Mais conteúdo relacionado
Semelhante a การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง (20)
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
- 1. การปรับตวของพชเพอรับแสง
ั ื ื่
จุดประสงค์ เพือให้ นักเรียนสามารถ
่
สื บค้ นข้ อมูล สํ ารวจ วิเคราะห์ อภิปรายและสรุ ป
เกียวกับการปรับตัวของพืชเพือรับแสงมาใช้ ใน
่ ่
กระบวนการสั งเคราะห์ ด้วยแสง
- 2. การปรับโครงสร้างของใบเพอรับแสง
ื่
พืชจําเป็ นต้ องปรับโครงสร้ างของใบให้ เอื ้ออํานวยในการรับ
แสงให้ ได้ มาก ใบพืชที่อยูในบริ เวณป่ าเขตร้ อนจะมีชนเอพเิ ดอร์มิส
่ ั้
ท่ีอยด้านนอกสุดทําหน้ าที่คล้ ายเลนส์รวมแสง ทําให้ แสงส่องไปถง
ู่ ึ
คลอโรพลาสต์และมีความเข้ มของแสงสูงกว่าแสงภายนอกใบ แสง
ส่วนหนึงจะถูกดูดซับโดยสารสีในคลอโรพลาสต์ของเซลล์แพลเิ ซด
่
(palisade cell)
- 3. การปรับโครงสร้างของใบเพอรับแสง
ื่
และแสงส่วนที่เหลือจะสามารถผ่านลงไปถึงชันเซลล์ด้านล่าง ได้
้
โดยผ่านช่องระหว่างคลอโรพลาสต์และช่องระหว่างเซลล์สวนชัน ่ ้
สปั นจีมีโซฟิ ลล์ (spongy cell) ที่อยูด้านล่างมีรูปร่าง
่
หลากหลายและมีช่องว่างระหว่างเซลล์มาก รอยต่อระหว่าง
อากาศและนํ ้าที่เคลือบผนังเซลล์ช่วยสะท้ อนแสงไปได้ หลาย
ทิศทาง และเพิ่มโอกาสที่แสงจะถูกดูดซับโดยสารสีในเซลล์มากขึ ้น
- 6. เอพิเดอมิสบริ เวณผิวใบ
- ทําหน้ าที่รวมแสงให้ สองถึงคลอโร-พลาสต์
่
- แสงสีช่วงความยาวคลื่นสีเขียวจะถูกสะท้ อนโดย
คลอโรฟิ ลล์ทําให้ เราสามารถเห็นใบไม้ เป็ นสีเขียว
- เอพิเดอมิสบางบริเวณจะเปลี่ยนเป็ นปากใบเพื่อรักษา
สมดุลนํ ้าในลําต้ น เช่น ผิวใบของผักตบชวา
- พืชในเขตแห้ งแล้ งจะมีคิวทิเคิลหนา มีปากใบน้ อย ใบ
มีขนาดเล็ก
- 7. พืชที่ขึ ้นในที่แห้ งแล้ ง ความเข้ มของแสงสูง อุณหภูมิสง ชัน
ู ้
เอพเดอร์มิส มีการปรับโครงสร้ างพิเศษเพิ่มความหนาของชันคิวทิ
ิ ้
เคิล (ประกอบด้ วยไข) เพื่อช่วยในการสะท้ อนแสง ลดการดูดซับ
แสงของใบ ช่วยลดอุณหภูมิและมีขนปกคลุมปากใบเพื่อลด
การคายนํ ้า
ใบพืชที่อยูในที่กลางแจ้ ง มีการปรับตัวโดยลักษณะผิวใบ
่
อาจมีความหนา มัน เพื่อปองกันการสูญเสียนํ ้า และการจัดเรี ยง
้
ตัวของใบอาจมีทิศทางที่หลีกเลี่ยงการได้ รับแสงที่มีความเข้ ม
แสงสูงโดยตรง มีการปรับโครงสร้ างโดยพื ้นที่ของใบ และ
ปริ มาณคลอโรฟิ ลล์ตํ่า ชันแพลิเซดเป็ นรูปแท่ง 2 ชัน
้ ้
- 8. ส่วนพืชที่ขึ ้นอยูในที่ร่มจะมีชนคิวทิเคิล(บางกว่าพืชที่ได้ รับ
่ ั้
แสงมากผิวบาง ไม่มน) ดังนันแสงที่สองลงมาที่ใบพืชจึงส่องผ่าน
ั ้ ่
มาที่ชนคิวทิเคิลไปที่ชนเอพิเดอร์มิสได้ งายกว่า จึงสามารถเพิ่ม
ั้ ั้ ่
ความเข้ มของแสงที่สองไปยังคลอโรพลาสต์ นอกจากนี ้การ
่
จัดเรี ยงตัวของใบอาจมีทิศทางที่กางใบออกเพื่อให้ ได้ รับแสงเต็มที่
และมีการปรับโครงสร้ างโดยพื ้นที่ของใบและปริ มาณคลอโรฟิ ลล์
ชันแพลิเซด เป็ นรูปแท่งเพียงชันเดียว อีกชันมีรูปร่างไม่แน่นอน
้ ้ ้
- 9. การปรับทิศทางของใบเพือรับแสง
่
การปรับทิศทางของใบเพื่อลดการรับแสงที่มากเกินไป เช่น
กรณีของถัว พบว่ามีการปรับตําแหน่งของแผ่นใบลดตํ่าลง และ
่
มีการเรี ยงตัวใบของถัวแบบเวียน เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสง
่
โดยตรง
ส่วนต้ นฝายมีการปรับทิศทางของใบที่รับแสงมากเกินไป
้
โดยการหันแผ่นใบในทิศทางต่างๆ ที่หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงได้
หลายทิศทาง เนื่องจากฝายจะมีก้านใบ ที่ติดกับแผ่นใบ
้
ค่อนข้ างยาว จึงสามารถหันแผ่นใบได้ หลายทิศทาง
- 11. ต้ นหูกวาง มีก่ งก้ านสาขา
ิ
มาก มีการจดเรียงก่ งรอบ
ั ิ
ลาต้น เพ่ อให้ใบแต่ละใบ
ํ ื
รับแสงได้ เต็มที่
- 12. ใบพืชมีการจัดเรี ยงตัวของใบแบบต่างๆ ได้ แก่
แบบสลับ(alternate)
– แบบเวียน(spiral) = จําปี จําปา หางนกยูง
- แบบสลับระนาบเดียว(distichous) = กล้วยพด ั
กล้ วยไม้
แบบตรงข้ าม(opposite)= เขม ยอ็
แบบวงรอบ(whorl) = บานบุรี
การเรียงตัวของใบแบบต่ างๆ ทําให้ พชสามารถรั บแสงได้
ื
ทั่วถึงทุกใบ