SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 22
Baixar para ler offline

                                  
                                     




                 
 ⌫⌫      ⌫  

         คนไทยเราคุนกับการสวดมนตมาตั้งแตเกิด แตเปน
ที่นาสงสารวาไดสวดตาม ๆ กันไป นอยคนนักที่จะแปลได
และรูความหมาย ทําใหขาดสาระทางใจ อาจกลายเปน
ความงมงาย ไดหากไมเขาใจ ฉะนั้นควรใหเด็กหัดสวดมนตแปล จิต
จะไดนอมตามไป ไดอรรถไดรส         จากการสวดมนตอยางแทจริง
นอกจากนั้นควรใหไดทราบวาสวดมนตไปทําไมอีกดวย
                
       ๑. ไลความขี้เกียจ ขณะสวดมนต อารมณนาเบื่อ เซื่องซึม
งวงนอน เกียจครานจะหมดไป เกิดความแชมชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น
          ๒. ตัดความเห็นแกตัว เพราะขณะนั้นอารมณของเราไป
หนวงอยูที่การสวด ไมไดคิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได
                                                                          ⌫
กล้ํากรายเขาสูวาระจิต                                              ⌦  
          ๓. ไดปญญา การสวดมนตโดยรูคําแปล รูความหมาย ยอม
ทําใหผูสวดไดปญญา ความรู แทนที่จะสวดแจว ๆ เหมือนนกแกว
นกขุนทองโดยไมรูอะไรเลย เปนเหตุใหถูกขอนวาทําอะไรโง ๆ
          ๔. จิตเปนสมาธิ เพราะขณะนั้นผูสวดตองสํารวมใจแนวแน          
มิฉะนั้นจะสวดผิดไดหนาลืมหลัง เมื่อจิตเปนสมาธิ ความสงบเยือก                
เย็นในจิตจะเกิดขึ้น                                                        ⌦
          ๕. ไดเฝาพระพุทธเจา เพราะขณะนั้นผูสวดมีกาย วาจาปกติ
(มีศีล)      มีใจแนวแน(มีสมาธิ)    มีความรูระลึกถึงคุณความดีของ
                                                                     
พระพุทธเจา (มีปญญา) เทากับไดเฝาพระองคดวยการปฏิบัติบูชา ครบ
ไตรสิกขาอยางแทจริง

                                     
                                                                              
                                                                                
                                                              
                                                                   
                                                                    
                                                                    
                                                                    
                                                               
⌫                                    
                ⌫            
                                                                 
⌫⌫     ⌫                                
                                          
                                
                       
                                                                      
       ⌫                              
⌫⌫                                           
                                      
                                                                      
                                                                     
                                                                  
                                                                    
                                                                 
                                                               
                                                                 
   ⌫ ⌫                        
   ⌫ ⌫                  
                                                   
                                                                                
                                                                              
ก                                                                           ๓๗
                         คําบูชาพระรัตนตรัย                                   เย จาเนเก ปะมาเทนะ,                  มิใชนอยเพราะเผลอผลัน,
โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,                                           กายะวาจามะเนเหวะ,                    ทางกายาวาจาจิต,
  พระผูมีพระภาคเจานั้น พระองคใด, เปนพระอรหันต, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข   ปุญญัง เม อะนุโมทันตุ,               จงอนุโมทนากุศล,
  สิ้นเชิง, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
                                                                              คัณหันตุ ผะละมุตตะมัง,               ถือเอาผลอันอุกฤษฏ,
สะวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม,
  พระธรรมเปนธรรมอันพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด, ตรัสไวดีแลว,              เวรา โน เจ ปะมุญจันตุ,               ถามีเวรจงเปลื้องปลิด,
สุปะฏิปนโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                       สัพพะโทสัง ขะมันตุ เม.               อดโทษขาทั่วหนาเทอญ.
  พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด, ปฏิบัติดีแลว,                                                   ………………………..


ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง,                                                                 ๑๖. คํากรวดน้ํายอ
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ,                                     อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย.
  ขาพเจาทั้งหลาย, ขอบูชาอยางยิ่ง, ซึ่งพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น,           ขอผลบุญนี้จงสําเร็จแกญาติทั้งหลายของขาพเจา ขอญาติทั้งหลายของขาพเจา
  พรอมทั้งพระธรรมและพระสงฆ, ดวยเครื่องสักการะทั้งหลายเหลานี้,                 จงเปนสุขเถิด
  อันยกขึ้นตามสมควรแลวอยางไร,                                                                                ………………………..


สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตป,                                                               ๑๗. บทแผเมตตา
  ขาแตพระองคผูเจริญ, พระผูมีพระภาคเจาแมปรินิพพานนานแลว,               สัพเพ สัตตา,             สัตว(โลก)ทั้งหลายทั้งปวง, ที่เปนเพื่อนทุกข, เกิด แก
  ทรงสรางคุณอันสําเร็จประโยชนไวแกขาพเจาทั้งหลาย,                                                 เจ็บ ตาย, ดวยกันหมดทั้งสิ้น,
ปจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา,                                                   อะเวรา,                  จงเปนสุขเปนสุขเถิด, อยาไดมีเวรแกกันและกันเลย,
  ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะหแกพวกขาพเจา, อันเปนชนรุนหลัง,
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณณาการะภูเต ปะฏิคันหาตุ,                                อัพยาปชฌา,            จงเปนสุขเปนสุขเถิด,อยาไดเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
  ขอพระผูมีพระภาคเจาจงรับเครื่องสักการะ, อันเปนบรรณาการของคนทั้งหลาย       อะนีฆา,                จงเปนสุขเปนสุขเถิด, อยาไดมีความทุกขกายทุกขใจเลย,
  เหลานี้,                                                                   สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.จงมีความสุขกายสุขใจ,รักษาตนใหพนจากทุกขภัย,
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.                                                                     ดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เทอญ.
  เพื่อประโยชนและความสุขแกขาพเจาทั้งหลาย, ตลอดกาลนาน เทอญ.
                         บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                                                     คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
๓๖                                                                                      ๑
ตัณหุปาทานะเฉทะนัง,          ตัวตัณหาอุปาทาน,                                                             คําทําวัตรเชา
เย สันตาเน หินา ธัมมา,       สิ่งชั่วในดวงใจ,                                                        ๑. คําบูชาพระรัตนตรัย
ยาวะ นิพพานะโต มะมัง,        กวาเราจะถึงนิพพาน,                               อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ,       มลายสิ้นจากสันดาน,                                    พระผูมีพระภาคเจา, เปนพระอรหันต, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกขสิ้นเชิง,
ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว,        ทุกๆ ภพที่เราเกิด,                                    ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
อุชุจิตตัง สะติปญญา,        มีจิตตรงและสติ, ทั้งปญญาอันประเสริฐ,             พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ.
สัลเลโข วิริยัมหินา,         พรอมทั้งความเพียรเลิศ, เปนเครื่องขูดกิเลสหาย,       ขาพเจาอภิวาทพระผูมีพระภาคเจา, ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน. (กราบ)
มารา ละภันตุ โนกาสัง,        โอกาสอยาพึงมี, แกหมูมารสิ้นทั้งหลาย,           สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
กาตุญจะ วิริเยสุ เม,         เปนชองประทุษราย, ทําลายลางความเพียรจม,            พระธรรม เปนธรรมที่พระผูมีพระภาคเจา, ตรัสไวดีแลว,
พุทธาทิปะวะโร นาโถ,          พระพุทธผูบวรนาถ,                                 ธัมมัง นะมัสสามิ.
                                                                                   ขาพเจานมัสการพระธรรม. (กราบ)
ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม,        พระธรรมที่พึ่งอุดม,
                                                                               สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นาโถ ปจเจกะพุทโธ จะ,        พระปจเจกะพุทธะ-
                                                                                   พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา, ปฏิบัติดีแลว,
สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง,       สมทบพระสงฆที่พึ่งผยอง,
                                                                               สังฆัง นะมามิ.
เตโสตตะมานุภาเวนะ,           ดวยอานุภาพนั้น,
                                                                                   ขาพเจานอบนอมพระสงฆ. (กราบ)
มาโรกาสัง ละภันตุ มา,        ขอหมูมารอยาไดชอง,
ทะสะปุญญานุภาเวนะ,           ดวยเดชบุญทั้งสิบปอง,
มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ        อยาเปดโอกาสแกมาร เทอญฯ
เย เกจิ ขุททะกา ปาณา,        สัตวเล็กทั้งหลายใด,
มะหันตาป มะยา หะตา,         ทั้งสัตวใหญเราห้ําหั่น,

                  บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                                                              คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
๒                                                                               ๓๕
                      ๒. ปุพพภาคนมการ                                                ๑๕. กรวดน้ําตอนเย็น (อุททิสสนาธิฏฐานคาถา)
                                                                                        (หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เสฯ)
(หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ)
                                                                                  อิมินา ปุญญะกัมเมนะ,         ดวยบุญนี้อุทิศให,
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น,                   อุปชฌายา คุณุตตะรา,         อุปชฌายผูเลิศคุณ,
อะระหะโต,            ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลส,                                      อาจะริยูปะการา จะ,           แลอาจารยผูเกื้อหนุน,
สัมมาสัมพุทธัสสะ.    ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง.                                  มาตา ปตา จะ ญาตะกา,         ทั้งพอแมแลปวงญาติ,
                              (วา ๓ ครั้ง)                                       สุริโย จันทิมา ราชา,         สูรยจันทรแลราชา,
                             .......... .......... ..........

                         ๓. พุทธาภิถุติ.                                          คุณะวันตา นะราป จะ,         ผูทรงคุณหรือสูงชาติ,
                                                                                  พรัหมะมารา จะ อินทา จะ, พรหมมารและอินทราช,
             (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะเสฯ)                                 โลกะปาลา จะ เทวะตา,          ทั้งทวยเทพและโลกบาล,
                                                                                  ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ, ยมราชมนุษยมิตร,
โย โส ตะถาคะโต,              พระตถาคตเจานั้น พระองคใด,
                                                                                  มัชฌัตตา เวริกาป จะ,        ผูเปนกลางผูจองผลาญ,
อะระหัง,                     เปนผูไกลจากกิเลส,
                                                                                  สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ,      ขอใหเปนสุขศานติ์, ทุกทั่วหนาอยาทุกขทน,
สัมมาสัมพุทโธ,               เปนผูตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,
                                                                                  ปุญญานิ ปะกะตานิ เม,         บุญผองที่ขาทํา, จงชวยอํานวยศุภผล,
วิชชาจะระณะสัมปนโน,         เปนผูถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ,
                                                                                  สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ,      ใหสุขสามอยางลน,
สุคะโต,                      เปนผูไปแลวดวยดี,
                                                                                  ขิปปง ปาเปถะ โวมะตัง,       ใหลุถึงนิพพานพลัน,
โลกะวิทู,                    เปนผูรูโลกอยางแจมแจง,
                                                                                  อิมินา ปุญญะกัมเมนะ,         ดวยบุญนี้ที่เราทํา,
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ, เปนผูสามารถฝกบุรุษที่สมควรฝกได
                                      อยางไมมีใครยิ่งกวา,                      อิมินา อุททิเสนะ จะ,         แลอุทิศใหปวงสัตว,
สัตถา เทวะมะนุสสานัง,                 เปนครูผูสอน ของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย ,   ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ,        เราพลันไดซึ่งการตัด ,

                       บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                                                         คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
๓๔                                                                                      ๓
            5.สุญญตาพุทโธ....ทั้งเนื้อทั้งตัว,ทั้งผลงานที่ทําไปแลวทั้งหมดทั้งสิ้น         พุทโธ,                 เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบานดวยธรรม,
,เราขอยกใหพระธรรมทั้งหมด,เราจะไมหวังที่จะเอาอะไร,เราจะไมหวังที่จะเปน                   ภะคะวา,                เปนผูมีความจําเริญ จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว,
อะไร, ไมวาในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ , โดยประการทั้งปวง, เพราะทุกสิ่งทุกอยาง                  โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมมะกัง,
เปนของพระธรรมสุญญตา,                                                                      สัสสะมะณะพรัหมมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา,
             (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ)                      สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ,   พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด,ไดทรงทําความ
             6.สุญญตาพุทโธ....ทุกๆ ชีวิต ตางก็มีความทุกขอยูแลว, เราคนหนึ่ง                 ดับทุกขใหแจงดวยพระปญญาอันยิ่งเองแลว, ทรงสอนโลกนี้พรอมทั้งเทวดา,
จะไมเพิ่มทุกขเพิ่มโทษ, ใหแกทุกๆ ชีวิตเลย, ถึงแมวาเขาจะดานินทา ใสรายทุบตี,             มาร พรหม, และหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ, พรอมทั้งเทวดา
หรือโดยที่สุดฆาเราใหตายก็เชิญเถิด, เราจะไมทําตอบ, เพราะการทําตอบเลวสอง                      และมนุษยใหรูตาม,
เทา, พระพุทธเจาตรัสไว, บุญกุศลใดๆ, ที่ขาพเจาไดกระทําใหเกิดมีขึ้นแลว, ขอ            โย ธัมมัง เทเสสิ,           พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด,ทรงแสดงธรรมแลว
บุญกุศลนั้นๆ, จงถึงแกทุกๆ ชีวิต, ทั้งที่ตายไปแลวดวย, ทั้งที่มีชีวิตอยูเดี๋ยวนี้ดวย,   ,
ขอใหมีความสุข, แลวพนจากทุกขทั้งปวง, เขาสูพระนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ,                   อาทิกัลยาณัง,               ไพเราะในเบื้องตน,
                     (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โทสะ)                        มัชเฌกัลยาณัง,              ไพเราะในทามกลาง,
             7.สุญญตาพุทโธ....ตอไปนี้, ขาพเจาตองเชื่อฟง, ตองขยัน ตองไมดื้อ,        ปะริโยสานะกัลยาณัง, ไพเราะในที่สุด,
ตอพระธรรมอีกตอไป,
                                                                                           สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมมะจะริยัง
             (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ)
                                                                                           ประกาเสสิ, ทรงประกาศพรหมจรรย, คือแบบแหงการปฏิบัติอันประเสริฐ,
             8.สุญญตาพุทโธ....ทําหนาที่ไมหวังอะไร, ไมเปนอะไร,สะอาด สวาง                   บริสุทธิ์ บริบูรณ สิ้นเชิง, พรอมทั้งอรรถะ(คําอธิบาย), พรอมทั้งพยัญชนะ(หัวขอ)
สงบ, ใจอยูกับนิพพาน, เพราะไมมีเรา, มีแตอนิจจังทุกขังอนัตตา, ที่เกิดดับถี่ยิบ,
                                                                                           ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ไมมีเบื้องตน ไมมีที่สุด,
                                                                                               ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง   เฉพาะพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ,
             (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ)
                                                                                           ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
หมายเหตุ บทสวดภาวนาสุญญตาพุทโธนี้ใชไดทั้งกันและแกกิเลสทั้งปวง ตองทํา
                                                                                                        ขาพเจานอบนอมพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ดวยเศียรเกลา.
ใหมาก เจริญใหมาก เชาเย็นกอนเขานอน ทําจนเกิดความชํานาญจริงๆ จึงจะไดผล
                                                                                                                   (กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ )

                            บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                                                                คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
๔
                              ๔. ธัมมาภิถุติ                                                ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในทุกสิ่งทุกอยาง               (กราบ)
                                                                                            1.สุญญตาพุทโธ....ดีเหลือเกินวันนี้, เรายังมีชีวิตอยู, เราจะทําหนาที่ของ
              (หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เสฯ)                                    ความเปนมนุษย, ใหดีที่สุด, จนสุดความสามารถในทุกๆ กรณี, แตเราจะไม
โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,                                                         หวังอะไรจากใครๆ, โดยที่สุดแมแตคําวา”ขอบใจ”, เพราะอํานาจอยูที่พระธรรม
   พระธรรมนั้นใด, เปนสิ่งที่พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสไวดีแลว,                       ,
                                                                                                          (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ)
สันทิฏฐิโก,       เปนสิ่งที่ผูศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นไดดวยตนเอง,
                                                                                            2.สุญญตาพุทโธ....ชีวิตของเรานี้, ตองแก ตองเจ็บ ตองตาย แนนอน, จะ
อะกาลิโก,        เปนสิ่งที่ปฏิบัติได และใหผลได ไมจํากัดกาล,
                                                                                       แกแบบไหน, จะเจ็บแบบไหน, เวลาไหน ตรงไหน, มาเถิดเราพรอมแลว,
เอหิปสสิโก,     เปนสิ่งที่ควรกลาวกะผูอื่นวา ทานจงมาดูเถิด,                       ถึงอยางไรเราจะไมเปนทุกข, เพราะไมใชของเรา, แตเปนของพระธรรม,
โอปะนะยิโก, เปนสิ่งที่ควรนอมเขามาใสตัว,                                                               (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โมหะ)
ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ, เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน,                              3.สุญญตาพุทโธ....ญาติทั้งหลาย, มีมารดาบิดาเปนตน, ตลอดถึงทรัพย
ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ, ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น,                   สมบัติทั้งหมดทั้งสิ้น, ตองพลัดพราก, ลมหายตายจากกันไปอยางแนนอน ไม
ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ.                                                          วันใดก็วันหนึ่ง,ถึงเปนเชนนั้นเราจะไมเปนทุกข, เพราะไมใชของเรา, แตเปน
   ขาพเจานอบนอมพระธรรมนั้น ดวยเศียรเกลา.                                          ของพระธรรม,
                                                                                                           (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โมหะ)
                         (กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ)
                                                                                            4.สุญญตาพุทโธ....ไมวาเราจะทําอะไรลงไปก็ตาม, คนทั้งหลายตอง, รูสึก
                                                                                       กับเราอยางนอย 3 ประเภท, คือเขาวาเราดีบาง, เขาวาเราไมดีบาง, เขาไม
                                                                                       สนใจกับเราเลยบาง, เราจะไมคานไมเถียง, และไมหวั่นไหว, โดยประการทั้ง
                                                         ปวง, ถาเขาวาเราดีก็ถูกของเขา, เขาวาเราไมดีก็ถูกของเขา, เขาไมสนใจเราเลย
                                                            ก็ถูกของเขา, อยางนั้นเอง, เราจะไมเปนทุกข, เพราะธรรมะใครทําใครได,
                                                                    (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธ๓๒ ้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ )
                                    ๓๓                                                                                     รรมทั
           ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในครูอุปชฌายอาจารย         (กราบ)   ชีวิตัง เม อะนิยะตัง,                   คูมือสามเณรภาคฤดูของไมเที่ยง,
                                                                                                                        ชีวิตของเรา เปน รอน
                          บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล
มะระณัง เม นิยะตัง,             ความตายของเรา เปนของเที่ยง,                                    (หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เสฯ)
วะตะ,                           ควรที่จะสังเวช,
                                                                                โย โส สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
อะยัง กาโย,                     รางกายนี้,                                          สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจานั้น หมูใด, ปฏิบัติดีแลว,
อะจิรัง,                        มิไดตั้งอยูนาน,                               อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
อะเปตะวิญญาโณ,                  ครั้นปราศจากวิญญาณ,                                  สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติตรงแลว,
ฉุทโฑ,                          อันเขาทิ้งเสียแลว,                             ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
อะธิเสสสะติ,                    จักนอนทับ,                                           สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด,
ปะฐะวิง,                        ซึ่งแผนดิน,                                         ปฏิบัติเพื่อรูธรรมเปนเครื่องออกจากทุกขแลว,
กะลิงคะรัง อิวะ,                ประดุจดังวาทอนไมและทอนฟน,                  สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
                                                                                    สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติสมควรแลว,
นิรัตถัง.                       หาประโยชนมิได.
                                                                                ยะทิทัง,ไดแกบุคคลเหลานี้คือ,
            ๑๔. บทสวดภาวนาสุญญตาพุทโธ                                           จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,
                      (สัมมาทิฎฐิปฎิบัติธรรม)                                        คูแหงบุรุษ ๔ คู, นับเรียงตัวบุรุษ ได ๘ บุรุษ,
                                                                                เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ (วา 3 หน)                          นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา,
        ขาพเจาเคารพพระธรรม    ที่มีอยูในพระพุทธเจา           (กราบ)         อาหุเนยโย, เปนสงฆควรแกสักการะที่เขานํามาบูชา,
        ขาพเจาเคารพพระธรรม    ที่มีอยูในพระธรรม               (กราบ)        ปาหุเนยโย, เปนสงฆควรแกสักการะที่เขาจัดไวตอนรับ,
        ขาพเจาเคารพพระธรรม    ที่มีอยูในพระสงฆ               (กราบ)        ทักขิเณยโย, เปนผูควรรับทักษิณ๖ , าทาน
        ขาพเจาเคารพพระธรรม               ๕
                                ที่มีอยูในพระมารดาพระบิดา       (กราบ)   อัญชะลิกะระณีโย,          เปนผูที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี,
                                 ๕. สังฆาภิถุติ                           อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัคูมสะ,  ส ือสามเณรภาคฤดูรอน
                      บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล
เปนเนื้อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา,                       อะธิจิตเต จะ อาโยโค, ความหมั่นประกอบในการทําจิตใหยิ่ง;
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,                                          เอตัง พุทธานะสาสะนัง. ธรรม ๖ อยางนี้ เปนคําสั่งสอนของพระพุทธเจา
  ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระสงฆหมูนั้น,                              ทั้งหลาย.
ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ.
  ขาพเจานอบนอมพระสงฆหมูนั้น ดวยเศียรเกลา.
                                                                                              ๑๓. บทพิจารณาสังขาร
                        (กราบระลึกถึงพระสังฆคุณ)                      สัพเพ สังขารา อะนิจจา,
                                                                           สังขารคือรางกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น,
                     ๖. รตนัตตยัปณามคาถา                                   มันไมเที่ยง, เกิดขึ้นแลวดับไป มีแลวหายไป,
      (หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ                      สัพเพ สังขารา ทุกขา,
           สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เสฯ)                           สังขารคือรางกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น,
                                                                           มันเปนทุกขทนยาก, เพราะเกิดขึ้นแลว, แก เจ็บ ตายไป,
พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว,
  พระพุทธเจาผูบริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจหวงมหรรณพ,                    สัพเพ ธัมมา อะนัตตา,
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,                                             สิ่งทั้งหลายทั้งปวง, ทั้งที่เปนสังขาร แลมิใชสังขาร ทั้งหมดทั้งสิ้น,
  พระองคใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด,                          ไมใชตัวไมใชตน, ไมควรถือวาเรา วาของเรา วาตัววาตนของเรา,
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,                                           อะธุวัง ชีวิตัง,                         ชีวิตเปนของไมยั่งยืน,
  เปนผูฆาเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก,                            ธุวัง มะระณัง,                  ความตายเปนของยั่งยืน,
วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,                                      อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง, อันเราจะพึงตายเปนแท,
                                        ๓๑
  ขาพเจาไหวพระพุทธเจาพระองคนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ ,           มะระณะปะริโยสานัง เม ชี๓๐ัง, ชีวิตของเรา มีความตาย เปนที่สุดรอบ ,
                                                                                                วิต
     มัตตัญุตา จะ ภัตตัสมิง, ความเปนผูรูประมาณในการบริโภค;   อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี.
                         บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                                       คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
     ปนตัญจะ สะยะนาสะนัง, การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด;            เจตนาเปนเครื่องเวนจากการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ.
จําแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน, สวนใด,
                     ๑๒. โอวาทปาติโมกขคาถา                                      โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
       (หันทะ มะยัง โอวาทะปาติโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส.)                                ซึ่งเปนตัวโลกุตตระ, และสวนใดที่ชี้แนวแหงโลกุตตระนั้น,
สัพพะปาปสสะ อะกะระณัง, การไมทําบาปทั้งปวง;                                    วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
กุสะลัสสูปะสัมปะทา,          การทํากุศลใหถึงพรอม;                                  ขาพเจาไหวพระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ,
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง,        การชําระจิตของตนใหขาวรอบ;                         สังโฆ สุเขตตาภยะติเขตตะสัญญิโต,
เอตัง พุทธานะสาสะนัง.ธรรม๓อยางนี้ เปนคําสั่งสอนของพระพุทธเจาทั้งหลาย.             พระสงฆเปนนาบุญอันยิ่งใหญกวานาบุญอันดีทั้งหลาย,
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา,                                                     โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
  ขันตี คือความอดกลั้น เปนธรรมเครื่องเผากิเลสอยางยิ่ง;                             เปนผูเห็นพระนิพพาน, ตรัสรูตามพระสุคต, หมูใด,
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา,                                                 โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
  ผูรูทั้งหลาย กลาวพระนิพพานวาเปนธรรมอันยิ่ง;                                   เปนผูละกิเลสเครื่องโลเล เปนพระอริยเจา มีปญญาดี,
นะ หิ ปพพะชิโต ปะรูปะฆาตี,                                                     วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
  ผูกําจัดสัตวอื่นอยู ไมชื่อวาเปนบรรพชิตเลย;                                   ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ,
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต,                                                  อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง,
  ผูทําสัตวอื่นใหลําบากอยู ไมชื่อวาเปนสมณะเลย.                           ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปททะวา, มา โหนตุ เว ตัสสะ
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต,                                                          ปะภาวะสิทธิยา. บุญใด ที่ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งวัตถุสาม, คือพระรัตนตรัย อัน
  การไมพูดราย, การไมทําราย;                                                 ควรบูชายิ่งโดยสวนเดียว, ไดกระทําแลวเปนอยางยิ่งเชนนี้นี้, ขออุปททวะ (ความ
                                                                                                                   ๘
                                                                                ชั่ว) ทั้งหลาย, จงอยามีแกขาพเจาเลย, ดวยอํานาจความสําเร็จอันเกิดจากบุญนั้น .
ปาติโมกเข จะ สังวะโร, การสํารวมในปาติ๗มกข ,
                                     โ
     ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน,                                                       ๗. สังเวคปริกิตตนปาฐะอน
                                                                                                     คูมือสามเณรภาคฤดูร
                           บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล                    อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปนโน,
           พระธรรมของพระศาสดา สวางรุงเรืองเปรียบดวงประทีป,
     โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก,                                            พระตถาคตเจาเกิดขึ้นแลว ในโลกนี้,
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ,                                        ปาณาติปาตา เวระมะณี,
   เปนผูไกลจากกิเลส, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง,               เจตนาเปนเครื่องเวนจากการฆา,
ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก,                                    อะทินทานา เวระมะณี,
   และพระธรรมที่ทรงแสดง เปนธรรมเครื่องออกจากทุกข,              เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การถือเอาสิ่งของที่เจาของไมไดใหแลว,
อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก,                                     อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี,
   เปนเครื่องสงบกิเลส, เปนไปเพื่อปรินิพพาน,                    เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การกระทําอันมิใชพรหมจรรย,
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต,                                  มุสาวาทา เวระมะณี,
   เปนไปเพื่อความรูพรอม, เปนธรรมที่พระสุคตประกาศ,            เจตนาเปนเครื่องเวนจากการพูดไมจริง,
มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ,                           สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี,
  พวกเราเมื่อไดฟงธรรมนั้นแลว, จึงไดรูอยางนี้วา,           เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การเสพของเมา, มีสุราและเมรัยเปนตน,
ชาติป ทุกขา,                    แมความเกิดก็เปนทุกข,         อันเปนที่ตั้งของความประมาท,
ชะราป ทุกขา,              แมความแกก็เปนทุกข,             วิกาละโภชะนา เวระมะณี,
มะระณัมป ทุกขัง,          แมความตายก็เปนทุกข,                เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การบริโภคอาหารในยามวิกาล,
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาป ทุกขา,                     นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนา,มาลา คันธะวิเลปะนะ ธาระณะ
   แมความโศก ความร่ําไรรําพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ   มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี,
   ความคับแคนใจ ก็เปนทุกข,                                    เจตนาเปนเครื่องเวนจากการฟอนรํา, การขับเพลง,การดนตรี,การดูการเลน
อัปปเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,                                       ชนิดที่เปนขาศึกตอกุศล, การทรัดทรงสวมใส, การประดับ การตกแตงตน,
   ความประสบกับสิ่งไมเปนที่รักที่พอใจ ก็เ๒๙ กข ,
                                           ปนทุ                                            ๒๘
                                                                 ดวยพวงมาลาเครื่องกลิ่น และเครื่องผัดทา ,
                         บทสวดมนตอัําฏตรเชา-เย็นแปล
                            ๑๑. ท วั ฐสิกขาปทปาฐะ                              ๑๐. สรณคมนปาฐะ รอน
                                                                                     คูมือสามเณรภาคฤดู

                (หันทะ มะยัง อัฏฐะสิกขาปาทะปาฐัง ภะณามะ เส)     (หันทะ มะยัง ติสะระณะคะมะนะปาฐัง ภะรามะ เส)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,                                                  มีความปราถนาสิ่งใด ไมไดสิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข,
  ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ,                             สังขิตเตนะ ปญจุปาทานักขันธา ทุกขา,
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,                                                 วาโดยยอ อุปาทานขันธทั้ง ๕ เปนตัวทุกข,
  ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ,                                 เสยยะถีทัง,                ไดแกสิ่งเหลานี้ คือ,
สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ,                                             รูปูปาทานักขันโธ,         ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือรูป,
  ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ,                                 เวทะนูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือเวทนา,
ทุติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,                                   สัญูปาทานักขันโธ,        ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสัญญา,
  แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ,             สังขารูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสังขาร,
ทุติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,                                   วิญญาณูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือวิญญาณ,
  แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ,
                                                                    เยสัง ปะริญญายะ, เพื่อใหสาวกกําหนดรอบรูอุปาทานขันธ เหลานี้เอง,
ทุติยัมป สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ,
                                                                    ธะระมาโน โส ภะคะวา, จึงพระผูมีพระภาคเจานั้น เมื่อยังทรงพระชนมอยู,
  แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ,
                                                                    เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ,
ตะติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,
                                                                         ยอมทรงแนะนําสาวกทั้งหลาย เชนนี้เปนสวนมาก,
  แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ,
                                                                    เอวังภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา
ตะติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
                                                                    ปะวัตตะติ,
  แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ,
                                                                       อนึ่ง คําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น, ยอมเปนไปในสาวกทั้งหลาย,
ตะติยัมป สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ,                                                                 ๑๐
                                       ๙                               สวนมาก, มีสวนคือการจําแนกอยางนี้วา ,
  แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ .
                                                              รูปง อะนิจจัง,                   รูปไมเที่ยง,
     ปเยหิ วิปปะโยโคบทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล
                       ทุกโข,                                                                     คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
                                                              เวทะนา อะนิจจา,                     เวทนาไมเที่ยง,
          ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รักที่พอใจ ก็เปนทุกข,
     ยัมปจฉัง นะ ละภะติ ตัมป ทุกขัง,                        สัญญา อะนิจจา,                      สัญญาไมเที่ยง,
สังขารา อะนิจจา                  สังขารไมเที่ยง,                                กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
วิญญาณัง อะนิจจัง                วิญญาณไมเที่ยง,                                     ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี,
รูปง อะนัตตา,                   รูปไมใชตัวตน,                                 สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
เวทะนา อะนัตตา,                  เวทนาไมใชตัวตน,                                    กรรมนาติเตียนอันใด ที่ขาพเจากระทําแลว ในพระสงฆ,
สัญญา อะนัตตา,             สัญญาไมใชตัวตน,                                     สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
สังขารา อะนัตตา,                 สังขารไมใชตัวตน,                                   ขอพระสงฆ จงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น,
วิญญาณัง อะนัตตา,                วิญญาณไมใชตัวตน,                              กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
สัพเพ สังขารา อะนิจจา,           สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไมเที่ยง,                     เพื่อการสํารวมระวัง ในพระสงฆ ในกาลตอไป.

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ,           ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไมใชตัวตน ดังนี้,                                    ๙. ปุพพภาคนมการ
เต(ผูชาย) [ ตา(ผูหญิง)] มะยัง โอติณณามหะ,
                                    พวกเราทั้งหลาย เปนผูถูกครอบงําแลว,      (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ)
ชาติยา,                             โดยความเกิด,                                 นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น,
ชะรามะระเณนะ,                โดยความแก และความตาย,                              อะระหะโต,           ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลส,
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ,                                สัมมาสัมพุทธัสสะ.   ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง.
   โดยความโศก ความร่ําไรรําพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ
   ความคับแคนใจ ทั้งหลาย ,          ๒๗                                                                           ๒๖ า ๓ ครั้ง)
                                                                                                                   (ว

      สัพเพป อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.                            ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,
           อันตรายทั้งปวง อยาไดมีแกวัตรเชาา ดวยเดชแหงบุญนั้น.
                        บทสวดมนตทําขาพเจ -เย็นแปล
                                                                              ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น, อันเปมือที่ตั้งแหงความระลึก องคที่สาม
                                                                                                               คู น สามเณรภาคฤดูรอน
                                         .......... .......... ..........     ดวยเศียรเกลา,
                                   (กราบหมอบลงวา)
สังฆัสสาหัสมิ ทาโส (ผูชาย) [ทาสี (ผูหญิง) ] วะ สังโฆ เม สามิกิส                 อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปญญาเย
สะโร,                                                                             ถาติ,
  ขาพเจาเปนทาสของพระสงฆ, พระสงฆเปนนาย มีอิสระเหนือขาพเจา,                      ทําไฉน การทําที่สุดแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัด แกเราได,
สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม,
                                                                                                                  (ฆราวาสวา)
  พระสงฆเปนเครื่องกําจัดทุกข, และทรงไวซึ่งประโยชน แกขาพเจา,
สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,                                        จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา,
  ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระสงฆ,                                              เราทั้งหลายผูถึงแลวซึ่งพระผูมีพระภาคเจา, แมปรินิพพานนานแลว พระองคนั้น
วันทันโตหัง(ผูชาย) [ วันทันตีหัง(ผูหญิง) ] จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิ                   เปนสรณะ,
ปนนะตัง,                                                                         ธัมมัญจะ สังฆัญจะ,             ถึงพระธรรมดวย, ถึงพระสงฆดวย,
  ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม, ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ,                  ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง,                                   อะนุปะฏิปชชามะ,
  สรณะอื่นของขาพเจาไมมี, พระสงฆเปนสรณะอันประเสริฐของขาพเจา,                   จักทําในใจอยู, ปฏิบัติตามอยู, ซึ่งคําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน,                                           ตามสติกําลัง,
  ดวยการกลาวคําสัจจนี้, ขาพเจาพึงเจริญในพระศาสนา ของพระศาสดา,                สา สา โน ปะฏิปตติ, ขอใหความปฏิบัตินั้นๆของเราทั้งหลาย,
สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (ผูชาย) [ วันทะมานายะ (ผูหญิง) ] ยัง ปุญญัง               อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
ปะสุตัง อิธะ,                                                                          จงเปนไปเพื่อการทําที่สุดแหงกองทุกข ทั้งสิ้นนี้ เทอญ.
                                                ๑๑
  ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระสงฆ, ไดขวนขวายบุญใด ในบัดนี้ ,
                                                                                                             ๑๒
     ทุกโขติณณา,                      เปนผูถูกความทุกข หยั่งเอาแลว,
     ทุกขะปะเรตา,         บทสวดมนตทําวัผูมีความทุแปล เปนเบื้องหนาแลว,
                                 เปน ตรเชา-เย็น กข
                                                                                                     (พระภิกษุสามเณรวา)
                                                                             จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันคูมงือสามเณรภาคฤดูอะระหันตัง สัมมาสัม
                                                                                                           ตั อุททิสสะ รอน
                                                                             พทธง,
                                                                               ุ ั
เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผูมีพระภาคเจา, ผูไกลจากกิเลส,                     อัญชะลิกะระณีโย,       เปนผูที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี,
  ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, แมปรินิพพานนานแลว พระองคนั้น,                  อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสา ติ.
สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยัง ปพพะชิตา,                                              เปนเนื้อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา ดังนี้.
  เปนผูมีศรัทธา ออกบวชจากเรือน, ไมเกี่ยวของดวยเรือนแลว,                                                      .......... .......... ..........


ตัสมิง ภะคะวะติ พรัหมะจะริยัง จะรามะ,                                                                          ๘. สังฆาภิคีติ
  ประพฤติอยูซึ่งพรหมจรรย, ในพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น,                                  (หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เสฯ)
ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปนนา,
  ถึงพรอมดวยสิกขาและธรรมเปนเครื่องเลี้ยงชีวิต ของภิกษุทั้งหลาย,              สัทธัมมะโช สุปะฏิปตติคุณาภิยุตโต,
ตัง โน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะ                         พระสงฆที่เกิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบดวยคุณมีความปฏิบัติดีเปนตน,
กิริยายะสังวัตตะตุ.                                                             โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ,
  ขอใหพรหมจรรยของเราทั้งหลายนั้น,จงเปนไปเพื่อการทําที่สุดแหงกองทุกข            เปนหมูแหงพระอริยบุคคลอันประเสริฐ แปดจําพวก,
  ทั้งสิ้น นี้ เทอญ.                                                            สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต,
                                                                                    มีกายและจิต อันอาศัยธรรมมีศีลเปนตน อันบวร,
                   ๘. เขมาเขมสรณทีปคาถา
                                                                                วันทามะหัง ตะมะริยานะคะณัง สุสุทธัง,
     (หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปคาถาโย ภะณามะ เส)                               ขาพเจาไหวหมูแหงพระอริยเจาเหลานั้น อันบริสุทธิ์ดวยดี,
                                                                                สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง,
พะหุง เว สะระณัง ยันติ     ปพพะตานิ วะนานิ จะ,                                     พระสงฆ หมูใด เปนสรณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย,
อารามะรุกขะเจตยานิ                   ๒๕
                           มะนุสสา ภะยะตัชชิตา ,                                                               ๒๔
     อาหุเนยโย,     บทสวดมนตทําวัสงฆค-เย็นแปลักการะที่เขานํามาบูชา,
                           เปน ตรเชา วรแกส                              ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัมือสามเณรภาคฤดูรอน
                                                                                                      คู ง,
     ปาหุเนยโย,            เปนสงฆควรแกสักการะที่เขาจัดไวตอนรับ,         ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น,
     ทักขิเณยโย,           เปนผูควรรับทักษิณาทาน,                        กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
เพื่อการสํารวมระวัง ในพระธรรม ในกาลตอไป.                                                      เนตัง สะระณะมาคัมมะ                  สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
                                      .......... .......... ..........

                                                                                                     นั่นมิใชสรณะอันเกษมเลย, นั่นมิใชสรณะอันสูงสุด,
                              ๗. สังฆานุสสติ
                                                                                                     เขาอาศัยสรณะนั่นแลว ยอมไมพนจากทุกขทั้งปวงได.
         (หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เสฯ)                                              โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ              สังฆัญจะ สะระณัง คะโต,
สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                                                จัตตาริ อะริยะสัจจานิ                สัมมัปปญญายะ ปสสะติ,
  สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจานั้น หมูใด, ปฏิบัติดีแลว,                                           สวนผูใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เปนสรณะแลว;
อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                                                  เห็นอริยสัจจคือ ความจริงอันประเสริฐสี่ ดวยปญญาอันชอบ;
  สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติตรงแลว,                                          ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง               ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง
ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                                              อริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง             ทุกขูปะสะมะคามินัง,
  สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด,                                                              คือเห็นความทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความกาวลวงทุกขเสียได,
  ปฏิบัติเพื่อรูธรรมเปนเครื่องออกจากทุกขแลว,                                                     และหนทางมีองคแปดอันประเสริฐ, เครื่องถึงความระงับทุกข;
สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                                            เอตัง โข สะระณัง เขมัง               เอตัง สะระณะมุตตะมัง,
  สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติสมควรแลว,                                        เอตัง สะระณะมาคัมมะ                  สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
ยะทิทัง, ไดแกบุคคลเหลานี้คือ,                                                                     นั่นแหละเปนสรณะอันเกษม, นั่นเปนสรณะอันสูงสุด;
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา,                                                            เขาอาศัยสรณะนั่นแลว ยอมพนจากทุกขทั้งปวงได.
  คูแหงบุรุษ ๔ คู, นับเรียงตัวบุรุษ ได ๘ บุรุษ,
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,                                                                                              ๑๔
  นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา ,๑๓                                                               ⌫
                                                                                                              ๙. ธัมมคารวาทิคาถา
         มนุษยเปนอันมาก เมื่อเกิดมีภตรเชาคามแลว, ก็ถือเอาภูเขาบาง ปาไมบาง,
                       บทสวดมนตทําวั ัยคุก -เย็นแปล                                                                         คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
         อารามและรุกขเจดียบาง เปนสรณะ;                                                          (หันทะ มะยัง ธัมมะคาระวาทิคาถาโย ภะณามะ เส.)
     เนตัง โข สะระณัง เขมัง                                              เนตัง สะระณะมุตตะมัง,
บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน
บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน
บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน
บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน
บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะบทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะอุษณีษ์ ศรีสม
 
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)Ballista Pg
 
บทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีบทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีTongsamut vorasan
 
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์บทสวดแปล+ทิพย์มนต์
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์Patchara Kornvanich
 
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลรวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลChavalit Deeudomwongsa
 
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธร
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธรคำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธร
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธรNhui Srr
 
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdf
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdftext บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdf
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdfPUise Thitalampoon
 
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้Kiat Chaloemkiat
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์Nhui Srr
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทงwilasinee k
 
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2พิธีสะเดาะห์เคราะห์2
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2Tongsamut vorasan
 
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tongsamut vorasan
 
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tongsamut vorasan
 
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑Tongsamut vorasan
 
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)Nont Kunjara Na Ayutthaya
 

Mais procurados (20)

บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะบทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
 
บทสวดมนต์
บทสวดมนต์บทสวดมนต์
บทสวดมนต์
 
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)
สวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖ (ฉบับ สสส.)
 
บทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปีบทสวดมนต์ข้ามปี
บทสวดมนต์ข้ามปี
 
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์บทสวดแปล+ทิพย์มนต์
บทสวดแปล+ทิพย์มนต์
 
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปลรวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
รวมบทสวดพระพุทธมนต์ พร้อมคำแปล
 
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธร
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธรคำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธร
คำขอแก้บน ศีลข้อ ๔ สัจจะอธิษฐาน กับพระพุทธโสธร
 
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdf
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdftext บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdf
text บทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร.pdf
 
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
 
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
 
คู่มือพุทธบริษัท
คู่มือพุทธบริษัทคู่มือพุทธบริษัท
คู่มือพุทธบริษัท
 
tes
testes
tes
 
ลอยกระทง
ลอยกระทงลอยกระทง
ลอยกระทง
 
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2พิธีสะเดาะห์เคราะห์2
พิธีสะเดาะห์เคราะห์2
 
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
 
1. กัณฑ์ที่ 1 ทศพร 19 พระคาถา
1. กัณฑ์ที่ 1 ทศพร 19 พระคาถา1. กัณฑ์ที่ 1 ทศพร 19 พระคาถา
1. กัณฑ์ที่ 1 ทศพร 19 พระคาถา
 
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
Tri91 15+ทีฆนิกาย+ปาฏิกวรรค+เล่ม+๓+ภาค+๑ (1)
 
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑
Tri91 20+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๑
 
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก ๗๙ พระคาถา
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก ๗๙ พระคาถา
 
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
Dhammacakkappavattana sutta (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)
 

Destaque

อาจาระของพระภิกษุสามเณร
อาจาระของพระภิกษุสามเณรอาจาระของพระภิกษุสามเณร
อาจาระของพระภิกษุสามเณรniralai
 
คู่มืออบรมยุวพุทธ
คู่มืออบรมยุวพุทธคู่มืออบรมยุวพุทธ
คู่มืออบรมยุวพุทธniralai
 
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรม
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรมสมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรม
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรมniralai
 
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์niralai
 
ความหมายของครู
ความหมายของครูความหมายของครู
ความหมายของครูniralai
 
กำเนิดจักรวาล
กำเนิดจักรวาลกำเนิดจักรวาล
กำเนิดจักรวาลniralai
 
สัญญาใจค่ายจริยธรรม
สัญญาใจค่ายจริยธรรมสัญญาใจค่ายจริยธรรม
สัญญาใจค่ายจริยธรรมniralai
 
หน้าที่ของเลขานุการ
หน้าที่ของเลขานุการหน้าที่ของเลขานุการ
หน้าที่ของเลขานุการniralai
 
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) niralai
 
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)niralai
 
คลอด
คลอดคลอด
คลอดniralai
 
คู่มือพระวิทยากร
คู่มือพระวิทยากรคู่มือพระวิทยากร
คู่มือพระวิทยากรniralai
 
ถ้าฉันเป็นครู
ถ้าฉันเป็นครูถ้าฉันเป็นครู
ถ้าฉันเป็นครูniralai
 
พุทธภาษิตนักเรียน
พุทธภาษิตนักเรียนพุทธภาษิตนักเรียน
พุทธภาษิตนักเรียนniralai
 
334กุศลกรรมบถ10
334กุศลกรรมบถ10334กุศลกรรมบถ10
334กุศลกรรมบถ10niralai
 
คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์niralai
 
คู่มือโฆษกเสียงทอง
คู่มือโฆษกเสียงทองคู่มือโฆษกเสียงทอง
คู่มือโฆษกเสียงทองniralai
 
กษัตริย์ยอดกตัญญู
กษัตริย์ยอดกตัญญูกษัตริย์ยอดกตัญญู
กษัตริย์ยอดกตัญญูniralai
 
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธniralai
 

Destaque (20)

อาจาระของพระภิกษุสามเณร
อาจาระของพระภิกษุสามเณรอาจาระของพระภิกษุสามเณร
อาจาระของพระภิกษุสามเณร
 
คู่มืออบรมยุวพุทธ
คู่มืออบรมยุวพุทธคู่มืออบรมยุวพุทธ
คู่มืออบรมยุวพุทธ
 
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรม
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรมสมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรม
สมุดประจำตัวสำหรับผู้เขาค่ายคุณธรรม
 
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์
บทสวดมนตร์จากพระโอษฐ์
 
ความหมายของครู
ความหมายของครูความหมายของครู
ความหมายของครู
 
กำเนิดจักรวาล
กำเนิดจักรวาลกำเนิดจักรวาล
กำเนิดจักรวาล
 
บันทึกความดี
บันทึกความดีบันทึกความดี
บันทึกความดี
 
สัญญาใจค่ายจริยธรรม
สัญญาใจค่ายจริยธรรมสัญญาใจค่ายจริยธรรม
สัญญาใจค่ายจริยธรรม
 
หน้าที่ของเลขานุการ
หน้าที่ของเลขานุการหน้าที่ของเลขานุการ
หน้าที่ของเลขานุการ
 
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)
พุทธวิธีในการสอน พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)
 
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)
พุทธวิธีในการสอน(ศึกษาวิจัยจากพระไตรปิฎก)
 
คลอด
คลอดคลอด
คลอด
 
คู่มือพระวิทยากร
คู่มือพระวิทยากรคู่มือพระวิทยากร
คู่มือพระวิทยากร
 
ถ้าฉันเป็นครู
ถ้าฉันเป็นครูถ้าฉันเป็นครู
ถ้าฉันเป็นครู
 
พุทธภาษิตนักเรียน
พุทธภาษิตนักเรียนพุทธภาษิตนักเรียน
พุทธภาษิตนักเรียน
 
334กุศลกรรมบถ10
334กุศลกรรมบถ10334กุศลกรรมบถ10
334กุศลกรรมบถ10
 
คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์
 
คู่มือโฆษกเสียงทอง
คู่มือโฆษกเสียงทองคู่มือโฆษกเสียงทอง
คู่มือโฆษกเสียงทอง
 
กษัตริย์ยอดกตัญญู
กษัตริย์ยอดกตัญญูกษัตริย์ยอดกตัญญู
กษัตริย์ยอดกตัญญู
 
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
 

Semelhante a บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน

คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาคู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาniralai
 
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)Tongsamut vorasan
 
บทบูชาพระบรมสาริกธาติ
บทบูชาพระบรมสาริกธาติบทบูชาพระบรมสาริกธาติ
บทบูชาพระบรมสาริกธาติPojjanee Paniangvait
 
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอกกระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอกTheeraphisith Candasaro
 
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔Tongsamut vorasan
 
5ดีแด่ยุวชน
5ดีแด่ยุวชน5ดีแด่ยุวชน
5ดีแด่ยุวชนniralai
 

Semelhante a บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน (9)

คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษาคู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
คู่มือเข้าค่ายจริยธรรมประถมศึกษา
 
พุทธธรรม (ฉบับปรับขยาย)
พุทธธรรม (ฉบับปรับขยาย)พุทธธรรม (ฉบับปรับขยาย)
พุทธธรรม (ฉบับปรับขยาย)
 
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
7 57+สมนฺตปาสาทิกาย+นาม+วินยฏฐกถา+อตฺถโยชนา+(ปฐโม+ภาโค)
 
บทบูชาพระบรมสาริกธาติ
บทบูชาพระบรมสาริกธาติบทบูชาพระบรมสาริกธาติ
บทบูชาพระบรมสาริกธาติ
 
บทที่ ๔ สัมพันธ์เบ็ดเตล็ด ๓
บทที่ ๔ สัมพันธ์เบ็ดเตล็ด ๓บทที่ ๔ สัมพันธ์เบ็ดเตล็ด ๓
บทที่ ๔ สัมพันธ์เบ็ดเตล็ด ๓
 
สรภัญญะ
สรภัญญะสรภัญญะ
สรภัญญะ
 
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอกกระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
 
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔
2 26คัณฐีพระธัมมปทัฏฐกถา+ยกศัพท์แปล+ภาค๔
 
5ดีแด่ยุวชน
5ดีแด่ยุวชน5ดีแด่ยุวชน
5ดีแด่ยุวชน
 

Mais de niralai

332วันอาสาฬหบูชา
332วันอาสาฬหบูชา332วันอาสาฬหบูชา
332วันอาสาฬหบูชาniralai
 
331วันเข้าพรรษา
331วันเข้าพรรษา331วันเข้าพรรษา
331วันเข้าพรรษาniralai
 
338มารยาทไทย
338มารยาทไทย338มารยาทไทย
338มารยาทไทยniralai
 
337ประวัติพระพุทธศาสนา
337ประวัติพระพุทธศาสนา337ประวัติพระพุทธศาสนา
337ประวัติพระพุทธศาสนาniralai
 
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)niralai
 
336เบญจศีล
336เบญจศีล336เบญจศีล
336เบญจศีลniralai
 
340วัฒนธรรมชาวพุทธ
340วัฒนธรรมชาวพุทธ340วัฒนธรรมชาวพุทธ
340วัฒนธรรมชาวพุทธniralai
 
339ระวังอย่าให้อาย!
339ระวังอย่าให้อาย!339ระวังอย่าให้อาย!
339ระวังอย่าให้อาย!niralai
 
345สถานการณ์วัยรุ่นไทย
345สถานการณ์วัยรุ่นไทย345สถานการณ์วัยรุ่นไทย
345สถานการณ์วัยรุ่นไทยniralai
 
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศniralai
 
343ศิลปการพูด
343ศิลปการพูด343ศิลปการพูด
343ศิลปการพูดniralai
 
342วิธีสร้างสุข5
342วิธีสร้างสุข5342วิธีสร้างสุข5
342วิธีสร้างสุข5niralai
 
341วันออกพรรษา
341วันออกพรรษา341วันออกพรรษา
341วันออกพรรษาniralai
 
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษาniralai
 
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดีniralai
 
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12niralai
 
350สารานิยธรรม6
350สารานิยธรรม6350สารานิยธรรม6
350สารานิยธรรม6niralai
 
349สังคหวัตถุ4
349สังคหวัตถุ4349สังคหวัตถุ4
349สังคหวัตถุ4niralai
 
351หน้าที่ชาวพุทธ3
351หน้าที่ชาวพุทธ3351หน้าที่ชาวพุทธ3
351หน้าที่ชาวพุทธ3niralai
 
098ชีวิตวัยรุ่น
098ชีวิตวัยรุ่น098ชีวิตวัยรุ่น
098ชีวิตวัยรุ่นniralai
 

Mais de niralai (20)

332วันอาสาฬหบูชา
332วันอาสาฬหบูชา332วันอาสาฬหบูชา
332วันอาสาฬหบูชา
 
331วันเข้าพรรษา
331วันเข้าพรรษา331วันเข้าพรรษา
331วันเข้าพรรษา
 
338มารยาทไทย
338มารยาทไทย338มารยาทไทย
338มารยาทไทย
 
337ประวัติพระพุทธศาสนา
337ประวัติพระพุทธศาสนา337ประวัติพระพุทธศาสนา
337ประวัติพระพุทธศาสนา
 
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)
335เข้าใจในมิตร(มิตรแท้ มิตรเทียม)
 
336เบญจศีล
336เบญจศีล336เบญจศีล
336เบญจศีล
 
340วัฒนธรรมชาวพุทธ
340วัฒนธรรมชาวพุทธ340วัฒนธรรมชาวพุทธ
340วัฒนธรรมชาวพุทธ
 
339ระวังอย่าให้อาย!
339ระวังอย่าให้อาย!339ระวังอย่าให้อาย!
339ระวังอย่าให้อาย!
 
345สถานการณ์วัยรุ่นไทย
345สถานการณ์วัยรุ่นไทย345สถานการณ์วัยรุ่นไทย
345สถานการณ์วัยรุ่นไทย
 
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ
344สถานการณ์เด็กและเยาวชน ดร.อมรวิศ
 
343ศิลปการพูด
343ศิลปการพูด343ศิลปการพูด
343ศิลปการพูด
 
342วิธีสร้างสุข5
342วิธีสร้างสุข5342วิธีสร้างสุข5
342วิธีสร้างสุข5
 
341วันออกพรรษา
341วันออกพรรษา341วันออกพรรษา
341วันออกพรรษา
 
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา
346สังคมศึกษา ป.3 เรื่องวันเข้าพรรษา
 
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี
347สังคมศึกษา ป.5สมบัติของผู้ดี
 
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12
348สังคมศึกษา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ12
 
350สารานิยธรรม6
350สารานิยธรรม6350สารานิยธรรม6
350สารานิยธรรม6
 
349สังคหวัตถุ4
349สังคหวัตถุ4349สังคหวัตถุ4
349สังคหวัตถุ4
 
351หน้าที่ชาวพุทธ3
351หน้าที่ชาวพุทธ3351หน้าที่ชาวพุทธ3
351หน้าที่ชาวพุทธ3
 
098ชีวิตวัยรุ่น
098ชีวิตวัยรุ่น098ชีวิตวัยรุ่น
098ชีวิตวัยรุ่น
 

บทสวดมนต์แปลสามเณรภาคฤดูร้อน

  • 1.        ⌫⌫    ⌫  
  • 2.  คนไทยเราคุนกับการสวดมนตมาตั้งแตเกิด แตเปน ที่นาสงสารวาไดสวดตาม ๆ กันไป นอยคนนักที่จะแปลได และรูความหมาย ทําใหขาดสาระทางใจ อาจกลายเปน ความงมงาย ไดหากไมเขาใจ ฉะนั้นควรใหเด็กหัดสวดมนตแปล จิต จะไดนอมตามไป ไดอรรถไดรส จากการสวดมนตอยางแทจริง นอกจากนั้นควรใหไดทราบวาสวดมนตไปทําไมอีกดวย  ๑. ไลความขี้เกียจ ขณะสวดมนต อารมณนาเบื่อ เซื่องซึม งวงนอน เกียจครานจะหมดไป เกิดความแชมชื่นกระฉับกระเฉงขึ้น ๒. ตัดความเห็นแกตัว เพราะขณะนั้นอารมณของเราไป หนวงอยูที่การสวด ไมไดคิดถึงตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง จึงมิได  ⌫ กล้ํากรายเขาสูวาระจิต ⌦   ๓. ไดปญญา การสวดมนตโดยรูคําแปล รูความหมาย ยอม ทําใหผูสวดไดปญญา ความรู แทนที่จะสวดแจว ๆ เหมือนนกแกว นกขุนทองโดยไมรูอะไรเลย เปนเหตุใหถูกขอนวาทําอะไรโง ๆ ๔. จิตเปนสมาธิ เพราะขณะนั้นผูสวดตองสํารวมใจแนวแน   มิฉะนั้นจะสวดผิดไดหนาลืมหลัง เมื่อจิตเปนสมาธิ ความสงบเยือก  เย็นในจิตจะเกิดขึ้น ⌦ ๕. ไดเฝาพระพุทธเจา เพราะขณะนั้นผูสวดมีกาย วาจาปกติ (มีศีล) มีใจแนวแน(มีสมาธิ) มีความรูระลึกถึงคุณความดีของ  พระพุทธเจา (มีปญญา) เทากับไดเฝาพระองคดวยการปฏิบัติบูชา ครบ ไตรสิกขาอยางแทจริง
  • 3.                   ⌫        ⌫        ⌫⌫ ⌫                         ⌫     ⌫⌫                                  ⌫ ⌫     ⌫ ⌫        
  • 4. ๓๗ คําบูชาพระรัตนตรัย เย จาเนเก ปะมาเทนะ, มิใชนอยเพราะเผลอผลัน, โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, กายะวาจามะเนเหวะ, ทางกายาวาจาจิต, พระผูมีพระภาคเจานั้น พระองคใด, เปนพระอรหันต, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข ปุญญัง เม อะนุโมทันตุ, จงอนุโมทนากุศล, สิ้นเชิง, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, คัณหันตุ ผะละมุตตะมัง, ถือเอาผลอันอุกฤษฏ, สะวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม, พระธรรมเปนธรรมอันพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด, ตรัสไวดีแลว, เวรา โน เจ ปะมุญจันตุ, ถามีเวรจงเปลื้องปลิด, สุปะฏิปนโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สัพพะโทสัง ขะมันตุ เม. อดโทษขาทั่วหนาเทอญ. พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด, ปฏิบัติดีแลว, ……………………….. ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง, ๑๖. คํากรวดน้ํายอ อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ, อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย. ขาพเจาทั้งหลาย, ขอบูชาอยางยิ่ง, ซึ่งพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น, ขอผลบุญนี้จงสําเร็จแกญาติทั้งหลายของขาพเจา ขอญาติทั้งหลายของขาพเจา พรอมทั้งพระธรรมและพระสงฆ, ดวยเครื่องสักการะทั้งหลายเหลานี้, จงเปนสุขเถิด อันยกขึ้นตามสมควรแลวอยางไร, ……………………….. สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตป, ๑๗. บทแผเมตตา ขาแตพระองคผูเจริญ, พระผูมีพระภาคเจาแมปรินิพพานนานแลว, สัพเพ สัตตา, สัตว(โลก)ทั้งหลายทั้งปวง, ที่เปนเพื่อนทุกข, เกิด แก ทรงสรางคุณอันสําเร็จประโยชนไวแกขาพเจาทั้งหลาย, เจ็บ ตาย, ดวยกันหมดทั้งสิ้น, ปจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา, อะเวรา, จงเปนสุขเปนสุขเถิด, อยาไดมีเวรแกกันและกันเลย, ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะหแกพวกขาพเจา, อันเปนชนรุนหลัง, อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณณาการะภูเต ปะฏิคันหาตุ, อัพยาปชฌา, จงเปนสุขเปนสุขเถิด,อยาไดเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย, ขอพระผูมีพระภาคเจาจงรับเครื่องสักการะ, อันเปนบรรณาการของคนทั้งหลาย อะนีฆา, จงเปนสุขเปนสุขเถิด, อยาไดมีความทุกขกายทุกขใจเลย, เหลานี้, สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.จงมีความสุขกายสุขใจ,รักษาตนใหพนจากทุกขภัย, อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ. ดวยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เทอญ. เพื่อประโยชนและความสุขแกขาพเจาทั้งหลาย, ตลอดกาลนาน เทอญ. บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
  • 5. ๓๖ ๑ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง, ตัวตัณหาอุปาทาน, คําทําวัตรเชา เย สันตาเน หินา ธัมมา, สิ่งชั่วในดวงใจ, ๑. คําบูชาพระรัตนตรัย ยาวะ นิพพานะโต มะมัง, กวาเราจะถึงนิพพาน, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ, มลายสิ้นจากสันดาน, พระผูมีพระภาคเจา, เปนพระอรหันต, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกขสิ้นเชิง, ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว, ทุกๆ ภพที่เราเกิด, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, อุชุจิตตัง สะติปญญา, มีจิตตรงและสติ, ทั้งปญญาอันประเสริฐ, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. สัลเลโข วิริยัมหินา, พรอมทั้งความเพียรเลิศ, เปนเครื่องขูดกิเลสหาย, ขาพเจาอภิวาทพระผูมีพระภาคเจา, ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน. (กราบ) มารา ละภันตุ โนกาสัง, โอกาสอยาพึงมี, แกหมูมารสิ้นทั้งหลาย, สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, กาตุญจะ วิริเยสุ เม, เปนชองประทุษราย, ทําลายลางความเพียรจม, พระธรรม เปนธรรมที่พระผูมีพระภาคเจา, ตรัสไวดีแลว, พุทธาทิปะวะโร นาโถ, พระพุทธผูบวรนาถ, ธัมมัง นะมัสสามิ. ขาพเจานมัสการพระธรรม. (กราบ) ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม, พระธรรมที่พึ่งอุดม, สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, นาโถ ปจเจกะพุทโธ จะ, พระปจเจกะพุทธะ- พระสงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา, ปฏิบัติดีแลว, สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง, สมทบพระสงฆที่พึ่งผยอง, สังฆัง นะมามิ. เตโสตตะมานุภาเวนะ, ดวยอานุภาพนั้น, ขาพเจานอบนอมพระสงฆ. (กราบ) มาโรกาสัง ละภันตุ มา, ขอหมูมารอยาไดชอง, ทะสะปุญญานุภาเวนะ, ดวยเดชบุญทั้งสิบปอง, มาโรกาสัง ละภันตุ มาฯ อยาเปดโอกาสแกมาร เทอญฯ เย เกจิ ขุททะกา ปาณา, สัตวเล็กทั้งหลายใด, มะหันตาป มะยา หะตา, ทั้งสัตวใหญเราห้ําหั่น, บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
  • 6. ๓๕ ๒. ปุพพภาคนมการ ๑๕. กรวดน้ําตอนเย็น (อุททิสสนาธิฏฐานคาถา) (หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เสฯ) (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ) อิมินา ปุญญะกัมเมนะ, ดวยบุญนี้อุทิศให, นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น, อุปชฌายา คุณุตตะรา, อุปชฌายผูเลิศคุณ, อะระหะโต, ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลส, อาจะริยูปะการา จะ, แลอาจารยผูเกื้อหนุน, สัมมาสัมพุทธัสสะ. ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง. มาตา ปตา จะ ญาตะกา, ทั้งพอแมแลปวงญาติ, (วา ๓ ครั้ง) สุริโย จันทิมา ราชา, สูรยจันทรแลราชา, .......... .......... .......... ๓. พุทธาภิถุติ. คุณะวันตา นะราป จะ, ผูทรงคุณหรือสูงชาติ, พรัหมะมารา จะ อินทา จะ, พรหมมารและอินทราช, (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะเสฯ) โลกะปาลา จะ เทวะตา, ทั้งทวยเทพและโลกบาล, ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ, ยมราชมนุษยมิตร, โย โส ตะถาคะโต, พระตถาคตเจานั้น พระองคใด, มัชฌัตตา เวริกาป จะ, ผูเปนกลางผูจองผลาญ, อะระหัง, เปนผูไกลจากกิเลส, สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ, ขอใหเปนสุขศานติ์, ทุกทั่วหนาอยาทุกขทน, สัมมาสัมพุทโธ, เปนผูตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, ปุญญานิ ปะกะตานิ เม, บุญผองที่ขาทํา, จงชวยอํานวยศุภผล, วิชชาจะระณะสัมปนโน, เปนผูถึงพรอมดวยวิชชาและจรณะ, สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ, ใหสุขสามอยางลน, สุคะโต, เปนผูไปแลวดวยดี, ขิปปง ปาเปถะ โวมะตัง, ใหลุถึงนิพพานพลัน, โลกะวิทู, เปนผูรูโลกอยางแจมแจง, อิมินา ปุญญะกัมเมนะ, ดวยบุญนี้ที่เราทํา, อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ, เปนผูสามารถฝกบุรุษที่สมควรฝกได อยางไมมีใครยิ่งกวา, อิมินา อุททิเสนะ จะ, แลอุทิศใหปวงสัตว, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, เปนครูผูสอน ของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย , ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ, เราพลันไดซึ่งการตัด , บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
  • 7. ๓๔ ๓ 5.สุญญตาพุทโธ....ทั้งเนื้อทั้งตัว,ทั้งผลงานที่ทําไปแลวทั้งหมดทั้งสิ้น พุทโธ, เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบานดวยธรรม, ,เราขอยกใหพระธรรมทั้งหมด,เราจะไมหวังที่จะเอาอะไร,เราจะไมหวังที่จะเปน ภะคะวา, เปนผูมีความจําเริญ จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว, อะไร, ไมวาในโลกนี้หรือโลกไหน ๆ , โดยประการทั้งปวง, เพราะทุกสิ่งทุกอยาง โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมมะกัง, เปนของพระธรรมสุญญตา, สัสสะมะณะพรัหมมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา, (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ) สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ, พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด,ไดทรงทําความ 6.สุญญตาพุทโธ....ทุกๆ ชีวิต ตางก็มีความทุกขอยูแลว, เราคนหนึ่ง ดับทุกขใหแจงดวยพระปญญาอันยิ่งเองแลว, ทรงสอนโลกนี้พรอมทั้งเทวดา, จะไมเพิ่มทุกขเพิ่มโทษ, ใหแกทุกๆ ชีวิตเลย, ถึงแมวาเขาจะดานินทา ใสรายทุบตี, มาร พรหม, และหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ, พรอมทั้งเทวดา หรือโดยที่สุดฆาเราใหตายก็เชิญเถิด, เราจะไมทําตอบ, เพราะการทําตอบเลวสอง และมนุษยใหรูตาม, เทา, พระพุทธเจาตรัสไว, บุญกุศลใดๆ, ที่ขาพเจาไดกระทําใหเกิดมีขึ้นแลว, ขอ โย ธัมมัง เทเสสิ, พระผูมีพระภาคเจาพระองคใด,ทรงแสดงธรรมแลว บุญกุศลนั้นๆ, จงถึงแกทุกๆ ชีวิต, ทั้งที่ตายไปแลวดวย, ทั้งที่มีชีวิตอยูเดี๋ยวนี้ดวย, , ขอใหมีความสุข, แลวพนจากทุกขทั้งปวง, เขาสูพระนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ, อาทิกัลยาณัง, ไพเราะในเบื้องตน, (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โทสะ) มัชเฌกัลยาณัง, ไพเราะในทามกลาง, 7.สุญญตาพุทโธ....ตอไปนี้, ขาพเจาตองเชื่อฟง, ตองขยัน ตองไมดื้อ, ปะริโยสานะกัลยาณัง, ไพเราะในที่สุด, ตอพระธรรมอีกตอไป, สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมมะจะริยัง (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ) ประกาเสสิ, ทรงประกาศพรหมจรรย, คือแบบแหงการปฏิบัติอันประเสริฐ, 8.สุญญตาพุทโธ....ทําหนาที่ไมหวังอะไร, ไมเปนอะไร,สะอาด สวาง บริสุทธิ์ บริบูรณ สิ้นเชิง, พรอมทั้งอรรถะ(คําอธิบาย), พรอมทั้งพยัญชนะ(หัวขอ) สงบ, ใจอยูกับนิพพาน, เพราะไมมีเรา, มีแตอนิจจังทุกขังอนัตตา, ที่เกิดดับถี่ยิบ, ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ, ไมมีเบื้องตน ไมมีที่สุด, ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น , (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ) ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ. หมายเหตุ บทสวดภาวนาสุญญตาพุทโธนี้ใชไดทั้งกันและแกกิเลสทั้งปวง ตองทํา ขาพเจานอบนอมพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น ดวยเศียรเกลา. ใหมาก เจริญใหมาก เชาเย็นกอนเขานอน ทําจนเกิดความชํานาญจริงๆ จึงจะไดผล (กราบระลึกถึงพระพุทธคุณ ) บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน
  • 8. ๔. ธัมมาภิถุติ ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในทุกสิ่งทุกอยาง (กราบ) 1.สุญญตาพุทโธ....ดีเหลือเกินวันนี้, เรายังมีชีวิตอยู, เราจะทําหนาที่ของ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เสฯ) ความเปนมนุษย, ใหดีที่สุด, จนสุดความสามารถในทุกๆ กรณี, แตเราจะไม โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, หวังอะไรจากใครๆ, โดยที่สุดแมแตคําวา”ขอบใจ”, เพราะอํานาจอยูที่พระธรรม พระธรรมนั้นใด, เปนสิ่งที่พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสไวดีแลว, , (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โลภะ) สันทิฏฐิโก, เปนสิ่งที่ผูศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นไดดวยตนเอง, 2.สุญญตาพุทโธ....ชีวิตของเรานี้, ตองแก ตองเจ็บ ตองตาย แนนอน, จะ อะกาลิโก, เปนสิ่งที่ปฏิบัติได และใหผลได ไมจํากัดกาล, แกแบบไหน, จะเจ็บแบบไหน, เวลาไหน ตรงไหน, มาเถิดเราพรอมแลว, เอหิปสสิโก, เปนสิ่งที่ควรกลาวกะผูอื่นวา ทานจงมาดูเถิด, ถึงอยางไรเราจะไมเปนทุกข, เพราะไมใชของเรา, แตเปนของพระธรรม, โอปะนะยิโก, เปนสิ่งที่ควรนอมเขามาใสตัว, (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โมหะ) ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิ, เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน, 3.สุญญตาพุทโธ....ญาติทั้งหลาย, มีมารดาบิดาเปนตน, ตลอดถึงทรัพย ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ, ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น, สมบัติทั้งหมดทั้งสิ้น, ตองพลัดพราก, ลมหายตายจากกันไปอยางแนนอน ไม ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ. วันใดก็วันหนึ่ง,ถึงเปนเชนนั้นเราจะไมเปนทุกข, เพราะไมใชของเรา, แตเปน ขาพเจานอบนอมพระธรรมนั้น ดวยเศียรเกลา. ของพระธรรม, (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธรรมทั้งกันทั้งแก โมหะ) (กราบระลึกถึงพระธรรมคุณ) 4.สุญญตาพุทโธ....ไมวาเราจะทําอะไรลงไปก็ตาม, คนทั้งหลายตอง, รูสึก กับเราอยางนอย 3 ประเภท, คือเขาวาเราดีบาง, เขาวาเราไมดีบาง, เขาไม สนใจกับเราเลยบาง, เราจะไมคานไมเถียง, และไมหวั่นไหว, โดยประการทั้ง   ปวง, ถาเขาวาเราดีก็ถูกของเขา, เขาวาเราไมดีก็ถูกของเขา, เขาไมสนใจเราเลย   ก็ถูกของเขา, อยางนั้นเอง, เราจะไมเปนทุกข, เพราะธรรมะใครทําใครได,   (ขอนี้เปนวิธีปฏิบัติธ๓๒ ้งกันทั้งแก โลภะ โทสะ โมหะ ) ๓๓ รรมทั ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในครูอุปชฌายอาจารย (กราบ) ชีวิตัง เม อะนิยะตัง, คูมือสามเณรภาคฤดูของไมเที่ยง, ชีวิตของเรา เปน รอน บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล
  • 9. มะระณัง เม นิยะตัง, ความตายของเรา เปนของเที่ยง, (หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เสฯ) วะตะ, ควรที่จะสังเวช, โย โส สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อะยัง กาโย, รางกายนี้, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจานั้น หมูใด, ปฏิบัติดีแลว, อะจิรัง, มิไดตั้งอยูนาน, อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อะเปตะวิญญาโณ, ครั้นปราศจากวิญญาณ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติตรงแลว, ฉุทโฑ, อันเขาทิ้งเสียแลว, ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อะธิเสสสะติ, จักนอนทับ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปะฐะวิง, ซึ่งแผนดิน, ปฏิบัติเพื่อรูธรรมเปนเครื่องออกจากทุกขแลว, กะลิงคะรัง อิวะ, ประดุจดังวาทอนไมและทอนฟน, สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติสมควรแลว, นิรัตถัง. หาประโยชนมิได. ยะทิทัง,ไดแกบุคคลเหลานี้คือ, ๑๔. บทสวดภาวนาสุญญตาพุทโธ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, (สัมมาทิฎฐิปฎิบัติธรรม) คูแหงบุรุษ ๔ คู, นับเรียงตัวบุรุษ ได ๘ บุรุษ, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ (วา 3 หน) นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา, ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในพระพุทธเจา (กราบ) อาหุเนยโย, เปนสงฆควรแกสักการะที่เขานํามาบูชา, ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในพระธรรม (กราบ) ปาหุเนยโย, เปนสงฆควรแกสักการะที่เขาจัดไวตอนรับ, ขาพเจาเคารพพระธรรม ที่มีอยูในพระสงฆ (กราบ) ทักขิเณยโย, เปนผูควรรับทักษิณ๖ , าทาน ขาพเจาเคารพพระธรรม ๕ ที่มีอยูในพระมารดาพระบิดา (กราบ) อัญชะลิกะระณีโย, เปนผูที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี, ๕. สังฆาภิถุติ อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัคูมสะ, ส ือสามเณรภาคฤดูรอน บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล
  • 10. เปนเนื้อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา, อะธิจิตเต จะ อาโยโค, ความหมั่นประกอบในการทําจิตใหยิ่ง; ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ, เอตัง พุทธานะสาสะนัง. ธรรม ๖ อยางนี้ เปนคําสั่งสอนของพระพุทธเจา ขาพเจาบูชาอยางยิ่ง เฉพาะพระสงฆหมูนั้น, ทั้งหลาย. ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ. ขาพเจานอบนอมพระสงฆหมูนั้น ดวยเศียรเกลา. ๑๓. บทพิจารณาสังขาร (กราบระลึกถึงพระสังฆคุณ) สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สังขารคือรางกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น, ๖. รตนัตตยัปณามคาถา มันไมเที่ยง, เกิดขึ้นแลวดับไป มีแลวหายไป, (หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สัพเพ สังขารา ทุกขา, สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เสฯ) สังขารคือรางกายจิตใจ, แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น, มันเปนทุกขทนยาก, เพราะเกิดขึ้นแลว, แก เจ็บ ตายไป, พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว, พระพุทธเจาผูบริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจหวงมหรรณพ, สัพเพ ธัมมา อะนัตตา, โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน, สิ่งทั้งหลายทั้งปวง, ทั้งที่เปนสังขาร แลมิใชสังขาร ทั้งหมดทั้งสิ้น, พระองคใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด, ไมใชตัวไมใชตน, ไมควรถือวาเรา วาของเรา วาตัววาตนของเรา, โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก, อะธุวัง ชีวิตัง, ชีวิตเปนของไมยั่งยืน, เปนผูฆาเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก, ธุวัง มะระณัง, ความตายเปนของยั่งยืน, วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง, อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง, อันเราจะพึงตายเปนแท, ๓๑ ขาพเจาไหวพระพุทธเจาพระองคนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ , มะระณะปะริโยสานัง เม ชี๓๐ัง, ชีวิตของเรา มีความตาย เปนที่สุดรอบ , วิต มัตตัญุตา จะ ภัตตัสมิง, ความเปนผูรูประมาณในการบริโภค; อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี. บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน ปนตัญจะ สะยะนาสะนัง, การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด; เจตนาเปนเครื่องเวนจากการนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ.
  • 11. จําแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน, สวนใด, ๑๒. โอวาทปาติโมกขคาถา โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน, (หันทะ มะยัง โอวาทะปาติโมกขะคาถาโย ภะณามะ เส.) ซึ่งเปนตัวโลกุตตระ, และสวนใดที่ชี้แนวแหงโลกุตตระนั้น, สัพพะปาปสสะ อะกะระณัง, การไมทําบาปทั้งปวง; วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง, กุสะลัสสูปะสัมปะทา, การทํากุศลใหถึงพรอม; ขาพเจาไหวพระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ, สะจิตตะปะริโยทะปะนัง, การชําระจิตของตนใหขาวรอบ; สังโฆ สุเขตตาภยะติเขตตะสัญญิโต, เอตัง พุทธานะสาสะนัง.ธรรม๓อยางนี้ เปนคําสั่งสอนของพระพุทธเจาทั้งหลาย. พระสงฆเปนนาบุญอันยิ่งใหญกวานาบุญอันดีทั้งหลาย, ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก, ขันตี คือความอดกลั้น เปนธรรมเครื่องเผากิเลสอยางยิ่ง; เปนผูเห็นพระนิพพาน, ตรัสรูตามพระสุคต, หมูใด, นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส, ผูรูทั้งหลาย กลาวพระนิพพานวาเปนธรรมอันยิ่ง; เปนผูละกิเลสเครื่องโลเล เปนพระอริยเจา มีปญญาดี, นะ หิ ปพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง, ผูกําจัดสัตวอื่นอยู ไมชื่อวาเปนบรรพชิตเลย; ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟอ, สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต, อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง, ผูทําสัตวอื่นใหลําบากอยู ไมชื่อวาเปนสมณะเลย. ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปททะวา, มา โหนตุ เว ตัสสะ อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต, ปะภาวะสิทธิยา. บุญใด ที่ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งวัตถุสาม, คือพระรัตนตรัย อัน การไมพูดราย, การไมทําราย; ควรบูชายิ่งโดยสวนเดียว, ไดกระทําแลวเปนอยางยิ่งเชนนี้นี้, ขออุปททวะ (ความ ๘ ชั่ว) ทั้งหลาย, จงอยามีแกขาพเจาเลย, ดวยอํานาจความสําเร็จอันเกิดจากบุญนั้น . ปาติโมกเข จะ สังวะโร, การสํารวมในปาติ๗มกข , โ ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน, ๗. สังเวคปริกิตตนปาฐะอน คูมือสามเณรภาคฤดูร บทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปนโน, พระธรรมของพระศาสดา สวางรุงเรืองเปรียบดวงประทีป, โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก, พระตถาคตเจาเกิดขึ้นแลว ในโลกนี้,
  • 12. อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, ปาณาติปาตา เวระมะณี, เปนผูไกลจากกิเลส, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, เจตนาเปนเครื่องเวนจากการฆา, ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก, อะทินทานา เวระมะณี, และพระธรรมที่ทรงแสดง เปนธรรมเครื่องออกจากทุกข, เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การถือเอาสิ่งของที่เจาของไมไดใหแลว, อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก, อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี, เปนเครื่องสงบกิเลส, เปนไปเพื่อปรินิพพาน, เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การกระทําอันมิใชพรหมจรรย, สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต, มุสาวาทา เวระมะณี, เปนไปเพื่อความรูพรอม, เปนธรรมที่พระสุคตประกาศ, เจตนาเปนเครื่องเวนจากการพูดไมจริง, มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ, สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี, พวกเราเมื่อไดฟงธรรมนั้นแลว, จึงไดรูอยางนี้วา, เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การเสพของเมา, มีสุราและเมรัยเปนตน, ชาติป ทุกขา, แมความเกิดก็เปนทุกข, อันเปนที่ตั้งของความประมาท, ชะราป ทุกขา, แมความแกก็เปนทุกข, วิกาละโภชะนา เวระมะณี, มะระณัมป ทุกขัง, แมความตายก็เปนทุกข, เจตนาเปนเครื่องเวนจาก การบริโภคอาหารในยามวิกาล, โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาป ทุกขา, นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนา,มาลา คันธะวิเลปะนะ ธาระณะ แมความโศก ความร่ําไรรําพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี, ความคับแคนใจ ก็เปนทุกข, เจตนาเปนเครื่องเวนจากการฟอนรํา, การขับเพลง,การดนตรี,การดูการเลน อัปปเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข, ชนิดที่เปนขาศึกตอกุศล, การทรัดทรงสวมใส, การประดับ การตกแตงตน, ความประสบกับสิ่งไมเปนที่รักที่พอใจ ก็เ๒๙ กข , ปนทุ ๒๘ ดวยพวงมาลาเครื่องกลิ่น และเครื่องผัดทา , บทสวดมนตอัําฏตรเชา-เย็นแปล ๑๑. ท วั ฐสิกขาปทปาฐะ ๑๐. สรณคมนปาฐะ รอน คูมือสามเณรภาคฤดู (หันทะ มะยัง อัฏฐะสิกขาปาทะปาฐัง ภะณามะ เส) (หันทะ มะยัง ติสะระณะคะมะนะปาฐัง ภะรามะ เส)
  • 13. พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, มีความปราถนาสิ่งใด ไมไดสิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข, ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ, สังขิตเตนะ ปญจุปาทานักขันธา ทุกขา, ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, วาโดยยอ อุปาทานขันธทั้ง ๕ เปนตัวทุกข, ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ, เสยยะถีทัง, ไดแกสิ่งเหลานี้ คือ, สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ, รูปูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือรูป, ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ, เวทะนูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือเวทนา, ทุติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, สัญูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสัญญา, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ, สังขารูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือสังขาร, ทุติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, วิญญาณูปาทานักขันโธ, ขันธ อันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น คือวิญญาณ, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ, เยสัง ปะริญญายะ, เพื่อใหสาวกกําหนดรอบรูอุปาทานขันธ เหลานี้เอง, ทุติยัมป สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ, ธะระมาโน โส ภะคะวา, จึงพระผูมีพระภาคเจานั้น เมื่อยังทรงพระชนมอยู, แมครั้งที่สอง, ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ, เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ, ตะติยัมป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ยอมทรงแนะนําสาวกทั้งหลาย เชนนี้เปนสวนมาก, แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระพุทธเจา เปนสรณะ, เอวังภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ตะติยัมป ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ, ปะวัตตะติ, แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระธรรม เปนสรณะ, อนึ่ง คําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น, ยอมเปนไปในสาวกทั้งหลาย, ตะติยัมป สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ, ๑๐ ๙ สวนมาก, มีสวนคือการจําแนกอยางนี้วา , แมครั้งที่สาม, ขาพเจาขอถือเอาพระสงฆ เปนสรณะ . รูปง อะนิจจัง, รูปไมเที่ยง, ปเยหิ วิปปะโยโคบทสวดมนตทําวัตรเชา-เย็นแปล ทุกโข, คูมือสามเณรภาคฤดูรอน เวทะนา อะนิจจา, เวทนาไมเที่ยง, ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รักที่พอใจ ก็เปนทุกข, ยัมปจฉัง นะ ละภะติ ตัมป ทุกขัง, สัญญา อะนิจจา, สัญญาไมเที่ยง,
  • 14. สังขารา อะนิจจา สังขารไมเที่ยง, กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, วิญญาณัง อะนิจจัง วิญญาณไมเที่ยง, ดวยกายก็ดี ดวยวาจาก็ดี ดวยใจก็ดี, รูปง อะนัตตา, รูปไมใชตัวตน, สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, เวทะนา อะนัตตา, เวทนาไมใชตัวตน, กรรมนาติเตียนอันใด ที่ขาพเจากระทําแลว ในพระสงฆ, สัญญา อะนัตตา, สัญญาไมใชตัวตน, สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, สังขารา อะนัตตา, สังขารไมใชตัวตน, ขอพระสงฆ จงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น, วิญญาณัง อะนัตตา, วิญญาณไมใชตัวตน, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. สัพเพ สังขารา อะนิจจา, สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไมเที่ยง, เพื่อการสํารวมระวัง ในพระสงฆ ในกาลตอไป. สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ, ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไมใชตัวตน ดังนี้, ๙. ปุพพภาคนมการ เต(ผูชาย) [ ตา(ผูหญิง)] มะยัง โอติณณามหะ, พวกเราทั้งหลาย เปนผูถูกครอบงําแลว, (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เสฯ) ชาติยา, โดยความเกิด, นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,ขอนอบนอมแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น, ชะรามะระเณนะ, โดยความแก และความตาย, อะระหะโต, ซึ่งเปนผูไกลจากกิเลส, โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ, สัมมาสัมพุทธัสสะ. ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง. โดยความโศก ความร่ําไรรําพัน ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ ความคับแคนใจ ทั้งหลาย , ๒๗ ๒๖ า ๓ ครั้ง) (ว สัพเพป อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง, อันตรายทั้งปวง อยาไดมีแกวัตรเชาา ดวยเดชแหงบุญนั้น. บทสวดมนตทําขาพเจ -เย็นแปล ขาพเจาไหวพระสงฆหมูนั้น, อันเปมือที่ตั้งแหงความระลึก องคที่สาม คู น สามเณรภาคฤดูรอน .......... .......... .......... ดวยเศียรเกลา, (กราบหมอบลงวา)
  • 15. สังฆัสสาหัสมิ ทาโส (ผูชาย) [ทาสี (ผูหญิง) ] วะ สังโฆ เม สามิกิส อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปญญาเย สะโร, ถาติ, ขาพเจาเปนทาสของพระสงฆ, พระสงฆเปนนาย มีอิสระเหนือขาพเจา, ทําไฉน การทําที่สุดแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัด แกเราได, สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม, (ฆราวาสวา) พระสงฆเปนเครื่องกําจัดทุกข, และทรงไวซึ่งประโยชน แกขาพเจา, สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, ขาพเจามอบกายถวายชีวิตนี้ แดพระสงฆ, เราทั้งหลายผูถึงแลวซึ่งพระผูมีพระภาคเจา, แมปรินิพพานนานแลว พระองคนั้น วันทันโตหัง(ผูชาย) [ วันทันตีหัง(ผูหญิง) ] จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิ เปนสรณะ, ปนนะตัง, ธัมมัญจะ สังฆัญจะ, ถึงพระธรรมดวย, ถึงพระสงฆดวย, ขาพเจาผูไหวอยูจักประพฤติตาม, ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ, ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง, อะนุปะฏิปชชามะ, สรณะอื่นของขาพเจาไมมี, พระสงฆเปนสรณะอันประเสริฐของขาพเจา, จักทําในใจอยู, ปฏิบัติตามอยู, ซึ่งคําสั่งสอนของพระผูมีพระภาคเจานั้น เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน, ตามสติกําลัง, ดวยการกลาวคําสัจจนี้, ขาพเจาพึงเจริญในพระศาสนา ของพระศาสดา, สา สา โน ปะฏิปตติ, ขอใหความปฏิบัตินั้นๆของเราทั้งหลาย, สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (ผูชาย) [ วันทะมานายะ (ผูหญิง) ] ยัง ปุญญัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ. ปะสุตัง อิธะ, จงเปนไปเพื่อการทําที่สุดแหงกองทุกข ทั้งสิ้นนี้ เทอญ. ๑๑ ขาพเจาผูไหวอยูซึ่งพระสงฆ, ไดขวนขวายบุญใด ในบัดนี้ , ๑๒ ทุกโขติณณา, เปนผูถูกความทุกข หยั่งเอาแลว, ทุกขะปะเรตา, บทสวดมนตทําวัผูมีความทุแปล เปนเบื้องหนาแลว, เปน ตรเชา-เย็น กข (พระภิกษุสามเณรวา) จิระปะรินิพพุตัมป ตัง ภะคะวันคูมงือสามเณรภาคฤดูอะระหันตัง สัมมาสัม ตั อุททิสสะ รอน พทธง, ุ ั
  • 16. เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผูมีพระภาคเจา, ผูไกลจากกิเลส, อัญชะลิกะระณีโย, เปนผูที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี, ตรัสรูชอบไดโดยพระองคเอง, แมปรินิพพานนานแลว พระองคนั้น, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสา ติ. สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยัง ปพพะชิตา, เปนเนื้อนาบุญของโลก, ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา ดังนี้. เปนผูมีศรัทธา ออกบวชจากเรือน, ไมเกี่ยวของดวยเรือนแลว, .......... .......... .......... ตัสมิง ภะคะวะติ พรัหมะจะริยัง จะรามะ, ๘. สังฆาภิคีติ ประพฤติอยูซึ่งพรหมจรรย, ในพระผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น, (หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เสฯ) ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปนนา, ถึงพรอมดวยสิกขาและธรรมเปนเครื่องเลี้ยงชีวิต ของภิกษุทั้งหลาย, สัทธัมมะโช สุปะฏิปตติคุณาภิยุตโต, ตัง โน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะ พระสงฆที่เกิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบดวยคุณมีความปฏิบัติดีเปนตน, กิริยายะสังวัตตะตุ. โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ, ขอใหพรหมจรรยของเราทั้งหลายนั้น,จงเปนไปเพื่อการทําที่สุดแหงกองทุกข เปนหมูแหงพระอริยบุคคลอันประเสริฐ แปดจําพวก, ทั้งสิ้น นี้ เทอญ. สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต, มีกายและจิต อันอาศัยธรรมมีศีลเปนตน อันบวร, ๘. เขมาเขมสรณทีปคาถา วันทามะหัง ตะมะริยานะคะณัง สุสุทธัง, (หันทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปคาถาโย ภะณามะ เส) ขาพเจาไหวหมูแหงพระอริยเจาเหลานั้น อันบริสุทธิ์ดวยดี, สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปพพะตานิ วะนานิ จะ, พระสงฆ หมูใด เปนสรณะอันเกษมสูงสุด ของสัตวทั้งหลาย, อารามะรุกขะเจตยานิ ๒๕ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา , ๒๔ อาหุเนยโย, บทสวดมนตทําวัสงฆค-เย็นแปลักการะที่เขานํามาบูชา, เปน ตรเชา วรแกส ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัมือสามเณรภาคฤดูรอน คู ง, ปาหุเนยโย, เปนสงฆควรแกสักการะที่เขาจัดไวตอนรับ, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษลวงเกินอันนั้น, ทักขิเณยโย, เปนผูควรรับทักษิณาทาน, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
  • 17. เพื่อการสํารวมระวัง ในพระธรรม ในกาลตอไป. เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ. .......... .......... .......... นั่นมิใชสรณะอันเกษมเลย, นั่นมิใชสรณะอันสูงสุด, ๗. สังฆานุสสติ เขาอาศัยสรณะนั่นแลว ยอมไมพนจากทุกขทั้งปวงได. (หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เสฯ) โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต, สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, จัตตาริ อะริยะสัจจานิ สัมมัปปญญายะ ปสสะติ, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจานั้น หมูใด, ปฏิบัติดีแลว, สวนผูใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เปนสรณะแลว; อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, เห็นอริยสัจจคือ ความจริงอันประเสริฐสี่ ดวยปญญาอันชอบ; สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติตรงแลว, ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, คือเห็นความทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความกาวลวงทุกขเสียได, ปฏิบัติเพื่อรูธรรมเปนเครื่องออกจากทุกขแลว, และหนทางมีองคแปดอันประเสริฐ, เครื่องถึงความระงับทุกข; สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง, สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด, ปฏิบัติสมควรแลว, เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ. ยะทิทัง, ไดแกบุคคลเหลานี้คือ, นั่นแหละเปนสรณะอันเกษม, นั่นเปนสรณะอันสูงสุด; จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เขาอาศัยสรณะนั่นแลว ยอมพนจากทุกขทั้งปวงได. คูแหงบุรุษ ๔ คู, นับเรียงตัวบุรุษ ได ๘ บุรุษ, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ๑๔ นั่นแหละ สงฆสาวกของพระผูมีพระภาคเจา ,๑๓  ⌫ ๙. ธัมมคารวาทิคาถา มนุษยเปนอันมาก เมื่อเกิดมีภตรเชาคามแลว, ก็ถือเอาภูเขาบาง ปาไมบาง, บทสวดมนตทําวั ัยคุก -เย็นแปล คูมือสามเณรภาคฤดูรอน อารามและรุกขเจดียบาง เปนสรณะ; (หันทะ มะยัง ธัมมะคาระวาทิคาถาโย ภะณามะ เส.) เนตัง โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง,