Mais conteúdo relacionado
อจท. พระพุทธศาสนา ม.3
- 2. คาแนะนาในการใช้ PowerPoint
กดปุ่ ม Slide Show ที่แถบด้านบนหรือด้านล่าง
กดปุ่ ม Esc ยกเลิกคาสั่งหรือออกจาก Slide Show
-
-
กดปุ่ มลูกศรหรือคลิกส่วนใดในหน้า Slide
เพื่อเลื่อนไปหน้าถัดไป
-
- 3. PowerPoint นี้ เหมาะสาหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรแกรม Microsoft Office 2010
การใช้เวอร์ชั่นอื่นๆ หรือ เวอร์ชั่นที่ต่ากว่า คุณสมบัติบางอย่างอาจทางานไม่สมบูรณ์
กดปุ่ มนี้ กลับไปหน้าสารบัญ (Contents)
กดปุ่ มนี้ ฟังคลิปเสียง (Audio Clip)
[การกดปุ่ ม ต้องกดให้โดนรูปลาโพง เพราะถ้าคลิกไปโดนแถบเลื่อนช่วงการฟัง อาจทาให้เสียงไม่ได้
เริ่มต้นที่จุดเริ่มต้น]
คาแนะนาในการใช้ PowerPoint
- 4. สารบัญ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒
ประวัติและความสาคัญของพระพุทธศาสนา
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
พุทธประวัติ พุทธสาวก ศาสนิกชนตัวอย่าง และชาดก
พระไตรปิฎกและพุทธศาสนสุภาษิต
หน้าที่ชาวพุทธและมารยาทชาวพุทธ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘
วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี
การบริหารจิตและการเจริญปัญญา
พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนา
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๙ ศาสนากับการอยู่ร่วมกันในประเทศไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗
- 10. ประเทศศรีลังกา
• พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่
ศรีลังกาประมาณ พ.ศ. ๒๓๖-๒๘๗
• สมัยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ
ทรงประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา
ประจาชาติสืบมาถึงปัจจุบัน
• พระพุทธศาสนาในศรีลังกามี
ความรุ่งเรืองและเสื่อมถอยโดยเปลี่ยนแปลง
ไปตามอานาจการปกครอง มีช่วงหนึ่งที่
ศรีลังกาส่งทูตมาขอพระสงฆ์ไทยไปบวช
ให้กุลบุตรชาวศรีลังกา
วัด Dambulla ประเทศศรีลังกา
- 11. ประเทศเนปาล
• ในอดีตเนปาลเป็นดินแดน
ส่วนหนึ่งของอินเดีย และเป็นสถานที่ตั้งของ
สวนลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของ
พระพุทธเจ้า
• ในยุคแรกพระพุทธศาสนา
เถรวาทรุ่งเรืองมาก ต่อมาเสื่อมถอยลง ทาให้
พระพุทธศาสนามหายาน นิกายตันตระซึ่ง
ผสมกับความเชื่อพื้นเมืองเจริญขึ้นมาแทน
• ปัจจุบันพระพุทธศาสนานิกาย
เถรวาทได้รับการฟื้นฟู โดยไทยเป็นกาลัง
สาคัญในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาท
วัดเจดีย์โพธินาถ หรือพุทธนาถ มรดกโลก ประเทศ
เนปาล เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล บนเจดีย์มี
ดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งสี่ทิศ
- 12. ประเทศภูฏาน
• พระพุทธศาสนาเข้าสู่ภูฏานราว
พ.ศ. ๘๐๐-๑๒๐๐ โดยเป็นนิกายวัชรยาน และ
ได้เป็นศาสนาประจาชาติภูฏาน
• ในราว พ.ศ. ๑๗๖๓ ได้มีการ
ก่อตั้งนิกายดรุกปะกัคยุขึ้น จนถึงยุคของท่าน
งาวังนัมเยล ได้สร้างพูนาคาซองเป็นสถานที่
ประกอบพิธีกรรมสาคัญ เช่น พิธีสถาปนา
สมเด็จพระสังฆราช
• ชาวภูฏานนับว่ามีความศรัทธา
และยึดมั่นในพระพุทธศาสนามาก
วัดทักซัง หรือรังเสือ เป็นที่เคารพสักการะยิ่งของ
ชาวพุทธในภูฏาน
- 16. ประเทศญี่ปุ่ น
• พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น
เริ่มต้นขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๓
และเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลาดับ โดยเริ่มนับถือ
ในหมู่ชนชั้นสูงก่อนแล้วค่อยแพร่หลายไปสู่
ประชาชน
• ในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๔
พระพุทธศาสนาแบ่งเป็น ๓ นิกายหลัก และ
เป็นที่นับถือกันมาจนถึงปัจจุบันได้แก่
นิกายโจโดหรือสุขาวดี นิกายเซน และนิกาย
นิชิเรน
พระพุทธรูปไดบุทซึที่วัดโทได ประเทศญี่ปุ่น แสดงถึง
แรงศรัทธาของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อพระพุทธศาสนา
- 18. ประเทศเยอรมนี
• ใน พ.ศ. ๒๔๖๔ ดร.คาร์ล ไซ
เกนสติคเกอร์ ได้ก่อตั้งพุทธสมาคมเยอรมันขึ้น
แต่ต่อมาพระพุทธศาสนาเสื่อมลงในยุคที่นาซี
เรืองอานาจ
• หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด
ได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาโดยกลุ่มเอกชน
ร่วมกับพระสงฆ์จากญี่ปุ่น ไทย ศรีลังกา และ
ทิเบต มีการจัดพิมพ์หนังสือเผยแผ่
พระพุทธศาสนา และแปลเป็นภาษาต่างๆ
รวมทั้งภาษาไทยวัดธรรมบารมี เมืองดอร์ทมุนด์ประเทศเยอรมนี
- 25. วัดพุทธสามัคคี เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศ
นิวซีแลนด์
ประเทศนิวซีแลนด์
• การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ส่วนใหญ่เป็นการดาเนินการโดยพระสงฆ์
ชาวอังกฤษ ทิเบต ญี่ปุ่น และไทย โดยการ
สนับสนุนของพุทธสมาคมแห่งเมือง
โอกแลนด์
• ปัจจุบันแม้ว่าการนับถือ
พระพุทธศาสนาจากัดเฉพาะในเมืองใหญ่
เช่น เวลลิงตัน ไครสต์เชิร์ช เป็นต้น แต่
ประชาชนก็หันมาสนใจศึกษาหลักคาสอน
และอุปถัมภ์บารุงวัดมากขึ้น
- 34. วิเคราะห์พุทธประวัติ ตอน แสดงปฐมเทศนา
• เมื่อพระพุทธเจ้าทรงมีพระดาริจะไม่เสด็จไปสอนใครชั่วขณะจิตหนึ่ง ท้าวสหัมบดีพรหม
ได้มาอัญเชิญให้ทรงเสด็จไปสอน พระพุทธองค์จึงทรงเปรียบเทียบกับดอกบัว ๓ เหล่า ทรง
เห็นว่าสัตวโลกมีระดับสติปัญญาจะเข้าใจพระธรรม จึงทรงรับคาอาราธนา
ข้อความตรงนี้เป็นบุคลาธิษฐาน ถอดเป็นภาษาธรรมได้ว่า พรหมเป็นสัญลักษณ์แทน
พรหมวิหารธรรมอันมีเมตตากรุณาเป็นหลัก การที่ท้าวสหัมบดีพรหมมาเชิญ หมายถึง
พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาสงสารสัตวโลกที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ จึงตัดสิน
พระทัยเสด็จออกไปโปรด
- 35. • การที่พระพุทธองค์ทรงมุ่งมั่นที่จะไปสอนปัญจวัคคีย์ให้ได้เนื่องจากเหตุผลที่ว่า
• เหตุที่พระธรรมเทศนานี้มีชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
ทรงต้องการแก้ความเข้าใจผิดของปัญจวัคคีย์ให้เข้าใจแจ่มแจ้งว่า การทรมานตัวเองด้วย
การอดอาหารมิใช่ทางบรรลุมรรคผล อริยมรรคมีองค์แปดเท่านั้นที่จะทาให้บรรลุ
นิพพานได้และทรงต้องการสักขีพยานแห่งการตรัสรู้
เป็นการเปรียบเทียบกับทางโลก ที่มหาราชผู้ยิ่งใหญ่จะทาพิธีอัศวเมธปล่อยม้าไปยัง
เมืองต่างๆ เมื่อม้าผ่านไปเมืองใด ถ้าเจ้าเมืองเกรงบารมีจะยอมสยบเป็นเมืองขึ้นแต่ถ้า
ไม่ยอมก็จะฆ่าม้านั้น และมหาราชจะยกทัพไปปราบ ล้อรถศึกของมหาราชผ่านไปใน
ทิศทางใด ก็ยากที่ใครจะต้านทานได้เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจ ๔ เท่ากับทรง
หมุนกงล้อแห่งธรรมที่ไม่มีใครคัดค้านได้
- 36. โอวาทปาฏิโมกข์
ในวันเพ็ญเดือน ๓ พระสงฆ์
จานวน ๑,๒๕๐ รูป ได้มาเฝ้า
พระพุทธเจ้าที่วัดพระเวฬุวันโดย
มิได้นัดหมายกัน ท่านเหล่านั้น
เป็นเอหิภิกขุ (พระสงฆ์ที่
พระพุทธเจ้าประทานอุปสมบท
ให้) เป็นพระอรหันต์
พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง
โอวาทปาฏิโมกข์พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในวันเพ็ญ
เดือน ๓
- 37. โอวาทปาฏิโมกข์ : หัวใจพระพุทธศาสนา
• ทรงแสดงอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา คือ
พระนิพพาน
• ทรงแสดงหลักการทั่วไปของพระพุทธศาสนา ๓
ประการ ได้แก่ การไม่ทาความชั่วทั้งปวง การทา
ความดีให้พร้อม และการทาจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
• ทรงแสดงวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยเน้น
ไม่ว่าร้ายผู้อื่น ใช้ขันติธรรม
• ทรงตรัสถึงคุณสมบัติของผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา
- 38. วิเคราะห์พุทธประวัติ ตอนโอวาทปาฏิโมกข์
• เพราะเหตุใดภิกษุจานวนมากถึง ๑,๒๕๐ รูป จึงมาประชุมกันในวันนี้ และมาโดยมิได้
นัดหมายกันมาก่อนจริงหรือ
พระพุทธองค์ทรงส่งภิกษุเหล่านั้นไปประกาศพระพุทธศาสนายังแว่นแคว้นต่างๆ
เมื่อทางานได้ผลหรือพบอุปสรรคใดก็ประสงค์จะมาเฝ้าพระพุทธองค์เมื่อทราบว่า
พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่วัดพระเวฬุวันประกอบกับตรงกับวันเพ็ญซึ่งมีแสงสว่าง
เหมาะสาหรับการประชุมใหญ่ ก็เป็นเหตุผลที่ทาให้ต่างรูปต่างเดินทางมาวัดพระ
เวฬุวันโดยมิได้นัดหมายมาก่อน
- 39. • ในวันเพ็ญเดือน ๓ พระสารีบุตรได้บรรลุพระอรหันต์ จากนั้นไม่นานพระพุทธองค์ทรง
แต่งตั้งให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย
ทาให้บางท่านคิดว่าพระพุทธองค์ทรงลาเอียงไม่แต่งตั้งพระผู้ใหญ่รูปอื่น
พระพุทธองค์ทรงเห็นว่างานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นงานสาคัญจึงทรงมองหา
บุคคลที่จะช่วยทางาน และทรงเห็นว่าทั้งสองท่านเหมาะกับงานนี้ เพราะพระสารีบุตร
และพระโมคคัลลานะเป็นพราหมณ์มาก่อน มีความเชี่ยวชาญไตรเพทดี และรู้วิธีการ
โต้เถียงหักล้างกันด้วยเหตุผล หาใช่เพราะทรงลาเอียง
- 51. พระอัญญาโกณฑัญญะ
๒. ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา
• เดิมชื่อ โกณฑัญญะ เกิดในสกุลพราหมณ์
• เป็นพราหมณ์ที่มาทานายพระลักษณะของ
เจ้าชายสิทธัตถะหลังประสูติ ๕ วัน โดย
ทานายว่า “ เจ้าชายน้อยนี้ต่อไปจะเสด็จ
ออกผนวชและได้เป็นศาสดาเอกของโลก
แน่นอน”
• ภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว
โกณฑัญญะได้ฟังธรรมจนได้ธรรมจักษุ
และทูลขออุปสมบทเป็นพระสงฆ์รูปแรก
ในพระพุทธศาสนา โกณฑัญญะทานายพระลักษณะของ
เจ้าชายสิทธัตถะ
- 55. พระเขมาเถรี
• เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าสาคละแห่ง
สาคลนคร ในมัททรัฐ ต่อมาได้เป็นมเหสี
ของพระเจ้าพิมพิสาร
• ระยะแรกมิได้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาและ
ทรงหลงใหลในพระรูปสมบัติของตนเอง
จึงไม่ยอมเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
• พระเจ้าพิมพิสารทรงหาอุบายโดยให้กวีแต่ง
ชมความงามของพระวิหารเวฬุวัน จนใน
ที่สุดพระนางได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
จากนั้นทูลขอบวชและบรรลุพระอรหันต์ พระนางเขมาทรงมีความหลงใหลใน
รูปโฉมของตนเอง
- 57. พระเจ้าปเสนทิโกศล
• เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าโกศล เมือง
สาวัตถี แคว้นโกศล
• เป็นศิษย์ในสานักทิศาปาโมกข์เมืองตักศิลา
ร่วมกับเจ้าชายมหาลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชี
และพันธุละเสนาบดีแห่งนครกุสินารา
• แต่ก่อนนับถือนักบวชนอกพระพุทธศาสนา
ต่อมานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเห็น
จริยวัตรอันงดงามของพระสงฆ์ทรงฝักใฝ่
ในพระพุทธศาสนา ภายหลังถูกอามาตย์
กบฏ และต่อมาก็เสด็จสวรรคต พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายความเคารพ
พระพุทธเจ้าอย่างนอบน้อม
- 59. หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
๓. ศาสนิกชนตัวอย่าง
• เป็นพระธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาดารง
ราชานุภาพ และหม่อมเฉื่อย
• ทรงสนพระทัยในพระพุทธศาสนา และมี
พระกรณียกิจด้านพระพุทธศาสนา เช่น
ทรงบรรยายหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ทรงเป็นกรรมการบริหารพุทธสมาคมแห่ง
ประเทศไทย ทรงเป็นประธานองค์การ
พุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ทรงนิพนธ์
หนังสือ ศาสนคุณ สอนพระพุทธศาสนา
สาหรับเยาวชน
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัยดิศกุล
- 61. ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
• เป็นบุตรของมหาอามาตย์ตรี พระยาธรรมสาร
เวทย์วิเศษภักดี ศรีสัตยาวัตตาพิริยพาหะ
(ทองดี ธรรมศักดิ์) กับคุณหญิงชื้น ธรรมศักดิ์
• ด้านราชการได้เข้ารับราชการในกระทรวง
ยุติธรรม หลังเกษียณอายุราชการ ได้ดารง
ตาแหน่งองคมนตรี และอื่นๆ
• ด้านศาสนา ได้ดารงตาแหน่งนายกพุทธ
สมาคมแห่งประเทศไทย และเป็นประธาน
องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
- 63. นันทิวิสาลชาดก
๔. ชาดก
• สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการพูดเสียดแทง
ให้เจ็บใจของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดยทรงเล่านิทานว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่เมืองตักศิลา พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโคนามว่า นันทิวิสาล
มีรูปร่างสวยงาม มีพละกาลังมากมีพราหมณ์คนหนึ่งได้เลี้ยงและรักโคนั้นเหมือนลูกชายโคนั้นคิด
จะตอบแทนบุญคุณ จึงให้พราหมณ์ไปท้าพนันกับเศรษฐีโควินทะว่า โคของเราสามารถลากเกวียนที่
ผูกติดกันถึงหนึ่งร้อยเล่มได้ให้พนันด้วยเงินหนึ่งพันกหาปณะพราหมณ์จึงทาตามที่โคบอก
ในวันเดิมพัน พราหมณ์ได้ขึ้นไปนั่งบนเกวียน เงื้อปะฏักขึ้นพร้อมกับตวาดโคด้วย
คาหยาบ เมื่อโคนันทิวิสาลได้ยินก็คิดน้อยใจ จึงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทาให้พราหมณ์ต้องเสียพนัน
แล้วก็เข้าไปนอนเศร้าโศกเสียใจอยู่ในบ้าน ส่วนโคนันทิวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้าโศกเสียใจจึงเข้าไป
ปลอบและบอกให้พราหมณ์กล่าวด้วยถ้อยคาไพเราะและให้ไปท้าพนันใหม่ พราหมณ์จึงทาตาม
คาแนะนา โคนันทิวิสาลได้ยินคาไพเราะจึงทาตาม ทาให้พราหมณ์ชนะพนัน
- 65. สุวัณณหังสชาดก
• ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภเรื่องภิกษุณี
ชื่อ ถูลนันทา ผู้ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคกระเทียม สร้างความเดือดร้อนให้
ชาวบ้าน จึงทรงนานิทานมาเล่าเป็นสาธก ว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ มีภรรยา และ
บุตรี ๓ คน ต่อมาพราหมณ์สิ้นชีวิตลงไปเกิดเป็นหงส์ทอง ส่วนภรรยาและลูกยากจนลง
ด้วยความสงสารพญาหงส์ทองจึงบินไปที่บ้านนางพราหมณ์และสลัดขนทองคาให้วันละขน
เพื่อนาไปขาย ครอบครัวจึงมีความเป็นอยู่ดีขึ้นแต่ด้วยความโลภ นางพราหมณีได้จับพญา
หงส์ทองถอนขนจนหมด ขนทองคาจึงกลายเป็นขนนกธรรมดา เพราะพญาหงส์ทองไม่ได้
เต็มใจให้ นางพราหมณีเลี้ยงพญาหงส์ทองจนขนงอกขึ้นเต็มตัว พญาหงส์ทองก็หนีไป
- 67. พระพุทธศาสนามีองค์ประกอบสาคัญ ๓ ประการ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
พระพุทธเจ้าทรงค้นพบหลักธรรมซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้สืบทอดและ
เผยแผ่หลักธรรมคาสอน จึงกล่าวได้ว่าพระธรรมเป็นองค์ประกอบสาคัญของพระพุทธศาสนา
นั่นคือ พระธรรมเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้านั่นเอง
ดังนั้น พุทธศาสนิกชนจึงควรศึกษาหลักธรรมคาสอนของพระพุทธศาสนาให้เข้าใจอย่างถ่อง
แท้เพื่อให้สามารถนาไปเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์
ต่อตนเองและสังคมส่วนรวม
หน่วยการเรียนรู้ที่
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา๓
- 68. ๑. พระรัตนตรัย
สังฆคุณ ๙
• สุปฏิปันโน : เป็นผู้ปฏิบัติดี
• อุชุปฏิปันโน : เป็นผู้ปฏิบัติตรง
• ญายปฏิปันโน : เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
• สามีจิปฏิปันโน : เป็นผู้ปฏิบัติสมควร
• อาหุเนยโย : เป็นผู้ควรแก่ของคานับ
• ปาหุเนยโย : เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ
• ทักขิเณยโย : เป็นผู้ควรแก่ของทาบุญ
• อัญชลีกรณีโย : เป็นผู้ควรกราบไหว้
• อนุตตรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ : เป็น
เนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลก
พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติตามคาสอนของ
พระพุทธเจ้าและเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- 71. ไตรลักษณ์ ลักษณะ ๓ ประการของสิ่งมีชีวิต
อนิจจตา : ภาวะที่ไม่คงทนหรือภาวะไม่เที่ยง
ทุกขตา : ภาวะที่ทนไม่ได้หรือภาวะที่ขัดแย้งไม่สมบูรณ์
อนัตตตา : ภาวะที่ไม่มีตัวตน
- 72. สมุทัย (ธรรมที่ควรละ)
หลักกรรม (วัฏฏะ ๓)
กิเลสวัฏฏะ
กรรมวัฏฏะ
วิบากวัฏฏะ
ตัวอย่าง
นาย ก ชอบเล่นการพนันเป็น
หนี้และถูกเจ้าหนี้ขู่ทาร้าย จึงคิด
ทาการทุจริต ที่เรียกว่า กิเลส
ในที่สุดก็ลงมือทา เรียกว่า
กรรม แต่ถูกจับได้และไล่ออก
จากงาน นี่คือ วิบาก เมื่อไม่มี
งานก็คิดทุจริตอีก เกิดกิเลสอีก
วนเวียนไปเรื่อยๆ
- 83. บุญกิริยาวัตถุ ๑๐
• ทาบุญด้วยการให้ (ทานมัย)
• ทาบุญด้วยการรักษาศีล (สีลมัย)
• ทาบุญด้วยการอบรมจิตใจ (ภาวนามัย)
• ทาบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม (อปจายนมัย)
• ทาบุญด้วยการรับใช้ (เวยยาวัจจมัย)
• ทาบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น (ปัตติทานมัย)
• ทาบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น (ปัตตานุโมทนามัย)
• ทาบุญด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย)
• ทาบุญด้วยการสั่งสอนธรรม (ธัมมเทสนามัย)
• ทาบุญด้วยการทาความเห็นให้ตรง (ทิฏฐุชุกัมม์)
- 84. อุบาสกธรรม ๗ หลักธรรมสาหรับผู้ครองเรือน
• หมั่นไปวัด
• หมั่นฟังธรรม
• ฝึกตนเองให้มีระเบียบวินัย มีศีล
• สร้างความรู้สึกที่ดีงาม มีความเลื่อมใสต่อพระสงฆ์
ทั่วไป
• ฟังธรรมหรือเล่าเรียนคาสอนด้วยจิตที่เป็นกุศล
• ไม่แสวงหาเขตบุญนอกหลักพระพุทธศาสนา
• เอาใจใส่ทานุบารุงพระพุทธศาสนา
การไปวัดฟังธรรม ย่อมทาให้เกิด
ปัญญาและจิตใจสงบ
- 85. มงคล ๓๘ ธรรมอันนามาซึ่งความสุขความเจริญ
มีศิลปวิทยา หมายถึง ความรู้หรือวิชาที่ช่วยในการทางาน ประกอบ
อาชีพเลี้ยงตนและครอบครัวให้มีความสุข ในการฝึกฝนตนเองให้เกิด
ความชานาญในวิชาชีพนั้น มีข้อแนะนา ดังนี้
• ต้องชอบ
• ต้องถนัด
• ต้องรู้ทฤษฎี
• ต้องฝึกปฏิบัติ
• ต้องมีวินัยและฟังมาก
- 86. พบสมณะ สามารถเห็นได้ทางตาและทางปัญญา เห็นทางตา คือ
การเห็นบุคคลที่ปลงผม นุ่งเหลืองห่มเหลือง ส่วนการเห็นทางปัญญา
เป็นการเห็นความดีที่มีอยู่ในตัวบุคคลที่เป็นสมณะ การเห็นสมณะทาให้
เราเห็นชีวิตที่บริสุทธิ์ สงบ สามารถซึมซับความดีเข้าสู่ตัวเราได้ดังนั้น
พุทธศาสนิกชนควรหมั่นไปพบปะสนทนากับพระสงฆ์เพื่อถวายอาหาร
และของใช้จาเป็น รวมทั้งสนทนาธรรมกับท่านเพื่อให้เกิดปัญญา
- 87. ฟังธรรมตามกาล เวลาที่ควรฟังธรรม ได้แก่ วันธรรมสวนะ วันสาคัญ
ทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งฟังธรรมทุกครั้งที่มีผู้แสดงธรรม และมี
ข้อควรปฏิบัติในการฟังธรรม ดังนี้
• ควรมีศรัทธาในตัวผู้แสดงธรรม
• ไม่ดูหมิ่นธรรมที่ท่านแสดง
• ฟังด้วยความตั้งใจ
• นาเอาหลักธรรมไปปฏิบัติ
- 88. การสนทนาธรรมตามกาล การที่บุคคล ๒ คนขึ้นไปพูดถึงปัญหาเกี่ยวกับ
ความดีความชั่ว ความควรไม่ควร ซึ่งระหว่างสนทนา ควรรักษามารยาท
ในการสนทนาและไม่ควรดูหมิ่นคู่สนทนา ควรตั้งใจฟังแล้วพิจารณา
ไตร่ตรอง การสนทนาธรรมก่อให้เกิดประโยชน์ โดยทาให้เกิดความ
แตกฉานในเรื่องที่สนทนา ทาให้รู้จักตนเองมากขึ้น
และทาให้กิเลสในใจเบาบาง
- 91. หลักสร้างตนเป็นคนดี (สัปปุริสธรรม ๗)
• รู้จักเหตุ
• รู้จักผล
• รู้จักตน
• รู้จักประมาณ
• รู้จักกาล
• รู้จักชุมชน
• รู้จักบุคคล
นักเรียนที่ศึกษาเล่าเรียนด้วยความตั้งใจ นับว่าเป็นผู้ที่รู้จัก
หน้าที่ของตน
- 97. เรื่องน่ารู้จากพระไตรปิฎก (พุทธปณิธาน ๔ ในมหาปรินิพพานสูตร)
พุทธปณิธาน ความตั้งพระทัยของ
พระพุทธเจ้าว่า ตราบใดที่พระพุทธศาสนา
ยังไม่แพร่หลาย คือ พุทธบริษัททั้ง ๔ (ภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา) ยังไม่มีคุณสมบัติ
ครบถ้วน พระองค์จะไม่เสด็จดับขันธ์
ปรินิพพาน
- 99. อตฺตา หเว ชิต เสยฺโย : ชนะตนนั่นแลดีกว่า
การชนะตน การที่สามารถควบคุมตนเองให้ทาในสิ่งที่ควรทาและไม่ทาในสิ่งที่ไม่ควรทา
กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า สามารถบังคับตนให้ทาความดี ละเว้นความชั่วได้
การเอาชนะตนทางโลกจะทาให้ประสบ
ความสาเร็จในการดาเนินชีวิต
พระพุทธศาสนามีหลักธรรม ๓ ข้อ ที่จะช่วย
ให้เอาชนะตนได้ดังนี้
• สติ ต้องฝึกตนเองให้มีสติอยู่เสมอ
• ทมะ การข่มจิตข่มใจของตน
• ขันติ การอดกลั้น
๒. พุทธศาสนสุภาษิต
- 100. ธมฺมจารี สุข เสติ : ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข
ผู้ประพฤติธรรม ผู้ปฏิบัติตามคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระธรรมเบื้องต้นที่ควร
ประพฤติปฏิบัติ ได้แก่ ศีล ๕ และธรรม ๕
- 102. ปมาโท มจฺจุโน ปท : ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย
ความประมาท การขาดสติ ปล่อยใจให้ล่องลอยไป ไม่รู้สึกตัวว่ากาลังทาอะไร กาลังพูดอะไร
ความประมาทมีได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางธรรม การไม่ระวังตัวทาให้จิตใจฟุ้งซ่าน
ก็อาจเป็นทางให้เดินไปสู่ความชั่วได้
ความประมาทในการขับขี่ยานพาหนะ ย่อมนาไปสู่
การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้
- 103. สุสฺสูส ลภเต ปญฺญ : ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา
ปัญญา ความรู้ อาจแยกได้๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ รู้หลักวิชาและรู้หลักความประพฤติ มนุษย์
เป็นสัตว์โลกที่มีปัญญา มีความรู้ทั้งสองอย่างได้ปัญญานั้นเกิดได้หลายทาง และทางที่เกิดได้
มากที่สุดทางหนึ่ง คือ การฟัง
ในการฟังควรปฏิบัติ ดังนี้
• ต้องเลือกคนที่เราจะฟัง
• ไม่ควรมีอคติต่อผู้พูด
• ต้องมีสมาธิ
• รู้จักแยกแยะ
การฟังอย่างมีสติย่อมก่อให้เกิดปัญญา
- 105. ๑. หน้าที่ของพระภิกษุในการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย
และจริยาวัตรอย่างเหมาะสม
การศึกษา
การศึกษา หมายถึง การเรียนพระพุทธวจนะ สมัยก่อนใช้วิธี
ท่องจา เรียกว่า “มุขปาฐะ” ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ต่อมามีการเรียก
ประชุม “สังคายนา” (ร้อยกรองหรือสวดสอบทานกัน) เพื่อความ
ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พระพุทธวจนะเป็นจานวนมากจึงถูกถ่ายทอดผ่านระบบ
ท่องจา ทาให้คาสอนของพระพุทธเจ้าสืบทอดมากว่า ๒,๐๐๐ ปี
การศึกษาเล่าเรียนพระพุทธวจนะนี้ต่อมา เรียกว่า “คันถธุระ”
(หน้าที่ด้านการเรียนพระคัมภีร์) เป็นการเรียนรู้วิชาเพื่อเกื้อกูลและ
สนับสนุนการปฏิบัติธรรมให้เกิดผลดี
- 107. สามารถควบคุมกาย วาจา ให้เรียบร้อย งดเว้นจากข้อห้ามที่พระพุทธเจ้า
ทรงบัญญัติไว้ได้
สามารถฝึกฝนจิตใจของตนเองให้มีสมาธิอันแน่วแน่จนจิตสงบ
สามารถขจัดสิ่งมัวหมองออกจากใจได้
ก่อให้เกิดปัญญาที่เกิดจากการฝึกปฏิบัตินั้น ทั้งยังเข้าใจโลกและชีวิต
อย่างแจ่มแจ้ง จนสามารถปล่อยวางจากความโลภ ความโกรธ ความหลง
ให้ลดลงจนกระทั่งหมดไปโดยสิ้นเชิง
คุณค่าและประโยชน์ที่ได้จากการปฏิบัติตามหลักธรรม
- 111. ๒. มารยาทชาวพุทธ
• เมื่อพระมาถึงควรรับรองท่านด้วยอัธยาศัย
ไมตรี
• นิมนต์พระสงฆ์ให้นั่งที่สมควรที่จัดไว้
• ถวายของรับรอง เช่น น้าดื่มหรือน้าผลไม้
ไม่ควรถวายหมากพลู บุหรี่อันเป็นสิ่งเสพติด
• ถ้ายังไม่ถึงเวลาประกอบพิธี เจ้าภาพควรอยู่
ร่วมสนทนากับท่านตามสมควร
• เมื่อเสร็จพิธี ควรเดินตามไปส่งท่านจนพ้น
บริเวณงานหรือไปส่งถึงวัด
การอาราธนาพระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ งานมงคลนิยมนิมนต์พระจานวน ๕ รูป ๗
รูป หรือ ๙ รูป
การปฏิบัติตนต่อพระภิกษุในงานศาสนพิธีที่บ้าน
ชาวพุทธพึงปฏิบัติต่อพระสงฆ์ในงานศาสนพิธี
ด้วยความเคารพ
- 112. การสนทนากับพระภิกษุตามฐานะ
• ควรพูดจาอย่างไพเราะ ไม่กระโชกโฮกฮาก
เสียดสี แดกดัน
• ใช้คาพูดให้ถูกต้องเหมาะสมแก่สถานภาพของ
ตนเองและพระสงฆ์
• ไม่ล้อเล่นกับพระสงฆ์ หรือพูดตลกโปกฮา
• เมื่อพูดกับพระผู้ใหญ่ควรพนมมือพูดกับท่าน
ทุกครั้ง
• ไม่ชวนพระสงฆ์พูดคุยเรื่องที่ไม่เหมาะสม
• เวลาพูดถึงพระสงฆ์ลับหลังพึงพูดด้วยความ
ปรารถนาดี
• เวลาพูดกับพระสงฆ์จะต้องใช้สรรพนามให้
เหมาะสม
บุคคลพึงสนทนากับพระสงฆ์ด้วยความสารวม