Mais conteúdo relacionado
Semelhante a Finalpresentationl20 23 (20)
Finalpresentationl20 23
- 5. ในสมัยก่อนนั้น เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ยังไม่พัฒนา ผู้ที่ป่วย
เป็นวัณโรคจึงมักจะเสียชีวิต แต่ในปัจจุบันด้วยการแพทย์ที่พัฒนามากขึ้น จึงทาให้
วัณโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาวัณโรคนั้นแตกต่างจากการติดเชื้อ
แบคทีเรียชนิดอื่น ๆ เนื่องจากเชื้อวัณโรคสามารถอยู่ในร่างกายผู้ป่วยได้เป็น
เวลานาน โดยไม่แสดงอาการ แต่อย่างใด เรียกว่า "วัณโรคระยะแฝง" ทั่วโลกมีผู้ป่วย
ที่เป็นวัณโรคระยะแฝงอยู่ ประมาณ 2,000 ล้านคน โดย
สถิติเฉลี่ยแล้ว 10% ของวัณโรคระยะแฝงจะพัฒนาไป
เป็นวัณโรคปอดภายใน 10 ปี
ซึ่งการที่ทางคณะผู้จัดทาได้คิดที่จะศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง
นี้เพื่อทาการหาถึงสาเหตุและปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิด
วัณโรค มีการติดต่อวัณโรคได้ทางใดบ้าง เพื่อการเฝ้า
ระวังที่อาจเกิดวัณโรค โดยฉพาะอย่างยิ่งวิธีการแก้ปัญหาวัณ
โรคหรือวิธียับยั้งให้ไม่เกิดวัณโรคมากขึ้น ในอนาคตเพื่อที่ผู้อื่นจะสามารถนาโครงงา
นี้ไปพัฒนาต่อไปอีกด้วย
- 9. 2. วัณโรคนอกปอด (Extra Pulmonary TB)
จะเกิดขึ้นกับอวัยวะอื่น ๆ ได้หลายส่วน เช่น วัณโรคเยื่อ
หุ้มปอด ต่อมน้าเหลือง กระดูก หลังโพรงจมูก ข้อต่อ
ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ฯลฯ แต่
จะพบได้น้อยกว่าวัณโรคปอด
ทั้งนี้ จากสถิติของ
ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2560
พ บ ค น ไ ท ย เ ป็ น วั ณ โ ร ค
ประมาณ 80,000 คนจาก
ประชากร 69 ล้านคน โดยร้อย
ละ 83 จะตรวจพบที่ปอด และ
ร้อยละ 17 ตรวจพบนอกปอด
อย่างไรก็ตาม เชื้อวัณ
โรคอาจอยู่ในร่างกายของเรา
อ ยู่ แ ล้ ว แ ต่ ถ้ า เ ป็ น ผู้ ที่ มี
ภูมิคุ้มกันดี ร่างกายแข็งแรง ก็
จะกดเชื้อนั้นไว้ไม่ให้แสดง
อาการออกมา
- 11. ลักษณะของเชื้อวัณโรค
เมื่อพูดถึงวัณ
โรค คนทั่วไปมักจะนึกถึง
โรคปอดเป็นหลัก ซึ่งก็
หมายถึง วัณโรคที่เกิดขึ้น
ที่ปอด แต่ความจริงแล้ว
วัณโรคอาจเป็นได้ในทุกๆ
อวัยวะของร่างกาย เช่น
ล า ไ ส้ ตั บ ม้ า ม ต่ อ ม
น้าเหลือง ผิวหนังเละเยื่อ
หุ้มสมอง
การฟักตัวของเชื้อวัณโรค
เชื้อวัณโรคมักไปฟัก
ตัวอยู่ที่ปอดกลีบบน (ซึ่งสาเหตุ
ว่าทาไมจึงพบที่บริเวณดังกล่าว
ยังไม่ทราบแน่ชัด) แต่เชื้อวัณโรค
สามารถฟักตัวที่บริเวณอื่นของ
ปอดได้เช่นกัน โดยปกติจะมีระยะ
ฟักตัวอยู่ที่ 3 สัปดาห์ ถึง 2 ปี
และในระยะเริ่มแรกจะทาให้เกิด
การติดเชื้อเล็กน้อย ซึ่งแทบจะไม่
มีอาการปรากฏให้เห็น
- 13. ทั้งนี้หากสูดเอาละอองเล็ก
ๆ ของเชื้อวัณโรคเข้าไปในปอด ใน
คนที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงอาจจะไม่
แ ส ด ง อ า ก า ร อ ะ ไ ร แ ต่ ใ น ผู้ ที่ มี
ภูมิคุ้มกันต่า เชื้ออาจแบ่งตัวเพิ่ม
จ า น ว น ขึ้ น ใ น ถุ ง ล ม ป อ ด แ ล ะ
สามารถขยายตัวลุกลามไปที่ต่อม
น้าเหลือง แพร่กระจายสู่อวัยวะต่าง
ๆ ได้
เมื่อติดเชื้อแล้วร่างกายไม่
แข็งแรง อาจแสดงอาการป่วยเร็ว
ที่สุดใน 2 ปี แต่บางคนอาจแสดง
อาการช้าที่สุดถึง 10 ปี โดยช่วง 3
เดือนก่อนป่วยนั้นคือระยะแพร่เชื้อ
วัณโรคนอกปอด
มักจะไม่มีการแพร่เชื้อ จึงมี
โอกาสติดต่อกันได้น้อยกว่า ยกเว้น
ว่าผู้ป่วยมีวัณโรคปอดร่วมด้วย หรือ
เป็นบริเวณช่องปากที่สามารถแพร่
เชื้อออกมาในอากาศได้
- 14. ใครเสี่ยงป่วยวัณโรค
วัณโรคสามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่จะมีคนบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าคน
อื่น ๆ เช่น
• ผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพราะมีภูมิคุ้มกันต่า จึงติดเชื้อวัณโรคได้ง่าย
• ผู้ป่วยเบาหวาน
• ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
• เด็กและผู้สูงอายุ
• ผู้ที่อยู่อาศัยใน
พื้นที่แออัด
• ผู้ที่ดื่มสุรามาก ๆ สูบ
บุหรี่หรือติดยาเสพ
ติด
• ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันหรือยาสเตียรอยด์ชนิดต่าง ๆ
• ผู้ป่วยมะเร็งที่
ต้องเข้ารับเคมี
บาบัด
• ผู้เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
- 15. วัณโรค อาการแบบไหนที่บอกว่าป่วย
วัณโรคปอด
จะแสดงอาการออกเป็น 2 ระยะ คือ
• ระยะแฝง (Latent TB Infection : LTBI)
เป็นระยะที่มีเชื้อแบคทีเรียอยู่ในร่างกาย แต่ไม่แสดงใด ๆ ให้เห็นว่าป่วย และไม่
แพร่เชื้อให้ผู้อื่น แต่เป็นเสมือนแหล่งเพาะเชื้อเตรียมพร้อมสาหรับแพร่กระจาย ต้อง
ตรวจร่างกายจึงจะพบว่ามีเชื้อแฝงอยู่ ดังนั้นจึงไม่จัดว่าเป็นผู้ป่วยวัณโรค แต่หาก
ภูมิคุ้มกันต่าลง จะกลายเป็นวัณโรคได้ต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงมากถึง 1 ใน 3 ของ
ประชากรทั่วโลก ขณะที่ในประเทศไทย มีประชากรไทย 20 ล้านคน ติดเชื้อแล้วอยู่ใน
ระยะแฝง อย่างไรก็ตาม พบว่ามีเพียงประมาณ 5-10% ของผู้ป่วยระยะแฝงเท่านั้นที่
จะกลายเป็นผู้ป่วยวัณโรคในระยะแสดงอาการ
- 16. • ระยะแสดงอาการ เป็นระยะที่เริ่มแสดงอาการต่าง ๆ ให้เห็นและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
ได้ เช่น
- ไอเรื้อรังติดต่อกัน 2 สัปดาห์ขึ้นไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีไข้ต่า ๆ ช่วงบ่ายหรือเย็น
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- เบื่ออาหาร น้าหนักลด
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอก
- ไอมีเสมหะปนเลือด
- มีอาการบวมที่คอ ใต้แขน หรือขาหนีบ
อย่างไรก็ตาม ในบางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย และไม่ได้มีอาการทุกข้อ
แต่หากต้องสงสัยว่าป่วยวัณโรคปอดควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการแพร่
เชื้อไปสู่ผู้อื่น
- 17. วัณโรคนอกปอด
คือเชื้อวัณโรคที่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย
มีอยู่ด้วยกันหลายโรค เช่น
* วัณโรคหลังโพรงจมูก พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1
ของวัณโรคที่พบนอกปอด ผู้ป่วย 1 ใน 3 มักไม่แสดง
อาการป่วยใด ๆ และประมาณร้อยละ 70 มีต่อมน้าเหลืองที่
คอโตหรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก การวินิจฉัยวัณ
โรคหลังโพรงจมูกจึงมักได้จากการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อน
หรือต่อมน้าเหลือง
* วัณโรคกระดูก หรือวัณโรคกระดูกสันหลัง หาก
เชื้อเข้าไปทาลายกระดูก จะทาให้กระดูกยุบตัว หลังโก่งงอ
มีหนองหรือเศษกระดูก หมอนรองกระดูกเลื่อน และเมื่อเข้า
สู่ช่องไขสันหลังจะเกิดการกดทับประสาทที่ไขสันหลัง จน
ทาให้เป็นอัมพาตที่ขาได้
- 18. * วัณโรคต่อมน้าเหลือง มีอาการต่อมน้าเหลืองโต พบก้อนที่คอ อาจร่วมกับไข้เรื้อรัง
หากก้อนโตมากจนเกิดแผลและแผลแตกออกจะกลายเป็นหนองได้ เมื่อเป็นแล้ว แผลจะหายช้าแม้จะ
ได้รับการรักษาแล้ว ทั้งนี้ วัณโรคต่อมน้าเหลืองสามารถลุกลามไปตามต่อมน้าเหลืองบริเวณต่าง ๆ
ของร่างกายได้ด้วย และระหว่างการรักษาวัณโรคต่อมน้าเหลืองอาจจะพบต่อมน้าเหลืองต่อมใหม่
โตขึ้นมา หรืออาจยังมีรอยโรคอยู่หลังรักษาครบแล้ว
* วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง เป็นวัณโรคที่มีอาการรุนแรง อาการแสดงคือ มีไข้ต่า ๆ เบื่อ
อาหาร น้าหนักลง อาจมีอาการคอแข็งหรือไม่ก็ได้ ระดับความรู้สึกตัวลดลง ปวดศีรษะ การวินิจฉัย
ทาได้โดยการเจาะตรวจน้าไขสันหลัง
* วัณโรคช่องท้อง เป็นวัณโรคที่เกิดในบริเวณช่องท้อง เช่น
วัณโรคตับ ลาไส้ เยื่อบุช่องท้อง ฯลฯ มีอาการท้องโต พบน้าในช่อง
ท้อง มักคลาพบก้อนในช่องท้องซึ่งต้องตรวจจึงจะทราบว่าป่วย และ
หากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การแตกของลาไส้สามารถทาให้เสียชีวิตได้
- 21. วัณโรคปอด รักษาหายไหม
สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการทานยา ซึ่งต้องใช้เวลารักษาประมาณ
6-8 เดือน โดยระยะแรกของการรักษา ผู้ป่วยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อ
ควบคุมเชื้อไม่ให้แพร่กระจาย หากมีอาการดีขึ้นแล้วแพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปรักษา
ตัวต่อที่บ้านได้ แต่สิ่งสาคัญคือผู้ป่วยต้องทานยาทุกขนานอย่างต่อเนื่องและ
เคร่งครัดทุกวัน แม้อาการจะเริ่มดีขึ้นแล้วก็อย่าหยุดยาเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเกิด
เชื้อวัณโรคดื้อยาซึ่งจะทาให้การรักษายากลาบากมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังต้องคอยสังเกตอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่เกิดกับ
ร่างกายด้วย เพราะอาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ขึ้นได้ในระหว่าง
ป่วยวัณโรค เช่น ภาวะน้าในช่องหุ้มปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต ฯลฯ
- 25. ดังนั้นโดยทั่วไป แพทย์ควรนัดผู้ป่วยมาพบ
ใ น ช่ ว ง 2 สั ป ด า ห์ แ ร ก ก่ อ น เ พื่ อ ดู ว่ า ผู้ ป่ ว ย มี
ผลข้างเคียงจากยา หรือมีการแพ้ยาหรือไม่ และถ้า
พบอาการต่อเนื่องดังกล่าวข้างต้นควรเจาะเลือด
ตรวจเพื่อดูว่า มีภาวะตับอักเสบหรือไม่ โดยมี
ข้อแนะนาดังนี้คือ ถ้าค่า enzyme AST สูงขึ้นไม่ถึง 3
เท่าของค่า upper normal limit อาการดังกล่าวที่
เกิดขึ้นไม่น่าจะเกิดจากภาวะตับอักเสบ แต่ถ้า AST
ตั้งแต่ 3 เท่าขึ้นไป หรือ ตั้งแต่ 5 เท่าขึ้นไปในผู้ป่วยที่
แม้ไม่มีอาการ แสดงว่าน่าจะมีการอักเสบของตับ
เกิดขึ้น
- 26. 2. การออกผื่น ผู้ป่วยวัณโรคที่มีผื่นขึ้นระหว่างทานยาไม่จาเป็นต้องหยุดยาวัณ
โรคทุกราย โดยเฉพาะผื่นคันที่ขึ้นเพียงเล็กน้อย เป็นบริเวณเล็กๆ ในกรณีนี้กา
รักษาโดยให้ antihistamine ร่วมด้วยก็เพียงพอ ส่วนการหยุดยาควรทาใน
ผู้ป่วยที่ มีผื่นดังต่อไปนี้คือ ผื่นแดงขึ้นทั่วตัวโดยมีไข้ร่วมด้วย หรือมีแผลตาม
เยื่อบุซึ่งบ่งว่าเป็น Steven-Johnson Syndrome การ challenge ยาควรทาใน
ผู้ป่วยที่ผื่นหายไปมากแล้วและเว้นช่วงห่างระหว่างยาแต่ละตัว ประมาณ 3 วัน
โดยเริ่มจาก Rifampicin INH และต่อด้วย PZA หรือ Ethambutol
ตามลาดับ ถ้าไม่มีผื่น เกิดขึ้นหลัง challenge ยาครบ 3 ตัวแสดงว่ายาตัวที่
4 น่าจะเป็นสาเหตุของผื่น และไม่ควรให้ร่วมกันต่อไป ใน ทานองเดียวกันถ้าผื่น
เกิดขึ้นหลังจากการใส่ยาตัวสุดท้ายก็ควรหยุดยาตัวดังกล่าวได้เลย มีผื่นอีกแบบ
หนึ่งที่ แพทย์ควรให้ความสนใจแม้ว่าจะพบได้น้อยกว่ามากคือผื่น petechial rash
ซึ่งเกิดจาก Rifampicin induce thrombocytopenia การวินิจฉัยต้องยืนยันภาวะนี้
โดยการตรวจ CBC และตัดสาเหตุอื่นที่เป็นต้นเหตุของ thrombocytopenia ออกไป
การรักษาคือการหยุด Rifampicin โดยเด็ดขาด
- 27. ข้อควรปฏิบัติตัวของผู้ป่วยวัณโรค
• รับประทานยาวัณโรค ตามที่แพทย์
แนะนาจนครบกาหนด เพื่อป้องกันเชื้อ
วัณโรคเกิดการดื้อยา ในผู้ป่วยบาง
รายอาจเกิดอาการผิดปกติหลังจาก
เ ริ่ ม รั บ ป ร ะ ท า น ย า วั ณ โ ร ค
เช่น อาเจียน ปวดข้อ มีผื่น และปวดข้อ
ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบ
ไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อปรับยาให้
เหมาะสม และต้องไปพบแพทย์ตามนัด
อย่างสม่าเสมอด้วย
• ผู้ป่วยควรอยู่แต่เฉพาะในบ้านเท่านั้น
ในช่วงแรกของการรักษา โดยเฉพาะ
ในช่วง 2 อาทิตย์แรกนั้นถือว่าเป็นระยะ
แพร่เชื้อ และผู้ป่วยควรอยู่ในห้องที่
แสงแดดส่องถึง และมีอากาศถ่ายเท
สะดวก และควรแยกห้องนอนต่างหาก
ไม่ควรออกไปในที่ชุมชน และแออัด
หากมีความจาเป็นต้องออกไปข้างนอก
ควรสวมหน้ากากควรสวมหน้ากาก
อนามัยด้วย ปิดปากทุกครั้งเวลาไอ
หรือจาม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- 28. • งดสิ่งเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า บุหรี่
• หั น ม า รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ที่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ
ร่างกาย โดยควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ และเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังควร
พักผ่อนให้เพียงพออีกด้วย
• ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจ
ร่างกายและเอ็กซเรย์ปอดด้วย ซึ่งในผู้ใหญ่นั้นหาก
เอ็กซเรย์แล้ว ไม่พบความผิดปกติของปอด จะถือ
ว่าไม่เป็นวัณโรค ไม่จาเป็นต้องมีการรักษา แต่ถ้าใน
เด็กเล็ก ถึงแม้จะไม่มีอาการผิดปกติ และหลังจาก
เอ็กซเรย์แล้วไม่พบความผิดปกติของปอด ยังต้อง
มีการตรวจเพิ่มเติม ซึ่งเรียกว่า "การตรวจทูเบอร์คู
ลีน (Tuberculin skin test)" ถ้าผลออกมากเป็น
บวก แพทย์จึงจะให้การรักษาวัณโรค
- 29. วิธีป้องกันก่อนป่วยวัณโรค
• ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
• ออกกาลังกายเป็นประจา
• เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอจาม
• หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจาทุกปี รวมทั้งเอกซเรย์ปอดปีละครั้ง
• หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง น้าหนักลด เบื่ออาหาร คลาพบก้อนผิดปกติ ควรพบ
แพทย์
• ไม่ควรอยู่ใกล้กับผู้ป่วยวัณโรคเป็นเวลานาน
• ไม่ใช้ยาเสพติด
• ไม่ทาพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• หลีกเลี่ยงการเข้าไปในชุมชนแออัด โดยเฉพาะช่วงที่ตัวเองป่วย
• การฉีดวัคซีน BCG ช่วยป้องกันวัณโรคในเด็กได้
- 31. 2. ระยะต่อเนื่อง
ในช่วง 4 เดือนต่อมา การรักษาจะใช้ยา 2
ชนิด เพื่อกาจัดเชื้อวัณโรคที่เหลืออยู่ ซึ่งตัว
ยาอาจจะอยู่ในรูปของยาแยกเม็ด หรือยา
รวมอยู่ในเม็ดเดียวกันเช่นกัน หากกินยาตาม
สูตรนี้ ก็จะช่วยรักษาวัณโรคได้ สิ่งที่สาคัญ
มากที่สุดก็คือการรับประทานยาอย่าง
ต่อเนื่อง
หากผู้ป่วยรับประทานยาไม่ครบ เชื้อวัณโรค
อาจเกิดการพัฒนา และทาให้เกิดการดื้อยาใน
ที่สุด ทาให้ต้องรักษาด้วยยาราคาแพง และใช้
ระยะเวลาในการรักษานานกว่า 18 เดือน และ
อาจจะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพิ่มมาก
ขึ้น ยิ่งถ้าหากเชื้อที่ดื้อยานี้แพร่ออกไป ก็จะทา
ให้ผู้ที่ติดเชื้อรักษาได้ยากมากขึ้นไปอีก
- 35. แหล่งอ้างอิง
กองบรรณาธิการ HONESTDOCS. วัณโรค 1 ใน 10 โรคติดต่อร้ายแรงที่ก่อให้เกิด
การสูญเสีย. [ออนไลน์]. 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2562 จากเว็บไซต์:
https://www.honestdocs.co/tuberculosis-death-causes
กลุ่มงานวิจัยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ. วัณโรค. [ออนไลน์]. 2553. สืบค้นเมื่อ 18
กันยายน 2562 จากเว็บไซต์:
http://www.nci.go.th/th/research/researhdivision/research_informat
ionTB.html
Kapook. วัณโรค ติดต่อง่ายผ่านลมหายใจ เช็กอาการก่อนรุนแรง. [ออนไลน์].
2552. สืบค้นเมื่อ 21 กันยายน 2562 จากเว็บไซต์:
https://health.kapook.com/view858.html
พงศ์เทพ ธีระวิทย์. วัณโรคปอด (Pulmonary tuberculosis). [ออนไลน์]. 2550.
สืบค้นเมื่อ 23 กันยายน 2562 จากเว็บไซต์:
https://med.mahidol.ac.th/med/sites/default/files/public/pdf/medici
nebook1/TB.pdf