Mais conteúdo relacionado
Semelhante a 5cs3gik5rf0t0l42j9hbvpth02 (20)
5cs3gik5rf0t0l42j9hbvpth02
- 2. ามหมายของจิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยา ตรงกับภาษาอังกฤษว่า
Psychology มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำา
คือ Phyche แปลว่า วิญญาณ กับ Logos แปลว่า
การศึกษา
ตามรูปศัพท์ จิตวิทยาจึงแปลว่า วิชาที่ศกษาเกี่ยว
ึ
กับวิญญาณ แต่ในปัจจุบัน จิตวิทยาได้มีการ
พัฒนาเปลียนแปลงไป ความหมายของจิตวิทยา
่
ได้มีการพัฒนาเปลียนแปลงตามไปด้วย นั่นคือ
่
จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของ
มนุษย์และสัตว์
- 3. การเรีการเรียนรู้
ยนรู้ เป็นกระบวนการที่มีความสำาคัญและ
จำาเป็นในการดำารงชีวิต สิ่งมีชวิตไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เริ่ม
ี
เรียนรู้ตั้งแต่แรกเกิดจนตาย สำาหรับมนุษย์การเรียนรู้เป็น
สิ่งที่ชวยพัฒนาให้มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ
่
ดังพระราชนิพนธ์บทความของสมเด็จพระเทพรัตน์ราช
สุดา ฯ ที่วา "สิ่งที่ทำาให้คนเราแตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ ก็
่
เพราะว่า คนย่อมมีปัญญา ที่จะนึกคิดและปฏิบัติสิ่งดี
มีประโยชน์และถูกต้องได้ การเรียนรู้ชวยให้มนุษย์รู้จัก
่
วิธีดำาเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ปรับตัวให้เข้ากับสภาพ
แวดล้อมและสภาพการต่างๆ ได้ ความสามารถในการ
เรียนรู้ของมนุษย์จะมีอิทธิพลต่อความสำาเร็จและความพึง
พอใจในชีวตของมนุษย์ดวย
ิ ้
- 4. ความหมายของการ
เรียนรู้
คิมเบิล ( Kimble , 1964 ) "การเรียนรู้
เป็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถาวรในพฤติกรรม
อันเป็นผลมาจากการฝึกที่ได้รับการเสริมแรง“
ฮิลการ์ด และ เบาเวอร์ (Hilgard & Bower,
1981) "การเรียนรู้ เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม อันเป็นผลมาจากประสบการณ์และ
การฝึก ทั้งนี้ไม่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของ
พฤติกรรมที่เกิดจากการตอบสนองตาม
สัญชาตญาณ ฤทธิ์ของยา หรือสารเคมี หรือปฏิ
กริยาสะท้อนตามธรรมชาติของมนุษย์ “
คอนบาค ( Cronbach ) "การเรียนรู้ เป็นการ
แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลง อัน
เป็นผลเนื่องมาจากประสบการณ์ที่แต่ละบุคคล
- 5. ความหมายของการ
เรียนรู้
พจนานุกรมของเวบสเตอร์ (Webster 's Third
New International Dictionary) "การเรียนรู้
คือ กระบวนการเพิ่มพูนและปรุงแต่งระบบความรู้
ทักษะ นิสัย หรือการแสดงออกต่างๆ อันมีผลมา
จากสิ่งกระตุนอินทรีย์โดยผ่านประสบการณ์ การ
้
ปฏิบัติ หรือการฝึกฝน“
ประดินันท์ อุปรมัย (๒๕๔๐, ชุดวิชาพื้นฐานการ
ศึกษา(มนุษย์กับการเรียนรู) : นนทบุร, พิมพ์ครังที่
้ ี ้
๑๕, หน้า ๑๒๑) “ การเรียนรูคอการเปลี่ยนแปลง
้ ื
ของบุคคลอันมีผลเนื่องมาจากการได้รับ
ประสบการณ์ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเหตุ
ทำาให้บุคคลเผชิญสถานการณ์เดิมแตกต่างไป
จากเดิม “ ประสบการณ์ที่กอให้เกิดการ
่
- 6. ามหมายของจิตวิทยาการเรียนรู้
การเรียนรู้ (Learning) ตามความหมาย
ทางจิตวิทยา หมายถึง การเปลียนแปลงพฤติกรรม
่
ของบุคคลอย่างค่อนข้างถาวร อันเป็นผลมาจาก
การฝึกฝนหรือการมีประสบการณ์ พฤติกรรม
เปลี่ยนแปลงที่ไม่จัดว่าเกิดจากการเรียนรู้ ได้แก่
พฤติกรรมที่เป็นการเปลี่ยนแปลงชัวคราว และการ
่
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เนื่องมาจากวุฒิภาวะ
- 7. จุดมุ่งหมายของการเรียนรู้
พฤติกรรมการเรียนรู้โดย บลูม และคณะ (Bloom
and Others ) ๓ ด้าน ดังนี้
๑. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) คือ ผลของ
การเรียนรู้ที่เป็นความสามารถทางสมอง ครอบคลุม
พฤติกรรมประเภท ความจำา ความเข้าใจ การนำาไปใช้
การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และประเมินผล
๒. ด้านเจตพิสัย (Affective Domain ) คือ ผลของ
การเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึก ครอบคลุม
พฤติกรรมประเภท ความรู้สึก ความสนใจ ทัศนคติ การ
ประเมินค่าและค่านิยม
๓. ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือ ผล
ของการเรียนรูที่เป็นความสามารถด้านการปฏิบัติ
้
ครอบคลุมพฤติกรรมประเภท การเคลือนไหว การกระ
่
- 8. องค์ประกอบสำาคัญ
ของการเรียนรู้
ดอลลาร์ด และ มิลเลอร์ (Dallard and
Miller) เสนอว่าการเรียนรู้ มีองค์
ประกอบสำาคัญ ๔ ประการ คือ
๑. แรงขับ (Drive) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นภายใน
ตัวบุคคล เป็นความพร้อมที่จะเรียนรู้ของบุคคลทั้ง
สมอง ระบบประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ แรงขับและ
ความพร้อมเหล่านี้จะก่อให้เกิดปฏิกิริยา หรือพฤติกรรม
ที่จะชักนำาไปสู่การเรียนรู้ต่อไป
๒. สิ่งเร้า (Stimulus) เป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึนใน
้
สถานการณ์ต่างๆ ซึงเป็นตัวการที่ทำาให้บุคคลมี
่
ปฏิกิริยา หรือพฤติกรรมตอบสนองออกมา ในสภาพ
การเรียนการสอน สิ่งเร้าจะหมายถึงครู กิจกรรมการ
สอน และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ครูนำามาใช้
- 9. องค์ประกอบสำาคัญ
ของการเรียนรู้
๓. การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยา หรือ
พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาเมื่อบุคคลได้รับการกระ
ตุนจากสิ่งเร้า ทั้งส่วนที่สังเกตเห็นได้และส่วนที่ไม่
้
สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น การเคลื่อนไหว ท่าทาง
คำาพูด การคิด การรับรู้ ความสนใจ และความรู้สึก
เป็นต้น
๔. การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้สิ่งที่มี
อิทธิพลต่อบุคคลอันมีผลในการเพิ่มพลังให้เกิดการ
เชื่อมโยง ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองเพิ่มขึ้น การ
เสริมแรงมีทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งมีผลต่อการเรียน
รู้ของบุคคลเป็นอันมาก
- 10. ธรรมชาติของ
การเรียนรู้
การเรียนรู้มลักษณะสำาคัญดังต่อ
ี
ไปนี้
๑. การเรียนรู้เป็นกระบวนการ การเกิดการเรียนรู้
ของบุคคลจะมีกระบวนการของการเรียนรูจากการ ้
ไม่รไปสู่การเรียนรู้ ๕ ขั้นตอน คือ
ู้
๑.๑ มีสิ่งเร้ามากระตุนบุคคล
้
๑.๒ บุคคลสัมผัสสิ่งเร้าด้วยประสาททั้ง ๕
๑.๓ บุคคลแปลความหมายหรือรับรูสิ่งเร้า
้
๑.๔ บุคคลมีปฏิกิรยาตอบสนองอย่างใดอย่าง
ิ
หนึงต่อสิ่งเร้าตามที่รบรู้
่ ั
๑.๕ บุคคลประเมินผลที่เกิดจากการตอบ
สนองต่อสิ่งเร้า
- 11. ธรรมชาติของ
การเรียนรู้
Stimulu Percepti
s Sensati on
สิ่งเร้า on การรับรู้
ประสาท
รับสัมผัส
เกิดการ Respons Concept
เรียนรู้ e
Learning ความคิด
การ ปฏิกิริยา รวบยอด
เปลี่ยนแปล ตอบสนอง
ง
พฤติกรรม
- 12. ธรรมชาติของ
การเรียนรู้เริมเกิดขึนเมือมีสิ่งเร้า (Stimulus)
่ ้ ่
การเรียนบุคคล ระบบประสาทจะตืนตัวเกิดการ
มากระตุ้ นรู้ ่
รับสัมผัส (Sensation) ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕
แล้วส่งกระแสประสาทไปยังสมองเพื่อแปลความ
หมายโดยอาศัยประสบการณ์เดิมเป็นการรับรู้
(Perception)ใหม่ อาจสอดคล้องหรือแตกต่าง
ไปจากประสบการณ์เดิม แล้วสรุปผลของการรับรู้
นั้น เป็นความเข้าใจหรือความคิดรวบยอด
(Concept) และมีปฏิกิรยาตอบสนอง
ิ
(Response) อย่างใดอย่างหนึ่งต่อสิ่งเร้า ตามที่
รับรู้ซึ่งทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
แสดงว่า เกิดการเรียนรู้แล้ว
- 13. ธรรมชาติของ
๒. การเรียนรูไม่ใช่วุฒิภาวะแต่การเรียนรูอาศัย
การเรียนรู้ ้ ้
วุฒิภาวะ
วุฒิภาวะ คือ ระดับความเจริญเติบโตสูงสุด
ของพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม
และสติปัญญาของบุคคลแต่ละวัยที่เป็นไปตาม
ธรรมชาติ แม้ว่าการเรียนรู้จะไม่ใช่วุฒิภาวะแต่
การเรียนรูตองอาศัยวุฒิภาวะด้วย เพราะการที่
้ ้
บุคคลจะมีความสามารถในการรับรูหรือตอบ
้
สนองต่อสิ่งเร้ามากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กบว่า
ั
บุคคลนั้นมีวุฒิภาวะเพียงพอหรือไม่
- 14. ธรรมชาติของ
การเรียนรู้
๓. การเรียนรูเกิดได้ง่าย ถ้าสิ่งที่เรียนเป็นสิ่งทีมี
้ ่
ความหมายต่อผู้เรียน
การเรียนสิ่งที่มความหมายต่อผู้เรียน คือ การ
ี
เรียนในสิ่งที่ผู้เรียนต้องการจะเรียนหรือสนใจจะ
เรียน เหมาะกับวัยและวุฒิภาวะของผู้เรียนและเกิด
ประโยชน์แก่ผู้เรียน การเรียนในสิ่งที่มีความหมาย
ต่อผู้เรียนย่อมทำาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรูได้ดกว่า
้ ี
การเรียนในสิ่งที่ผู้เรียนไม่ตองการหรือไม่สนใจ
้
- 15. ธรรมชาติของ
๔. การเรียนรูแตกต่างกันตามตัวบุคคลและวิธการ
้ ี
ในการเรียน ้
การเรียนรู
ในการเรียนรูสิ่งเดียวกัน บุคคลต่างกันอาจ
้
เรียนรูได้ไม่เท่ากันเพราะบุคคลอาจมีความพร้อม
้
ต่างกัน มีความสามารถในการเรียนต่างกัน มี
อารมณ์และความสนใจที่จะเรียนต่างกันและมีความรู้
เดิมหรือประสบการณ์เดิมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเรียน
ต่างกัน ในการเรียนรู้สิ่งเดียวกัน ถ้าใช้วิธเรียนต่าง
ี
กัน ผลของการเรียนรูอาจมากน้อยต่างกันได้ และ
้
วิธที่ทำาให้เกิดการเรียนรู้ได้มากสำาหรับบุคคลหนึ่ง
ี
อาจไม่ใช่วธีเรียนที่ทำาให้อีกบุคคลหนึ่งเกิดการเรียน
ิ
รูได้มากเท่ากับบุคคลนั้นก็ได้
้
- 16. ลำาดับขันของการเรียนรู้
้
ในกระบวนการเรียนรู้ของคนเรานั้น จะ
ประกอบด้วยลำาดับขันตอน พื้นฐานที่สำาคัญ ๓
้
๑. ขั้นตอนด้วยกัน คือ
ประสบการณ์ (experiences) ในบุคคลปกติทุกคน
จะมีประสาทรับรู้อยู่ดวยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ที่เป็นที่เข้าใจ
้
ก็คือ ประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และ
ผิวหนัง ประสาทรับรู้เหล่านี้จะเป็นเสมือนช่องประตูที่จะ
ให้บุคคลได้รับรู้และตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ถ้าไม่มี
ประสาทรับรู้เหล่านี้แล้ว บุคคลจะไม่มีโอกาสรับรู้หรือมี
ประสบการณ์ใด ๆ เลย ซึงก็เท่ากับเขาไม่สามารถเรียนรู้
่
สิ่งใด ๆ ได้ดวยประสบการณ์ตาง ๆ ที่บุคคลได้รับนั้นย่อม
้ ่
จะแตกต่างกัน บางชนิดก็เป็นประสบการณ์ตรง บางชนิด
เป็นประสบการณ์แทน บางชนิดเป็นประสบการณ์รูปธรรม
- 17. ลำาดับขันของการเรียนรู้
้
๒. ความเข้าใจ (understanding) หลังจากบุคคลได้
รับประสบการณ์แล้ว ขั้นต่อไปก็คอ ตีความหมายหรือ
ื
สร้างมโนมติ (concept) ในประสบการณ์นั้น
กระบวนการนี้เกิดขึ้นในสมองหรือจิตของบุคคล เพราะ
สมองจะเกิดสัญญาณ (percept) และมีความทรงจำา
(retain) ขึ้น ซึงเราเรียกกระบวนการนี้ว่า "ความ
่
เข้าใจ"
ในการเรียนรู้นั้น บุคคลจะเข้าใจ
ประสบการณ์ที่เขาประสบได้กต่อเมื่อเขาสามารถจัด
็
ระเบียบ (organize) วิเคราะห์ (analyze) และ
สังเคราะห์ (synthesis) ประสบการณ์ตาง ๆ จนกระทั่ง
่
- 18. ลำาดับขันของการเรียนรู้
้
๓. ความนึกคิด (thinking) ความนึกคิดถือว่าเป็นขั้น
สุดท้ายของการเรียนรู้ ซึงเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นใน
่
สมอง Crow (1948) ได้กล่าวว่า ความนึกคิดที่มี
ประสิทธิภาพนั้น ต้องเป็นความนึกคิดที่สามารถจัด
ระเบียบ (organize) ประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์
ใหม่ที่ได้รับให้เข้ากันได้ สามารถที่จะค้นหาความ
สัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ทั้งเก่าและใหม่ ซึงเป็น
่
หัวใจสำาคัญที่จะทำาให้เกิดบูรณาการการเรียนรู้อย่าง
แท้จริง
- 19. การถ่ายโยงการเรียนรู้
การถ่ายโยงการเรียนรูเกิดขึนได้ ๒
้ ้
ลักษณะ คือ การถ่ายโยงการเรียนรูทาง ้
บวก (Positive Transfer) และการถ่าย
โยงการเรียนรู้ทางลบ (Negative
Transfer)
การถ่ายโยงการเรียนรูทางบวก้
(Positive Transfer) คือ การถ่ายโยงการ
เรียนรูชนิดที่ผลของการเรียนรูงานหนึง
้ ้ ่
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อกงานหนึ่ง
ี
ได้เร็วขึน ง่ายขึ้น หรือดีขึ้น
้
- 20. การถ่ายโยงการเรียนรู้
การถ่ายโยงการเรียนรูทางบวก มักเกิดจาก
้
๑. เมื่องานหนึง มีความคล้ายคลึงกับอีกงานหนึง
่ ่
และผู้เรียนเกิดการเรียนรูงานแรกอย่างแจ่มแจ้ง
้
แล้ว
๒. เมือผู้เรียนมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างงานหนึง
่ ่
กับอีกงานหนึ่ง
๓. เมือผู้เรียนมีความตังใจที่จะนำาผลการเรียนรู้จาก
่ ้
งานหนึงไปใช้ให้เป็นประโยชน์กบการเรียนรูอีก
่ ั ้
งานหนึง และสามารถจำาวิธีเรียนหรือผลของการ
่
เรียนรูงานแรกได้อย่างแม่นยำา
้
๔. เมือผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความคิดริเริมสร้างสรรค์
่ ่
- 21. การถ่ายโยงการเรียนรู้
การถ่ายโยงการเรียนรูทางลบ
้
คือการถ่ายโยงการเรียนรูชนิดที่ผล
(Negative Transfer) ้
การเรียนรูงานหนึ่งไปขัดขวางทำาให้ผู้เรียน
้
เกิดการเรียนรู้อกงานหนึงได้ช้าลง หรือ
ี ่
ยากขึ้นและไม่ได้ดเท่าที่ควร การถ่ายโยง
ี
การเรียนรูทางลบ อาจเกิดขึ้นได้ ๒ แบบ คือ
้
๑. แบบตามรบกวน (Proactive Inhibition) ผล
ของการเรียนรูงานแรกไปขัดขวางการเรียนรู้
้
งานที่ ๒
๒. แบบย้อนรบกวน (Retroactive Inhibition)
ผลการเรียนรูงานที่ ๒ ทำาให้การเรียนรู้งานแรก
้
น้อยลง
- 22. การเกิดการเรียนรู้
ทางลบมักเกิดจาก
- เมืองาน ๒ อย่างคล้ายกันมาก แต่ผู้เรียนยังไม่
่
เกิดการเรียนรู้งานใดงานหนึงอย่างแท้จริงก่อนที่
่
จะเรียนอีกงานหนึง ทำาให้การเรียนงาน ๒ อย่าง
่
ในเวลาใกล้เคียงกันเกิดความสับสน
- เมือผู้เรียนต้องเรียนรูงานหลายๆ อย่างในเวลา
่ ้
ติดต่อกัน ผลของการเรียนรูงานหนึ่งอาจไปทำาให้
้
ผู้เรียนเกิดความสับสนในการเรียนรู้อกงานหนึ่งได้
ี
- 23. พฤติกรรมการเรียนรู้
พฤติกรรมของบุคคลที่เกิดจากการเรียนรู้จะต้องมี
ลักษณะสำาคัญ นแปลงพฤติกรรมทีค่อนข้างคงทน
มีการเปลี่ย ดังนี้ ่
ถาวร
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นจะต้องเป็นผลมา
จากประสบการณ์ หรือการฝึก การปฏิบตซำ้าๆ
ั ิ
เท่านัน
้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมดังกล่าวจะมีการ
เพิ่มพูนในด้านความรู้ ความเข้าใจ ความรูสึกและ
้
ความสามารถทางทักษะทั้งปริมาณและคุณภาพ
- 24. การนำาความรู้
ไปใช้
๑. ก่อนที่จะให้ผู้เรียนเกิดความรูใหม่
้
ต้องแน่ใจว่า ผู้เรียนมีความรูพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
้
กับความรูใหม่มาแล้ว
้
๒. พยายามสอนหรือบอกให้ผู้เรียนเข้าใจ
ถึงจุดมุงหมายของการเรียนที่กอให้เกิด
่ ่
ประโยชน์แก่ตนเอง
๓. ไม่ลงโทษผู้ที่เรียนเร็วหรือช้ากว่าคนอื่นๆ
และไม่มงหวังว่าผู้เรียนทุกคนจะต้องเกิดการ
ุ่
เรียนรูที่เท่ากันในเวลาเท่ากัน
้
๔. ถ้าสอนบทเรียนที่คล้ายกัน ต้องแน่ใจว่า
ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนแรกได้ดแล้วจึงจะสอนบท
ี
เรียนต่อไป