SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 66
Baixar para ler offline
การพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า




                          นายสมัคร ทับทิมนาค




โครงการนีเป็ นส่ วนหนึงของวิชา การพัฒนาเว็บเพจชันสู ง รหัสวิชา 3204 – 2204
                    หลักสู ตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชันสู ง
                           แผนกคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ
                   วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ปี การศึกษา 2555
ชือผูจดทํา
      ้ั              :นายสมัคร ทับทิมนาค
ชือเรื อง             :การพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า
แผนกวิชา              :คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ
สาขางาน               :การพัฒนาเว็บเพจ
ทีปรึ กษา             :นางพีรญา ดุนขุนทด
ปี การศึกษา           :2555

                                         บทคัดย่ อ

********โครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์ เดินป่ านีมีจุดมุ่งหมายเพือการทําธุ รกิ จ
ขายสิ นค้าในรู ปแบบกรขายสิ นค้า ออนไลน์ โดยได้ท าการสร้ า งเว็บ ไซต์เกี ยวกับ การขายสิ นค้า
                                                     ํ
ออนไลน์ทีสามารถสังซื อสิ นค้าจากทางร้ านค้าโดยสังซื อผ่านทางเว็บ ไซต์ซึ งจะเชื อมโยงไปยัง
ฐานข้อมูลของเว็บไซต์ ในการใช้งานนันผูเ้ ข้าใช้บริ การสามารถเข้าตรวจดูสินค้าภายในร้านค้าว่ามี
สิ นค้าชนิดในบ้าง ราคาเท่าไร และมีลกษณะการใช้งานเป็ นอย่างไรซึ งสิ นค้าในรายการของเว็บไซต์
                                   ั
นันจะทําการเพิมเข้าไปโดยผูดูแลระบบ เพือให้สินค้ามีการปรับปรุ งให้เป็ นปั จจุบน
                            ้                                                ั




                                             ก
สารบัญ
                                                           หน้า
บทคัดย่อ                                                     ก
สารบัญตาราง                                                  ข
สารบัญภาพ                                                    ค
บทที 1บทนํา                                                  1
****1.1**ความเป็ นมาและความสําคัญของปั ญหา                   1
****1.2**วัตถุประสงค์                                        2
****1.3**ขอบเขต                                              2
****1.4**สถานทีดําเนินการ                                    2
****1.5**ระยะเวลาดําเนิ นการ                                 3
****1.6**ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ                            3
บทที 2 เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้อง
                          ั                                  4
*****2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต             4
*****2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ                              5
*****2.3**วงจรการพัฒนาระบบ                                   5
*****2.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล     8
*****2.5**ความหมายของเว็บไซต์                               10
บทที 3 วิธีการดําเนิ นงาน                                   11
*****3.1**การศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ                      11
*****3.2**ออกแบบฐานข้อมูล                                   11
*****3.3**กําหนดโครงร่ าง                                   13
*****3.4**การกําหนดการเชือมโยงระหว่างเพจ                    14
*****3.5**ออกแบบเว็บเพจ                                     15
บทที 4 ผลการดําเนิ นงาน                                     19
*****4.1**หน้าแรก                                           19
*****4.2**หน้าหลัก                                          20
สารบัญ(ต่ อ)
                                                หน้า
*****4.3**หน้ารายละเอียดสิ นค้า                  21
*****4.4**หน้าสมุดเยียมชม                        22
*****4.5**หน้าติดต่อ                             23
*****4.6**หน้าผูดูแลระบบ
                ้                                24
*****4.7**หน้าเพิมรายการสิ นค้า                  24
*****4.8**หน้าแก้ไข-ลบรายการสิ นค้า              25
*****4.9**หน้าการออกจากระบบ                      25
*****4.10**หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า            26
บทที 5 สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ                      27
*****5.1**สรุ ปผลจากการทดสอบเว็บไซต์             27
*****5.2**ปั ญหาและอุปสรรค์ในการทดลอง            27
*****5.3**การแก้ไขปั ญหา                         27
เอกสารอ้างอิง                                    28
ภาคผนวก                                          29
ประวัติผจดทํา
        ู้ ั                                     60



****
สารบัญตาราง
ตารางที                                           หน้า
********ตารางที 3-1 ฐานข้อมูล counterdb            12
********ตารางที 3-2 ฐานข้อมูล product              12
********ตารางที 3-3 ฐานข้อมูล guest                12




                                          ข
สารบัญภาพ
ภาพที                                              หน้ า
*****ภาพที 3-1 ภาพโครงร่ างเว็บไซต์                  13
*****ภาพที 3-2ภาพการกําหนดการเชื อมโยงระหว่างเพจ     14
*****ภาพที 3-3 การออกแบบหน้า index                   15
*****ภาพที 3-4 การออกแบบหน้า home                    16
*****ภาพที 3-5 การออกแบบหน้า product                 16
*****ภาพที 3-6 การออกแบบหน้า guest                   17
*****ภาพที 3-7 การออกแบบหน้า contact                 17
*****ภาพที 3-8 การออกแบบหน้า admin                   18
*****ภาพที 3-9 การออกแบบหน้า product edit            18
*****ภาพที 4-1 หน้าแรก                               19
*****ภาพที 4-2 หน้าหลัก                              20
*****ภาพที 4-3 หน้ารายละเอียดสิ นค้า                 21
*****ภาพที 4-4 หน้าสมุดเยียมชม                       22
*****ภาพที 4-5 หน้าติดต่อ                            23
*****ภาพที 4-6 หน้าผูดูแลระบบ
                     ้                               24
*****ภาพที 4-7 หน้าเพิมรายการสิ นค้า                 24
*****ภาพที 4-8 หน้าแก้ไข – ลบรายการสิ นค้า           25
*****ภาพที 4-9 หน้าการออกจากระบบ                     25
*****ภาพที 4-10 หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า           26




                                        ค
บทที 1
                                               บทนํา

1.1**ความเป็ นมาและความสํ าคัญของปัญหา
          ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ **และเทคโนโลยีทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ งอํานวย
                                                                       ํ
ความสะดวกสบายต่อการดําชี วิตเป็ นอันมากเทคโนโลยีได้เข้ามาเสริ มปั จจัยพืนฐานการดํารงชี วิต
ได้เป็ นอย่างดี**เทคโนโลยีทาให้การสร้างทีพักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสิ นค้า**และ
                               ํ
ให้บริ การต่างๆเพือตอบสนองความต้องการของมนุ ษย์มากขึน เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิ ต     ํ
สามารถผลิ ต สิ น ค้า ได้เ ป็ นจํา นวนมากมี ร าคาถู ก ลงสิ น ค้า ได้คุ ณ ภาพเทคโนโลยี ท ํา ให้ มี ก าร
ติดต่อสื อสารกันได้สะดวกการเดินทางเชื อมโยงถึงกันทําให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟั งข่าวสาร
กันได้ตลอดเวลา
          ดังนันผูประกอบการ นักลงทุ น จึ งได้เล็งเห็ นความสําคัญของอินเตอร์ เน็ตจึงได้มีการนํา
                   ้
เทคโนโลยี ส ารสนเทศมาใช้ เ พื อประโยชน์ ใ นด้า นต่ า ง**ๆ**ไม่ ว่ า จะเป็ น**ภาคธุ ร กิ จ ***
เทคโนโลยีสารสนเทศช่ วยเพิมผลผลิ ต**ลดต้นทุน**เพิมประสิ ทธิ ภาพในการทํางานประชาชน
ส่ วนใหญ่ก็ให้ความสําคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศอินเตอร์ เน็ตเป็ นอย่างมากในปั จจุบน เนื องจาก    ั
มี ก ารใช้ง านที สะดวกสบาย เข้า ถึ ง ได้ง่ า ย และมี ก ัน อยู่เ กื อ บทุ ก บ้า น****ส่ ว นด้า นการศึ ก ษา
กระทรวงศึกษาธิ การได้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถาบันการศึกษาเพือให้นกศึกษาสามารถ        ั
ค้นคว้าหาความรู ้ได้ทดเทียมกัน
                         ั
          ในการสร้ า งระบบการขายสิ นค้ า หรื อบริ การบนอิ น เตอร์ เ น็ ต นั นจะต้ อ งอยู่ ภ ายใต้
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําผิดเกี ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึงจะต้องไม่มีการละเมิดกฎใดๆทังสิ น
เพื อเป็ นที ยอมรั บ ในการให้ บ ริ ก ารและความปลอดภัย ในการใช้บ ริ ก ารของลู ก ค้า เองด้ว ยใน
พระราชบัญญัตินี “ระบบคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า อุปกรณ์หรื อชุ ดอุปกรณ์ ของคอมพิวเตอร์ ที
เชื อมการทํา งานเข้า ด้วยกัน โดยได้มี ก ารกํา หนดคํา สังชุ ดคํา สัง หรื อ สิ งอื นใด**และแนวทาง
ปฏิ บั ติ ง านใ ห้ อุ ป ก รณ์ หรื อ**ชุ ดอุ ปก รณ์ ทํ า หน้ า ที ประ มวล ผลข้ อ มู ล โดย อั ต โนมั ติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่าข้อมูล ข้อความ คําสัง ชุ ดคําสัง หรื อสิ งอื นใดบรรดาทีอยู่ใน
ระบบคอมพิ วเตอร์ ในสภาพที ระบบคอมพิวเตอร์ อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึ ง
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุ รกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดวย            ้
2

********ระบบการขายอุปกรณ์อุปกรณ์เดินป่ า เป็ นระบบทีสร้างขึนมาเพือจําหน่ายอุปกรณ์เดินป่ า
                                         ่     ่
เพือให้ลูกค้าสามารถสังซื อสิ นค้าได้ไม่วาจะอยูทีใดของประเทศซึ งเป็ นวิธีทีสะดวกสบายในการ
                                      ่
เลือกซื อซื อเพียงแค่มีการใส่ ชือทีอยูลงไปแล้วมีการโอนเงินเข้ามาในบัญชี ของทางร้านและทางร้าน
                                                                     ่
จะทําการยืนยันการโอนเงินเข้าบัญชีและทําการส่ งสิ นค้าไปให้ตามทีอยูในการสมัครสมาชิก และ
ระบบมีการเก็บข้อมูลสิ นค้าภายในร้านว่ามีสินค้าตัวใดเหลืออยูบาง่ ้
********ดังนันการทําระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ า จึงมีความสําคัญและส่ งผลต่อ ประสิ ทธิ ภาพ
ของการทําธุ รกิจ เนื องจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาแล้วยังช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง
ข้อมูลของสิ นค้าได้อย่างสะดวกสบายทุกที

1.2**วัตถุประสงค์
********1.2.1**เพือศึกษาถึงวิธีการสร้างระบบการขายสิ นค้าบนอินเตอร์ เน็ต
********1.2.2**เพือลดต้นทุนในการเปิ ดร้านขายหรื อเป็ นตัวแทนขาย
********1.2.3**เพือนําไปสู่ การสร้างอาชีพและรายได้ในอนาคต
********1.2.4**เพือนําระบบทีสร้างไปใช้งานได้จริ ง

1.3**ขอบเขต
********ระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ ามีฐานข้อมูลไว้สาหรับเก็บข้อมูลอุปกรณ์เดินป่ า รวมทัง
                                                      ํ
ข้อมูลของลูกค้าทีสมัครเป็ นสมาชิกเป็ น รหัสสมาชิก ซึ งจะสามารถสังสิ นค้าภายในระบบได้และมี
การเก็บข้อมูลอุปกรณ์ชนิ ดต่าง ๆ ทีมีการวางจําหน่าย จํานวนทีวางจําหน่าย ราคาของอุปกรณ์ต่างๆ
และระบบสังซื อสิ นค้าที สามารถระบุทีอยู่ ปลายทางทีจําทําการส่ งสิ นค้าไปให้
********1.3.1**เครื องมือทีใช้
                1.3.1.1**เครื องคอมพิวเตอร์ intel R Pentium R 4 CPU 3.20 GHz, 0.99 GB of
                         RAM
*************1.3.1.2**ระบบปฏิบติการ Microsoft Windows XP Professional ขึนไป
                                    ั
*************1.3.1.3**Dreamwaver CS3
*************1.3.1.4**EditPlus 3
*************1.3.1.5**Microsoft Office
*************1.3.1.6**AppServ
*************1.3.1.7**Photoshop CS3

1.4**สถานทีดําเนินการ
********วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี 44/3 จันทคามวิถี ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000
3


1.5**ระยะเวลาดําเนินการ
********ตังแต่เดือน พฤษภาคม-กันยายน 2555

1.6**ประโยชน์ ทคาดว่ าจะได้ รับ
               ี
********1.6.1**ได้รับความรู ้ใหม่ๆในการสร้างระบบการขายสิ นค้าทางอินเตอร์ เน็ต
********1.6.2**ระบบทีสร้างสามารถลดต้นทุนการขายได้
********1.6.3**สามารนําความรู ้ทีได้ไปใช้ประกอบอาชี พหรื อสร้างรายได้
********1.6.4**ระบบการขายสิ นค้าบนอินเตอร์ เน็ตสามารถนําไปใช้งานได้จริ ง
บทที 2
                             เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้ อง
                                            ั

********การสร้างระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ าผ่านทางอินเตอร์ เน็ตผูศึกษาได้ทาการศึกษาค้นคว้า
                                                               ้        ํ
เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้องโดยนําเสนอตามลําดับหัวข้อดังนี
                ั
********2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต
********2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ
********2.3**วงจรการพัฒนาระบบ
********2.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล
********2.5**ความหมายของเว็บไซต์

2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต
********อินเทอร์ เน็ต ( Internet ) คือ เครื อข่ายของคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ทีเชื อมโยงเครื อข่าย
คอมพิวเตอร์ ทวโลกเข้าด้วยกัน***โดยอาศัยเครื อข่ายโทรคมนาคมเป็ นตัวเชื อมเครื อข่าย***ภายใต้
                ั
มาตรฐานการเชื อมโยงด้วยโปรโตคอลเดี ยวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol /
Internet Protocol) เพือให้คอมพิวเตอร์ ทุกเครื องในอินเทอร์ เน็ตสามารถสื อสารระหว่างกันได้ นับว่า
เป็ นเครื อข่ายทีกว้างขวางทีสุ ดในปั จจุบน เนื องจากมีผูนิยมใช้ โปรโตคอลอินเทอร์ เน็ตจากทัวโลก
                                         ั              ้
มากทีสุ ดอินเทอร์ เน็ตจึงมีรูปแบบคล้ายกับเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบ WAN แต่มีโครงสร้างการ
ทํางานทีแตกต่างกันมากพอสมควร**เนืองจากระบบ***WAN เป็ นเครื อข่ายทีถูกสร้างโดยองค์กรๆ
เดียวหรื อกลุ่มองค์กร เพือวัตถุประสงค์ดานใดด้านหนึ ง และมีผดูแลระบบทีรับผิดชอบแน่นอน แต่
                                           ้                    ู้
อินเทอร์ เน็ตจะเป็ นการเชื อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ นบล้านๆ**เครื องแบบไม่ถาวรขึนอยูกบ
                                                            ั                                ่ ั
เวลานันๆ ว่าใครต้องการเข้าสู่ ระบบอิ นเทอร์ เน็ ตบ้าง ใครจะติ ดต่อสื อสารกับใครก็ได้ จึ งทําให้
ระบบอินเทอร์ เน็ตไม่มีผใดรับผิดชอบหรื อดูแลทังระบบ
                         ู้
5

2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ
********ระบบสารสนเทศเพือการจัดการ (Management Information Systems) (MIS) เป็ นระบบ
                                            ั
เกียวกับการจัด หาคน หรื อข้อมูลทีสัมพันธ์กบข้อมูล เพือการดําเนินงานขององค์การ เช่น การใช้
MIS เพือช่วยเหลือกิจกรรมของลูกจ้าง เจ้าของกิจการ ลูกค้า และบุคคลอืนทีเจ้ามาเกียวข้องกับ
องค์การ การประมวลผลของข้อมูลจะช่วยแบ่งภาระการ ทํางานและยังสามารถนํา สารสนเทศมา
ช่วยในการตัดสิ นใจของผูบริ หาร**หรื อ**MIS**เป็ นระบบซึ งรวมความสามารถของผูใช้งาน*และ
                         ้                                                       ้
คอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกัน โดยมีจุดมุ่งหมาย เพือให้ได้มาซึ งสารสนเทศเพือการดําเนินงานการจัดการ
และการตัดสิ นใจในองค์การ หรื อ MIS หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล การ ประมวลผล และการ
สร้างสารสนเทศขึนมาเพือช่วยในการตัดสิ นใจ การประสานงาน และการควบคุม นอกจากนันยัง
ช่วยผูบริ หาร และ พนักงานในการวิเคราะห์ปัญหา แก้ปัญหา และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย MIS
      ้
จะต้องใช้อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์*(Hardware)**และ**โปรแกรม**(Software)**ร่ วมกับผูใช้   ้
(Peopleware) เพือก่อให้เกิดความสําเร็ จในการได้มาซึ งสารสนเทศทีมีประโยชน์

2.3**วงจรการพัฒนาระบบ
********ระบบสารสนเทศทังหลายมีวงจรชีวตทีเหมือนกันตังแต่เกิดจนตายวงจรนีจะทําเป็ น
                                             ิ
ขันตอนทีเป็ นลําดับตังแต่ตนจนเสร็ จเรี ยนร้อย เป็ นระบบทีใช้งานได้ ซึ งนักวิเคราะห์ระบบต้องทํา
                          ้
                    ่
ความเข้าใจให้ดีวาในแต่ละขันตอนจะต้องทําอย่างไร
                                       ่ ้
********ขันตอนการพัฒนาระบบมีอยูดวยกัน 7 ขันด้วยกันคือ
********1.**เข้าใจปั ญหา (Problem Recognition)
********2.** ศึกษาความเป็ นไปได้ (Feasibility Study)
********3.**วิเคราะห์ (Analysis)
********4.**ออกแบบ (Design)
********5.**สร้างหรื อพัฒนาระบบ (Construction)
********6.**การปรับเปลียน (Conversion)
********7.**บํารุ งรักษา (Maintenance)
********2.3.1**เข้าใจปั ญหา**(Problem**Recognition)**ระบบสารสนเทศจะเกิดขึนได้ก็ต่อเมือ
ผูบริ หารหรื อผูใช้ตระหนักว่า ต้องการระบบสารสนเทศหรื อระบบจัดการเดิม ได้แก่ระบบเอกสาร
  ้             ้
ในตูเ้ อกสาร**ไม่มีประสิ ทธิ ภาพเพียงพอทีตอบสนองความต้องการในปั จจุบนปัจจุบนผูบริ หาร
                                                                            ั    ั ้
ตืนตัวกันมากทีจะให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศมาใช้ในหน่วยงานของตน**ในงานธุ รกิจ
อุตสาหกรรม หรื อใช้ในการผลิต ตัวอย่างเช่น บริ ษทของเรา จํากัด ติดต่อซื อสิ นค้าจากผูขายหลาย
                                                   ั                                  ้
บริ ษท ซึ งบริ ษทของเราจะมีระบบ MIS ทีเก็บข้อมูลเกียวกับหนีสิ นทีบริ ษทขอเราติดค้างผูขายอยู่
       ั          ั                                                       ั             ้
แต่ระบบเก็บข้อมูลผูขายได้เพียง 1,000 รายเท่านัน แต่ปัจจุบนผูขายมีระบบเก็บข้อมูลถึง 900 ราย
                      ้                                    ั ้
6

และอนาคตอันใกล้นีจะเกิน 1,000 ราย ดังนันฝ่ ายบริ หารจึงเรี ยกนักวิเคราะห์ระบบเข้ามาศึกษา
แก้ไขระบบงานปั ญหาทีสําคัญของระบบสารสนเทศในปั จจุบน คือ ระบบเขียนมานานแล้ว ส่ วน
                                                                ั
ใหญ่เขียนมาเพือติดตามเรื องการเงิน ไม่ได้มีจุดประสงค์เพือให้ขอมูลข่าวสารในการตัดสิ นใจ แต่
                                                                    ้
ปั จจุบนฝ่ าย บริ หารต้องการดูสถิติการขายเพือใช้ในการคาดคะเนในอนาคต หรื อความต้องการอืนๆ
        ั
เช่น สิ นค้าทีมียอดขายสู ง หรื อสิ นค้าทีลูกค้าต้องการสู ง หรื อการแยกประเภทสิ นค้าต่างๆทีทําได้ไม่
                                       ่
ง่ายนักการทีจะแก้ไขระบบเดิมทีมีอยูแล้วไม่ใช่เรื องทีง่ายนัก หรื อแม้แต่การสร้างระบบใหม่ ดังนัน
ควรจะมีการศึกษาเสี ยก่อนว่า ความต้องการของเราเพียงพอทีเป็ นไปได้หรื อไม่ ได้แก่ "การศึกษา
ความเป็ นไปได้" (Feasibility Study)
********2.3.2** ศึกษาความเป็ นไปได้ (Feasibility Study)จุดประสงค์ของการศึกษาความเป็ นไป
ได้ก็คือ***การกําหนดว่าปั ญหาคืออะไรและตัดสิ นใจว่าการพัฒนาสร้างระบบสารสนเทศ หรื อการ
แก้ไขระบบสารสนเทศเดิมมีความเป็ นไปได้หรื อไม่โดยเสี ยค่าใช้จ่ายและเวลาน้อยทีสุ ด และได้ผล
เป็ นทีน่าพอใจ
                                                                        ่
********ปั ญหาต่อไปคือ**นักวิเคราะห์ระบบจะต้องกําหนดให้ได้วาการแก้ไขปั ญหาดังกล่าวมี
ความเป็ นไปได้ทางเทคนิคและบุคลากร ปั ญหาทางเทคนิคก็จะเกียวข้องกับเรื องคอมพิวเตอร์ และ
เครื องมือเก่าๆถ้ามี รวมทังเครื องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ดวย ตัวอย่างคือ คอมพิวเตอร์ ทีใช้อยูใน
                                                             ้                                  ่
บริ ษทเพียงพอหรื อไม่ คอมพิวเตอร์ อาจจะมีเนือทีของฮาร์ ดดิสก์ไม่เพียงพอ รวมทังซอฟต์แวร์ ว่า
      ั
อาจจะต้องซือใหม่ หรื อพัฒนาขึนใหม่ เป็ นต้น ความเป็ นไปได้ทางด้านบุคลากร คือ บริ ษทมีบุคคล
                                                                                         ั
ทีเหมาะสมทีจะพัฒนาและติดตังระบบเพียงพอหรื อไม่ ถ้าไม่มีจะหาได้หรื อไม่ จากทีใด เป็ นต้น
นอกจากนันควรจะให้ความสนใจว่าผูใช้ระบบมีความคิดเห็นอย่างไรกับการเปลียนแปลง รวมทัง
                                         ้
ความเห็นของผูบริ หารด้วย
                  ้
********2.3.3**การวิเคราะห์ (Analysis) เริ มเข้าสู่ การวิเคราะห์ระบบ การวิเคราะห์ระบบเริ มตังแต่
การศึกษาระบบการทํางานของธุ รกิจนัน***ในกรณี ทีระบบเราศึกษานันเป็ นระบบสารสนเทศอยู่
แล้วจะต้องศึกษาว่าทํางานอย่างไร**เพราะเป็ นการยากทีจะออกแบบระบบใหม่โดยทีไม่ทราบว่า
ระบบเดิมทํางานอย่างไร หรื อธุ รกิจดําเนินการอย่างไร หลังจากนันกําหนดความต้องการของระบบ
ใหม่ ซึ งนักวิเคราะห์ระบบจะต้องใช้เทคนิคในการเก็บข้อมูล (Fact-Gathering Techniques) ดังรู ป
ได้แก่ ศึกษาเอกสารทีมีอยู**ตรวจสอบวิธีการทํางานในปั จจุบน สัมภาษณ์ผใช้และผูจดการทีมีส่วน
                           ่                                      ั         ู้      ้ั
เกียวข้องกับระบบ เอกสารทีมีอยูได้แก่ คู่มือการใช้งาน แผนผังใช้งานขององค์กร รายงานต่างๆที
                                    ่
                                                         ั            ั              ่
หมุนเวียนใน**ระบบการศึกษาวิธีการทํางานในปั จจุบนจะทําให้นกวิเคราะห์ระบบรู ้วาระบบจริ งๆ
ทํางานอย่างไรซึ งบางครังค้นพบข้อผิดพลาดได้ ตัวอย่าง เช่น เมือบริ ษทได้รับใบเรี ยกเก็บเงินจะมี
                                                                          ั
ขันตอนอย่างไรในการจ่ายเงิน ขันตอนทีเสมียนป้ อนใบเรี ยกเก็บเงินอย่างไร เฝ้ าสังเกตการทํางาน
ของผูเ้ กียวข้อง เพือให้เข้าใจและเห็นจริ งๆ ว่าขันตอนการทํางานเป็ นอย่างไร ซึ งจะทําให้
นักวิเคราะห์ระบบค้นพบจุดสําคัญของระบบว่าอยูทีใด     ่
7


********2.3.4**การออกแบบ (Design)ในระยะแรกของการออกแบบ นักวิเคราะห์ระบบจะนําการ
ตัดสิ นใจ ของฝ่ ายบริ หารทีได้จากขันตอนการวิเคราะห์การเลือกซือคอมพิวเตอร์ ฮาร์ ดแวร์ และ
ซอฟต์แวร์ ดวย (ถ้ามีหรื อเป็ นไปได้) หลังจากนันนักวิเคราะห์ระบบจะนําแผนภาพต่างๆ ทีเขียนขึน
             ้
ในขันตอนการวิเคราะห์มาแปลงเป็ นแผนภาพลําดับขัน (แบบต้นไม้) ดังรู ปข้างล่าง เพือให้มองเห็น
                                                       ั
ภาพลักษณ์ทีแน่นอนของโปรแกรมว่ามีความสัมพันธ์กนอย่างไร และโปรแกรมอะไรบ้างทีจะต้อง
เขียนในระบบ**หลังจากนันก็เริ มตัดสิ นใจว่าควรจะจัดโครงสร้างจากโปรแกรมอย่างไร*การเชื อม
ระหว่างโปรแกรมควรจะทําอย่างไร ในขันตอนการวิเคราะห์นกวิเคราะห์ระบบต้องหาว่า"จะต้องทํา
                                                            ั
                                               ่
อะไร(What)"แต่ในขันตอนการออกแบบต้องรู ้วา**"จะต้องทําอย่างไร*(How)"**ในการออกแบบ
โปรแกรมต้องคํานึงถึงความปลอดภัย (Security) ของระบบด้วย เพือป้ องกันการผิดพลาดทีอาจจะ
เกิดขึน เช่น "รหัส" สําหรับผูใช้ทีมีสิทธิสํารองไฟล์ขอมูลทังหมดเป็ นต้นนักวิเคราะห์ระบบจะต้อง
                               ้                     ้
ออกแบบฟอร์ มสําหรับข้อมูลขาเข้า (Input Format) ออกแบบรายงาน (Report Format) และการ
แสดงผลบนจอภาพ (Screen Fromat) หลักการการออกแบบฟอร์ มข้อมูลขาเข้าคือ ง่ายต่อการใช้งาน
และป้ องกันข้อผิดพลาดทีอาจจะเกิดขึน
********2.3.5**การพัฒนาระบบ**(Construction)***ในขันตอนนี โปรแกรมเมอร์ จะเริ มเขียนและ
ทดสอบ โปรแกรมว่า ทํางานถูกต้องหรื อไม่ ต้องมีการทดสอบกับข้อมูลจริ งทีเลือกแล้ว ถ้าทุกอย่าง
เรี ยบร้อย เราจะได้โปรแกรมทีพร้อมทีจะนําไปใช้งานจริ งต่อไป หลังจากนันต้องเตรี ยมคู่มือการใช้
และการฝึ กอบรมผูใช้งานจริ งของระบบระยะแรกในขันตอนนี นักวิเคราะห์ระบบต้องเตรี ยมสถานที
                    ้
สําหรับ***เครื องคอมพิวเตอร์ แล้วจะต้องตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ ทางานเรี ยบร้อยโปรแกรมเมอร์
                                                                  ํ
เขียนโปรแกรมตามข้อมูลทีได้จากเอกสารข้อมูลเฉพาะของการออกแบบ (Design*Specification)**
ปกติแล้วนักวิเคราะห์ระบบไม่มีหน้าทีเกียวข้องในการเขียนโปรแกรม***แต่ถาโปรแกรมเมอร์ คิด
                                                                           ้
ว่าการเขียนอย่างอืนดีกว่าจะต้องปรึ กษานักวิเคราะห์ระบบเสี ยก่อน***เพือทีว่านักวิเคราะห์จะบอก
      ่
ได้วาโปรแกรมทีจะแก้ไขนันมีผลกระทบกับระบบทังหมดหรื อไม่***โปรแกรมเมอร์ เขียนเสร็ จ
แล้วต้องมีการทบทวนกับนักวิเคราะห์ระบบและผูใช้งาน เพือค้นหาข้อผิดพลาด วิธีการนีเรี ยกว่า
                                                 ้
"Structure Walkthrough"**การทดสอบโปรแกรมจะต้องทดสอบกับข้อมูลทีเลือกแล้วชุดหนึง ซึ ง
อาจจะเลือกโดยผูใช้ การทดสอบเป็ นหน้าทีของโปรแกรมเมอร์ แต่นกวิเคราะห์ระบบต้องแน่ใจว่า
                  ้                                                 ั
โปรแกรมทังหมดจะต้องไม่มีขอผิดพลาด้
********2.3.6**การปรับเปลียน(Construction)ขันตอนนี บริ ษทนําระบบใหม่มาใช้แทนของเก่า
                                                              ั
ภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ การป้ อนข้อมูลต้องทําให้เรี ยบร้อย และในทีสุ ดบริ ษทเริ มต้น
                                                                                       ั
ใช้งานระบบใหม่นีได้การนําระบบเข้ามาควรจะทําอย่างค่อยเป็ นค่อยไปทีละน้อย ทีดีทีสุ ดคือ ใช้
ระบบใหม่ควบคู่ไปกับระบบเก่าไปสักระยะหนึง*โดยใช้ขอมูลชุดเดียวกันแล้วเปรี ยบเทียบผลลัพธ์
                                                         ้
ว่าตรงกันหรื อไม่ ถ้าเรี ยบร้อยก็เอาระบบเก่าออกได้ แล้วใช้ระบบใหม่ต่อไป
8


********2.3.7**บํารุ งรักษา**(Maintenance)**การบํารุ งรักษาได้แก่**การแก้ไขโปรแกรม
หลังจากการใช้งานแล้ว สาเหตุทีต้องแก้ไขโปรแกรมหลังจากใช้งานแล้ว สาเหตุทีต้องแก้ไขระบบ
ส่ วนใหญ่มี 2 ข้อ คือ มีปัญหาในโปรแกรม (Bug) และ การดําเนิ นงานในองค์กรหรื อธุ รกิจ
เปลียนไป จากสถิติของระบบทีพัฒนาแล้วทังหมดประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายในการแก้ไข
โปรแกรม เนืองจากมี "Bug" ดังนันนักวิเคราะห์ระบบควรให้ความสําคัญกับการบํารุ งรักษา ซึ งปกติ
จะคิดว่าไม่มีความสําคัญมากนัก**เมือธุ รกิจขยายตัวมากขึน ความต้องการของระบบอาจจะเพิมมาก
ขึน เช่น ต้องการรายงานเพิมขึน ระบบทีดีควรจะแก้ไขเพิมเติมสิ งทีต้องการได้***การบํารุ งรักษา
               ่
ระบบควรจะอยูภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ**เมือผูบริ หารต้องการแก้ไขนักวิเคราะห์
                                                          ้
ระบบต้องเตรี ยมแผนภาพต่าง ๆ และศึกษาผลกระทบต่อระบบ และให้ผบริ หารตัดสิ นใจต่อไปว่า
                                                                     ู้
ควรจะแก้ไขหรื อไม่

2.4**ความรู้ เกียวกับฐานข้ อมูลและการออกแบบฐานข้ อมูล
****2.4.1**ความของข้อมูลและสารสนเทศ
**********ข้อมูล (Data) หมายถึง กลุ่มตัวอักขระทีเมือนํามารวมกันแล้วมีความหมายอย่างใดอย่าง
หนึงและมีความสําคัญควรค่าแก่การจัดเก็บเพือนําไปใช้ในโอกาสต่อ ๆ ไป ข้อมูลมักเป็ นข้อความที
อธิ บายถึงสิ งใดสิ งหนึง อาจเป็ นตัวอักษร ตัวเลข หรื อสัญลักษณ์ใด ๆ ทีสามารถนําไปประมวลผล
ด้วยคอมพิวเตอร์ ได้ (ทักษิณา สวนานนท์ และฐานิศรา เกียรติบารมี, 2546, หน้า 165)
**********สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทีเป็ นประโยชน์ต่อการดําเนินชีวิตของมนุ ษย์ มนุษย์แต่
ละคนตังแต่เกิดมาได้เรี ยนรู ้สิงต่างๆ จํานวนมาก เรี ยนรู ้สภาพสังคมความเป็ นอยู่ กฎเกณฑ์และ
วิชาการ (จรณิ ต แก้วกังวาน :2538, หน้า 124)
****2.4.2**ประเภทของข้อมูล
**********2.4.2.1**ข้อมูลตัวอักษร คือ ข้อมูลทีประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขทีไม่ใช้ในการ
คํานวณ ทังภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศ เช่น ทะเบียนรถยนต์ ชือ นามสกุล
หมายเลขโทรทัศน์ บ้านเลขที เป็ นต้น
**********2.4.2.2**ข้อมูลทีเป็ นตัวเลข คือ ข้อมูลทีประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ในการคํานวณ
ได้ เช่น คะแนน จํานวนเงิน ราคาสิ นค้า เป็ นต้น
**********2.4.2.3**ข้อมูลภาพ คือข้อมูลทีเป็ นภาพอาจเป็ นภาพนิง เช่นภาพถ่าย ภาพวาด
ภาพเคลือนไหว เช่น ภาพจากวิดีทศน์ เป็ นต้น อาจเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรื อแผ่นซี ดี เป็ นต้น
                                    ั
9

****2.4.3**ลักษณะของข้อมูลทีดี
**********ลักษณะของข้อมูลทีดีควรมีดงต่อไปนี
                                         ั
**********2.4.3.1**ข้อมูลทีมีความถูกต้องและเชือถือได้ (accuracy) ข้อมูลจะมีความถูกต้องและ
เชือถือได้มากน้อยเพียงใดนัน ขึนกับวิธีการทีใช้ในการควบคุมข้อมูลนําเข้า และการควบคุมการ
ประมวลผลการควบคุมข้อมูลนําเข้าเป็ นการกระทําเพือให้เกิดความมันใจว่า***ข้อมูลนําเข้ามีความ
ถูกต้องเชือถือได้***เพราะถ้าข้อมูลนําเข้าไม่มีความถูกต้องแล้ว***ถึงแม้จะใช้วธีการวิเคราะห์และ
                                                                               ิ
ประมวลผลข้อมูลทีดีเพียงใด ผลลัพธ์ทีได้ก็จะไม่มีความถูกต้อง หรื อนําไปใช้ไม่ได้ ข้อมูลนําเข้า
                                                                                     ่
จะต้องเป็ นข้อมูลทีผ่านการตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ข้อมูลบางอย่างอาจต้องแปลงให้อยูในรู ปแบบ
ทีเครื องคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง***ซึ งอาจต้องพิมพ์ขอมูลมาตรวจเช็คด้วยมือ
                                                                       ้
                                ่
ก่อน***การประมวลผลถึงแม้วาจะมีการตรวจสอบข้อมูลนําเข้าแล้วก็ตาม**ก็อาจทําให้ได้ขอมูลที   ้
ผิดพลาดได้ เช่น เกิดจากการเขียนโปรแกรมหรื อใช้สูตรคํานวณผิดพลาดได้ ดังนันจึงควรกําหนด
วิธีการควบคุมการประมวลผลซึ งได้แก่***การตรวจเช็คยอดรวมทีได้จากการประมวลผลแต่ละครัง
                                                                           ั
หรื อการตรวจสอบผลลัพธ์ทีได้จากการประมวลผลด้วยเครื องคอมพิวเตอร์ กบข้อมูลสมมติทีมีการ
คํานวณด้วยว่ามีความถูกต้องตรงกันหรื อไม่
**********2.4.3.2**ข้อมูลตรงตามความต้องการของผูใช้ (relevancy) ได้แก่ การเก็บเฉพาะข้อมูล
                                                       ้
ทีผูใช้ตองการเท่านัน ไม่ควร เก็บข้อมูลอืน ๆ ทีไม่จาเป็ นหรื อไม่เกียวข้องกับการใช้งาน เพราะจะ
    ้ ้                                              ํ
ทําให้เสี ยเวลาและเสี ยเนือทีในหน่วยเก็บข้อมูล แต่ทงนีข้อมูลทีเก็บจะต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์
                                                   ั
**********2.4.3.3**ข้อมูลมีความทันสมัย (timeliness) ข้อมูลทีดีนนนอกจากจะเป็ นข้อมูลทีมี
                                                                         ั
ความถูกต้องเชื อถือได้แล้วจะ ต้องเป็ นข้อมูลทีทันสมัย ทังนีเพือให้ผใช้สามารถนําเอาผลลัพธ์ทีได้
                                                                    ู้
ไปใช้ได้ทนเวลา นันคือจะต้องเก็บข้อมูลได้รวดเร็ วเพือทันความต้องการของผูใช้
            ั                                                                ้
********2.4.4**การออกแบบฐานข้อมูล
**********ข้อมูลทีดีควรเป็ นข้อมูลทีมีคุณลักษณะดังต่อไปนี
**********2.4.4.1**การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัย หรื อ การออกแบบฐานข้อมูลจากล่าง
ขึนบน (bottom-up design) เป็ นการออกแบบฐานข้อมูลจากแนวคิดพืนฐานทีว่า ลักษณะงานในแต่
ละหน่วยงานย่อมมี ความสมบูรณ์และความซับซ้อนแตกต่างกัน ฉะนัน รู ปแบบของฐานข้อมูลทีดี
ควรเกิดจากการรวบรวมข้อดีของข้อมูลและ/หรื อโปรแกรมต่าง**ๆ**ทีมีการใช้งานอยูแล้วภายใน่
หน่วยงานต่าง ๆ มาจัดทําเป็ นรู ปแบบฐานข้อมูลขององค์กร เนืองจากข้อมูลและ/หรื อโปรแกรม
ดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการของผูใช้งานในหน่วยงานนัน***ๆ**อยูแล้วดังนัน***
                                               ้                                 ่
การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัยจึงเป็ นการออกแบบฐานข้อมูลด้วยการเก็บรวบรวม***ข้อมูล
                                    ่
และ/หรื อโปรแกรมทีมีการใช้งานอยูแล้วภายในหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์กรมาเชื อมโยงเข้าด้วยกัน
เพือจัดทําเป็ นระบบฐานข้อมูลขององค์กรหากทว่าข้อจํากัดในการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัย
10

                    ่
คือ การนํากรรมวิธียอย ๆ จากการทํางานของหน่วยงานต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกันเป็ นเรื องทีทําได้ไม่
ง่ายนัก และต้องใช้เวลาอย่างมากจึงจะสามารถออกแบบและสร้างระบบฐานข้อมูลทีสมบูรณ์ได้
**********2.4.4.2**การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย หรื อ การออกแบบฐานข้อมูลจากบนลง
ล่าง (top-down design) เป็ นการออกแบบฐานข้อมูลด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลพืนฐาน ขันตอนการ
ทํางานของหน่วยงาน ต่าง ๆ ภายในองค์กร และความต้องการใช้งานฐานข้อมูล จากการ
สังเกตการณ์ สอบถาม และ/หรื อ สัมภาษณ์บุคลากรทีเกียวข้องกับการใช้งานฐานข้อมูล ตลอดจน
                                               ่
รวบรวมข้อมูลจากแบบฟอร์ มต่าง ๆ ทีมีใช้อยูภายในหน่วยงาน เพือนํามาออกแบบโครงสร้าง
ฐานข้อมูลขององค์กรหากทว่าข้อจํากัดในการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย คือ บุคลากรที
เกียวข้องกับการใช้งานฐานข้อมูลควรต้องเข้าใจให้ความสําคัญและความร่ วมมือในการเก็บรวบรวม
ข้อมูล จึงจะทําให้ได้ระบบฐานข้อมูลทีถูกต้องและครอบคลุมระบบงานต่าง ๆ ภายในองค์กร ซึ ง
ข้อดีของการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย คือ เป็ นวิธีการออกแบบทีเหมาะกับการจัดวางระบบ
ฐานข้อมูลในองค์กรทีมีความหลากหลายของหน่วยงาน ตัวอย่างเช่น ในแต่ละหน่วยงานมีการอ้าง
ถึงข้อมูลเดียวกันด้วยชื อทีแตกต่างกัน เป็ นต้น

2.5**ความหมายของเว็บไซต์
********เว็บไซต์ (website, web site, หรื อ Web site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ งเชือมโยง
กันผ่านทางไฮเปอร์ ลิงก์ ส่ วนใหญ่จดทําขึนเพือนําเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ใน
                                   ั
เวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ทีเก็บไว้ทีชือหลักจะเรี ยกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทัวไปจะ
ให้บริ การต่อผูใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จาเป็ นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสี ยค่าบริ การ
               ้                                   ํ
เพือทีจะดูขอมูล ในเว็บไซต์นน ซึ งได้แก่ขอมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรื อข้อมูลสื อ
             ้                ั           ้
ต่างๆ ผูทาเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตังแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สาหรับธุ รกิจ
        ้ ํ                                                                      ํ
                                                            ่
หรื อองค์กรต่างๆ***การเรี ยกดูเว็บไซต์โดยทัวไปนิยมเรี ยกดูผานซอฟต์แวร์ ในลักษณะของเว็บ
เบราว์เซอร์
บทที 3
                                      วิธีการดําเนินงาน

        ในการพัฒ นาเว็บ ไซต์ การขายสิ น ค้า ประเภท อุ ป กรณ์ เ ดิ น ป่ าผู ้ศึ ก ษาได้ด ํา เนิ น การ
ตามลําดับขันตอนดําเนินการต่างๆตามลําดับขันตอน ดังนีต่อไปนี
        3.1 การศึกษา และ รวบรวมข้อมูลต่างๆ
        3.2 ออกแบบฐานข้อมูล
        3.3 กําหนดโครงสร้างของเว็บไซต์
        3.4 กําหนดการเชือมโยงระหว่างเว็บเพจ
        3.5 ออกแบบเว็บแต่ละหน้าภายในเว็บไซต์

3.1**การศึกษา และ รวบรวมข้ อมูลต่ างๆ
********ผูศึกษาได้ออกแบบเว็บเพจ การขายสิ นค้า ประเภท อุปกรณ์ เดิ นป่ า โดยเริ มจากการรวม
           ้
รวมข้อมูลสิ นค้าประเภทต่าง ๆ คุ ณสมบัติของสิ นค้า ราคา ความคงทน วัสดุ ทีใช้ทา ความนิ ยมใน
                                                                              ํ
หมู่นกเดินป่ า และนํามาวางขายในร้านค้า และจัดทําเว็บไซต์แสดงข้อมูลสิ นค้าทีวางขายภายในร้าน
     ั
ผูจดทําได้ทาการศึกษาและรวบข้อมูลสําคัญทีใช้ในการทําเว็บไซต์ ดังต่อไปนี
  ้ั         ํ
******๕3.1.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต
********3.1.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ
********3.1.3**วงจรการพัฒนาระบบ
********3.1.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล
********3.1.5**ความหมายของเว็บไซต์

3.2**ออกแบบฐานข้ อมูล
********ผูศึกษาได้ทาการออกแบบฐานข้อมูลโดย ดังต่อไปนี
          ้        ํ
********3.2.1**ฐานข้อมูล counterdb
********3.2.2**ฐานข้อมูล product
********3.2.3**ฐานข้อมูล guest
12


ตารางที 3-1 ฐานข้อมูล counterdb




********3.2.1**ฐานข้อมูล counterdb เป็ นโปรแกรมทีใช้เก็บสถิติผเู ้ ยียมชม เริ มจากการดึงจํานวน
ผูเ้ ข้ามาภายในเว็บไซต์ ณ ปั จจุบนจากฐานข้อมูล counterdb ซึ งมีตาราง countertbl ไว้สาหรับเก็บ
                                   ั                                                ํ
จํานวนผูเ้ ข้าชม หลังจากนันก็ทาการเพิมจํานวนผูเ้ ข้ามาชมภายในเว็บไซต์ขึน 1 และสุ ดท้ายทําการ
                                 ํ
แก้ไขกลับลงไปยังตาราง countertbl ตามเดิม

ตารางที 3-2 ฐานข้อมูล product




********3.2.3**ฐานข้อมูล product ประกอบไปด้วยการแสดงข้อมูล ประเภทสิ นค้าและ
รายละเอียด ราคาสิ นค้า รู ปภาพสิ นค้า มีหลักการทํางาน คือ ดึงข้อมูลทุกเรคคอร์ ดจากฐานข้อมูล
product ซึ งมีตาราง product_data มาแสดงผลโดยใช้แท็ก Tabla มาจัดข้อมูลให้สวยงาม

ตารางที 3-3 ฐานข้อมูล guest




********3.2.3**ฐานข้อมูล guest เป็ นโปรแกรมทีให้ผเู ้ ข้ามาชมเว็บไซต์สามารถทีจะเข้ามาเขียนคํา
แนะนํา ติชม หรื อเขียนคําทักทาย ทําให้ระบบงานมีจุดดึงดูดแก่ผเู ้ ยียมชม หลักการทํางาน คือ สร้าง
ตารางฐานข้อมูลเพือเก็บรายการในสมุดเยียม
13


3.3 กําหนดโครงร่ าง
********ผูศึกษาได้ทาการกําหนดโครงร่ างของเว็บไซต์ทบทิมนาค อุปกรณ์การเดินป่ าไว้ดงนี
          ้         ํ                             ั                             ั


                 par




                                               index.php




                                               home.php




                                               guest.php




                                               contact.php




                                               Login_form.php




                               ภาพที 3-1 ภาพโครงร่ างเว็บไซต์

********โครงร่ างของเว็บไซต์จะมีการเชื อมโยงกับหน้าหลัก ๆ โดยทีหน้าหลัก ๆ จะมีการ
                      ้ั       ํ
เชือมโยงต่อไปอีกซึ งผูจดทําได้กาหนดโครงร่ างเว็บไซต์ไว้ดงภาพที 3-1 ซึ งมีการเชือมโยงกับ
                                                        ั
14




3.4**การกําหนดการเชื อมโยงระหว่ างเพจ


                                        index.php



                                        home.php



 product.php       guest.php           contact.php                     login_form.php



                    show.php
                                                                        admin.php



                                                    insert_admin.php


                                                logout_admin.php


                                              load_product_admin.php                load_product.php



                                                                 delete.php


                                                                update.php


                               ภาพที 3-2 การเชื อมโยงระหว่างเพจ

********จากภาพที 3-2 แสดงการเชื อมโยงระหว่างเพจของเว็บทับทิมนาค อุปกรณ์เดินป่ า ไว้ คือ
หน้าแรกจะมีหน้าเชือมโยงไปยังหน้า product.php ซึ งเป็ นหน้าโปรแกรมแสดงข้อมูลสิ นค้าอุปกรณ์
15


เดิ นป่ า หน้า สมุ ดเยียมชมหรื อ guest.php เป็ นโปรแกรมสมุ ดเยี ยมชมและมี ก ารเชื อมโยงกับ
show.php เป็ นโปรแกรมแสดงข้อมูลการเยียมชม หน้าติ ดต่อ contact.php เป็ นหน้าที ใช้สําหรั บ
ติดต่อกับผูพฒนาเว็บไซต์ หน้า ฟอร์ ม login.php หรื อ login_form.php จะมีการเชื อมโยงกับหน้า
            ้ ั
ผูดูแลระบบซึ งหน้าผูดูแลระบบจะมีการเชื อมโยงกับโปรแกรมเพิมข้อมูล insert_admin.php หน้า
  ้                     ้
แก้ไข-ลบข้อมูล load_product.php หน้าออก logout_admin.php ในส่ วนของหน้าแก้ไข-ลบข้อมูลจะ
มีการเชื อมโยงกับ load_product.php ซึ งจะเป็ นโปรแกรมลบข้อมูลรายการสิ นค้า delete.php และ
เชือมโยงกับโปรแกรมแก้ไขข้อมูลรายการห้อง update.php

3.5**ออกแบบเว็บเพจ
       3.5.1**การออกแบบหน้า index




                             ภาพที 3-3 การออกแบบหน้า index

********จากภาพที 3-3 ในหน้า index จะมีการเชื อมโยงไปยังหน้า home และด้านล่างจะมี
โปรแกรมการนับจํานวนผูเ้ ข้าชมเว็บไซต์
16


       3.5.2**การออกแบบหน้า home




                             ภาพที 3-4 การออกแบบหน้า home

********จากภาพที 3-4 ในหน้า home จะมีการแสดงรู ปภาพของสิ นค้าทีมีการวางจําหน่ายในร้าน
บอกถึงรายละเอียดร้าน ด้านขวาจะมีการเชื อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ ด้านขวาล่างจะเป็ นการใส่ รหัส
สมาชิกหรื อรหัสผูดูแลระบบ
                 ้

       3.5.3**การออกแบบหน้า product




                            ภาพที 3-5 การออกแบบหน้า product

********จากภาพที 3-5 ในหน้าของ product จะมีการแสดงสิ นค้ารายละเอียดสิ นค้า ราคาของ
สิ นค้าและรู ปภาพของสิ นค้า ด้านขวาบนจะเป็ นจุดเชื อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ดานขวา
                                                                                    ้
ล่างเป็ นการเข้าสู่ ระบบสมาชิก
17


        3.5.4**การออกแบบหน้า guest




                               ภาพที 3-6 การออกแบบหน้า guest

********จากภาพที 3-6 ในหน้าของ guest เป็ นหน้าทีมีไว้สาหรับการติดต่อให้คาแนะนําแสดง
                                                       ํ                   ํ
ความคิดเห็นต่อเว็บไซต์ ขวาบนเป็ นส่ วนทีเชือมต่อไปยังหน้าต่างๆ ด้านขวาล่างเป็ นส่ วนเข้าสู่
ระบบสมาชิก

        3.5.5**การออกแบบหน้า contact




                              ภาพที 3-7 การออกแบบหน้า contact

********จากภาพที 3-7 ในหน้าของ contact เป็ นหน้าติดต่อกับทางร้านโดยตรงซึ งจะมีการแสดง
แผนทีทางไปร้านค้าโดยตรงขวาบนเป็ นส่ วนทีเชือมต่อไปยังหน้าต่างๆ ด้านขวาล่างเป็ นส่ วนเข้าสู่
ระบบสมาชิก
18


       3.5.6**การออกแบบหน้า admin




                            ภาพที 3-8 การออกแบบหน้า admin

********จากภาพที 3-8 ในหน้า admin เป็ นหน้าทีจะแสดงหลังจากทีทําการ Login เข้าสู่ ระบบโดย
ใช้ User ของ admin เมือ เข้าสู่ ระบบแล้วจะจะปรากฏหน้าดังภาพที 8 ซึ งทางซ้ายจะเป็ นข้าความ
ต้อนรับและทางด้านขวาจะเป็ นการเชื อมต่อไปสู่ โปรแกรมแก้ไขและเพิมรายละเอียดสิ นค้า

       3.5.7**การออกแบบหน้า product edit




                          ภาพที 3-9 การออกแบบหน้า product edit

********จากภาพที 3-9 ในหน้าการแก้ไขรายละเอียดสิ นค้าจะเป็ นโปรแกรมการแก้ไขและเพิม
รายละเอียดสิ นค้าเมือทําการเข้าสู่ ระบบโดย User ของผูดูแลระบบจึงจะสามารถทําการแก้ไขได้
                                                     ้
บทที 4
                                  ผลการดําเนินงาน

********จากการดําเนินงานสร้างเว็บไซต์ผจดทําได้ทาการออกแบบฐานข้อมูล ทําการกําหนด
                                       ู้ ั     ํ
โครงร่ างเว็บไซต์ และ ทําการออกแบบเว็บไซต์ซึงจากการดําเนินงานต่าง ๆ สารมารถจัดทําเว็บไซต์
ได้ดงนี
    ั

4.1**หน้ าแรก




                                   ภาพที 4-1 หน้าแรก

********จากภาพที 4-1 เป็ นหน้าหลักของเว็บไซต์ทีมีการนับจํานวนคนเข้าชมและเชือมต่อไปยัง
หน้าหลักของเว็บไซต์โดยคลิกที เข้าสู่ หน้าหลัก
20

4.2**หน้ าหลัก




                                    ภาพที 4-2 หน้าหลัก

********จากภาพที 4-2 คือหน้าหลักของเว็บไซต์ซึงจะแสดงรู ปภาพสิ นค้าทีมีวางขายในร้านและมี
การแนะนําร้านว่าขายสิ นค้าใด มีการประกันคุณภาพ และมีจุดเชื อมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและ
ราคา สมุดเยียมชม ติดต่อ และมีระบบ login เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะ
                                                                              ้
สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้
21

4.3**หน้ ารายละเอียดสิ นค้ า




                               ภาพที 4-3 หน้ารายละเอียดสิ นค้า

********จากภาพที 4-3 เป็ นหน้าแสดงรายละเอียดสิ นค้าต่างๆทีได้ทาการเพิมลงไปหรื อทางร้านมี
                                                                ํ
ขายจะมี ก ารแสดง รายละเอี ยดสิ นค้า ราคาสิ นค้า และรู ปภาพของสิ นค้าที มี วางขายภายในร้ า น
คุณภาพ และมีจุดเชื อมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและราคา สมุดเยียมชม ติดต่อ และมีระบบ login
เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้
                                      ้
22

4.4**หน้ าสมุดเยียมชม




                                     ภาพที 4-4 หน้าสมุดเยียมชม

********จากภาพที 4-4 เป็ นหน้า สมุ ดเยียมชมจะมี แบบฟอร์ ม การเยียมชมหรื อการแสดงความ
คิ ด เห็ น ที มี ต่ อ เว็บ ไซต์ข ้อ มู ล จากการกรอกคํา ติ ช มหรื อ การแสดงความคิ ด เห็ น จะถู ก ส่ ง ไปยัง
                                                                        ่
ฐานข้อมูล guest เพือเก็บไว้และสามารถดึงลงมาแสดงให้ทราบได้วาใครเป็ นผูแสดงความคิดเห็น มี
                                                                                 ้
การระบบเลข IP อีกด้วย
23

4.5**หน้ าติดต่ อ




                                  ภาพที 4-5**หน้าติดต่อ

********จากภาพที 4-5 ในหน้านีจะเป็ นหน้าติดต่อกับทางร้านโดยตรงซึ งจะมีการแสดงแผนที
หรื อทีตังของร้านขายสิ นค้าโดยตรงและมีจุดเชือมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและราคา สมุดเยียมชม
ติดต่อ และมีระบบ login เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะสามารถเข้าไปแก้ไข
                                                             ้
ข้อมูลได้
24

4.6**หน้ าผู้ดูแลระบบ




                                  ภาพที 4-6 หน้าผูดูแลระบบ
                                                  ้

********จากภาพที 4-6 เป็ นหน้าของผูดูแลระบบซึ งจะแสดงขึนมาหลังจากการทําการ login เข้าสู่
                                   ้
ระบบโดยใช้ user ของผูดูแลระบบ ซึ งในหน้าจะสามารถเข้าไปทําการแก้ไขเพิมเติมข้อมูลได้โดย
                       ้
การคลิกเลือกจุดเชื อมโยงทางด้านขวา

4.7**หน้ าเพิมรายการสิ นค้ า




                               ภาพที 4-7**หน้าเพิมรายการสิ นค้า

********จากภาพที 4-7**เป็ นหน้าของการทําการเพิมรายการสิ นค้าซึ งจะเข้าหน้านีได้จะต้องทํา
การเข้าสู่ ระบบโดยใช้รหัสผ่านของผูดูแลระบบ ในหน้านีจะสามารถทําการเพิมข้อมูลรายการสิ นค้า
                                  ้
ประเภทของสิ นค้า ราคาของสิ นค้า รู ปภาพของสิ นค้า ได้ เมือทําการเพิมลงไปแล้วข้อมูลจะถูก
ส่ งไปยังฐานข้อมูล product
25

4.8**หน้ าแก้ ไข-ลบรายการสิ นค้ า




                            ภาพที 4-8**หน้าแก้ไข-ลบรายการสิ นค้า

********จากภาพที 4-8**เป็ นหน้าทีมีไว้สาหรับการแก้ไขและลบรายการสิ นค้าจะมีการแสดง
                                        ํ
รายละเอียดสิ นค้า สามารถทําการเพิมข้อมูลและทําการลบข้อมูลออกได้โดยการคลิกทีเครื องหมาย
กากบาทเมือคลิกแล้วจะทําการลบข้อมูลออกจากฐานข้อมูล product

4.9**หน้ าการออกจากระบบ




                               ภาพที 4-9**หน้าการออกจากระบบ

********จากภาพที 4-9 เป็ นหน้าทีจะแสดงขึนมาหลังจากทําการออกจากระบบโดยการ logout ซึ ง
จะปรากฏข้อความ คุ ณได้ออกจากรส่ วนของผูดูแลระบบแล้วเมื อทําการออกแล้วจะไม่สามารถ
                                          ้
แก้ไขหรื อลบข้อมูลใดๆในระบบได้จะต้องทําการเข้าสู่ ระบบอีกครัง
26

4.10**หน้ าปรับปรุ งรายการสิ นค้ า




                            ภาพที 4-10**หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า

********จากภาพที 4-10**จะเป็ นหน้า ที ไว้สํ า หรั บ การแก้ไ ขและลบข้อ มู ล สิ น ค้า ออกจาก
ฐานข้อมูล product โดยการคลิกทีเครื องหมายกากบาทและจะสามารถเพิมข้อมูลได้โดยการคลิกที
เครื องหมายถูกเมือคลิกแล้วจะมีฟอร์ มการเพิมเติมข้อมูล ในส่ วนของหน้านี หากไม่ได้ทาการเข้าสู่
                                                                                  ํ
ระบบโดยรหัสของผูดูแลระบบ
                   ้
บทที 5
                              สรุ ปผลและข้ อเสนอแนะ
5.1**สรุ ปผลจากการทดสอบเว็บไซต์
********การทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า มีหลักการทีจะพัฒนาใน
                            ั
เรื องของการขายสิ นค้าให้กบลูกค้า โดยจะแสดงรายละเอียดของสิ นค้า ราคาของสิ นค้า รู ปของ
สิ นค้าทําให้สะดวกต่อการตัดสิ นใจเลือกของลูกค้า และมีแผนทีแสดงทีตังของร้านค้าทําให้ลูกค้า
สามารถติดต่อกับทางร้านได้โดยตรง
********จากการทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า ระบบของเว็บไซต์
สามารถทําการตรวจดูสินค้าทีมีวางจําหน่ายภายในร้านและสามารถทําการสังซื อสิ นค้าโดยการพิมพ์
ในแบบฟอร์ มการเยียมชมซึ งเมือกรอกลงไปข้อมูลการสังซื อจะถูกส่ งไปยังฐานข้อมูลและทางร้าน
จะส่ งสิ นค้าไปให้โดยทีลูกค้าจะต้องทําการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของทางร้าน ซึ งระบบสามารถทํา
การขายสิ นค้ากับลูกค้าได้จริ ง
********จากการทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า ได้มีการทดสอบ
เว็บไซต์การขายอุปกรณ์เดินป่ าซึ งการจัดทําเว็บไซต์ขึนมาในครังนี เป็ นไปตามวัตถุประสงค์ของ
โครงการ ทําให้ได้เว็บไซต์ตามทีกําหนดและยังสามารถนําไปใช้งานได้ง่ายและสะดวก อย่างไรก็
ตามการพัฒนาเว็บไซต์สามารถทําการพัฒนาระบบเว็บไซต์ต่อยอดให้มีความสมบูรณ์และครบถ้วน
ได้อีก หรื อมีประสิ ทธิ ภาพมากขึนกว่าเดิม

5.2**ปัญหาและอุปสรรค์ ในการทดลอง
********5.2.1**ปั ญหาการสร้างเว็บไซต์ให้สามารถเชื อมต่อกับฐานข้อมูล
********5.2.2**ปั ญหาการออกแบบเว็บไซต์เนื องจากเป็ นโปรแกรมทีจะต้องพิมพ์โค้ดเองจึงทําให้
เว็บไซต์ออกมาไม่สวยงามเท่าทีควร

5.3**การแก้ ไขปั ญหา
********5.3.1**ในการสร้างเว็บไซต์ให้สามารถเชื อต่อกับฐานข้อมูลควรสร้างฐานข้อมูลไว้ก่อน
แล้วจึงเขียนโค้ดให้เชื อต่อกับฐานข้อมูล
********5.3.2**ในการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามควรใช้โปรแกรมตัวอืนเข้ามาช่วยในการ
ออกแบบรู ปภาพให้มีความสวยงาม
28



                                         เอกสารอ้ างอิง

สุ ริยน ศรี สวัสดิกุล. ระบบสื อสารข้ อมูลคอมพิวเตอร์ . พิมพ์ครังที 2, กรุ งเทพฯ : สกายบุค, 2540.
      ั                                                                                 ๊

ลอง, ลารี . เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศ. กรุ งเทพฯ : เพียร์ สัน เอ็ดดูเคชัน อินโดไชน่า,
********2543.

วิเศษศักดิ โคตรอาษา. เทคโนโลยีสารสนเทศเพือการเรี ยนรู้ . กรุ งเทพฯ : เธิ ร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชัน, 2542

ชาญชัย ศุภอรรถกร. การพัฒนาเว็บเพจชั นสู ง. พิมพ์ครังที 1. กรุ งเทพฯ : บริ ษท ซัคเซค มีเดีย จํากัด,
                                                                           ั
********2540.

สุ นนทา วิเชียรชม. (2553). หลักการออกแบบเว็บเพจ. 26. (ออนไลน์). สื บค้นเมือ 2 กันยายน 2555.
    ั
********จาก http://rcccom.blogspot.com/.

เว็บไซต์ . 1.(ออนไลน์). สื บค้นมือ 2 กันยายน 2555. จาก http://th.wikipedia.org/wiki/เว็บไซต์
29




            ภาคผนวก ก
โค้ ด เว็บไซต์ การขายอุปกรณ์ เดินป่ า
30

Admin.php
<?
ob_start();
echo "<body bgcolor=#CC990>
<table width=700 height=480 border=0>
<rt>
<td height=119 colspan=2 bgcolor=#006600><h1><center>
<font color=#FFFFFF>
ผูดูแลระบบ </font></center><h1><br>
  ้
</td>
</tr>
<td width=1007 bgcolor=#FFFFFF>";
session_start();
if (($user=="root") &&($password =="123456"))
{
         if(!$send)
         {
                  echo "<form method=post action=$PHP_SELF>
                  <input type=hidden name=code value=$id>
                  รายละเอียดประเภทสิ นค้า : <input type=text name=type
value$product_type><br>
                  ราคา : <input type=text name=price value=$price><br>
                  รู ปภาพ : <input type = file name=picture><br>
                  <input type=submit value=ตกลง name=send>
                  <input type=reset value=ยกเลิก name=cancel>
                  </form>";
         }
         else
         {
                  $path_pic="c:/AppServ/www/par/images/";
                  copy ($picture, "$path_pic/$type.jpg");
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual
Manual

Mais conteúdo relacionado

Semelhante a Manual

การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
ณัฐพล บัวพันธ์
 
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศกำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
nottodesu
 
แปล Design and implementation of e
แปล Design and implementation of eแปล Design and implementation of e
แปล Design and implementation of e
School
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
JoyCe Zii Zii
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
Aungkana Na Na
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
JoyCe Zii Zii
 
รายงานคู่มือการใช้งาน
รายงานคู่มือการใช้งานรายงานคู่มือการใช้งาน
รายงานคู่มือการใช้งาน
guest8ec15d
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Wilaiporn Seehawong
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Wilaiporn Seehawong
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงานแบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
She's Mammai
 
อินทุอร
อินทุอรอินทุอร
อินทุอร
Miw Inthuorn
 
อินทุอร
อินทุอรอินทุอร
อินทุอร
Miw Inthuorn
 

Semelhante a Manual (20)

Introduction to computer
Introduction to computerIntroduction to computer
Introduction to computer
 
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
 
ตัวอย่างบทที่ 3 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 3 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพตัวอย่างบทที่ 3 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
ตัวอย่างบทที่ 3 วิทยานิพนธ์เว็บไซต์เพื่อสุขภาพ
 
123
123123
123
 
11111111111
1111111111111111111111
11111111111
 
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศกำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
กำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
แปล Design and implementation of e
แปล Design and implementation of eแปล Design and implementation of e
แปล Design and implementation of e
 
รูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงานรูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงาน
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน 7
 
รายงานคู่มือการใช้งาน
รายงานคู่มือการใช้งานรายงานคู่มือการใช้งาน
รายงานคู่มือการใช้งาน
 
444
444444
444
 
รูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงานรูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงาน
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงานแบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
 
อินทุอร
อินทุอรอินทุอร
อินทุอร
 
อินทุอร
อินทุอรอินทุอร
อินทุอร
 
แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล และนักวิชาการคอมพิวเตอร์
แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล และนักวิชาการคอมพิวเตอร์แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล และนักวิชาการคอมพิวเตอร์
แนวข้อสอบเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล และนักวิชาการคอมพิวเตอร์
 

Mais de Meaw Sukee

Training_edmodo
Training_edmodoTraining_edmodo
Training_edmodo
Meaw Sukee
 

Mais de Meaw Sukee (20)

Pix2
Pix2Pix2
Pix2
 
Pix
PixPix
Pix
 
Report
ReportReport
Report
 
Google classroom
Google classroomGoogle classroom
Google classroom
 
Plan10
Plan10Plan10
Plan10
 
Plan9
Plan9Plan9
Plan9
 
Plan
PlanPlan
Plan
 
Edit
EditEdit
Edit
 
Problem
ProblemProblem
Problem
 
Peeraya
PeerayaPeeraya
Peeraya
 
ตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่มตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่ม
 
Cal 190856
Cal 190856Cal 190856
Cal 190856
 
Total pub
Total pubTotal pub
Total pub
 
Public
PublicPublic
Public
 
Total pub
Total pubTotal pub
Total pub
 
Bro
BroBro
Bro
 
Training_edmodo
Training_edmodoTraining_edmodo
Training_edmodo
 
Frame
FrameFrame
Frame
 
Frame
FrameFrame
Frame
 
Table
TableTable
Table
 

Manual

  • 1. การพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า นายสมัคร ทับทิมนาค โครงการนีเป็ นส่ วนหนึงของวิชา การพัฒนาเว็บเพจชันสู ง รหัสวิชา 3204 – 2204 หลักสู ตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชันสู ง แผนกคอมพิวเตอร์ ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ปี การศึกษา 2555
  • 2. ชือผูจดทํา ้ั :นายสมัคร ทับทิมนาค ชือเรื อง :การพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า แผนกวิชา :คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ สาขางาน :การพัฒนาเว็บเพจ ทีปรึ กษา :นางพีรญา ดุนขุนทด ปี การศึกษา :2555 บทคัดย่ อ ********โครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์ เดินป่ านีมีจุดมุ่งหมายเพือการทําธุ รกิ จ ขายสิ นค้าในรู ปแบบกรขายสิ นค้า ออนไลน์ โดยได้ท าการสร้ า งเว็บ ไซต์เกี ยวกับ การขายสิ นค้า ํ ออนไลน์ทีสามารถสังซื อสิ นค้าจากทางร้ านค้าโดยสังซื อผ่านทางเว็บ ไซต์ซึ งจะเชื อมโยงไปยัง ฐานข้อมูลของเว็บไซต์ ในการใช้งานนันผูเ้ ข้าใช้บริ การสามารถเข้าตรวจดูสินค้าภายในร้านค้าว่ามี สิ นค้าชนิดในบ้าง ราคาเท่าไร และมีลกษณะการใช้งานเป็ นอย่างไรซึ งสิ นค้าในรายการของเว็บไซต์ ั นันจะทําการเพิมเข้าไปโดยผูดูแลระบบ เพือให้สินค้ามีการปรับปรุ งให้เป็ นปั จจุบน ้ ั ก
  • 3. สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก สารบัญตาราง ข สารบัญภาพ ค บทที 1บทนํา 1 ****1.1**ความเป็ นมาและความสําคัญของปั ญหา 1 ****1.2**วัตถุประสงค์ 2 ****1.3**ขอบเขต 2 ****1.4**สถานทีดําเนินการ 2 ****1.5**ระยะเวลาดําเนิ นการ 3 ****1.6**ประโยชน์ทีคาดว่าจะได้รับ 3 บทที 2 เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้อง ั 4 *****2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต 4 *****2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ 5 *****2.3**วงจรการพัฒนาระบบ 5 *****2.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล 8 *****2.5**ความหมายของเว็บไซต์ 10 บทที 3 วิธีการดําเนิ นงาน 11 *****3.1**การศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ 11 *****3.2**ออกแบบฐานข้อมูล 11 *****3.3**กําหนดโครงร่ าง 13 *****3.4**การกําหนดการเชือมโยงระหว่างเพจ 14 *****3.5**ออกแบบเว็บเพจ 15 บทที 4 ผลการดําเนิ นงาน 19 *****4.1**หน้าแรก 19 *****4.2**หน้าหลัก 20
  • 4. สารบัญ(ต่ อ) หน้า *****4.3**หน้ารายละเอียดสิ นค้า 21 *****4.4**หน้าสมุดเยียมชม 22 *****4.5**หน้าติดต่อ 23 *****4.6**หน้าผูดูแลระบบ ้ 24 *****4.7**หน้าเพิมรายการสิ นค้า 24 *****4.8**หน้าแก้ไข-ลบรายการสิ นค้า 25 *****4.9**หน้าการออกจากระบบ 25 *****4.10**หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า 26 บทที 5 สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ 27 *****5.1**สรุ ปผลจากการทดสอบเว็บไซต์ 27 *****5.2**ปั ญหาและอุปสรรค์ในการทดลอง 27 *****5.3**การแก้ไขปั ญหา 27 เอกสารอ้างอิง 28 ภาคผนวก 29 ประวัติผจดทํา ู้ ั 60 ****
  • 5. สารบัญตาราง ตารางที หน้า ********ตารางที 3-1 ฐานข้อมูล counterdb 12 ********ตารางที 3-2 ฐานข้อมูล product 12 ********ตารางที 3-3 ฐานข้อมูล guest 12 ข
  • 6. สารบัญภาพ ภาพที หน้ า *****ภาพที 3-1 ภาพโครงร่ างเว็บไซต์ 13 *****ภาพที 3-2ภาพการกําหนดการเชื อมโยงระหว่างเพจ 14 *****ภาพที 3-3 การออกแบบหน้า index 15 *****ภาพที 3-4 การออกแบบหน้า home 16 *****ภาพที 3-5 การออกแบบหน้า product 16 *****ภาพที 3-6 การออกแบบหน้า guest 17 *****ภาพที 3-7 การออกแบบหน้า contact 17 *****ภาพที 3-8 การออกแบบหน้า admin 18 *****ภาพที 3-9 การออกแบบหน้า product edit 18 *****ภาพที 4-1 หน้าแรก 19 *****ภาพที 4-2 หน้าหลัก 20 *****ภาพที 4-3 หน้ารายละเอียดสิ นค้า 21 *****ภาพที 4-4 หน้าสมุดเยียมชม 22 *****ภาพที 4-5 หน้าติดต่อ 23 *****ภาพที 4-6 หน้าผูดูแลระบบ ้ 24 *****ภาพที 4-7 หน้าเพิมรายการสิ นค้า 24 *****ภาพที 4-8 หน้าแก้ไข – ลบรายการสิ นค้า 25 *****ภาพที 4-9 หน้าการออกจากระบบ 25 *****ภาพที 4-10 หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า 26 ค
  • 7. บทที 1 บทนํา 1.1**ความเป็ นมาและความสํ าคัญของปัญหา ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ **และเทคโนโลยีทาให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ งอํานวย ํ ความสะดวกสบายต่อการดําชี วิตเป็ นอันมากเทคโนโลยีได้เข้ามาเสริ มปั จจัยพืนฐานการดํารงชี วิต ได้เป็ นอย่างดี**เทคโนโลยีทาให้การสร้างทีพักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสิ นค้า**และ ํ ให้บริ การต่างๆเพือตอบสนองความต้องการของมนุ ษย์มากขึน เทคโนโลยีทาให้ระบบการผลิ ต ํ สามารถผลิ ต สิ น ค้า ได้เ ป็ นจํา นวนมากมี ร าคาถู ก ลงสิ น ค้า ได้คุ ณ ภาพเทคโนโลยี ท ํา ให้ มี ก าร ติดต่อสื อสารกันได้สะดวกการเดินทางเชื อมโยงถึงกันทําให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟั งข่าวสาร กันได้ตลอดเวลา ดังนันผูประกอบการ นักลงทุ น จึ งได้เล็งเห็ นความสําคัญของอินเตอร์ เน็ตจึงได้มีการนํา ้ เทคโนโลยี ส ารสนเทศมาใช้ เ พื อประโยชน์ ใ นด้า นต่ า ง**ๆ**ไม่ ว่ า จะเป็ น**ภาคธุ ร กิ จ *** เทคโนโลยีสารสนเทศช่ วยเพิมผลผลิ ต**ลดต้นทุน**เพิมประสิ ทธิ ภาพในการทํางานประชาชน ส่ วนใหญ่ก็ให้ความสําคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศอินเตอร์ เน็ตเป็ นอย่างมากในปั จจุบน เนื องจาก ั มี ก ารใช้ง านที สะดวกสบาย เข้า ถึ ง ได้ง่ า ย และมี ก ัน อยู่เ กื อ บทุ ก บ้า น****ส่ ว นด้า นการศึ ก ษา กระทรวงศึกษาธิ การได้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสถาบันการศึกษาเพือให้นกศึกษาสามารถ ั ค้นคว้าหาความรู ้ได้ทดเทียมกัน ั ในการสร้ า งระบบการขายสิ นค้ า หรื อบริ การบนอิ น เตอร์ เ น็ ต นั นจะต้ อ งอยู่ ภ ายใต้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําผิดเกี ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึงจะต้องไม่มีการละเมิดกฎใดๆทังสิ น เพื อเป็ นที ยอมรั บ ในการให้ บ ริ ก ารและความปลอดภัย ในการใช้บ ริ ก ารของลู ก ค้า เองด้ว ยใน พระราชบัญญัตินี “ระบบคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่า อุปกรณ์หรื อชุ ดอุปกรณ์ ของคอมพิวเตอร์ ที เชื อมการทํา งานเข้า ด้วยกัน โดยได้มี ก ารกํา หนดคํา สังชุ ดคํา สัง หรื อ สิ งอื นใด**และแนวทาง ปฏิ บั ติ ง านใ ห้ อุ ป ก รณ์ หรื อ**ชุ ดอุ ปก รณ์ ทํ า หน้ า ที ประ มวล ผลข้ อ มู ล โดย อั ต โนมั ติ “ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ” หมายความว่าข้อมูล ข้อความ คําสัง ชุ ดคําสัง หรื อสิ งอื นใดบรรดาทีอยู่ใน ระบบคอมพิ วเตอร์ ในสภาพที ระบบคอมพิวเตอร์ อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึ ง ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุ รกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดวย ้
  • 8. 2 ********ระบบการขายอุปกรณ์อุปกรณ์เดินป่ า เป็ นระบบทีสร้างขึนมาเพือจําหน่ายอุปกรณ์เดินป่ า ่ ่ เพือให้ลูกค้าสามารถสังซื อสิ นค้าได้ไม่วาจะอยูทีใดของประเทศซึ งเป็ นวิธีทีสะดวกสบายในการ ่ เลือกซื อซื อเพียงแค่มีการใส่ ชือทีอยูลงไปแล้วมีการโอนเงินเข้ามาในบัญชี ของทางร้านและทางร้าน ่ จะทําการยืนยันการโอนเงินเข้าบัญชีและทําการส่ งสิ นค้าไปให้ตามทีอยูในการสมัครสมาชิก และ ระบบมีการเก็บข้อมูลสิ นค้าภายในร้านว่ามีสินค้าตัวใดเหลืออยูบาง่ ้ ********ดังนันการทําระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ า จึงมีความสําคัญและส่ งผลต่อ ประสิ ทธิ ภาพ ของการทําธุ รกิจ เนื องจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาแล้วยังช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง ข้อมูลของสิ นค้าได้อย่างสะดวกสบายทุกที 1.2**วัตถุประสงค์ ********1.2.1**เพือศึกษาถึงวิธีการสร้างระบบการขายสิ นค้าบนอินเตอร์ เน็ต ********1.2.2**เพือลดต้นทุนในการเปิ ดร้านขายหรื อเป็ นตัวแทนขาย ********1.2.3**เพือนําไปสู่ การสร้างอาชีพและรายได้ในอนาคต ********1.2.4**เพือนําระบบทีสร้างไปใช้งานได้จริ ง 1.3**ขอบเขต ********ระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ ามีฐานข้อมูลไว้สาหรับเก็บข้อมูลอุปกรณ์เดินป่ า รวมทัง ํ ข้อมูลของลูกค้าทีสมัครเป็ นสมาชิกเป็ น รหัสสมาชิก ซึ งจะสามารถสังสิ นค้าภายในระบบได้และมี การเก็บข้อมูลอุปกรณ์ชนิ ดต่าง ๆ ทีมีการวางจําหน่าย จํานวนทีวางจําหน่าย ราคาของอุปกรณ์ต่างๆ และระบบสังซื อสิ นค้าที สามารถระบุทีอยู่ ปลายทางทีจําทําการส่ งสิ นค้าไปให้ ********1.3.1**เครื องมือทีใช้ 1.3.1.1**เครื องคอมพิวเตอร์ intel R Pentium R 4 CPU 3.20 GHz, 0.99 GB of RAM *************1.3.1.2**ระบบปฏิบติการ Microsoft Windows XP Professional ขึนไป ั *************1.3.1.3**Dreamwaver CS3 *************1.3.1.4**EditPlus 3 *************1.3.1.5**Microsoft Office *************1.3.1.6**AppServ *************1.3.1.7**Photoshop CS3 1.4**สถานทีดําเนินการ ********วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี 44/3 จันทคามวิถี ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี 22000
  • 9. 3 1.5**ระยะเวลาดําเนินการ ********ตังแต่เดือน พฤษภาคม-กันยายน 2555 1.6**ประโยชน์ ทคาดว่ าจะได้ รับ ี ********1.6.1**ได้รับความรู ้ใหม่ๆในการสร้างระบบการขายสิ นค้าทางอินเตอร์ เน็ต ********1.6.2**ระบบทีสร้างสามารถลดต้นทุนการขายได้ ********1.6.3**สามารนําความรู ้ทีได้ไปใช้ประกอบอาชี พหรื อสร้างรายได้ ********1.6.4**ระบบการขายสิ นค้าบนอินเตอร์ เน็ตสามารถนําไปใช้งานได้จริ ง
  • 10. บทที 2 เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้ อง ั ********การสร้างระบบการขายอุปกรณ์เดินป่ าผ่านทางอินเตอร์ เน็ตผูศึกษาได้ทาการศึกษาค้นคว้า ้ ํ เอกสารและงานวิจยทีเกียวข้องโดยนําเสนอตามลําดับหัวข้อดังนี ั ********2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต ********2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ ********2.3**วงจรการพัฒนาระบบ ********2.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล ********2.5**ความหมายของเว็บไซต์ 2.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต ********อินเทอร์ เน็ต ( Internet ) คือ เครื อข่ายของคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ทีเชื อมโยงเครื อข่าย คอมพิวเตอร์ ทวโลกเข้าด้วยกัน***โดยอาศัยเครื อข่ายโทรคมนาคมเป็ นตัวเชื อมเครื อข่าย***ภายใต้ ั มาตรฐานการเชื อมโยงด้วยโปรโตคอลเดี ยวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เพือให้คอมพิวเตอร์ ทุกเครื องในอินเทอร์ เน็ตสามารถสื อสารระหว่างกันได้ นับว่า เป็ นเครื อข่ายทีกว้างขวางทีสุ ดในปั จจุบน เนื องจากมีผูนิยมใช้ โปรโตคอลอินเทอร์ เน็ตจากทัวโลก ั ้ มากทีสุ ดอินเทอร์ เน็ตจึงมีรูปแบบคล้ายกับเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบ WAN แต่มีโครงสร้างการ ทํางานทีแตกต่างกันมากพอสมควร**เนืองจากระบบ***WAN เป็ นเครื อข่ายทีถูกสร้างโดยองค์กรๆ เดียวหรื อกลุ่มองค์กร เพือวัตถุประสงค์ดานใดด้านหนึ ง และมีผดูแลระบบทีรับผิดชอบแน่นอน แต่ ้ ู้ อินเทอร์ เน็ตจะเป็ นการเชื อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ นบล้านๆ**เครื องแบบไม่ถาวรขึนอยูกบ ั ่ ั เวลานันๆ ว่าใครต้องการเข้าสู่ ระบบอิ นเทอร์ เน็ ตบ้าง ใครจะติ ดต่อสื อสารกับใครก็ได้ จึ งทําให้ ระบบอินเทอร์ เน็ตไม่มีผใดรับผิดชอบหรื อดูแลทังระบบ ู้
  • 11. 5 2.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ ********ระบบสารสนเทศเพือการจัดการ (Management Information Systems) (MIS) เป็ นระบบ ั เกียวกับการจัด หาคน หรื อข้อมูลทีสัมพันธ์กบข้อมูล เพือการดําเนินงานขององค์การ เช่น การใช้ MIS เพือช่วยเหลือกิจกรรมของลูกจ้าง เจ้าของกิจการ ลูกค้า และบุคคลอืนทีเจ้ามาเกียวข้องกับ องค์การ การประมวลผลของข้อมูลจะช่วยแบ่งภาระการ ทํางานและยังสามารถนํา สารสนเทศมา ช่วยในการตัดสิ นใจของผูบริ หาร**หรื อ**MIS**เป็ นระบบซึ งรวมความสามารถของผูใช้งาน*และ ้ ้ คอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกัน โดยมีจุดมุ่งหมาย เพือให้ได้มาซึ งสารสนเทศเพือการดําเนินงานการจัดการ และการตัดสิ นใจในองค์การ หรื อ MIS หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล การ ประมวลผล และการ สร้างสารสนเทศขึนมาเพือช่วยในการตัดสิ นใจ การประสานงาน และการควบคุม นอกจากนันยัง ช่วยผูบริ หาร และ พนักงานในการวิเคราะห์ปัญหา แก้ปัญหา และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย MIS ้ จะต้องใช้อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์*(Hardware)**และ**โปรแกรม**(Software)**ร่ วมกับผูใช้ ้ (Peopleware) เพือก่อให้เกิดความสําเร็ จในการได้มาซึ งสารสนเทศทีมีประโยชน์ 2.3**วงจรการพัฒนาระบบ ********ระบบสารสนเทศทังหลายมีวงจรชีวตทีเหมือนกันตังแต่เกิดจนตายวงจรนีจะทําเป็ น ิ ขันตอนทีเป็ นลําดับตังแต่ตนจนเสร็ จเรี ยนร้อย เป็ นระบบทีใช้งานได้ ซึ งนักวิเคราะห์ระบบต้องทํา ้ ่ ความเข้าใจให้ดีวาในแต่ละขันตอนจะต้องทําอย่างไร ่ ้ ********ขันตอนการพัฒนาระบบมีอยูดวยกัน 7 ขันด้วยกันคือ ********1.**เข้าใจปั ญหา (Problem Recognition) ********2.** ศึกษาความเป็ นไปได้ (Feasibility Study) ********3.**วิเคราะห์ (Analysis) ********4.**ออกแบบ (Design) ********5.**สร้างหรื อพัฒนาระบบ (Construction) ********6.**การปรับเปลียน (Conversion) ********7.**บํารุ งรักษา (Maintenance) ********2.3.1**เข้าใจปั ญหา**(Problem**Recognition)**ระบบสารสนเทศจะเกิดขึนได้ก็ต่อเมือ ผูบริ หารหรื อผูใช้ตระหนักว่า ต้องการระบบสารสนเทศหรื อระบบจัดการเดิม ได้แก่ระบบเอกสาร ้ ้ ในตูเ้ อกสาร**ไม่มีประสิ ทธิ ภาพเพียงพอทีตอบสนองความต้องการในปั จจุบนปัจจุบนผูบริ หาร ั ั ้ ตืนตัวกันมากทีจะให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศมาใช้ในหน่วยงานของตน**ในงานธุ รกิจ อุตสาหกรรม หรื อใช้ในการผลิต ตัวอย่างเช่น บริ ษทของเรา จํากัด ติดต่อซื อสิ นค้าจากผูขายหลาย ั ้ บริ ษท ซึ งบริ ษทของเราจะมีระบบ MIS ทีเก็บข้อมูลเกียวกับหนีสิ นทีบริ ษทขอเราติดค้างผูขายอยู่ ั ั ั ้ แต่ระบบเก็บข้อมูลผูขายได้เพียง 1,000 รายเท่านัน แต่ปัจจุบนผูขายมีระบบเก็บข้อมูลถึง 900 ราย ้ ั ้
  • 12. 6 และอนาคตอันใกล้นีจะเกิน 1,000 ราย ดังนันฝ่ ายบริ หารจึงเรี ยกนักวิเคราะห์ระบบเข้ามาศึกษา แก้ไขระบบงานปั ญหาทีสําคัญของระบบสารสนเทศในปั จจุบน คือ ระบบเขียนมานานแล้ว ส่ วน ั ใหญ่เขียนมาเพือติดตามเรื องการเงิน ไม่ได้มีจุดประสงค์เพือให้ขอมูลข่าวสารในการตัดสิ นใจ แต่ ้ ปั จจุบนฝ่ าย บริ หารต้องการดูสถิติการขายเพือใช้ในการคาดคะเนในอนาคต หรื อความต้องการอืนๆ ั เช่น สิ นค้าทีมียอดขายสู ง หรื อสิ นค้าทีลูกค้าต้องการสู ง หรื อการแยกประเภทสิ นค้าต่างๆทีทําได้ไม่ ่ ง่ายนักการทีจะแก้ไขระบบเดิมทีมีอยูแล้วไม่ใช่เรื องทีง่ายนัก หรื อแม้แต่การสร้างระบบใหม่ ดังนัน ควรจะมีการศึกษาเสี ยก่อนว่า ความต้องการของเราเพียงพอทีเป็ นไปได้หรื อไม่ ได้แก่ "การศึกษา ความเป็ นไปได้" (Feasibility Study) ********2.3.2** ศึกษาความเป็ นไปได้ (Feasibility Study)จุดประสงค์ของการศึกษาความเป็ นไป ได้ก็คือ***การกําหนดว่าปั ญหาคืออะไรและตัดสิ นใจว่าการพัฒนาสร้างระบบสารสนเทศ หรื อการ แก้ไขระบบสารสนเทศเดิมมีความเป็ นไปได้หรื อไม่โดยเสี ยค่าใช้จ่ายและเวลาน้อยทีสุ ด และได้ผล เป็ นทีน่าพอใจ ่ ********ปั ญหาต่อไปคือ**นักวิเคราะห์ระบบจะต้องกําหนดให้ได้วาการแก้ไขปั ญหาดังกล่าวมี ความเป็ นไปได้ทางเทคนิคและบุคลากร ปั ญหาทางเทคนิคก็จะเกียวข้องกับเรื องคอมพิวเตอร์ และ เครื องมือเก่าๆถ้ามี รวมทังเครื องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ดวย ตัวอย่างคือ คอมพิวเตอร์ ทีใช้อยูใน ้ ่ บริ ษทเพียงพอหรื อไม่ คอมพิวเตอร์ อาจจะมีเนือทีของฮาร์ ดดิสก์ไม่เพียงพอ รวมทังซอฟต์แวร์ ว่า ั อาจจะต้องซือใหม่ หรื อพัฒนาขึนใหม่ เป็ นต้น ความเป็ นไปได้ทางด้านบุคลากร คือ บริ ษทมีบุคคล ั ทีเหมาะสมทีจะพัฒนาและติดตังระบบเพียงพอหรื อไม่ ถ้าไม่มีจะหาได้หรื อไม่ จากทีใด เป็ นต้น นอกจากนันควรจะให้ความสนใจว่าผูใช้ระบบมีความคิดเห็นอย่างไรกับการเปลียนแปลง รวมทัง ้ ความเห็นของผูบริ หารด้วย ้ ********2.3.3**การวิเคราะห์ (Analysis) เริ มเข้าสู่ การวิเคราะห์ระบบ การวิเคราะห์ระบบเริ มตังแต่ การศึกษาระบบการทํางานของธุ รกิจนัน***ในกรณี ทีระบบเราศึกษานันเป็ นระบบสารสนเทศอยู่ แล้วจะต้องศึกษาว่าทํางานอย่างไร**เพราะเป็ นการยากทีจะออกแบบระบบใหม่โดยทีไม่ทราบว่า ระบบเดิมทํางานอย่างไร หรื อธุ รกิจดําเนินการอย่างไร หลังจากนันกําหนดความต้องการของระบบ ใหม่ ซึ งนักวิเคราะห์ระบบจะต้องใช้เทคนิคในการเก็บข้อมูล (Fact-Gathering Techniques) ดังรู ป ได้แก่ ศึกษาเอกสารทีมีอยู**ตรวจสอบวิธีการทํางานในปั จจุบน สัมภาษณ์ผใช้และผูจดการทีมีส่วน ่ ั ู้ ้ั เกียวข้องกับระบบ เอกสารทีมีอยูได้แก่ คู่มือการใช้งาน แผนผังใช้งานขององค์กร รายงานต่างๆที ่ ั ั ่ หมุนเวียนใน**ระบบการศึกษาวิธีการทํางานในปั จจุบนจะทําให้นกวิเคราะห์ระบบรู ้วาระบบจริ งๆ ทํางานอย่างไรซึ งบางครังค้นพบข้อผิดพลาดได้ ตัวอย่าง เช่น เมือบริ ษทได้รับใบเรี ยกเก็บเงินจะมี ั ขันตอนอย่างไรในการจ่ายเงิน ขันตอนทีเสมียนป้ อนใบเรี ยกเก็บเงินอย่างไร เฝ้ าสังเกตการทํางาน ของผูเ้ กียวข้อง เพือให้เข้าใจและเห็นจริ งๆ ว่าขันตอนการทํางานเป็ นอย่างไร ซึ งจะทําให้ นักวิเคราะห์ระบบค้นพบจุดสําคัญของระบบว่าอยูทีใด ่
  • 13. 7 ********2.3.4**การออกแบบ (Design)ในระยะแรกของการออกแบบ นักวิเคราะห์ระบบจะนําการ ตัดสิ นใจ ของฝ่ ายบริ หารทีได้จากขันตอนการวิเคราะห์การเลือกซือคอมพิวเตอร์ ฮาร์ ดแวร์ และ ซอฟต์แวร์ ดวย (ถ้ามีหรื อเป็ นไปได้) หลังจากนันนักวิเคราะห์ระบบจะนําแผนภาพต่างๆ ทีเขียนขึน ้ ในขันตอนการวิเคราะห์มาแปลงเป็ นแผนภาพลําดับขัน (แบบต้นไม้) ดังรู ปข้างล่าง เพือให้มองเห็น ั ภาพลักษณ์ทีแน่นอนของโปรแกรมว่ามีความสัมพันธ์กนอย่างไร และโปรแกรมอะไรบ้างทีจะต้อง เขียนในระบบ**หลังจากนันก็เริ มตัดสิ นใจว่าควรจะจัดโครงสร้างจากโปรแกรมอย่างไร*การเชื อม ระหว่างโปรแกรมควรจะทําอย่างไร ในขันตอนการวิเคราะห์นกวิเคราะห์ระบบต้องหาว่า"จะต้องทํา ั ่ อะไร(What)"แต่ในขันตอนการออกแบบต้องรู ้วา**"จะต้องทําอย่างไร*(How)"**ในการออกแบบ โปรแกรมต้องคํานึงถึงความปลอดภัย (Security) ของระบบด้วย เพือป้ องกันการผิดพลาดทีอาจจะ เกิดขึน เช่น "รหัส" สําหรับผูใช้ทีมีสิทธิสํารองไฟล์ขอมูลทังหมดเป็ นต้นนักวิเคราะห์ระบบจะต้อง ้ ้ ออกแบบฟอร์ มสําหรับข้อมูลขาเข้า (Input Format) ออกแบบรายงาน (Report Format) และการ แสดงผลบนจอภาพ (Screen Fromat) หลักการการออกแบบฟอร์ มข้อมูลขาเข้าคือ ง่ายต่อการใช้งาน และป้ องกันข้อผิดพลาดทีอาจจะเกิดขึน ********2.3.5**การพัฒนาระบบ**(Construction)***ในขันตอนนี โปรแกรมเมอร์ จะเริ มเขียนและ ทดสอบ โปรแกรมว่า ทํางานถูกต้องหรื อไม่ ต้องมีการทดสอบกับข้อมูลจริ งทีเลือกแล้ว ถ้าทุกอย่าง เรี ยบร้อย เราจะได้โปรแกรมทีพร้อมทีจะนําไปใช้งานจริ งต่อไป หลังจากนันต้องเตรี ยมคู่มือการใช้ และการฝึ กอบรมผูใช้งานจริ งของระบบระยะแรกในขันตอนนี นักวิเคราะห์ระบบต้องเตรี ยมสถานที ้ สําหรับ***เครื องคอมพิวเตอร์ แล้วจะต้องตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ ทางานเรี ยบร้อยโปรแกรมเมอร์ ํ เขียนโปรแกรมตามข้อมูลทีได้จากเอกสารข้อมูลเฉพาะของการออกแบบ (Design*Specification)** ปกติแล้วนักวิเคราะห์ระบบไม่มีหน้าทีเกียวข้องในการเขียนโปรแกรม***แต่ถาโปรแกรมเมอร์ คิด ้ ว่าการเขียนอย่างอืนดีกว่าจะต้องปรึ กษานักวิเคราะห์ระบบเสี ยก่อน***เพือทีว่านักวิเคราะห์จะบอก ่ ได้วาโปรแกรมทีจะแก้ไขนันมีผลกระทบกับระบบทังหมดหรื อไม่***โปรแกรมเมอร์ เขียนเสร็ จ แล้วต้องมีการทบทวนกับนักวิเคราะห์ระบบและผูใช้งาน เพือค้นหาข้อผิดพลาด วิธีการนีเรี ยกว่า ้ "Structure Walkthrough"**การทดสอบโปรแกรมจะต้องทดสอบกับข้อมูลทีเลือกแล้วชุดหนึง ซึ ง อาจจะเลือกโดยผูใช้ การทดสอบเป็ นหน้าทีของโปรแกรมเมอร์ แต่นกวิเคราะห์ระบบต้องแน่ใจว่า ้ ั โปรแกรมทังหมดจะต้องไม่มีขอผิดพลาด้ ********2.3.6**การปรับเปลียน(Construction)ขันตอนนี บริ ษทนําระบบใหม่มาใช้แทนของเก่า ั ภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ การป้ อนข้อมูลต้องทําให้เรี ยบร้อย และในทีสุ ดบริ ษทเริ มต้น ั ใช้งานระบบใหม่นีได้การนําระบบเข้ามาควรจะทําอย่างค่อยเป็ นค่อยไปทีละน้อย ทีดีทีสุ ดคือ ใช้ ระบบใหม่ควบคู่ไปกับระบบเก่าไปสักระยะหนึง*โดยใช้ขอมูลชุดเดียวกันแล้วเปรี ยบเทียบผลลัพธ์ ้ ว่าตรงกันหรื อไม่ ถ้าเรี ยบร้อยก็เอาระบบเก่าออกได้ แล้วใช้ระบบใหม่ต่อไป
  • 14. 8 ********2.3.7**บํารุ งรักษา**(Maintenance)**การบํารุ งรักษาได้แก่**การแก้ไขโปรแกรม หลังจากการใช้งานแล้ว สาเหตุทีต้องแก้ไขโปรแกรมหลังจากใช้งานแล้ว สาเหตุทีต้องแก้ไขระบบ ส่ วนใหญ่มี 2 ข้อ คือ มีปัญหาในโปรแกรม (Bug) และ การดําเนิ นงานในองค์กรหรื อธุ รกิจ เปลียนไป จากสถิติของระบบทีพัฒนาแล้วทังหมดประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายในการแก้ไข โปรแกรม เนืองจากมี "Bug" ดังนันนักวิเคราะห์ระบบควรให้ความสําคัญกับการบํารุ งรักษา ซึ งปกติ จะคิดว่าไม่มีความสําคัญมากนัก**เมือธุ รกิจขยายตัวมากขึน ความต้องการของระบบอาจจะเพิมมาก ขึน เช่น ต้องการรายงานเพิมขึน ระบบทีดีควรจะแก้ไขเพิมเติมสิ งทีต้องการได้***การบํารุ งรักษา ่ ระบบควรจะอยูภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ**เมือผูบริ หารต้องการแก้ไขนักวิเคราะห์ ้ ระบบต้องเตรี ยมแผนภาพต่าง ๆ และศึกษาผลกระทบต่อระบบ และให้ผบริ หารตัดสิ นใจต่อไปว่า ู้ ควรจะแก้ไขหรื อไม่ 2.4**ความรู้ เกียวกับฐานข้ อมูลและการออกแบบฐานข้ อมูล ****2.4.1**ความของข้อมูลและสารสนเทศ **********ข้อมูล (Data) หมายถึง กลุ่มตัวอักขระทีเมือนํามารวมกันแล้วมีความหมายอย่างใดอย่าง หนึงและมีความสําคัญควรค่าแก่การจัดเก็บเพือนําไปใช้ในโอกาสต่อ ๆ ไป ข้อมูลมักเป็ นข้อความที อธิ บายถึงสิ งใดสิ งหนึง อาจเป็ นตัวอักษร ตัวเลข หรื อสัญลักษณ์ใด ๆ ทีสามารถนําไปประมวลผล ด้วยคอมพิวเตอร์ ได้ (ทักษิณา สวนานนท์ และฐานิศรา เกียรติบารมี, 2546, หน้า 165) **********สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทีเป็ นประโยชน์ต่อการดําเนินชีวิตของมนุ ษย์ มนุษย์แต่ ละคนตังแต่เกิดมาได้เรี ยนรู ้สิงต่างๆ จํานวนมาก เรี ยนรู ้สภาพสังคมความเป็ นอยู่ กฎเกณฑ์และ วิชาการ (จรณิ ต แก้วกังวาน :2538, หน้า 124) ****2.4.2**ประเภทของข้อมูล **********2.4.2.1**ข้อมูลตัวอักษร คือ ข้อมูลทีประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขทีไม่ใช้ในการ คํานวณ ทังภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศ เช่น ทะเบียนรถยนต์ ชือ นามสกุล หมายเลขโทรทัศน์ บ้านเลขที เป็ นต้น **********2.4.2.2**ข้อมูลทีเป็ นตัวเลข คือ ข้อมูลทีประกอบด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ในการคํานวณ ได้ เช่น คะแนน จํานวนเงิน ราคาสิ นค้า เป็ นต้น **********2.4.2.3**ข้อมูลภาพ คือข้อมูลทีเป็ นภาพอาจเป็ นภาพนิง เช่นภาพถ่าย ภาพวาด ภาพเคลือนไหว เช่น ภาพจากวิดีทศน์ เป็ นต้น อาจเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรื อแผ่นซี ดี เป็ นต้น ั
  • 15. 9 ****2.4.3**ลักษณะของข้อมูลทีดี **********ลักษณะของข้อมูลทีดีควรมีดงต่อไปนี ั **********2.4.3.1**ข้อมูลทีมีความถูกต้องและเชือถือได้ (accuracy) ข้อมูลจะมีความถูกต้องและ เชือถือได้มากน้อยเพียงใดนัน ขึนกับวิธีการทีใช้ในการควบคุมข้อมูลนําเข้า และการควบคุมการ ประมวลผลการควบคุมข้อมูลนําเข้าเป็ นการกระทําเพือให้เกิดความมันใจว่า***ข้อมูลนําเข้ามีความ ถูกต้องเชือถือได้***เพราะถ้าข้อมูลนําเข้าไม่มีความถูกต้องแล้ว***ถึงแม้จะใช้วธีการวิเคราะห์และ ิ ประมวลผลข้อมูลทีดีเพียงใด ผลลัพธ์ทีได้ก็จะไม่มีความถูกต้อง หรื อนําไปใช้ไม่ได้ ข้อมูลนําเข้า ่ จะต้องเป็ นข้อมูลทีผ่านการตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ข้อมูลบางอย่างอาจต้องแปลงให้อยูในรู ปแบบ ทีเครื องคอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง***ซึ งอาจต้องพิมพ์ขอมูลมาตรวจเช็คด้วยมือ ้ ่ ก่อน***การประมวลผลถึงแม้วาจะมีการตรวจสอบข้อมูลนําเข้าแล้วก็ตาม**ก็อาจทําให้ได้ขอมูลที ้ ผิดพลาดได้ เช่น เกิดจากการเขียนโปรแกรมหรื อใช้สูตรคํานวณผิดพลาดได้ ดังนันจึงควรกําหนด วิธีการควบคุมการประมวลผลซึ งได้แก่***การตรวจเช็คยอดรวมทีได้จากการประมวลผลแต่ละครัง ั หรื อการตรวจสอบผลลัพธ์ทีได้จากการประมวลผลด้วยเครื องคอมพิวเตอร์ กบข้อมูลสมมติทีมีการ คํานวณด้วยว่ามีความถูกต้องตรงกันหรื อไม่ **********2.4.3.2**ข้อมูลตรงตามความต้องการของผูใช้ (relevancy) ได้แก่ การเก็บเฉพาะข้อมูล ้ ทีผูใช้ตองการเท่านัน ไม่ควร เก็บข้อมูลอืน ๆ ทีไม่จาเป็ นหรื อไม่เกียวข้องกับการใช้งาน เพราะจะ ้ ้ ํ ทําให้เสี ยเวลาและเสี ยเนือทีในหน่วยเก็บข้อมูล แต่ทงนีข้อมูลทีเก็บจะต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ั **********2.4.3.3**ข้อมูลมีความทันสมัย (timeliness) ข้อมูลทีดีนนนอกจากจะเป็ นข้อมูลทีมี ั ความถูกต้องเชื อถือได้แล้วจะ ต้องเป็ นข้อมูลทีทันสมัย ทังนีเพือให้ผใช้สามารถนําเอาผลลัพธ์ทีได้ ู้ ไปใช้ได้ทนเวลา นันคือจะต้องเก็บข้อมูลได้รวดเร็ วเพือทันความต้องการของผูใช้ ั ้ ********2.4.4**การออกแบบฐานข้อมูล **********ข้อมูลทีดีควรเป็ นข้อมูลทีมีคุณลักษณะดังต่อไปนี **********2.4.4.1**การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัย หรื อ การออกแบบฐานข้อมูลจากล่าง ขึนบน (bottom-up design) เป็ นการออกแบบฐานข้อมูลจากแนวคิดพืนฐานทีว่า ลักษณะงานในแต่ ละหน่วยงานย่อมมี ความสมบูรณ์และความซับซ้อนแตกต่างกัน ฉะนัน รู ปแบบของฐานข้อมูลทีดี ควรเกิดจากการรวบรวมข้อดีของข้อมูลและ/หรื อโปรแกรมต่าง**ๆ**ทีมีการใช้งานอยูแล้วภายใน่ หน่วยงานต่าง ๆ มาจัดทําเป็ นรู ปแบบฐานข้อมูลขององค์กร เนืองจากข้อมูลและ/หรื อโปรแกรม ดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการของผูใช้งานในหน่วยงานนัน***ๆ**อยูแล้วดังนัน*** ้ ่ การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัยจึงเป็ นการออกแบบฐานข้อมูลด้วยการเก็บรวบรวม***ข้อมูล ่ และ/หรื อโปรแกรมทีมีการใช้งานอยูแล้วภายในหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์กรมาเชื อมโยงเข้าด้วยกัน เพือจัดทําเป็ นระบบฐานข้อมูลขององค์กรหากทว่าข้อจํากัดในการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีอุปนัย
  • 16. 10 ่ คือ การนํากรรมวิธียอย ๆ จากการทํางานของหน่วยงานต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกันเป็ นเรื องทีทําได้ไม่ ง่ายนัก และต้องใช้เวลาอย่างมากจึงจะสามารถออกแบบและสร้างระบบฐานข้อมูลทีสมบูรณ์ได้ **********2.4.4.2**การออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย หรื อ การออกแบบฐานข้อมูลจากบนลง ล่าง (top-down design) เป็ นการออกแบบฐานข้อมูลด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลพืนฐาน ขันตอนการ ทํางานของหน่วยงาน ต่าง ๆ ภายในองค์กร และความต้องการใช้งานฐานข้อมูล จากการ สังเกตการณ์ สอบถาม และ/หรื อ สัมภาษณ์บุคลากรทีเกียวข้องกับการใช้งานฐานข้อมูล ตลอดจน ่ รวบรวมข้อมูลจากแบบฟอร์ มต่าง ๆ ทีมีใช้อยูภายในหน่วยงาน เพือนํามาออกแบบโครงสร้าง ฐานข้อมูลขององค์กรหากทว่าข้อจํากัดในการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย คือ บุคลากรที เกียวข้องกับการใช้งานฐานข้อมูลควรต้องเข้าใจให้ความสําคัญและความร่ วมมือในการเก็บรวบรวม ข้อมูล จึงจะทําให้ได้ระบบฐานข้อมูลทีถูกต้องและครอบคลุมระบบงานต่าง ๆ ภายในองค์กร ซึ ง ข้อดีของการออกแบบฐานข้อมูลด้วยวิธีนิรนัย คือ เป็ นวิธีการออกแบบทีเหมาะกับการจัดวางระบบ ฐานข้อมูลในองค์กรทีมีความหลากหลายของหน่วยงาน ตัวอย่างเช่น ในแต่ละหน่วยงานมีการอ้าง ถึงข้อมูลเดียวกันด้วยชื อทีแตกต่างกัน เป็ นต้น 2.5**ความหมายของเว็บไซต์ ********เว็บไซต์ (website, web site, หรื อ Web site) หมายถึง หน้าเว็บเพจหลายหน้า ซึ งเชือมโยง กันผ่านทางไฮเปอร์ ลิงก์ ส่ วนใหญ่จดทําขึนเพือนําเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ โดยถูกจัดเก็บไว้ใน ั เวิลด์ไวด์เว็บ หน้าแรกของเว็บไซต์ทีเก็บไว้ทีชือหลักจะเรี ยกว่า โฮมเพจ เว็บไซต์โดยทัวไปจะ ให้บริ การต่อผูใช้ฟรี แต่ในขณะเดียวกันบางเว็บไซต์จาเป็ นต้องมีการสมัครสมาชิกและเสี ยค่าบริ การ ้ ํ เพือทีจะดูขอมูล ในเว็บไซต์นน ซึ งได้แก่ขอมูลทางวิชาการ ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ หรื อข้อมูลสื อ ้ ั ้ ต่างๆ ผูทาเว็บไซต์มีหลากหลายระดับ ตังแต่สร้างเว็บไซต์ส่วนตัว จนถึงระดับเว็บไซต์สาหรับธุ รกิจ ้ ํ ํ ่ หรื อองค์กรต่างๆ***การเรี ยกดูเว็บไซต์โดยทัวไปนิยมเรี ยกดูผานซอฟต์แวร์ ในลักษณะของเว็บ เบราว์เซอร์
  • 17. บทที 3 วิธีการดําเนินงาน ในการพัฒ นาเว็บ ไซต์ การขายสิ น ค้า ประเภท อุ ป กรณ์ เ ดิ น ป่ าผู ้ศึ ก ษาได้ด ํา เนิ น การ ตามลําดับขันตอนดําเนินการต่างๆตามลําดับขันตอน ดังนีต่อไปนี 3.1 การศึกษา และ รวบรวมข้อมูลต่างๆ 3.2 ออกแบบฐานข้อมูล 3.3 กําหนดโครงสร้างของเว็บไซต์ 3.4 กําหนดการเชือมโยงระหว่างเว็บเพจ 3.5 ออกแบบเว็บแต่ละหน้าภายในเว็บไซต์ 3.1**การศึกษา และ รวบรวมข้ อมูลต่ างๆ ********ผูศึกษาได้ออกแบบเว็บเพจ การขายสิ นค้า ประเภท อุปกรณ์ เดิ นป่ า โดยเริ มจากการรวม ้ รวมข้อมูลสิ นค้าประเภทต่าง ๆ คุ ณสมบัติของสิ นค้า ราคา ความคงทน วัสดุ ทีใช้ทา ความนิ ยมใน ํ หมู่นกเดินป่ า และนํามาวางขายในร้านค้า และจัดทําเว็บไซต์แสดงข้อมูลสิ นค้าทีวางขายภายในร้าน ั ผูจดทําได้ทาการศึกษาและรวบข้อมูลสําคัญทีใช้ในการทําเว็บไซต์ ดังต่อไปนี ้ั ํ ******๕3.1.1**ความหมายและความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต ********3.1.2**ประเภทของระบบสารสนเทศ ********3.1.3**วงจรการพัฒนาระบบ ********3.1.4**ความรู ้เกียวกับฐานข้อมูลและการออกแบบฐานข้อมูล ********3.1.5**ความหมายของเว็บไซต์ 3.2**ออกแบบฐานข้ อมูล ********ผูศึกษาได้ทาการออกแบบฐานข้อมูลโดย ดังต่อไปนี ้ ํ ********3.2.1**ฐานข้อมูล counterdb ********3.2.2**ฐานข้อมูล product ********3.2.3**ฐานข้อมูล guest
  • 18. 12 ตารางที 3-1 ฐานข้อมูล counterdb ********3.2.1**ฐานข้อมูล counterdb เป็ นโปรแกรมทีใช้เก็บสถิติผเู ้ ยียมชม เริ มจากการดึงจํานวน ผูเ้ ข้ามาภายในเว็บไซต์ ณ ปั จจุบนจากฐานข้อมูล counterdb ซึ งมีตาราง countertbl ไว้สาหรับเก็บ ั ํ จํานวนผูเ้ ข้าชม หลังจากนันก็ทาการเพิมจํานวนผูเ้ ข้ามาชมภายในเว็บไซต์ขึน 1 และสุ ดท้ายทําการ ํ แก้ไขกลับลงไปยังตาราง countertbl ตามเดิม ตารางที 3-2 ฐานข้อมูล product ********3.2.3**ฐานข้อมูล product ประกอบไปด้วยการแสดงข้อมูล ประเภทสิ นค้าและ รายละเอียด ราคาสิ นค้า รู ปภาพสิ นค้า มีหลักการทํางาน คือ ดึงข้อมูลทุกเรคคอร์ ดจากฐานข้อมูล product ซึ งมีตาราง product_data มาแสดงผลโดยใช้แท็ก Tabla มาจัดข้อมูลให้สวยงาม ตารางที 3-3 ฐานข้อมูล guest ********3.2.3**ฐานข้อมูล guest เป็ นโปรแกรมทีให้ผเู ้ ข้ามาชมเว็บไซต์สามารถทีจะเข้ามาเขียนคํา แนะนํา ติชม หรื อเขียนคําทักทาย ทําให้ระบบงานมีจุดดึงดูดแก่ผเู ้ ยียมชม หลักการทํางาน คือ สร้าง ตารางฐานข้อมูลเพือเก็บรายการในสมุดเยียม
  • 19. 13 3.3 กําหนดโครงร่ าง ********ผูศึกษาได้ทาการกําหนดโครงร่ างของเว็บไซต์ทบทิมนาค อุปกรณ์การเดินป่ าไว้ดงนี ้ ํ ั ั par index.php home.php guest.php contact.php Login_form.php ภาพที 3-1 ภาพโครงร่ างเว็บไซต์ ********โครงร่ างของเว็บไซต์จะมีการเชื อมโยงกับหน้าหลัก ๆ โดยทีหน้าหลัก ๆ จะมีการ ้ั ํ เชือมโยงต่อไปอีกซึ งผูจดทําได้กาหนดโครงร่ างเว็บไซต์ไว้ดงภาพที 3-1 ซึ งมีการเชือมโยงกับ ั
  • 20. 14 3.4**การกําหนดการเชื อมโยงระหว่ างเพจ index.php home.php product.php guest.php contact.php login_form.php show.php admin.php insert_admin.php logout_admin.php load_product_admin.php load_product.php delete.php update.php ภาพที 3-2 การเชื อมโยงระหว่างเพจ ********จากภาพที 3-2 แสดงการเชื อมโยงระหว่างเพจของเว็บทับทิมนาค อุปกรณ์เดินป่ า ไว้ คือ หน้าแรกจะมีหน้าเชือมโยงไปยังหน้า product.php ซึ งเป็ นหน้าโปรแกรมแสดงข้อมูลสิ นค้าอุปกรณ์
  • 21. 15 เดิ นป่ า หน้า สมุ ดเยียมชมหรื อ guest.php เป็ นโปรแกรมสมุ ดเยี ยมชมและมี ก ารเชื อมโยงกับ show.php เป็ นโปรแกรมแสดงข้อมูลการเยียมชม หน้าติ ดต่อ contact.php เป็ นหน้าที ใช้สําหรั บ ติดต่อกับผูพฒนาเว็บไซต์ หน้า ฟอร์ ม login.php หรื อ login_form.php จะมีการเชื อมโยงกับหน้า ้ ั ผูดูแลระบบซึ งหน้าผูดูแลระบบจะมีการเชื อมโยงกับโปรแกรมเพิมข้อมูล insert_admin.php หน้า ้ ้ แก้ไข-ลบข้อมูล load_product.php หน้าออก logout_admin.php ในส่ วนของหน้าแก้ไข-ลบข้อมูลจะ มีการเชื อมโยงกับ load_product.php ซึ งจะเป็ นโปรแกรมลบข้อมูลรายการสิ นค้า delete.php และ เชือมโยงกับโปรแกรมแก้ไขข้อมูลรายการห้อง update.php 3.5**ออกแบบเว็บเพจ 3.5.1**การออกแบบหน้า index ภาพที 3-3 การออกแบบหน้า index ********จากภาพที 3-3 ในหน้า index จะมีการเชื อมโยงไปยังหน้า home และด้านล่างจะมี โปรแกรมการนับจํานวนผูเ้ ข้าชมเว็บไซต์
  • 22. 16 3.5.2**การออกแบบหน้า home ภาพที 3-4 การออกแบบหน้า home ********จากภาพที 3-4 ในหน้า home จะมีการแสดงรู ปภาพของสิ นค้าทีมีการวางจําหน่ายในร้าน บอกถึงรายละเอียดร้าน ด้านขวาจะมีการเชื อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ ด้านขวาล่างจะเป็ นการใส่ รหัส สมาชิกหรื อรหัสผูดูแลระบบ ้ 3.5.3**การออกแบบหน้า product ภาพที 3-5 การออกแบบหน้า product ********จากภาพที 3-5 ในหน้าของ product จะมีการแสดงสิ นค้ารายละเอียดสิ นค้า ราคาของ สิ นค้าและรู ปภาพของสิ นค้า ด้านขวาบนจะเป็ นจุดเชื อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ดานขวา ้ ล่างเป็ นการเข้าสู่ ระบบสมาชิก
  • 23. 17 3.5.4**การออกแบบหน้า guest ภาพที 3-6 การออกแบบหน้า guest ********จากภาพที 3-6 ในหน้าของ guest เป็ นหน้าทีมีไว้สาหรับการติดต่อให้คาแนะนําแสดง ํ ํ ความคิดเห็นต่อเว็บไซต์ ขวาบนเป็ นส่ วนทีเชือมต่อไปยังหน้าต่างๆ ด้านขวาล่างเป็ นส่ วนเข้าสู่ ระบบสมาชิก 3.5.5**การออกแบบหน้า contact ภาพที 3-7 การออกแบบหน้า contact ********จากภาพที 3-7 ในหน้าของ contact เป็ นหน้าติดต่อกับทางร้านโดยตรงซึ งจะมีการแสดง แผนทีทางไปร้านค้าโดยตรงขวาบนเป็ นส่ วนทีเชือมต่อไปยังหน้าต่างๆ ด้านขวาล่างเป็ นส่ วนเข้าสู่ ระบบสมาชิก
  • 24. 18 3.5.6**การออกแบบหน้า admin ภาพที 3-8 การออกแบบหน้า admin ********จากภาพที 3-8 ในหน้า admin เป็ นหน้าทีจะแสดงหลังจากทีทําการ Login เข้าสู่ ระบบโดย ใช้ User ของ admin เมือ เข้าสู่ ระบบแล้วจะจะปรากฏหน้าดังภาพที 8 ซึ งทางซ้ายจะเป็ นข้าความ ต้อนรับและทางด้านขวาจะเป็ นการเชื อมต่อไปสู่ โปรแกรมแก้ไขและเพิมรายละเอียดสิ นค้า 3.5.7**การออกแบบหน้า product edit ภาพที 3-9 การออกแบบหน้า product edit ********จากภาพที 3-9 ในหน้าการแก้ไขรายละเอียดสิ นค้าจะเป็ นโปรแกรมการแก้ไขและเพิม รายละเอียดสิ นค้าเมือทําการเข้าสู่ ระบบโดย User ของผูดูแลระบบจึงจะสามารถทําการแก้ไขได้ ้
  • 25. บทที 4 ผลการดําเนินงาน ********จากการดําเนินงานสร้างเว็บไซต์ผจดทําได้ทาการออกแบบฐานข้อมูล ทําการกําหนด ู้ ั ํ โครงร่ างเว็บไซต์ และ ทําการออกแบบเว็บไซต์ซึงจากการดําเนินงานต่าง ๆ สารมารถจัดทําเว็บไซต์ ได้ดงนี ั 4.1**หน้ าแรก ภาพที 4-1 หน้าแรก ********จากภาพที 4-1 เป็ นหน้าหลักของเว็บไซต์ทีมีการนับจํานวนคนเข้าชมและเชือมต่อไปยัง หน้าหลักของเว็บไซต์โดยคลิกที เข้าสู่ หน้าหลัก
  • 26. 20 4.2**หน้ าหลัก ภาพที 4-2 หน้าหลัก ********จากภาพที 4-2 คือหน้าหลักของเว็บไซต์ซึงจะแสดงรู ปภาพสิ นค้าทีมีวางขายในร้านและมี การแนะนําร้านว่าขายสิ นค้าใด มีการประกันคุณภาพ และมีจุดเชื อมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและ ราคา สมุดเยียมชม ติดต่อ และมีระบบ login เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะ ้ สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้
  • 27. 21 4.3**หน้ ารายละเอียดสิ นค้ า ภาพที 4-3 หน้ารายละเอียดสิ นค้า ********จากภาพที 4-3 เป็ นหน้าแสดงรายละเอียดสิ นค้าต่างๆทีได้ทาการเพิมลงไปหรื อทางร้านมี ํ ขายจะมี ก ารแสดง รายละเอี ยดสิ นค้า ราคาสิ นค้า และรู ปภาพของสิ นค้าที มี วางขายภายในร้ า น คุณภาพ และมีจุดเชื อมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและราคา สมุดเยียมชม ติดต่อ และมีระบบ login เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้ ้
  • 28. 22 4.4**หน้ าสมุดเยียมชม ภาพที 4-4 หน้าสมุดเยียมชม ********จากภาพที 4-4 เป็ นหน้า สมุ ดเยียมชมจะมี แบบฟอร์ ม การเยียมชมหรื อการแสดงความ คิ ด เห็ น ที มี ต่ อ เว็บ ไซต์ข ้อ มู ล จากการกรอกคํา ติ ช มหรื อ การแสดงความคิ ด เห็ น จะถู ก ส่ ง ไปยัง ่ ฐานข้อมูล guest เพือเก็บไว้และสามารถดึงลงมาแสดงให้ทราบได้วาใครเป็ นผูแสดงความคิดเห็น มี ้ การระบบเลข IP อีกด้วย
  • 29. 23 4.5**หน้ าติดต่ อ ภาพที 4-5**หน้าติดต่อ ********จากภาพที 4-5 ในหน้านีจะเป็ นหน้าติดต่อกับทางร้านโดยตรงซึ งจะมีการแสดงแผนที หรื อทีตังของร้านขายสิ นค้าโดยตรงและมีจุดเชือมโยงไปยังหน้าแรก สิ นค้าและราคา สมุดเยียมชม ติดต่อ และมีระบบ login เข้าสู่ ระบบ ด่านล่างจะเป็ นส่ วนของผูดูแลระบบจึงจะสามารถเข้าไปแก้ไข ้ ข้อมูลได้
  • 30. 24 4.6**หน้ าผู้ดูแลระบบ ภาพที 4-6 หน้าผูดูแลระบบ ้ ********จากภาพที 4-6 เป็ นหน้าของผูดูแลระบบซึ งจะแสดงขึนมาหลังจากการทําการ login เข้าสู่ ้ ระบบโดยใช้ user ของผูดูแลระบบ ซึ งในหน้าจะสามารถเข้าไปทําการแก้ไขเพิมเติมข้อมูลได้โดย ้ การคลิกเลือกจุดเชื อมโยงทางด้านขวา 4.7**หน้ าเพิมรายการสิ นค้ า ภาพที 4-7**หน้าเพิมรายการสิ นค้า ********จากภาพที 4-7**เป็ นหน้าของการทําการเพิมรายการสิ นค้าซึ งจะเข้าหน้านีได้จะต้องทํา การเข้าสู่ ระบบโดยใช้รหัสผ่านของผูดูแลระบบ ในหน้านีจะสามารถทําการเพิมข้อมูลรายการสิ นค้า ้ ประเภทของสิ นค้า ราคาของสิ นค้า รู ปภาพของสิ นค้า ได้ เมือทําการเพิมลงไปแล้วข้อมูลจะถูก ส่ งไปยังฐานข้อมูล product
  • 31. 25 4.8**หน้ าแก้ ไข-ลบรายการสิ นค้ า ภาพที 4-8**หน้าแก้ไข-ลบรายการสิ นค้า ********จากภาพที 4-8**เป็ นหน้าทีมีไว้สาหรับการแก้ไขและลบรายการสิ นค้าจะมีการแสดง ํ รายละเอียดสิ นค้า สามารถทําการเพิมข้อมูลและทําการลบข้อมูลออกได้โดยการคลิกทีเครื องหมาย กากบาทเมือคลิกแล้วจะทําการลบข้อมูลออกจากฐานข้อมูล product 4.9**หน้ าการออกจากระบบ ภาพที 4-9**หน้าการออกจากระบบ ********จากภาพที 4-9 เป็ นหน้าทีจะแสดงขึนมาหลังจากทําการออกจากระบบโดยการ logout ซึ ง จะปรากฏข้อความ คุ ณได้ออกจากรส่ วนของผูดูแลระบบแล้วเมื อทําการออกแล้วจะไม่สามารถ ้ แก้ไขหรื อลบข้อมูลใดๆในระบบได้จะต้องทําการเข้าสู่ ระบบอีกครัง
  • 32. 26 4.10**หน้ าปรับปรุ งรายการสิ นค้ า ภาพที 4-10**หน้าปรับปรุ งรายการสิ นค้า ********จากภาพที 4-10**จะเป็ นหน้า ที ไว้สํ า หรั บ การแก้ไ ขและลบข้อ มู ล สิ น ค้า ออกจาก ฐานข้อมูล product โดยการคลิกทีเครื องหมายกากบาทและจะสามารถเพิมข้อมูลได้โดยการคลิกที เครื องหมายถูกเมือคลิกแล้วจะมีฟอร์ มการเพิมเติมข้อมูล ในส่ วนของหน้านี หากไม่ได้ทาการเข้าสู่ ํ ระบบโดยรหัสของผูดูแลระบบ ้
  • 33. บทที 5 สรุ ปผลและข้ อเสนอแนะ 5.1**สรุ ปผลจากการทดสอบเว็บไซต์ ********การทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า มีหลักการทีจะพัฒนาใน ั เรื องของการขายสิ นค้าให้กบลูกค้า โดยจะแสดงรายละเอียดของสิ นค้า ราคาของสิ นค้า รู ปของ สิ นค้าทําให้สะดวกต่อการตัดสิ นใจเลือกของลูกค้า และมีแผนทีแสดงทีตังของร้านค้าทําให้ลูกค้า สามารถติดต่อกับทางร้านได้โดยตรง ********จากการทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า ระบบของเว็บไซต์ สามารถทําการตรวจดูสินค้าทีมีวางจําหน่ายภายในร้านและสามารถทําการสังซื อสิ นค้าโดยการพิมพ์ ในแบบฟอร์ มการเยียมชมซึ งเมือกรอกลงไปข้อมูลการสังซื อจะถูกส่ งไปยังฐานข้อมูลและทางร้าน จะส่ งสิ นค้าไปให้โดยทีลูกค้าจะต้องทําการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของทางร้าน ซึ งระบบสามารถทํา การขายสิ นค้ากับลูกค้าได้จริ ง ********จากการทําโครงงานการพัฒนาเว็บไซต์ เรื องการขายอุปกรณ์เดินป่ า ได้มีการทดสอบ เว็บไซต์การขายอุปกรณ์เดินป่ าซึ งการจัดทําเว็บไซต์ขึนมาในครังนี เป็ นไปตามวัตถุประสงค์ของ โครงการ ทําให้ได้เว็บไซต์ตามทีกําหนดและยังสามารถนําไปใช้งานได้ง่ายและสะดวก อย่างไรก็ ตามการพัฒนาเว็บไซต์สามารถทําการพัฒนาระบบเว็บไซต์ต่อยอดให้มีความสมบูรณ์และครบถ้วน ได้อีก หรื อมีประสิ ทธิ ภาพมากขึนกว่าเดิม 5.2**ปัญหาและอุปสรรค์ ในการทดลอง ********5.2.1**ปั ญหาการสร้างเว็บไซต์ให้สามารถเชื อมต่อกับฐานข้อมูล ********5.2.2**ปั ญหาการออกแบบเว็บไซต์เนื องจากเป็ นโปรแกรมทีจะต้องพิมพ์โค้ดเองจึงทําให้ เว็บไซต์ออกมาไม่สวยงามเท่าทีควร 5.3**การแก้ ไขปั ญหา ********5.3.1**ในการสร้างเว็บไซต์ให้สามารถเชื อต่อกับฐานข้อมูลควรสร้างฐานข้อมูลไว้ก่อน แล้วจึงเขียนโค้ดให้เชื อต่อกับฐานข้อมูล ********5.3.2**ในการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามควรใช้โปรแกรมตัวอืนเข้ามาช่วยในการ ออกแบบรู ปภาพให้มีความสวยงาม
  • 34. 28 เอกสารอ้ างอิง สุ ริยน ศรี สวัสดิกุล. ระบบสื อสารข้ อมูลคอมพิวเตอร์ . พิมพ์ครังที 2, กรุ งเทพฯ : สกายบุค, 2540. ั ๊ ลอง, ลารี . เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศ. กรุ งเทพฯ : เพียร์ สัน เอ็ดดูเคชัน อินโดไชน่า, ********2543. วิเศษศักดิ โคตรอาษา. เทคโนโลยีสารสนเทศเพือการเรี ยนรู้ . กรุ งเทพฯ : เธิ ร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชัน, 2542 ชาญชัย ศุภอรรถกร. การพัฒนาเว็บเพจชั นสู ง. พิมพ์ครังที 1. กรุ งเทพฯ : บริ ษท ซัคเซค มีเดีย จํากัด, ั ********2540. สุ นนทา วิเชียรชม. (2553). หลักการออกแบบเว็บเพจ. 26. (ออนไลน์). สื บค้นเมือ 2 กันยายน 2555. ั ********จาก http://rcccom.blogspot.com/. เว็บไซต์ . 1.(ออนไลน์). สื บค้นมือ 2 กันยายน 2555. จาก http://th.wikipedia.org/wiki/เว็บไซต์
  • 35. 29 ภาคผนวก ก โค้ ด เว็บไซต์ การขายอุปกรณ์ เดินป่ า
  • 36. 30 Admin.php <? ob_start(); echo "<body bgcolor=#CC990> <table width=700 height=480 border=0> <rt> <td height=119 colspan=2 bgcolor=#006600><h1><center> <font color=#FFFFFF> ผูดูแลระบบ </font></center><h1><br> ้ </td> </tr> <td width=1007 bgcolor=#FFFFFF>"; session_start(); if (($user=="root") &&($password =="123456")) { if(!$send) { echo "<form method=post action=$PHP_SELF> <input type=hidden name=code value=$id> รายละเอียดประเภทสิ นค้า : <input type=text name=type value$product_type><br> ราคา : <input type=text name=price value=$price><br> รู ปภาพ : <input type = file name=picture><br> <input type=submit value=ตกลง name=send> <input type=reset value=ยกเลิก name=cancel> </form>"; } else { $path_pic="c:/AppServ/www/par/images/"; copy ($picture, "$path_pic/$type.jpg");