Mais conteúdo relacionado
Semelhante a Lesson3 devenlopment-program (20)
Lesson3 devenlopment-program
- 2. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
จุดประสงค์ทัวไป
1. มีความรู้ความเข้าใจเกียวกับลักษณะโปรแกรมทีดี
2. มีความรู้ความเข้าใจเกียวกับวงจรของการพัฒนาโปรแกรมแต่ละชันได้
3. มีความรู้ความสามารถในการอธิบายแนวทางสําหรับเขียนโปรแกรม
อย่างมีระบบ
4. มีความรู้ความสามารถในการอธิบายวิธีการวิเคราะห์แก้ปัญหาเพือการ
เขียนโปรแกรม
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 3. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. ผู้เรียนอธิบายคุณลักษณะของโปรแกรมทีดีได้
2. ผู้เรียนอธิบายวงจรการพัฒนาโปรแกรมได้
3. ผู้เรียนอธิบายข้อพิจารณาในการออกแบบการทํางานสําหรับพัฒนา
โปรแกรมได้
เนือหาสาระ
1. คุณลักษณะของโปรแกรมทีดี
2. วงจรการพัฒนาโปรแกรม
3. ข้อพิจารณาในการออกแบบการทํางานสําหรับพัฒนาโปรแกรม
4. แบบฝึกหัดหลังเรียน
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 4. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
1. คุณลักษณะของโปรแกรมทีดี
การเขียนโปรแกรมให้ทํางานงานหนึงนัน สามารถเขียนได้หลายวิธี
โดยแต่ละวิธีในการเขียนอาจจะได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน แม้ว่าจะมีวิธีการ
เขียนหรือขันตอนการทํางานในโปรแกรมไม่เหมือนกันก็ตาม การเขียน
โปรแกรมในงานบางงานผลลัพธ์ทีได้จะไม่ถูกต้องเสมอไป ตัวอย่างเช่นการ
เขียนโปรแกรมสําหรับหารเลข โดยให้โปรแกรมรับค่าตัวเลขทางแป้ นพิมพ์สอง
ค่า แล้วนําค่านันมาหารกัน อาจเป็นไปได้ว่าคอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลลัพธ์
การหารออกมาได้ แต่ถ้าหากมีการป้ อนค่าเป็นศูนย์เข้าไปคอมพิวเตอร์ก็ไม่
สามารถคํานวณได้ ถ้าหากผู้เขียนโปรแกรมไม่ได้ตรวจสอบตรงจุดนีก็ทําให้
โปรแกรมทีเขียนออกมาเป็นโปรแกรมทีไม่สมบูรณ์โปรแกรม
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 6. หน่วยที 3 เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
1. มีความถูกต้องและเชือถือได้ (Correctness and Reliability)
โปรแกรมทีดีต้องให้ผลลัพธ์ทีถูกต้องแม่นยํา ไม่คลาดเคลือน โปรแกรมจึง
ต้องมีความสมบูรณ์มากทีสุดคือ ผ่านการทดสอบทีครอบคลุม โปรแกรม
ต้องนิง ไม่ค่อยเกิดปัญหา เพราะอาจถูกนําไปใช้ในการตัดสินใจสําคัญๆ
ของผู้บริหาร
2. มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ (User-friendliness) ปัจจุบันมีผู้ใช้
โปรแกรมในการทํางานขึน ในจํานวนนีมีผู้ใช้ทีเป็นผู้เริมต้นและไม่มี
พืนฐานทางด้านคอมพิวเตอร์เลย และมีแนวโน้มเพิมมากขึน การสร้างให้
โปรแกรมใช้ง่ายและสะดวกจึงเป็นเรืองทีมีความสําคัญ
คุณลักษณะของโปรแกรมทีดี ควรมีลักษณะดังต่อไปนี
รหัส 3204-2007
- 7. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
3. ค่าใช้จ่ายตํา (Low Cost) ก่อนการพัฒนาต้องวางแผนและประเมิน
ค่าใช้จ่าย เมือพัฒนาก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผน ในมุมมอง
ของผู้ใช้โปรแกรม จะต้องทํางานได้คุ้มกับเงินทีจ่าย ในมุมมองของผู้พัฒนา
ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต้องตํากว่าราคาทีเสนอแก่ลูกค้า
4. ต้องอ่านง่ายและสามารถนํากลับมาใช้ใหม่ (Readability &
Reusability) โปรแกรมทีมีความสามารถมาก มักมีโครงสร้างทีใหญ่และ
ซับซ้อน จึงควรมีการออกแบบเป็นโมดูล (Module) ย่อยๆ ทีมีอิสระต่อกัน
และเรียบง่าย เพือให้ผู้พัฒนาโปรแกรมคนอืนสามารถเข้าใจนําไปพัฒนาต่อ
ให้เหมาะสมกับยุคสมัยได้
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 8. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
5. มีความปลอดภัย (Security) ข้อมูลสําคัญมีแนวโน้มในการเก็บไว้
ในคอมพิวเตอร์เพิมมากขึน รวมถึงเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ทําให้เกิด
ความเสียงในเรืองของความปลอดภัยของข้อมูล
6. ใช้เวลาในการพัฒนาไม่นาน ปัจจุบันทังเทคโนโลยีและวิธีการ
ทํางานเปลียนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนันแล้ว กว่าโปรแกรมจะเสร็จ
ความต้องการอาจเปลียนไปแล้ว และการส่งมอบงานก็ต้องเป็นไปตามที
ประเมินไว้
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 9. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
2. วงจรการพัฒนาโปรแกรม
ในการเขียนโปรแกรมหรือพัฒนาโปรแกรมนัน โปรแกรมเมอร์ต้องมีการ
เตรียมงานเกียวกับการเขียนโปรแกรมอย่างเป็นขันตอน เรียกว่า วงจรการ
พัฒนาโปรแกรม (Program Development Life Cycle: PDLC) ประกอบด้วย
6 ขันตอนดังนี
1. ขันวิเคราะห์ความต้องการ (Requirement Analysis&Feasibility Study)
2. ขันวางแผนแก้ไขปัญหา (Algorithm Design)
3. ขันดําเนินการเขียนโปรแกรม (Program Coding)
4. ขันทดสอบและแก้ไขโปรแกรม (Program Testing&Debugging)
5. ขันการเขียนเอกสารประกอบ (Documentation)
6. ขันบํารุงรักษา (Program Maintenance)
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 10. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
ในการทํากิจกรรมต่างๆ ในแต่ละขันตอน จะต้องมีการตรวจสอบ
ความถูกต้องให้แน่นอนก่อนทีจะกิจกรรมต่อไป สําหรับในบางกรณีถ้าหาก
พบว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึนก็อาจมีการย้อนไปตรวจสอบกิจกรรมทีเคย
ทํามาก่อนหน้านีแล้วก็ได้ สําหรับในกิจกรรมที 5 อาจทําไปพร้อมๆกับ
กิจกรรมที 1 ถึงกิจกรรมที 4 เลยก็ได้
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 11. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
วิธีการทางคอมพิวเตอร์เป็นขันตอนในการจัดทําโปรแกรม ทีช่วยให้
การเขียนโปรแกรมดําเนินอย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ตามทีมุ่ง
หมาย เพราะแต่ละขันตอนจะช่วยให้เกิดความเป็นระเบียบ การเรียบเรียง
แนวคิดมีความชัดเจน ไม่สับสน และเกิดความง่ายต่อการเขียนหรือพัฒนา
โปรแกรม แม้ว่าในปัจจุบันจะมีวิธีการสมัยใหม่เกิดขึน เช่น เทคโนโลยีการ
เขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ แต่วิธีการทางคอมพิวเตอร์ ยังเป็นสิงทีจําเป็นและ
น่ากระทํา โดยเฉพาะอย่างยิงผู้ทีเพิงเริมต้นใหม่กับงานเขียนโปรแกรม
เพราะให้แนวคิดของการพัฒนาโปรแกรมเป็นระเบียบไม่สับสน
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 12. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
การวิเคราะห์ความต้องการ เป็นการทําความเข้าใจกับปัญหา และค้นหาสิง
ทีต้องการ นันคือศึกษาวิเคราะห์โดยละเอียดว่า ต้องการผลลัพธ์อะไร ต้อง
ใช้ข้อมูลอะไรเพือให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการและมีขันตอนการประมวล
อย่างไรบ้าง บางครังจึงเรียกขันตอนนีว่า การวิเคราะห์ปัญหาหรือการ
วิเคราะห์งาน การวิเคราะห์ความต้องการจึงเป็นขันตอนแรกก่อนทีจะ
เริมต้นเขียนโปรแกรมและถือเป็นขันตอนทีสําคัญทีสุด ก่อนถึงขันวางแผน
แก้ไขปัญหาและดําเนินการเขียนโปรแกรม
โดยสรุปแล้ว การวิเคราะห์งาน เป็นการศึกษาผลลัพธ์ (Output)
ข้อมูลนําเข้า (Input) และวิธีการประมวลผล (Process) ทีจะใช้เขียน
โปรแกรม นันเอง
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
1. ขันวิเคราะห์ความต้องการ
- 13. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
โดยทัวไปนิยมแบ่งวิธีการวิเคราะห์งานเป็น 5 หัวข้อ ได้แก่
1. กําหนดขอบเขตปัญหา โดยกําหนดรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะให้
คอมพิวเตอร์ทําอะไร ตัวแปรค่าคงทีทีต้องใช้ลักษณะใด
2. กําหนดลักษณะของข้อมูลเข้าและออกจากระบบ (Input
Specification) โดยต้องรู้ว่าข้อมูลทีจะส่งเข้าไปเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง
เพือให้โปรแกรมทําการประมวลผลและแสดงผลลัพธ์
3. กําหนดรูปแบบผลลัพธ์ (Output Specification) ลักษณะการ
แสดงผลทางหน้าจอว่าจะให้มีรูปร่างอย่างไรโดยคํานึงถึงผู้ใช้เป็นหลักใน
การออกแบบโปรแกรม
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 14. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
4. กําหนดตัวแปรทีใช้ (Variables) เพือบอกว่าจะใช้ตัวแปรอะไร
แทนข้อมูลนําเข้าหรือแทนค่าทีอยู่ในระหว่างการประมวลผล ตลอดจนตัว
แปรทีใช้แสดงผลลัพธ์
5. กําหนดวิธีการประมวลผล (Process Specification) โดยจะต้องรู้
ว่าจะให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลอย่างไรจึงได้ผลลัพธ์ตามต้องการ โดย
ต้องวางแผนวิธีการคิดต่างๆ และนํามาเรียงเป็นลําดับให้ถูกต้องเพือให้ได้
คําตอบทีต้องการ
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 16. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
3. ข้อมูลนําเข้า
• ค่าความกว้างของรูปสามเหลียม
• ค่าความสูงของรูปสามเหลียม
4. ตัวแปรทีใช้
• ค่า W แทน ความกว้างของรูปสามเหลียม
• ค่า H แทน ความสูงของรูปสามเหลียม
5. วิธีการประมวลผล
1. เริมต้น
2. รับค่า W และ H
3. คํานวณค่าพืนทีของรูปสามเหลียมจากสูตร พืนทีสามเหลียม = 0.5 x
W x H
4. แสดงค่าพืนทีของรูปสามเหลียม
5. จบการทํางาน
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 18. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
1. การเขียนอัลกอรึธึม
การเขียนอัลกอรึธึมเป็นการนําเอาลําดับขันตอนการทํางานทีออกแบบ
ไว้ มาเขียนอยู่ในรูปภาษา เขียน หรืออาจเขียนอยู่ในรูปภาษาอังกฤษที
จัดเป็นโคงสร้างไว้เช่นเดียวกับการเขียนรหัสเทียม แต่ต่างตรงทีการ
เขียนอัลกอรึธึมจะเน้นลําดับขันตอนการทํางานเป็นหลัก จึงมีการตัดทอน
รายละเอียดปลีกย่อย ออก
2. การเขียนผังงาน
การเขียนผังงานเป็นการนําขันตอนการทํางานเขียนเป็นภาพหรือ
สัญลักษณ์ โดยเปลียนจากคําพูดหรือข้อความในการวิเคราะห์งานมาเป็น
รูปภาพก่อน แล้วใช้คําอธิบายช้อความนันๆ เขียนเพิมเติมในรูป รูปภาพ
หรือสัญลักษณ์ดังกล่าวเรียกว่า ผังงาน (Flowchart) เช่น จากตัวอย่างที 1
สามารถนํามาเขียนเป็นผังงานได้
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 20. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
ปัจจุบัน การเขียนผังงานได้รับความนิยมลดลง ด้วยเหตุผลทีว่า
1. ผังงานขนาดใหญ่ เมือเป็นงานโปรแกรมขนาดใหญ่
2. หากมีการปรับปรุงหรือเปลียนขันตอนของวิธีการ การปรับผังงาน
กระทําได้ยาก บางครังต้องเขียนขึนใหม่ทังหมด
ปัจจุบันจึงนิยมเขียนชูโดโค้ดแทนผังงาน
3. การเขียนซูโด้โค้ด (Pseudo Code)
ซูโด้โค้ด หรือ รหัสเทียม เป็นเครืองมือทีนิยมใช้กันมากในการ
ออกแบบโปรมแกรม ช่วยให้โปรแกรมเมรอ์สามารถเขียนโปรแกรมได้ง่าย
ขึน ภาษาหรือคําทีใช้เขียนซูโด้โค้ดเป็นการผสมผสานระหว่างคําใน
ภาษาอังกฤษทัวไปกับภาษาคอมพิวเตอร์ โครงสร้างของรหัสเทียมจึงมีส่วน
ทีคล้ายกับการเขียนโปรแกรมมาก
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 22. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
3. ขันดําเนินการเขียนโปรแกรม
ขันการเขียนโปรแกรม เป็นการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาใดภาษาหนึงขึนมา โดยเลือกใช้ภาษาทีเหมาะสมกับลักษณะและ
ประเภทของงาน และความถนัดของผู้เขียน เช่น ถ้าเป็นงาน ทางธุรกิจก็
เลือกใช้ภาษาโคบอล ถ้าเป็นการพิมพ์รายงานก็ใช้ภาษาอาร์พีจี เป็นต้น
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 23. หน่วยที 3
หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
บางครังการเขียนโปรแกรมอาจจะเขียนลงบนกระดาษทีจัดทําขึนมาเป็น
พิเศษทีเรียกว่า กระดาษลงรหัส (Coding Form) ซึงอาจเป็นกระดาษลง
รหัสเฉพาะภาษานันๆ เช่น กระดาษลงหรัสของภาษาฟอร์แทรน(FORTRAN
Coding Form) เพือให้เกิดความสะดวกต่อการบันทึกโปรแกรมบนสือข้อมูล
เช่น บัตรเจาะ หรือ เทปแม่เหล็ก เพราะจะทําให้เข้าใจรูปแบบและเจาะบัตรได้
อย่างถูกต้อง กระดาษแบบฟอร์มนีจะตีไว้เป็นตารางเท่ากับจํานวนคอลัมน์ของ
บัตร (ถ้าใช้บัตร) ดังนันถ้าต้องการเจาะคําสังลงบนช่องไหนของบัตรก็เขียน
คําสังใส่ลงไปให้ตรงช่องทีมีหมายเลขกํากับไว้ ผู้จัดเตรียมโปรแกรมลงสือ ทํา
การเจาะบัตรตามทีเขียนไว้โดยไม่จําเป็นต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ของภาษานัน แต่
ละบรรทัดของกระดาษลงรหัสจะหมายถึงหมาย 1 บัตร หรือถ้าเป็นสือข้อมูล
อืนๆ ก็หมายถึง แต่ละคําสังกระดาษลงรหัสเหมาะสําหรับงานทีต้องการความ
เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความชัดเจนแก่ผู้จัดเตรียม หรือบันทึกลงสือ
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
รหัส 3204-2007
- 25. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
4. ขันทดสอบและแก้ไขโปรแกรม
เป็นการตรวจสอบจุดผิดพลาดของโปรแกรม (Bugs) ทีเขียนขึนและ
ดําเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดนัน (เราเรียกว่าการ Debugs) โปรแกรมที
ทํางานไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ เรียกโปรแกรม มี Error การ Error ของ
โปรแกรมมักมีมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
1. ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ของภาษา (Syntx Error) คือ
ข้อผิดพลาดทีเกิดจากการเขียนโค้ดคําสัง (Source Code) ทีไม่ตรงกับ
ไวยากรณ์ (Syntax Error) ของภาษาโปรแกรมนันๆ ข้อผิดพลาดนีเป็น
ผิดพลาดทีง่ายทีสุดต่อการตรวจหาและแก้ไข เนืองจากจะพบในระหว่างที
มีการแปลภาษาโปรแกรม ถ้ามีข้อผิดพลาดประเภทนีอยู่ ตัวแปล
ภาษาคอมพิวเตอร์จะแจ้งให้ทราบทันที
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 27. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
2.ข้อผิดพลาดทีเกิดจากการตีความหมายของปัญหาผิดไป (Logical
Error) เป็นข้อผิดพลาดทีเกิดจากการออกแบบอัลกอริธึม ให้ทํางานผิด
จากวัตถุประสงค์หรือความต้องการ การแก้ไขข้อผิดพลาดประเภทนี
จะต้องทําโดยการตรวจไล่โปรแกรมทีละคําสังเพือหาข้อผิดพลาดนันให้พบ
เช่น ผู้เขียนโปรแกรมต้องการนําค่า A ไปบวกกับค่า B แต่เขียน
เครืองหมายเป็นลบ ก็จะทําให่ค่าทีคํานวณได้ไม่ถูกต้อง ซึงสามารถ
ตรวจสอบข้อผิดพลาดนีโดยใช้ ข้อมูลทดสอบ (Test Data) หรือข้อมูลที
ทราบคําตอบในขันปฏิบัติการ (Execution Run) ถ้าโปรแกรมถูกต้อง
ผลลัพธ์ทีได้จะต้องตรงกับคําตอบทีเราทราบอยู่ก่อนแล้ว
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 28. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
การตรวจสอบโปรแกรมเพือหาข้อผิดพลาดดังกล่าว อาจจะทําเป็นขันตอน
ดังนี คือ
1.การตรวจสอบก่อนนําโปรแกรมเข้าเครืองคอมพิวเตอร์ เราเรียกวิธีนีว่า
“Desk Checking” วิธีการนีจะตรวจสอบว่าโปรแกรมสามารถให้ผลลัพธ์
ตามต้องการหรือไม่ เป็นการตรวจสอบข้อผิดพลาด ทางตรรกะโดย
กําหนดข้อมูลชุดหนึงขึนมาแล้วแทนค่าตามขันตอนต่างๆ ทีเขียนเป็น
โปรแกรมไว้ตังแต่ต้นจบ โดยสมมติว่าเป็ นการปฏิบัติงานเครือง
คอมพิวเตอร์ วิธีการเช่นลดข้อผิดพลาดทางตรรกะได้มาก ก่อนจะส่ง
โปรแกรมเข้าเครืองคอมพิวเตอร์ต่อไป
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 29. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
2.การตรวจสอบโดยเครืองคอมพิวเตอร์ เมือผ่านการตรวจสอบในขันแรก
แล้ว ก็ส่งโปรแกรมเข้าเครืองคอมพิวเตอร์พร้อมข้อมูลสมมุติทีทราบ
คําตอบ ขันแรกเครืองคอมพิวเตอร์จะทําการตรวจ Syntax Error หรือ
ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ ถ้ามีทีผิดเครืองคอมพิวเตอร์จะพิมพ์ข่าวสาร
ข้อผิดพลาดนีออกมา ถ้าได้คําตอบตรงตามทีทราบ ก็ค่อนข้างมันใจว่า
โปรแกรมน่าจะถูกต้อง เมือทดสอบโปรแกรมแล้ว สามารถนําโปรแกรม
พร้อมกับข้อมูลจริงเข้าเครืองคอมพิวเตอร์ เพือทําการประมวลผลได้ต่อไป
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 31. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
วิธีการประมวลผล
1. เริมต้น
2. การกําหนดค่าตัวนับ count ให้มีค่าเท่ากับ “0”
3. อ่านค่าตัวเลขมาเก็บในตัวแปร x ถ้าอ่านไม่ได้ (ตัวเลขหมด) ไป
ขันตอนที 5
4. บวกค่า 1 เข้ากับตัวนับ count และไปขันตอนที 3
5. พิมพ์ค่าตัวนับ count ทางจอภาพ
6. จบการทํางาน
และจากวิธีการประมวลผลข้างต้น ถ้าหากในตอนท้ายของขันตอนที 4
มีการกําหนดให้กระโดดไปขันตอนที 2 ก็จะทําให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้องเช่นกัน
เพราะเป็นการกําหนดค่าตัวนับให้เป็น “0” ตลอด
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 32. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
วิธีการประมวลผล
1. เริมต้น
2. การกําหนดค่าตัวนับ count ให้มีค่าเท่ากับ “0”
3. อ่านค่าตัวเลขมาเก็บในตัวแปร x
4. ถ้าอ่านไม่ได้ (ตัวเลขหมด) ไปขันตอนที 6
5. บวกค่า 1 เข้ากับตัวนับ count และไปขันตอนที 3
6. พิมพ์ค่าตัวนับ count ทางจอภาพ
7. จบการทํางาน
เมือมีการปรับแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ รวมทังถ้าหากมีการปรับ
วิธีการประมวลผลสมบูรณ์แล้วก็ นําไปเขียนโปรแกรมเพือทดสอบการ
ทํางานของโปรแกรมจริงต่อไป
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 33. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
5. ขันการเขียนเอกสาร
หลังจากทดสอบโปรแกรมผ่านแล้ว ควรทําเอกสารประกอบการใช้
โปรแกรมด้วย คือการอธิบายรายละเอียดของโปรแกรมว่า จุดประสงค์ของ
โปรแกรมคืออะไร มีขันตอนการทํางานของโปรแกรมเป็นอย่างไร
ผู้พัฒนาโปรแกรมทีดีควรมีการทําเอกสารประกอบโปรแกรม ทุกขันตอน
ตังแต่ออกแบบโปรแกรมจนถึงการทดสอบโปรแกรม เนืองจากอาจต้องมี
การนําโปรแกรมนันมีปรับปรุง เปลียนแปลงเพือให้ตรงกับความต้องการ
ผู้พัฒนาทีรับช่วงต่อเมือดูเอกสารทีประกอบโปรแกรมจึงจะสามารถทํา
ความเข้าใจได้ง่ายขึน
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 34. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
เอกสารประกอบโปรแกรมหรือคู่มือ โดยทัวไปจะมี 2 แบบ คือ
1. คู่มือผู้ใช้ (User Manual) คู่มือนีจะเน้นเรืองการใช้งานโปรแกรม
เป็นหลัก เช่น โปรแกรมนีใช้ทําอะไร วิธีเปิดโปรแกรม วิธีการป้อนข้อมูล
วิธีการพิมพ์เอกสารออกทางเครืองพิมพ์
2. คู่มือโปรแกรมเมอร์ (Programmers Manual) คู่มือนีจะอธิบาย
รายละเอียดต่างๆ เกียวกับชือโปรแกรมส่วนหลัก โปรแกรมย่อย และแต่
ละโปรแกรมย่อยมีหน้าทีอะไร คู่มือโปรแกรมเมอร์จะมีประโยชน์ต่อการ
ปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมในอนาคต
เอกสารประกอบนีอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพิมเติมด้วยเมือเวลา
ผ่านไป เนืองจากอาจมีการพบข้อผิดพลาดเพิมเติมอีกในภายหลัง
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 35. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
6. ขันบํารุงรักษาโปรแกรม
เป็นขันตอนหลังจากทีใช้โปรแกรมทีสร้างขึนไปแล้วระยะหนึง
จําเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับความเป็นจริง เช่น รูปแบบการ
รายงาน นอกจากนีการบํารุงรักษาโปรแกรมยังรวมไปถึงการรักษา
สือข้อมูลให้อยู่ในสภาพทีพร้อมใช้งานได้เสมอ
สรุปได้ว่า ก่อนทีเราจะเขียนโปรแกรมในงานแต่ละขึน โปรแกรมเมอร์
จะต้องเริมจากนํางานนันมาวิเคราะห์ก่อน โดยแจกแจงงานเป็นส่วนย่อยๆ
หลังจากนันก็นํามาเขียนเป็นผังงานหรือเขียนเป็นซูโด้โค้ด แล้วนําไปเขียน
โปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ทีเลือก เมือเสร็จแล้ว จะต้องทําการ
ทดสอบโปรแกรมก่อนว่าจุดผิดพลาดหรือไม่ ถ้าผ่าน ก็จัดทําเอกสารคู่มือ
สําหรับผู้ใช้โปรแกรม และสําหรับโปรแกรมเมอร์
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 36. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
3. ข้อพิจารณาในการออกแบบการทํางานสําหรับ
พัฒนาโปรแกรม
โดยทัวไปการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงต่างๆ มักมีไวยากรณ์
ภาษา และใช้คําสังคล้ายกันทีมีความใกล้เคียงกับการเขียนรหัสเทียม ใน
ขันตอนการวางแผนแก้ไขปัญหาสําหรับการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
จึงมักข้ามขันตอนการเขียนรหัสเทียม โดยอาจนําผังงาน หรือการเขียน
อัลกอริธึมทีมีมาแปลงเป็นภาษาทีใช้ในการพัฒนาโปรแกรมโดยตรง หรือ
ทํานองกลับกันก็อาจเขียนรหัสเทียมทันที เพือเป็นการประหยัดเวลา ลด
ความสับสนในการทําความเข้าใจลําดับการทํางานในโปรแกรม และลด
ความซําซ้อนในการทํางาน
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 37. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
อย่างไรก็ตาม การเขียนผังงานหรือการเขียนอัลกอริธึม จะมีความ
สะดวกในการตรวจสอบลําดับการทํางานของโปรแกรมในเบืองต้นเป็น
หลัก และการเขียนรหัสเทียมก็ยังเป็นการฝึกทักษะการคิด โดนเฉพาะการ
ลงรายละเอียดปลีกย่อยของการทํางานในโปรแกรมในแต่ละขันตอน
ก่อนทีจะลงมือเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์จริงๆ ในขันตอนการ
เขียนโปรแกรม
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 38. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
4. รูปแบบการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นันมีลักษณะการเขียนโปรแกรมอยู่
หลายลักษณะ ซึงขึนกับภาษาคอมพิวเตอร์ทีเลือกใช้ด้วย รูปแบบการเขียน
โปรแกรมทีนิยมใช้กันมีดังนี
การเขียนโปรแกรมแบบบนลงล่าง (Top-Dow Programming)
เป็นการวางแผนการเขียนโปรแกรมแบบโมดูลาร์เป็นลําดับ โดยมองปัญหา
ตังแต่ต้นจนจบการทํางาน ถ้าหากโมดูลใดมีความซับซ้อนก็จะให้แบ่งโมดูลนัน
ออกเป็นโมดูลย่อย และให้โมดูลหลักเรียกโมดูลย่อยต่างๆมาใช้งานเป็นลําดับ
ในการออกแบบโปรแกรมจะเขียนโครงสร้างต่างๆ เป็นลักษณะสีเหลียมผืนผ้า
โดยเขียนการทํางานแต่ละส่วนเรียงลําดับกันไป จากนันจึงนําโครงสร้างที
ออกแบบขึนมาพัฒนาเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 39. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
การเขียนโปรแกรมแบบโมดูลาร์(Modular Prpgramming)
เป็นการเขียนโปรแกรมทีแยกการทํางานต่างๆ ออกเป็นโปรแกรม
ย่อยขนาดเล็กหลายโปรแกรมแต่ละโปรแกรมเรียกว่า โมดูล (Module)
ซึงสามารถทํางานได้อิสระจากโมดูลอืนๆ ทําให้ถ้าหากโปรแกรมมีความ
ผิดพลาดก็สามารถแก้ไขโมดูลทีผิดพลาดได้ง่ายขึน สําหรับในการเขียน
โปรแกรมจะต้องมีโมดูลหลักทีทําหน้าทีควบคุมการทํางานทังหมด ว่า
จะเรียกโมดูลใดมาใช้งานก่อน โมดูลแต่ละโมดูลสามารถเรียกโมดูล
ย่อยๆ ได้อีก และแต่ละโมดูลอาจมีการส่งการควบคุมไปยังโมดูลอืนๆ
ได้อีกด้วย
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
- 41. หน่วยที 3
รหัส 3204-2007หลักการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม
จากรูปจะเห็นว่าโปรแกรมหลัก หรือโมดูลหลักจะมีการเรียกโมดูล
โปรแกรมย่อย เมือทําโมดูลโปรแกรมย่อยจบแล้ว โปรแกรมจะกลับมา
ทําโปรแกรมหลักต่อไป การเรียกโมดูลโปรแกรมย่อยนี สามารถเรียกใช้
ได้หลายๆ ครังตามต้องการ สําหรับการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษานัน
จะมีคําสังสําหรับเรียกโมดูลโปรแกรมย่อยแตกต่างกันไป และโมดูล
โปรแกรมย่อยก็จะมีคําสังเพือบอกว่าโปรแกรมย่อยนันจบลงแล้ว
เรือง วงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม