การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรส (Website Creation with WordPress)

การสรŒางเว็บไซตดŒวย
กฤษณพงศ เลิศบำรุงชัย
TouchPoint.in.th
facebook.com/TouchPoint.in.th
WORDPRESS

1
วิทยากร : อาจารย์กฤษณพงศ์ เลิศบารุงชัย | touchpoint.in.th | facebook.com/TouchPoint.in.th
เอกสารประกอบการบรรยาย การสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress
สารบัญ
เรื่อง หน้า
รู้จักกับ WordPress 1
การติดตั้งและการจาลองเซิร์ฟเวอร์ 2
การเปิดใช้งาน Xampp 4
การดาวน์โหลด WordPress 5
การติดตั้งฐานข้อมูลสาหรับ WordPress 6
การติดตั้ง WordPress 7
การลงชื่อเข้าใช้และการลงชื่อออกจาก WordPress 11
ส่วนประกอบของหน้า Dashboard 12
การตั้งค่าการทางานเบื้องต้นของ WordPress 12
การจัดการผู้ใช้ 17
การสร้างและการแก้ไขหน้า (Page) 18
การสร้างบทความ (Post) 20
การสร้างและการปรับแต่งการแสดงผลเมนู 23
การใช้งานสื่อ (Media) 25
การใช้งานวิดเจ็ต (Widget) 26
การติดตั้ง การใช้งาน และการปรับแต่งรูปแบบเว็บ (Theme) 26
การติดตั้งและใช้งาน Plugins 29
การสารองข้อมูล (Backup) และการกู้คืน (Restore) 45
การแก้ไขขนาดอัพโหลดไฟล์ 47
ชื่อโดเมนและโฮสติ้ง 48
การเตรียมความพร้อมสาหรับติดตั้งเว็บไซต์จริง 50
การดาวน์โหลดและติดตั้ง FileZilla 51
การใช้งาน FileZilla 53

1
รู้จักกับ WordPress
โปรแกรม WordPress
WordPress เป็นโปรแกรมทาเว็บในรูปแบบของการจัดการเนื้อหา (Content Management
System) ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากภาษา PHP ใช้งานร่วมกับฐานข้อมูล MySQL มีการใช้งานที่ง่าย มีความ
ปลอดภัยสูง ทาให้เป็นที่นิยมใช้เป็นเครื่องมือสาหรับสร้างเว็บไซต์จากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบเว็บ (Theme) และส่วนเสริม (Plugins) ให้เลือกใช้มากมาย มีทั้งฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
รูปแบบการใช้งาน WordPress
WordPress.com
เป็นบริการฟรี สามารถสมัครสมาชิกแล้วใช้งานได้ทันที โดยที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเอง โดย URL
ที่ได้จะเป็น Sub Domain ของ WordPress เช่น programsdd.wordpress.com ปกติจะใช้สาหรับทา
เว็บไซต์ในรูปแบบของ Blog การให้บริการฟรีลักษระนี้จะมีข้อจากัดคือ พื้นที่มีเพียง 3 GB ไม่สามารถ
ปรับแต่ง CSS ได้ หากต้องการฟีเจอร์เพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่าย

2
WordPress.org
เป็นการดาวน์โหลดตัวติดตั้งจาก wordpress.org เพื่อมาติดตั้งในโฮสต์ของเราเอง ซึ่งเป็น
ซอฟต์แวร์ฟรี แต่จะไม่สามารถใช้งานได้ทันที ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนของการจดโดเมนเนมและการเช่าโฮสต์
ผู้ใช้จะต้องมีความรู้ด้านเทคนิคเล็กน้อย เช่น การติดตั้ง การใช้ฐานข้อมูล WordPress ในรูปแบบนี้เหมาะ
กับการทาเว็บไซต์ที่สมบูรณ์ เนื่องจากเราสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
การติดตั้งและการจาลองเซิร์ฟเวอร์
การฝึกใช้งาน WordPress สามารถทาได้แบบออฟไลน์ เพื่อลองถูกลองผิดแล้วไม่เกิดความเสียหาย
ต่อเว็บไซต์จริง แต่การทาเว็บไซต์ในลักษณะนี้จะต้องทาบนเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น ดังนั้นผู้ใช้จะต้องจาลอง
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้เป็นเซิร์ฟเวอร์ก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ apachefriends.org
2. ในส่วน Download ให้เลือกดาวน์โหลดตามระบบปฏิบัติการที่ใช้

3
3. ไปที่เก็บไฟล์แล้วดับเบิ้ลคลิกตัวติดตั้ง Xampp
4. ที่หน้าต่าง Warning ให้คลิก OK
5. คลิก Next
8. ยกเลิกคาสั่ง Learn more about Bitnami for XAMPP แล้วคลิก Next

4
10. รอสักครู่ขณะที่โปรแกรมกาลังติดตั้ง
11. หากปรากฏหน้าต่าง Windows Security Alert ให้เลือกคาสั่ง Private และ Public แล้วคลิก
Allow access
12. คลิก Finish
การเปิดใช้งาน Xampp
การเปิดใช้งาน Xampp เปรียบเสมือนการเปิดเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบจาลอง ทุกครั้งที่จะใช้งาน
WordPress ต้องเปิดใช้งาน Xampp ก่อนทุกครั้ง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ไดรว์ Cxampp
2. ดับเบิ้ลคลิก xampp-control

5
3. คลิก Start ที่คาสั่ง Apache และ MySQL
4. เมื่อปุ่ม Start เปลี่ยนเป็น Stop หมายความว่าเปิดการใช้งานแล้ว สามารถคลิกปิดหน้าต่างได้ แต่
โปรแกรมยังทางานอยู่ที่ System Tray
การดาวน์โหลด WordPress
การใช้งาน WordPress อย่างสมบูรณ์จะต้องดาวน์โหลดโปรแกรมมาจาก WordPress.org ก่อน
โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ wordpress.org
2. คลิก Get WordPress

6
3. คลิก Download WordPress
4. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วจะได้ไฟล์ Zip ให้คัดลอกไปไว้ที่ Cxampphtdocs
5. แตกไฟล์ Zip โดยคลิกขวาแล้วเลือกคาสั่ง Extract Here จะได้โฟลเดอร์ wordpress ซึ่งผู้ใช้
สามารถเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์เป็นชื่ออื่นที่ต้องการได้
การติดตั้งฐานข้อมูลสาหรับ WordPress
โปรแกรม WordPress จะต้องทางานบนฐานข้อมูล หลังจากเปิดใช้งานการจาลองเซิร์ฟเวอร์ด้วย
Xampp แล้ว ก่อนติดตั้ง WordPress จะต้องสร้างฐานข้อมูลด้วย phpMyAdmin ก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดเบราว์เซอร์ไปที่ช่องแอดเดรสพิมพ์ localhost/phpmyadmin
2. คลิก New

7
3. ตั้งชื่อฐานข้อมูลกาหนดการเข้ารหัสเป็น utf8_unicode_ciคลิก Create
การติดตั้ง WordPress
เมื่อผู้ใช้สร้างฐานข้อมูลเพื่อรองรับการติดตั้ง WordPress แล้ว ผู้ใช้สามารถติดตั้ง WordPress ได้
1. เปิดเบราว์เซอร์ไปที่ช่องแอดเดรสพิมพ์ localhost/wordpress (หากเป็นชื่อโฟลเดอร์อื่น
ผู้ใต้องเปลี่ยนแอดเดรสไปตามชื่อ เช่น localhost/TouchPoint)
2. เลือกภาษาที่ต้องการ
3. คลิก Continue

8
4. คลิก Let’s go!
5. กาหนดค่าดังต่อไปนี้
Database Name กาหนดชื่อฐานข้อมูลตามที่ตั้งไว้
Username ใส่ root (หากติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์จริงจะมีให้กาหนดชื่อผู้ใช้ตอนสร้างฐานข้อมูล)
Password เว้นว่าง (หากติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์จริงจะมีให้กาหนดรหัสผ่านตอนสร้างฐานข้อมูล)
Database Host ใส่ localhost
Table Prefix เป็นคานาหน้าตาราง ให้กาหนดชื่อตามต้องการ

9
6. คลิก Submit
7. คลิก Run the installation
8. กาหนดรายละเอียดดังนี้
Site Title กาหนดชื่อเว็บไซต์
Username กาหนดชื่อผู้ใช้ (ผู้ดูแล)
Password กาหนดรหัสผ่าน
Your Email กาหนดอีเมล์
Search Engine Visibility กาหนดให้เสิร์ชเอ็นจิ้นค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ได้ (ไม่ต้องเลือก
Discourage search engine from indexing this site เนื่องจากคาสั่งนี้หมายถึงไม่ให้เสิร์ช
เอ็นจิ้นค้นหาได้)

10
9. คลิก Install WordPress
10. คลิก Log in
11. กรอก Username และ Password แล้วคลิก Log in

11
การลงชื่อเข้าใช้และการลงชื่อออกจาก WordPress
การลงชื่อเข้าใช้ WordPress
เมื่อติดตั้ง WordPress แล้ว หากมีการปิดการใช้งาน Xampp หรือ Shutdown คอมพิวเตอร์ เมื่อ
เปิดคอมพิวเตอร์แล้ว ต้องเปิดใช้งาน Xampp ทุกครั้ง หลังจากนั้นการใช้งาน WordPress จะทาผ่าน
เบราว์เซอร์ เช่น Microsoft Edge, Google Chrome หรือ Safari เป็นต้น ผู้ใช้จะต้องไปที่แอดเดรส
localhost/wordpress ทุกครั้ง เนื่องจากเปรียบเสมือน URL นั่นเอง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ localhost/wordpress/wp-login.php
2. กรอก Username และ Password แล้วคลิก Log in
การลงชื่อออกจาก WordPress
เมื่อใช้งาน WordPress เสร็จสิ้นในแต่ะละครั้ง ผู้ใช้ควรลงชื่อออกจากเว็บไซต์ด้วย โดยเฉพาะหาก
ทาบนเซิร์ฟเวอร์จริงเป็นสิ่งที่จาเป็นมาก โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. นาเมาส์ไปชี้ที่ชื่อผู้ใช้
2. คลิก Log Out

12
ส่วนประกอบของหน้า Dashboard
เมื่อลงชื่อเข้าใช้ WordPress เรียบร้อยแล้ว จะปรากฏหน้าหลังบ้านหรือเรียกว่าหน้า Dashboard
โดยส่วนประกอบของหน้า Dashboard มีรายละเอียดดังนี้
แถบเครื่องมือ (Toolbar)
เป็นแถบบนสุดที่แสดงผลตลอดเวลาไม่ว่าการทางานจะอยู่หน้าใดของเว็บ
แถบเมนูหลัก (Main Navigation Menu)
เป็นแถบแสดงคาสั่งที่ใช้สาหรับสร้างเว็บไซต์ให้เป็นไปตามที่ผู้ใช้ต้องการ
พื้นที่การทางาน (Working Space)
เป็นพื้นที่ที่แสดงคาสั่งย่อยที่ใช้สาหรับใส่ข้อมูล ปรับแต่งคุณสมบัติต่างๆ
การตั้งค่าการทางานเบื้องต้นของ WordPress
การตั้งค่าทั่วไป (General)
เมื่อติดตั้ง WordPress เสร็จ ก่อนใช้งาน WordPress ผู้ใช้ควรตั้งค่าการทางานของโปรแกรม
เบื้องต้นก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ SettingsGeneral
2. กาหนดค่าต่างๆ ดังนี้

13
Site Title กาหนดชื่อเว็บไซต์
Tagline กาหนดคาโปรยของเว็บไซต์ (อาจจะใส่เป็นสโลแกนของเว็บก็ได้)
Email Address กาหนดอีเมล์ที่ใช้สาหรับเว็บไซต์นี้
Site Language กาหนดภาษาให้กับคาสั่งของเว็บไซต์
Timezone กาหนดเขตเวลา (สาหรับประเทศไทยให้กาหนดเป็น UTC+7)
Date Format กาหนดรูปแบบวันที่
Time Format กาหนดรูปแบบเวลา
Week Starts on กาหนดวันเริ่มต้นของสัปดาห์ (สาหรับประเทศไทยมักจะกาหนดเป็นวัน
อาทิตย์)
3. คลิก Save Changes
การตั้งค่าการเขียน (Writing)
การตั้งค่าการเขียน (Writing) เป็นการกาหนดค่ามาตรฐานของการโพสต์บทความ โดยมีขั้นตอน
ดังนี้
1. ไปที่ SettingsWriting

14
Default Post Category กาหนดหมวดหมู่เรื่องหลัก
Default Post Format กาหนดรูปแบบบทความ
การตั้งค่าการอ่าน (Reading)
การตั้งค่าการอ่าน (Reading) เป็นการกาหนดการแสดงผลของหน้าเว็บในส่วนของการอ่านเนื้อหา
ในเว็บไซต์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ SettingsReading
Your homepage displays กาหนดการแสดงหน้าแรกของเว็บ
Blog pages show at most กาหนดจานวนเรื่องในการแสดงผลในหน้าบล็อก
Syndication feeds show the most recent กาหนดจานวนการแสดงบทความล่าสุด
For each article in a feed, show กาหนดการแสดงบทความในฟีดข่าว
Search Engine Visibility กาหนดการเข้าถึงของโปรแกรมช่วยในการสืบค้นข้อมูล

15
การตั้งค่าการสนทนา (Discussion)
การสนทนา เป็นการโต้ตอบกันระหว่างผู้ดูแลเว็บไซต์หรือผู้เขียนบทความกับผู้เยี่ยมชม การตั้งค่า
การสนทนา (Discussion) สามารถทาได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ SettingsReading
2. กาหนดค่าต่างๆ เกี่ยวกับบทความ การแสดงความคิดเห็น การกาหนดรูปแทนตัว ระดับความ
เหมาะสมของผู้ชม และรูปแทนตัว

16
การตั้งค่าสื่อ (Media)
การตั้งค่าสื่อ (Media) เป็นการกาหนดค่าเกี่ยวกับการอัพโหลดรูปภาพเข้าไปใน WordPress โดยมี
ขั้นตอนกังนี้
1. ไปที่ SettingsMedia
2. กาหนดค่าต่างๆ เกี่ยวกับการแสดงผลรูป และการอัพโหลดไฟล์
การตั้งค่าลิงค์ถาวร (Permalinks)
การตั้งค่าลิงค์ถาวร (Permalinks) เป็นการกาหนดโครงสร้างของ URL แบบกาหนดเอง เพื่อความ
สวยงามของ URL ของบทความ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ SettingsPermalinks
2. กาหนดค่า เกี่ยวกับการแสดงผลลิงค์ (ปกติมักจะเลือก Post name)

17
การจัดการผู้ใช้
การเพิ่มผู้ใช้ใหม่
การใช้งาน WordPress สามารถมีผู้ใช้ได้หลายคน โดยผู้ดูแลสามารถทาได้โดยไปที่ Users
Add New เพื่อเพิ่มผู้ใช้ใหม่ และสามารถกาหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ได้ เช่น ผู้มีส่วนร่วม ผู้เขียน ผู้ตรวจทาน หรือ
ผู้ควบคุม เป็นต้น
การจัดการข้อมูลส่วนตัว
ผู้ใช้แต่ละคนสามารถปรับแต่งระบบหลังบ้าน และจัดการข้อมูลส่วนตัวได้ เช่น กาหนดเฉดสีของ
หน้า Dashboard ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลติดต่อ รวมถึงการเปลี่ยนรหัสผ่าน สามารถทาได้โดยไปที่
UsersYour Profile

18
การสร้างและการแก้ไขหน้า (Page)
การสร้างหน้า
หน้า (Page) เป็นหน้าที่แสดงเนื้อหาบนเว็บ เหมาะสาหรับหน้าที่แสดงข้อมูลที่ไม่แก้ไขบ่อย ได้แก่
หน้าแรก เกี่ยวกับ ผลงาน ติดต่อเรา เป็นต้น สามารถใช้กับหน้าย่อยได้ด้วย เช่น ในกรณีหน้าหลักเป็นหน้า
แสดงหลักสูตร หน้าย่อยจะเป็นการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรแต่ละหลักสูตร เป็นต้น โดยมีขั้นตอนการ
ทาดังนี้
1. ไปที่ PagesAll Pages
2. คลิก Add New
3. คลิก Add title เพื่อกาหนดชื่อหน้า
4. คลิก Add block แล้วเลือกสิ่งที่ต้องการเพิ่มเนื้อหา
5. กาหนดค่าต่างๆ ได้แก่
Status & Visibility กาหนดการมองเห็นและการเผยแพร่
Featured Image กาหนดรูปประจาหน้า
Discussion กาหนดการสนทนาและการแสดงความคิดเห็น
Page Attributes กาหนดคุณสมบัติของหน้า เช่น เทมเพลต และหน้าหลักหน้ารอง เป็นต้น
6. เมื่อใส่เนื้อหาแล้วให้คลิก Publish

19
การแก้ไขหน้า
ในเว็บไซต์จะประกอบด้วยหน้าเว็บหลายๆ หน้า ผู้ใช้สามารถแก้ไขหน้าในรูปแบบต่างๆ ได้ โดยการ
นาเมาส์ไปชี้ที่หน้าที่ต้องการ จะปรากฏคาสั่งต่างๆ ในการแก้ไข ถ้าต้องการแก้ไขเนื้อหาให้คลิก Edit ถ้า
ต้องการแก้ไขอย่างเร็วให้คลิก Quick Edit ต้องการลบให้คลิก Trash หรือต้องการดูให้คลิก View โดยการ
แก้ไขหน้าแบบเร็วสามารถทาได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ PagesAll Pages
2. นาเมาส์ไปชี้ที่หน้าที่ต้องการแล้วคลิก Quick Edit
3. หากตั้งชื่อหน้าเป็นภาษาไทยให้กาหนด Slug เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจาก Slug เป็นชื่อหน้าที่แสดง
เป็น URL หากเป็นภาษาไทยจะมีปัญหาตอนคัดลอกลิงค์ จะแสดงผลเป็นภาษาต่างดาว

20
4. คลิก Update
การสร้างบทความ (Post)
หน้าบทความหรือน่าเรื่อง (Post) เป็นหน้าที่แสดงความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ เหมาะสาหรับ
เนื้อหาที่อัพเดตตลอดเวลา เช่น บทความเรื่องใหม่ เทคโนโลยีใหม่ บรรยากาศในงาน ข่าวสารต่างๆ และ
บันทึกประจาวันเป็นต้น
การสร้างหมวดหมู่ของบทความ
ก่อนสร้างบทความ ผู้ใช้ควรสร้างหมวดหมู่ของบทความก่อน เนื่องจากผู้เยี่ยมชมเว็บจะสามารถ
เข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์ได้สะดวก และเป็นระเบียบมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาบทความได้สะดวก
อีกด้วย โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ PostsCategories
2. ที่คาสั่ง Add New Category ให้กาหนดค่าต่างๆ ดังนี้
Name ชื่อหมวดหมู่
Slug ชื่อที่แสดงใน URL
Parent Category กาหนดหมวดหมู่หลัก และหมวดหมู่รอง
Description กาหนดคาอธิบายของหมวดหมู่
3. คลิก Add New Category

21
การสร้างบทความ (Post)
การสร้างบทความ (Post) เป็นการนาเนื้อหาที่เตรียมไว้ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆ มา
จัดวางไว้ในหน้า เพื่อแจ้งข่าวสาร หรือการประชาสัมพันธ์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ PostsAll Posts
3. คลิก Add title เพื่อใส่ชื่อบทความ
4. คลิก Add block เพื่อเพิ่มเนื้อหาที่ต้องการ
5. กาหนดค่าต่าง ดังนี้
Status & Visibility กาหนดการมองเห็นและการเผยแพร่
Categories กาหนดหมวดหมู่ของบทความ
Tags กาหนดคีย์เวิร์ดหรือคาค้นหาจากเสิร์ชเอ็นจิ้น
Featured Image กาหนดรูปประจาหน้า
Discussion กาหนดการสนทนาและการแสดงความคิดเห็น

22
6. คลิก Publish
การแก้ไขบทความ
การแก้ไขบทความหรือหน้าเรื่องสามารถทาได้โดยการนาเมาส์ไปชี้ที่บทความที่ต้องการ จะปรากฏ
คาสั่งสาหรับแก้ไข ถ้าต้องการแก้ไขเนื้อหาให้คลิก Edit ถ้าต้องการแก้ไขอย่างเร็วให้คลิก Quick Edit
ต้องการลบให้คลิก Trash หรือต้องการดูให้คลิก View โดยการแก้ไขบทความแบบเร็วสามารถทาได้ โดยมี
ขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ PostsAll Posts
2. นาเมาส์ไปชี้ที่บทความที่ต้องการแก้ไขแล้วคลิก Quick Edit

23
3. หากตั้งชื่อบทความเป็นภาษาไทยให้กาหนด Slug เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจาก Slug เป็นชื่อ
บทความที่แสดงเป็น URL หากเป็นภาษาไทยจะมีปัญหาตอนคัดลอกลิงค์ จะแสดงผลเป็นภาษา
ต่างดาว
การสร้างและการปรับแต่งการแสดงผลเมนู
การสร้างเมนู
เมื่อในเว็บมีจานวนหน้าและจานวนบทความแล้ว ผู้ใช้จะต้องสร้างหน้าเมนูเพื่อเป็นระบบนาทางให้
ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามรถเข้าถึงเนื้อหาส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ได้สะดวก โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
1. ไปที่ AppearanceMenus
2. ไปที่คาสั่ง Menu Name ให้กาหนดชื่อเมนู
3. คลิก Create Menu

24
การเพิ่มหน้าในเมนู
ผู้ใช้สามารถเลือกหน้า (Page) หรือหน้าบทความ (Post) มาเป็นเมนูได้ และสามารถจัดระเบียบ
ของเมนูได้ โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
2. เลือกหน้าที่ต้องการ
3. จัดเมนูตามลาดับความสาคัญทั้งเมนูหลักและเมนูรอง
4. เลือกคาสั่ง Primary Menu
5. คลิก Save Menu
การลบหน้าในเมนู
หากผู้ใช้ไม่ต้องการให้มีหน้า (Page) หรือหน้าบทความ (Post) อยู่ในหน้าเมนู สามารถลบออกได้
2. คลิกที่ Dropdown ในหน้าที่ต้องการลบ
3. คลิก Remove
4. คลิก Save Menu

25
การใช้งานสื่อ (Media)
สื่อ (Media) เป็นคาสั่งที่ใช้สาหรับเพิ่มไฟล์ต่างๆ เข้าไปในเว็บ เช่น ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เอกสาร ไฟล์
ดาวน์โหลดต่างๆ เป็นต้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ MediaLibrary
3. คลิก Import Files
4. เลือกรูปภาพที่ต้องการ
5. คลิก Open

26
การใช้งานวิดเจ็ต (Widget)
วิดเจ็ต (Widget) เป็นคาสั่งที่ใช้สาหรับเพิ่มองค์ประกอบของหน้าเว็บ ซึ่งสิ่งที่ปรากฏในคาสั่งวิดเจ็ต
จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับรูปแบบเว็บ (Theme) โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
1. ไปที่ AppearanceWidgets
2. คลิกที่วิดเจ็ดที่ต้องการใช้ แล้วลากไปยังส่วนแสดงผล
3. หากต้องการกาหนดค่าต่างๆ ให้กับแต่ละวิดเจ็ตให้คลิกที่ Dropdown
การติดตั้ง การใช้งาน และการปรับแต่งรูปแบบเว็บ (Theme)
รูปแบบเว็บ (Theme) เป็นสิ่งที่ช่วยทาให้เว็บไซต์มีความสวยงามมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการทางานของเว็บไซต์ได้อีกด้วย ผู้ใช้สามารถปรับแต่งส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ได้อิสระขึ้น โดยรูปแบบเว็บ
แต่ละรูปแบบจะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งรูปแบบเว็บฟรีและมีค่าใช้จ่าย
การติดตั้งและเปิดใช้งานรูปแบบเว็บ
ผู้ใช้สามารถค้นหารูปแบบเว็บได้จากหน้า WordPress ซึ่งเป็นแบบฟรี โดยรูปแบบเว็บมีให้เลือก
มากมาย และสามารถคลิกดูตัวอย่างก่อนตัดสินใจติดตั้งได้ การติดตั้งรูปแบบเว็บสามารถทาได้ โดยมี
1. ไปที่ AppearanceThemes

27
3. ค้นหารูปแบบเว็บที่ต้องการ
4. เมื่อได้รูปแบบเว็บที่ต้องการแล้วให้คลิก Install
5. เมื่อติดตั้งรูปแบบเว็บเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดการใช้งานโดยการคลิก Activate

28
การปรับแต่งรูปแบบเว็บ
เมื่อติดตั้งและเปิดการใช้งานรูปแบบเว็บแล้ว ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบเว็บได้อิสระ หากเป็น
รูปแบบเว็บที่มีค่าใช้จ่าย การปรับแต่งค่าต่างๆ จะง่ายมากขึ้น มีลูกเล่นมากขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ AppearanceThemes
2. นาเมาส์ไปชี้ที่รูปแบบเว็บที่ใช้งานอยู่ แล้วคลิก Customize
3. ปรับแต่งรูปแบบเว็บตามต้องการ (คาสั่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรูปแบบเว็บ)
4. คลิก Publish
การติดตั้งและใช้งาน Plugins
ปลั๊กอิน (Plugins) เป็นส่วนเสริมที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ ผู้ใช้สามารถติดตั้ง
เพิ่มเติมหรือไม่ก็ได้ ปลั๊กอินแต่ละตัวจะมีความสามารถเฉพาะอย่าง ดังนั้นในการทาเว็บด้วย WordPress
อาจจะมีการติดตั้งปลั๊กอินมากมายตามความจาเป็น โดยในเอกสารนี้จะอธิบายการใช้งานปลั๊กอินบางตัวที่
จาเป็นในการใช้งานเท่านั้น

29
การติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน
ปลั๊กอินใน WordPress มีให้เลือกใช้มากมาย ผู้ใช้สามารถค้นหาปลั๊กอินมาติดตั้งได้ มีทั้งฟรีและมี
ค่าใช้จ่าย โดยหลักการเลือกปลั๊กอิน ให้ดูจากจานวนผู้ใช้งาน ความง่ายในการใช้งานจากการรีวิว เรตติ้ง
และการอัพเดตอย่างสม่าเสมอ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ PluginsInstalled Plugins
3. ค้นหาปลั๊กอินที่ต้องการ
4. เมื่อพบปลั๊กอินที่ต้องการ ให้คลิก Install Now
5. เปิดการใช้งานปลั๊กอิน ให้คลิก Activate

30
การใช้งาน WP Google Fonts
Google Fonts เป็นรูปแบบฟอนต์สวยจากกูเกิ้ล ที่เปิดให้ผู้ใช้งานนาไปใช้งานได้ฟรี รองรับ
ภาษาไทยด้วย การนากูเกิ้ลฟอนต์มาใช้งานสามารถทาได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ ไปที่ PluginsInstalled Plugins
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน WP Google Fonts
3. ที่ปลั๊กอิน WP Google Fonts ให้คลิก Settings
4. เลือกฟอนต์ที่ต้องการ (ฟอนต์ไทยเลือก Kanit)
5. กาหนดสไตล์ฟอนต์และส่วนประกอบของข้อความแบบต่างๆ
6. คลิก Save All Fonts

31
การใช้งาน Smart Slider
Smart Slider เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้หน้าเว็บไซต์มีแบนเนอร์ ทาให้เว็บไซต์มีสีสัน ใช้งานง่าย สร้าง
แบนเนอร์แบบลากวางพร้อมการแสดงตัวอย่างแบบสด สามารถทาได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ผู้ใช้
ควรเตรียมรูปภาพแบนเนอร์ไว้หลายๆ ภาพ ทุกภาพต้องมีขนาดเท่ากัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน Smart Slider
3. ไปที่ Smart Slider
4. คลิก New Slider

32
Slider name กาหนดชื่อแบนเนอร์
Width กาหนดความกว้างของแบนเนอร์
Height กาหนดความสูงของแบเนอร์
Preset กาหนดรูปแบบของแบนเนอร์
6. คลิก Create
7. คลิก Add Slide

33
8. คลิก Image
9. กรณีที่ยังไม่ได้อัพโหลดรูปให้คลิก Upload Files แล้วเลือกรูปภาพที่ต้องการ
10. คลิก Select

34
11. รูปภาพจะปรากฏ สามารถกาหนดค่าการแสดงผลเพิ่มเติมได้ แล้วคลิก Save
12. ไปที่หน้าที่ต้องการแก้ไข แล้วคลิก Add block
13. เลือก Smart Slider 3
14. คลิก Select Slider

35
การใช้งาน Hide Title
Hide Title เป็นปลั๊กอินที่ใช้สาหรับซ่อนชื่อหน้าในเว็บไซต์ เนื่องจากการทางานของ WordPress
จะแสดงชื่อของหน้าทุกหน้า บางครั้งผู้ใช้อาจไม่ต้องการให้บางหน้าแสดงชื่อหน้า สามารถทาได้โดยมี
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน Hide Title

36
3. ไปที่หน้าที่ต้องการไม่ให้แสดงชื่อหน้า เช่น หน้าแรก จะมีคาสั่งให้เลือก Hide Title
การใช้งาน Contact Froms 7
Contact Froms 7 เป็นปลั๊กอินสาหรับการสร้างแบบฟอร์ม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถส่งอีเมล์มายัง
เจ้าของเว็บไซต์ได้ แต่ปัจจุบันจะใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสนทนามากกว่า โดยการใช้งานแบบฟอร์ม
สามารถทาได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน Contact Froms

37
3. ไปที่ ContactContact Forms
5. กาหนดชื่อแบบฟอร์ม
Form กาหนดรูปแบบของแบบฟอร์ม เช่น กล่องข้อความ อีเมล URL เบอร์โทรศัพท์
Mail กาหนดการส่งข้อความทางอีเมล์
Messages กาหนดข้อความแสดงการโต้ตอบต่างๆ
7. คลิก Save

38
8. คัดลอกโค้ดที่ปรากฏ
9. ไปที่หน้าที่ต้องการแก้ไข
10. คลิก Add block เลือก Shortcode แล้ววางโค้ด
12. แบบฟอร์มจะปรากฏในหน้าเว็บ

39
การใช้งาน Yoast SEO
Yoast SEO เป็นปลั๊กอินที่ใช้สาหรับทา SEO หรือเรียกว่า Search Engine Optimization เป็น
การช่วยให้เสิร์ชเอ็นจิ้นสามารถค้นหาเนื้อหาในเว็บได้เร็วขึ้น การทา SEO นอกจากใช้ปลั๊กอินแล้ว ยังมีอีก
หลายวิธี เช่น การตั้งชื่อไฟล์ก่อนอัพโหลด การตั้งชื่อเรื่อง การใส่แฮชแท็ก การใส่คาค้น และการผูกกับสื่อ
สังคมออนไลน์ ทาให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับต้นๆ ของ Google การใช้งาน Yoast SEO สามารถทาได้
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน Yoast SEO
3. ไปที่ SEOGeneral
4. คลิก Configuration Wizard

40
5. กาหนดค่าต่างๆ จนครบทั้ง 9 ขั้นตอน แล้วคลิก Close The Wizard
6. ไปที่ PagesAll Pages หรือ PostsAll Posts จะปรากฏการทางานของ Yoast SEO
การใช้งาน WP Chatbot
WP Chatbot เป็นปลั๊กอินสาหรับการใช้หุ่นยนต์ในการโต้ตอบกับผู้เยี่ยมชมในเว็บไซต์ ทาให้การ
สื่อสารระหว่างผู้เยี่ยมชมกับผู้ดูแลเว็บไซต์เป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากปลั๊กอินตัวนี้ผูกการใช้งาน
ไปกับ Facebook Page ดังนั้นการใช้ปลั๊กอินตัวนี้ต้องมี Facebook Page ด้วย สามารถทาได้ โดยมี

41
2. คลิก Add New แล้วติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน WP Chatbot
3. ไปที่ WP-Chatbot
4. คลิก Connect Facebook Page
5. เลือก Facebook Page ที่ต้องการ

42
6. ติดตั้ง Chatbot ให้คลิก Go to MobileMonkey
7. คลิก Sign in with Facebook
8. คลิก Bot Builder

43
9. คลิก Dialogues
10. คลิก Add Widget
11. เลือกวิดเจ็ตที่ต้องการ
12. ใส่รายละเอียดต่างๆ และสามารถเพิ่ม Widget ได้ตามที่ต้องการ
13. ทดสอบการทางาน ให้คลิก Test Dialogue

44
14. กาหนดค่าเพิ่มเติมที่คาสั่ง Customize
16. Chatbot จะเชื่อมต่อกับเว็บไซต์และ Facebook Page

45
การสารองข้อมูล (Backup) และการกู้คืน (Restore)
การสร้างเว็บไซต์ด้วยวิธีการ WordPress โดยการใช้การจาลองเซิร์ฟเวอร์ มีข้อดีคือไม่ก่อให้เกิด
ความเสียหายต่อเว็บไซต์จริง แต่ถ้าทาไว้ดีแล้วต้องการสารองข้อมูล เพื่อไปกู้คืนในเว็บไซต์จริงก็สามารถทา
ได้ โดยมีข้อแนะนาคือ ผู้ใช้ต้องไปติดตั้งฐานข้อมูลและ WordPress ใหม่ที่เซิร์ฟเวอร์จริงอีกครั้ง เพื่อให้การ
ทางานสเถียรที่สุด จากนั้นให้สารองข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาจากการจาลองแล้วไปกู้คืนที่เซิร์ฟเวอร์จริง
การสารองข้อมูล (Backup)
เมื่อผู้ใช้ใส่เนื้อหาลงไปในเว็บจานวนมาก แล้วต้องการนาเนื้อหาทั้งหมดย้ายไปยังเว็บไซต์จริง
สามารถทาได้โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ไปที่ ToolsExport
2. คลิกเลือกสิ่งที่ต้องการสารองข้อมูล
3. คลิก Download Export File
การกู้คืน (Restore)
เมื่อได้ไฟล์ที่ Export จากเซิร์ฟเวอร์จาลองแล้ว หลังจากติดตั้งเว็บไซต์ที่เซิร์ฟเวอร์จริง ให้นาไฟล์ที่
Export ไว้ไป Import ที่เว็บไซต์จริง โดยมีขั้นตอนการทาดังนี้
1. ไปที่ ToolsImport
2. ไปที่ WordPress ให้คลิก Install Now

46
3. เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้คลิก Run Importer
4. คลิก Choose File แล้วเลือกไฟล์ที่ต้องการ
5. คลิก Upload file and import

47
6. รอสักครู่ เมื่อ Import เสร็จแล้วให้คลิก Have fun! หรือไปส่วนต่างๆ ตามต้องการ
การแก้ไขขนาดอัพโหลดไฟล์
การใช้งานเซิร์ฟเวอร์จาลอง โปรแกรม Xampp จะจากัดขนาดไฟล์ในการอัพโหลด อาจทาให้เกิด
ปัญหาไม่สามารถอัพโหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกิน 2MB ได้ ดังนั้นผู้ใช้ต้องไปปรับค่าการอัพโหลด โดยมี
ขั้นตอนการทาดังนี้
1. ไปที่ Cxamppphp แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ php.ini
2. ค้นหา post_max_size และ upload_max_filesize แล้วแก้ไขเป็นขนาดไฟล์ที่ต้องการ แล้ว
บันทึกไฟล์

48
ชื่อโดเมนและโฮสติ้ง
ชื่อเว็บไซต์ (Domain Name)
ความหมายของชื่อเว็บไซต์
ชื่อเว็บไซต์หรือโดเมนเนม (Domain Name) หมายถึง ชื่อที่ใช้อ้างอิงไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ที่อยู่บน
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะต้องเป็นชื่อที่ไม่ซ้ากัน เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก
การทางานของ Domain Name
Domain จะอยู่ในลักษณะของตัวเลข 4 กลุ่มขั้นด้วยจุดเป็น IP Address เช่น 27.254.62.238 ซึ่ง
จายาก ดังนั้นจึงมี Domain Name ใช้อ้างอิงแทน IP Address โดยอาศัย DNS Server มาจับคู่ระหว่าง IP
Address และ Domain Name เข้าด้วยกัน
นามสกุลของ Domain
โดเมนจาพวก (Generic Domain)
.com ใช้กับองค์กรที่แสวงหาผลกาไร
.org ใช้กับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกาไร
.net ใช้กับบริษัทที่ทาธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
โดเมนประเทศ เช่น .th (ไทย), .us (สหรัฐอเมริกา), uk (อังกฤษ)
.co.th ใช้กับองค์กรที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่แสวงหาผลกาไร
.or.th ใช้กับองค์กรที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ไม่แสวงหาผลกาไร
.net.th ใช้กับองค์กรที่จดทะเบียนในประเทศไทย ที่ทาธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
.in.th ใช้กับบุคคลหรือองค์กรใดๆ ก็ได้ในประเทศไทย

49
แนะนาเว็บไซต์สาหรับจดโดเมนเนม
www.godaddy.com
www.name.com
www.hostneverdie.com
porar.com
โฮสต์ (Host)
ความหมายของเว็บโฮสติ้ง (Hosting)
โฮสต์ (Host) เป็นพื้นที่สาหรับจัดเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ เช่น HTML, PHP, PDF, รูปภาพ และไฟล์
ต่างๆ ไว้ที่เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) ซึ่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา (24 ชั่วโมง / 7 วัน)
เลือก Host ในประเทศหรือต่างประเทศดี
การเลือกโฮสต์ให้พิจารณาถึงกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นหลัก หากกลุ่มเป้าหมายอยู่ตางประเทศก็
ควรใช้โฮสต์ของต่างประเทศ หากกลุ่มเป้าหมายอยู่ในประเทศไทยก็ควรใช้โฮสต์ในประเทศไทย เพื่อการ
เข้าถึงที่รวดเร็ว
ขนาดพื้นที่ของโฮสต์
โดยทั่วไปการทาเว็บไซต์ที่แสดงผลข้อมูลในลักษณะข้อความและรูปภาพ พื้นที่เพียง 500 MB ก็
เพียงพอแล้ว หากมีเอกสารหรือไฟล์ให้กลุ่มเป้าหมายดาวน์โหลดด้วย หรือมีบริการทางด้านอีเมลด้วย ควร
ใช้พื้นที่อย่างน้อย 2 GB
แนะนาเว็บไซต์สาหรับเช่าโฮสต์
www.hostneverdie.com
porar.com
www.hostgator.com
www.bluehost.com
โฮสต์ฟรีโดเมนเนมฟรี
การใช้โฮสต์ฟรี โดเมนเนมฟรี เพื่อเป็นการฝึกใช้งานการอัพโหลด การติดตั้งเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเพียง
การใช้งานในระยะเวลาสั้นๆ เพราะสักวันหนึ่งจะต้องถูกตัดการใช้บริการโฮสต์และโดเมนเนมไปหน้าตาเฉย
โฮสต์ฟรี
www.krubpom.com
www.000webhost.com
freewebhostingarea.com

50
freehyperspace.com
free-space.net
โดเมนเนมฟรี
cz.cc
freedomain.co.nr
www.dot.tk
การเตรียมความพร้อมสาหรับติดตั้งเว็บไซต์จริง
อีเมล์
อีเมล เป็นสิ่งสาคัญในการทาเว็บไซต์ด้วย WordPress หากเราวางแผนการเปิดเว็บไซต์ ควรสมัคร
อีเมล์ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเว็บไซต์ และใช้ในการทาธุรกรรม การติดต่อประสานงานกับผู้ให้บริการ
โดเมนเนม โฮสติ้ง และทุกอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์
เตรียมชื่อเว็บไซต์
การจดชื่อเว็บไซต์ เป็นสิ่งสาคัญในการเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา โดยมักจะตั้งเป็นชื่อภาษาอังกฤษสั้นๆ
แต่เป็นชื่อที่บ่งบอกถึงความเป็นองค์กร ดังนั้นผู้ใช้ต้องเตรียมคิดชื่อเว็บไซต์มา 3-5 ชื่อ เรียงตามลาดับความ
ต้องการ เนื่องจากชื่อที่เราต้องการอาจจะซ้ากับชื่อที่มีผู้จดไว้ก่อนหน้าแล้ว

51
เตรียมนามสกุลเว็บไซต์
นอกจากชื่อของเว็บไซต์แล้ว นามสกุลของเวบไซต์ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ได้
ดังนั้นผู้ใช้ต้องคิดนามสกุลของเว็บไซต์ด้วย เช่น .com .in.th .co.th เป็นต้น ซึ่งการจดทะเบียน .com จะ
ง่ายที่สุด ส่วนนามสกุลอื่นๆ อาจจะต้องเตรียมเอกสารประกอบการจดทะเบียน เนื่องจากอาจจะอยู่ใน
รูปแบบของนิติบุคคล
เตรียมข้อมูลที่สามารถเปิดเผยให้กับทีมดูแลเว็บไซต์ได้
การเตรียมข้อมูลที่สามารถเปิดเผยให้กับทีมดูแลเว็บไซต์ได้เป็นเรื่องสาคัญ หากผู้ดูแลหลักไม่
สามารถดูแลเว็บไซต์ได้ ผู้ดูแลท่านอื่นจะได้สามารถเข้ามาบริหารจัดการเว็บไซต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล
รหัสผ่านต่างๆ ทั้งรหัสผ่านอีเมล์ รหัสผ่านการเช่าโฮสต์ และข้อมูลของผู้จดทะเบียนเว็บไซต์ แต่ข้อมูล
เหล่านี้จะมีทีมดูแลเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเท่านั้น
การดาวน์โหลดและติดตั้ง FileZilla
เมื่อผู้ใช้เตรียมข้อมูลต่างๆ เช่าโฮสต์ และจดโดเมนเนม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้ให้บริการจะส่ง
รายละเอียดต่างๆ และวิธีการใช้งานโฮสต์มาให้ทางอีเมล์ ซึ่งแต่ละผู้ให้บริการอาจมีวิธีการใช้งานโฮสต์ที่
แตกต่างกัน แต่โปรแกรมหลักที่ใช้ในการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์จริง จะใช้โปรแกรม
FileZilla ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรี การดาวน์โหลดและการติดตั้งโปรแกรมสามารถทาได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

52
1. ไปที่ filezilla-project.org
2. คลิก Download FileZilla Client
3. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกตัวติดตั้งโปรแกรม FileZilla
4. คลิก I Agree
5. หากปรากฏหน้าต่าง Install Additional Software ให้ยกเลิกเครื่องหมายถูก แล้วคลิก Next

53
6. รอสักครู่ขณะโปรแกรมกาลังติดตั้ง
7. คลิก Finnish
การใช้งาน FileZilla
โปรแกรม FileZilla จะมีหน้าต่างที่แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้ (Client) และด้าน
เซิร์ฟเวอร์ (Server) โดยการใช้งาน ผู้ใช้จะต้องมีรายละเอียด Host, Username, Password และ Port
สาหรับเชื่อมต่อจากเครื่อง Client ไปยัง Server ซึ่งผู้ให้บริการ จะให้รายละเอียดเหล่านี้มาทางอีเมล์ การใช้
งาน FileZilla สามารถทาได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. คลิก StartFileZilla FTP ClientFileZilla

54
2. กรอกรายลเอียด Host, Username, Password และ Port
3. นาไฟล์และโฟลเดอร์ใน WordPress ลากจากฝั่ง Client ไปยังโฟลเดอร์ Public_html ของฝั่ง
Server แล้วรอจนอัพโหลดเสร็จ
4. เข้าไปสร้างฐานข้อมูลและจัดการเตรียมความพร้อมในหน้า Direct Admin ซึ่งในขั้นตอนนี้ทางผู้
ให้บริการจะส่งรายละเอียดวิธีการใช้งานมาทางอีเมล์

55
5. ไปที่ URL ตามโดเมนเนมที่จดทะเบียนไว้
6. ทาการติดตั้งและใช้งาน WordPress บนเซิร์ฟเวอร์จริง (วิธีเหมือนการจาลอง)

การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรส (Website Creation with WordPress)

Recomendados

Recomendados

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

Mais procurados (20)

Semelhante a การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรส (Website Creation with WordPress)

Semelhante a การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรส (Website Creation with WordPress) (20)

Mais de Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai

Mais de Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai (20)

การสร้างเว็บไซต์ด้วยเวิร์ดเพรส (Website Creation with WordPress)