Mais conteúdo relacionado
Semelhante a Final project.pp (20)
Final project.pp
- 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
โรคหลายบุคลิก เป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่ตัว
ผู้ป่วยมีบุคลิกอื่นๆ มากกว่า 2 บุคลิกขึ้นไป
ผลัดเปลี่ยนกันออกมาใช้ชีวิต และแสดง
พฤติกรรมที่แตกต่างไปจากบุคลิกเดิมออกมา
สาเหตุของโรคหลายบุคลิกอาจเกิดจากสภาวะ
ทางจิตใจของผู้ป่วยที่ถูกกระทบกระเทือน
อย่างหนักตั้งแต่สมัยวัยเด็ก โดยผ่านการ
กระทาอันรุนแรงทั้งทางกาย และทางจิตใจ
เช่น อาจเคยโดนทารุณกรรม กระทาชาเราจาก
ผู้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่จาความได้ ทาให้ผู้ป่วยมี
อาการทางจิตที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความ
กลัว หวาดระแวง ความหดหู่ทางจิตใจ การ
ปรับเปลี่ยนทางอารมณ์ต่างๆ จนทาให้จิตใต้
สานึกสร้างบุคลิกอื่นๆ ขึ้นมาเพื่อแสดงออกใน
สิ่งที่บุคลิกหลัก หรือบุคลิกเดิมไม่สามารถทาได้
โดยบุคลิกต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาอาจเกี่ยวข้อง
กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ป่วย
ตัวอย่างบุคลิกต่างๆ ที่ผู้ป่วยบางคนอาจ
สร้างขึ้นมา เช่น บุคลิกของคนก้าวร้าวที่จะ
ออกมาเมื่อบุคลิกหลักถูกรังแก บุคลิกของ
ความอ่อนโยนเมื่อผู้ป่วยอยู่ช่วงที่มีความสุข
บุคลิกของเด็กซน เมื่อผู้ป่วยนึกถึงความทรง
จาในวัยเด็ก หรือบุคลิกของที่อยากฆ่าตัวตาย
เมื่อผู้ป่วยอยู่ในช่วงเวลาที่เศร้า ผิดหวัง และ
หดหู่ เป็นต้น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้ว บุคลิกเดิม
หรือบุคลิกหลัก (ตัวผู้ป่วยเอง) จะจาอะไร
ไม่ได้เมื่อบุคลิกอื่นๆ ออกมาใช้ชีวิตแทน แต่
บุคลิกอื่นๆ นอกจากบุคลิกหลักจะจาทุกสิ่งที่
เกิดขึ้นได้ และบางครั้งแต่ละบุคลิกอาจรู้จักกัน
และสื่อสารพูดคุยกันเองได้ โรคนี้มีผลกระทบ
กับผู้ป่วย และคนรอบข้าง ดังนั้นสมควร
หาทางแก้ไข เข้าใจและรับมืออย่างถูกวิธี
- 6. โรคหลายบุคลิก
Dissociative Identity Disorder (DID)
โรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity
Disorder (DID) หรือชื่อเก่าคือ Multiple Personality
Disorder (MPD) เป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่ตัวผู้ป่วยมี
บุคลิกอื่นๆ มากกว่า 2 บุคลิกขึ้นไป ผลัดเปลี่ยนกัน
ออกมาใช้ชีวิต และแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างไปจาก
บุคลิกเดิมออกมา
- 12. โรคหลายบุคลิกเป็นโรคที่พบได้
ทั่วไปหรือไม่
โรคหลายบุคลิก เป็นโรคที่หายาก จึงมีการศึกษาน้อย และ
มีการทาวิจัยในบุคคลที่เป็นโรคหลายบุคลิกเพียงน้อยนิดหนึ่ง ใน
การศึกษาพบว่าประมาณ 1% ของผู้หญิงในชุมชนเป็นโรคหลาย
บุคลิก ซึ่งเรายังต้องการการศึกษาอีกมากเพื่อจะยืนยันข้อมูลนี้ แม้
จะมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการวินิจฉัยโรคหลายบุคลิก แต่
อย่างไรก็ตาม มันไม่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นเพราะความตระหนักที่มีมากขึ้น
จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิต หรือจากการวินิจฉัยผิด
- 15. ข้อโต้แย้งของโรคหลายบุคลิก
: โรคหลายบุคลิกเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า?
ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น ๆ ได้แย้งว่ายังมีบางการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่
ปฏิเสธข้อโต้แย้งดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น บางการศึกษาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบุคลิก
ที่แตกต่างของบุคคลที่เป็นโรคหลายบุคลิกนั้น มี รูปแบบการแสดงออกทาง
สรีรวิทยาที่ต่างกัน รวมถึงการกระตุ้นสมองที่แตกต่างกันหรือการตอบสนอง
ของ หลอดเลือดหัวใจที่ต่างกัน
การศึกษาเหล่านี้ได้ถูกใช้เป็นหลักฐานสาหรับการเกิดขึ้นจริงของการมีบุคลิกภาพ
สองคนในคนเดียวกัน การศึกษาเกี่ยวกับโรคหลายบุคลิกนั้นมีข้อจากัด และการ
วินิจฉัยยังมีข้อโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยนั้นได้รับการยอมรับมากขึ้นใน
ชุมชนสุขภาพจิต และเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคหลายบุคลิกกันมากขึ้น
- 16. บุคลิกต่างๆ ของผู้ป่วยโรคหลายบุคลิก
ตัวอย่างบุคลิกต่างๆ ที่ผู้ป่วยบางคนอาจสร้างขึ้นมา เช่น บุคลิกของคน
ก้าวร้าวที่จะออกมาเมื่อบุคลิกหลักถูกรังแก บุคลิกของความอ่อนโยน
เมื่อผู้ป่วยอยู่ช่วงที่มีความสุข บุคลิกของเด็กซน เมื่อผู้ป่วยนึกถึงความ
ทรงจาในวัยเด็ก หรือบุคลิกของที่อยากฆ่าตัวตาย เมื่อผู้ป่วยอยู่ใน
ช่วงเวลาที่เศร้า ผิดหวัง และหดหู่ เป็นต้น
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้ว บุคลิกเดิม หรือบุคลิกหลัก (ตัวผู้ป่วยเอง) จะจา
อะไรไม่ได้เมื่อบุคลิกอื่นๆ ออกมาใช้ชีวิตแทน แต่บุคลิกอื่นๆ นอกจาก
บุคลิกหลักจะจาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และบางครั้งแต่ละบุคลิกอาจรู้จักกัน
และสื่อสารพูดคุยกันเองได้
- 17. นอกจากนี้ แต่ละบุคลิกจะมาพร้อมกับอายุ ชื่อ และ
น้าเสียง และพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป อาจเป็น
เด็กชายอายุ 9 ขวบ แม่บ้านอายุ 45 ปี ผู้หญิงวัยรุ่น
พูดภาษาต่างประเทศอายุ 23 ปี วัยรุ่นชายสุขุมอายุ 15
ปี หรืออาจจะเป็นเพศที่สามที่ก้าวร้าวหยาบกระด้างวัย
29 ปีก็ได้ โดยแต่ละคนจะมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต
แตกต่างกันไป โดยเป็นการสร้างเพิ่มเติมจากความทรง
จาในช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตผู้ป่วยแต่ละคน
- 21. โรคหลายบุคลิก อาการเป็นอย่างไร
อาการของผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกจะสามารถสังเกตได้จากลักษณะ
ต่อไปนี้
- มีหลายบุคลิกในคนเดียวกัน ซึ่งแต่ละบุคลิกนั้นดูแตกต่างกันโดย
สิ้นเชิง
- เมื่อเปลี่ยนเป็นอีกคนแล้ว จะเปลี่ยนไปทั้งความรู้สึกนึกคิด
พฤติกรรมการพูดจา ตรรกะความคิด ความทรงจา การเรียนรู้และ
เข้าใจ การปฏิบัติตัวต่อสิ่งรอบข้าง รวมทั้งสูญเสียการควบคุมตนเอง
- ผู้ป่วยมักสูญเสียความทรงจาในระหว่างที่เปลี่ยนไปเป็นอีก
บุคลิก ไม่รู้ตัวว่าทาอะไรลงไปบ้าง จาไม่ได้ว่าติดต่อกับใคร จาไม่ได้ว่าไป
ไหน เรียกว่าจาเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย จึงมักจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ
อยู่เสมอด้วย
- ช่วงเวลาเปลี่ยนบุคลิกอาจเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้ และอาจเกิดขึ้น
เพียงนาที ชั่วโมง หรืออาจเป็นวัน ๆ
- 24. โรคหลายบุคลิก รักษาได้ไหม
โรคหลายบุคลิกสามารถรักษาได้ด้วยวิธีทางจิตวิทยา โดยเริ่มแรก
จิตแพทย์อาจจาแนกบุคลิกทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในตัวคนไข้ออกมา และ
พยายามหาตัวตนที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของคนไข้ให้ได้ ซึ่งใน
กระบวนการนี้ จิตแพทย์อาจเลือกใช้วิธีปรับเปลี่ยนความคิดและ
พฤติกรรม (Cognitive and Creative Therapies) และใช้ยาในกลุ่ม
ต้านเศร้า และยาคลายกังวลร่วมด้วย ทั้งนี้ในการรักษาโรคหลายบุคลิก
อาจต้องใช้เวลารักษายาวนานและตัวผู้ป่วยเองก็ควรต้องได้รับการ
รักษาอย่างต่อเนื่องด้วย
อย่างไรก็ตาม การจะรักษาผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกให้หายดีได้
หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคนรอบข้างด้วยที่ต้องสังเกตอาการของผู้ป่วยและ
เมื่อพบว่าผู้ป่วยดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีพฤติกรรมแปลกไปจากเดิม
ค่อนข้างมาก ต้องรีบพาเขาไปพบจิตแพทย์โดยด่วน เพราะอย่าลืมว่า
ผู้ป่วยโรคนี้มักจะไม่รู้ตัวเองว่ามีพฤติกรรมและความคิดผิดไปจากปกติ
ซึ่งก็หมายความว่าเขาอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้าว่าเป็นผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกอยู่
- 25. โรคหลายบุคลิกเป็นโรคทางจิตเรื้อรังที่อาจเป็นๆ หายๆ กาเริบ
และหยุดเป็นพักๆ ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของผู้ป่วยในช่วงเวลา
นั้นๆ โรคหลายบุคลิกต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลานาน อาจไม่
ถึงขั้นลบล้างเอาบุคลิกทั้งหมดออกไปได้จนหมด หากแต่ผู้ป่วย
อาจมีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการควบคุม หรืออยู่กับบุคลิกอื่นๆ ได้
อย่างปลอดภัย และเป็นสุข ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอยู่ใน
สังคมมากนัก
- 26. ผู้ป่วยจะมีอาการจะทุเลาขึ้นเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อเข้ารับ
การรักษาโดยวิธีจิตบาบัด หรือสะกดจิตจากจิตแพทย์โดยตรง
โดยให้ผู้ป่วยได้ระบายเรื่องราว และความรู้สึกในอดีตที่เคยทา
ให้ตนเองเจ็บปวด แต่ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครได้ทราบออกมา
เพราะเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ทาให้ผู้ป่วยเกิดการเบี่ยงเบนพฤติกรรมจน
กลายเป็นการสร้างบุคลิกขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนบุคลิกเดิมของ
ตนเองขึ้นมานั่นเอง