SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 35
Baixar para ler offline
เด็กที่มีความบกพร่ องทางการได้ ยน หมายถึง
                                ิ

       เด็กที่สูญเสียการได้ ยนไม่ สามารถรั บ
                             ิ
ฟั งเสียงได้ เหมือนเด็กปกติซ่ งอาจเป็ นเด็กหู
                               ึ
ตึงหรือเด็กหูหนวกก็ได้
สาเหตุททาให้ หูพการมาตั้งแต่ เด็ก
          ี่      ิ
1.ขณะทีแม่ ต้งครรภ์ อาจได้ รับเชื้อ ไวรัสหัด
             ่ ั
เยอรมัน เยือหุ้มสมองอักเสบ และซิฟิลิส
                ้
2.ขณะทีแม่ ต้งครรภ์ อาจได้ รับสารหรือยาที่
              ่ ั
เป็ นอันตราย
3.กรรมพันธุ์
4.เด็กขาดออกซิเจนเป็ นเวลานาน ในขณะ
ทาคลอด
5.เด็กทีต้องคลอดก่ อนกาหนด
        ่
1.เด็กหูตง หมายถึง เด็กที่มีการได้ ยนเหลืออยู่บ้าง
         ึ                          ิ
สามารถได้ ยนได้ ไม่ ว่าจะใส่ เครื่ องช่ วยฟั งหรือไม่ ก็ตาม
           ิ
เด็กหูตงจะมีระดับการได้ ยนในหูท่ ดกว่ าอยู่ระหว่ าง
       ึ                   ิ          ี ี
26-89เดซิเบล ซึ่งคนปกติจะมีระดับการได้ ยนอยู่     ิ
ระหว่ าง 0-25 เดซิเบล
2. เด็กหูหนวก หมายถึงเด็กที่สูญเสียการได้ ยน
                                           ิ
ในหูข้างที่ดีตังแต่ 90เดซิเบลขึนไปไม่ สามารถได้
               ้                 ้
ยินเสียงพูดดังอาจรั บรู้ เสียงบางเสียงได้ จากการ
สั่นสะเทือน
ระดับการได้ ยน
                                      ิ
ระดับ 1 หูปกติ ( ไม่ เกิน 25 เดซิเบล )
- ได้ ยนเสี ยงพูดกระซิบเบา ๆ
       ิ
ระดับ 2 หูตงเล็กน้ อย ( 26 – 40 เดซิเบล )
               ึ
- ไม่ ได้ ยนเสี ยงพูดเบา ๆ แต่ ได้ ยนเสี ยงพูดปกติ อาจใช้ เครื่องช่ วยฟัง
           ิ                        ิ
บางโอกาส เช่ น เรียนหนังสื อ
ระดับ 3 หูตงปานกลาง (41 – 55 เดซิเบล )
                 ึ
- ไม่ ได้ ยนเสี ยงปกติ ต้ องพูดดังกว่ าปกติจงจะได้ ยน จาเป็ นต้ องใช้
             ิ                                ึ      ิ
เครื่องช่ วยฟังขณะพูดคุย
ระดับ 4 หูตงมาก ( 56 – 70 เดซิเบล )
              ึ
- พูดเสี ยงดังแล้ วยังไม่ ได้ ยน จาเป็ นต้ องใช้ เครื่องช่ วย
                               ิ
ฟังตลอดเวลา
ระดับ 5 หูตงรุ นแรง ( 71 – 90 เดซิเบล )
                ึ
- ต้ องตะโกนหรือใช้ เครื่องขยายเสี ยงจึงจะได้ ยน แต่  ิ
ได้ ยนไม่ ชัด
      ิ
ระดับ 6 หูหนวก (91 เดซิเบล )
- ตะโกนหรือใช้ เครื่องช่ วยฟังแล้ วยังไม่ ได้ ยน และไม่
                                                  ิ
เข้ าใจความหมาย
แทมบูรีน
ลูกแซ็ก                                                                   ฉิ่ง




                                      กลอง
   กรับ

          เด็กหูหนวกจะสามารถรู้ จังหวะได้ จากการสั่ นของเครื่องดนตรีได้
วัยทารก เด็กจะไม่ มีปฏิกริยาต่ อเสี ยงรอบๆตัว
                              ิ

   เมื่อโตขึนก็จะสั งเกตพบว่ า เด็กมักไม่ ค่อยตอบคาถาม
            ้
                 ในทันที มักใช้ คาถามซ้า

        บางคนก็ชอบเอามือปองหู ครอบหูไว้ เมื่อมีคนพูด
                           ้
ด้ วย ก็ชอบเอนศีรษะและขยับตัวเข้ ามาใกล้มาก เพือให้ ได้ ยน
                                               ่         ิ
           เสี ยง บางรายมีอาการทรงตัวผิดปกติ
ปัญหาในทางการพูด สั งเกตได้ จากบางกรณีพดเสี ยงดังหรือเบา
                                           ู
           ผิดปกติ และมักหลีกเลียงการสนทนากับผู้อน
                                 ่                ื่

เด็กบางคนอาจพูดไม่ ได้ หรือพูดไม่ ชัด ซึ่งขึนอยู่กบการสู ญเสี ยการได้ ยน
                                            ้     ั                    ิ
                              ของเด็ก

  เด็กทีสูญเสี ยการได้ ยนเล็กน้ อย อาจพอพูดได้ ส่ วนเด็กทีสูญเสี ยการได้
        ่               ิ                                 ่
ยินมาก หรือหูหนวก อาจพูดไม่ ได้ เลย หากไม่ ได้ รับการสอนพูดตั้งแต่ ใน
                                   วัยเด็ก
ปัญหาด้ านการเขียน การเขียนประโยคของเด็ก จะมีลกษณะ
                                                    ั
      เขียนแบบกลับไปกลับมา วางผิดที่ไม่ เป็ นไปตามลาดับ


- จานวนประโยคมักมีจานวนน้ อยกว่ าปกติ และใช้ คาง่ ายๆ เขียน
ประโยคไม่ ซับซ้ อน ใช้ ภาษาง่ ายๆ และมักเขียนประโยคสั้ นๆ
ลักษณะและพฤติกรรมทีแสดงออกทางอารมณ์ และสั งคม
                   ่

  - เด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยนส่ วนใหญ่ ไม่ ชอบเข้ ากลุ่มกับใคร
          ่                        ิ
            ชอบอยู่ตามลาพัง อ่อนไหวง่ าย หวาดระแวง ขีสงสั ย
                                                      ้


- ไม่ ค่อยยอมรับความสนิทสนมของผู้อนอย่ างฉันท์มิตร เมื่อพูดด้ วยก็จะ
                                       ื่
            จ้ องหน้ านาน และเมื่อมีปัญหาก็จะเก็บไว้ คนเดียว


- ปรับตัวเข้ ากับคนอืนค่อนข้ างยาก เห็นแก่ตัว ชอบเล่นรุนแรง ทั้งนี้
                     ่
ขึนอยู่กบสภาแวดล้อม และการดูแลเอาใจใส่ ของครอบครัว
  ้     ั
ลักษณะทางจิตวิทยาของเด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยน
                          ่                        ิ

- มีลกษณะไปในทางเอาตัวเองเป็ นจุดศูนย์ กลาง ขาดความเห็นอกเห็นใจ
     ั
           คนอืน ต้ องพึงพาอาศัยคนอืนอยู่ตลอดเวลา
               ่        ่            ่


- ไม่ รู้จกควบคุมอารมณ์ และไม่ เข้ าใจตัวเอง พัฒนาการทางจิตวิทยาของ
          ั
                          เด็กมีความล่าช้ า

- มีอาการทางระบบประสาทและมีปัญหาในการปรับตัวมากกว่ าเด็กปกติ
                      ในวัยเดียวกัน
พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยน
                            ่                        ิ


        เด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยนนั้น โดยเฉลียแล้ วมี
              ่                           ิ          ่
สติปัญญาตากว่ าเด็กปกติเล็กน้ อย และยังพบว่ า บางคนมีสติปัญญา
          ่
                        สู งกว่ าเด็กปกติ


 ความบกพร่ องในการรับรู้ ด้านภาษา ซึ่งภาษามีผลต่ อสติปัญญา
การให้ ความช่ วยเหลือเด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน
                           ่ ี                     ิ
        เด็กที่มีปัญหาทางการได้ ยน จึงไม่ สามารถได้ รับประโยชน์
                                   ิ
จากการฟัง-การพูดได้ อย่ างเต็มทีต้องใช้ การสื่ อสารวิธีอนแทนการ
                                 ่                      ื่
ใช้ ภาษาพูด
วิธีการสื่อความหมายของเด็กที่มีความบกพร่ อง
ทางการได้ ยนอาจแบ่ งเป็ น 7 วิธี คือ
             ิ
1. การพูด เหมาะสาหรั บเด็กที่มีความบกพร่ องทางการ
ได้ ยนไม่ มากนัก
     ิ
2. การฝึ กฟัง (Auditory Training) เป็ นวิธีการสอนเด็กที่มี
ความบกพร่ องทางการได้ยนให้รู้จกฟังโดยมีเป้ าหมายหลัก 3
                                  ิ       ั
ประการ คือ
                                            ่
             1.1 ให้รู้จกเสี ยงที่ฟัง ไม่วาจะเป็ นเสี ยงอะไรก็ตามรวมทั้ง
                        ั
เสี ยงที่เป็ นการพูดในสิ่ งแวดล้อมต่าง ๆ ของเด็ก
             1.2 ให้แยกเสี ยงทีคละกันในสิ่ งแวดล้อมได้ ซึ่งควรฝึ กเมื่อ
เด็กอายุได้ 3 ขวบ
                                       ่
          1.3 ให้แยกเสี ยงพูดได้วา เป็ นเสี ยงเช่นไร หรื อเสี ยงใคร
3. ภาษา เหมาะสาหรั บเด็กที่สูญเสียการได้ ยนมาก   ิ
หรื อหูหนวกซึ่งไม่ สามารถสื่อสารกับผู้อ่ ืนได้ ด้วยการ
พูดจึงใช้ ภาษามือแทน
4. การใช้ ท่าทาง หมายถึง
     การใช้ ท่าทางที่คิดขึนเองมักเป็ นไปตาม
                          ้
ธรรมชาติโดยไม่ ใช้ ภาษามือและไม่ ใช้ นาเสียงแต่ ใช้
                                       ้
สายตาในการรั บภาษา
5. การสะกดนิวมือ
               ้
คือการที่บุคคลใช้ นิวมือเป็ นรูปต่ างๆแทนตัวพยัญชนะ
                    ้
สระ วรรณยุกต์ ตลอดจนสัญลักษณ์ อ่ นของภาษาประจา
                                      ื
ชาติเพื่อสื่อภาษา
6. การอ่ านริมฝี ปาก เป็ นวิธีการที่เด็กที่มีความบกพร่ อง
ทางการได้ ยนรั บภาษาพูดจากผู้อ่ น ดังนัน จะต้ องเรี ยนรู้
              ิ                  ื         ้
วิธีการอ่ านตังแต่ คาแรกที่เรียนภาษาและเป็ นสิ่งแรกที่
                ้
เด็กต้ องใช้ ตลอดชีวติ
7. การสื่อสารรวม
คือการสื่อสารตังแต่ สองวิธีขนไปเพื่อให้ ผ้ ูฟังเดา
                ้           ึ้
ความหมายในการแสดงออกของผู้พดได้ ดย่ งขึนนอกจาก
                                    ู        ี ิ ้
การพูดการใช้ ภาษามือ การแสดงท่ าทางประกอบแล้ วก็
อาจใช้ วธีอ่านริมฝี ปาก การอ่ านการเขียนหรื อวิธีอ่ นก็ได้
        ิ                                           ื
การเรียนร่ วมระหว่ างเด็กทีมความบกพร่ องทางการได้
                             ่ ี
ยินกับเด็กปกติเมือมีเด็กมีความบกพร่ องทางการได้ ยน
                  ่                              ิ
เข้ ามาเรียนร่ วมในชั้นเรียน
ครู ผ้ ูสอนควรปฏิบัตดงนี้
                      ิ ั
1.ควรให้ เด็กทีมความบกพร่ องนั่งในตาแหน่ งที่
               ่ ี
สามารถมองเห็นและได้ ยนผู้สอนได้
                      ิ
2.ใช้ ท่าทางประกอบคาพูดเพือให้ เด็กเข้ าใจคาพูดของ
                             ่
ครู แต่ ไม่ ควรแสดงท่ าทางมาจนเกินไป
3.ครู ควรเขียนกระดานมากทีสุดเท่ าทีจะทาได้
                             ่      ่
โดยเฉพาะอย่ างยิงสิ่ งทีมความสาคัญ เช่ น นิยาม คาสั่ ง
                  ่     ่ ี
หรือการบ้ าน เป็ นต้ น
4.อย่ าพูดขณะเขียนกระดานเพราะเด็กไม่ สามารถ
อ่ านปากของครู ได้
5.เมือต้ องการพูดคุยกับเด็กควรใช้ วธีเรียกชื่อไม่ ควร
       ่                               ิ
ใช้ วธีแตะสั มผัส เป็ นการฝึ กให้ เด็ก
     ิ
ก่อนลงมือสอนควรตรวจเช็คเครื่ องช่วยฟั งว่าทางาน
หรื อไม่
ให้ โอกาสแก่ เด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน
                       ่ ี                           ิ
ออกมารายงานหน้ าชั้น ทั้งนีเ้ พือให้ เด็กได้ มโอกาส
                                ่             ี
แสดงออกด้ วยการพูด และขณะเดียวกันก็เป็ นการเปิ ด
โอกาสให้ เด็กปกติได้ ฝึกฟังการพูดภาษาของเด็กทีมี   ่
ความบกพร่ องทางการได้ ยน   ิ
หากเด็กปกติออกมาพูดหน้ าชั้น ครู ผ้ ูสอนควรสรุปสิ่ ง
ทีเ่ ด็กปกติพูดให้ เด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน
                         ่ ี                     ิ
ฟังด้ วย
• http://www.tinyzone.tv/HealthDetail.aspx?ctp
  ostid=1739
• http://www.google.co.th/imgres?q=%
• http://krusk13.blogspot.com/2010/11/blog-
  post.html
1.   นางสาวขวัญฤทัย ผมจันทร์       รหัส 53181520106
2.   นายคงกพัน       ตันมล         รหัส 53181520107
3.   นางสาวจามจุรี    สุ ริยะมณี   รหัส 53181520109
4.   นายณเรศ          หน้ างาม     รหัส53181520111
               สาขาชีววิทยา            ชั้นปี ที่ 3

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )Pitchayakarn Nitisahakul
 
คม Smile ป.1_57_unit1
คม Smile ป.1_57_unit1คม Smile ป.1_57_unit1
คม Smile ป.1_57_unit1Prawly Jantakam
 
รายงานวิจัย
รายงานวิจัยรายงานวิจัย
รายงานวิจัยEnooann Love
 
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_านแผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_านDaraAlice Edu
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรBigbic Thanyarat
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2Manas Panjai
 
เล่มที่ 1present simpletense(new)
เล่มที่ 1present simpletense(new)เล่มที่ 1present simpletense(new)
เล่มที่ 1present simpletense(new)thestorygu
 
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์kruood
 
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgtการจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgtthitinanmim115
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานpacharawalee
 
เด็กปัญญาเลิศ....11
เด็กปัญญาเลิศ....11เด็กปัญญาเลิศ....11
เด็กปัญญาเลิศ....11Benjarat Meechalat
 
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณีรูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณีParichart Ampon
 
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการProud N. Boonrak
 
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAคำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAณัฐพล แสงทวี
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆNaphachol Aon
 
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุสุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุtechno UCH
 
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]การให้คะแนนแบบรูบิค[1]
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]Siriphan Kristiansen
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังWanida Keawprompakdee
 

Mais procurados (20)

เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
เด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )
 
คม Smile ป.1_57_unit1
คม Smile ป.1_57_unit1คม Smile ป.1_57_unit1
คม Smile ป.1_57_unit1
 
รายงานวิจัย
รายงานวิจัยรายงานวิจัย
รายงานวิจัย
 
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_านแผน Listening ม.1 คร  งท__3 ผ_าน
แผน Listening ม.1 คร งท__3 ผ_าน
 
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
 
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2
ข้อสอบ O net การงานฯ ป.3 ชุด 2
 
การสอนแบบนิรนัย
การสอนแบบนิรนัยการสอนแบบนิรนัย
การสอนแบบนิรนัย
 
เล่มที่ 1present simpletense(new)
เล่มที่ 1present simpletense(new)เล่มที่ 1present simpletense(new)
เล่มที่ 1present simpletense(new)
 
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์
แบบประเมินงานนำเสนอในรูปแบบออนไลน์
 
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgtการจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงาน
 
เด็กปัญญาเลิศ....11
เด็กปัญญาเลิศ....11เด็กปัญญาเลิศ....11
เด็กปัญญาเลิศ....11
 
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณีรูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
รูปแบบการสอนดร.ทิศนา แขมณี
 
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ
21 วิธีการสอน และเอกสารฝ่ายวิชาการ
 
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAคำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
 
แบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆแบบประเมินต่างๆ
แบบประเมินต่างๆ
 
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุสุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
สุขภาพในช่องปาก ตอน โรคฟันผุ
 
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]การให้คะแนนแบบรูบิค[1]
การให้คะแนนแบบรูบิค[1]
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
 
Chi p.1
Chi p.1Chi p.1
Chi p.1
 

Semelhante a เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้Atima Teraksee
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest38049e7
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)guest3e689f
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guestc9722c1
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest00db6d99
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest00db6d99
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guestc9722c1
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest38049e7
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest38049e7
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)guest3e689f
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)guest3e689f
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)guest00db6d99
 
การได้ยิน(อ.นิป3)
การได้ยิน(อ.นิป3)การได้ยิน(อ.นิป3)
การได้ยิน(อ.นิป3)guest00db6d99
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1Thipa Srichompoo
 
เด็กอัจฉริยะGifted
เด็กอัจฉริยะGiftedเด็กอัจฉริยะGifted
เด็กอัจฉริยะGiftedguest694cc9f
 
นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.PdfAwantee
 
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรแผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรitnogkamix
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1Itnog Kamix
 
เด็ก2
เด็ก2เด็ก2
เด็ก2yungpuy
 
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษ
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษ
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษteerawit
 

Semelhante a เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน (20)

เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)
 
การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)การได้ยิน(อ.นิป)
การได้ยิน(อ.นิป)
 
การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)การได้ยิน(อ.นิป2)
การได้ยิน(อ.นิป2)
 
การได้ยิน(อ.นิป3)
การได้ยิน(อ.นิป3)การได้ยิน(อ.นิป3)
การได้ยิน(อ.นิป3)
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
เด็กอัจฉริยะGifted
เด็กอัจฉริยะGiftedเด็กอัจฉริยะGifted
เด็กอัจฉริยะGifted
 
นิว.Pdf
นิว.Pdfนิว.Pdf
นิว.Pdf
 
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมรแผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาเขมร
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
 
เด็ก2
เด็ก2เด็ก2
เด็ก2
 
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษ
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษ
ยุทธศาสตร์การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กพิเศษ
 

Mais de Khuanruthai Pomjun

Mais de Khuanruthai Pomjun (7)

เกมเติมคำ
เกมเติมคำเกมเติมคำ
เกมเติมคำ
 
เกม Where is it
เกม Where is itเกม Where is it
เกม Where is it
 
เกมส์Xo
เกมส์Xoเกมส์Xo
เกมส์Xo
 
Chaingmai zoo
Chaingmai zooChaingmai zoo
Chaingmai zoo
 
เกมส์Xo
เกมส์Xoเกมส์Xo
เกมส์Xo
 
โครงการตักบาตรวันพระ
โครงการตักบาตรวันพระโครงการตักบาตรวันพระ
โครงการตักบาตรวันพระ
 
เกม 4 ตัวเลือก pdf
เกม 4 ตัวเลือก pdfเกม 4 ตัวเลือก pdf
เกม 4 ตัวเลือก pdf
 

เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

  • 1.
  • 2. เด็กที่มีความบกพร่ องทางการได้ ยน หมายถึง ิ เด็กที่สูญเสียการได้ ยนไม่ สามารถรั บ ิ ฟั งเสียงได้ เหมือนเด็กปกติซ่ งอาจเป็ นเด็กหู ึ ตึงหรือเด็กหูหนวกก็ได้
  • 3. สาเหตุททาให้ หูพการมาตั้งแต่ เด็ก ี่ ิ 1.ขณะทีแม่ ต้งครรภ์ อาจได้ รับเชื้อ ไวรัสหัด ่ ั เยอรมัน เยือหุ้มสมองอักเสบ และซิฟิลิส ้ 2.ขณะทีแม่ ต้งครรภ์ อาจได้ รับสารหรือยาที่ ่ ั เป็ นอันตราย 3.กรรมพันธุ์ 4.เด็กขาดออกซิเจนเป็ นเวลานาน ในขณะ ทาคลอด 5.เด็กทีต้องคลอดก่ อนกาหนด ่
  • 4. 1.เด็กหูตง หมายถึง เด็กที่มีการได้ ยนเหลืออยู่บ้าง ึ ิ สามารถได้ ยนได้ ไม่ ว่าจะใส่ เครื่ องช่ วยฟั งหรือไม่ ก็ตาม ิ เด็กหูตงจะมีระดับการได้ ยนในหูท่ ดกว่ าอยู่ระหว่ าง ึ ิ ี ี 26-89เดซิเบล ซึ่งคนปกติจะมีระดับการได้ ยนอยู่ ิ ระหว่ าง 0-25 เดซิเบล
  • 5. 2. เด็กหูหนวก หมายถึงเด็กที่สูญเสียการได้ ยน ิ ในหูข้างที่ดีตังแต่ 90เดซิเบลขึนไปไม่ สามารถได้ ้ ้ ยินเสียงพูดดังอาจรั บรู้ เสียงบางเสียงได้ จากการ สั่นสะเทือน
  • 6. ระดับการได้ ยน ิ ระดับ 1 หูปกติ ( ไม่ เกิน 25 เดซิเบล ) - ได้ ยนเสี ยงพูดกระซิบเบา ๆ ิ ระดับ 2 หูตงเล็กน้ อย ( 26 – 40 เดซิเบล ) ึ - ไม่ ได้ ยนเสี ยงพูดเบา ๆ แต่ ได้ ยนเสี ยงพูดปกติ อาจใช้ เครื่องช่ วยฟัง ิ ิ บางโอกาส เช่ น เรียนหนังสื อ ระดับ 3 หูตงปานกลาง (41 – 55 เดซิเบล ) ึ - ไม่ ได้ ยนเสี ยงปกติ ต้ องพูดดังกว่ าปกติจงจะได้ ยน จาเป็ นต้ องใช้ ิ ึ ิ เครื่องช่ วยฟังขณะพูดคุย
  • 7. ระดับ 4 หูตงมาก ( 56 – 70 เดซิเบล ) ึ - พูดเสี ยงดังแล้ วยังไม่ ได้ ยน จาเป็ นต้ องใช้ เครื่องช่ วย ิ ฟังตลอดเวลา ระดับ 5 หูตงรุ นแรง ( 71 – 90 เดซิเบล ) ึ - ต้ องตะโกนหรือใช้ เครื่องขยายเสี ยงจึงจะได้ ยน แต่ ิ ได้ ยนไม่ ชัด ิ ระดับ 6 หูหนวก (91 เดซิเบล ) - ตะโกนหรือใช้ เครื่องช่ วยฟังแล้ วยังไม่ ได้ ยน และไม่ ิ เข้ าใจความหมาย
  • 8.
  • 9. แทมบูรีน ลูกแซ็ก ฉิ่ง กลอง กรับ เด็กหูหนวกจะสามารถรู้ จังหวะได้ จากการสั่ นของเครื่องดนตรีได้
  • 10. วัยทารก เด็กจะไม่ มีปฏิกริยาต่ อเสี ยงรอบๆตัว ิ เมื่อโตขึนก็จะสั งเกตพบว่ า เด็กมักไม่ ค่อยตอบคาถาม ้ ในทันที มักใช้ คาถามซ้า บางคนก็ชอบเอามือปองหู ครอบหูไว้ เมื่อมีคนพูด ้ ด้ วย ก็ชอบเอนศีรษะและขยับตัวเข้ ามาใกล้มาก เพือให้ ได้ ยน ่ ิ เสี ยง บางรายมีอาการทรงตัวผิดปกติ
  • 11. ปัญหาในทางการพูด สั งเกตได้ จากบางกรณีพดเสี ยงดังหรือเบา ู ผิดปกติ และมักหลีกเลียงการสนทนากับผู้อน ่ ื่ เด็กบางคนอาจพูดไม่ ได้ หรือพูดไม่ ชัด ซึ่งขึนอยู่กบการสู ญเสี ยการได้ ยน ้ ั ิ ของเด็ก เด็กทีสูญเสี ยการได้ ยนเล็กน้ อย อาจพอพูดได้ ส่ วนเด็กทีสูญเสี ยการได้ ่ ิ ่ ยินมาก หรือหูหนวก อาจพูดไม่ ได้ เลย หากไม่ ได้ รับการสอนพูดตั้งแต่ ใน วัยเด็ก
  • 12. ปัญหาด้ านการเขียน การเขียนประโยคของเด็ก จะมีลกษณะ ั เขียนแบบกลับไปกลับมา วางผิดที่ไม่ เป็ นไปตามลาดับ - จานวนประโยคมักมีจานวนน้ อยกว่ าปกติ และใช้ คาง่ ายๆ เขียน ประโยคไม่ ซับซ้ อน ใช้ ภาษาง่ ายๆ และมักเขียนประโยคสั้ นๆ
  • 13. ลักษณะและพฤติกรรมทีแสดงออกทางอารมณ์ และสั งคม ่ - เด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยนส่ วนใหญ่ ไม่ ชอบเข้ ากลุ่มกับใคร ่ ิ ชอบอยู่ตามลาพัง อ่อนไหวง่ าย หวาดระแวง ขีสงสั ย ้ - ไม่ ค่อยยอมรับความสนิทสนมของผู้อนอย่ างฉันท์มิตร เมื่อพูดด้ วยก็จะ ื่ จ้ องหน้ านาน และเมื่อมีปัญหาก็จะเก็บไว้ คนเดียว - ปรับตัวเข้ ากับคนอืนค่อนข้ างยาก เห็นแก่ตัว ชอบเล่นรุนแรง ทั้งนี้ ่ ขึนอยู่กบสภาแวดล้อม และการดูแลเอาใจใส่ ของครอบครัว ้ ั
  • 14. ลักษณะทางจิตวิทยาของเด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ิ - มีลกษณะไปในทางเอาตัวเองเป็ นจุดศูนย์ กลาง ขาดความเห็นอกเห็นใจ ั คนอืน ต้ องพึงพาอาศัยคนอืนอยู่ตลอดเวลา ่ ่ ่ - ไม่ รู้จกควบคุมอารมณ์ และไม่ เข้ าใจตัวเอง พัฒนาการทางจิตวิทยาของ ั เด็กมีความล่าช้ า - มีอาการทางระบบประสาทและมีปัญหาในการปรับตัวมากกว่ าเด็กปกติ ในวัยเดียวกัน
  • 15. พัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ิ เด็กทีมีความบกพร่ องทางการได้ ยนนั้น โดยเฉลียแล้ วมี ่ ิ ่ สติปัญญาตากว่ าเด็กปกติเล็กน้ อย และยังพบว่ า บางคนมีสติปัญญา ่ สู งกว่ าเด็กปกติ ความบกพร่ องในการรับรู้ ด้านภาษา ซึ่งภาษามีผลต่ อสติปัญญา
  • 16. การให้ ความช่ วยเหลือเด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ี ิ เด็กที่มีปัญหาทางการได้ ยน จึงไม่ สามารถได้ รับประโยชน์ ิ จากการฟัง-การพูดได้ อย่ างเต็มทีต้องใช้ การสื่ อสารวิธีอนแทนการ ่ ื่ ใช้ ภาษาพูด
  • 17. วิธีการสื่อความหมายของเด็กที่มีความบกพร่ อง ทางการได้ ยนอาจแบ่ งเป็ น 7 วิธี คือ ิ 1. การพูด เหมาะสาหรั บเด็กที่มีความบกพร่ องทางการ ได้ ยนไม่ มากนัก ิ
  • 18. 2. การฝึ กฟัง (Auditory Training) เป็ นวิธีการสอนเด็กที่มี ความบกพร่ องทางการได้ยนให้รู้จกฟังโดยมีเป้ าหมายหลัก 3 ิ ั ประการ คือ ่ 1.1 ให้รู้จกเสี ยงที่ฟัง ไม่วาจะเป็ นเสี ยงอะไรก็ตามรวมทั้ง ั เสี ยงที่เป็ นการพูดในสิ่ งแวดล้อมต่าง ๆ ของเด็ก 1.2 ให้แยกเสี ยงทีคละกันในสิ่ งแวดล้อมได้ ซึ่งควรฝึ กเมื่อ เด็กอายุได้ 3 ขวบ ่ 1.3 ให้แยกเสี ยงพูดได้วา เป็ นเสี ยงเช่นไร หรื อเสี ยงใคร
  • 19. 3. ภาษา เหมาะสาหรั บเด็กที่สูญเสียการได้ ยนมาก ิ หรื อหูหนวกซึ่งไม่ สามารถสื่อสารกับผู้อ่ ืนได้ ด้วยการ พูดจึงใช้ ภาษามือแทน
  • 20. 4. การใช้ ท่าทาง หมายถึง การใช้ ท่าทางที่คิดขึนเองมักเป็ นไปตาม ้ ธรรมชาติโดยไม่ ใช้ ภาษามือและไม่ ใช้ นาเสียงแต่ ใช้ ้ สายตาในการรั บภาษา
  • 21. 5. การสะกดนิวมือ ้ คือการที่บุคคลใช้ นิวมือเป็ นรูปต่ างๆแทนตัวพยัญชนะ ้ สระ วรรณยุกต์ ตลอดจนสัญลักษณ์ อ่ นของภาษาประจา ื ชาติเพื่อสื่อภาษา
  • 22. 6. การอ่ านริมฝี ปาก เป็ นวิธีการที่เด็กที่มีความบกพร่ อง ทางการได้ ยนรั บภาษาพูดจากผู้อ่ น ดังนัน จะต้ องเรี ยนรู้ ิ ื ้ วิธีการอ่ านตังแต่ คาแรกที่เรียนภาษาและเป็ นสิ่งแรกที่ ้ เด็กต้ องใช้ ตลอดชีวติ
  • 23. 7. การสื่อสารรวม คือการสื่อสารตังแต่ สองวิธีขนไปเพื่อให้ ผ้ ูฟังเดา ้ ึ้ ความหมายในการแสดงออกของผู้พดได้ ดย่ งขึนนอกจาก ู ี ิ ้ การพูดการใช้ ภาษามือ การแสดงท่ าทางประกอบแล้ วก็ อาจใช้ วธีอ่านริมฝี ปาก การอ่ านการเขียนหรื อวิธีอ่ นก็ได้ ิ ื
  • 24. การเรียนร่ วมระหว่ างเด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ่ ี ยินกับเด็กปกติเมือมีเด็กมีความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ิ เข้ ามาเรียนร่ วมในชั้นเรียน ครู ผ้ ูสอนควรปฏิบัตดงนี้ ิ ั
  • 25. 1.ควรให้ เด็กทีมความบกพร่ องนั่งในตาแหน่ งที่ ่ ี สามารถมองเห็นและได้ ยนผู้สอนได้ ิ
  • 26. 2.ใช้ ท่าทางประกอบคาพูดเพือให้ เด็กเข้ าใจคาพูดของ ่ ครู แต่ ไม่ ควรแสดงท่ าทางมาจนเกินไป
  • 27. 3.ครู ควรเขียนกระดานมากทีสุดเท่ าทีจะทาได้ ่ ่ โดยเฉพาะอย่ างยิงสิ่ งทีมความสาคัญ เช่ น นิยาม คาสั่ ง ่ ่ ี หรือการบ้ าน เป็ นต้ น
  • 29. 5.เมือต้ องการพูดคุยกับเด็กควรใช้ วธีเรียกชื่อไม่ ควร ่ ิ ใช้ วธีแตะสั มผัส เป็ นการฝึ กให้ เด็ก ิ
  • 31. ให้ โอกาสแก่ เด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ี ิ ออกมารายงานหน้ าชั้น ทั้งนีเ้ พือให้ เด็กได้ มโอกาส ่ ี แสดงออกด้ วยการพูด และขณะเดียวกันก็เป็ นการเปิ ด โอกาสให้ เด็กปกติได้ ฝึกฟังการพูดภาษาของเด็กทีมี ่ ความบกพร่ องทางการได้ ยน ิ
  • 32. หากเด็กปกติออกมาพูดหน้ าชั้น ครู ผ้ ูสอนควรสรุปสิ่ ง ทีเ่ ด็กปกติพูดให้ เด็กทีมความบกพร่ องทางการได้ ยน ่ ี ิ ฟังด้ วย
  • 33.
  • 34. • http://www.tinyzone.tv/HealthDetail.aspx?ctp ostid=1739 • http://www.google.co.th/imgres?q=% • http://krusk13.blogspot.com/2010/11/blog- post.html
  • 35. 1. นางสาวขวัญฤทัย ผมจันทร์ รหัส 53181520106 2. นายคงกพัน ตันมล รหัส 53181520107 3. นางสาวจามจุรี สุ ริยะมณี รหัส 53181520109 4. นายณเรศ หน้ างาม รหัส53181520111 สาขาชีววิทยา ชั้นปี ที่ 3