทำไม แต่ถ้ายุคนี้อาจจะต้องคิดกลับกัน เพราะคนรวย และคนบ้าเท่านั้นที่มสิทธิจะได้เป็นเจ้าของรถแลนด์ฯ ี (มนุษย์เงินเดือนอย่างผม ต้องข้อหลังอย่างเดียว)ความจริงแล้ว ในตอนแรกเราไม่ได้เรียก Series 1 ว่า “ซีรี่ส์วัน” สาเหตุที่เรียกว่า Series one ก็เพราะตอนปี 1958 LR ได้เปิดโฉม Series 2 ออกจำหน่าย เลยเรียก LR รุ่นแรกว่า Series 1 ซะเลยจะได้ไม่งง โดยตัว S1 เองก็มีอยู่หลายรุ่นคือ 5
  • 6. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รุ่น ความกว้าง 80" (1948-1953), 86" (1953-1956), 88" (1956-1958), 107" (1953-1958) และ 109" (1956-1958) ส่วนเครื่องยนต์มี 3 รุ่น คือ 1595cc (1948-1951), 1997cc (1951-1958) เบนซิน และ 2052 cc ดิเซล (1957-1958) ปี 1948 เป็นปีแห่งความหมายของ Land Rover ที่ปรากฎต่อสาธารณะชน และคำๆนี้ต่อมามันก็เป็นส่วนหนึ่งของภาษาอังกฤษและ เป็นสัญลักษณ์ของเกาะอังกฤษอย่างหนึ่ง และถูกพบในพจนานุกรมอังกฤษมหาวิทยาลัยออคฟอร์ด อย่างไรก็ตามการเผยตัวเป็นครั้งแรกเพื่อให้เกิดการยอมรับจากสาธารณะชนนั้นเป็นเรื่องยาก จำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่ดีและต้องทำงานหนัก เพื่อทดสอบรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการผลิต และรองรับกับความต้องการของผู้ใช้ได้ สายการผลิตชั่วคราวถูกจัดตั้งเพื่อผลิตรถจำนวน 50 คันแรกของแลนด์โรเวอร์ และในวันที่ 11 มีนาคม รถยนต์คันแรกก็สำเร็จ โดยมีหมายเลขแซสซี R01 คงไม่ต้องสงสัยถ้าเผอิญไปเห็นในรูปรถแลนด์โรเวอร์ที่ออกวิ่งทดสอบขณะที่ทาสียังไม่เสร็จ รถคันที่ 2 ประกอบสำเร็จในวันที่ 15 ถัดมา ฤดูหนาวยังไม่ส้นสุด แต่ R01 และ R02 ก็ยังคงวิ่งทดสอบความสมบูรณ์ไปวันละนิดละหน่อย จนคณะตรวจสอบยอมอนุมัติ ในวันที่ 23 ิ มีนาคม ซึ่งในเวลานั้นก็เป็นเวลาที่จะบอกถึงความยิ่งใหญ่ให้โลกได้รับรู้ และรอรับออเดอร์จากลูกค้า เพื่อคำนวณวัสดุการผลิตให้ตรงความต้องการ จากนั้นลูกค้าก็ต้องรอจนกว่ารถจะประกอบเสร็จ การเปิดตัวครั้งแรก ในวันที่ 20 เมษายน ในงานแสดงรถยนต์อัมเตอร์ดัมมอเตอร์ในระหว่างวันที่ 30 ถึง 9 พฤษภาคม โดยมีแลนด์โรเวอร์เข้าร่วมแสดง 8 คัน โดย มีบางคันในนี้ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์การเชื่อมโลหะเข้าไปด้วย (Mobile Welding Plant) แลนด์โรเวอร์สามารถโกยยอดจองได้พอสมควรแต่กยังไม่สามารถผลิตส่งลูกค้าได้เพราะแลนด์โรเวอร์เองต้องปรับปรุงรถต้นแบบอีก ็ หลายประการจนกระทั่งเดือนกรกฎาคมจึงเริ่มผลิตส่งให้ลูกค้า โดยลำดับแรกเน้นลูกค้าในส่วนของอุตสาหกรรมการเกษตร ที่มกำลังการซื้อที่จัดว่าพอใช้ได้นอกจากนี้เองผู้บริหารจำเป็นต้องวางแผนการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้สอดคล้องกับ ี นโยบายการปันเหล็กเพื่ออุตสาหกรรมของรัฐบาลด้วย เพราะฉนั้นคนบ้าฯ อย่างเราๆท่านๆ จงภูมิใจไว้ได้เลยว่า กว่าจะเป็นแลนด์โรเวอร์อย่างในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย ความคิดครั้งแรกของการผลิตคือ ต้องการจะเพิ่มเติมกระจกด้านข้าง ที่ยึดยางอะไหล่ และที่นั่งที่เน้นความกว้างขวางขึ้น โดยสนนราคาค่าตัวที่ประมาณ 540 ปอนด์ แต่ในเดือนตุลาคมก็ตัดสินใจสุดท้าย ว่าจะผลิตแบบมาตราฐานเดิมโดยตั้งราคาไว้ที่ 450 ปอนด์ และในเดือนตุลาคมนี้เองก็ได้เผยรูปแแบบรถ Station wagon ที่มีราคาเป็นสองเท่าของรุ่นมาตราฐาน แต่ก็มีอุปสรรคบ้างในการผลิต เพราะติดปัญหาเรื่องภาษีภายในประเทศเอง ด้วยจำนวนการใช้รถที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนี้เอง ทำให้ได้แลนด์โรเวอร์ได้รับข้อมูลจากผู้ใช้มากมาย เพื่อปรับปรุงหรือดัดแปลงเพิ่มเติมในส่วนที่ผู้ใช้ต้องการ รวมทั้งมีการเพิ่มเติม Power Take Off แต่ก็ใช้งานได้น้อยมาก 6
  • 7. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ เพราะหน้าที่จริงๆน่าจะเป็นการฉุด ลาก มากกว่า จะนำมาใช้ในการไถ หรือเพาะปลูกพืชผล แต่ก็มีไม่น้อยที่มความต้องการเพื่อนำไปใช้ในเชิง ี OffRoad จริงๆ ซึ่งจุดนี้เองที่ผมคิดเอาเองว่า มันน่าจะเป็นจุดผกผัน ที่ทำให้แลนด์โรเวอร์กลายเป็นรถ OffRoad มากกว่าเป็นรถเพื่อการเกษตรเพียงอย่างเดียว และอาจจะพูดได้ว่าด้วยกรณีน้เี องมั้ง ที่ทำให้มันเป็นจุดสนใจให้กับวงการทหารที่จะนำมันมาปรับปรุงให้เข้ากับภารกิจทางหทาร SI รุ่น 80" เริ่มผลิตเมื่อปี 1948 ในพื้นฐานของรถสำหรับใช้งานเอนกประสงค์ทั่วไป (multi-purpose utility) โดยเฉพาะในงานเกษตรกรรม หลังจากนั้นก็เพิ่มเติมในส่วนของการใช้งานแบบต่างๆเช่น เป็นแบบเสตชั่นวากอน, หรือ ใช้ในพระราชพิธี, ทำเป็นรถสำหรับเชื่อมโลหะเคลื่อนที่ (Mobile Welder), รถดับเพลิงเป็นต้น สำหรับแบบ Station Wagons และ Mobile Welders จะแยกการเรียงหมายเลข chassis ออกไป ส่วน สำหรับรถดับเพลิงจะใช้หมายเลขทั่วไป ในระหว่างปี 1948 และ 1953 แลนด์โรเวอร์ได้มีการเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนเป็นจำนวนมาก ยกเว้นในรุ่นที่ผลิตในเบลเยี่ยม ที่ประกอบและออกแบบตัวถังเองโดยบริษัท Minerva Land Rover แต่ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ เกียร์ และเพลา ในรุ่นมาตราฐานเช่นเดียวกับในอังกฤษ หมายเลข Chassis หมายเลข Chassis ของรุ่น 80" จะเป็นเลขเดียวกันกับหมายเลขรถ ที่ระบุไว้บนแผ่นเพลทภายในรถ หรือจะอยู่ด้านหน้าซ้ายมือของ Chassis บริเวณแท่นเครื่อง ถ้าเป็นรถพวงมาลัยซ้ายอาจจะอ่านยากหน่อยเพราะมีพวกแกนพวงมาลัยบังอยู่ รุ่น 1948 (จนถึง กุมภาพันธ์ 1949) รุ่นทดลอง ใช้ R หรือ L 01ถึง 48 7
  • 8. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รุ่นมาตราฐาน ใช้ R หรือ L 860001 ถึง 863000. ส่วนเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 860001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 3048 คัน รุ่น 1949 (จาก กุมภาพันธ์ 1949 - กรกฏาคม 1949) รุ่นมาตราฐาน ใช้ R หรือ L 8663001 ถึง 8667920 Station Wagon, R หรือ L 8670001 ถึง 8670070 Mobile Welder, R หรือ L 8680001 ถึง 8680010 ส่วนเครื่องยนต์, ชุดส่งกำลัง, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 860001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 5000 คัน Land-Rover 80" Series-I (1948-1953) 1948 Models (to ~ Feb' '49) รุ่น Pre-Production, R or L 01 to 48 รถในรุ่นนี้จัดทำมาแค่ 48 คัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อประเมิณและทดสอบก่อนที่จะมีการผลิตจริงในเดือนกรกฎาคม ปี 1948 โดยจะมีหมายเลขแชสซี ขึ้นต้นด้วย R หรือ L แล้วตามด้วยหมายเลข 1 ถึง 48 ตามลับดับ ปัจจุบันเหลือเพียง 19 คันเท่านั้นที่ยังพอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง โดยประกอบไปด้วย R01, L03, R04, R08, L09, L11, R12, R14, R16, R17, L19, R23, R24, L25, L29, R30, R45 ,R46 ส่วนคันสุดท้ายแย่กว่าคันอื่นหน่อยคือ ยังไม่สามารถประกอบเป็นคันให้สมบูรณ์ได้คอ หมายเลข L26 ื ทั้งหมดถูกดัดแปลงย้ายตำแหน่งพวงมาลัยมาด้านขวาทั้งหมด ยกเว้นคัน L09 ที่ยังคงสภาพเหมือนตอนออกจากโรงงาน แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมันก็ถูกย้ายกลับไปตามตำแหน่งของรุ่นแล้วทั้งหมด และก็กระจายไปอยู่ทั่วอังกฤษ และประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะในพิพิธภัณท์ตางๆ และด้วยจำนวนการผลิต และจำนวนที่ยังคงมีให้เห็นอันน้อยนิดนี้ จึงทำให้มันหาค่าไม่ได้สำหรับคนบ้าฯ ่ อย่างเราๆ ท่านๆ แต่ถาเอามาจอดแถวย่านธุรกิจบันเทิงในบ้านเรา ก็คงไม่พ้นเป็นรถขนขยะเป็นแน่แท้ ้ 8
  • 9. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ R01 Gaydon R04 ปัจจุบันจอดแสดงที่ National Motor Museum ,Beaulieu 9
  • 10. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ R14 - HNX 444, สภาพก่อนการซ่อมแซม R16 - HNX 331 – ในสภาพที่ยงไม่สามารถประกอบให้สมบูรณ์เหมือนเดิมได้ ส่วนด้านหลังคือ L09 ั L29, ในสภาพที่ซ่อมแซมแล้ว โดยย้ายตำแหน่งพวงมาลัยกลับมาที่เดิม 10
  • 11. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รุ่น Basic Model, R or L 860001 to 863000 เป็นรุ่นมาตราฐาน 80 นิ้ว ที่ผลิตออกจำหน่ายในระหว่างปี 1948 ถึง 1953 รุ่น 1950 Model (สิงหาคม 1949 - กรกฏาคม 1950) The "North American spec." model รุ่นมาตราฐาน หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06100001 ถึง 06115440 Station Wagon, หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06200001 ถึง 06200480 Mobile Welder, หมายเลขแชสซีสใช้ R หรือ L 06300001 ถึง 06300030 เครื่องยนต์ตนแบบขนาด 2 ลิตร หมายเลข 07100001 ถึง 07100050 ้ ส่วนเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง ใช้นับหมายเลข 06100001 ไปเรื่อยๆ นับรวมการผลิตของรุ่นนี้ได้ 16000 คัน รุ่น 1951 Model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 16100001 ถึง 16103971 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16160001 ถึง 16163268 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16130001 ถึง 16137601 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (ประกอบในประเทศ CKD) 16660001 ถึง 16662322 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (ประกอบในประเทศ CKD) 16630001 tถึงo 16630078 CKD หมายถึงนำไปประกอบ ณ ประเทศนั้นโดยตัวแทนจำหน่าย 11
  • 12. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 80" Station Wagon Model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 16200001 (Sequence not used. All right hand vehicle where export models. ) Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16260001 ถึง 16260020 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 16230001 ถึง 16230080 ในรถรุ่นนี้ LR เลิกผลิตหลังจากปี 1951 หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า-หลัง ใช้นบหมายเลขจาก 16100001 สำหรับรถขับขวา และ 16130001สำหรับรถขับซ้าย ั รวมจำนวนการผลิต 17360 คัน 12
  • 13. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รุ่น 1952 Model ใบโฆษณาส่งเสริมการขาย ในปี 1952 Home models หมายเลขแชสซีสใช ้26100001 ถึง 26105569 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้ สำหรับส่งออก 26160001 ถึง 26163614 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 26130001 ถึง 26136424 13
  • 14. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Right hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 26660001 ถึง 26661092 Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 26630001 ถึง 26631985 หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า ใช้นับหมายเลขจาก 26100001 สำหรับรถขับขวา และ 26130001 สำหรับรถขับซ้าย ส่วนเพลาหลังใช้นบตั้งแต่ 26100001 ั รวมจำนวนการผลิต 18715 คัน รุ่น 1953 Model ใบโฆษณาส่งเสริมการขาย ในปี 1953 Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 36100001 ถึง 36104122 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 36160001 ถึง 36164007 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 36130001 ถึง 36134613 Right hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 36660001 ถึง 36662240 Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 36630001 ถึง 36637268 หมายเลขเครื่องยนต์, gearbox, เพลา หน้า ใช้นบหมายเลขจาก 36100001 สำหรับรถขับขวา และ 36130001 สำหรับรถขับซ้าย ส่วนเพลาหลังใช้นับตั้งแต่ 36100001 ั รวมจำนวนการผลิต 22272 คัน (รวม รุ่น Minervas) 14
  • 15. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รุ่น 80”Mobile Welder Model Land Rover Mobile Welder Land Rover 80" Mobile Welder สามารถติดตั้งได้ทั้งเครื่องเชื่อมแก๊สหรือไฟฟ้า โดยจะติดตั้งไว้ส่วนกลางด้านท้ายรถ รวมการผลิต SI รุ่น 80" ทั้งหมด 82395 คัน Land-Rover 86" Series-I (1954-1958) ปลายปี 1953 : เป็นช่วงวิกฤตกับบริษัทผลิตรถยนต์ทั่วไป เพราะเนื่องมาจากการชลอตัวของการผลิต และราคาน้ำมัน อันเป็นผลมาจากภาวะหลังสงคราม และนอกจากนี้ปัญหาหลักที่แลนด์โรเวอร์พบหลังจบการผลิตรถทดลองในช่วงปลายปี 1952 คือ พื้นที่การบรรทุกด้านหลังที่น่าจะเพิ่มเติมเข้าไปอีก จึงนำรถรุ่น 80" ปี 1954 มาขยายความยาวฐานล้อเป็น 86" และ 107" ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเพิ่มช่วงความกว้างของแหนบเป็น 2.5 นิ้ว ในการปรับปรุงรุ่น 80" ให้ดีขึ้น เริ่มคิดกันมาตั้งแต่เริ่มผลิตรุ่นนี้ใหม่ๆ จนกระทั่งต้นปี 1950 ก็ได้ลงมือทำรถต้นแบบจำนวน 50 คัน โดยใช้หมายเลข chassis 07100001 ถึง 07100050 โดยเลข 7 หมายถึง `Test Land Rover' แต่กไม่เคยได้นำมาใช้ซะที ็ จนกระทั่งรถมาตรฐานออกสู่ตลาดในปี 1952 กับเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร และเปลี่ยนหมายเลขตำแหน่งที่สองเป็น 6a 15
  • 16. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ ในระหว่างปี 1952 Land Rover เริ่มสร้างรถต้นแบบ 9 คันจากรุ่น 86" โดยเพิ่มขนาดที่ว่างในตัวถังด้านหน้าอีก 9" รวมทั้งออกแบบภายใน ประตู ใหม่เพื่อเปลี่ยนโฉมจากที่เป็นรถเฉพาะชาวนา ให้เป็นรถที่ทุกคนต้องการจะใช้มน ั รถต้นแบบ ทั้ง 9 คันใช้รหัสรถ P86/1 ถึง P86/9 ซึ่ง `P86' หมายถึง Prototype 86" และในเวลาเดียวกันก็ยังมีความคิดที่จะเพิ่มความยาวฐานล้อขึ้นอีก จึงทำให้เกิด รถต้นแบบ 107" อีก 3 คัน โดยใช้รหัสรถ P107/1 ถึง P107/3 ความสำเร็จของรถต้นแบบทั้ง 12 คัน ทำให้ LR ผลิตรถออกมาจนถึงปี 1953 โดยใช้นบเลข Chassis จาก 47100001ซึ่งเลข 7 ั ก็ยังมีความหมายว่า `Test Land Rover' เหมือนเดิม แต่มีบางล็อตในปลายปี1953 ใช้หมายเลข 36100001 ส่วน รุ่นปี 1954 ใช้หมายเลขจาก 46100001 รุ่น 86" และ 107" เดินสายการผลิตแค่ 2 ปีเท่านั้นก็เลิก เพราะเหตุผลที่ LR เริ่มออกรุ่น 88" และ 109" กับเครื่องยนต์ดเี ซลใหม่ขนาด 2 ลิตร แต่รุ่น 107" Station wagon ยังคงผลิตอยู่แต่ไม่ได้ใช้เครื่องดีเซลใหม่ตัวนี้ Chassis Numbers. Pre-Production 86" (1952) P86/1 ถึง P86/9 Pre-production 107" (1952-53) P107/1 ถึง P107/3 Pre-production 107" Station Wagon (1954-55) 107/SW/1 และ 2, LRSW 107-3 ถึง 6 1954 Models ในปี 1954 นี้เองที่นับว่าเป็นปีแห่งความยุ่งเหยิงของแลนด์โรเวอร์ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือ การเริ่มผลิตรถในรุ่น 86 และ107 นิ้ว เพื่อรองรับความต้องการของตลาด Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 47100001 ถึง 47102681 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47160001 ถึง 47163434 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47130001 ถึง 47135125 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47660001 ถึง 47663096 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47630001 ถึง 47630564 16
  • 17. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 1955 Model Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 57100001 ถึง 57108185 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57160001 ถึง 57163537 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57130001 ถึง 57135760 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57660001 ถึง 57662250 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57630001 ถึง 57630482 รวมรุ่น 1955 86" ผลิต 20214 คัน 1956 Model Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 170600001 ถึง 170604807 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 176600001 ถึง 176602441 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 173600001 ถึง 173604433 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 177600001 ถึง 177601367 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 174600001 ถึง 174601000 รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 86" แบบมาตราฐาน จำนวน 49351 คัน Land-Rover 88" Series-I (1956-1958) แลนด์โรเวอร์ได้เพิ่มความยาวฐานล้อจาก 86 นิ้วเป็น 88 นิ้ว และในปีนี้เองที่ทีมวิศวกรได้ออกแบบเครื่องยนต์ดีเซลออกมาใช้งาน นำทีมโดย Jack Swain รวมทั้งแลนด์โรเวอร์อีกยอมควักกระเป๋าอีก 240,100 ปอนด์ เพื่อสร้างสายการผลิตให้ให้กับ รุ่น 88 และ 109 นิ้ว รายละเอียดการเพิ่มเติม คือ ย้ายเพลาหน้าไปด้านหน้า อีก 2นิ้ว ลดขนาดแชสซีสตัวที่รองรับหม้อน้ำลง แก้มและฝากระโปรงถูกปรับตำแหน่งและขนาดให้เหมาะสม พื้นด้านล่างของคอหน้าเปลี่ยนเป็นชิ้นเดียว แทน 3 ชิ้นแบบเดิม 88" Station Wagon 17
  • 18. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Land-Rover 107" Series-I (1955-1958) รุ่น 107" Model Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 47200001 ถึง 47200441 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47260001 ถึง 47261674 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 47230001 ถึง 47231245 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47760001 ถึง 47760346 Left hand drive สำหรับส่งออก, (C.K.D) 47730001 ถึง 47730114 รวมรุ่น 1954 107" ผลิต 3820 คัน Land-Rover 107" Series-I Station Wagon (1955-1958) 18
  • 19. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 107" Series-I 1955 1955 Model รุ่น 107" Model Basic model Home modelsหมายเลขแชสซีสใช้ 57200001 ถึง 57201205 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57260001 ถึง 57263863 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 57230001 ถึง 57232120 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57760001 ถึง 57761436 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 57730001 ถึง 57730066 รวมรุ่น 1955 107" ผลิต 8690 คัน 1957 Model รุ่น 107" Station Wagon Model Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 131700001 ถึง 131700053 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 132700001 ถึง 132701024 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก (C.K.D) 133700001 ถึง 133700024 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 134700001 ถึง 134701283 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 135700001 ถึง 135700036 รวม 1957 107" Station Wagon ผลิตออกจำหน่าย 2420 คัน 19
  • 20. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Above: With 1990's wheels Above: With a Holden 202 motor 1958 Model รุ่น 107" Station Wagon Model Basic model Home models หมายเลขแชสซีสใช้ 131800001 ถึง 131800120 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 132800001 ถึง 132801541 Right hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก (C.K.D) 133800001 ถึง 133800036 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก 134800001 ถึง 134801618 Left hand drive หมายเลขแชสซีสใช้สำหรับส่งออก, (C.K.D) 135800001 onwards (unknown) รวมรุ่น 1958 107" Station Wagon ผลิต 3315 คัน 20
  • 21. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 107" แบบมาตราฐาน จำนวน 20348 คัน รวมการผลิตทั้งหมดของรุ่น 107" แบบ Station wagon จำนวน 7007 คัน Land-Rover 109" Series-I (1956-1958) 1958 Model 1958 Early Series I 80in Years: July 1948-May 1950 Number Built: 18,693 (approx) Engine: 1595 cc, 50 hp, 101 ft-lbs, 4 cylinder petrol (producion 1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol (on the 50 prototypes) Weight: 2594 lbs Distinguishing features: Tapered doors; headlights behind the grill; instrument assembly centrally located and protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; no exterior door handle; recessed breakfast with 4 breakfast holes; square, wire Grill. Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas Production Data: 1948: Basic: 3,000 1949: 21
  • 22. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Basic: 4920 Station Wagon: 70 Welder: 10 1950: 10,693 (approx) Basic & CKD: 10,290 (approx) Station Wagon: 320 (approx) Welder: 33 (approx) 2-liter Prototypes: 50 Mid Series I 80in Years: May 1950-Early 1953 Number Built: 49,465 (approx) Basic: 40,484 (approx--also includes 1950 CKDs) Station Wagon: 260 (approx) Welder: 79 (approx CKD: 8640 (approx) Engine: 1595 cc, 50 hp, 101 ft-lbs, 4 cylinder petrol (1951 models) 1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol (1952 and 1953 models) Weight: 2594 lbs Distinguishing features: tapered doors; headlights peaking through the grill; instrument assembly centrally located and protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; exterior Door handles were introduced in 1952; recessed breakfast with 4 breakfast holes; rectangular, wire Grill. Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas Production Data: 1950 Basic & CKD: 5,149 (approx) Station Wagon: 160 (approx) Welder: 17 (approx) 1951 Basic: 13,359 Station Wagon: 100 Welder: 20 CKD: 2,401 1952 22
  • 23. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Basic: 15,607 Welder: 31 CKD: 3,077 1953 Basic: 6,371 (approx) Welder: 11 (approx) CKD: 3,162 (approx) Late Series I 80in Years: Early 1953-Sept 1953 Number Built: 9,544 (approx) Engine: 1997 cc, 52 hp, 127 ft-lbs, 4 cylinder petrol Weight: 2594 lbs Distinguishing features: Tapered doors; headlights on the breakfast; instrument assembly centrally located and protruding from the dash; flat body sides; flat door hinges; exterior door handles; recessed breakfast with one breakfast hole; inverted T, wire Grill. Notes: CKD=Complete Knock Down--A kit assembled overseas Production Data: 1953 Basic: 6,371 (approx) Welder: 11 (approx) CKD: 3,162 (approx) Series I 86in & 107 in 23
  • 24. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Years: 1954-1956 (86"), 1955-1958 (107") Number built: 86" Basic: 49,342 107" Basic: 20,345 107" Station Wagon: 7,001 Engine: Petrol: 1997 cc, 52hp, 4 cylinder petrol Diesel: None Weight: 86" basic, 2702 lbs; 107" basic, 3031 lbs; 107" Station Wagon, 3444 lbs Distinguishing features: flat sides; headlights inboard; body color headlight rings; one breakfast hole; inverted T, wire grill; flat door hinges; recessed door latch; centrally located instruments. Notes: • The as with other Rovers the only main difference between the 86" and 107" is the wheelbase, otherwise they are identical. • The Series I 86" and 107" came with a number of body styles: hard top, pickup top, soft top and no top. • The 86" had 2 doors and would seat 3. The 107 in came either as a 2 door (seating 3) or as a 5 door (Station Wagon) that seated 10. Production data: 1954: 86" Basic: 15,080 107" Basic: 3,820 1955: 86" Basic: 20,214 107" Basic: 8,690 1956: 86" Basic: 14,048 107" Basic: 7,835 107" Station Wagon: 1,266 1957: 107" Station Wagon: 2,420 1958: 107" Station Wagon: 3,315 Series I 88 in 24
  • 25. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Years: 1956-1958 Numbers Built: 88" Basic: 25,944 109" Basic: 16,132 Engine: Petrol: 1997 cc, 52 hp @3500 rpm, 101 lb-ft @1500 rpm, 4 cylinder Diesel: 2052 cc, 51 hp @3500 rpm, 87 lb-ft @2000 rpm, 4 cylinder Weight: 88" Basic, 2740 lbs; 109" Basic, 4080 lbs Distinguising Features: Flat sides; headlights inboard; chrome headlight rings; inverted T, wire grill; centrally located instruments Note: The 109" is essentially a stretched 88" Production Data: 1956 88" petrol: 2,270 88" diesel: 6 (prototypes) 109" petrol: 1,152 109: diesel: 1 (prototype) 1957 88" petrol: 13,977 88" diesel: 298 109" petrol: 8,475 109: diesel: 153 1958 88" petrol: 7,338 88" diesel: 2,055 109" petrol: 5,405 109: diesel: 946 25
  • 26. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Land Rover Series II (1958-1961) นับเป็นปีที่แลนด์โรเวอร์เริ่มมองหารูปแบบใหม่ๆ เพื่อเปิดตลาดรถยนต์เพิ่ม ซึ่งในปีนี้เองคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด คือ Austin Gypsy ที่รูปแแบการตลาดคล้ายคลึงกัน รวมทั้งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีก็เริ่มขยายตัวทำให้ตลาดมีความต้องการความใหม่ของรูปแบบรถยนต์ Austin Gypsy และแล้วก็มาถึงลูกเมียน้อยของแลนด์โรเวอร์ พราะผลิตได้แค่ไม่ก่ีปก็เลิก ซ้ำร้ายขณะยังไม่ได้ออกจำหน่าย โครงการณ์ผลิต Series 3 ี ก็ออกมาเป็นคู่แข่งพร้อมๆกันเสียแล้ว Series II มีช่วงการผลิตที่น้อยเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นเพราะเป็นช่าวเวลาที่ Series 3 กำลังใกล้จะออกตามมาเช่นกัน โดยถูกผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1958 โดย David Bache นักออกแบบของ LR เอง โดยมี 2 รุ่นดังนี้คือ ขนาดกว้าง 88 and 109" กับเครื่องยนต์มให้เลือก 2052cc ดีเซล หรือ 2286cc เบนซิน, (88" จะใช้เครื่องเบนซิน 1997 CC ) ี 26
  • 27. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ S2 แท้ๆ สักคัน หรือลูกครึ่งก็ไม่เป็นไร ขอให้โครงสร้างตัวถังดีเป็นใช้ได้ 27
  • 29. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 88" Basic: 60,456 109" Basic: 12,032 109" Station Wagon: 7,579 Engine: Petrol: 1997 cc, 52 bhp @3500 rpm, 101 lb-ft @1500 rpm, 4 cylinder--1958 88" models only Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder Diesel: 2052 cc, 51 bhp @3500 rpm, 87 lb-ft @2000 rpm, 4 cylinder Weight: 88" Basic, 2900 lbs; 109" Basic, 3294 lbs Distinguising Features: Bulged Sides; Headlights inboard; 3 holes in the breakfast; wire, inverted T grill, centrally located instruments Notes: 109" is essentially a streched 88" Production Data: 1958 88" petrol: 7,150 88" diesel: 1,261 109" petrol: 2,944 109" diesel: 791 1959 88" petrol: 12,936 88" diesel: 2,685 109" petrol, Basic: 6,987 109" petrol, Station Wagon: 1,660 109" diesel, Basic: 2,217 109" diesel, Station Wagon: 32 1960 88" petrol: 15,909 88" diesel: 3,143 109" petrol, Basic: 11,438 109" petrol, Station Wagon: 2,643 109" diesel, Basic: 2,740 109" diesel, Station Wagon: 93 1961 88" petrol: 14,922 88" diesel: 9,539 109" petrol, Basic: 12,364 109" petrol, Station Wagon: 3,000 109" diesel, Basic: 2,641 109" diesel, Station Wagon: 151 29
  • 30. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Land Rover Series IIA (1962-1968) 1961: เครื่องยนต์ดีเซลที่เป็น option เพื่อเพิ่มกำลังจาก 2 ลิตร เป็น 2.25 ลิตร แต่ยังมีชวงชักเท่ากับเครื่องยนต์เบนซิน ่ นอกจากนี้ยงเสริมความแข็งแรงที่ แค้งชาร์ฟ (crankshaft) ให้แข็งแรงกว่าเครื่องเบนซิน แตรย้ายมาตรงกลางพวงมาลัย ั ก้านไฟเลี้ยวตีกลับมาตำแหน่งเดิมเมื่อเลี้ยวเสร็จ 1962: A 12-seater LWB station wagon was introduced, as an option to the usual 10-seater. This could be seen as a tax avoidance measure because 12 seats made it a bus and buses did not carry sales-tax! The rear seat occupants would need to be very good friends. 1962: Forward Control Land Rover เริ่มผลิต 1965: ดำเนินการออกแบบรถต้นแบบของ Military Lightweight. 1966: เพิ่ม Optional เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.6 ลิตร 6 สูบ ในรุ่น LWB และ FC เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ FC (series 2B) ในขณะนั้น มี LR ผลิตออกมาจำหน่ายจำนวน 500,000 คันแล้ว 1967: เปลี่ยนหน้าปัดมาตรวัดต่างๆ และมอเตอร์ปัดน้ำฝนเป็นแบบใช้ตวเดียว ั 1968:ไฟหน้าย้ายมาอยู่ด้านข้างบริเวณแก้มทั้งสองข้าง ในรถส่งออก แต่ในบ้านเราก็มีบางคันที่ไฟหน้าจะอยู่ตรงกลาง จุดสังเกตที่พอจะทำให้แยกจาก S2 ได้คือ บริเวณห้องเครื่องด้านท้ายเครื่องจะเว้ามากกว่ารุ่น S2 30
  • 31. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 1969: เพิ่มความแข็งแรงให้เพลาท้ายในรุ่น LWB 1971: SIII เริ่มผลิต หยุดสายการผลิต S2A Early Series IIA Years: 1962-(April 1968-Feb 1969) Not all markets saw the changes that started in April 1968 Numbers Built (approximations): 88" Basic & Station Wagon: 103,000 109" Basic & Station Wagon: 123,000 109" 6 cyl: 3,900 109" 1 ton: 50 ("very few"--the production then was about 70/year and the split came mid year) 88" & 109" CKD: 51,000 (CKD=Complete Knock Down--a kit assembled overseas) Engine: Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder Petrol: 2625 cc, 83 bhp @4500 rpm, 132 lb-ft @1750 rpm, 6 cylinder (109" only) Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder Weight: 31
  • 32. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 88" Basic: 2953 lbs 88" Station Wagon: 3281 lbs 109" Basic: 3445 lbs 109" Station Wagon: 3742 Distinguising Features: Bulged sides; inboard headlights; crome headlight rings; wire, inverted T grill, 3 breakfast holes, stearing arms under the swivel ball; centrally located instruments Notes: 109" is essentially a streached 88". Land Rovers built before April 1967 have an postive earth electricals and a body colored instrument panel. Post April 1967 Land Rovers are negative earth and have a black colored instrument panel. Production Data (approximate--data is a model based on all known information): 1962 88": 13,500 109": 16,500 88" & 109" CKD: 6,600 1963 88":12,600 109": 15,300 88" & 109" CKD: 6,100 1964 88": 15,400 109": 18,800 88" & 109" CKD: 7,600 1965 88": 16,660 109": 20,200 88" & 109" CKD: 8,200 1966 88": 17,300 109": 21,100 88" & 109" CKD: 8,600 1967 88": 16,000 109": 17,700 88" & 109" CKD: 7,900 109" 6 cyl: 2,250 1968 88": 11,800 109": 13,500 88" & 109" CKD: 6,000 109" 6 cyl: 1700 109" 1 ton: 50 32
  • 33. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Late Series IIA Years: ~1968/1969 to 1971 It is not clear when LR made the transition from the Bugeye to the Late SIIA Numbers Built (approximations): 88" Basic & Station Wagon: 48,700 109" Basic & Station Wagon: 57,000 109" 6 cyl: 5,000 109" 1 ton: 260 88" & 109" CKD: 25,200 (CKD=Complete Knock Down--a kit assembled overseas) Engine: Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder Petrol: 2625 cc, 83 bhp @4500 rpm, 132 lb-ft @1750 rpm, 6 cylinder (109" only) Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder Weight: 88" Basic: 2953 lbs 88" Station Wagon: 3281 lbs 109" Basic: 3445 lbs 109" Station Wagon: 3742 Distinguising Features: Bulged sides; wing mounted, recessed headlights; wire, plus shaped grill; 3 breakfast holes; stearing arms under the swivel ball; centrally located instruments Notes: 109" is essentially a stretched 88". Production Data (approximate--data is a model based on all known information): 1968 88": 3,000 109": 3,500 88" & 109" CKD: 2,000 109" 6 cyl: 500 109" 1 ton: 20 1969 88": 17,830 109": 20,400 88" & 109" CKD: 9,000 33
  • 34. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 109" 6 cyl: 2250 109" 1 ton: 72 1970 88": 16,700 109": 19,100 88" & 109" CKD: 8,500 109" 6 cyl: 2250 109" 1 ton: 82 1971 88": 10,200 109": 13,000 88" & 109" CKD: 5,700 109" 6 cyl: 2250 109" 1 ton: 83 1981: ~1110 1981: ~1110 Forward Control Series IIA หลังจากแลนด์โรเวอร์ได้แนะนำ SIIA เข้าสู่ตลาดในปี 1962 แล้วนั้น เพื่อตอกย้ำตลาดภายในบ้านตัวเองจึงคิดจะผลิตรถยนต์แบบ Station Wagon แบบ 12 ที่น่ง แต่ถ้ายังคงใช้รูปแบบตัวรถแบบเดิมจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก ั นักออกแบบของแลนด์โรเวอร์จึงคิดออกแบบรถให้เสียภาษีน้อยลงโดยยึดโครงสร้างให้ไปเป็นแบบรถมินบัสในปัจจุบัน ซึ่งมันก็ได้ผล ิ เพราะราคาขายสามารถลดลงจาก 1293 เป็น 950 ปอนด์ และในเดือนกันยายนก็เริ่มผลิตออกขาย ให้ชื่อรุ่นว่า Forward Control 34
  • 35. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 1962: รุ่น Forward control หรือ cab-over เป็น version หนึ่งของ SIIA Land-Rover ซึ่งถูกผลิตขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการเนื้อที่บรรทุกมากๆ หรือต้องการพื้นที่วางเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ แต่มันยังคงใช้โครงสร้าง Chassis ของ SIIA ่ แต่มีส่วนเพิ่มเติมในด้านหน้าเพื่อทำหน้าที่ยึดตัวถังที่ยื่นออกมา ในส่วนของตัวถังก็ยงสามารถนำของ SIIA มาปรับแต่งใช้บางส่วนโดยเพิ่ม ั Sub-chassis ไว้ดานบนของแชสซีหลักเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นของตัวรถ กระจังรับลมด้านหน้าเลื่อนมาไว้ด้านหน้า ้ และลดขนาดก้านพัดลมลง ทำให้อายุงานสั้นลง แต่เมื่อต้องการจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ ก็สามารถนำพัดลมไฟฟ้ามาติดตั้งได้เลย เพราะเนื้อที่เหลือเฟือ S2A ด้านหน้า Chassis ประกอบไปด้วยเหล็กชิ้นหลายท่อน เพื่อทำหน้าที่ยึดตัวบอดี้ส่วน ฝาครอบเครื่องยนต์ยื่นเข้าไปจนถึงที่นั่งด้านหน้า Series IIB 1966: พัฒนามาเป็น Series IIB forward control ที่มีความแข็งแรงกว่า มีความยาวฐานล้อ 110" และขยับเพลาหน้าเดินหน้ามา 1 นิ้ว ความกว้างฐานล้อเพิ่มขึ้นจาก SIIA เพื่อประโยชน์ในการทรงตัวที่ดีขึ้น จุดสังเกตที่เห็นได้ง่ายสุดระหว่าง FC SII2A กับ FC SII2B คือ SII2B ไฟหน้าจะอยู่ด้านล่าง และไฟหรี่จะย้ายไปอยู่ด้านบน ต่อจากไฟเลี้ยว 35
  • 36. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ The Land-Rover Forward Control 101 ถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้ในราชการทหารของกองทัพอังกฤษ เพื่อจุดประสงค์ให้สามารถเคลื่อนย้ายทางอากาศ ได้ รุ่นมาตราฐานของ 101 จะเป็นแบบหลังคาอ่อน (ผ้าใบ) แบบรถวิทยุแวน และรถพยาบาล ใช้ระบบไฟ 24V ในตอนแรกมีใช้กนมากที่กองกำลัง NATO ในแถบประเทศยุโรป ในบ้านเราไม่ค่อยเห็นเท่าที่ควร ั โดยคนไทยนิยมเรียกมันว่า “แลนด์ฯโย่ง” 36
  • 37. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ รถต้นแบบ 1969: ในตอนแรกฝากระโปรงจะสั้นมาก รูปแบบด้านหน้ารถก็แตกต่างจารถผลิตจริงมาก นอกจากนี้ยงใช้ระบบ ขับ 4 แบบ part time ั ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร 6 สูบ รถต้นแบบดังกล่าว ถูกขายให้กบ ออสเตรเลีย ซึ่งนำไปใช้กับเครื่องยนต์ Australian Ford Falcon motor 3.6 ลิตร 6 สูบ และรถต้นแบบนี้ยังใช้ ั รถพ่วงของบริษท Tasmanian หลังจากนั้นมันก็ถูกขายต่อให้ John Ayre และ Simon Ramsey แห่ง ULR Motors ใน Melbourne ั ในตอนนั้นก็ยังคงใช้ตัวถัง รวมทั้งผ้าใบแบบเดิม หลังจากนั้น Falcon motor ก็เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นแบบ V8 Leyland Terrier ขนาด 4.4 ลิตร โดยเครื่องยนต์ดังกล่าวถือได้ว่าเหมาะเจาะกับมันเป็นอย่างดี รถต้นแบบ 101ปี 1969: forward control truck, หลังคาผ้าใบ, 2 ที่นั่ง (เพิ่มอีก 8 ที่นั่งในด้านหลัง), 2 ประตู ความยาว 4290 mm (169"), กว้าง 1830mm (72"), สูง 2180mm (86") ความยาวฐานล้อ 2560mm (101"), ความกว้างฐานล้อ 1520mm (60") / 1550mm (61"), ความสูงตัวรถ 254mm (10") รัศมีวงเลี้ยว 7.15m (23'6") น้ำหนักรวม ถังน้ำมัน 5 แกลลอน,เครื่องดับเพลิง,เครื่องมือต่างๆ 1998 kg (4396 lbs), ด้านหน้า 1170kg (2574 lbs), หลัง 828kg (1822 lbs) เครื่องยนต์ Ford Falcon XT Series 3620cc (221 cu in), petrol, 6-cyls, carbulator, 2-valves/cyl, ohv กำลัง 99bhp (gross) ที่ 4100rpm,แรงบิด 170 lbft ที่ 1700rpm 37
  • 38. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ ระบบไฟแบบl 24 volts, 60 amp alternator คลัทช์ 9.5" (10" envisaged for production) อัตราทดเกียร์ 4.609:1, 2.448:1, 1.505:1, 1:1 (ถอยหลัง 3.664:1); transfer case: 1.174:1 (hi), 3.321:1 (lo); diff: 5.571:1 อัตราทดรวม hi: 26.6:1, 16.0:1, 9.85:1, 6.54:1 (ถอยหลัง 24:1) อัตราทดรวม lo: 75.0:1, 45.3:1, 27.8:1, 18.5:1 (ถอยหลัง 67:1) รถต้นแบบใช้เกียร์รุ่น `phase-I box' กับเพลา ENV ส่วนรถในสายการผลิตใช้เกียร์ `SIII phase-II gearbox' (เช่น. LT95) เบรค ขนาด 280mm x 76mm (11" x 3") ในด้านหน้า และ, 280mm x 63mm (11" x 2.25") ในด้านหลัง ยางขนาด 9.00 x 16 Dunlop ถังน้ำมัน 2 ถัง ถังละ 18 แกลลอน สายการผลิต 1972: เริ่มออกแบบสายการผลิต 101 ถูกผลิตในช่วงปี 1975 และ 1978 เป็นจำนวนมากเกิน ทำให้ต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน และต้องนำมาดูแลกันใหม่เมื่อต้องการนำออกมาขายอีกครั้ง โดยมันใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.5-litre alloy V8 และเกียร์รุ่น LT95 จาก Range Rover แบบ 4 จังหวะ และ 2 จังหวะสำหรับเกียร์ transfer , ขับสี่ล้อ full time ระบบช่วงล่างเป็นแหนบที่มีขนาดใหญ่และกว้าง ความกว้างของเพลา ยาวกว่าในรุ่นของ series ขนาดยางมาตราฐาน 9.00" x 16" ล้อขนาด 6.5" x 16" น็อตล้อ 6 รู Land-Rover 101 (1975-1978): หลังคาผ้าใบ, 2 ที่นั่ง (เพิ่มอีก 8 ที่น่งในด้านหลัง), 2 ประตู ั ความยาว 4290 mm (169"), กว้าง 1830mm (72"), สูง 2180mm (86") ความยาวฐานล้อ 2560mm (101"), ความกว้างฐานล้อ 1520mm (60") / 1550mm (61"), ความสูงตัวรถ 254mm (10") รัศมีวงเลี้ยว 7.15m (23'6") เครื่องยนต์ 3.5L V8 เกียร์ LT95 4 จังหวะแบบธรรมดา Full time 4WD เบรคดรัม ขนาด 280mm x 76mm (11" x 3") ในด้านหน้า และ, 280mm x 63mm (11" x 2.25") ในด้านหลัง ยางขนาด 9.00 x 16 option : Winch Nokken ติดตั้งอยู่ Chassis ด้านซ้ายมือ 38
  • 39. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ ทำการผลิตจนถึงปี 1978 และในรุ่นถัดมาตั้งแต่ปี 1980-1982 ก็ถูกเรียกกลับเพื่อทำใหม่ (rebuild) และตัวถังแบบรถพยาบาลก็ถูกนำมาใช้ใน Chassis รุ่นมาตรฐาน ระบบไฟมีท้ัง 60A 24V และ 40A 12V Land Rover Light Weight (1967-1983) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง Jeep ถูกส่งเข้าประจำการในสงครามร่วมกับหน่วยพลร่มของอังกฤษ และหน่วยพลร่ม 82 และ 101 ของอเมริกน ซึ่งยุทธวิธีที่ใช้ลำเลียงกำลังพล และยุทธโธปกรณ์ คือ ทางอากาศ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ มีบทบาทสำคัญยิ่ง ั เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็ว และสามารถขนส่งกำลังพล และรถยนต์ได้ตรงพื้นที่เป้าหมาย รถยนต์คันแรกที่เริ่มใช้ขนส่งทางอากาศได้คอ Citroen 2CV แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอสำหรับงานหนักเช่นนี้ได้ ื จึงเกิดมีความต้องการรถยนต์ที่สมรรถนะแข็งแรง น้ำหนักเบา ซึ่งต้องไม่เกิน 25000 ปอนด์ สามารถเคลื่อนย้ายทางอากาศได้สะดวก และปลอดภัย รถยนต์ขาด 88" มาตรฐานของ Land Rover เองก็มีน้ำหนักเกือบ 3,000 ปอนด์ ซึ่งใกล้เคียงกับข้อกำหนด และสามารถจะนำมาดัดแปลงให้เข้าข้อกำหนดได้ง่าย แต่มันเป็นไปไม่ได้ถ้าเราจะลดน้ำหนักของ Chassis 39
  • 40. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ โดยที่ไม่มีผลเสียหายข้างเคียงตามมา ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ เกียร์ และเพลา ก็คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มีสิ่งเดียวที่เหลือพอจะจัดการได้ ตัวถัง โดยการลดสัดส่วน ลดขนาดของส่วนต่างๆลง เช่นประตู กระจกหน้า หรือแม้กระทั่ง ส่วนของบั้นท้าย แต่ยังคงไว้ กันชนเดิม และยางอะไหล่ เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย สามารถลดน้ำหนักลงเหลือ 2,650 ปอนด์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของกองทัพอังกฤษ THE LAND ROVER AIR-PORTABLE LIGHTWEIGHT จึงถือกำเหนิดเป็นครั้งแรก ปี 1968 เริ่มสายการผลิต แต่ในเวลานั้น เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในปฏิบัติการทางทหารสามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น ทาง Land Rover จึงไม่ได้ถอดประตูข้าง และหลัง รวมทั้งกระจกหน้าออกเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานภาคพื้นดิน สายการผลิตเริ่มผลิตจากปี 1968 จนกระทั่งเริ่มผลิตรุ่น Series 3 จึงหยุดการผลิต โดยพวกมันถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพกว่า 20 ประเทศ โดยมีแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น เครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล ระบบไฟฟ้า 12V หรือ 24 V หลังคาแข็ง หลังคาอ่อน หรือจะเป็นรถวิทยุท่สร้างมาเฉพาะ ี Land Rover Santana ถูกผลิตขึ้นในสเปน รู้จักกันในนาม 88 Militar ซึ่งต่อมาก็มการผลิตในรุ่น 109" ี และบางส่วนถูกส่งไปประจำการในต่างประเทศ Light Weight รุ่นแรกเป็น Series 2 มีไฟหน้าอยู่ข้างตระแกรงหน้ารถ แต่เมื่อ Series 3 ถูกผลิตมันก็ถูกย้ายมาด้านข้างที่แก้มทั้งสองข้าง รวมทั้งเปลี่ยนแปลงในส่วนของเครื่องยนต์ เกียร์ตาม Series 3 ไปด้วย ส่วนในบ้านเรา ค่อนข้างหายาก หรือจะพูดได้ว่าหาแทบไม่ได้ก็ว่าได้ แต่ยังมีให้เห็นบ้างในโอกาสสำคัญๆ ถ้าใครเป็นเจ้าของก็คงนับได้ว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งหล่ะครับ 40
  • 41. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Early Series IIA Military Lightweight Years: 1967-1969 Numbers Built: about 1,112 Engine: Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years) Weight: 3514 lbs Distinguising Features: Angular bonnet; flat sides; flat plate windscreen mount; wire mesh, rectangular grill; centrally located instruments; flat dash; headlights on breakfast; recessed breakfast Notes:: All were built for the British Army Production Data: 1967: 2 1968: 512 1969: ~600 Late Series IIA Military Lightweight 41
  • 42. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Years: 1970-1972 Numbers Built: about 1,825 Engine: Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years) Weight: 3514 lbs Distinguising Features: Angular bonnet; flat sides; flat plate windscreen mount; wire mesh, rectangular grill; centrally located instruments; flat dash; headlights in wings; recessed breakfast Notes:: All were built for the British Army Production Data: 1970: ~800 1971: ~900 1972: ~175 Series III Military Lightweight Years: 1972-1983 Numbers Built: Petrol: 10,425 (1972-1979) Diesel: 1,909 (1972-1979) Either: ~4,500 (1980-1983) Engine: Petrol: 2286 cc, 77 bhp @4250 rpm, 124 lb-ft @2500 rpm, 4 cylinder (all years) Diesel: 2286 cc, 62 bhp @4000 rpm, 103 lb-ft @1800 rpm, 4 cylinder (after 1975) 42
  • 43. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ Weight: 3514 lbs Distinguising Features: Angular bonnet; flat sides; pillar windscreen mount; wire mesh, rectangular grill; centrally located instruments; flat dash; headlights in wings; recessed breakfast Notes:: All were built for military use Production Data: 1972: ~1540 1973: ~1540 1974: ~1540 1975: ~1540 1976: ~1540 1977: ~1540 1978: ~1540 1979: ~1540 1980: ~1110 1981: ~1110 Land Rover Stage I (1979-1985) 1979: LandRover stage-1 ชื่อที่ใช้เรียกแทนโครงการลงทุนในรถรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นขั้นแรกของโครงการ ซึ่งต่อมาก็คือ รุ่น 90-110 และ Defender ตามลำดับ stage-1 ที่เราเห็นมันก็คือ Series III ที่ยังคงใช้ช่วงล่างเป็นแหนบเหมือนเดิม ความยาวฐานล้อ 109" แต่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.5 ลิตร V8 กับเกียร์ 4-speed full-time 4WD 43
  • 44. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ 1981: มีรุ่นเฉพาะที่จำหน่ายในออสเตรเรีย ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Isuzu 3.9L 4BD1 4สูบ โครงสร้างของ series III ถูกดัดแปลงใหม่ โดยย้ายกระจังหน้ามาไว้ด้านหน้า ฝากระโปรงยาวเต็มถึงแก้มซ้ายขวา ตัด chassis ชิ้นที่สองที่ขั้นกลางออก แล้วสร้างใหม่เพื่อมารับน้ำหนักที่ใต้เกียร์ หลังจากนั้นก็ตัด chassis อีกอันที่อยู่ท้ายเกียร์ เพลายังเป็นรุ่นของ SIII ทีมีอัตราทดเฟือง 3.54 ภาพ : LandRover Stage-1 ปี 1981, LWB station wagon, 10 ที่นั่ง, 5 ประตู ความยาว 4580 มม, ความกว้าง 1680 มม, ความสูง 2000 มม ความยาวฐานล้อ 2770มม. (109"), ความสุงจากพื้น 209 มม. น้ำหนัก 1809 kg เครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 3528 cc 2valves ต่อสูบ แบบ OHV กระบอกสูบขนาด 88.9 มม, ช่วงชัก 71.12 มม, กำลังอัด 8.13:1 44
  • 45. เขาว่าผมบ้าแลนด์ฯ กำลัง 69kW (92bhp) ที่ 3500 rpm, แรงบิด 230Nm ที่ 2000rpm ระบบส่งกำลัง LT95, 4m, full-time 4WD, centre differential อัตราส่วน ที่เกียร์ (1) 4.069:1,(2) 2.448:1, (3) 1.505:1, (4) 1:1 (ถอยหลัง 3.664:1), transfer-case hi 1.336:1, lo 3.321:1 ช่วงล่าง แหนบ หน้า-หลัง พร้อม ดรัมเบรค หน้า-หลัง เช่นกัน ขนาดยาง 7.50x16, ปริมาตรถังน้ำมัน 68 ลิตร 1983: เริ่มผลิต รุ่น 110 และ 90 (1994) Stage I (SIII, 109", V8) Years: Feb 1979-1985 Numbers Built: Unknown. An approximate upper bound is 58,000. This number is based upon a model that predicted the number of 109" built for the years in question. So 58,000 includes non-Stage I 109"s. I wouldn't be surprised if the true number is around 40,000 Engine: Petrol: 3528 cc, 91 bhp @3500 rpm, 166 lb-ft @2000 rpm, V8 Weight: 3396 lbs Distinguising Features: Grill flush with wings; wire mesh, rectangular grill, windscreen attached via pillers on the firewall; instruments located in front of the driver; a dash board; recessed headlights mounted in the wings; bulged sides; square doors; steering arms under the swivel pin housing. Notes: The Stage Is were all 109". The number of Stage Is built is unknown because Land Rover switched over to VINs. So all Chassis numbers are jumbled together and there there isn't an easy to pull the Stage I data out from the other 109" and 88" data Land Rover Series III (1971-1985) 45