Mais conteúdo relacionado
Semelhante a สังคหวัตถุ (20)
สังคหวัตถุ
- 1.
คนเราจะผูกสมัครรักใคร่ ให้ ยนนาน ยึดเหนี่ยวนาใจของกันและกันให้ มนคงทั้ง
ื ้ ั่
ผู้ใหญ่ ผู้น้อย จะต้ องปฏิบัติต่อกันด้ วยคุณธรรม 4 ประการทีพระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้
่
ดังนี้
1.ทาน ให้ ปันสิ่ งของของตนแก่ผู้ทควรให้ ปัน
ี่
2.ปิ ยวาจา เจรจาวาจาทีอ่อนหวาน
่
3.อัตถจริยา ประพฤติสิ่งทีเ่ ป็ นประโยชน์ ต่อกัน
4.สมานัตตตา วางตนสมแก่ฐานะ ไม่ ถือตัวจัดจนเกินไป และไม่ ปล่อยตัวมากจน
เกินประมาณ
พระพุทธเจ้ าทรงอุปมาว่ า สั งหควัตถุ 4 เป็ นเสมือนยานพาหนะทีจะนา ่
มนุษย์ ไปสู่ ความสุ ขความเจริญ สั งคมของมนุษย์ ประกอบขึนด้ วยบุคคลทีมภูมหลัง
้ ่ ี ิ
แตกต่ างกันมีท้งคนดีและคนไม่ ดี
ั มีท้งคนทีร่ารวยแและคนทียากจน
ั ่ ่ ดังนั้นจึง
จาเป็ นต้ องอาศัยสั งหควัตถุ 4 เป็ นเครื่องยุดเหนี่ยวบุคคลแต่ ละคนให้ มความผูกพันกัน
ี
เพือสั งคมจะได้ ดารงอยู่ในความสงบ และได้ รับการพัฒนาให้ เจริญก้าวหน้ ายิงขึน พระ
่ ่ ้
พุทธองค์ ทรงชี้แนะไว้ ว่า ถ้ าสั งคมใดปราศจากสั งคหวัตถุ 4 แล้ว สั งคมนั้นจะมีแต่ ความ
ยุ่งเหยิงไร้ สันติสุข ด้ วยเหตุดังกล่าวพุทธศาสนิกชนจึงควรทาความเข้ าใจสั งคหวัตถุ 4
ให้ ถ่องแท้ ดังต่ อไปนี้
1.ทาน คือ การให้ การเสี ยสละ หรือให้ ปันสิ่ งของ หๆ ตนเพือประโยชน์ แก่
่
บุคคลอืน ไม่ ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ เป็ นคนเห็นแก่ได้ ฝ่ายเดียว คุณธรรมข้ อนีจะช่ วยให้
่ ้
เราไม่ เป็ นคนละโมบ ไม่ เห็นแก่ตัว เราควรคานึงอยู่เสมอว่ า ทรัพย์ สินสิ่ งของทีเ่ ราหามา
ได้ มิใช่ สิ่งของทีจีรังยังยืน เมือเราสิ้นชีวตไปแล้วก็ไม่ สามารถจะนาติดตัวไปได้ เศรษฐี
่ ่ ่ ิ
มีทดินนับหมืน ๆ ไร่ สุดท้ ายก็ต้องใช้ เนือทีเ่ พียงไม่ กตารางวาเท่ ากับคนจนเพือฝังสั งขาร
ี่ ่ ้ ี่ ่
สั งคมใดจะดารงอยู่ได้ อย่ างสงบสุ ขสมาชิกของสั งคมนั้นจะต้ องรู้ จักการเสี ยสละ การ
บริจาคทานต่ อกัน ถ้ าเราอ่นข่ าวจากหนังสื อพิมพ์รายวัน จะสั งเกตได้ ว่าปัญหาทีเ่ กิด
ขึนอยู่ในสั งคมไทยทุกวันนี้ บางปัญหามีสาเหตุมาจากการทีเ่ ราไม่ รู้ จักการให้ ทาน เช่ น
้
พบเห็นคนอดอยากหิวโหย แทนทีจะแบ่ งปัยอาหารหรือบริจาคเงินทองให้ บ้างก็กลับนิ่ง
่
- 2. เฉยดูดายถือว่ ามิใช่ ภาระหน้ าทีของตน บางครั้งเมือบุคคลผู้น้ัน ทนทุกข์ ทรมานเพราะ
่ ่
ความหิวโหยไม่ ไหวก็อาจจะหันไปประกอบอาชญากรรม เป็ นต้ นว่ า ฉก ชิง วิงราว จี้ ่
ปล้น เพือนาเงินมาเลียงชีพ และในทางกลับกันเศรษฐีบางคนมีทรัพย์ สินมหาศาลอยู่
่ ้
แล้ว ก็พยายามแสวงหาทรัพย์ สมบัติทร่ารวยมากขึนไปอีก โดยมิได้ คานึงถึงการกระทา
ี่
ดังกล่าวของตนจะสร้ างความเดือดร้ อนให้ กบผู้อนหรือไม่ เช่ น ขึนราคาค่ าเช่ าทีดิน ขึน
ั ื่ ้ ่ ้
ราคาสิ นค้ า ขึนราคาค่ าเช่ าบ้ าน เป็ นต้ น
้
พระพุทธองค์ ได้ ทรงเทศนาไว้ ว่า “ผู้ ให้ ทานย่ อมมีความสุ ขและเบิกบานใจยิงกว่ า ่
ผู้รับทาน” ในชั่วชีวตของมนุษย์ บางโอกาสเราอาจต้ องอยู่ในฐานะเป็ นผู้ให้ ฉะนั้นเรา
ิ
จึงควรมีหลักเกณฑ์ เกียวกับการให้ ทานเป็ นคติประจาใจ ดังต่ อไปนี้
่
1.ให้ ทานแก่บุคคลทีควรให้ ่
2.ให้ ในสิ่ งทีควรให้
่
3.ให้ ด้วยเจตนาทีบริสุทธิ์ ่
นอกจากนียงต้ องคานึงด้ วยว่ า เมือเราบริจาคไปแล้วจะไม่ สร้ างความเดือดร้ อน
้ั ่
ให้ แก่ตนเองและครอบครัว เช่ า เรามีข้าวสารอยู่ 1 ลิตร พอหุงบริโภคได้ เพียง 1 มือ เมือ ้ ่
มีผู้มาขอแบ่ งปันเราก็ต้องปฏิเสธอย่ างสุ ภาพ เพราะถ้ าเราบริจาคไปเราและครอบครัว
ย่ อมจะเดือดร้ อนเพราะขาดแคลนข้ าวบริโภค หรือสิ่ งของทีเ่ ราให้ ทานไปแล้วก็อย่ า
บังเกิดความเสี ยดายขึนในภายหลัง เนื่องจากจะทาให้ เกิดกิเลส จิตไม่ สงบ ฟุ้ งซ่ าน ซึ่ง
้
ผิดจากจุดประสงค์ ของการให้ ทาน
2.ปิ ยวาจา คือ การพุดจาด้ วยถ้ อยคาทีไพเราะอ่อนหวาน พูด้วยความจริงใจ ไม่
่
พุดหยาบคายก้าวร้ าว พูดในสิ่ งทีเ่ ป็ นประโยชน์ เหมาะสมกับกาลเทศะ พระพุทธเจ้ าทรง
ให้ ความสาคัยกับการพูดเป็ นอย่ างยิง เพราะการพุดเป็ นบันไดขั้นแรกทีจะสร้ างมนุษย์
่ ่
สั มพันธ์ อนดีให้ เกิกดขึน แและนัยเดียวกันบุคคลก็อาจจะประสบความเสร็จในหน้ าที่
ั ้
การงาน ถ้ ารู้ จักใช้ ปิยวาจาดังคาพังเพยทีว่า “พูดดีเป็ นศรีแก่ตัว” วิธีการพูดให้ เป็ ฯปิ ย
่
วาจานั้น จะต้ องพูดโดยยึดถือหลักเกณฑ์ ดังต่ อไปนี้
2.1 เว้ นจากการพูดเท็จ คือพุดแต่ คาสั ตย์ ไม่ พูดจาโกหกหลอกหลวงผู้อน ื่
เพือแสวงหาผลประโยชน์ ให้ แก่ตนเองได้ เห็นได้ ฟังอย่ างไรก็พูดไปอย่ างนั้น ไม่ พูดเสริม
่
ความให้ เรื่องเล็กกลายเป็ นเรื่องใหญ่ ถ้ าไม่ ได้ เห็น ไม่ ได้ ฟัง ไม่ ได้ ทราบ ก็จงปฏิเสธไปว่ า
- 3. ไม่ ได้ เห็น ไม่ ได้ ยน ไม่ ได้ ทราบ นอกจากจะพูดเรื่องทีเ่ ป็ นจริงแล้วยังต้ องคานึงถึงด้ วยว่ า
ิ
เรื่องทีจะพูดนั้นมีประโยชน์ และเหมาะสมกับกาลเทสะหรือไม่
่
2.2 เว้ นจากการพูดสิ่ เสี ยด คือ ไม่ พูดจายุยงให้ เขาแตกร้ าวกัน โดยเอา
ความทางนีไปบอกทางโน้ นหรือเอาความทางโน้ นมาบอกทางนี้ เมือได้ ยนได้ ฟังเรื่องราว
้ ่ ิ
ทีจะเป็ นชนวนก่ อให้ เกิดการแตกรความสามัคคีกหาทางทีจะระงับเสี ย
่ ็ ่ โดยไม่ นาไป
แพร่ งพรายให้ บุคคลอืนได้ รับทราบอีกต่ อหนึ่ง
่
2.3 เว้ นจากการพูดคาหยาบ คือ พูดด้ ยถ้ อยคาไพเราะอ่อนหวาน สุ ภาพ
ไม่ เอะอะโวยวาย ไม่ พูดเรื่องหยาบคาย เมือฟังแล้วมีความสบายใจ
่
2.4 เว้ นจากการพูดเพ้อเจ้ อ คือ ไม่ พูดในสิ่ งทีเ่ หลวไหลไร้ สาระหรือพูด
กากวมวกไปวนมาจับใจความไม่ ได้ แต่ ควรพุดในสิ่ งทีเ่ ป็ นประโยชน์ มสาระมีเหตุผล ี
ต้ องพิจารณาไตรตรองก่อนจะพูดทุกครั้งว่ า เรื่องทีเ่ ราพูดนั้นให้ สาระต่ อผู้ฟังบ้ าง
หรือไม่ อย่ าได้ หมายเอาความสนุกสนานเฮฮาเป็ นทีต้ัง จนลืมคานึงถึงประโยชน์ และ
่
กาลเทศะ
3.อัตถจริยา คือ ประพฤติในสิ่ งทีเ่ ป็ นประโยชน์ แก่ผู้อน ถึงแม้ ว่าเราจะอยู่ในวัย
ื่
ศึกษาเล่าเรียน แต่ กสามารถบรรลุถึงธรรมข้ อนีได้ โดยง่ าย ด้ วยการปฏิบัติตามแนวทาง
็ ้
ดังต่ อไปนี้
3.1 มีความประพฤติชอบทางกาย เรียกว่ า กายสุ จริต ได้ แก่
(1) เว้ นจากการทาลายชีวต หรือ เบียดเบียนผู้อนให้ เดือดร้ อน
ิ ื่
(2) เว้ นจากการลักทรัพย์ ฉ้ อโกงทรัพย์
(3) เว้ นจากการประพฤติผดในกาม ิ
3.2 มีความประพฤติชอบทางวาจา เรียกว่ า วจีสุจริต ได้ แก
(1) เว้ นจากการพูดเท็จ
(2) เว้ นจากการพูดส่ อเสี ยด
(3) เว้ นจากการพูดคาหยาบ
(4) เว้ นจากการพุดเพ้อเจ้ อ
3.3 มีความประพฤติชอบทางใจเรียกว่ า มโนสุ จริต ได้ แก่
(1) ไม่ โลภอยากได้ ของผู้อน ื่
- 4. (2) ไม่ พยาบาทปองร้ ายผู้อน ่ื
(3) เห็นชอบตามทานองคลองธรรม
เหตุผลทีถือว่ า เมือปฏิบัติตามแนวทางทั้ง 3 ข้ อนีแล้ว ย่ อมจะบรรลุถึงธรรม
่ ่ ้
อัตถจริยา นั้น ก็เนื่องมาจากว่ าถ้ าเราไม่ กระทาความชั่ว อาทิไม่ ลกทรัพย์ หรือฉ้ อโกง
ั
ทรัพย์ ของผู้อน ไม่ กล่าวจาเท็จให้ ร้ายผู้อน ไม่ เห็นผิดจากทานองคลองธรรมเหล่านี้ ผุ้
ื่ ื่
อืนก็จะไม่ ได้ รับความเดือดร้ อนเพราะเราเป็ นต้ นเหตุ
่ เมือผู้อนหรือสั งคมดารงอยู่ใน
่ ื่
ความสงบสุ ข ย่ อมถือได้ ว่าเราได้ สร้ างคุณประโยชน์ ให้ เกิดขึนแล้วโดยทางอ้อม แม้ ว่า
้
จะมองไม่ เห็นผลดังเช่ นเหมือนกับการทีไปช่ วยเขาขุดลอกคูคลอง ทาถนน สร้ าง
่
สะพาน หรือทาความสะอาดลานวัดก็ตาม
หากเราต้ องการจะประพฤติธรรมอัตถจริยาให้ สมบูรณ์ ยงขึนไปอีก เราก็จะต้ อง
่ิ ้
ปฏิบัติตานแนวทางอีก 2 ประการ
1. เวยยาวัจจะ หมายถึง การช่ วยเหลือกระทากิจการของผู้อนให้ สาเร็จอาทิ ไป
ื่
ช่ วยงานพิธีของเพือนบ้ าน เช่ นงานศพ งานแต่ งงาน งานบวชนาค เป็ นต้ น หรือช่ วยขุด
่
สระนา ช่ วยเพือน ๆทางาน เป็ นต้ น อนึ่งสาหรับกิจในทีนีจะต้ องเป็ นกิจหรืองานที่
้ ่ ่ ้
ถูกต้ องตาม