การค้นหาตัวละคร (Character Research)
•
1 gostou•3,037 visualizações
ฝากติดตามกด Like กด Love ❤️ กด Share ⤴️ ที่ https://www.facebook.com/TouchPoint.in.th/ ------------------------------------------------------------------ ฝากกด Subscribe ช่อง YouTube TouchPoint ที่ https://www.youtube.com/c/TouchpointTH ------------------------------------------------------------------ เว็บไซต์ https://touchpoint.in.th/ ------------------------------------------------------------------ ดร.กฤษณพงศ์ เลิศบำรุงชัย
Recomendados
Recomendados
Mais conteúdo relacionado
Mais procurados
Mais procurados (20)
Mais de Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
Mais de Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai (18)
การค้นหาตัวละคร (Character Research)
- 3. การสร้างตัวละครในภาพยนตร์ การสร้างตัวละครให้มีความน่าสนใจอยู่ในความทรงจาของผู้ชมต้องทาให้คนดูเกิดความเชื่อส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความเชื่อใน การกระทา พฤติกรรม เนื้อเรื่อง มีความลุ่มลึกในมิติของอารมณ์อย่างไรก็ตามการสร้างตัวละครในภาพยนตร์มักให้ตัวละคร มีความลึกลับและมีบางส่วนที่ไม่รู้เกี่ยวกับตัวละครเพื่อให้เกิดผลบางประการกับตัวละครเหมือนกับเป็นคนธรรมดาจริงๆ Character Creation
- 4. การสร้างตัวละครในภาพยนตร์ สิ่งสาคัญในการเขียนบทภาพยนตร์ คือ ต้องรู้ลักษณะนิสัยของตัวละครหลักๆ เพื่อให้สามารถกาหนดธรรมชาติการกระทา ของตัวละครได้ หากเราไม่รู้ลักษณะนิสัยของตัวละคร ก็จะกลายเป็นการบังคับให้แสดง ผลที่ได้ก็คือการปลอมๆ ไม่เป็นจริง ซึ่ง ตัวละครในภาพนตร์แบ่งออกเป็น2 ประเภทหลักๆ คือ Character Creation ตัวละครที่เป็นผู้กระทา Active Character ตัวละครที่เป็นผู้ถูกกระทา Passive Character
- 5. ตัวละครที่เป็นผู้กระทา Active Character โดยทั่วไปแล้วตัวละครหลักจะเป็นศูนย์กลางของเรื่อง มีลักษณะเป็นผู้กระทา และเป็นตัวดาเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบตัวละครประเภทนี้ มักจะสามารถดึงดูด และสร้างความสนใจให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวไปได้โดยตลอด เพราะตัวละครจะมีความกระตือรือร้นและเป็นผู้ลงมือ กระทาสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังมักจะเข้าไปเกี่ยวกับสถานการณ์หรือผู้คนรอบข้างที่ต้องโต้ตอบกับสถานการณ์และอุปสรรคต่างๆ ตัวละครลักษณะนี้ยากแก่การคาดเดา ยิ่งสถานการณ์หรืออุปสรรคหนักหนามากเท่าใด ปฏิกิริยาของเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น “ ”
- 6. ตัวละครที่เป็นผู้ถูกกระทา Passive Character เป็นตัวละครประเภทตรงข้ามกับลักษณะตัวละครแบบเป็นผู้กระทา เป็นตัวละครที่มักไม่ใช่ผู้ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ แต่กลับเป็นฝ่าย ที่ต้องทาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันมาจากการกระทาของตัวละครอื่นซึ่งหากตัวละครเอกเป็นผู้ถูกกระทาเสมอ ความน่าสนใจในตัว ละครของผู้ชมนั้นก็จะลดลง ดังนั้นหากตัวละครหลักมีฐานะเป็นผู้ถูกกระทาทั้งเรื่องในภาพยนตร์ประเภทนี้ ตัวละครสมทบจึงมีบทบาท สาคัญในการทาหน้าที่ผลักดันเรื่องราวแทนตัวละครเอกได้เช่นกัน “ ”
- 7. การค้นหาตัวละคร Character Finding ตัวละครมีความสาคัญเป็นพื้นฐานที่จาเป็นของบทภาพยนตร์ถือเป็นหัวใจของเนื้อเรื่องทั้งหมด ดังนั้นการสร้างตัวละคร จะต้องค้นหาตัวละครหลักของเราให้ได้ว่าคือใครเป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ ใคร ถ้ามีตัวละครหลายตัวเราให้น้าหนักตัวละครไหนมากที่สุด โดยเลือกมาเพียงตัวเดียว หลังจาก นั้นแยกส่วนประกอบของชีวิตตัวละคร
- 8. การค้นหาตัวละคร Character Finding • เรื่องราวชีวิตภายในของตัวละคร (Character’s Background) • มุมมองหรือความเชื่อของตัวละคร (Character’s Point of View) • ทัศนคติของตัวละคร (Character’s Attitude) • เรื่องราวชีวิตเบื้องหน้าของตัวละคร (Foreground) • ความต้องการ (Dramatic Need) • แอ็คชั่น / การกระทา (Action) • ความขัดแย้ง (Conflict) • การกระทาของตัวละคร (Dramatic Action) • การเปลี่ยนแปลงของตัวละคร (Change)
- 9. เรื่องราวชีวิตภายในของตัวละคร Character’s Background เป็นส่วนที่มองไม่เห็นการกระทาหรือภูมิหลัง(Background) ของตัวละคร เริ่มตั้งแต่เกิด จนถึงจุดที่เริ่มเรื่อง เป็นกระบวนการที่ตัวละครพัฒนาตัวขึ้นเป็นรูปร่างเรียกว่า Backstory หรือ Exposition คือการปูเรื่องที่ช่วยอธิบายผู้ชมได้ว่าทาไมตัวละครจึงมีแรงจูงใจที่ต้องการ บรรลุความต้องการต่างๆ ประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
- 10. Name Personality Type Physical Type Social Background ชื่อ ลักษณะนิสัย ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะทางสังคม เรื่องราวชีวิตภายในของตัวละคร Character’s Background Superiority and Inferiority Complex ปมเด่นและปมด้อย
- 12. ลักษณะทางกายภาพ Physical Type เป็นลักษณะภายนอกของตัวละคร เช่น เพศ รูปร่างหน้าตา ความสูง น้าหนัก หรือแม้แต่แผลเป็น สิ่งเหล่านี้ย่อมมีเรื่องราวที่จะบอกเล่า บางครั้งเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังก็สามารถเปิดเผยโลกของตัวละครหรืออดีตที่เร้นลับได้ และยังสร้างเสน่ห์ดึงดูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัว ละครหลัก โดยเสน่ห์ดึงดูดมักอยู่ในบุคคลที่มีคุณสมบัติ 6 ประการ ดังนี้ 1. เป็นคนที่ดูแปลกแยก เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยว ชวนให้รู้สึกเศร้า (An Element of Foreignness) 2. มีข้อบกพร่องในตัวเอง ไม่สมบูรณ์แบบ (A Subtle Imperfection) 3. มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจบางประการ (A Calling or Sense of Mission) 4. มีความก้าวร้าวหรือรู้สึกสุดขั้วต่อบางสิ่งบางอย่าง (Polarized Aggression or Intensity) 5. มีความลึกล้าทางเพศ (A Sexual Dimension) 6. มีความสามารถในการโน้มน้าวใจผู้อื่น (The Ability to Convince Others)
- 13. ลักษณะนิสัย Personality Type ลักษณะนิสัยที่เด่นชัดของตัวละครจะทาให้ตัวละครมีมิติมากขึ้น อีกทั้งยังทา ให้สามารถเข้าใจความสาพันธ์และความแตกต่างระหว่างตัวละครแต่ละ ประเภทได้ โดยลักษณะนิสัยของมนุษย์แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ได้แก่ The Energizer ลักษณะกระตือรือร้น The Mover ลักษณะเคลื่อนไหว The Observer ลักษณะชอบสังเกตการณ์ The Relater ลักษณะชอบมีมนุษยสัมพันธ์
- 14. ลักษณะนิสัย Personality Type เป็นคนที่มีความมั่นใจทะเยอทะยาน ท่าทางน่าคบและมี เสน่ห์ ซึ่งมีแนวโน้มที่ตัวละครประเภทถูกกระทา (Passive) จะหลงใหล เพราะบุคลิกแบบนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มี
- 16. ลักษณะชอบสังเกตการณ์ The Observer เป็นคนรักษากฎเกณฑ์ เก็บตัว ชอบสังเกตสิ่งรอบตัว แล้วนามาคิดวิเคราะห์ มักมีโลกส่วนตัวและเป็นตัวของตัวเองสูงส่วนใหญ่ จะมีความสามารถทางด้านกฎหมาย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม และสืบสวนสอบสวน ลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ คือกลัวความผิด และมักคิดว่าตนเองถูกเสมอ
- 17. ลักษณะชอบมีมนุษยสัมพันธ์ The Relater เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือและให้กาลังใจผู้อื่น คอยแนะนาหรือ ให้คาปรึกษากับเพื่อนร่วมงานและชอบเข้าสังคม ลักษณะที่ ไม่พึงประสงค์คือ ชอบสอดรู้สอดเห็นและเรื่องซุบซิบนินทา
- 18. ลักษณะทางสังคม Social Background ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงานสิ่งแวดล้อมที่อยู่ อาศัย ความเชื่อทางศาสนาและการศึกษา ล้วนแสดงถึงความคิดอ่านของตัวละครอคติ ความกลัว
- 19. ปมเด่นและปมด้อยของตัวละคร Superiority and Inferiority Complex ปมเด่นเป็นสิ่งที่ทาให้ตัวละครพิเศษแตกต่างจากตัวละครอื่นอาจเป็นคนที่มีไอคิว สูงที่สุดในโลก ซึ่งสามารถนาปมเด่นนี้มาเป็นประเด็นในภาพยนตร์ได้ ส่วนปมด้อย จะทาให้ทราบถึงจุดอ่อนของตัวละคร และสามารถนาจุดอ่อนมาขยายความเพื่อ สร้างเงื่อนไขหรือความขัดแย้งต่างๆ แก่ตัวละครได้
- 20. เรื่องราวชีวิตภายในของตัวละคร Character’s Background มุมมองคือวิธีที่ตัวละครมองโลก ตัวละครที่ดีจะต้องแสดงมุมมองของตนเองอย่างชัดเจน มุมมองหรือความเชื่อของตัวละครไม่จาเป็นต้อง ถูกหรือผิด แต่เป็นวิธีในการรับรู้ การกระทา และเป็นจุดยืนที่ตัวละครเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็น พระเอก นางเอก ผู้ร้าย ตารวจ หมอ ทนายความ คนรวย และคนจน ล้วนแล้วแต่มีมุมมองเฉพาะตนที่แตกต่างกันออกไปความเชื่อของตัวละครมักเป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น เป็นความขัดแย้งที่เกิดจากจุดยืนที่แตกต่างกันระหว่างตัวละครแต่ละตัว เมื่อผู้ชมเข้าใจมุมมองของตัวละครโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวละครหลักจะทาให้เห็นถึงความแตกต่างรวมถึงเหตุผลของการกระทานั้นได้
- 21. ทัศนคติของตัวละคร Character’s Attitude นิสัยหรือทัศนคติของตัวละครทาให้เราสามารถเพิ่มมิติให้กับตัวละครของเราได้มากขึ้นอาจเป็นความคิดเชิงบวกหรือลบ เช่น ไร้เดียงสา ชอบด่าว่า วิพากษ์วิจารณ์ มีความคิดที่เลอเลิศหรือต่าต้อย เป็นต้น ควรคิดเกี่ยวกับทัศนคติของตัวละคร เช่น สุขหรือเศร้า เข้มแข็งหรืออ่อนแอ ดีหรือเลว มีความอดทนหรือไม่สู้มองโลกในแง่ดีหรือร้าย และควรอธิบายให้ได้ว่ามีทัศนคติอย่างไรหรืออาจลองคิดและอธิบายทัศนคติของตัวเราเองก่อนว่าเป็นอย่างไร เมื่อเราได้กาหนดแง่มุมภายในของตัวละครแล้วหลังจากนั้นจึงมาขยายในส่วนชีวิตเบื้องหน้าของตัวละคร
- 22. เรื่องราวชีวิตเบื้องหน้าของตัวละคร Foreground ชีวิตภายนอกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรกในบทภาพยนตร์จนกระทั่งจบเรื่องเป็นส่วนที่ สามารถมองเห็นการกระทาของตัวละครได้ เป็นกระบวนการเผยให้เห็นลักษณะนิสัยของตัวละคร จึงเป็น สิ่งสาคัญที่ต้องสารวจความสัมพันธ์ของชีวิตภายในตัวละคร ความต้องการ และการกระทา ดังนี้ • เป็นใคร • มีอาชีพหรือทามาหากินอะไร • มีความสุขหรือความทุกข์ในชีวิต • มีวิถีการดาเนินชีวิตเป็นอย่างไร • มีความปรารถนาหรือต้องการอะไรในชีวิต
- 23. ความต้องการ Dramatic Need ความต้องการของตัวละครคือสิ่งที่ตัวละครอยากเอาชนะ อยากได้ ต้องการให้ได้มา ต้องการบรรลุในสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน ขณะที่เรื่องราวดาเนินไป
- 24. ความต้องการ Dramatic Need เราต้องกาหนดความต้องการของตัวละครตั้งแต่ก่อนการ เขียนบท ความต้องการนี้จะเป็นตัวผลักดันผ่านแอ็คชั่นของตัว ละคร จากนั้นจึงสร้างอุปสรรคขัดขวางความต้องการนั้นเรื่อง ของเราจึงมีความกดดันทางด้านอารมณ์เพราะมีความขัดแย้ง โดยข้อขัดแย้งนี้เป็นสิ่งจาเป็นสาหรับการเล่าเรื่องและช่วยให้ โครงเรื่องพัฒนาไปอย่างมีทิศทาง
- 25. ความต้องการ Dramatic Need • ถ้าเป็นนักกีฬาต้องการเอาชนะการแข่งขัน • ถ้าเป็นตารวจก็ต้องเอาชนะผู้ร้าย • ถ้าเป็นหมอก็ต้องเอาชนะความเจ็บไข้
- 27. อาชีพ Career ตัวละครมีอาชีพอะไร ทางานที่ไหน เป็นคนงาน นักร้อง เจ้าของกิจการเล็กๆ คนจรจัด แม่ค้า นักวิทยาศาสตร์ หมอฟัน ทนายความ หมอ นวด ถ้าตัวละครทางานในบริษัท เขาทาตาแหน่งอะไร ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไร ช่วยเหลือร่วมมือกันหรือว่าอิจฉาริษยา ไม่ชอบขี้หน้ากัน เข้าสังคมแบบไหนกับเพื่อนฝูงหรือไม่คบใครเลย เข้ากับเจ้านายได้หรือไม่ เงินเดือนเพียงพอหรือไม่เพียงพอ เมื่อเราสามารถเผยให้เห็นความสัมพันธ์ของตัวละครให้กับคนอื่นได้เท่ากับว่าเราได้สร้างมุมมองที่เป็น ส่วนตัวของตัวละครได้แสดงว่าเราได้มีจุดเริ่มต้นในการสร้างตัวละครแล้ว
- 28. ความต้องการ Dramatic Need ตัวละครหลักของเรามีสถานภาพอย่างไร เช่น โสด อยู่คนเดียว เป็นม่ายเก็บตัว แต่งงานหรูหรา หรืออยู่กินกันเฉยๆ แยกกันอยู่ หย่าร้าง ถ้าแต่งงาน แต่งกับใคร เมื่อไร ความสัมพันธ์ระหว่างสามี-ภรรยา เป็นอย่างไร สถานภาพทางสังคมเป็น อย่างไร เข้าสังคมหรือแยกตัวออกจากสังคม มีเพื่อนมากมายหรือไม่มีเพื่อน ชีวิตแต่งงานมั่นคงหรือสั่นคลอนซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตหรือไม่ถ้าเป็นโสดสภาพชีวิต เป็นอย่างไร ยึดมั่นในพรหมจรรย์หรือใช้ชีวิตเสเพล ถ้าเรามีปัญหาเกี่ยวกับตัวละครของเราให้มองกลับไปที่ชีวิตของเราถามตัวเองว่าถ้าเรา อยู่ในสถานะเช่นนั้นเราจะทาอย่างไร
- 29. ชีวิตส่วนตัว Personal Life ตัวละครหลักของเราทาอะไรเมื่อเขาอยู่คนเดียวดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ออกกาลังกาย เล่นกีฬา ขี่จักรยาน ปลูกต้นไม้ ตกแต่งส่วน จ๊อกกิ้ง เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว หรือเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน เป็นตัวอะไร สะสมอะไร มีงานอดิเรกอะไรที่น่าสนใจ สิ่งเหล่านี้จะแสดงให้เห็นมิติความลึกของตัวละคร ได้มากขึ้น
- 31. ความขัดแย้ง Conflict การสร้างความขัดแย้งในหนังหรือบทภาพยนตร์นั้นคนเขียนบทจะต้องเริ่ม ที่การวางประเด็นของเรื่องไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะลงมือเขียนบทเป็นประโยค หลักสาคัญ ไม่เกินหนึ่งประโยค โดยใช้คาถามว่า “อะไรจะเกิดขึ้น ถ้า...” ซึ่ง ประโยคสาคัญนี้เป็นรากฐานของความขัดแย้งเช่น “อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคนขี้ขลาดกลายเป็นวีรบุรุษ” “อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าแชมป์วอลเล่ย์บอลเป็นตุ๊ด”
- 32. ประโยคหลักสาคัญนั้น จะนาไปสู่เนื้อเรื่องที่น่าสนใจโดยกาหนดวามต้องการของตัวละคร แล้ว สร้างอุปสรรคให้เกิดความขัดแย้งกับตัวละครเพื่อบรรลุความต้องการนั้นแต่อย่างไรก็ตาม ความ ขัดแย้งนี้ไม่จาเป็นต้องเป็นเรื่องของความรุนแรง แต่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นหรือคนอื่น เพื่อให้เรื่องพลอกผันไปข้างหน้าความขัดแย้งมีหลายประเภท ความขัดแย้ง Conflict • ความขัดแย้งระหว่างบุคคล • ความขัดแย้งระหว่างคนกับสังคม • ความขัดแย้งภายในจิตใจของตนเอง • ความขัดแย้งระหว่างคนกับธรรมชาติ
- 33. การกระทาของตัวละคร Dramatic Action การกระทาของตัวละครถูกกาหนดขึ้นเพื่อบอกทิศทางความเคลื่อนไหวของตัวละคร ถึงสิ่งที่ตัวละครต้องการ ดังนั้นวิธีการที่จะทาให้เป้าหมายของตัวละครสามารถ ผลักดันการกระทาของตัวละครนั้นๆ ได้อย่างน่าสนใจและชวนติดตามก็คือ การเพิ่ม ความต้องการของตัวละครซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือปัญหาภายในจิตใจ ของตัวละคร ทาให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร จนรู้สึกอยากติดตามว่าตัว ละครนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาและบรรลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ก็ต่อเมื่อปัญหาภายใน และภายนอกของตัวละครได้รับการแก้ไขแล้ว
- 35. การค้นหาประวัติชีวิตของตัวละคร Character Biography แนวทางการสร้างตัวละคร Character Creation Guidelines การค้นคว้าข้อมูล Research
- 36. การสร้างตัวละครในภาพยนตร์ เป็นการสืบสาวเรื่องราวของตัวละครตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงตอนเริ่มเรื่องการเขียนประวัตินี้จะช่วยให้เรากาหนดลักษณะของตัวละครได้ เช่น ตัวละครชื่ออะไร เกิดที่ไหน อายุเท่าไหร่ เริ่มเรื่องที่ไหน พ่อแม่มีอาชีพอะไร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับพ่อแม่มีน้องสาวหรือไม่เป็น ลูกโทน หรือลูกที่รักใคร่ หรือเป็นที่เกลียดชังของครอบครัวชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไร เป็นคนชอบแสดงออกหรือซ่อนอารมณ์การเข้าถึง ชีวิตของตัวละครให้ล้วงลึกตั้งแต่วัยเด็กเล็ก อนุบาล ประถม มัธยม เรื่อยมาจนกระทั่งถึงชีวิตของละครก่อนที่จะเริ่มเรื่องราวขึ้น Character Creation
- 37. การค้นคว้าข้อมูล Research เป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่งที่ทาให้เราสามารถขยายรายละเอียดในการสร้าง ตัวละครของเราได้มาก ซึ่งการค้นคว้าหาข้อมูลมี 2 วิธี การค้นคว้าข้อมูลจากชีวิตจริง Life Research การค้นคว้าหาข้อมูลจากเอกสาร Textual Research
- 38. การค้นคว้าข้อมูลจากชีวิตจริง Life Research เป็นการเข้าไปสัมภาษณ์ผู้คน เพื่อค้นหาความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และเบื้องหลังของพวกเขา สมมติว่าเรากาลังเขียนบทเกี่ยวกับสถาปนิกเราอยากรู้ว่าเขาทางานกันอย่างไร ก็ควร ไปหาสถาปนิกแล้วพูดคุยเป็นการส่วนตัวทั้งในด้านการทางานการออกแบบและการ เขียนแปลน ทาโมเดล การนาเสนองาน อาจจะบันทึกเสียงหรือจดข้อมูล โดยขออนุญาต ผู้ถูกสัมภาษณ์และบอกวัตถุประสงค์กับเขาว่าจะนาไปเป็นข้อมูลในการเขียนบทและสิ่งที่ ควรทาคือการเขียนคาถามที่เราต้องการไว้ล่วงหน้า
- 39. การค้นคว้าข้อมูลจากชีวิตจริง Life Research เป็นการหาข้อมูลจากห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หรือสถาบันต่างๆเมื่อเรากาหนด ประเด็นของเรื่องแล้ว ต่อจากนั้นไม่ว่าจะเป็นละคร สถานที่ เหตุการณ์ หรือ ช่วงเวลาของเหตุการณ์ เราต้องไปค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเลือก ที่น่าสนใจที่สุด 3 เล่มก็เพียงพอต่อการทางาน 3-4 สัปดาห์ ถ้าหากไม่เพียงพอ หรือจาเป็นต้องค้นคว้าเพิ่มค่อยกลับมาค้นคว้าใหม่
- 40. การค้นหาตัวละคร ดร.กฤษณพงศ์ เลิศบารุงชัย Character Researching Facebook.com/TouchPoint.in.th TouchPoint.in.th YouTube.com/c/TouchPointTH