กลยุทธ์เพื่อสิทธิที่จะชนะ
การประกาศว่าคุณ มีสิทธิที่จะชนะ (right to win) อาจดูเหมือนหยิ่ง จนกว่าคุณจะทำได้ เพราะนั่นคือ สิ่งที่บริษัทที่ประสบความสำเร็จทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างความผูกพันในตลาด ที่พวกเขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด
บางบริษัทเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ทั้งหมดในครั้งเดียว แต่พวกเขาได้มีการกำหนดกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน ผ่านการแยกตัวเองจากคู่แข่ง
บทความนี้ นำเสนอสี่ค่ายหลักของกลยุทธ์ และผลกระทบ
ความเข้าใจที่ชัดเจนในทฤษฎี ทำให้คุณมีทางเลือกมากขึ้น เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ การกำหนดลูกค้าเป้าหมาย และวิธีการที่ดีที่สุดที่จะได้รับ สิทธิที่จะชนะ
The Right to Win
by Cesare Mainardi with Art Kleiner
2. by Cesare Mainardi with Art Kleiner
Business strategy is at an evolutionary crossroads.
It’s time to resolve the longstanding tension between
the inherent identity of your organization and the
fleeting nature of your competitive advantage.
4. สิทธิที่จะชนะ (A right to win)
สิทธิที่จะชนะ คือความสามารถในการสร้างความผูกพันในตลาด
ของการแข่งขันใด ๆ ด้วยการมีโอกาสที่ดีกว่า ที่จะประสบ
ความสาเร็จไม่เพียงในระยะสั้น แต่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
A right to win is the ability to engage in any competitive market
with a better-than-even chance of success—not just in the
short term, but consistently.
14. แกน X และ แกน Y
แกน X แสดงให้เห็นถึงมุมมองในการมีส่วนร่วม: ด้านซ้ายเป็น
ทางเลือกร่วม (กลยุทธ์คือ การปลูกฝังในหมู่คนจานวนมาก ทั่ว
ทั้งบริษัทเท่าที่เป็นไปได้) ด้านขวาเป็นการกาหนดจากบนลงล่าง
(พัฒนากลยุทธ์ โดยใช้การกาหนดจากผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหาร
ระดับสูง)
แกน Y แสดงให้เห็นถึงการวางแนวทางเวลา: ด้านบนเป็นการ
สนับสนุนปลายทางในระยะยาว ที่อาจจะแตกต่างจากตาแหน่ง
ปัจจุบัน ด้านล่างเป็นการให้ทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทจาก
สถานะปัจจุบัน
15. 4 ค่ายกลยุทธ์ทางธุรกิจ (4 basic school of thought in business
strategy)
กลุ่มที่ 1. การกาหนดตาแหน่งทางยุทธศาสตร์ (Position)
กลุ่มที่ 2. การทาให้สาเร็จ (Execution)
กลุ่มที่ 3. การปรับตัว (Adaptation)
กลุ่มที่ 4. การเน้นความสามารถหลัก (Concentration)
16. 1. คุณค่าของตาแหน่งทางยุทธศาสตร์ (The Value of Position)
ความคิดในการวางแผนกลยุทธ์นี้ เริ่มต้นในช่วงกลางทศวรรษที่
1960 ที่มีการใช้แนวคิดของ Napoleon, Carl von Clausewitz, and
Sun Tzu เป็นแฟชั่นการบริหารธุรกิจที่ไม่อาจต้านทานได้
Kenneth Andrews และ Igor Ansoff กล่าวไว้ว่า กลยุทธ์ เป็นแผน
ครอบคลุมสาหรับการเจริญเติบโต ที่มีเอกสารอย่างเป็นทางการ
และผ่านการรับรองโดยผู้บริหารสูงสุด เพื่อมุ่งเป้าไปที่การสร้าง
ตาแหน่งในตลาดที่ไม่มีใครสู้ได้
29. กลยุทธ์มหาสมุทรสีฟ้า (Blue Ocean Strategy)
ค่ายกาหนดตาแหน่ง ทาให้เกิดการฟื้ นตัวการแข่งขันขององค์กร
ในช่วงทศวรรษ 1980 และ '90s อีกครั้ง
โดย W. Chan Kim และ Mauborgne Renée เสนอตาแหน่งใหม่คือ
Blue Ocean Strategy: How to Create Uncontested Market Space
and Make the Competition Irrelevant (Harvard Business School
Press, 2005) ที่พวกเขาแนะนาให้บริษัทขนาดใหญ่ ควรมองหา
ตาแหน่งใหม่ในสถานที่ที่ยังไม่มีคู่แข่ง ซึ่งเป็นการมองออกจาก
วิธีการทั่วไปของอุตสาหกรรม
35. 4. การเน้นที่ความสามารถหลัก (Concentration at the Core)
กลุ่มที่สี่ของกลยุทธ์คือ ค่ายสมรรถนะหลัก
ผู้นาได้แก่ Gary Hamel และ C.K. Prahalad ผู้ประพันธ์ Competing for
the Future (Harvard Business School Press, 1994) ที่กล่าวว่า บริษัท
ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ความสาเร็จของพวกเขา อยู่ที่การเลือก
สมรรถนะหลัก (core competencies)
การมีทักษะและความสามารถทางเทคโนโลยี (เช่น รูปแบบใหม่ของ
ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ระบบ เทคโนโลยีชีวภาพ และวิศวกรรมการเงิน)
ทาให้บริษัทมีการแข่งขันในรูปแบบที่โดดเด่น
บริษัทมุ่งเน้นไปที่ความสามารถเหล่านี้ เพื่อใช้เป็น "เจตนาเชิงกล
ยุทธ์" (strategic intent) ในการพัฒนาระยะยาว ทาให้มีสิทธิที่จะชนะ
36. 4. การเน้นที่ความสามารถหลัก (ต่อ)
Chris Zook ของ Bain & Company เล่าประสบการณ์ของบริษัท
ของเขาที่มีกับภาคเอกชน ซึ่งได้รับการยกยกย่องว่า เป็นเรื่องที่
โดดเด่นที่สุดของค่ายนี้
ในหนังสือเรื่อง Profit from the Core: A Return to Growth in
Turbulent Times (2001, with James Allen; Harvard Business
Press, 2010) เขาระบุว่า สิทธิที่จะชนะ มีแนวโน้มที่จะเกิด
ขึ้นกับบริษัทที่ยึดโยงกับธุรกิจหลัก และหาวิธีการใหม่ ๆ ที่จะใช้
ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น ในการเจริญเติบโตและการสร้างคุณค่า