Mais conteúdo relacionado
Semelhante a หลักธรรม ของ นักบริหาร (20)
Mais de Panuwat Beforetwo (20)
หลักธรรม ของ นักบริหาร
- 1. 1
หลักธรรมของนักบริหาร
หลักธรรม หรือคําสั่งสอนของพระพุทธเจานั้น ถึงแมวาจะมีมาตั้งแตสมัยพุทธกาล นับถึงป
จจุบันเปนเวลา 2540 กวาปแลว แตทุกหลักธรรมยังคงทันสมัยอยูเสมอ สามารถนําไปประยุกตใช
เปนเครื่องดําเนินชีวิตและแนวทางในการบริหารงานไดเปนอยางดี ที่เปนเชนนี้ ก็เพราะหลักธรรมดังกลาว
เปนความจริงที่ สามารถพิสูจนไดที่เรียกวา “สัจธรรม” ปฏิบัติไดเห็นผลไดอยางแทจริงอยูที่เราจะนํา
หลักธรรมขอใดมาใชใหเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด สําหรับนักบริหารก็มีหลักธรรมสําหรับยึดถือ
และปฏิบัติอยางมากมาย ซึ่งไดนําเสนอไวบาง เรื่องที่สําคัญดังตอไปนี้
พรหมวิหาร 4
เปนหลักธรรมของผูใหญ(ผูบังคับบัญชา) ที่ควรถือปฏิบัติเปนนิตย มี 4 ประการ คือ
1. เมตตา ความรักใคร ปราถนาจะใหผูอื่นมีความสุข
2. กรุณา ความสงสาร คิดชวยเหลือผูอื่นใหพนทุกข
3. มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผูอื่นไดดีมีสุข
4. อุเบกขา วางตนเปนกลาง ไมดีใจ ไมเสียใจ เมื่อผูอื่นถึงวิบัติ มีทุกข
- 2. 2
อคติ 4
อคติ หมายความวา การกระทําอันทําใหเสียความเที่ยงธรรม มี 4 ประการ
1. ฉันทาคติ ลําเอียงเพราะรักใคร
2. โทสาคติ ลําเอียงเพราะโกรธ
3. โมหาคติ ลําเอียงเพราะเขลา
4. ภยาคติ ลําเอียงเพราะกลัว
อคติ 4 นี้ ผูบริหาร/ผูใหญ ไมควรประพฤติเพราะเปนทางแหงความเสื่อม
- 3. 3
สังคหวัตถุ 4
เปนหลักธรรมอันเปนเครื่องยึดเหนี่ยวน้ําใจของกันและกันเห็นเหตุใหตนเอง และหมูคณะกาวไ
ปสูความเจริญรุงเรือง
1.ทาน ใหปนสิ่งของแกคนที่ควรให
2.ปยวาจา เจรจาดวยถอยคําไพเราะออนหวาน
3.อัตถจริยา ประพฤติในสิงที่เปนประโยชน
่
4.สมานนัตตตา วางตนใหเหมาะสมกับฐานะของตน
อิทธิบาท 4
เปนหลักธรรมถือใหเกิดความสําเร็จ
1.ฉันทะ ความพึงพอใจในงาน
2.วิริยะ ความขยันมั่นเพียร
3.จิตตะ ความมีใจฝกใฝเอาใจใสในงาน
4.วิมังสา ไตรตรองหาเหตุผล
- 4. 4
ทศพิธราชธรรม 10 ประการ
เปนหลักธรรมสําหรับพระมหากษัตริยจะพึงถือปฏิบัติมาแตโบราณกาลแดนักบริหาร เชน
สรรพสามิตจังหวัด สรรพสามิตอําเภอ ก็นาจะนําไปอนุโลมถือปฏิบัติได
หลักทศพิธราชธรรม 10 ประการ มีอยูดังนี้
1. ทาน คือ การใหปน ซึ่งอาจเปนการใหเพื่อบูชาคุณหรือใหเพื่อเปนการอนุเคราะห
2. ศีล ไดแกการสํารวม กาย วาจา ใจ ใหเรียบรอยสะอาดดีงาม
3. บริจาค ไดแก การใหทรัพยสิ่งของเพื่อเปนการชวยเหลือหรือความทุกขยากเดือดรอน
ของผูอื่นหรือเปนการเสียสละเพื่อหวังใหผูรับไดรับความสุข
4. อาชวะ ไดแก ความมีอัธยาศัยซื่อตรงมั่นในความสุจริตธรรม
5. มัทวะ ไดแก ความมีอัธยาศัยดีงาม ละมุนละไม ออนโยน สุภาพ
6. ตบะ ไดแก การบําเพ็ญเพียรเพื่อขจัดหรือทําลายอกุศลกรรมใหสิ้นสูญ
7. อโกรธะ ไดแก ความสามารถระงับหรือขจัดเสียไดซึ่งความโกรธ
8. อวิหิงสา ไดแก การไมเบียดเบียนคนอื่น
9. ขันติ ไดแก ความอดกลั้นไมปลอยกาย วาจา ใจ ตามอารมณหรือกิเลสที่เกิดมีขึ้นนั้น
10. อวิโรธนะไดแก การธํารงครักษาไวซึ่งความยุติธรรม
- 5. 5
บารมี 6
เปนหลักธรรมอันสําคัญที่จะนิยมมาซึ่งความรักใครนับถือ นับวาเปนหลักธรรมที่เหมาะมาก
สําหรับนักบริหารจะพึงยึดถือปฎิบัติ มีอยู 6 ประการคือทาน
1. ทาน การใหเปนสิ่งที่ควรให
2. ศีล การประพฤติในทางที่ชอบ
3. ขันติ ความอดทนอดกลั้น
4. วิริยะ ความขยันหมั่นเพียร
5. ฌาน การเพงพิจารณาใหเห็นของจริง
6. ปรัชญา ความมีปญญารอบรู
ขันติโสรัจจะ
เปนหลักธรรมอันทําใหบุคคลเปนผูงาม (ธรรมทําใหงาม)
1. ขันติ คือ ความอดทน มีลักษณะ 3 ประการ
1.1 อดใจทนไดตอกําลังแหงความโกรธแคนไมแสดงอาการ กาย วาจา ที่ไมนารัก
ออกมาใหเปนที่ปรากฏแกผูอื่น
1.2 อดใจทนไดตอความลําบากตรากตรําหรือความเหน็ดเหนื่อย
2. โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ทําจิตใจใหแชมชื่นไมขุนหมอง
- 6. 6
ธรรมโลกบาล
เปนหลักธรรมที่ชวยคุมครองโลก หรือมวลมนุษยใหอยูความรมเย็นเปนสุข มี 2 ประการคือ
1. หิริ ความละอายในตนเอง
2. โอตัปปะ ความเกรงกลัวตอทุกข และความเสื่อมแลวไมกระทําความชั่ว
อธิฐานธรรม 4
เปนหลักธรรมที่ควรตั้งไวในจิตใจเปนนิตย เพื่อเปนเครื่องนิยมนําจิตใจใหเกิดความรอบรูความจริง
รูจักเสียสละ และบังเกิดความสงบ มี 4 ประการ
1. ปญญา ความรูในสิ่งที่ควรรู รูในวิชา
2. สัจจะ ความจริง คือประพฤติสิ่งใดก็ใหไดจริงไมทําอะไรจับจด
3. จาคะ สละสิ่งที่เปนขาศึกแหงความจริงใจ คือ สละความเกียจคราน หรือความหวาดกลัว
ตอความยุงยาก ลําบาก
4. อุปสมะ สงบใจจากสิ่งที่เปนขาศึกตอความสงบ คือ ยับยั้งใจมิใหปนปวนตอความพอใจ
รักใคร และความขัดเคืองเปนตน
- 7. 7
คหบดีธรรม 4
เปนหลักธรรมของผูครองเรือนพึงยึดถือปฏิบัติ มี 4 ประการ คือ
1. ความหมั่น
2. ความโอบออมอารี
3. ความไมตื่นเตนมัวเมาในสมบัติ
4. ความไมเศราโศกเสียใจเมื่อเกิดภัยวิบัติ
ราชสังคหวัตถุ 4
เปนหลักธรรมอันเปนเครื่องชวยในการวางนโยบายบริหารบานเมืองใหดําเนินไปดวยดี
มี 4 ประการ คือ
1. ลัสเมธัง ความเปนผูฉลาดปรีชาในการพิจารณาถึงผลิตผลอันเกิดขึ้นในแผนดิน แลว
พิจารณาผอนผันจัดเก็บเอาแตบางสวนแหงสิ่งนั้น
- 8. 8
2. ปุริสเมธัง ความเปนผูฉลาดในการดูคนสามารถเลือกแตงตั้งบุคคลใหดํารงตําแหนงใน
ความถูกตองและเหมาะสม
3. สัมมาปาลัง การบริหารงานใหตองใจประชาชน
4. วาจาเปยยัง ความเปนบุคคลมีวาจาไพเราะรูจักผอนสั้นผอนยาวตามเหตุการณ
ตามฐานะและตามความเปนธรรม
สติสัมปชัญญะ
เปนหลักธรรมอันอํานวยประโยชนแกผูประพฤติเปนอันมาก
1.สติ คือ ความระลึกไดกอนทํา กอนบูชา กอนคัด คนมีสติจะไมเลินเลอ เผลอตน
2.สัมปชัญญะ คือ ความรูตัวในเวลากําลังทํา กําลังพูด กําลังคิด
อกุศลมูล 3
อกุศลมูล คือ รากเหงาของความชั่ว มี 3 ประการคือ
1. โลภะ ความอยากได
2. โทสะ ความคิดประทุษรายเขา
3. โมหะ ความหลงไมรูจริง
นิวรณ 5
นิวรณ แปลวา ธรรมอันกลั้นจิตใจไมใหบรรลุความดี มี 5 ประการ
1. กามฉันท พอใจรักใครในอารมณ มีพอใจในรูป เปนตน
- 9. 9
2. พยาบาท ปองรายผูอื่น
3. ถีนมิทธะ ความที่จิตใจหดหูและเคลิบเคลิ้ม
4. อุธัจจะกุกกุจจะ ความฟุงซานและรําคาญ
5. วิจิกิจฉา ความลังเลไมตกลงใจได
ผูกําจัดหรือบรรเทานิวรณได ยอมไดนิสงส 5 ประการคือ
1. ไมของติดอยูในกายตนหรือผูอื่นจนเกินไป
2. มีจิตประกอบดวยเมตตา
3. มีจิตอาจหาญในการประพฤติความดี
4. มีความพินิจและความอดทน
5. ตัดสินใจในทางดีไดแนนอนและถูกตอง
เวสารัชชกรณะ 5
เวสารัชชกรณะ แปลวา ธรรมที่ยังความกลาหาญใหเกิดขึ้นมี 5 ประการ คือ
1. ศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
2. ศีล ประพฤติการวาจาเรียบรอย
3. พาหุสัจจะ ความเปนผูศึกษามาก
4. วิริยารัมภะ ตั้งใจทําความพากเพียร
5. ปญญา รอบรูสิ่งที่ควรรู
- 10. 10
อริยทรัพย 7
1. ศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
2. ศีล ประพฤติการวาจาเรียบรอย
3. หิริ ความละอายตอบาปทุจริต
4. โอตัปปะ ความสะดุงกลัวตอบาปทุจริต
5. พาหุสัจจะ ความเปนคนไดยินไดฟงมามาก
6. จาคะ การใหปนสิ่งของแกคนที่ควรให
7. ปญญา ความรอบรูทั้งสิ่งที่เปนประโยชนและสิ่งที่เปนไท
สัปปุริสธรรม 7
เปนหลักธรรมอันเปนของคนดี (ผูประพฤติชอบ) มี 7 ประการ
1. ธัมมัญุตา ความเปนผูรูวาเปนเหตุ
2. อัตถัญุตา ความเปนผูรูจักผล
3. อัตตัญุตา ความเปนผูรูจักตน
4. มัตตัญุตา ความเปนผูรูจักประมาณ
5. กาลัญุตา ความเปนผูรูจักกาลเวลาอันเหมาะสม
6. ปุริสัญุตา ความเปนผูรูจักสังคม
- 11. 11
7. บุคคลโรปรัชญุตา ความเปนผูรูจักคบคน
คุณธรรมของผูบริหาร 6
ผูบริหาร นอกจากจะมีคุณวุฒิในทางวิชาการตาง ๆ แลวยังจําเปนตองมีคุณธรรมอีก 6 ประการ
1. ขมา มีความอดทนเกง
2. ชาตริยะ ระวังระไว
3. อุฎฐานะ หมั่นขยัน
4. สังวิภาคะ เอื้อเฟอเผื่อแผ
5. ทยา เอ็นดู กรุณา
6. อิกขนา หมั่นเอาใจใสตรวจตราหรือติดตาม
ยุติธรรม 5
นักบริหารหรือผูนํามักจะประสบปญหาหรือรองเรียนขอความเปนธรรมอยูเปนประจํา
หลักตัดสินความเพื่อใหเกิดความ “ยุติธรรม” มี 5 ประการ คือ
1. สัจจวา แนะนําดวยความจริงใจ
2. บัณฑิตะ ฉลาดและแนะนําความจริงและความเสื่อม
- 12. 12
3. อสาหะเสนะ ตัดสินดวยปญญาไมตัดสินดวยอารมณผลุนผลัน
4. เมธาวี นึกถึงธรรม (ยุติธรรม) เปนใหญไมเห็นแกอามิสสินจาง
5. ธัมมัฎฐะ ไมริษยาอาฆาต ไมตอเวร
ธรรมเครื่องใหกาวหนา 7
นักบริหารในตําแหนงตาง ยอมหวังความเจริญกาวหนาไดรับการเลื่อนชั้นเลื่อนตําแหนงสูงขึ้น
พระพุทธองคทรงตรัสธรรมเครื่องเจริญยศ (ความกาวหนา) ไว 7 ประการ คือ
1. อุฎฐานะ หมั่นขยัน
2. สติ มีความเฉลียว
3. สุจิกัมมะ การงานสะอาด
4. สัญญตะ ระวังดี
5. นิสัมมการี ใครครวญพิจารณาแลวจึงธรรม
6. ธัมมชีวี เลี้ยงชีพโดยธรรม
7. อัปปมัตตะ ไมประมาท
ไตรสิกขา
เพื่อเปนการสนับสนุนใหเกิดความตั้งใจดีและมีมือสะอาด นักบริหารตองประกอบตนไวใน
ไตรสิกขาขอที่ตองสําเหนียก 3 ประการ คือ
1. ศีล
2. สมาธิ
- 13. 13
3. ปญญา
ทั้งนี้เพราะ ศีล เปนเครื่องสนับสนุนใหกาย (มือ) สะอาด
สมาธิ เปนเครื่องสนับสนุนใหใจสงบ
ปญญา เปนเครื่องทําใหใจสวาง รูถูก รูผิด
พระพุทธโอวาท 3
นักบริหารที่ทํางานไดผลดี เนื่องจากได ”ตั้งใจดี” และ “มือสะอาด” พระพุทธองคไดวางแนว
ไว 3 ประการ ดังนี้
1. เวนจากทุจริต การประพฤติชั่ว ทางกาย วาจา ใจ
2. ประกอบสุจริต ประพฤติชอบ ทางกาย วาจา ใจ
3. ทําใจของตนใหบริสุทธิ์สะอาด ไมโลภ ไมโกรธ ไมหลง
การนําหลักธรรมที่ประเสริฐมาปฎิบัติ ยอมจักนําความเจริญ ตลอดจนความสุขกาย
สบายใจ ใหบังเกิดแกผูประพฤติทั้งสิ้น สมดังพุทธสุภาษิตที่วา “ ธัมโม หเว
รักขติ ธัมมจาริง” ธรรมะยอมคุมครองรักษาผูประพฤติธรรม