Mais conteúdo relacionado
Semelhante a การประเมินผลตามสภาพจริง (20)
การประเมินผลตามสภาพจริง
- 2. เมื่อหลักสูตรของเราเป็ นหลักสูตรอิงมาตรฐาน การจัดการเรียน
การสอนจึงได้นาแนวคิดการสร้างสรรค์ความรู้ มาใช้เป็ นกรอบแนวคิดใน
การออกแบบการจัดการเรี ยนการสอน ดังนั้นการวัดในชั้นเรี ยนเราก็ควรมอง
หาหนทางใหม่ เพื่อให้การประเมินสอดคล้องกับแนวคิดที่กาลังเปลี่ยนไป
ในกระบวนการสร้างและพัฒนาแบบวัดมาตรฐานที่เราได้เรี ยนรู้และใช้มานาน
ซึ่ งมีความรู ้ ความเชี่ยวชาญมากพอ แต่เราต้องทาความเข้าใจทั้งในแง่ความคิด
รวบยอด ความหมายและเทคนิควิธีการต่างๆ ของการประเมิน การประเมิน
ตามสภาพจริ ง ซึ่ งนับเป็ นทางเลือกใหม่ของการประเมินผลที่สอดคล้อง
กับหลักสู ตร
- 3. การประเมินผลตามสภาพจริง
หมายถึง กระบวนการการประเมินผูเ้ รี ยน ในด้านความรู้
ความสามารถ และทักษะในด้านต่างๆ โดยผ่านกระบวนการ การสังเกต
การบันทึก การรวบรวมข้อมูลจากผลงาน และวิธีการทางานของผูเ้ รี ยน
เพื่อเปิ ดโอกาสให้ผเู้ รี ยนลงมือปฏิบติงานจริ ง ตามเหตุการณ์ สภาพ
ั
ความเป็ นจริ งที่เกิดขึ้นในชีวตประจาวัน
ิ
- 4. ตัวอย่ าง
การประเมินตามสภาพจริ ง จาเป็ นจะต้องใช้วิธีการประเมิน
ที่หลากหลายมีวิธีการตัดสิ นโดยใช้เกณฑ์ (Criteria) หรื อมาตรฐาน (Standard)
เดียวกับเกณฑ์ หรื อ มาตรฐานที่ใช้ตดสิ นการทางานในชีวตจริ งในชิ้นงาน
ั ิ
เดียวกันหรื อประเภทเดียวกัน เช่น การกาหนดให้ผเู้ รี ยนจัดทานิทรรศการ
วิชาการ การจัดทาหนังสื อเล่มเล็กเกี่ยวกับชุมชน การผลิตสบู่จากสมุนไพร
แต่ในวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์และคณิ ตศาสตร์ การจาสูตรต่างๆได้ จึงไม่ใช่
ชิ้นงานตามสภาพจริ ง แต่การใช้สูตรเพือแก้ปัญหาภายใต้สภาพแวดล้อมหรื อ
่
สภาพแวดล้มที่เกิดขึ้นจริ งหรื อใกล้ความจริ งให้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้ จึงจะ
เป็ นชิ้นงานตามสภาพจริ ง
- 5. ปรัชญาพืนฐานของการประเมินตามสภาพจริง
้
1. มุ่งเน้นว่าความรู ้ในเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งมีความหมายได้หลากหลาย
2. การเรี ยนรู้เป็ นเรื่ องของกระบวนการที่เป็ นธรรมชาติมีบูรนาการและ
เป็ นส่ วนหนึ่งของชีวิต
3. มุ่งเน้นกระบวนการ (Process) และผลผลิต (Product)
4. มุ่งเน้นการสื บสวนสอบสวน (Inquiry)
5. มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุนและอานวยความสะดวกต่อการเรี ยนของผูเ้ รี ยน
้
6. เน้นการเชื่อมโยงระหว่าง พุทธพิสย จิตพิสย และ ทักษะพิสย
ั ั ั
7. เชื่อว่าการตัดสิ นใจในสิ่ งที่จะสอนและสิ่ งที่จะวัดเป็ นเรื่ องอัตนัย (Subjective)
และเกี่ยวกับคุณค่า (Value)
8. เน้นการมีส่วนร่ วมในการตัดสิ นใจ
9. เชื่อว่าการเรี ยนรู ้เป็ นกระบวนการที่เกิดจากความร่ วมมือ (Collaborative Process)
- 6. ลักษณะสาคัญของาการประเมินตามสภาพจริง
1. งานที่ปฏิบติเป็ นงานที่มีความหมาย
ั
2. เป็ นการประเมินรอบด้านด้วยวิธีที่หลากหลาย
3. ผลผลิตมีคุณภาพ
4. ใช้ความคิดระดับสู ง
5. มีปฏิสมพันธ์ทางบวก
ั
6. งานและมาตรฐานต้องชัดเจน
7. มีการสะท้อนตนเอง
ั ิ
8. มีความสัมพันธ์กบชีวตจริ ง
9. เป็ นการประเมินอย่างต่อเนื่อง
10.เป็ นการบูรนาการความรู ้
- 7. ขั้นตอนการประเมินตามสภาพจริง
1. กาหนดวัตถุประสงค์และเป้ าหมายในการประเมิน
2. กาหนดขอบเขตในการประเมิน
3. กาหนดผูประเมิน
้
4. เลือกใช้เทคนิคและเครื่ องมือในการประเมิน
5. กาหนดเวลาและสถานที่ที่จะประเมิน
6. วิเคราะห์ผลและวิธีการจัดการข้อมูลการประเมิน
7. กาหนดเกณฑ์ในการประเมิน
่
อาจกล่าวสรุ ปได้วาการประเมินตามสภาพจริ งเป็ นขั้นตอนที่ครู และ
นักเรี ยนร่ วมกันกาหนด ผลสัมฤทธิ์ที่ตองการโดยวิเคราะห์จากหลักสูตรกลาง
้
หลักสูตรท้องถิ่นและความต้องการของนักเรี ยน
- 8. การวางแผนการประเมินตามสภาพจริง
ในการประเมินตามสภาพจริ งนั้น ควรเริ่ มอย่างช้าๆ อย่างเข้าใจ
เป้ าหมายของการประเมินอย่างแท้จริ ง โดยเน้นที่
1. การกาหนดจุดมุ่งหมายของการประเมิน
เพื่อแสวงหาข้อมูลการแสดงออกของนักเรี ยนตลอดเวลา ที่ช่วยเพิ่มพูน
ประสบการณ์การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยนเพิมพูนศักยภาพของผูเ้ รี ยน และใช้เป็ น
่
ข้อมูลพัฒนาการเรี ยนการสอนตลอดหลักสูตร
- 9. การวางแผนการประเมินตามสภาพจริง
2. การกาหนดขอบเขตการประเมิน
จะต้องพิจารณาเป้ าหมายที่ตองการให้เกิดกับนักเรี ยน ความเชื่อมโยง
้
การพัฒนาการเรี ยนรู้ระหว่างวิชาต่างๆในหลักสูตร โดยต้องพิจารณาลาดับ
การเรี ยนรู ้ ที่เริ่ มจากความตระหนักไปสู่การสารวจ การสื บสวน และการ
นาไปใช้ ซึ่ งต้องวางแผนให้ครอบคลุม ดังนี้
1. ความรู้ความจริ ง
2. ทักษะและกระบวนการ
3. ความรู้สึก
4. คุณลักษณะ
- 10. การวางแผนการประเมินตามสภาพจริง
3. เทคนิคและยุทธวิธีการประเมิน
3.1 การประเมินอย่ างเป็ นทางการ
การประเมินด้วยแบบทดสอบมาตรฐานที่แตกต่างจาก
แบบทดสอบที่ครู สร้างขึ้น เช่น แบบทดสอบที่พฒนาโดยหน่วยงาน
ั
เช่น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน แบบทดสอบความถนัด
แบบทดสอบวัดข้อบกพร่ องแบบทดสอบวัดความสามารถทางวิชาการ
เป็ นต้น หรื อที่เรี ยกว่า ใช้แบบทดสอบความสามารถจริ ง
( Authentic Test )
- 11. การวางแผนการประเมินตามสภาพจริง
3. เทคนิคและยุทธวิธีการประเมิน
3.2 การประเมินอย่ างไม่ เป็ นทางการ สรุ ปลักษณะสาคัญได้ดงนี้
ั
่
- ตั้งอยูบนพื้นฐานการปฏิบติในสถานการณ์ที่เป็ นจริ ง
ั
- ให้ความสาคัญกับจุดแข็งของนักเรี ยน
- เน้นการแสดงออกอย่างชัดเจน
- เป็ นการเรี ยนอย่างมีความหมาย
ั
- มีสมพันธ์กบการเรี ยนการสอน
ั
- แสดงภาพรวมของการเรี ยนรู ้ และสมรรถภาพของผูเ้ รี ยน
- ใช้ได้ตลอดเวลากับทุกสถานการณ์ที่เป็ นจริ ง
่
- ขึ้นอยูบนพื้นฐานของหลักสู ตรที่เป็ นภาพจริ ง
- เอื้ออานวย สนับสนุน ส่ งเสริ มพัฒนาการและการเรี ยนรู ้ของเด็กทุกด้าน
- 13. วิธีการประเมินตามสภาพจริง
การสั งเกต การสั มภาษณ์
แฟมสะสมผลงาน
้ การประเมินตามสภาพจริง บันทึกจากผู้เกียวข้ อง
่
แบบทดสอบวัด
การรายงานตนเอง
ความสามารถจริง
- 14. เกณฑ์ การประเมิน (Rubric)
การประเมินว่าผูเ้ รี ยนมีความรู ้ ความสามารถตามมาตรฐาน
การเรี ยนรู ้น้ น ผูสอนจะต้องสร้างเกณฑ์การประเมินการปฏิบติงาน
ั ้ ั
ต่างๆ ของผูเ้ รี ยน เพื่อเป็ นแนวทางในการให้คะแนนโดยเกณฑ์การ
ประเมินจะต้องสอดคล้องกับมาตรฐานการเรี ยนรู ้ที่ได้กาหนดไว้ในแต่
ละครั้งของการปฏิบติง่านนั้น ๆ
ั
- 15. เกณฑ์ การประเมิน (Rubric)
รู ปแบบของเกณฑ์ การประเมิน
1. เกณฑ์ การประเมินในภาพรวม (Holistic Rubric)
คือแนวทางการให้คะแนนโดยพิจารณาจากภาพรวมของชิ้นงาน
จะมีคาอธิบายลักษณะของงานในแต่ละระดับไว้อย่างชัดเจน เกณฑ์การประเมิน
ในภาพรวมนี้เหมาะที่จะใช้ในการประเมินความสามารถที่มีความต่อเนื่องมี
ลักษณะเป็ นองค์รวม เช่น ทักษะการเขียน ความคิดสร้างสรรค์ และความ
สละสลวยของภาษาที่เขียน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- 16. เกณฑ์ การประเมิน (Rubric)
ตัวอย่ าง เกณฑ์ การประเมินทักษะการเขียน
ระดับคะแนน ลักษณะของงาน
- เขียนได้ตรงประเด็นตามที่กาหนดไว้
3 - มีรูปแบบการเขียนชัดเจน
(ดี) - ภาษาที่ใช้ เช่น ตัวสะกดและไวยากรณ์มีความถูกต้อง สมบรู ณ์ ทาให้ผอ่านเข้าใจง่าย
ู้
- มีแนวคิดที่น่าวนใจ
- เขียนได้ตรงประเด็นที่กาหนดไว้
2 - มีรูปแบบการเขียนที่ชดเจน เช่น มีคานา เนื้อหาและบทสรุ ป
ั
(ผ่ าน) - ภาษาที่ใช้ทาให้ผอ่านเข้าใจ
ู้
- ใช้คาศัพท์เหมาะสม
- เขียนไม่ตรงประเด็น
1 - รู ปแบบการเขียนไม่ถูกต้อง
(ต้ องปรับปรุง) - ภาษาที่ใช้ทาให้ผอ่านเกิดความสับสน
ู้
- ใช้ศพท์ที่เหมาะสม
ั
0 ไม่มีผลงาน
- 17. เกณฑ์ การประเมิน (Rubric)
2. เกณฑ์ การประเมินแบบแยกส่ วน (Analytic Rubric)
คือ แนวทางการให้คะแนนโดยพิจารณาจากแต่ละส่ วนของงาน
ซึ่งแต่ละส่ วนจะต้องกาหนดแนวทางการให้คะแนนโดยมีคานิยามหรื อ
คาอธิบายลักษณะของงานส่ วนนั้นๆ ในแต่ละระดับไว้อย่างชัดเจน
เทคนิคการเขียนรายละเอียดการให้ คะแนน
กาหนดรายละเอียดขั้นต่าไว้ที่ระดับ 1 แล้วเพิ่มลักษณะที่สาคัญๆ
สูงขึ้นมาทีละระดับ ตัวอย่าง เช่น งานเขียนมีประเด็นการประเมิน คือเนื้อหา
การใช้ภาษาและรู ปแบบ
การกาหนดรายละเอียดถ้าแบ่งออกเป็ น 4 ระดับ ควรกาหนดลักษณะ
ย่อย หรื อตัวแปรย่อยที่สาคัญให้ได้ 4 ลักษณะ
- 18. ข้ อควรคานึงในการประเมินตามสภาพจริง
1. การออกแบบการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง
ควรแปลความหมายของจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ที่ตองการจะวัด
้
2. การแปลจุดประสงค์ การเรียนรู้ ออกเป็ นภาระงาน
ที่ผเู ้ รี ยนจะต้องปฏิบติในกิจกรรมการเรี ยนการสอนแต่ละคาบ เพราะผูสอน
ั ้
จะสังเกตพฤติกรรมการแสดงออกของผูเ้ รี ยน ตรวจสอบผลงานการฝึ กปฏิบติบนทึก ั ั
ลงระบบระเบียนก็จะช่วยการวัดการประเมินได้
3. การใช้ วธีกาหนดผู้เรียนเป็ นกลุ่มเล็ก
ิ
ให้หมุนเวียนกันทาหน้าที่ประสานงานกลุ่ม ผสมผสานกับการกาหนดเกณฑ์
การวัดการประเมินในแต่ละชิ้นงานให้ชดเจน ผูสอนจะสามารถให้มีการวัดและ
ั ้
ประเมินกันเองในกลุ่มได้ โดยผูสอนทาหน้าที่ติดตามประเมินการประเมินของผูเ้ รี ยน
้
เป็ นครั้งคราว จะช่วยทาให้ผเู ้ รี ยนมีส่วนร่ วมในการเรี ยนการสอนมากขึ้น
- 19. ข้ อดีของการประเมินผลจากสภาพจริง
1.เป็ นการประเมินความก้าวหน้า และการแสดงออกของนักเรี ยนแต่ละคน
บนรากฐานของทฤษฎีการเรี ยนรู ้ และด้วยเครื่ องมือการประเมินที่หลากหลาย
2.การประเมินผลจากสภาพจริ งจะต้องมีรากฐานบนพัฒนาการ และการ
เรี ยนรู ้ทางสติปัญญาที่หลากหลาย
3.การประเมินตามผลสภาพจริ ง และพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม จะต้อง
พัฒนามาจากบริ บทที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมที่นกเรี ยนอาศัยอยู่ และจะต้องเรี ยนรู ้
ั
ตามสภาพจริ ง
4.การเรี ยน การสอน และการประเมิน จะต้องหลอมรวมกันและการ
ประเมินต้องประเมินต่อเนื่องตลอดเวลาที่ทาการเรี ยนการสอน
5.การเรี ยนการสอน และการประเมิน เน้นการปฏิบติจริ ง กิจกรรมการเรี ยน
ั
การสอนเปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนได้คิดงานด้วยตนเองการเรี ยนการสอนจะต้องเป็ นไปเพื่อ
พัฒนาให้เต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล
- 20. บทสรุป
เมื่อมีการจัดการเรี ยนการสอนโดยยึดผูเ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลาง และมีการเรี ยน
การสอนตามสภาพจริ งก็ยอมต้องใช้การประเมินตามสภาพจริ งควบคู่กนไป โดยมีการกาหนด
่ ั
งานแบบปลายเปิ ด คือ ให้ผเู ้ รี ยนคิดสร้างสรรค์ผลิตผลงานที่สอดคล้องกับความเป็ นจริ งใน
ชีวตประจาวัน เพื่อกระตุนให้ผเู ้ รี ยนเกิดความคิดในระดับสู ง และเกิดทักษะในการแก้ปัญหา
ิ ้
การประเมินมุ่งเน้นกระบวนการและผลผลิต มีการเชื่อมโยงในด้านพุทธิพิสย จิตพิสย และั ั
ทักษะพิสย โดยไม่แยกการประเมินออกจากกิจกรรมการเรี ยนการสอน ใช้เครื่ องมือประเมิน
ั
หลากหลาย มีเกณฑ์ประเมินที่เปิ ดเผย อีกทั้งให้ผเู ้ รี ยนได้มีโอกาสนาเสนอผลงาน เพื่อให้
ผูอื่นได้ตรวจสอบ ให้ขอเสนอแนะ หรื อชื่นชมผลงานชิ้นนั้น ซึ่ งทั้งหมดนี้จะทาให้ผเู ้ รี ยน
้ ้
เห็นความสาคัญของกิจกรรมการเรี ยน และเกิดความพยายามในการที่จะเรี ยนรู ้มากขึ้น ซึ่งจะ
ส่ งผลต่อการพัฒนาผูเ้ รี ยนให้เป็ นผูเ้ รี ยนแห่งการเรี ยนรู ้ และสามารถพัฒนาตนเองได้ตาม
แนวทางที่สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน เต็มตามศักยภาพ
แห่งตน และสามารถก้าวไปสู่ความเป็ น “คนเก่ง ดี มีสุข” ตามเป้ าประสงค์หลักของการ
ปฏิรูปการศึกษา ได้ต่อไป
- 22. สมาชิก
1. น.ส.กนกวรรณ คนฟู รหัส 53181520101
2. น.ส.เกษศิรินทร์ อ่อนแก้ว รหัส 53181520103
3. น.ส.ณัฐพิมล กองเงิน รหัส 53181520113
4. นายณัฐสิ ทธิ์ ชานาญการ รหัส 53181520114
5. นายธีรยุทธิ์ ปันอินต๊ะ รหัส 53181520117
6. น.ส.วิยะดา นามเมือง รหัส 53181520142
สาขา ชีววิทยา