1. 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทยาศาสตร์
ิ
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๓
สาระที่ ๑ สิ่ งมีชีวตกับกระบวนการดารงชีวต
ิ ิ
มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้ าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวฒนาการของ ั
สิ่ งมีชีวต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ เทคโนโลยีชีวภาพทีมีผลกระทบต่ อมนุษย์ และ
ิ ่
สิ่ งแวดล้ อม มีกระบวนการสื บเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่ อสาร สิ่ งทีเ่ รียนรู้ และนา
ความรู้ ไปใช้ ประโยชน์
ตัวชี้วดั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. สังเกตและอธิบายลักษณะ นักเรียนรู้ อะไร สังเกต ตั้งคาถาม ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์
ของโครโมโซมที่มีหน่วย ่
๑. เมื่อมองเซลล์ผานกล้องจุลทรรศน์จะเห็น แสดงผล บันทึก และอธิบายลักษณะของ
พันธุกรรมหรื อยีนใน ่
เส้นใยเล็กๆ พันกันอยูในนิวเคลียส เมื่อ โครโมโซมและนาเสนอให้ผอื่นเข้าใจ
ู้
นิวเคลียส เกิดการแบ่งเซลล์ เส้นใยเหล่านี้จะขดสั้น
เข้าจนมีลกษณะเป็ นท่อนสั้น เรี ยกว่า
ั
โครโมโซม
๒. โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอและ
โปรตีน
๓. ยีนหรื อหน่วยพันธุกรรมเป็ นส่วนหนึ่งที่
่
อยูบนดีเอ็นเอ
๒. อธิบายความสาคัญของ ๑. เซลล์หรื อสิ่ งมีชีวต มีสารพันธุกรรมหรื อ
ิ สังเกต ตั้งคาถาม ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์
สารพันธุกรรมหรื อดีเอ็น ดีเอ็นเอที่ควบคุมลักษณะของการ แสดงผล บันทึก อธิบายลักษณะสาคัญของสาร
เอ และกระบวนการ แสดงออก พันธุกรรม (DNA) และกระบวนการถ่ายทอด
ถ่ายทอดลักษณะทาง ๒. ลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยีน ลักษณะทางพันธุกรรม
พันธุกรรม จากพ่อและแม่สามารถถ่ายทอดสู่ลูกผ่าน
ทางเซลล์สืบพันธุ์และการปฏิสนธิ
๓. อภิปรายโรคทาง ๑. โรคธาลัสซีเมีย ตาบอดสี เป็ นโรคทาง สังเกต ตั้งคาถาม ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์
พันธุกรรมที่เกิดจาก พันธุกรรม ที่เกิดจากความผิดปกติของยีน แสดงผล บันทึก อภิปรายโรคทางพันธุกรรม
ความผิดปกติของยีน ๒. กลุ่มอาการดาวน์เป็ นความผิดปกติของ และนาเสนอผลงานให้ผอื่นเข้าใจ
ู้
และโครโมโซมและนา ร่ างกาย ซึ่งเกิดจากการที่มีจานวน
ความรู ้ไปใช้ประโยชน์ โครโมโซมร่ างกายเกินมา
๓. ความรู ้เกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรมสามารถ
นาไปใช้ในการป้ องกันโรค ดูแลผูป่วย้
และวางแผนครอบครัว

2. 2
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๔. สารวจและอธิบายความ ความหลากหลายทางชีวภาพที่ทาให้สิ่งมีชีวติ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม
่ ่ ั
หลากหลายทางชีวภาพใน อยูอย่างสมดุล ขึ้นอยูกบความหลากหลายของ วิเคราะห์ แสดงผล บันทึก และอธิบายถึง
ท้องถิ่นที่ทาให้สิ่งมีชีวต ระบบนิเวศ ความหลากหลายของชนิดสิ่ งมีชีวต
ิ ิ ความหลากหลากทางชีวภาพของสิ่ งมีชีวต-ิ
ิ ่
ดารงชีวตอยูได้อย่างสมดุล และความหลากหลายทางพันธุกรรม ศึกษานอกสถานที่เกี่ยวกับความหลากหลาย
ทางชีวภาพในท้องถิ่น
๕. อธิบายผลของความ ๑. การตัดไม้ทาลายป่ าเป็ นสาเหตุหนึ่ งที่ทาให้เกิด ตั้งคาถาม สังเกต วางแผน สารวจ
หลากหลายทางชีวภาพที่ การสูญเสี ยความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่ง รวบรวม วิเคราะห์ แสดงผล บันทึก อธิบาย
มีต่อมนุษย์ สัตว์ พืช ส่งผลกระทบต่อการดารงชีวตของมนุษย์
ิ ผลของความหลากหลายทางชีวภาพต่อ
และสิ่ งแวดล้อม สัตว์ พืชและสิ่ งแวดล้อม สิ่ งมีชีวตและนาเสนอข้อมูลให้อื่นเข้าใจได้
ิ
๒. การใช้สารเคมีในการกาจัดศัตรู พชและสัตว์
ื
ส่งผลกระทบต่อสิ่ งมีชีวตทั้งมนุษย์ สัตว์และ
ิ
พืช ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความ
หลากหลายทางชีวภาพและส่งผลกระทบต่อ
สิ่ งแวดล้อม
๖. อภิปรายผลของ ผลของเทคโนโลยีชีวภาพ มีประโยชน์ต่อ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจรวบรวม
เทคโนโลยีชีวภาพต่อ มนุษย์ ทั้งด้านการแพทย์ การเกษตรและ วิเคราะห์ แสดงผล บันทึก อภิปรายผลของ
การดารงชีวตของมนุษย์
ิ อุตสาหกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ ต่อการดารงชีวตของ
ิ
และสิ่ งแวดล้อม มนุษย์และสิ่ งแวดล้อมและนาเสนอข้อมูลให้
ผูอื่นเข้าใจ
้

3. 3
สาระที่ ชีวตกับสิ่ งแวดล้อม
ิ
มาตรฐาน ว ๒. ๑ เข้ าใจสิ่ งแวดล้อมในท้ องถิ่น ความสั มพันธ์ ระหว่างสิ่ งแวดล้อมกับสิ่ งมีชีวต ความสั มพันธ์
ิ
ระหว่ างสิ่ งมีชีวตต่ าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสื บเสาะ หาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์
ิ
สื่ อสารสิ่ งทีเ่ รียนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. สารวจระบบนิเวศต่างๆใน ระบบนิเวศประกอบด้วยสิ่ งมีชีวตหลาย
ิ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม
ท้องถิ่นและอธิบาย ชนิดที่มีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กนทั้ง
ั วิเคราะห์ แสดงผล บันทึก อภิปรายผลของ
ความสัมพันธ์ของ สิ่ งมีชีวตและสิ่ งแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น
ิ ระบบนิเวศต่าง ๆ ในท้องถิ่นและ
องค์ประกอบภายในระบบ ประกอบด้วยองค์ประกอบทางชีวภาพเฉพาะแต่ ความสัมพันธ์องค์ประกอบภายในระบบนิเวศ
นิเวศ ละท้องถิ่น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องสัมพันธืกนทั้ง
ั
สิ่ งมีชีวตและสิ่ งแวดล้อม
ิ
๒. วิเคราะห์และอธิบาย ั
สิ่ งมีชีวตมีความสัมพันธ์กนโดยมีการ
ิ สังเกต ตั้งคาถาม ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์
ความสัมพันธ์ของการ ถ่ายทอดพลังงานในรู ปของโซ่อาหารและสายใย แสดงผล บันทึก อภิปรายผลของความสัมพันธ์
ถ่ายทอดพลังงานของ อาหาร ของการถ่ายทอดพลังงานของสิ่ งมีชีวตในรู ป
ิ
สิ่ งมีชีวตในรู ปของโซ่
ิ ของโซ่อาหารและสายใยอาหาร และนาเสนอ
อาหารและสายใยอาหาร ข้อมูลให้ผอื่นเข้าใจ
ู้
๓. อธิบายวัฏจักรน้ า วัฏจักร น้ าและคาร์บอนเป็ นองค์ประกอบในสิ่ งมีชีวต สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม วิเคราะห์
ิ
คาร์บอน และความสาคัญที่ และสิ่ งไม่มีชีวต มีการหมุนเวียนเป็ นวัฏจักรใน แสดงผล บันทึกและอธิบายถึงอธิบายวัฏจักร
ิ
มีต่อระบบนิเวศ ระบบนิเวศ ทาให้สิ่งมีชีวตในระบบสามารถ
ิ น้ า วัฏจักรคาร์บอน และความสาคัญที่มีต่อ
นาไปใช้ประโยชน์ ระบบนิเวศ
๔. อธิบายปั จจัยที่มีผลต่อการ ขนาดของประชากรเป็ นปัจจัยที่มีผลกระทบ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม วิเคราะห์
เปลี่ยนแปลงขนาดของ ต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ แสดงผล บันทึกและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ
ประชากรในระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรใน
ระบบนิเวศและนาเสนอข้อมูลให้ผอื่นเข้าใจ
ู้
ได้

4. 4
สาระที่ ๒ ชีวตกับสิ่ งแวดล้ อม
ิ
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้ าใจความสาคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติในระดับท้องถิ่น
ประเทศ และโลกนาความรู้ ไปใช้ ในในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้ อมใน
ท้องถิ่นอย่างยังยืน
่
ตัวชี้วดั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. วิเคราะห์สภาพปั ญหา สภาพแวดล้อมที่ถูกทาลายโดยภัยธรรมชาติ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม วิเคราะห์
สิ่ งแวดล้อมทรัพยากร และมนุษย์ก่อให้เกิดปั ญหาและส่งผลกระทบต่อ แสดงผล บันทึกและอธิบายและนาเสนอ
ธรรมชาติในท้องถิ่น และ การดารงชีวตของสิ่ งมีชีวต
ิ ิ ข้อมูลของสภาพปั ญหาสิ่ งแวดล้อม
เสนอแนวทางในการแก้ไข ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น และเสนอ
ปั ญหา แนวทางในการแก้ไขปั ญหา
๒. อธิบายแนวทางการรักษา การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจะเป็ นการ สังเกต ตั้งคาถาม สารวจ รวบรวม
สมดุลของระบบนิเวศ รักษาสมดุลของระบบนิเวศที่ตองมีการควบคุม
้ วิเคราะห์ แสดงผล บันทึกและอภิปรายผลของ
จานวนผูผลิต
้ แนวทางการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และ
นาเสนอข้อมูล
๓.อภิปรายการใช้ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สารวจและรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ การ
ทรัพยากรธรรมชาติ อย่าง เป็ นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด อภิปราย สรุ ป วิธีการนาทรัพยากรธรรมชาติ
ยังยืน
่ และคุมค่า หาสิ่ งทดแทนและ/หรื อนากลับมาใช้
้ มาใช้อย่างคุมค่าและยังยืนด้วยวิธีการต่าง ๆ
้ ่
ใหม่ การอภิปรายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่าง
ยังยืน
่
๔. วิเคราะห์และอธิบายการใช้ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติตามแนวทางหลัก สื บค้น และรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และ
ทรัพยากรธรรมชาติ ตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็ นแนวทางหนึ่ง อธิบาย วิธีการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติ ตาม
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๕ อภิปรายปั ญหา ปั ญหาสิ่ งแวดล้อมมีหลากหลาย เช่น การสื บค้นข้อมูล รวรวมและวิเคราะห์
สิ่ งแวดล้อมและ มลพิษทางน้ า มลพิษทางเสี ยง มลพิษทางอากาศ อภิปราย กาหนดแนวทางการแก้ปัญหา
เสนอแนะแนวทางการ มลพิษทางดิน ฯลฯ การป้ องกันและแก้ปัญหา สิ่ งแวดล้อม
แก้ปัญหา สิ่ งแวดล้อมที่เหมาะสมเป็ นระบบทุกคนมีส่วน
ร่ วมทาให้ปัญหาดังกล่าวลดลงและอาจจะหมด
ไปได้ในที่สุด
๖. อภิปรายและมีส่วนร่ วมใน การให้ความร่ วมมือจากทุกฝ่ ายในการดูแลและ ตั้งคาถาม สารวจและสังเกต บันทึกข้อมูล
การดูแลและอนุรักษ์ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ทาให้ วิเคราะห์ กาหนดทางเลือก ประเมินทางเลือก
สิ่งแวดล้ อมในท้ องถินอย่ าง สิ่ งแวดล้อมในท้องถิ่นมีความสมดุลอย่างยังยืน
่ ่ และเลือกทางเลือก ปฏิบติตามแนวทางการ
ั
ยังยืน
่ ดูแลและอนุรักษ์ส่ิ งแวดล้อมในท้องถิ่นโดย
การมีส่วนร่ วมจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่น

5. 5
สาระที่ ๔ แรงและการเคลือนที่
่
มาตรฐาน ว ๔. ๑ เข้ าใจธรรมชาติของแรงแม่ เหล็กไฟฟา แรงโน้ มถ่ วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนการสื บ
้
เสาะหาความรู้ สื่ อสารสิ่ งทีเ่ รี ยนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์ อย่ างถูกต้ องและมีคุณธรรม
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. อธิบายความเร่ ง และผลของ ๑. ความเร่ งคือ ความเร็ วที่เปลี่ยนไปในหนึ่ง การสังเกต การตั้งคาถาม สารวจ บันทึก
แรงลัพธ์ที่ทาต่อวัตถุ หน่วยเวลา หรื ออัตราการเปลี่ยนความเร็ ว ข้อมูล ตั้งสมมติฐาน วิเคราะห์ กาหนด
เป็ นปริ มาณเวคเตอร์ ทางเลือก ทดสอบ ออกแบบการทดลอง
๒. วัตถุเคลื่อนที่ดวยความเร็ วที่เปลี่ยนแปลง
้ ตรวจสอบและนาเสนอข้อมูล
เป็ นการเคลื่อนที่ดวยความเร่ ง
้
๓. แรงลัพธ์มีค่าไม่เท่ากับศูนย์กระทาต่อวัตถุ
วัตถุจะเคลื่อนที่ดวยความเร่ งซึ่งมีทิศทาง
้
เดียวกับแรงลัพธ์
๒. ทดลองและอธิบายแรง ๑. แรงกิริยา หมายถึงแรงใด ๆ ที่กระทาต่อ ทดลองและอธิบายแรงกิริยาและแรง
กิริยาและแรงปฏิกิริยา วัตถุที่จุดใดจุดหนึ่ง ปฏิกิริยาระหว่างวัตถุ การนาความรู ้เรื่ องแรง
ระหว่างวัตถุ และนาความรู ้ ๒. แรงปฏิกิริยา หมายถึงแรงที่กระทาตอบโต้ กิริยาและแรงปฏิกิริยาไปประยุกต์ใช้
ไปใช้ประโยชน์
ต่อแรงกิริยาที่จุดเดียวกันโดยมีขนาด ประโยชน์ได้
เท่ากับแรง กิริยา แต่มีทิศทางตรงข้าม
๓. เมื่อมีแรงกิริยาจะมีแรงปฏิกิริยาโต้ตอบ
ด้วยขนาดของแรงเท่ากัน แต่มีทิศทางตรง
ข้าม
๓. ทดลองและอธิบายแรง ๑. แรงพยุง คือ แรงที่ของเหลวกระทาต่อวัตถุ การสังเกต การตั้งคาถาม สมมติฐาน
พยุงของของเหลวที่กระทา มีค่าเท่ากับน้ าหนักของของเหลวที่มี ทดลองและอธิบาย นาเสนอแรงพยุงของ
ต่อวัตถุ ปริ มาตรเท่ากับส่วนที่จมของวัตถุ ของเหลวที่กระทาต่อวัตถุ
๒. ของเหลวที่มีความหนาแน่นมากจะมีแรง
พยุงมาก
๓. วัตถุที่ลอยได้ในของเหลวจะมีความ
หนาแน่นน้อยกว่าความหนาแน่นของ
ของเหลว

6. 6
สาระที่ ๔ แรงและการเคลือนที่
่
มาตรฐาน ว ๔.๒เข้ าใจลักษณะการเคลือนทีแบบต่ างๆ ของวัตถุในธรรมชาติมีกระบวนการสื บเสาะหาความรู้
่ ่
และจิตวิทยาศาสตร์ สื่ อสารสิ่ งทีเ่ รียนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. ทดลองและอธิบายความ แรงเสี ยดทานสถิตเป็ นแรงเสี ยดทานที่ การสังเกต การตั้งคาถาม ตั้งสมมติฐาน
แตกต่างระหว่างแรงเสี ยด กระทาต่อวัตถุขณะหยุดนิ่ง ส่วนแรงเสี ยด ทดลองและอธิบายความแตกต่างระหว่างแรง
ทานสถิตกับแรงเสี ยดทาน ทานจลน์เป็ นแรงเสี ยดทานที่กระทาขณะ เสี ยดทานสถิตกับแรงเสี ยดทานจลน์ออกแบบ
จลน์และนาความรู ้ไปใช้ วัตถุเคลื่อนที่ซ่ ึงสามารถลดหรื อเพิ่มแรง นาความรู ้เรื่ องแรงเสี ยดทานไปประยุกต์ใช้
ประโยชน์ เสี ยดทานด้วยวิธีการต่างๆ ประโยชน์
๒. ทดลองและวิเคราะห์ ๑. เมื่อมีแรงที่กระทาต่อวัตถุ แล้วทาให้เกิด ตั้งคาถาม สารวจและสังเกต ทดลอง บันทึก
โมเมนต์ของแรงและนา โมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุน วัตถุจะ ข้อมุล วิเคราะห์ กาหนดทางเลือก ตรวจสอบ
ความรู ้ไปใช้ประโยชน์ เปลี่ยนสภาพการหมุน สรุ ปผล รายงาย และนาความรู ้ไปประยุกต์ใช้ใน
๒. การวิเคราะห์โมเมนต์ของแรงใน ชีวตประจาวัน
ิ
สถานการณ์ต่าง ๆ
๓. สังเกตและอธิบายการ การเคลื่อนที่ของวัตถุมีท้ งการเคลื่อนที่ใน
ั การตั้งคาถาม สังเกต รวบรวมข้อมูล สรุ ป
เคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็ น แนวตรง เช่นการตกแบบเสรี และการ และอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็ นแนวตรง
แนวตรงและแนวโค้ง เคลื่อนที่ในแนวโค้ง เช่น การเคลื่อนที่แบบ และแนวโค้ง
โพรเจกไทล์ของลูกบาสเก็ตบอลในอากาศ
การเคลื่อนที่แบบวงกลมของวัตถุที่ผเู ้ ชือก
แกว่ง เป็ นต้น

7. 7
สาระที่ ๕ พลังงาน
มาตรฐาน ว ๕. ๑ เข้ าใจความสั มพันธ์ ระหว่ างพลังงานกับการดารงชี วต การเปลียนรู ปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ิ ่
ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้ พลังงานต่ อชีวตและสิ่ งแวดล้อม มีกระบวน การ
ิ
สื บเสาะหาความรู้ สื่ อสารสิ่ งทีเ่ รี ยนรู้ และ นาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. อธิบายพลังงานจลน์ ๑. การให้งานแก่วตถุเป็ นการถ่ายโอนพลังงาน
ั สังเกต ตั้งคาถาม วางแผนทดลอง/สื บค้นข้อมูล
พลังงานศักย์โน้มถ่วงกฎ ให้วตถุ พลังงานนี้เป็ นพลังงานกลซึ่ง
ั วิเคราะห์ จัดกระทา อธิบาย นาเสนอและเขียน
การอนุรักษ์พลังงาน และ ประกอบด้วยพลังงานศักย์ และพลังงาน รายงาน
ความสัมพันธ์ระหว่าง จลน์พลังงานจลน์เป็ นพลังงานของวัตถุและ
ปริ มาณเหล่านี้ รวมทั้งนา
วัตถุเคลื่อนที่ส่วนพลังงานศักย์โน้มถ่วงของ
ความรู ้ไปใช้ประโยชน์
่
วัตถุ เป็ นพลังงานของวัตถุที่อยูสุงจากพื้น
โลก
๒. กฎการอนุรักษ์พลังงานกล่าวว่า พลังงาน
รวมของวัตถุไม่สูญหาย แต่สามารถเปลี่ยน
รู ปจากรู ปหนึ่งไปเป็ นอีกรู ปหนึ่งได้
๓. การนากฎการอนุรักษ์พลังงานไปใช้
ประโยชน์ในการอธิบายปรากฏการณ์ เช่น
พลังงานน้ าเหนือเขื่อนเปลี่ยนรู ปจากพลัง
งานศักย์โน้มถ่วงเป็ นพลังงานจลน์ ปั้ นจัน ่
ตอกเสาเข็ม
๒. ทดลองและอธิบาย ความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้ า และความ สังเกต ตั้งคาถาม วางแผนตั้งคาถาม สังเกต
ั
ความสัมพันธ์ระหว่างความ ต้านทาน มีความสัมพันธ์กนตามกฎของโอห์ม ทดลอง สื บค้นข้อมูล เก็บรวบรวมข้อมูล
ต่างศักย์ กระแสไฟฟ้ า และนากฎของโอห์มไปใช้วเิ คราะห์วงจรไฟฟ้ า บันทึกผล อภิปราย สรุ ปและนาเสนออธิบาย
ความต้านทาน และนา อย่างง่าย ความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์
ความรู ้ไปใช้ประโยชน์ กระแสไฟฟ้ า ความต้านทาน ตามกฎของโอห์ม
และการนาความรู ้ไปใช้ประโยชน์
๓. คานวณพลังงานไฟฟ้ าของ การคานวณพลังงานไฟฟ้ าของ ตั้งคาถาม คานวณการใช้ไฟฟ้ า วางแผน
เครื่ องใช้ไฟฟ้ า และนา เครื่ องใช้ไฟฟ้ าเป็ นส่วนหนึ่งของการคิดค่า สื บค้นข้อมูล สังเกต เก็บรวบรวมข้อมูล บันทึก
ความรู ้ไปใช้ประโยชน์ ไฟฟ้ า นาความรู ้ไปใช้เป็ นแนวทางในการ ผล อภิปราย สรุ ปและนาเสนออธิบายการ
ประหยัดพลังงานไฟฟ้ าในบ้าน คานวณการใช้ไฟฟ้ าและนาความรู ้ไปใช้เป็ น
แนวทางในการประหยัดพลังงานไฟฟ้ าในบ้าน

8. 8
๔. สังเกตและอภิปรายการต่อ การต่อวงจรไฟฟ้ าในบ้านต้องออกแบบ ตั้งคาถาม สังเกต วางแผนสื บค้นข้อมูล เก็บ
วงจรไฟฟ้ าในบ้านอย่าง วงจร ติดตั้งเครื่ องใช้ไฟฟ้ า อุปกรณ์ไฟฟ้ าอย่าง รวบรวมข้อมูล บันทึกผล อภิปราย สรุ ปและ
ถูกต้องปลอดภัย และ ถูกต้อง โดยต่อสวิตซ์แบบอนุกรม ต่อเต้ารับ นาเสนออธิบาย การต่อวงจรไฟฟ้ าในบ้าน
ประหยัด แบบขนาน และเพื่อความปลอดภัยต้องต่อสาย อย่างถูกต้องปลอดภัย และประหยัด
ดินและฟิ วส์ รวมทั้งต้องคานึงถึงการใช้ไฟฟ้ า
อย่างประหยัด
๕. อธิบายตัวต้านทาน ตัวต้านทาน ไดโอดทรานซิสเตอร์เป็ น ตั้งคาถาม สังเกต วางแผน ทดลอง เก็บ
ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ มีสมบัติทางไฟฟ้ า รวบรวมข้อมูล บันทึกผล อภิปราย สรุ ปและ
และทดลองต่อวงจร แตกต่างกัน ตัวต้านทานทาหน้าที่จากัด นาเสนออธิบาย การต่อต่อวงจร
อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้นที่ กระแสไฟฟ้ าในวงจร ไดโอดมีสมบัติให้ อิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้นที่มีทรานซิสเตอร์
มีทรานซิสเตอร์ กระแสไฟฟ้ าผ่านได้ทิศทางเดียว และ
ทรานซิสเตอร์ทาหน้าที่เป็ นสวิตซ์ปิด – เปิ ด การ
ประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น

9. 9
สาระที่ ๗ ดาราศาสตร์ และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๗. ๑ เข้ าใจวิวฒนาการของระบบสุ ริยะ กาแล็กซีและเอกภพการปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสุ ริยะและ
ั
ผลต่ อสิ่ งมีชีวตบนโลก มีกระบวนการสื บเสาะ หาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ การสื่ อสารสิ่ ง
ิ
ทีเ่ รี ยนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. สื บค้นและอธิบาย ๑. แรงโน้มถ่วงทาให้ดวงจันทร์โคจรรอบ ตั้งคาถาม สังเกต วางแผน เก็บรวบรวม
ความสัมพันธ์ระหว่างดวง โลกและดาวบริ วาร โคจรรอบดวงอาทิตย์ บันทึกผล อภิปราย สรุ ปและนาเสนอ
อาทิตย์ โลก ดวงจันทร์และ เกิดเป็ นระบบสุริยจักรวาล
ดาวเคราะห์อื่น ๆ และผลที่ ๒. แรงโน้มถ่วงที่ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์
เกิดขึ้นต่อสิ่ งแวดล้อมและ กระทาต่อโลก ทาให้เกิดปรากฎการณ์
สิ่ งมีชีวตบนโลก
ิ น้ าขึ้น น้ าลง11.
๒.สื บค้นและอธิบาย เอกภพประกอบด้วย ระบบสุริยะ สื บค้นข้อมูลเกี่ยวกับเอกภพ ดาวฤกษ์ กา
องค์ประกอบของเอกภพ กาแล็กซีจานวนมาก ซึ่งแต่ละกาแลกซี แลกซี ระบบสุริยะและตาแหน่งของกลุ่มดาว
กาแล็กซี และระบบสุริยะ ประกอบด้วยดาวฤกษ์หลายล้านดวงอยูเ่ ป็ น ฤกษ์ ออกแบบจาลองกลุ่มดาว กาแล็กซี
ระบบด้วยแรงโน้มถ่วง อภิปราย / วิเคราะห์ความเชื่อกับดวงดาว
๓.ระบุตาแหน่งของกลุ่มดาว กาแล็กซีจานวนมาก ซึ่งแต่ละกาแลกซี สื บค้นข้อมูลเกี่ยวกับเอกภพ ดาวฤกษ์
และนาความรู ้ไปใช้ ประกอบด้วยดาวฤกษ์หลายล้านดวง อยูเ่ ป็ น กาแลกซี ระบบสุริยะและตาแหน่งของกลุ่ม
ประโยชน์ ระบบด้วยแรงโน้มถ่วง ดาวฤกษ์ ออกแบบจาลองกลุ่มดาว กาแล็กซี
อภิปราย / วิเคราะห์ความเชื่อกับดวงดาว
สาระที่ ๗ ดาราศาสตร์ และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๗.๒ เข้ าใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศทีนามาใช้ ในการสารวจอวกาศและรัพยากรธรรมชาติ
่
ด้ านการเกษตรและการสื่ อสาร มีกระบวนการสื บเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่ อสาร
สิ่ งทีเ่ รียนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ประโยชน์ อย่ างมีคุณธรรมต่ อชี วตและสิ่ งแวดล้ อม
ิ
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร ผู้เรียนทาอะไรได้
๑. สื บค้นและอภิปราย จรวด ดาวเทียม และยานอวกาศ เป็ น การสังเกต ตั้งคาถาม สารวจ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เทคโนโลยีอวกาศที่มนุษย์นามาใช้ประโยชน์ ตรวจสอบ สื บค้น สรุ ปและนาเสนอ
อวกาศที่ใช้สารวจอวกาศ วัตถุ ในการสารวจข้อมูลของวัตถุทองฟ้ า สภาวะ
้ เกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ท้องฟ้ า สภาวะอากาศ อากาศ การเกษตร และการสื่ อสาร อวกาศ
ทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตร
และการสื่ อสาร

10. 10
สาระที่ ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๘. ๑ ใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ ในการสื บเสาะหาความรู้ การแก้ ปัญหา รู้ ว่า
ปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติที่เกิดขึนส่ วนใหญ่ มีรูปแบบทีแน่ นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
้ ่
ภายใต้ ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่ วงเวลานั้นๆ เข้ าใจว่ า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สั งคม และ
สิ่ งแวดล้อม มีความเกียวข้ องสั มพันธ์ กน
่ ั
ตัวชี้วด
ั ผู้เรียนรู้ อะไร/ทาอะไรได้
๑. ตั้งคาถามที่กาหนดประเด็นหรื อตัวแปรที่สาคัญในการสารวจตรวจสอบ หรื อ
ศึกษาค้นคว้าเรื่ องที่สนใจได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้
๒. สร้างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ
จะนาไปแทรกในสาระที่ ๑ – ๗
วิธี
ในการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
๓. เลือกเทคนิควิธีการสารวจตรวจสอบทั้งเชิงปริ มาณและเชิงคุณภาพที่ได้ผล
เที่ยงตรงและปลอดภัย โดยใช้วสดุและเครื่ องมือที่เหมาะสม
ั เพือพัฒนาทักษะการคิด
่
๔. รวบรวมข้อมูล จัดกระทาข้อมูลเชิงปริ มาณและคุณภาพ
๕. วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุ ป ทั้งที่
สนับสนุนหรื อขัดแย้งกับสมมติฐาน และความผิดปกติของข้อมูลจากการสารวจ
ตรวจสอบ
๖. สร้างแบบจาลอง หรื อรู ปแบบ ที่อธิบายผลหรื อแสดงผลของการสารวจ
ตรวจสอบ
๗. สร้างคาถามที่นาไปสู่การสารวจตรวจสอบ ในเรื่ องที่เกี่ยวข้อง และนาความรู ้ที่ได้
ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่หรื ออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และผลของ
โครงงานหรื อชิ้นงานให้ผอื่นเข้าใจ
ู้
๘. บันทึกและอธิบายผลการสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ ค้นคว้าเพิมเติมจากแหล่ง
่
ความรู ้ต่าง ๆ ให้ได้ขอมูลที่เชื่อถือได้ และยอมรับการ เปลี่ยนแปลงความรู ้ที่
้
ค้นพบเมื่อมีขอมูลและประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรื อโต้แย้งจากเดิม
้
๙. จัดแสดงผลงาน เขียนรายงาน และ/หรื ออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ และ
ผลของโครงงานหรื อชิ้นงานให้ผอื่นเข้าใจ
ู้