SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 34
Baixar para ler offline
1แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
แบบฝึ กทักษะเรื่อง แคลคูลัสเบื้องต้น
รายวิชา ค 33201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 5
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6
ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2559
ผู้สอน
นางสาวชัชชญา กลั่นบุศย์
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์
กาญจนบุรี
2แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้
เรื่อง ลิมิตและความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
1. ลิมิตของฟังก์ชัน
หลักการ
ให้ f(x) เป็นฟังก์ชัน และ a เป็นจำนวนจริงใดๆ
1. lim ( ) lim ( ) 
 
 
x a x a
f x f x L แล้ว lim ( )


x a
f x L มีลิมิตที่ a
( ลิมิตเข้ำทำงซ้ำย เท่ำกับ ลิมิตเข้ำทำงขวำ)
2. lim ( ) lim ( ) 
 

x a x a
f x f x แสดงว่ำ f(x) ไม่มีลิมิตที่ a
ตัวอย่างที่ 1 ให้ f(x) = 4x – 3 จงหำ
2 2
lim ( ) , lim ( )
x x
f x f x 
 
วิธีทำ  2 2
lim ( ) lim 4 3 4(2) 3 8 3 5
x x
f x x 
 
      
 2 2
lim ( ) lim 4 3 4(2) 3 5
x x
f x x 
 
    
ตัวอย่างที่ 2 ให้ f(x) = | x-3 | จงหำ (1)
3 3
lim ( ) , lim ( )
x x
f x f x 
 
(2)
3 3
lim ( ) , lim ( )
x x
f x f x
 
   
วิธีทำ เนื่องจำก f(x) เป็นค่ำสัมบูรณ์ ค่ำ x ภำยในค่ำสัมบูรณ์มี 2 ค่ำ
, 0
| |
, 0
x x
x
x x

 
 
 
3 , 3 0 3
| 3|
( 3) , 3 0 3
x x x
x
x x x

    
  
     
(1)
3 3 3
lim ( ) lim | 3| lim ( 3) (3 3) 0
x x x
f x x x  
  
        
 3 3 3
lim ( ) lim | 3| lim 3 3 3 0
x x x
f x x x  
  
      
(2)
3 3 3
lim ( ) lim | 3| lim ( 3) ( 3 3) 6
x x x
f x x x
  
     
         
 
3 3 3
lim ( ) lim | 3| lim 3 3 3 6
x x x
f x x x
  
     
        
 เข้ำทำงขวำ , ทำงด้ำนบวก
 เข้ำทำงซ้ำย , ทำงด้ำนลบ
3แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 3 ถ้ำ
2
, 1
( ) 1 ,0 1
0 , 0
x x
f x x x
x



   

 

จงหำค่ำของ
0 1 0
lim ( ) , lim ( ), lim ( )
x x x
f x f x f x  
  
วิธีทำ (1)
0
lim ( ) 0
x
f x


(2)
2 2
1 1
lim ( ) lim 1 1
x x
f x x 
 
  
(3)  0 0
lim ( ) lim 1 0 1 1
x x
f x x 
 
     
ตัวอย่างที่ 4 ถ้ำ 2
( ) 5 4f x x x   จงหำ 3
lim ( )
x
f x

วิธีทำ
2 2
3 3
lim ( ) lim( 5 4) 3 5(3) 4 20
x x
f x x x
 
      
ตัวอย่างที่ 5 ถ้ำ
2
( )f x
x
 จงหำ 4
lim ( )
x
f x

,
0
lim ( )
x
f x

วิธีทำ (1) 4 4
2 2 1
lim ( ) lim
4 2x x
f x
x 
  
(2) 0 0
2 2
lim ( ) lim
0x x
f x
x 
  หำค่ำไม่ได้
ตัวอย่างที่ 6 ถ้ำ
3
( )
5
x
f x
x



จงหำ 5
lim ( )
x
f x

,
3
lim ( )
x
f x

วิธีทำ (1) 5 5
3 3 5 2
lim ( ) lim
5 5 5 0x x
x
f x
x 
   
   
  
หำค่ำไม่ได้
(2) 3 3
3 3 3 0
lim ( ) lim 0
5 3 5 2x x
x
f x
x 
  
    
   
ตัวอย่างที่ 7 ถ้ำ
2
4
( )
2
x
f x
x



จงหำ 2
lim ( )
x
f x

วิธีทำ แทนค่ำ x = 2 ใน f(x) จะได้
2
2 4 4 4 0
(2)
2 2 2 2 0
f
 
  
 
ข้อสังเกต ::  เรำจะสนใจพิจำรณำลิมิตทำงซ้ำยหรือทำงขวำ เมื่อ ฟังก์ชัน เป็นแบบ ………………………….
 ถ้ำ เป็นฟังก์ชันปกติ เรำสำมำรถหำค่ำ lim ( ) ( )
x a
f x f a

 โดยกำรแทนค่ำได้เลย
4แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
 กรณี ผลของ ลิมิต ออกมาในรูปของ 0
0
lim ( )
x a
f x

อำจหำค่ำได้โดยพยำยำมเปลี่ยนรูปของ f(x) ใหม่เพื่อให้สำมำรถตัดทอนกันและหำค่ำลิมิตได้โดยตรง
การเปลี่ยนรูปของ f(x) มีวิธีการหลายวิธี ดังนี้
1. แยกตัวประกอบ 2. ใช้คอนจูเกต (conjugate) คูณทั้งเศษและส่วน (เน้น ติดรูท )
3. กฎของโลปิตำล (L ‘ Hopital ‘ Rule) 4. 0
sin
lim 1




จำกตัวอย่ำงที่ 7 กำหนดให้
2
4
( )
2
x
f x
x



เรำจะต้องเปลี่ยนรูปของ f(x) ใหม่เพื่อทำให้สำมำรถตัดทอนกันได้
และหำลิมิตได้โดยตรง จะได้
2
2 2 2
4 ( 2)( 2)
lim ( ) lim lim
2 ( 2)x x x
x x x
f x
x x  
     
    
   
2
lim( 2) 2 2 4
x
x

    
ดังนั้น
2
2
4
lim 4
2x
x
x
 
 
 
 สูตรการแยกตัวประกอบ
# กาลัง 2 สมบูรณ์
1.
2 2 2
2 ( )x xy y x y   
2.
2 2 2
2 ( )x xy y x y   
# กาลัง 3 สมบูรณ์
4.
3 3 2 2 3
3 3 ( )x x y xy y x y    
5.
3 3 2 2 3
3 3 ( )x x y xy y x y    
# ผลต่างกาลัง 2
3.
2 2
( )( )x y x y x y   
# ผลต่างกาลัง 3
6.
3 3 2 2
( )( )x y x y x xy y    
7.
3 3 2 2
( )( )x y x y x xy y    
ตัวอย่างที่ 8 ถ้ำ
3
2
27
( )
2 3
x
f x
x x


 
จงหำ 3
lim ( )
x
f x

วิธีทำ นำ x = 3 แทนใน f(x) จะได้
3
2
3 27 27 27 0
(3)
3 2(3) 3 9 6 3 0
f
 
  
   
เปลี่ยนรูปโดยกำรแยกตัวประกอบ 3 2
27 ( 3)( 3 9)x x x x    
2
2 3 ( 3)( 1)x x x x    
จะได้
3 2
23 3 3
27 ( 3)( 3 9)
lim ( ) lim lim
2 3 ( 3)( 1)x x x
x x x x
f x
x x x x  
   
 
   
2 2
3
( 3 9) 3 3(3) 9 27
lim
( 1) 3 1 4x
x x
x
   
  
 
5แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 9 ถ้ำ
2
2
1
( )
2 1
x
f x
x x


 
จงหำ 1
lim ( )
x
f x

วิธีทำ นำ x = 1 แทนใน f(x) จะได้
2
2
1 1 0
(1)
2(1 ) 1 1 0
f

 
 
เปลี่ยนรูปโดยกำรแยกตัวประกอบ 2
1 ( 1)( 1)x x x   
2
2 1 (2 1)( 1)x x x x    
จะได้
2
21 1 1
1 ( 1)( 1)
lim ( ) lim lim
2 1 ( 1)(2 1)x x x
x x x
f x
x x x x  
  
 
   
1
( 1) 1 1 2
lim
(2 1) 2(1) 1 3x
x
x
 
  
 
ดังนั้น
2
21
1 2
lim
2 1 3x
x
x x


 
ตัวอย่างที่ 10 ถ้ำ
4 2
( )
x
f x
x
 
 จงหำ 0
lim ( )
x
f x

วิธีทำ นำ x = 1 แทนใน f(x) จะได้
4 0 2 2 2 0
(0)
0 0 0
f
  
  
เปลี่ยนรูปโดย ใช้คอนจูเกต (conjugate) คูณทั้งเศษและส่วน  ติดรูท คอนจูเกต ทันที
จะได้
0 0 0
4 2 4 2 4 2
lim lim lim
4 2 ( 4 2)x x x
x x x x
x x x x x  
     
  
   
0
1 1 1 1
lim
2 2 44 2 4 0 2x x
   
   
ดังนั้น 0
4 2 1
lim
4x
x
x
 

2. ความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
หลักการ
ให้ f(x) เป็นฟังก์ชัน และ a เป็นจำนวนจริงใดๆ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องที่ x = a เมื่อเป็นจริง
ทั้ง 3 ข้อดังนี้
1. f(a) หำค่ำได้
2. lim ( )
x a
f x

หำค่ำได้ นั่นคือ lim ( ) lim ( )
x a x a
f x f x 
 
 และ
3. lim ( ) ( )
x a
f x f a


** ถ้ำเงื่อนไขข้อใด ข้อหนึ่งขำดไป แสดงว่ำ f ไม่ต่อเนื่อง x = a
6แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 11 ถ้ำ
2
3 , 3
( ) 2 5 , 1 3
3 2 , 1
x x
f x x x
x x



    

   

ข้อใดต่อไปนี้ถูก
1. f ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ไม่ต่อเนื่องที่ x =3
2. f ต่อเนื่องที่ x = – 1 และ x =3
3. f ไม่ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ต่อเนื่องที่ x =3
4. f ไม่ต่อเนื่องที่ x = – 1 และ x =3
วิธีทำ
มี 2 จุดที่ต้องพิจำรณำคือ x = 1 และ x = 3
1. พิจำรณำควำมต่อเนื่องของ f ที่ x = – 1
 f(-1) = 2(-1) + 5 = 3

2 2
1 1
lim ( ) lim 3 3( 1) 3
x x
f x x 
 
   

1 1
lim ( ) lim(2 5) 2( 1) 5 3
x x
f x x 
 
     
แสดงว่ำ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องที่ x = – 1
2. พิจำรณำควำมต่อเนื่องของ f ที่ x = 3
 f(3) = 3(3) - 2 = 9 – 2 = 7

3 3
lim ( ) lim(2 5) 2(3) 5 6 5 11
x x
f x x 
 
      

33
lim ( ) lim(3 2) 3(3) 2 9 2 7
xx
f x x  
      
แสดงว่ำ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันไม่ต่อเนื่องที่ x = 3
ดังนั้น f ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ไม่ต่อเนื่องที่ x = 3 ตอบ ตัวเลือก 1
7แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…เอกสารฝึกหัดที่ 1…
1. จงหำค่ำ
2
0
(1 ) 1
lim
x
x
x
 
[ 2 ]
2. จงหำค่ำ
3
0
1 (1 )
lim
x
x
x
 
[–3 ]
3. จงหำค่ำ 4
4 2
lim
4x
x
x x
   
   
   
[
1
2
 ]
4. จงหำค่ำ 22
10 2
lim 1
4x x x
   
    
   
[
5
4
]
5. จงหำค่ำ
2
22
4
lim
6x
x
x x

 
[
4
5
]
6. จงหำค่ำ 3
lim 3
x
x

 [ 6 ]
7. จงหำค่ำ 23
1 6
lim
3 9x x x
 
 
  
[
1
6
]
8แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…เอกสารฝึกหัดที่ 2…
1. กำหนด
3
( )
8
x
f x
mx

 

ถ้ำ f ต่อเนื่องที่ 2x   แล้ว m มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด [ 8 ]
2. กำหนด
3 5
( )
3
x
f x
x

 

จงหำค่ำ
3
lim ( )
x
f x
 
[ 18 ]
3. กำหนด
3
2
3
4
( )
1
1
a
f x
x
x



 
 
 
ถ้ำ f ต่อเนื่องที่ 1x  แล้ว a มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด [ 2 ]
, เมื่อ 2x  
, เมื่อ 2x  
, เมื่อ 3x 
, เมื่อ 3x  
, เมื่อ 1x 
, เมื่อ 1x 
9แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 1
อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย
หลักการ
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง x ถึง x + h คือ
( ) ( )f x h f x
h
 
ตัวอย่างที่ 1 กำหนดให้ 3
( )y f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง
x = 2 ถึง x = 4
วิธีทา จำกโจทย์ 3
( )y f x x 
อัตรำกำรเปลี่ยนเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง x = 2 ถึง x = 4  h =4 – 2 = 2
เท่ำกับ
3 3
(4) (2) 4 2 64 8 56
28
2 2 2 2
f f  
   
ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ ( ) 2 1f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย ในช่วง x ถึง x + h
วิธีทา จำกโจทย์ ( ) 2 1y f x x  
อัตรำกำรเปลี่ยนเฉลี่ย ในช่วง x ถึง x + h คือ
( ) ( )f x h f x
h
 
( ) 2( ) 1f x h x h    , ( ) 2 1f x x 
ดังนั้น
   2( ) 1 2 1( ) ( ) x h xf x h f x
h h
    

2( ) 1 2 1 2 2 1 2 1
2
2
x h x x h x
h h
h
h
       
 
 
10แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 1…
1. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเทียบกับควำมยำวของด้ำน เมื่อควำมยำวด้ำน
ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสเปลี่ยนจำก x นิ้ว ไปเป็น hx  นิ้ว และจงหำอัตรำ กำรเปลี่ยนแปลงของรูปพื้นที่
สี่เหลี่ยมจัตุรัสเทียบกับควำมยำวด้ำน ขณะที่ด้ำนยำว x นิ้ว และ 4 นิ้ว
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………….
2. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่ของวงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีของวงกลม
เมื่อควำมยำวของรัศมีเปลี่ยนจำก x ฟุตไปเป็น hx  ฟุต และจงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ พื้นที่
วงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีขณะที่รัศมียำว x ฟุต
วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม = ……………………………………………………………...
ให้ r แทนรัศมี และ f(r) แทนพื้นที่วงกลม
จะได้ f(r)  ……………………………………………………………………
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย  ...............................................................................
………………………………………………………………………………………...
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง = ..............................................................................................
3. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของปริมำตรทรงกลมเทียบกับรัศมี เมื่อรัศมีเปลี่ยนจำก r ไปเป็น r+h และ
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงขณะรัศมียำว r เซนติเมตร
วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม 3
r
3
4

จะได้ f(r)  …………………………………………., f(r) แทนปริมำตรวงกลม
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย  ...........................................................................
 ...........................................................................
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ................................................................................
11แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 2
อัตราการเปลี่ยนแปลง
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ =
0
( ) ( )
lim
h
f x h f x
h
 
=
dy
dx
ตัวอย่างที่ 1 กำหนดให้
2
( )y f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x
มีค่ำใด ๆ และ ที่ x = 3
วิธีทา จำกโจทย์
2
( )f x x
2 2 2
( ) ( ) 2f x h x h x xh h     
นั่นคือ
 2 2 2
0 0
2( ) ( )
lim lim
h h
x xh h xf x h f x
h h 
   

2 2 2
0
2
0
2
lim
2
lim
h
h
x xh h x
h
xh h
h


  



0
0
(2 )
lim
lim2
2
h
h
h x h
h
x h
x




 

และ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ที่ x = 3 เท่ำกับ 2(3) = 6
ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้
2
( )y f x x x   แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด
ๆ และ ที่ x = – 2
วิธีทา จำกโจทย์
2
( )f x x x 
   2 2 2
( ) ( ) ( ) 2f x h x h x h x xh h x h         
2 2
2x xh h x h    
12แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
นั่นคือ
   2 2 2
0 0
2( ) ( )
lim lim
h h
x xh h x h x xf x h f x
h h 
      

 
2 2 2
0
2
0
0
0
2
lim
2
lim
(2 1)
lim
lim 2 1
2 1
h
h
h
h
x xh h x h x x
h
xh h h
h
h x h
h
x h
x




     

 

 

  
 
และ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ที่ x = – 2 เท่ำกับ 2(-2) + 1 = – 2
13แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 2…
1. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ พื้นที่วงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีขณะที่รัศมียำว x ฟุตเมื่อ
ควำมยำวของรัศมีเปลี่ยนจำก x ฟุตไปเป็น hx  ฟุต
วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม = ……………………………………………………………...
ให้ r แทนรัศมี และ f(r) แทนพื้นที่วงกลม
จะได้ f(r)  ……………………………………………………………………
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง = ..............................................................................................
2. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของปริมำตรทรงกลมเทียบกับรัศมี เมื่อรัศมีเปลี่ยนจำก r ไป เป็น r+h และ
วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม 3
r
3
4

จะได้ f(r)  …………………………………………., f(r) แทนปริมำตรวงกลม
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ................................................................................
3. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของปริมำตรลูกบำศก์เทียบกับควำมยำวด้ำนขณะที่ด้ำนยำว 12 เซนติเมตร
วิธีทำ จำกสูตรปริมำตร  กว้ำง  ยำว  สูง ...................................................................
ให้ x แทนด้ำนของลูกบำศก์ , f(x) แทน ปริมำตรของลูกบำศก์ ………………………
จะได้ f(x)  ……………………………………………………………………..
อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ....................................................................................
14แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 3
อนุพันธ์ของฟังก์ชัน
บทนิยาม ถ้ำ y = f(x) เป็นฟังก์ชันที่มีโดเมนและเรจน์เป็นสับเซตของเซตจำนวนจริงและ
0
( ) ( )
lim
h
f x h f x
h
 
หำค่ำได้เรียกว่ำค่ำลิมิตที่ได้นี้ว่ำ “ อนุพันธ์ของฟังก์ชัน f
ที่ x ” เขียนแทนด้วย
dy
dx
หรือ y หรือ ( )f x หรือ
( )d f x
dx
0
( ) ( )
lim
h
f x h f x dy
y
h dx
 
 
Note : 1.
dy y
dx x
 2.
dy
dx
คืออัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ
3. เมื่อ s แทนระยะทำงที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในเวลำ t หรือ s = f(t)
ถ้ำ v คือ ควำมเร็วขณะเวลำ t ใดๆ จะได้ v = 0
( ) ( )
lim
h
f t h f t
h
 
ds
s v
dt
  
กฎห้าขั้นสาหรับการหาค่าอนุพันธ์
วิธีกำรหำค่ำอนุพันธ์ของฟังก์ชันตำมบทนิยำม 1 สำมำรถทำตำมลำดับ 5 ขั้นตอน ซึ่งเรียกว่ำ กฎห้าขั้นของการ
หาค่าอนุพันธ์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นที่ 1. เขียน y = f(x) ตำมที่โจทย์กำหนดให้
ขั้นที่ 2. แทนค่ำ x ในฟังก์ชันด้วย x + x แล้วคำนวณหำค่ำใหม่ของฟังก์ชัน y +y
ขั้นที่ 3. เอำค่ำเดิมของฟังก์ชันไปลบออกจำกค่ำใหม่เพื่อหำ y
ขั้นที่ 4. หำรด้วย x ตลอด
ขั้นที่ 5. หำลิมิตของผลหำร เมื่อ x เข้ำสู่ 0 จะได้ค่ำอนุพันธ์ตำมต้องกำร
ตัวอย่างที่ 1 จงหำค่ำอนุพันธ์ของ f(x) = 3x2
+ 5
วิธีทา ขั้นที่ 1 ให้ y = f(x) = 3x2
+ 5 หรือ y = 3x2
+ 5
ขั้นที่ 2 y + y = 3(x + x)2
+ 5
= 3x2
+ 6x. x + 3(x)2
+ 5
Δx
Δy
15แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ขั้นที่ 3 y + y = 3x2
+ 6x. x + 3(x)2
+ 5
y = 3x2
+ 5
ลบกันได้ y = 6x. x + 3(x)2
ขั้นที่ 4 = 6x + 3x
ขั้นที่ 5 ให้ x 0 จะได้
f(x) = = = = 6x
นั่นคือ f(x) = y  = (3x2
+ 5) = 6x
ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ f(x) = , x  0 จงหำ f(x)
วิธีทา
ขั้นที่ 1. ให้ y = , x  0
ขั้นที่ 2. y + y = , x  0
ขั้นที่ 3. y = f(x+ x) – f(x)
= –
= –
ขั้นที่ 4. = –
ขั้นที่ 5. ให้ x  0 จะได้
นั่นคือ
Δx
Δy
dx
dy
Δx
Δy
0Δx
lim

Δx)3x(6
0Δx
lim 

dx
d
x
1
x
1
xΔx
1

xΔx
1
 x
1
Δx)x(x
Δx

Δx
Δy
Δx)x(x
1

16แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 3…
คาชี้แจง จงหำค่ำอนุพันธ์ของ f(x) เทียบกับ x
1. f(x) = 5
2. f(x) = 2x
3. f(x) = 5x + 5
4. f(x) = 5x2
+ 3x + 5
5. f(x) = 3 – 2x
6. f(x) =
7. f(x) =
8. f(x) = 2x3
+ 5x2
+ 2x +4
9. f(x) = 4 –
10. f(x) =
x
1
2x
2
x
3x
2

17แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 4
ความชันของเส้นโค้ง
 สิ่งที่ควรรู้
ถ้ำ ( )y f x เป็นสมกำรของเส้นโค้ง
1. จะมีควำมชันของเส้นโค้ง ( m ) เท่ำกับ ( )
dy
f x
dx

2. เส้นสัมผัสเส้นโค้งผ่ำนจุด 0 0( , )x y ใด ๆ จะมีควำมชัน ( m ) คือ 0( )m f x
3. สมกำรเส้นตรง ที่ สัมผัสเส้นโค้ง ที่จุด 0 0( , )x y จะมีสมกำรเส้นตรงเป็น 0 0( )y y m x x  
4. สมกำรเส้นตรง มีควำมชัน เป็น 1m ตั้งฉากกับ เส้นสัมผัส ที่ 0 0( , )x y มีควำมชัน เป็น 2m จะได้ว่ำ
1 2 1m m  
5. สมกำรเส้นตรง มีควำมชัน เป็น 1m ขนานกับ เส้นสัมผัส ที่ 0 0( , )x y มีควำมชัน เป็น 2m จะได้ว่ำ
1 2m m
6. เส้นตรงที่ผ่ำนจุด 2 จุด คือ ( , )x y และ 0 0( , )x y จะได้ว่ำ ควำมชัน 0
0
y y
m
x x



ตัวอย่างที่ 1 จงหำจุดสัมผัส บนเส้นโค้ง 2
3 4y x x   ที่มีควำมชันของเส้นสัมผัสเท่ำกับ 1
วิธีทำ diff สมการเส้นโค้ง 2
3 4y x x  
 2
3 4 2 3 1
dy d
x x x
dx dx
     
จำก 2 3 1x  แก้สมกำรหำค่ำ x
2x 
นำ 2x  แทนในสมการเส้นโค้ง 2
3 4y x x   เพื่อหำค่ำ y
2
2 3(2) 4 4 6 4 6y        
ดังนั้น จุดสัมผัส คือ 0 0( , ) (2, 6)x y  
ตัวอย่างที่ 2 เส้นตรงเส้นหนึ่ง มีควำมชันเท่ำกับ 2 และสัมผัสเส้นโค้ง 2
2y x  จงหำสมกำรเส้นตรงนั้น
วิธีทำ diff สมการเส้นโค้ง 2
2y x 
 2
2 2 2
dy d
x x
dx dx
   
จำก 2 2x  แก้สมกำรหำค่ำ x
1x 
นำ 1x  แทนในสมการเส้นโค้ง 2
2y x  เพื่อหำค่ำ y
2
(1) 2 1 2 3y     
18แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
นั่นคือ จุดสัมผัส คือ 0 0( , ) (1,3)x y 
สมกำรเส้นตรงเป็น 0 0( )y y m x x   แทนค่ำ 0 0( , ) (1,3)x y  และ 2m 
จะได้ สมกำรเส้นตรงเป็น 3 2( 1) 2 2y x x    
2 2 3 2 1y x x    
ดังนั้น สมกำรเส้นตรง คือ 2 1y x 
ตัวอย่างที่ 3 ให้ (a,b) เป็นจุดบนเส้นโค้ง 2
2 2 5y x x   ซึ่งเส้นสัมผัสโค้งที่จุด (a,b) นี้จะตั้งฉำกกับ
เส้นตรง 6 1 0x y   ดังนั้น a+b มีค่ำเท่ำใด
วิธีทำ จำก 2
2 2 5y x x   จะได้ 4 2y x  
(a,b) เป็นจุดบนเส้นโค้ง ควำมชันของเส้นโค้ง คือ 4 2m y a  
และ เส้นตรง 6 1 0x y   ตั้งฉำกเส้นสัมผัสโค้ง นั้นคือ ควำมชันคูณกันเท่ำกับ -1
จัดรูปของ 6 1 0x y   ให้อยู่รูปของ 0 0( )y y m x x  
จะได้
1 1
( 1)
6 6
x
y x
  
   ดังนั้น m =
1
6

เอำควำมชัน ของ เส้นสัมผัสโค้ง กับ เส้นตรงมีคูณกัน จะได้
 
1
4 2 1
6
a
 
    
 
4 2 6a 
4 4a 
4
1 1
4
a x   
แทน x=1 ในสมกำร 2
2 2 5y x x   จะได้
2
2(1) 2(1) 5 2 2 5 1 1y b          
ดังนั้น a + b = 1+( –1) = 0
19แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 4…
คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำควำมชันของเส้นโค้งจำกสมกำรที่กำหนดให้ ณ จุดที่กำหนดให้
1. y = x2
+ 4 ณ จุด ( – 2 , 8)
2. y = 2 – 3x2
ณ จุด (1, – 1)
3. y = 4x2
– 5 ณ จุด (0, – 5)
4. y = x2
– 6x ณ จุด (4, – 8)
5. y = ณ จุด (3, 1)
คาชี้แจง ข้อ 6 – 10 จงหำสมกำรของเส้นสัมผัสโค้งที่จุดกำหนดให้
6. f(x) = 3x2
+ 3x – 4 ณ จุด (–1, 4)
7. f(x) = ณ จุด (3, 1)
8. f(x) = x2
– 6x ณ จุด (4, – 8)
9. f(x) = 2x2
ณ จุด (1, 2)
10. f(x) = x3
– 3x2
+ 4 ณ จุด (0, 4)
x
3
x
3
20แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 5
การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันโดยใช้สูตร
ถ้ำ c , n เป็นค่ำคงที่ใดๆ และ u = f(x) , v=g(x) , w=h(x) เป็นฟังก์ชัน
1. ( ) 0
d
c
dx

2. ( ) 1
d
x
dx

3. ( )
d d
cu c u
dx dx

4.
1n nd
x n x
dx

 
5. ( )
d d d d
u v w u v w
dx dx dx dx
    
6. ( )
d d d
u v v u u v
dx dx dx
  
ดิฟผลคูณ  หลัง ดิฟหน้ำ + หน้ำดิฟหลัง
7. 2
( )
d d
v u u v
d u dx dx
dx v v


ดิฟผลหำร  ล่ำงดิฟบน - บนดิฟล่ำง
ล่ำงยกกำลัง 2
8.
1
ln
d d
u u
dx u dx

9.
u ud d
e e u
dx dx

ตัวอย่าง จงหำค่ำของอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้
1. y = 5 วิธีทำ 5 0
d
dx

2. y = x วิธีทำ 1
d
x
dx

3. y = 5x + 3 วิธีทำ  5 3 5 3 5 0 5
d d d
x x
dx dx dx
     
4. y =
4
2x วิธีทำ
4 4 1 3
2 4 2 8
d
x x x
dx

 
5. y =
2
x
วิธีทำ
2 2 1 3
( 2) 2
d
x x x
dx
   
   
6. y = 2
2 5 3x x  วิธีทำ  2 2
2 5 3 2 5 3 4 5
d d d d
x x x x x
dx dx dx dx
      
21แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
7.   2
2y x x วิธีทำ   2 2 2
2 2 2
d d d
x x x x x x
dx dx dx
 
2
(2) 2 (2 )x x x 
2 2
2
2 4
6
x x
x
 

จำกข้อ 7 สำมำรถทำได้อีกแบบ คือ   2 3
2 2y x x x 
วิธีทำ
3 2 2
2 (2)(3) 6
d
x x x
dx
 
8.
2 1x
y
x

 วิธีทำ
   
2
2 1 2 1
2 1
( )
d d
x x x x
d x dx dx
dx x x
  


 
2
2
2
(2) 2 1
2 2 1
1
x x
x
x x
x
x
 

 



9. ln(2 1)y x  วิธีทำ
1
ln(2 1) (2 1)
(2 1)
d d
x x
dx x dx
  

1
(2)
(2 1)
2
(2 1)
x
x




10.
2x
y e วิธีทำ
2 2 2 2
2 (2) 2x x x xd d
e e x e e
dx dx
  
 กฏลูกโซ่
ถ้ำ ( )y f z และ ( )z g x
จะได้ ( )
dy dy dz
f x
dx dz dx
  
22แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 1 ถ้ำ 9
( ) (2 1)f x y x   จงหำ
dy
dx
และ (0)f , (0)f 
วิธีทำ ให้ 2 1z x  จะได้
9
y z
จำกสูตร
dy dy dz
dx dz dx

   9
2 1
dy d d
z x
dx dz dx
 
8 8
9 (2) 18
dy
z z
dx
 
แทน 2 1z x  จะได้
8
18(2 1)
dy
x
dx
 
จำก 9
( ) (2 1)f x x  แล้ว  
9 9
(0) 2(0) 1 1 1f    
และ 8
( ) 18(2 1)f x x   แล้ว    
8 8
(0) 18 2(0) 1 18 1 18f     
ตัวอย่างที่ 2 ถ้ำ 2
( ) 1f x y x   จงหำ ( )f x และ (2)f 
วิธีทำ จำก  
1
2 2 21 1y x x   
ให้
2
1z x  จะได้
1
2
y z
จำกสูตร ( )
dy dy dz
f x
dx dz dx
  
 
1 1
1
22 2
1
1 (2 )
2
dy d d
z x x
dx dz dx
z
 
   
 
1
2
1
2
1
( ) ( )
x
z x x
z
z

  
แทน
2
1z x  จะได้ 2
( )
1
x
f x
x
 

จะได้ว่ำ 2
2 2 2 3 2 3
(2)
33 3 32 1
f      

23แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 5…
จงหำค่ำ อนุพันธ์ของฟังก์ชัน
1. y = 2
2. 2
( ) 4f x x 
3.
3 2
2 3 1y x x x   
4. ( ) (3 1)(2 )f x x x  ที่ x = 1
5. ( ) ( 2)(5 1)f x x x   ที่ x = 0
6.
3
( )f x
x
 ที่ x = 1
7. 2
4
4
y
x


8.
2
2
3 1
x
y
x


9.  
4
2
( ) 2 2 5f x x x   ที่ x = 0
10.
2
y x x 
11.
1
( )f x
x
 ที่ x = 2
12.
1
3 3
( 2 1)y x x  
13.
1
2 2
(2 3 )y x x

 
24แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 6
อนุพันธ์ของฟังก์ชันคอมโพสิต หรือฟังก์ชันประกอบ
ถ้ำ ( )( ) ( ( ))y g f x g f x  แล้ว  
( )
( ( ))
( )
dy d df x
g f x
dx df x dx

ให้ ( )u f x และ ( )y g u จะได้  ( )
dy d du dy du
g u
dx du dx du dx
 
ใช้เทคนิคของกฎลูกโซ่
ตัวอย่างที่ 1 ให้ ( )( )y g f x , 3
( ) 2g x x  และ 2
( ) 2 3 4f x x x   จงหำ
dy
dx
วิธีทำ จำก ( )( ) ( ( ))y g f x g f x 
 
2
3
2
(2 3 4)
2 3 4 2
g x x
x x
  
   
เทคนิค 1. ดิฟข้ำงนอก     
3 2
2 2
2 3 4 2 3 2 3 4
d
x x x x
dx
      
  
2. ดิฟข้ำงใน   2
2 3 4 4 3
d
x x x
dx
   
3. เอำผลดิฟมำคูณกัน     
2
2
3 2 3 4 4 3
dy
x x x
dx
   
หรืออีกวิธีหนึ่ง ให้
2
2 3 4u x x   จะได้ 3
1y u 
   3 2
1 2 3 4
dy dy du d d
u x x
dx du dx du dx
    
   2
3 4 3u x 
แทน
2
2 3 4u x x   จะได้
   
2
2
3 2 3 4 4 3
dy
x x x
dx
   
ตัวอย่างที่ 2 ให้ 3 2
( ) 2 1f x x x x    , ( ) ( )g x f x จงหำ ( )( )g f x และ ( )(1)g f
วิธีทำ จำก ( ) ( )g x f x จะได้
2
( ) 3 2 2
( ) 6 2
f x x x
f x x
   
  
นั่นคือ ( ) ( ) 6 2g x f x x  
25แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
จำก
3 2
( )( ) ( ( )) ( 2 1)g f x g f x g x x x    
3 2
6( 2 1) 2x x x    
3 2
3 2
6 6 6 6 2
6 6 12 8
x x x
x x x
    
   
ดังนั้น 3 2
( )(1) 6(1) 6(1) 12(1) 8g f    
6 6 12 8
4
   

ตัวอย่างที่ 3 ให้ 8 6
( )f x x x  และ f  คือ อนุพันธ์ ของ f ถ้ำ  na เป็นลำดับซึ่งมี lim 1n
x
a


แล้ว   lim n
x
f f a

 เท่ำกับเท่ำใด
วิธีทำ 8 6
( )f x x x 
7 5
( ) 8 6f x x x  
นั้นคือ    ( ( ))f f x f f x 
   
8 6
8 67 5 7 5
( ) ( )
8 6 8 6
f x f x
x x x x
  
         
ดังนั้น   
8 67 5 7 5
8 6 8 6n n n n nf f a a a a a          
  
8 67 5 7 5
lim lim 8 6 lim 8 6n n n n n
x x x
f f a a a a a
  
          
8 6
7 5 7 5
8lim 6lim 8lim 6limn n n n
x x x x
a a a a
   
      
   
   
8 6
8 6
8 6 8 6
2 2
256 64
192
   
 
 

26แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 6…
คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำ
1. y = u2
+ 3u – 7 , u = 2x + 1
2. y = , u =
3. y = , z = x2
+ 1
4. y = w2
– w – 1
, w = 3x
5. y = 2v3
+ , v =
คาชี้แจง ข้อ 6 – 10 จงหำ
6. x = 3t + 1, y = t2
7. x = t2
, y = t3
8. x = , y = t2
9. x = , y =
10. x = , y = t2
dx
dy
12u
2u
 1x2 
3
2
z
3v
2
3
2
2)x(3 
dx
dy
t1
t

t1
t
 t1
2t

42t 
27แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 7
อนุพันธ์อันดับสูง
ข้อกาหนด
ให้ ( )y f x เป็นฟังก์ชันที่สำมำรถหำอนุพันธ์ได้และ ( )f x เป็นอนุพันธ์ ของ ( )f x ซึ่งสำมำรถหำ
อนุพันธ์ได้
1. จะเรียกอนุพันธ์ ของ อนุพันธ์ ของ ( )f x หรือ อนุพันธ์ ของ ( )f x ( diff ซ้อน diff ) ว่ำ
อนุพันธ์อันดับที่ 2 ของ ( )f x
2. สำมำรถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ เป็น ( )f x หรือ
2
2
d y
dx
 อนุพันธ์อันดับที่ 1 ( )
dy
f x
dx
 
 อนุพันธ์อันดับที่ 2
2
2
( )
d dy d y
f x
dx dx dx
    
 
 อนุพันธ์อันดับที่ 3
2 3
(3)
2 3
( ) ( )
d d y d y
f x f x
dx dx dx
 
    
 
 อนุพันธ์อันดับที่ 4
4
(4)
4
( )
d y
f x
dx

 ... …
 อนุพันธ์อันดับที่ n ( )
( )
n
n
n
d y
f x
dx

ตัวอย่างที่ 1 ถ้ำ
5
( )f x x จงหำ (4)
( )f x ที่ x = 2
วิธีทำ ให้ 5
( )f x x
5 4
( ) 5
d
f x x x
dx
  
5 4 3
( ) 5 20
d d d d
f x x x x
dx dx dx dx
         
   
(3) 2
( ) 60f x x
(4)
( ) 120f x x

(4)
( )f x ที่ x = 2 เท่ำกับ (4)
(2) 120(2) 240f  
28แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 2 ถ้ำ
4 3
( ) 4 2 9f x x x x    จงหำ
5
5
d y
dx
วิธีทำ ให้ 4 3
( ) 4 2 9f x x x x   
3 2
4 12 2
dy
x x
dx
  
2
2
2
12 24
d y
x x
dx
 
3
3
24 24
d y
x
dx
 
4
4
5
5
24
0
d y
dx
d y
dx


ดังนั้น
5
5
0
d y
dx

29แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 7…
คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำ yและ y และข้อ 6 – 10 จงหำ y
1. y = x4
– 7x3
+ 2x2
+ 5
2. y = 5x3
– 3x5
3. y = 4x2
– 8x + 1
4. y =
5. y = 2x4
– 4x2
– 8
6. 12y = 6x4
– 18x2
– 12x
7. y = 3x7
– 7x3
+ 21x2
8. y = x2
(x3
– 1)
9. y = (x – 2)(x + 3)
10. y = (3x – 1)(2x + 5)
3x
2
x
3
x
4
x 234

30แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ใบความรู้ที่ 8
การประยุกต์อนุพันธ์
1.ฟังก์ชันเพิ่มและฟังก์ชันลด
หลักการ ให้ f เป็นฟังก์ชันที่มีอนุพันธ์บนช่วง ( , )a b และต่อเนื่องบน [ , ]a b แล้ว
1. ถ้ำ ( ) 0f x  สำหรับทุกค่ำ x แล้ว f(x) เป็นฟังก์ชัน เพิ่มบนช่วง (a,b)
2. ถ้ำ ( ) 0f x  สำหรับทุกค่ำ x แล้ว f(x) เป็นฟังก์ชัน ลดบนช่วง (a,b)
ตัวอย่างที่ 1 3 21
( ) 3 8
3
f x x x x   เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด ในช่วงใด
วิธีทำ หำอนุพันธ์ของ f(x)
3 2 21
( ) 3 8 6 8 ( 2)( 4)
3
d
f x x x x x x x x
dx
           
 
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม เมื่อ ( 2)( 4) 0x x  
4x  หรือ 2x 
และ f เป็นฟังก์ชันลด เมื่อ ( 2)( 4) 0x x  
2 4x 
นั่นคือ f เป็นฟังก์ชันเพิ่มในช่วง ( ,2) (4, )  
และ f เป็นฟังก์ชันลดในช่วง (2,4)
ตัวอย่างที่ 2 2
( ) 2 8 5f x x x   เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด ในช่วงใด
วิธีทำ หำอนุพันธ์ของ f(x)
 2
( ) 2 8 5 4 8
d
f x x x x
dx
     
ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม เมื่อ 4 8 0x  2x 
และ f เป็นฟังก์ชันลด เมื่อ 4 8 0x  2x 
นั่นคือ f เป็นฟังก์ชันเพิ่มในช่วง (2, )
และ f เป็นฟังก์ชันลดในช่วง ( ,2)
31แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
2.ค่ำสูงสุดและค่ำต่ำสุด
หลักการ ให้ ( )f x เป็นฟังก์ชัน ที่ต้องกำรหำค่ำสูงสุดและ ค่ำต่ำสุด
1. หำ ( )f x
2. จับ ( ) 0f x  แล้ว แก้สมกำรหำค่ำ x ค่ำ x ที่ได้เรียกว่ำ “ ค่าวิกฤต ”
สมมติว่ำได้ x c
3. หำ ( )f x
4. นำค่ำวิกฤติ x c แทนใน ( )f x แล้วทำกำรตรวจสอบ
4.1 ถ้ำ ( ) 0f c  แล้ว f ให้ค่ำ สูงสุดสัมพัทธ์ ที่ x c
4.2 ถ้ำ ( ) 0f c  แล้ว f ให้ค่ำ ต่าสุดสัมพัทธ์ ที่ x c
5. ถ้ำ นำค่ำ c ที่ทำให้เกิดค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ แทนใน ( )f x จะได้ค่าสูงสุดสัมบูรณ์
ถ้ำ นำค่ำ c ที่ทำให้เกิดค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ แทนใน ( )f x จะได้ค่าต่าสุดสัมบูรณ์
** ค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และ ค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ คือ ค่ำสูงสุดและค่ำต่ำสุด จริงๆๆ
ตัวอย่างที่ 1 จงหำค่ำ x ที่ทำให้เกิดจุดสูงสุดสัมพัทธ์ และ จุดต่ำสุดสัมพัทธ์ ของ 3 2
( ) 3 9 4f x x x x   
และหำค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และ ค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ ด้วย
วิธีทำ 1.) หำอนุพันธ์ของ f(x) 2
( ) 3 6 9f x x x   
2.) ให้ ( ) 0f x  จะได้ 2
3 6 9 0x x  
2
2 3 0x x  
( 3)( 1) 0x x  
3 , 1x  
จุดวิกฤติ คือ 3 , 1x  
3.) ( )f x จะได้ ( ) 6 6f x x  
4.) แทนค่ำ 3x  ใน ( ) 6 6f x x  
(3)f  6(3) 6 18 6 12 0     
แสดงว่ำ 3x  ให้ค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์
แทนค่ำ 1x   ใน ( ) 6 6f x x  
( 1)f   6( 1) 6 6 6 12 0        
แสดงว่ำ 1x   ให้ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์
5.) หำค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ 3 2
( 1) ( 1) 3( 1) 9( 1) 4f        
1 3 9 4
9
    

หำค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ 3 2
(3) (3) 3(3) 9(3) 4f    
27 27 27 4
23
   
 
32แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ตัวอย่างที่ 2 ในกำรประมำณกำรปลูกมันสำปะหลังพบว่ำ ถ้ำขุดมันสำปะหลัง 100 กิโลกรัม จะขำยได้กิโลกรัมละ
1.50 บำท ถ้ำยังไม่ขุดและรอต่อไป จะได้มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นสัปดำห์ละ 10 กิโลกรัม แต่รำคำขำยจะลดลงไปสัปดำห์ละ
0.05 บำทต่อกิโลกรัม ดังนั้นควรขำยมันสำปะหลังเมื่อใด จึงจะมีรำยได้จำกกำรขำยมำกที่สุด
วิธีทำ ให้ x เป็นสัปดำห์ที่จะขำย
( )f x เป็นรำยได้ในกำรขำยเมื่อสัปดำห์ที่ x
ดังนั้น ( ) (100 10 )(1.5 0.05 )f x x x  
2
150 10 0.5x x  
( ) 10f x x  
ให้ ( ) 0f x  จะได้ 10 0x 
10x 
ตรวจสอบ ( )f x จะได้ ( ) 1 0f x    ให้ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์
แสดงว่ำ ( )f x ให้ค่ำสูงสุดเมื่อ 10x 
ดังนั้น ควรขำยมันสำปะหลังเมื่อสิ้นสัปดำห์ที่ 10
3.ควำมเร็วและควำมเร่ง
หลักการ
ถ้ำ ( )s f t เป็นสมกำรกำรเคลื่อนที่
1. ควำมเร็วเฉลี่ยในช่วงเวลำ 1t ถึง 2t 2 1
2 1
( ) ( )f t f t
t t



2. ควำมเร็วขณะเวลำ t ( )
ds
v f t
st
 
3. ควำมเร่งขณะเวลำ t
2
2
( )
dv d s
a f t
st dt
  
ตัวอย่างที่ 1 วัตถุชนิดหนึ่งเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง มีสมกำรเป็น
3 2
6 9 4s t t t    โดยที่ s เป็น
ระยะทำงจำกจุดเริ่มต้นมีหน่วยเป็น เมตร เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป t วินำที
1. จงหำว่ำวัตถุอยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้นเป็นระยะทำงเท่ำใด เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป 2 วินำที
2. จงหำระยะทำงและควำมเร่ง ในขณะที่ควำมเร็ว เป็น ศูนย์
วิธีทำ 1. จำก 3 2
6 9 4s t t t   
เมื่อเวลำ t = 2 ; 3 2
(2) (2) 6(2) 9(2) 4s    
8 24 18 4
6
   

33แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
ดังนั้น เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป 2 วินำที วัตถุจะอยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้น 6 เมตร
2. จำก 3 2
6 9 4s t t t   
2
( ) 3 12 9
ds
v t t t
dt
   
( ) 6 12
dv
a t t
dt
  
ควำมเร็วเป็นศูนย์เมื่อ ( ) 0
ds
v t
dt
  จะได้
2
3 12 9 0t t  
2
4 3 0t t  
( 3)( 1) 0t t  
1 , 3t 
 หำระยะทำงและควำมเร่ง
เมื่อ t = 1 3 2
(1) (1) 6(1) 9(1) 4s    
1 6 9 4   
8 เมตร
(1) 6(1) 12a  
6 12 
6  เมตร / (วินำที)2
เมื่อ t = 3 3 2
(1) (3) 6(3) 9(3) 4s    
27 54 27 4   
4 เมตร
(3) 6(3) 12a  
18 12 
6 เมตร / (วินำที)2
34แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส
…ใบงานที่ 8…
1. ข้ำวเปลือกไหลออกจำกเครื่องกองบนพื้นเป็นรูปกรวย ด้วยอัตรำ 10 ลูกบำศก์ฟุตต่อวินำที ถ้ำรัศมีของปำก
กรวยเป็น 1.5 เท่ำของส่วนสูงเสมอ จงหำว่ำ สูงจะเพิ่มขึ้นเร็วเท่ำไร เมื่อกรวยนี้สูง 5 ฟุต
2. ชำยคนหนึ่งสูง 6 ฟุต เดินด้วยควำมเร็ว 5 ฟุตต่อวินำที เดินเข้ำหำเสำไฟฟ้ำในตอนกลำงคืน โดยที่เสำไฟฟ้ำมี
หลอดไฟสูงจำกพื้น 16 ฟุต จงหำควำมเร็วของเงำในกำรเคลื่อนที่เมื่อชำยคนนั้นอยู่ห่ำงจำกเสำไฟฟ้ำ 10 ฟุต
3. จงหำจุดวิกฤต ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ ค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ ค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ของฟังก์ชัน
ต่อไปนี้
3.1. f (x) = x2
- 2x + 3 บนช่วง [0,1]
3.2. f (x) = x - x2
สำหรับ x∈[0,1]
3.3. f (x) = x - x3
สำหรับ x∈[0,1]
3.4. f (x) = (x + x2
) -1
สำหรับ x∈(0,1)

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

การแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนามการแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนามPiyanouch Suwong
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1คุณครูพี่อั๋น
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์krurutsamee
 
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)CC Nakhon Pathom Rajabhat University
 
เอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัสเอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัสkrurutsamee
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วนInmylove Nupad
 
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริงค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริงAon Narinchoti
 
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิว
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวคณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิว
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวTutor Ferry
 
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือSomporn Amornwech
 
อินทิเกรต
อินทิเกรตอินทิเกรต
อินทิเกรตkrurutsamee
 
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองRitthinarongron School
 
โจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหาโจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหาAon Narinchoti
 
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2นายเค ครูกาย
 
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันphaephae
 
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสองแบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสองTum Anucha
 
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบแบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบMike Polsit
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์Beer Aksornsart
 
ช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการAon Narinchoti
 
เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4KruGift Girlz
 

Mais procurados (20)

การแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนามการแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
 
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์
 
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)
ฟังก์ชันต่อเนื่อง (continuous function)
 
เอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัสเอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัส
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วนหน่วยการเรียนรู้ที่  1   เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องทศนิยมและเศษส่วน
 
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริงค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง
 
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิว
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิวคณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิว
คณิตศาสตร์ ม.3 เรื่องปริมาตรและพื้นที่ผิว
 
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
 
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลังเลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
 
อินทิเกรต
อินทิเกรตอินทิเกรต
อินทิเกรต
 
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสองระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสอง
 
โจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหาโจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหา
 
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
 
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
 
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสองแบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
 
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบแบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
 
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
 
ช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการ
 
เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4เลขยกกำลังม.4
เลขยกกำลังม.4
 

Destaque

Limits And Derivative
Limits And DerivativeLimits And Derivative
Limits And DerivativeAshams kurian
 
Differentiating Instruction For Gifted Learners
Differentiating Instruction For Gifted LearnersDifferentiating Instruction For Gifted Learners
Differentiating Instruction For Gifted Learnersdrummosh
 
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a function
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a functionLesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a function
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a functionMatthew Leingang
 
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559Math and Brain @Bangbon3
 
ความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
ความต่อเนื่องของฟังก์ชันความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
ความต่อเนื่องของฟังก์ชันMath and Brain @Bangbon3
 
เฉลยอนุพันธ์
เฉลยอนุพันธ์เฉลยอนุพันธ์
เฉลยอนุพันธ์krurutsamee
 
Differentiation For High Ability Learners
Differentiation For High Ability LearnersDifferentiation For High Ability Learners
Differentiation For High Ability Learnersacoleman
 

Destaque (14)

Pat1 55-10+key
Pat1 55-10+keyPat1 55-10+key
Pat1 55-10+key
 
60 matrix-081060
60 matrix-08106060 matrix-081060
60 matrix-081060
 
Pat1 54-10+key
Pat1 54-10+keyPat1 54-10+key
Pat1 54-10+key
 
Calculus
CalculusCalculus
Calculus
 
Pat1 52-03+key
Pat1 52-03+keyPat1 52-03+key
Pat1 52-03+key
 
Limits and derivatives
Limits and derivativesLimits and derivatives
Limits and derivatives
 
Limits And Derivative
Limits And DerivativeLimits And Derivative
Limits And Derivative
 
Differentiating Instruction For Gifted Learners
Differentiating Instruction For Gifted LearnersDifferentiating Instruction For Gifted Learners
Differentiating Instruction For Gifted Learners
 
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a function
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a functionLesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a function
Lesson 7-8: Derivatives and Rates of Change, The Derivative as a function
 
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559
ข้อสอบ Pre test สวนกุหลาบ2559
 
ความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
ความต่อเนื่องของฟังก์ชันความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
ความต่อเนื่องของฟังก์ชัน
 
เฉลยอนุพันธ์
เฉลยอนุพันธ์เฉลยอนุพันธ์
เฉลยอนุพันธ์
 
Blood transfusion
Blood transfusionBlood transfusion
Blood transfusion
 
Differentiation For High Ability Learners
Differentiation For High Ability LearnersDifferentiation For High Ability Learners
Differentiation For High Ability Learners
 

Semelhante a แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ

Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชัน
Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชันChapter 4 ลิมิตของฟังก์ชัน
Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชันPumPui Oranuch
 
Exponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionExponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionThanuphong Ngoapm
 
Factoring of polynomials
Factoring of polynomialsFactoring of polynomials
Factoring of polynomialsAon Narinchoti
 
ประวัติ แคลคูลัส
ประวัติ แคลคูลัสประวัติ แคลคูลัส
ประวัติ แคลคูลัสPloy Purr
 
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญ
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญบทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญ
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญKrukomnuan
 
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันkrurutsamee
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นkruthanapornkodnara
 
การบวกและการลบพหุนาม
การบวกและการลบพหุนามการบวกและการลบพหุนาม
การบวกและการลบพหุนามkroojaja
 
9789740331131
97897403311319789740331131
9789740331131CUPress
 
การคูณพหุนามด้วยพหุนาม
การคูณพหุนามด้วยพหุนามการคูณพหุนามด้วยพหุนาม
การคูณพหุนามด้วยพหุนามkroojaja
 
การหารพหุนาม
การหารพหุนามการหารพหุนาม
การหารพหุนามkroojaja
 

Semelhante a แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ (20)

ลิมิต
ลิมิตลิมิต
ลิมิต
 
1ลิมิต2ไว้สอนจริง
1ลิมิต2ไว้สอนจริง1ลิมิต2ไว้สอนจริง
1ลิมิต2ไว้สอนจริง
 
1ลิมิต2ไว้สอนจริง
1ลิมิต2ไว้สอนจริง1ลิมิต2ไว้สอนจริง
1ลิมิต2ไว้สอนจริง
 
Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชัน
Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชันChapter 4 ลิมิตของฟังก์ชัน
Chapter 4 ลิมิตของฟังก์ชัน
 
Cal
CalCal
Cal
 
Exponential and logarithm function
Exponential and logarithm functionExponential and logarithm function
Exponential and logarithm function
 
Factoring of polynomials
Factoring of polynomialsFactoring of polynomials
Factoring of polynomials
 
linear function
linear functionlinear function
linear function
 
ประวัติ แคลคูลัส
ประวัติ แคลคูลัสประวัติ แคลคูลัส
ประวัติ แคลคูลัส
 
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญ
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญบทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญ
บทเรียนซ่อมเสริมการแยกฯ ม.3 ส่วนบุญ
 
ปริพันธ์
ปริพันธ์ปริพันธ์
ปริพันธ์
 
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
 
การบวกและการลบพหุนาม
การบวกและการลบพหุนามการบวกและการลบพหุนาม
การบวกและการลบพหุนาม
 
9789740331131
97897403311319789740331131
9789740331131
 
การคูณพหุนามด้วยพหุนาม
การคูณพหุนามด้วยพหุนามการคูณพหุนามด้วยพหุนาม
การคูณพหุนามด้วยพหุนาม
 
การหารพหุนาม
การหารพหุนามการหารพหุนาม
การหารพหุนาม
 
Function3
Function3Function3
Function3
 
Seri2
Seri2Seri2
Seri2
 
Calculus1
Calculus1Calculus1
Calculus1
 

แบบฝึกทักษะแคลคูลัสเบื้องต้น สว.กจ

  • 1. 1แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส แบบฝึ กทักษะเรื่อง แคลคูลัสเบื้องต้น รายวิชา ค 33201 คณิตศาสตร์เพิ่มเติม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2559 ผู้สอน นางสาวชัชชญา กลั่นบุศย์ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
  • 2. 2แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ เรื่อง ลิมิตและความต่อเนื่องของฟังก์ชัน 1. ลิมิตของฟังก์ชัน หลักการ ให้ f(x) เป็นฟังก์ชัน และ a เป็นจำนวนจริงใดๆ 1. lim ( ) lim ( )      x a x a f x f x L แล้ว lim ( )   x a f x L มีลิมิตที่ a ( ลิมิตเข้ำทำงซ้ำย เท่ำกับ ลิมิตเข้ำทำงขวำ) 2. lim ( ) lim ( )     x a x a f x f x แสดงว่ำ f(x) ไม่มีลิมิตที่ a ตัวอย่างที่ 1 ให้ f(x) = 4x – 3 จงหำ 2 2 lim ( ) , lim ( ) x x f x f x    วิธีทำ  2 2 lim ( ) lim 4 3 4(2) 3 8 3 5 x x f x x            2 2 lim ( ) lim 4 3 4(2) 3 5 x x f x x         ตัวอย่างที่ 2 ให้ f(x) = | x-3 | จงหำ (1) 3 3 lim ( ) , lim ( ) x x f x f x    (2) 3 3 lim ( ) , lim ( ) x x f x f x       วิธีทำ เนื่องจำก f(x) เป็นค่ำสัมบูรณ์ ค่ำ x ภำยในค่ำสัมบูรณ์มี 2 ค่ำ , 0 | | , 0 x x x x x        3 , 3 0 3 | 3| ( 3) , 3 0 3 x x x x x x x                (1) 3 3 3 lim ( ) lim | 3| lim ( 3) (3 3) 0 x x x f x x x                3 3 3 lim ( ) lim | 3| lim 3 3 3 0 x x x f x x x             (2) 3 3 3 lim ( ) lim | 3| lim ( 3) ( 3 3) 6 x x x f x x x                      3 3 3 lim ( ) lim | 3| lim 3 3 3 6 x x x f x x x                    เข้ำทำงขวำ , ทำงด้ำนบวก  เข้ำทำงซ้ำย , ทำงด้ำนลบ
  • 3. 3แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 3 ถ้ำ 2 , 1 ( ) 1 ,0 1 0 , 0 x x f x x x x            จงหำค่ำของ 0 1 0 lim ( ) , lim ( ), lim ( ) x x x f x f x f x      วิธีทำ (1) 0 lim ( ) 0 x f x   (2) 2 2 1 1 lim ( ) lim 1 1 x x f x x       (3)  0 0 lim ( ) lim 1 0 1 1 x x f x x          ตัวอย่างที่ 4 ถ้ำ 2 ( ) 5 4f x x x   จงหำ 3 lim ( ) x f x  วิธีทำ 2 2 3 3 lim ( ) lim( 5 4) 3 5(3) 4 20 x x f x x x          ตัวอย่างที่ 5 ถ้ำ 2 ( )f x x  จงหำ 4 lim ( ) x f x  , 0 lim ( ) x f x  วิธีทำ (1) 4 4 2 2 1 lim ( ) lim 4 2x x f x x     (2) 0 0 2 2 lim ( ) lim 0x x f x x    หำค่ำไม่ได้ ตัวอย่างที่ 6 ถ้ำ 3 ( ) 5 x f x x    จงหำ 5 lim ( ) x f x  , 3 lim ( ) x f x  วิธีทำ (1) 5 5 3 3 5 2 lim ( ) lim 5 5 5 0x x x f x x             หำค่ำไม่ได้ (2) 3 3 3 3 3 0 lim ( ) lim 0 5 3 5 2x x x f x x              ตัวอย่างที่ 7 ถ้ำ 2 4 ( ) 2 x f x x    จงหำ 2 lim ( ) x f x  วิธีทำ แทนค่ำ x = 2 ใน f(x) จะได้ 2 2 4 4 4 0 (2) 2 2 2 2 0 f        ข้อสังเกต ::  เรำจะสนใจพิจำรณำลิมิตทำงซ้ำยหรือทำงขวำ เมื่อ ฟังก์ชัน เป็นแบบ ………………………….  ถ้ำ เป็นฟังก์ชันปกติ เรำสำมำรถหำค่ำ lim ( ) ( ) x a f x f a   โดยกำรแทนค่ำได้เลย
  • 4. 4แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส  กรณี ผลของ ลิมิต ออกมาในรูปของ 0 0 lim ( ) x a f x  อำจหำค่ำได้โดยพยำยำมเปลี่ยนรูปของ f(x) ใหม่เพื่อให้สำมำรถตัดทอนกันและหำค่ำลิมิตได้โดยตรง การเปลี่ยนรูปของ f(x) มีวิธีการหลายวิธี ดังนี้ 1. แยกตัวประกอบ 2. ใช้คอนจูเกต (conjugate) คูณทั้งเศษและส่วน (เน้น ติดรูท ) 3. กฎของโลปิตำล (L ‘ Hopital ‘ Rule) 4. 0 sin lim 1     จำกตัวอย่ำงที่ 7 กำหนดให้ 2 4 ( ) 2 x f x x    เรำจะต้องเปลี่ยนรูปของ f(x) ใหม่เพื่อทำให้สำมำรถตัดทอนกันได้ และหำลิมิตได้โดยตรง จะได้ 2 2 2 2 4 ( 2)( 2) lim ( ) lim lim 2 ( 2)x x x x x x f x x x                  2 lim( 2) 2 2 4 x x       ดังนั้น 2 2 4 lim 4 2x x x        สูตรการแยกตัวประกอบ # กาลัง 2 สมบูรณ์ 1. 2 2 2 2 ( )x xy y x y    2. 2 2 2 2 ( )x xy y x y    # กาลัง 3 สมบูรณ์ 4. 3 3 2 2 3 3 3 ( )x x y xy y x y     5. 3 3 2 2 3 3 3 ( )x x y xy y x y     # ผลต่างกาลัง 2 3. 2 2 ( )( )x y x y x y    # ผลต่างกาลัง 3 6. 3 3 2 2 ( )( )x y x y x xy y     7. 3 3 2 2 ( )( )x y x y x xy y     ตัวอย่างที่ 8 ถ้ำ 3 2 27 ( ) 2 3 x f x x x     จงหำ 3 lim ( ) x f x  วิธีทำ นำ x = 3 แทนใน f(x) จะได้ 3 2 3 27 27 27 0 (3) 3 2(3) 3 9 6 3 0 f          เปลี่ยนรูปโดยกำรแยกตัวประกอบ 3 2 27 ( 3)( 3 9)x x x x     2 2 3 ( 3)( 1)x x x x     จะได้ 3 2 23 3 3 27 ( 3)( 3 9) lim ( ) lim lim 2 3 ( 3)( 1)x x x x x x x f x x x x x             2 2 3 ( 3 9) 3 3(3) 9 27 lim ( 1) 3 1 4x x x x         
  • 5. 5แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 9 ถ้ำ 2 2 1 ( ) 2 1 x f x x x     จงหำ 1 lim ( ) x f x  วิธีทำ นำ x = 1 แทนใน f(x) จะได้ 2 2 1 1 0 (1) 2(1 ) 1 1 0 f      เปลี่ยนรูปโดยกำรแยกตัวประกอบ 2 1 ( 1)( 1)x x x    2 2 1 (2 1)( 1)x x x x     จะได้ 2 21 1 1 1 ( 1)( 1) lim ( ) lim lim 2 1 ( 1)(2 1)x x x x x x f x x x x x            1 ( 1) 1 1 2 lim (2 1) 2(1) 1 3x x x        ดังนั้น 2 21 1 2 lim 2 1 3x x x x     ตัวอย่างที่ 10 ถ้ำ 4 2 ( ) x f x x    จงหำ 0 lim ( ) x f x  วิธีทำ นำ x = 1 แทนใน f(x) จะได้ 4 0 2 2 2 0 (0) 0 0 0 f       เปลี่ยนรูปโดย ใช้คอนจูเกต (conjugate) คูณทั้งเศษและส่วน  ติดรูท คอนจูเกต ทันที จะได้ 0 0 0 4 2 4 2 4 2 lim lim lim 4 2 ( 4 2)x x x x x x x x x x x x                0 1 1 1 1 lim 2 2 44 2 4 0 2x x         ดังนั้น 0 4 2 1 lim 4x x x    2. ความต่อเนื่องของฟังก์ชัน หลักการ ให้ f(x) เป็นฟังก์ชัน และ a เป็นจำนวนจริงใดๆ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องที่ x = a เมื่อเป็นจริง ทั้ง 3 ข้อดังนี้ 1. f(a) หำค่ำได้ 2. lim ( ) x a f x  หำค่ำได้ นั่นคือ lim ( ) lim ( ) x a x a f x f x     และ 3. lim ( ) ( ) x a f x f a   ** ถ้ำเงื่อนไขข้อใด ข้อหนึ่งขำดไป แสดงว่ำ f ไม่ต่อเนื่อง x = a
  • 6. 6แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 11 ถ้ำ 2 3 , 3 ( ) 2 5 , 1 3 3 2 , 1 x x f x x x x x               ข้อใดต่อไปนี้ถูก 1. f ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ไม่ต่อเนื่องที่ x =3 2. f ต่อเนื่องที่ x = – 1 และ x =3 3. f ไม่ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ต่อเนื่องที่ x =3 4. f ไม่ต่อเนื่องที่ x = – 1 และ x =3 วิธีทำ มี 2 จุดที่ต้องพิจำรณำคือ x = 1 และ x = 3 1. พิจำรณำควำมต่อเนื่องของ f ที่ x = – 1  f(-1) = 2(-1) + 5 = 3  2 2 1 1 lim ( ) lim 3 3( 1) 3 x x f x x         1 1 lim ( ) lim(2 5) 2( 1) 5 3 x x f x x          แสดงว่ำ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องที่ x = – 1 2. พิจำรณำควำมต่อเนื่องของ f ที่ x = 3  f(3) = 3(3) - 2 = 9 – 2 = 7  3 3 lim ( ) lim(2 5) 2(3) 5 6 5 11 x x f x x            33 lim ( ) lim(3 2) 3(3) 2 9 2 7 xx f x x          แสดงว่ำ ฟังก์ชัน f เป็นฟังก์ชันไม่ต่อเนื่องที่ x = 3 ดังนั้น f ต่อเนื่องที่ x = – 1 แต่ไม่ต่อเนื่องที่ x = 3 ตอบ ตัวเลือก 1
  • 7. 7แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …เอกสารฝึกหัดที่ 1… 1. จงหำค่ำ 2 0 (1 ) 1 lim x x x   [ 2 ] 2. จงหำค่ำ 3 0 1 (1 ) lim x x x   [–3 ] 3. จงหำค่ำ 4 4 2 lim 4x x x x             [ 1 2  ] 4. จงหำค่ำ 22 10 2 lim 1 4x x x              [ 5 4 ] 5. จงหำค่ำ 2 22 4 lim 6x x x x    [ 4 5 ] 6. จงหำค่ำ 3 lim 3 x x   [ 6 ] 7. จงหำค่ำ 23 1 6 lim 3 9x x x        [ 1 6 ]
  • 8. 8แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …เอกสารฝึกหัดที่ 2… 1. กำหนด 3 ( ) 8 x f x mx     ถ้ำ f ต่อเนื่องที่ 2x   แล้ว m มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด [ 8 ] 2. กำหนด 3 5 ( ) 3 x f x x     จงหำค่ำ 3 lim ( ) x f x   [ 18 ] 3. กำหนด 3 2 3 4 ( ) 1 1 a f x x x          ถ้ำ f ต่อเนื่องที่ 1x  แล้ว a มีค่ำเท่ำกับเท่ำใด [ 2 ] , เมื่อ 2x   , เมื่อ 2x   , เมื่อ 3x  , เมื่อ 3x   , เมื่อ 1x  , เมื่อ 1x 
  • 9. 9แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 1 อัตราการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย หลักการ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง x ถึง x + h คือ ( ) ( )f x h f x h   ตัวอย่างที่ 1 กำหนดให้ 3 ( )y f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง x = 2 ถึง x = 4 วิธีทา จำกโจทย์ 3 ( )y f x x  อัตรำกำรเปลี่ยนเฉลี่ยของ y เทียบกับ x ในช่วง x = 2 ถึง x = 4  h =4 – 2 = 2 เท่ำกับ 3 3 (4) (2) 4 2 64 8 56 28 2 2 2 2 f f       ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ ( ) 2 1f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย ในช่วง x ถึง x + h วิธีทา จำกโจทย์ ( ) 2 1y f x x   อัตรำกำรเปลี่ยนเฉลี่ย ในช่วง x ถึง x + h คือ ( ) ( )f x h f x h   ( ) 2( ) 1f x h x h    , ( ) 2 1f x x  ดังนั้น    2( ) 1 2 1( ) ( ) x h xf x h f x h h       2( ) 1 2 1 2 2 1 2 1 2 2 x h x x h x h h h h            
  • 10. 10แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 1… 1. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเทียบกับควำมยำวของด้ำน เมื่อควำมยำวด้ำน ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสเปลี่ยนจำก x นิ้ว ไปเป็น hx  นิ้ว และจงหำอัตรำ กำรเปลี่ยนแปลงของรูปพื้นที่ สี่เหลี่ยมจัตุรัสเทียบกับควำมยำวด้ำน ขณะที่ด้ำนยำว x นิ้ว และ 4 นิ้ว ………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………. 2. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของพื้นที่ของวงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีของวงกลม เมื่อควำมยำวของรัศมีเปลี่ยนจำก x ฟุตไปเป็น hx  ฟุต และจงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ พื้นที่ วงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีขณะที่รัศมียำว x ฟุต วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม = ……………………………………………………………... ให้ r แทนรัศมี และ f(r) แทนพื้นที่วงกลม จะได้ f(r)  …………………………………………………………………… อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย  ............................................................................... ………………………………………………………………………………………... อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง = .............................................................................................. 3. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของปริมำตรทรงกลมเทียบกับรัศมี เมื่อรัศมีเปลี่ยนจำก r ไปเป็น r+h และ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงขณะรัศมียำว r เซนติเมตร วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม 3 r 3 4  จะได้ f(r)  …………………………………………., f(r) แทนปริมำตรวงกลม อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงเฉลี่ย  ...........................................................................  ........................................................................... อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ................................................................................
  • 11. 11แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 2 อัตราการเปลี่ยนแปลง อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ = 0 ( ) ( ) lim h f x h f x h   = dy dx ตัวอย่างที่ 1 กำหนดให้ 2 ( )y f x x  แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ และ ที่ x = 3 วิธีทา จำกโจทย์ 2 ( )f x x 2 2 2 ( ) ( ) 2f x h x h x xh h      นั่นคือ  2 2 2 0 0 2( ) ( ) lim lim h h x xh h xf x h f x h h       2 2 2 0 2 0 2 lim 2 lim h h x xh h x h xh h h         0 0 (2 ) lim lim2 2 h h h x h h x h x        และ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ที่ x = 3 เท่ำกับ 2(3) = 6 ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ 2 ( )y f x x x   แล้ว จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ และ ที่ x = – 2 วิธีทา จำกโจทย์ 2 ( )f x x x     2 2 2 ( ) ( ) ( ) 2f x h x h x h x xh h x h          2 2 2x xh h x h    
  • 12. 12แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส นั่นคือ    2 2 2 0 0 2( ) ( ) lim lim h h x xh h x h x xf x h f x h h            2 2 2 0 2 0 0 0 2 lim 2 lim (2 1) lim lim 2 1 2 1 h h h h x xh h x h x x h xh h h h h x h h x h x                       และ อัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ที่ x = – 2 เท่ำกับ 2(-2) + 1 = – 2
  • 13. 13แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 2… 1. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ พื้นที่วงกลมเทียบกับควำมยำวของรัศมีขณะที่รัศมียำว x ฟุตเมื่อ ควำมยำวของรัศมีเปลี่ยนจำก x ฟุตไปเป็น hx  ฟุต วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม = ……………………………………………………………... ให้ r แทนรัศมี และ f(r) แทนพื้นที่วงกลม จะได้ f(r)  …………………………………………………………………… อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง = .............................................................................................. 2. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของปริมำตรทรงกลมเทียบกับรัศมี เมื่อรัศมีเปลี่ยนจำก r ไป เป็น r+h และ วิธีทำ จำกสูตรพื้นที่วงกลม 3 r 3 4  จะได้ f(r)  …………………………………………., f(r) แทนปริมำตรวงกลม อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ................................................................................ 3. จงหำอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของปริมำตรลูกบำศก์เทียบกับควำมยำวด้ำนขณะที่ด้ำนยำว 12 เซนติเมตร วิธีทำ จำกสูตรปริมำตร  กว้ำง  ยำว  สูง ................................................................... ให้ x แทนด้ำนของลูกบำศก์ , f(x) แทน ปริมำตรของลูกบำศก์ ……………………… จะได้ f(x)  …………………………………………………………………….. อัตรำกำรเปลี่ยนแปลง  ....................................................................................
  • 14. 14แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 3 อนุพันธ์ของฟังก์ชัน บทนิยาม ถ้ำ y = f(x) เป็นฟังก์ชันที่มีโดเมนและเรจน์เป็นสับเซตของเซตจำนวนจริงและ 0 ( ) ( ) lim h f x h f x h   หำค่ำได้เรียกว่ำค่ำลิมิตที่ได้นี้ว่ำ “ อนุพันธ์ของฟังก์ชัน f ที่ x ” เขียนแทนด้วย dy dx หรือ y หรือ ( )f x หรือ ( )d f x dx 0 ( ) ( ) lim h f x h f x dy y h dx     Note : 1. dy y dx x  2. dy dx คืออัตรำกำรเปลี่ยนแปลงของ y เทียบกับ x ขณะ x มีค่ำใด ๆ 3. เมื่อ s แทนระยะทำงที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในเวลำ t หรือ s = f(t) ถ้ำ v คือ ควำมเร็วขณะเวลำ t ใดๆ จะได้ v = 0 ( ) ( ) lim h f t h f t h   ds s v dt    กฎห้าขั้นสาหรับการหาค่าอนุพันธ์ วิธีกำรหำค่ำอนุพันธ์ของฟังก์ชันตำมบทนิยำม 1 สำมำรถทำตำมลำดับ 5 ขั้นตอน ซึ่งเรียกว่ำ กฎห้าขั้นของการ หาค่าอนุพันธ์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ขั้นที่ 1. เขียน y = f(x) ตำมที่โจทย์กำหนดให้ ขั้นที่ 2. แทนค่ำ x ในฟังก์ชันด้วย x + x แล้วคำนวณหำค่ำใหม่ของฟังก์ชัน y +y ขั้นที่ 3. เอำค่ำเดิมของฟังก์ชันไปลบออกจำกค่ำใหม่เพื่อหำ y ขั้นที่ 4. หำรด้วย x ตลอด ขั้นที่ 5. หำลิมิตของผลหำร เมื่อ x เข้ำสู่ 0 จะได้ค่ำอนุพันธ์ตำมต้องกำร ตัวอย่างที่ 1 จงหำค่ำอนุพันธ์ของ f(x) = 3x2 + 5 วิธีทา ขั้นที่ 1 ให้ y = f(x) = 3x2 + 5 หรือ y = 3x2 + 5 ขั้นที่ 2 y + y = 3(x + x)2 + 5 = 3x2 + 6x. x + 3(x)2 + 5 Δx Δy
  • 15. 15แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ขั้นที่ 3 y + y = 3x2 + 6x. x + 3(x)2 + 5 y = 3x2 + 5 ลบกันได้ y = 6x. x + 3(x)2 ขั้นที่ 4 = 6x + 3x ขั้นที่ 5 ให้ x 0 จะได้ f(x) = = = = 6x นั่นคือ f(x) = y  = (3x2 + 5) = 6x ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ f(x) = , x  0 จงหำ f(x) วิธีทา ขั้นที่ 1. ให้ y = , x  0 ขั้นที่ 2. y + y = , x  0 ขั้นที่ 3. y = f(x+ x) – f(x) = – = – ขั้นที่ 4. = – ขั้นที่ 5. ให้ x  0 จะได้ นั่นคือ Δx Δy dx dy Δx Δy 0Δx lim  Δx)3x(6 0Δx lim   dx d x 1 x 1 xΔx 1  xΔx 1  x 1 Δx)x(x Δx  Δx Δy Δx)x(x 1 
  • 16. 16แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 3… คาชี้แจง จงหำค่ำอนุพันธ์ของ f(x) เทียบกับ x 1. f(x) = 5 2. f(x) = 2x 3. f(x) = 5x + 5 4. f(x) = 5x2 + 3x + 5 5. f(x) = 3 – 2x 6. f(x) = 7. f(x) = 8. f(x) = 2x3 + 5x2 + 2x +4 9. f(x) = 4 – 10. f(x) = x 1 2x 2 x 3x 2 
  • 17. 17แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 4 ความชันของเส้นโค้ง  สิ่งที่ควรรู้ ถ้ำ ( )y f x เป็นสมกำรของเส้นโค้ง 1. จะมีควำมชันของเส้นโค้ง ( m ) เท่ำกับ ( ) dy f x dx  2. เส้นสัมผัสเส้นโค้งผ่ำนจุด 0 0( , )x y ใด ๆ จะมีควำมชัน ( m ) คือ 0( )m f x 3. สมกำรเส้นตรง ที่ สัมผัสเส้นโค้ง ที่จุด 0 0( , )x y จะมีสมกำรเส้นตรงเป็น 0 0( )y y m x x   4. สมกำรเส้นตรง มีควำมชัน เป็น 1m ตั้งฉากกับ เส้นสัมผัส ที่ 0 0( , )x y มีควำมชัน เป็น 2m จะได้ว่ำ 1 2 1m m   5. สมกำรเส้นตรง มีควำมชัน เป็น 1m ขนานกับ เส้นสัมผัส ที่ 0 0( , )x y มีควำมชัน เป็น 2m จะได้ว่ำ 1 2m m 6. เส้นตรงที่ผ่ำนจุด 2 จุด คือ ( , )x y และ 0 0( , )x y จะได้ว่ำ ควำมชัน 0 0 y y m x x    ตัวอย่างที่ 1 จงหำจุดสัมผัส บนเส้นโค้ง 2 3 4y x x   ที่มีควำมชันของเส้นสัมผัสเท่ำกับ 1 วิธีทำ diff สมการเส้นโค้ง 2 3 4y x x    2 3 4 2 3 1 dy d x x x dx dx       จำก 2 3 1x  แก้สมกำรหำค่ำ x 2x  นำ 2x  แทนในสมการเส้นโค้ง 2 3 4y x x   เพื่อหำค่ำ y 2 2 3(2) 4 4 6 4 6y         ดังนั้น จุดสัมผัส คือ 0 0( , ) (2, 6)x y   ตัวอย่างที่ 2 เส้นตรงเส้นหนึ่ง มีควำมชันเท่ำกับ 2 และสัมผัสเส้นโค้ง 2 2y x  จงหำสมกำรเส้นตรงนั้น วิธีทำ diff สมการเส้นโค้ง 2 2y x   2 2 2 2 dy d x x dx dx     จำก 2 2x  แก้สมกำรหำค่ำ x 1x  นำ 1x  แทนในสมการเส้นโค้ง 2 2y x  เพื่อหำค่ำ y 2 (1) 2 1 2 3y     
  • 18. 18แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส นั่นคือ จุดสัมผัส คือ 0 0( , ) (1,3)x y  สมกำรเส้นตรงเป็น 0 0( )y y m x x   แทนค่ำ 0 0( , ) (1,3)x y  และ 2m  จะได้ สมกำรเส้นตรงเป็น 3 2( 1) 2 2y x x     2 2 3 2 1y x x     ดังนั้น สมกำรเส้นตรง คือ 2 1y x  ตัวอย่างที่ 3 ให้ (a,b) เป็นจุดบนเส้นโค้ง 2 2 2 5y x x   ซึ่งเส้นสัมผัสโค้งที่จุด (a,b) นี้จะตั้งฉำกกับ เส้นตรง 6 1 0x y   ดังนั้น a+b มีค่ำเท่ำใด วิธีทำ จำก 2 2 2 5y x x   จะได้ 4 2y x   (a,b) เป็นจุดบนเส้นโค้ง ควำมชันของเส้นโค้ง คือ 4 2m y a   และ เส้นตรง 6 1 0x y   ตั้งฉำกเส้นสัมผัสโค้ง นั้นคือ ควำมชันคูณกันเท่ำกับ -1 จัดรูปของ 6 1 0x y   ให้อยู่รูปของ 0 0( )y y m x x   จะได้ 1 1 ( 1) 6 6 x y x       ดังนั้น m = 1 6  เอำควำมชัน ของ เส้นสัมผัสโค้ง กับ เส้นตรงมีคูณกัน จะได้   1 4 2 1 6 a          4 2 6a  4 4a  4 1 1 4 a x    แทน x=1 ในสมกำร 2 2 2 5y x x   จะได้ 2 2(1) 2(1) 5 2 2 5 1 1y b           ดังนั้น a + b = 1+( –1) = 0
  • 19. 19แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 4… คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำควำมชันของเส้นโค้งจำกสมกำรที่กำหนดให้ ณ จุดที่กำหนดให้ 1. y = x2 + 4 ณ จุด ( – 2 , 8) 2. y = 2 – 3x2 ณ จุด (1, – 1) 3. y = 4x2 – 5 ณ จุด (0, – 5) 4. y = x2 – 6x ณ จุด (4, – 8) 5. y = ณ จุด (3, 1) คาชี้แจง ข้อ 6 – 10 จงหำสมกำรของเส้นสัมผัสโค้งที่จุดกำหนดให้ 6. f(x) = 3x2 + 3x – 4 ณ จุด (–1, 4) 7. f(x) = ณ จุด (3, 1) 8. f(x) = x2 – 6x ณ จุด (4, – 8) 9. f(x) = 2x2 ณ จุด (1, 2) 10. f(x) = x3 – 3x2 + 4 ณ จุด (0, 4) x 3 x 3
  • 20. 20แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 5 การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันโดยใช้สูตร ถ้ำ c , n เป็นค่ำคงที่ใดๆ และ u = f(x) , v=g(x) , w=h(x) เป็นฟังก์ชัน 1. ( ) 0 d c dx  2. ( ) 1 d x dx  3. ( ) d d cu c u dx dx  4. 1n nd x n x dx    5. ( ) d d d d u v w u v w dx dx dx dx      6. ( ) d d d u v v u u v dx dx dx    ดิฟผลคูณ  หลัง ดิฟหน้ำ + หน้ำดิฟหลัง 7. 2 ( ) d d v u u v d u dx dx dx v v   ดิฟผลหำร  ล่ำงดิฟบน - บนดิฟล่ำง ล่ำงยกกำลัง 2 8. 1 ln d d u u dx u dx  9. u ud d e e u dx dx  ตัวอย่าง จงหำค่ำของอนุพันธ์ของฟังก์ชันต่อไปนี้ 1. y = 5 วิธีทำ 5 0 d dx  2. y = x วิธีทำ 1 d x dx  3. y = 5x + 3 วิธีทำ  5 3 5 3 5 0 5 d d d x x dx dx dx       4. y = 4 2x วิธีทำ 4 4 1 3 2 4 2 8 d x x x dx    5. y = 2 x วิธีทำ 2 2 1 3 ( 2) 2 d x x x dx         6. y = 2 2 5 3x x  วิธีทำ  2 2 2 5 3 2 5 3 4 5 d d d d x x x x x dx dx dx dx       
  • 21. 21แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส 7.   2 2y x x วิธีทำ   2 2 2 2 2 2 d d d x x x x x x dx dx dx   2 (2) 2 (2 )x x x  2 2 2 2 4 6 x x x    จำกข้อ 7 สำมำรถทำได้อีกแบบ คือ   2 3 2 2y x x x  วิธีทำ 3 2 2 2 (2)(3) 6 d x x x dx   8. 2 1x y x   วิธีทำ     2 2 1 2 1 2 1 ( ) d d x x x x d x dx dx dx x x        2 2 2 (2) 2 1 2 2 1 1 x x x x x x x         9. ln(2 1)y x  วิธีทำ 1 ln(2 1) (2 1) (2 1) d d x x dx x dx     1 (2) (2 1) 2 (2 1) x x     10. 2x y e วิธีทำ 2 2 2 2 2 (2) 2x x x xd d e e x e e dx dx     กฏลูกโซ่ ถ้ำ ( )y f z และ ( )z g x จะได้ ( ) dy dy dz f x dx dz dx   
  • 22. 22แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 1 ถ้ำ 9 ( ) (2 1)f x y x   จงหำ dy dx และ (0)f , (0)f  วิธีทำ ให้ 2 1z x  จะได้ 9 y z จำกสูตร dy dy dz dx dz dx     9 2 1 dy d d z x dx dz dx   8 8 9 (2) 18 dy z z dx   แทน 2 1z x  จะได้ 8 18(2 1) dy x dx   จำก 9 ( ) (2 1)f x x  แล้ว   9 9 (0) 2(0) 1 1 1f     และ 8 ( ) 18(2 1)f x x   แล้ว     8 8 (0) 18 2(0) 1 18 1 18f      ตัวอย่างที่ 2 ถ้ำ 2 ( ) 1f x y x   จงหำ ( )f x และ (2)f  วิธีทำ จำก   1 2 2 21 1y x x    ให้ 2 1z x  จะได้ 1 2 y z จำกสูตร ( ) dy dy dz f x dx dz dx      1 1 1 22 2 1 1 (2 ) 2 dy d d z x x dx dz dx z         1 2 1 2 1 ( ) ( ) x z x x z z     แทน 2 1z x  จะได้ 2 ( ) 1 x f x x    จะได้ว่ำ 2 2 2 2 3 2 3 (2) 33 3 32 1 f       
  • 23. 23แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 5… จงหำค่ำ อนุพันธ์ของฟังก์ชัน 1. y = 2 2. 2 ( ) 4f x x  3. 3 2 2 3 1y x x x    4. ( ) (3 1)(2 )f x x x  ที่ x = 1 5. ( ) ( 2)(5 1)f x x x   ที่ x = 0 6. 3 ( )f x x  ที่ x = 1 7. 2 4 4 y x   8. 2 2 3 1 x y x   9.   4 2 ( ) 2 2 5f x x x   ที่ x = 0 10. 2 y x x  11. 1 ( )f x x  ที่ x = 2 12. 1 3 3 ( 2 1)y x x   13. 1 2 2 (2 3 )y x x   
  • 24. 24แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 6 อนุพันธ์ของฟังก์ชันคอมโพสิต หรือฟังก์ชันประกอบ ถ้ำ ( )( ) ( ( ))y g f x g f x  แล้ว   ( ) ( ( )) ( ) dy d df x g f x dx df x dx  ให้ ( )u f x และ ( )y g u จะได้  ( ) dy d du dy du g u dx du dx du dx   ใช้เทคนิคของกฎลูกโซ่ ตัวอย่างที่ 1 ให้ ( )( )y g f x , 3 ( ) 2g x x  และ 2 ( ) 2 3 4f x x x   จงหำ dy dx วิธีทำ จำก ( )( ) ( ( ))y g f x g f x    2 3 2 (2 3 4) 2 3 4 2 g x x x x        เทคนิค 1. ดิฟข้ำงนอก      3 2 2 2 2 3 4 2 3 2 3 4 d x x x x dx           2. ดิฟข้ำงใน   2 2 3 4 4 3 d x x x dx     3. เอำผลดิฟมำคูณกัน      2 2 3 2 3 4 4 3 dy x x x dx     หรืออีกวิธีหนึ่ง ให้ 2 2 3 4u x x   จะได้ 3 1y u     3 2 1 2 3 4 dy dy du d d u x x dx du dx du dx         2 3 4 3u x  แทน 2 2 3 4u x x   จะได้     2 2 3 2 3 4 4 3 dy x x x dx     ตัวอย่างที่ 2 ให้ 3 2 ( ) 2 1f x x x x    , ( ) ( )g x f x จงหำ ( )( )g f x และ ( )(1)g f วิธีทำ จำก ( ) ( )g x f x จะได้ 2 ( ) 3 2 2 ( ) 6 2 f x x x f x x        นั่นคือ ( ) ( ) 6 2g x f x x  
  • 25. 25แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส จำก 3 2 ( )( ) ( ( )) ( 2 1)g f x g f x g x x x     3 2 6( 2 1) 2x x x     3 2 3 2 6 6 6 6 2 6 6 12 8 x x x x x x          ดังนั้น 3 2 ( )(1) 6(1) 6(1) 12(1) 8g f     6 6 12 8 4      ตัวอย่างที่ 3 ให้ 8 6 ( )f x x x  และ f  คือ อนุพันธ์ ของ f ถ้ำ  na เป็นลำดับซึ่งมี lim 1n x a   แล้ว   lim n x f f a   เท่ำกับเท่ำใด วิธีทำ 8 6 ( )f x x x  7 5 ( ) 8 6f x x x   นั้นคือ    ( ( ))f f x f f x      8 6 8 67 5 7 5 ( ) ( ) 8 6 8 6 f x f x x x x x              ดังนั้น    8 67 5 7 5 8 6 8 6n n n n nf f a a a a a              8 67 5 7 5 lim lim 8 6 lim 8 6n n n n n x x x f f a a a a a               8 6 7 5 7 5 8lim 6lim 8lim 6limn n n n x x x x a a a a                    8 6 8 6 8 6 8 6 2 2 256 64 192         
  • 26. 26แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 6… คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำ 1. y = u2 + 3u – 7 , u = 2x + 1 2. y = , u = 3. y = , z = x2 + 1 4. y = w2 – w – 1 , w = 3x 5. y = 2v3 + , v = คาชี้แจง ข้อ 6 – 10 จงหำ 6. x = 3t + 1, y = t2 7. x = t2 , y = t3 8. x = , y = t2 9. x = , y = 10. x = , y = t2 dx dy 12u 2u  1x2  3 2 z 3v 2 3 2 2)x(3  dx dy t1 t  t1 t  t1 2t  42t 
  • 27. 27แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 7 อนุพันธ์อันดับสูง ข้อกาหนด ให้ ( )y f x เป็นฟังก์ชันที่สำมำรถหำอนุพันธ์ได้และ ( )f x เป็นอนุพันธ์ ของ ( )f x ซึ่งสำมำรถหำ อนุพันธ์ได้ 1. จะเรียกอนุพันธ์ ของ อนุพันธ์ ของ ( )f x หรือ อนุพันธ์ ของ ( )f x ( diff ซ้อน diff ) ว่ำ อนุพันธ์อันดับที่ 2 ของ ( )f x 2. สำมำรถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ เป็น ( )f x หรือ 2 2 d y dx  อนุพันธ์อันดับที่ 1 ( ) dy f x dx    อนุพันธ์อันดับที่ 2 2 2 ( ) d dy d y f x dx dx dx         อนุพันธ์อันดับที่ 3 2 3 (3) 2 3 ( ) ( ) d d y d y f x f x dx dx dx           อนุพันธ์อันดับที่ 4 4 (4) 4 ( ) d y f x dx   ... …  อนุพันธ์อันดับที่ n ( ) ( ) n n n d y f x dx  ตัวอย่างที่ 1 ถ้ำ 5 ( )f x x จงหำ (4) ( )f x ที่ x = 2 วิธีทำ ให้ 5 ( )f x x 5 4 ( ) 5 d f x x x dx    5 4 3 ( ) 5 20 d d d d f x x x x dx dx dx dx               (3) 2 ( ) 60f x x (4) ( ) 120f x x  (4) ( )f x ที่ x = 2 เท่ำกับ (4) (2) 120(2) 240f  
  • 28. 28แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 2 ถ้ำ 4 3 ( ) 4 2 9f x x x x    จงหำ 5 5 d y dx วิธีทำ ให้ 4 3 ( ) 4 2 9f x x x x    3 2 4 12 2 dy x x dx    2 2 2 12 24 d y x x dx   3 3 24 24 d y x dx   4 4 5 5 24 0 d y dx d y dx   ดังนั้น 5 5 0 d y dx 
  • 29. 29แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 7… คาชี้แจง ข้อ 1 – 5 จงหำ yและ y และข้อ 6 – 10 จงหำ y 1. y = x4 – 7x3 + 2x2 + 5 2. y = 5x3 – 3x5 3. y = 4x2 – 8x + 1 4. y = 5. y = 2x4 – 4x2 – 8 6. 12y = 6x4 – 18x2 – 12x 7. y = 3x7 – 7x3 + 21x2 8. y = x2 (x3 – 1) 9. y = (x – 2)(x + 3) 10. y = (3x – 1)(2x + 5) 3x 2 x 3 x 4 x 234 
  • 30. 30แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ใบความรู้ที่ 8 การประยุกต์อนุพันธ์ 1.ฟังก์ชันเพิ่มและฟังก์ชันลด หลักการ ให้ f เป็นฟังก์ชันที่มีอนุพันธ์บนช่วง ( , )a b และต่อเนื่องบน [ , ]a b แล้ว 1. ถ้ำ ( ) 0f x  สำหรับทุกค่ำ x แล้ว f(x) เป็นฟังก์ชัน เพิ่มบนช่วง (a,b) 2. ถ้ำ ( ) 0f x  สำหรับทุกค่ำ x แล้ว f(x) เป็นฟังก์ชัน ลดบนช่วง (a,b) ตัวอย่างที่ 1 3 21 ( ) 3 8 3 f x x x x   เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด ในช่วงใด วิธีทำ หำอนุพันธ์ของ f(x) 3 2 21 ( ) 3 8 6 8 ( 2)( 4) 3 d f x x x x x x x x dx               ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม เมื่อ ( 2)( 4) 0x x   4x  หรือ 2x  และ f เป็นฟังก์ชันลด เมื่อ ( 2)( 4) 0x x   2 4x  นั่นคือ f เป็นฟังก์ชันเพิ่มในช่วง ( ,2) (4, )   และ f เป็นฟังก์ชันลดในช่วง (2,4) ตัวอย่างที่ 2 2 ( ) 2 8 5f x x x   เป็นฟังก์ชันเพิ่มหรือฟังก์ชันลด ในช่วงใด วิธีทำ หำอนุพันธ์ของ f(x)  2 ( ) 2 8 5 4 8 d f x x x x dx       ดังนั้น f เป็นฟังก์ชันเพิ่ม เมื่อ 4 8 0x  2x  และ f เป็นฟังก์ชันลด เมื่อ 4 8 0x  2x  นั่นคือ f เป็นฟังก์ชันเพิ่มในช่วง (2, ) และ f เป็นฟังก์ชันลดในช่วง ( ,2)
  • 31. 31แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส 2.ค่ำสูงสุดและค่ำต่ำสุด หลักการ ให้ ( )f x เป็นฟังก์ชัน ที่ต้องกำรหำค่ำสูงสุดและ ค่ำต่ำสุด 1. หำ ( )f x 2. จับ ( ) 0f x  แล้ว แก้สมกำรหำค่ำ x ค่ำ x ที่ได้เรียกว่ำ “ ค่าวิกฤต ” สมมติว่ำได้ x c 3. หำ ( )f x 4. นำค่ำวิกฤติ x c แทนใน ( )f x แล้วทำกำรตรวจสอบ 4.1 ถ้ำ ( ) 0f c  แล้ว f ให้ค่ำ สูงสุดสัมพัทธ์ ที่ x c 4.2 ถ้ำ ( ) 0f c  แล้ว f ให้ค่ำ ต่าสุดสัมพัทธ์ ที่ x c 5. ถ้ำ นำค่ำ c ที่ทำให้เกิดค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ แทนใน ( )f x จะได้ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ ถ้ำ นำค่ำ c ที่ทำให้เกิดค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ แทนใน ( )f x จะได้ค่าต่าสุดสัมบูรณ์ ** ค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และ ค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ คือ ค่ำสูงสุดและค่ำต่ำสุด จริงๆๆ ตัวอย่างที่ 1 จงหำค่ำ x ที่ทำให้เกิดจุดสูงสุดสัมพัทธ์ และ จุดต่ำสุดสัมพัทธ์ ของ 3 2 ( ) 3 9 4f x x x x    และหำค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และ ค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ ด้วย วิธีทำ 1.) หำอนุพันธ์ของ f(x) 2 ( ) 3 6 9f x x x    2.) ให้ ( ) 0f x  จะได้ 2 3 6 9 0x x   2 2 3 0x x   ( 3)( 1) 0x x   3 , 1x   จุดวิกฤติ คือ 3 , 1x   3.) ( )f x จะได้ ( ) 6 6f x x   4.) แทนค่ำ 3x  ใน ( ) 6 6f x x   (3)f  6(3) 6 18 6 12 0      แสดงว่ำ 3x  ให้ค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ แทนค่ำ 1x   ใน ( ) 6 6f x x   ( 1)f   6( 1) 6 6 6 12 0         แสดงว่ำ 1x   ให้ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ 5.) หำค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ 3 2 ( 1) ( 1) 3( 1) 9( 1) 4f         1 3 9 4 9       หำค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ 3 2 (3) (3) 3(3) 9(3) 4f     27 27 27 4 23      
  • 32. 32แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ตัวอย่างที่ 2 ในกำรประมำณกำรปลูกมันสำปะหลังพบว่ำ ถ้ำขุดมันสำปะหลัง 100 กิโลกรัม จะขำยได้กิโลกรัมละ 1.50 บำท ถ้ำยังไม่ขุดและรอต่อไป จะได้มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นสัปดำห์ละ 10 กิโลกรัม แต่รำคำขำยจะลดลงไปสัปดำห์ละ 0.05 บำทต่อกิโลกรัม ดังนั้นควรขำยมันสำปะหลังเมื่อใด จึงจะมีรำยได้จำกกำรขำยมำกที่สุด วิธีทำ ให้ x เป็นสัปดำห์ที่จะขำย ( )f x เป็นรำยได้ในกำรขำยเมื่อสัปดำห์ที่ x ดังนั้น ( ) (100 10 )(1.5 0.05 )f x x x   2 150 10 0.5x x   ( ) 10f x x   ให้ ( ) 0f x  จะได้ 10 0x  10x  ตรวจสอบ ( )f x จะได้ ( ) 1 0f x    ให้ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ แสดงว่ำ ( )f x ให้ค่ำสูงสุดเมื่อ 10x  ดังนั้น ควรขำยมันสำปะหลังเมื่อสิ้นสัปดำห์ที่ 10 3.ควำมเร็วและควำมเร่ง หลักการ ถ้ำ ( )s f t เป็นสมกำรกำรเคลื่อนที่ 1. ควำมเร็วเฉลี่ยในช่วงเวลำ 1t ถึง 2t 2 1 2 1 ( ) ( )f t f t t t    2. ควำมเร็วขณะเวลำ t ( ) ds v f t st   3. ควำมเร่งขณะเวลำ t 2 2 ( ) dv d s a f t st dt    ตัวอย่างที่ 1 วัตถุชนิดหนึ่งเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง มีสมกำรเป็น 3 2 6 9 4s t t t    โดยที่ s เป็น ระยะทำงจำกจุดเริ่มต้นมีหน่วยเป็น เมตร เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป t วินำที 1. จงหำว่ำวัตถุอยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้นเป็นระยะทำงเท่ำใด เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป 2 วินำที 2. จงหำระยะทำงและควำมเร่ง ในขณะที่ควำมเร็ว เป็น ศูนย์ วิธีทำ 1. จำก 3 2 6 9 4s t t t    เมื่อเวลำ t = 2 ; 3 2 (2) (2) 6(2) 9(2) 4s     8 24 18 4 6     
  • 33. 33แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส ดังนั้น เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ไป 2 วินำที วัตถุจะอยู่ห่ำงจำกจุดเริ่มต้น 6 เมตร 2. จำก 3 2 6 9 4s t t t    2 ( ) 3 12 9 ds v t t t dt     ( ) 6 12 dv a t t dt    ควำมเร็วเป็นศูนย์เมื่อ ( ) 0 ds v t dt   จะได้ 2 3 12 9 0t t   2 4 3 0t t   ( 3)( 1) 0t t   1 , 3t   หำระยะทำงและควำมเร่ง เมื่อ t = 1 3 2 (1) (1) 6(1) 9(1) 4s     1 6 9 4    8 เมตร (1) 6(1) 12a   6 12  6  เมตร / (วินำที)2 เมื่อ t = 3 3 2 (1) (3) 6(3) 9(3) 4s     27 54 27 4    4 เมตร (3) 6(3) 12a   18 12  6 เมตร / (วินำที)2
  • 34. 34แบบฝึกเสริมทักษะแคลคูลัส …ใบงานที่ 8… 1. ข้ำวเปลือกไหลออกจำกเครื่องกองบนพื้นเป็นรูปกรวย ด้วยอัตรำ 10 ลูกบำศก์ฟุตต่อวินำที ถ้ำรัศมีของปำก กรวยเป็น 1.5 เท่ำของส่วนสูงเสมอ จงหำว่ำ สูงจะเพิ่มขึ้นเร็วเท่ำไร เมื่อกรวยนี้สูง 5 ฟุต 2. ชำยคนหนึ่งสูง 6 ฟุต เดินด้วยควำมเร็ว 5 ฟุตต่อวินำที เดินเข้ำหำเสำไฟฟ้ำในตอนกลำงคืน โดยที่เสำไฟฟ้ำมี หลอดไฟสูงจำกพื้น 16 ฟุต จงหำควำมเร็วของเงำในกำรเคลื่อนที่เมื่อชำยคนนั้นอยู่ห่ำงจำกเสำไฟฟ้ำ 10 ฟุต 3. จงหำจุดวิกฤต ค่ำสูงสุดสัมพัทธ์ ค่ำต่ำสุดสัมพัทธ์ ค่ำสูงสุดสัมบูรณ์ และค่ำต่ำสุดสัมบูรณ์ของฟังก์ชัน ต่อไปนี้ 3.1. f (x) = x2 - 2x + 3 บนช่วง [0,1] 3.2. f (x) = x - x2 สำหรับ x∈[0,1] 3.3. f (x) = x - x3 สำหรับ x∈[0,1] 3.4. f (x) = (x + x2 ) -1 สำหรับ x∈(0,1)