Mais conteúdo relacionado
Semelhante a Blood donation power point templates (20)
Mais de mearnfunTamonwan (12)
Blood donation power point templates
- 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อโรคชื่อนี้ เป็นโรคที่อยู่กับคนไทยมานานแสนาน มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้อ
งอกร้าย (อังกฤษ: malignant tumor) เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่
ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และมีศักยภาพในการ
รุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้าเหลือง
หรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะ
ข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งที่เป็นไปได้รวมถึงมีก้อนเนื้อ
เกิดใหม่, มีเลือดออกผิดปกติ, มีการไอเป็นเวลานาน, การสูญเสียน้าหนักที่อธิบายไม่ได้, และการ
เปลี่ยนแปลงในการขับถ่ายของลาไส้และอื่น ๆแต่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอื่น ๆ ได้
เช่นกัน มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 100 ชนิด
สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่ทราบแล้วว่า
เพิ่มปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่ การสูบบุหรี่ (อัตราการตาย 22%) ปัจจัยด้านอาหาร, การขาดกิจกรรมการ
ออกกาลังกาย, โรคอ้วน, และการบริโภคแอลกอฮอล์ (อัตราการตายรวมกัน 10%) นอกนั้นเป็นการติด
เชื้อบางอย่าง, การสัมผัสรังสี, และมลภาวะสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มประเทศกาลังพัฒนา เกือบ 20% ของ
โรคมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อเช่นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิด B, ชนิด C, และ human papillomavirus.
โดยทั่วไปก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาขึ้น การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของยีนจะเกิดขึ้นก่อนประมาณ 5–10%
ของมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทาให้ยีน
เสียหายโดยตรง
หรืออาจประกอบกับความบกพร่องทางพันธุกรรมที่มีอยู่เดิมในเซลล์ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์
เป็นมะเร็งได้ มะเร็งราว 5–10% สามารถติดตามไปยังความบกพร่องทางพันธุกรรมแต่
กาเนิดโดยตรง
มะเร็งสามารถตรวจพบได้หลายวิธี รวมทั้งการมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง การตรวจ
คัดกรองโรค จากนั้น จะต้องทาการสร้างภาพทางการแพทย์ เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสเป็น
มะเร็งแล้ว จะมีการวินิจฉัยเพื่อยืนยันโดยการตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อ (อังกฤษ: biopsy)
มะเร็งหลายประเภทสามารถป้ องกันได้โดยการไม่สูบบุหรี่, รักษาน้าหนักตัวเพื่อสุขภาพที่ดี,
ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, กินอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืชมาก ๆ, ฉีด
วัคซีนป้ องกันโรคติดเชื้อบางอย่าง, ไม่กินเนื้อแดงมากเกินไป, และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับ
แสงแดดมากเกินไป การตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ผ่านการตรวจคัดกรองจะเป็นประโยชน์สาหรับ
โรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลาไส้ใหญ่ ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองสาหรับมะเร็งเต้านม
ยังมีความขัดแย้งโรคมะเร็งมักจะได้รับการรักษาผสมกันของการรักษาด้วยรังสีบางอย่าง, การ
ผ่าตัด, การรักษาด้วยเคมีบาบัด, และการรักษาด้วยการกาหนดเป้ าหมายการจัดการกับการ
ปวดและอาการอื่นเป็นส่วนสาคัญของการดูแล การดูแลแบบประคับประคองเป็นสิ่งสาคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่ วยที่โรคมีการพัฒนาไปมาก[1] โอกาสของการอยู่รอดขึ้นอยู่กับชนิด
ของโรคมะเร็งและระยะของโรคในช่วงเริ่มต้นของการ
- 6. โรคมะเร็ง คือ?
มะเร็งเป็นโรคที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่เป็น
ผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และจะพบได้สูงในผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
“มะเร็ง” หรือทางการแพทย์เรียกว่า “เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย” เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญของเซลล์ที่มีความผิดปกติ คือ
เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ก่อเป็นเนื้อร้าย และรุกรานไปยังอวัยวะส่วนข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังส่วน
ต่างๆ ของร่างกายที่อยู่ห่างไกล ผ่านระบบน้าเหลืองหรือกระแสเลือด
มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย (อังกฤษ: malignant tumor) เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์
ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และมีศักยภาพในการรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียงมะเร็งอาจ
แพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้าเหลืองหรือกระแสเลือด แต่ไม่ใช่เนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่
ร้ายจะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย อาการและอาการแสดงของโรคมะเร็งที่เป็นไปได้รวมถึงมีก้อนเนื้อเกิด
ใหม่, มีเลือดออกผิดปกติ, มีการไอเป็นเวลานาน, การสูญเสียน้าหนักที่อธิบายไม่ได้, และการเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย
- 7. ของลาไส้และอื่น ๆแต่อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอื่น ๆ ได้เช่นกัน มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 100 ชนิด
สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่ทราบแล้วว่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่ การสูบบุหรี่ (อัตราการตาย 22%) ปัจจัยด้านอาหาร, การขาด
กิจกรรมการออกกาลังกาย, โรคอ้วน, และการบริโภคแอลกอฮอล์ (อัตราการตายรวมกัน 10%) นอกนั้นเป็นการติดเชื้อบางอย่าง, การสัมผัสรังสี, และมลภาวะสิ่งแวดล้อม ในกลุ่มประเทศกาลัง
พัฒนา เกือบ 20% ของโรคมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อเช่นโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิด B, ชนิด C, และ human papillomavirus. โดยทั่วไปก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาขึ้น การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ของยีนจะเกิดขึ้นก่อนประมาณ 5–10% ของมะเร็งเกิดจากการติดเชื้อทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปัจจัยเหล่านี้สามารถทาให้ยีนเสียหายโดยตรง หรืออาจประกอบกับความบกพร่อง
ทางพันธุกรรมที่มีอยู่เดิมในเซลล์ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ มะเร็งราว 5–10% สามารถติดตามไปยังความบกพร่องทางพันธุกรรมแต่กาเนิดโดยตรง
มะเร็งสามารถตรวจพบได้หลายวิธี รวมทั้งการมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง การตรวจคัดกรองโรค จากนั้น จะต้องทาการสร้างภาพทางการแพทย์ เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งแล้ว
จะมีการวินิจฉัยเพื่อยืนยันโดยการตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อ (อังกฤษ: biopsy)
มะเร็งหลายประเภทสามารถป้ องกันได้โดยการไม่สูบบุหรี่, รักษาน้าหนักตัวเพื่อสุขภาพที่ดี, ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป, กินอาหารประเภทผักผลไม้และธัญพืชมาก ๆ, ฉีดวัคซีน
ป้ องกันโรคติดเชื้อบางอย่าง, ไม่กินเนื้อแดงมากเกินไป, และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป การตรวจพบแต่เนิ่น ๆ ผ่านการตรวจคัดกรองจะเป็นประโยชน์สาหรับโรคมะเร็งปาก
มดลูกและมะเร็งลาไส้ใหญ่ ประโยชน์ของการตรวจคัดกรองสาหรับมะเร็งเต้านมยังมีความขัดแย้งโรคมะเร็งมักจะได้รับการรักษาผสมกันของการรักษาด้วยรังสีบางอย่าง, การผ่าตัด, การรักษา
ด้วยเคมีบาบัด, และการรักษาด้วยการกาหนดเป้ าหมายการจัดการกับการปวดและอาการอื่นเป็นส่วนสาคัญของการดูแล การดูแลแบบประคับประคองเป็นสิ่งสาคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่ วยที่
โรคมีการพัฒนาไปมาก[1] โอกาสของการอยู่รอดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรคในช่วงเริ่มต้นของการรักษา ในเด็กอายุต่ากว่า 15 ที่วินิจฉัยอัตราการรอดตายในช่วงห้าปีใน โลกที่
พัฒนาแล้วโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 80% สาหรับโรคมะเร็งในประเทศสหรัฐอเมริกาอัตราการรอดตายห้าปีเฉลี่ยอยู่ที่ 66%
- 9. ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อ
หรือ แผลมะเร็งมี
ขนาดเล็ก และยังไม่
ลุกลาม
ระยะที่ 2 : ก้อนเนื้อ
หรือ แผลมะเร็งมี
ขนาดใหญ่ขึ้น เริ่ม
ลุกลามภายในเนื้อเยื่อ
หรืออวัยวะ
ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อ หรือ
แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น
เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อ
หรืออวัยวะข้างเคียง และ
ลุกลามเข้าต่อมน้าเหลือง
ที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรือ
อวัยวะที่เป็นมะเร็ง
ระยะที่ 4 : ก้อนเนื้อ
หรือ แผลมะเร็งมี
ขนาดโตมาก และ
(หรือ) ลุกลามเข้า
เนื้อเยื่อหรืออวัยวะ
ข้างเคียง จนทะลุ
โรคมะเร็งมีกี่ระยะ?
- 11. ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะต้องเป็นมะเร็ง “เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง” (Benign tumor) เป็น
เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง เพราะเซลล์ของเนื้องอกชนิดนี้จะแบ่งตัวช้า และไม่ค่อยมีการแทรกตัวเข้า
ไประหว่างเซลล์ปกติ ไม่ค่อยมีการทาลายเซลล์ปกติใกล้เคียง และไม่สามารถแทรกตัวทะลุเข้า
ไปในหลอดน้าเหลืองและหลอดเลือดได้จึงทาให้ไม่มีโอกาสที่เซลล์เนื้องอกจะแพร่กระจายไป
เติบโตเป็นก้อนเนื้อที่อวัยวะส่วนอื่นที่อยู่ไกลออกไปได้เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงสามารถผ่าตัด
รักษาให้หายขาดได้
เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงต่างจากมะเร็ง (เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย) อย่างไร
- 13. อาการและอาการแสดง
ในระยะเริ่มต้นของมะเร็งผู้ป่ วยจะยังไม่มีอาการ ต่อเมื่อขนาดของก้อนเริ่มโตขึ้นหรือเริ่มเกิดเป็นแผลจึง
อาจจะมีอาการหรืออาการแสดงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดและตาแหน่งของมะเร็ง อาการส่วนใหญ่เป็นอาการที่ไม่
มีความจาเพาะ สามารถพบได้บ่อยในภาวะอื่นที่ไม่ใช่มะเร็ง จึงถือได้ว่ามะเร็งเป็นโรคนักเลียนแบบอย่าง
หนึ่ง ผู้ป่ วยมะเร็งส่วนใหญ่จึงมักได้รับการรักษาภาวะอื่นมาระยะหนึ่งก่อน ก่อนที่จะได้รับการวินิจฉัยว่า
เป็นมะเร็ง[27]
อาการเฉพาะที่[แก้]
ผู้ป่ วยอาจมีอาการเฉพาะที่จากผลของตัวก้อนที่ขยายขนาดขึ้น ตัวอย่างเช่น ผลจากก้อนของมะเร็งปอด
อาจกดเบียดหลอดลม ทาให้ผู้ป่ วยมีอาการไอ หรือเกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น มะเร็งหลอดอาหารทาให้
เกิดการตีบแคบของหลอดอาหาร ทาให้ผู้ป่ วยมีอาการกลืนลาบากหรือกลืนเจ็บ มะเร็งลาไส้ใหญ่และไส้
ตรงอาจทาให้เกิดการตีบแคบหรือการอุดกั้นของลาไส้ ทาให้มีการถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไป ก้อนในเต้า
นมหรืออัณฑะอาจปรากฏเป็นก้อนให้ผู้ป่วยสังเกตได้ชัดเจน อาการบางอย่างอาจเกิดจากการเกิดแผลที่
ก้อนมะเร็ง เช่น ในปอดอาจทาให้มีอาการไอเป็นเลือด ในลาไส้ทาให้ผู้ป่ วยค่อย ๆ เสียเลือดจนมีอาการ
ซีด หรือเลือดออกมากจนเห็นเป็นเลือดปนมากับอุจจาระได้ ในกระเพาะปัสสาวะอาจทาให้มีอาการ
ปัสสาวะเป็นเลือด และในมดลูกทาให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นต้น ผู้ป่ วยระยะลุกลามบาง
รายอาจมีอาการเจ็บจากตัวก้อนได้ แต่ในระยะแรกที่ก้อนเพิ่งเริ่มขยายขนาดผู้ป่วยมักไม่มีอาการเจ็บจาก
ตัวก้อน มะเร็งบางชนิดอาจทาให้เกิดของเหลวสะสมในโพรงร่างกาย เช่นในช่องอก หรือช่องท้องได้
- 14. อาการที่เป็นระบบ เป็นอาการที่เกิดขึ้นทั่วไปเนื่องจากผลกระทบที่อยู่ไกลจากตาแหน่งของโรคมะเร็งที่
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายโดยหรือเป็นการแพร่กระจายของโรค อาการเหล่านี้อาจรวมถึง:..
การสูญเสียน้าหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ, เป็นไข้, เหนื่อยมากเกินไป, และมีการเปลี่ยนแปลงกับผิว มะเร็ง
ต่อมน้าเหลืองชนิดแพร่กระจายช้า(อังกฤษ: Hodgkin disease), โรคเม็ดโลหิตขาวผิดปกติ
(อังกฤษ: leukemias), และโรคมะเร็งตับหรือโรคมะเร็งไตอาจทาให้เกิดไข้ถาวรไม่ทราบที่มา
[27]
มะเร็งบางชนิดอาจทาให้เกิดกลุ่มอาการเฉพาะของระบบที่เรียกว่าปรากฏการณ์
paraneoplastic ตัวอย่างเช่นการปรากฏตัวของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้าย
(อังกฤษ: myasthenia gravis) ในเนื้องอกต่อมไทมัส (อังกฤษ: thymoma) และ
อาการปลายนิ้วโต (อังกฤษ: clubbing) ในโรคมะเร็งปอด[27]
การแพร่กระจายบทความหลัก: Metastasis
มะเร็งสามารถแพร่กระจายจากจุดกาเนิดเดิมของมันโดยการแพร่กระจายเฉพาะที่, การแพร่กระจายผ่าน
ทางน้าเหลืองไปยังต่อมน้าเหลืองในภูมิภาคหรือผ่านทางเลือด (การแพร่กระจาย แบบ
haematogenous) ไปยังเนื้อเยื่ออื่นที่ไกลออกไป การแพร่กระจายทั้งหมดนี้เรียกว่า
metastasis เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปตามเส้นทาง haematogenous มันก็มักจะ
แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม 'เมล็ดพันธุ์' มะเร็งจะเจริญเติบโตได้ดีใน 'ดิน' บางจุดที่เลือก
โดยเฉพาะเท่านั้น เป็นสมมติฐานของการแพร่กระจายโรคมะเร็งในรูปของ'ดินและเมล็ดพันธ์' อาการ
ของการเกิดโรคมะเร็งในระยะแพร่กระจายขึ้นอยู่กับตาแหน่งของเนื้องอกและอาจรวมถึงต่อมน้าเหลือง
โต (ซึ่งสามารถรู้สึกได้หรือบางครั้งก็เห็นได้ใต้ผิวหนังและมักจะแข็ง), ตับโตหรือม้ามโตซึ่งสามารถ
รู้สึกได้ในช่องท้อง, รู้สึกเจ็บปวดหรือเศษหักของกระดูกและอาการทางระบบประสาท
- 15. การติดเชื้อ
ทั่วโลกประมาณ 18% ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อ[4] สัดส่วนนี้แตกต่างกันไปใน
ภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกจากที่สูง 25% ในทวีปแอฟริกา
จนถึงน้อยกว่า 10% ในประเทศที่พัฒนาแล้ว[4] ไวรัสเป็น
เชื้อโรคปกติของการติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่
แบคทีเรียและปรสิตยังอาจสร้างผลกระทบกับโรคมะเร็งได้
เช่นกัน
ไวรัสที่สามารถทาให้เกิดมะเร็งได้เรียกว่า oncovirus ซึ่งรวมถึง
humam papillomavirus (มะเร็งปากมดลูก), Epstein-Barr
ไวรัส (โรค B-cell lymphoproliferative และโรคมะเร็งโพรงหลัง
จมูก), herpesvirus sarcoma ของ Kaposi (เนื้องอก Kaposi
และ primary effusion lymphomas), ไวรัสตับอักเสบบีและไวรัส
ตับอักเสบ C (มะเร็งตับ), และ human T -cell ไวรัส-1
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemias T-cell) การติดเชื้อ
แบคทีเรียยังอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เท่าที่เห็นในมะเร็ง
กระเพาะอาหารที่เกิดจาก Helicobacter pylori[45] การติดเชื้อ
ปรสิตเกี่ยวข้องอย่างมากกับโรคมะเร็งรวมถึง Schistosoma
haematobium (มะเร็งเซลล์ squamous ของกระเพาะปัสสาวะ)
และพยาธิใบไม้ในตับ, Opisthorchis viverrini และ Clonorchis
sinensis (มะเร็งท่อน้าดี)[46]
- 17. การป้ องกัน
85% 35% 65% 45%
การป้ องกันโรคมะเร็งมีการกาหนดเป็นมาตรการที่จริงจังเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง[71] ส่วนใหญ่ของผู้ป่ วย
โรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และจานวนมากแต่ไม่ใช่ทั้งหมดของปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้เป็นการ
เลือกวิถีชีวิตที่สามารถควบคุมได้ดังนั้นโรคมะเร็งถือว่าเป็นโรคที่สามารถป้ องกันได้เป็นส่วนใหญ่[72] มากกว่า
30% ของการเสียชีวิตจากมะเร็งสามารถป้ องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ :. ยาสูบ, การมีน้าหนักเกิน
/ โรคอ้วน, อาหารที่ไม่เพียงพอ, ขาดการออกกาลังกาย, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, การติดเชื้อติดต่อทางเพศสัมพันธ์,
และมลพิษทางอากาศ[73] สาเหตุด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมดเช่นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติของ
รังสีที่เป็นพื้นหลัง และกรณีอื่น ๆ ของโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่
จะป้ องกันโรคมะเร็งได้ทุกกรณี
ในขณะที่มีคาแนะนาเรื่องการบริโภคอาหารจานวนมากได้รับการนาเสนอเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง แต่
หลักฐานที่จะสนับสนุนคาแนะนานั้นไม่ค่อยชัดเจน[9][74] ปัจจัยการบริโภคอาหารขั้นต้นที่เพิ่มความเสี่ยงคือ
การเป็นโรคอ้วนและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานผักและผลไม้ใน
ปริมาณที่ต่าและเนื้อแดงในปริมาณที่สูงไม่ได้รับการยืนยัน[75][76] ในรายงานของ meta-analysis ปี 2014
ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างผักและผลไม้กับโรคมะเร็ง[77] การบริโภคกาแฟมีล่วนเกี่ยวข้องกับการลดความ
เสี่ยงของโรคมะเร็งตับ[78] การศึกษาได้เชื่อมโยงการบริโภคมากเกินไปของเนื้อสีแดงหรือเนื้อผ่านการ
กระบวนการเข้ากับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม, มะเร็งลาไส้ใหญ่, และมะเร็งตับอ่อน ซึ่งเป็น
ปรากฏการณ์หนึ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุให้พบสารก่อมะเร็งในเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกที่อุณหภูมิสูง[79][80] คาแนะนา
เกี่ยวกับการบริโภคอาหารเพื่อป้ องกันโรคมะเร็งมักจะรวมถึงการให้ความสาคัญกับผัก ผลไม้ ธัญพืช และ
ปลา และหลีกเลี่ยงเนื้อผ่านกระบวนการและเนื้อแดง (เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ) ไขมันสัตว์และ
คาร์โบไฮเดรตกลั่น[9][74]
อาหาร
- 18. การป้ องกัน
ยา
แนวคิดที่ว่ายาสามารถใช้ในการป้ องกันโรคมะเร็งได้เป็นที่น่าสนใจ และมีหลักฐานสนับสนุนการใช้ยาใน
ไม่กี่สถานการณ์ที่กาหนดไว้[81] ในประชากรทั่วไป ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช้สตีรอยด์ (อังกฤษ: Non-
steroidal anti-inflammatory drug (NSAIDs)) อาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลาไส้ใหญ่ แต่เนื่องจาก
มันมีผลกระทบแบบ side effect ต่อหัวใจและหลอดเลือดและระบบทางเดินอาหาร ยาดังกล่าวจึงอาจ
ก่อให้เกิดอันตรายโดยรวมเมื่อนามาใช้[82] แอสไพรินถูกพบว่าสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจาก
โรคมะเร็งได้ประมาณ 7%[83] COX-2 inhibitor อาจลดอัตราการก่อตัวของติ่งเนื้อ (อังกฤษ: polyp) ใน
ผู้ที่มีโรคติ่งเนื้อเมือกมากของเนื้องอกไม่ร้ายที่เนื้อเยื่อบุผิวที่มีโครงสร้างคล้ายต่อม (อังกฤษ: familial
adenomatous polyposis) อย่างไรก็ตาม มันมีผลกระทบเช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs[84] การใช้ยา
tamoxifen หรือ raloxifene เป็นประจาวันได้แสดงให้เห็นถึงการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม
ในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง[85] เมื่อเอาประโยชน์มาเทียบกับอันตรายสาหรับยายับยั้งเอนไซม์ชื่อ 5-alpha-
reductase inhibitor เช่นตัวยา finasteride แล้ว ประโยชน์ยังไม่ชัดเจน[86]
วิตามินยังไม่ได้ถูกพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้ องกันโรคมะเร็งได้[87] แม้ว่าระดับเลือดต่าของวิตามินดีจะ
มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง[88][89] ความสัมพันธ์นี้จะเป็นสาเหตุหรือไม่และ
อาหารเสริมวิตามินดีสามารถช่วยในการป้ องกันหรือไม่นั้นยังไม่ได้มีการค้นหาความจริงอย่างแน่วแน่
[90] การเสริมเบต้าแคโรทีนมีการค้นพบว่าใช้เพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งปอดในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง[91] การ
เสริมกรดโฟลิกยังไม่พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้ องกันโรคมะเร็งลาไส้ใหญ่แต่อาจเพิ่มติ่งลาไส้ใหญ่
[92][93] ยังไม่มีความชัดเจนว่าการเสริมซีลีเนียมมีประโยชน์[94]
- 20. การรักษา
Right Atrium
Tricuspid
Valve
Right Ventricle
Left
Ventricle
Left
Atrium
Aortic
Valve
Mitral
ValvePulmonary
Valve
Pulmonary
Artery
Coronary
Artery
Aorta
เคมีบาบัดคือการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ยาต้านมะเร็งพิษ (อังกฤษ: cytotoxic anti-neoplastic drug) (ยาเคมีบาบัด (อังกฤษ: chemotherapeutic agents)) หนึ่งตัวหรือมากกว่า
เป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์มาตรฐาน เคมีบาบัดจะครอบคลุมยาต้านมะเร็งใด ๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ในวงกว้างเช่น alkylating agents และ antimetabolites[113] ยาเคมี
บาบัดแบบดั้งเดิมทาหน้าที่ฆ่าเซลล์ที่แบ่งอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของเซลล์มะเร็งส่วนใหญ่
การรักษาด้วยการกาหนดเป้ าหมายเป็นรูปแบบหนึ่งของยาเคมีบาบัดที่เล็งเป้ าหมายไปที่โมเลกุลเฉพาะที่แตกต่างกันระหว่างเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ การรักษาที่ตรงเป้ าหมาย
ครั้งแรกที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นจะปิดกั้นโมเลกุลที่เป็นตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นการยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม ตัวอย่างธรรมดาอีกกรณีหนึ่งก็คือระดับชั้น
ของสารยับยั้ง Bcr-Abl ซึ่งจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว myelogenous เรื้อรัง (CML)[114] ปัจจุบันมีการรักษาโดยกาหนดเป้ าหมายเพื่อรักษามะเร็งเต้านม, เนื้องอก
ไขกระดูกหลายจุด (อังกฤษ: multiple myeloma), โรคมะเร็งต่อมน้าเหลือง, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งผิวหนังและมะเร็งอื่น ๆ
ประสิทธิภาพของยาเคมีบาบัดขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งและระยะของโรค เมื่อใช้ร่วมกับการ
ผ่าตัด เคมีบาบัดได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในหลายชนิดมะเร็งที่แตกต่างกัน ได้แก่ :. มะเร็งเต้า
นม, มะเร็งลาไส้ใหญ่, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งกระดูก, มะเร็งอัณฑะ, มะเร็งรังไข่และมะเร็งปอด
บางอย่าง[116] ประสิทธิภาพโดยรวมมีช่วงจากอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็งบางชนิดเช่น
leukemias บางชนิด[117][118] จนถึงไม่สัมฤทธิ์ผลเช่นในบางขนิดของเนื้องอกในสมอง[119] จนถึงไม่
จาเป็นในมะเร็งอื่น ๆ เช่นมะเร็งผิวหนังที่ไม่ใช่เนื้องอกส่วนใหญ่[120] ประสิทธิภาพของยาเคมี
บาบัดมักจะถูกจากัดโดยความเป็นพิษต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในร่างกาย ถึงแม้ในขณะที่มันเป็นไปไม่ได้
ที่จะให้ยาเคมีบาบัดสามารถรักษาโรคได้อย่างถาวร เคมีบาบัดอาจจะมีประโยชน์ในการลดอาการ
เช่นอาการปวดหรือเพื่อลดขนาดของเนื้องอกที่ไม่ทางานในความหวังว่าการผ่าตัดจะเป็นไปได้ใน
อนาคต
- 21. การรักษา
การรักษาด้วยการฉายรังสีจะเกี่ยวข้องกับการใช้รังสีในความพยายามที่จะรักษา
หรือปรับปรุงอาการของโรคมะเร็ง มันทางานโดยการทาลายดีเอ็นเอของเนื้อเยื่อ
มะเร็งที่นาไปสู่การตายของเซลล์ เพื่อป้ องกันเนื้อเยื่อที่ดี (เช่นผิวหนังหรืออวัยวะที่
รังสีจะต้องฉายผ่านระหว่างการรักษาเนื้องอก) ลาแสงรังสีที่มีการปรับรูปร่างจะถูก
เล็งไปที่หลาย ๆ มุมของจุดสัมผัสกับเนื้องอกเพื่อให้จุดนั้นดูดซึมรังสีมากกว่า
พื้นที่โดยรอบของเนื้อเยื่อที่ดี เช่นเดียวกับการรักษาด้วยเคมีบาบัด โรคมะเร็งที่
แตกต่างกันมีการตอบสนองต่อรังสีที่แตกต่างกัน[121][122][123]
การรักษาด้วยการฉายรังสีถูกใช้ประมาณครึ่งหนึ่งของทุกกรณีและแหล่งสร้างรังสี
อาจมาจากแหล่งภายในร่างกายในรูปแบบของการฝังแร่
(อังกฤษ: brachytherapy) หรือจากแหล่งสร้างรังสีภายนอก การฉายรังสี
โดยทั่วไปส่วนใหญ่ใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่าสาหรับการรักษามะเร็งผิวหนังในขณะที่
ลาแสงเอ็กซ์เรย์พลังงานสูงจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งภายในร่างกาย[124] รังสีโดย
ปกติจะใช้เสริมการผ่าตัดหรือเสริมเคมีบาบัด แต่บางประเภทของโรคมะเร็งเช่น
โรคมะเร็งศีรษะและลาคอในระยะเริ่มต้นอาจจะใช้เพียงการฉายรังสีอย่างเดียว
[125] สาหรับการแพร่กระจายไปที่กระดูกและสร้างความเจ็บปวดพบว่าการฉายรังสี
มีประสิทธิภาพประมาณ 70% ของผู้ป่ วย
- 24. พราะโรคมะเร็งเป็นโรคส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุ มันก็ไม่ได้พบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์
โรคมะเร็งส่งผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 ใน 1,000 คน[168] โรคมะเร็งที่
พบมากที่สุดในระหว่างการตั้งครรภ์เป็นเช่นเดียวกับโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดที่พบ
ในผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ในช่วงวัยการคลอดบุตร ได้แก่: มะเร็งเต้านม มะเร็งปาก
มดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งต่อมน้าเหลือง, มะเร็งรังไข่ และโรคมะเร็งลาไส้
ใหญ่[168]
การวินิจฉัยโรคมะเร็งใหม่ในหญิงตั้งครรภ์เป็นเรื่องยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาการ
บางอย่างปกติจะถือว่าจะเป็นความรู้สึกไม่สบายธรมดาทีีี่ เกี่ยวข้องกับการ
ตั้งครรภ์[168] เป็นผลให้เป็นโรคมะเร็งโดยทั่วไปถูกค้นพบในระยะของโรคที่ค่อนข้าง
สายกว่าค่าเฉลี่ยในหญิงตั้งครรภ์หลายกรณีหรือเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน บางขั้นตอน
ของการถ่ายภาพเช่น MRIs, CT สแกน, ultrasounds และ mammograms (การ
เอ็กซ์เรย์เต้านม) ที่มีเครื่องป้ องกันรังสีให้กับทารกในครรภ์จะได้รับการพิจารณาว่า
มีความปลอดภัยเมื่อทาการถ่ายภาพในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่บางระบบอื่น ๆ
เช่น PET scan ไม่ปลอดภัย
.
การรักษาโดยทั่วไปจะดาเนินการเช่นเดียวกับผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์[168] อย่างไรก็ตามการฉาย
รังสีและยาที่ใช้สารกัมมันตรังสีตามปกติจะมีการหลีกเลี่ยงในระหว่างตั้งครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถ้าปริมาณยาสาหรับทารกในครรภ์อาจเกิน 100 CGY ในบางกรณี บางส่วนของการรักษาหรือ
ทั้งหมดจะถูกเลื่อนออกไปจนถึงหลังคลอดถ้าโรคมะเร็งได้รับการวินิจฉัยในช่วงปลายของการ
ตั้งครรภ์ การคลอดที่เร็วขึ้นเพื่อเริ่มต้นการรักษาให้เร็วขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งผิดปกติ การผ่าตัด
โดยทั่วไปมีความปลอดภัย แต่การผ่าตัดกระดูกเชิงกรานในช่วงไตรมาสแรกอาจทาให้เกิดการ
แท้งบุตร การรักษาบางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเคมีบาบัดบางอย่างที่ใช้ในช่วงไตรมาสแรก
อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดข้อบกพร่องกับการคลอด (อังกฤษ: birth defect) และการ
สูญเสียการตั้งครรภ์ (อังกฤษ: pregnancy loss) (การแท้งที่เกิดขึ้นเองและการคลอดแบบ
ทารกตายในครรภ์).[168]
การเลือกที่จะทาแท้งจะไม่จาเป็นและสาหรับรูปแบบและระยะของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดจะไม่
ช่วยการอยู่รอดของแม่ให้ดีขึ้นหรือได้รับการรักษาจนหายขาด[168] ในไม่กี่กรณี เช่นมะเร็งมดลูก
ระยะก้าวหน้า การตั้งครรภ์ไม่สามารถเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และในกรณีอื่น ๆ เช่นโรคมะเร็ง
เม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่ถูกค้นพบในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ หญิงที่ตั้งครรภ์อาจเลือกที่จะทา
แท้งเพื่อที่เธอจะเริ่มต้นการรักษาด้วยเคมีบาบัดในเชิงรุกโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเกิด
ข้อบกพร่องตอนคลอด
การตั้งครรภ์
LOREM IPSUM DOLOR SIT AMET, CU USU AGAM INTEGRE IMPEDIT.
LOREM IPSUM
DOLOR SIT AMET
- 27. Fully Editable Shapes
Right Atrium
Tricuspid
Valve
Right Ventricle
Left
Ventricle
Left
Atrium
Aortic
Valve
Mitral
ValvePulmonary
Valve
Pulmonary
Artery
Coronary
Artery
Aorta
- 29. You can Resize without
losing quality
You can Change Fill
Color &
Line Color
www.allppt.com
FREE
PPT
TEMPLATES
Fully Editable Icon Sets: A
- 30. You can Resize without
losing quality
You can Change Fill
Color &
Line Color
www.allppt.com
FREE
PPT
TEMPLATES
Fully Editable Icon Sets: B
- 31. You can Resize without
losing quality
You can Change Fill
Color &
Line Color
www.allppt.com
FREE
PPT
TEMPLATES
Fully Editable Icon Sets: C