Mais conteúdo relacionado
Semelhante a วิทยากรมืออาชีพ (20)
Mais de Utai Sukviwatsirikul (20)
วิทยากรมืออาชีพ
- 2. www.TrainingServ.com 2
วิทยากรมืออาชีพ
โดย ดร.บัญชา วิชยานุวัติ
คานา
ผมเคยเรียนมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศและเช่นเดียวกันเคยเข้าอบรมกับหน่วยงานต่างๆที่ทางานอยู่เคยเข้า
อบรมกับวิทยากรระดับโลกและเคยเข้าอบรมหลักสูตรยาวถึงหนึ่งสัปดาห์กับองค์การระหว่างประเทศ ผมพบว่าวิทยากรจานวน
มากเป็นวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในสิ่งที่นาเสนอดีแต่น่าเสียดายที่ขาดเทคนิคการนาเสนอที่น่าสนใจทาให้ผู้เรียน
ไม่กระตือรือร้นที่จะฟังไม่ว่าวิทยากรจะมีความรู้ดีแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าผู้ฟังไม่ฟังซะแล้วความรู้นั้นจึงไม่มีประโยชน์อันใด
เช่นเดียวกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจาพวกสอนหนังสือโดยไม่รู้หลักการสอนที่ดีจึงล้มเหลวในการถ่ายทอดความรู้ หนังสือเล่ม
นี้รวบรวมความรู้จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนในฐานะที่ทางานทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชนมากว่า25ปี เคยเป็น
ผู้จัดการทั่วไปด้านฝึกอบรมของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยเคยเป็นทั้งผู้เข้ารับการอบรมผู้จัดอบรมและ วิทยากร
ได้รวบรวมความรู้ และประสบการณ์เพื่อแบ่งปันให้ผู้ที่ทาหน้าที่วิทยากรอาจารย์ผู้บริหารหัวหน้างานที่จาเป็นต้องทาหน้าที่
สอนหรือ นาเสนองานต่างๆให้ได้เรียนรู้ พัฒนาประสิทธิภาพการสอนให้ดียิ่งขึ้น
- 4. www.TrainingServ.com 4
แม้เขาจะได้เรียนรู้แล้วก็ตามก็จะถือว่าการฝึกอบรมนี้ไม่มีประสิทธิภาพเพราะทาให้แค่ผู้เข้าอบรมรู้ แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม
วิทยากรจึงควรต้องคานึงถึงความสาคัญข้อนี้ให้มากเพราะจะมีผลมากต่อการจัดทาแผนการสอนและการเลือกวิธีการสอน
เมื่อการอบรมคือการเปลี่ยนพฤติกรรมด้านใดด้านหนึ่งของผู้เข้าอบรมในด้านความรู้ หรือทักษะหรือทัศนคติ การ
พยายามเปลี่ยนแปลงความรู้และทักษะดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดแต่เขาจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้เข้าอบรมได้
หรือ? คาตอบคือ มีการอบรมหลายประเภทที่สามารถเปลี่ยนทัศนคติคนได้แม้จะยากก็ตามเช่น การอบรมเพื่อให้เลิกสูบบุหรี่
ภายใน7 วันหรือการอบรมเพื่อให้รักชาติเช่นเมื่อ 20 ปีที่แล้วเคยมีการอบรมลูกเสือชาวบ้านอย่างการทั่วประเทศไทยเพื่อเป็น
การสร้างความชาตินิยมในหมู่ประชาไทยเพื่อต่อต้านการแพร่ของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุคนั้นวิธีการอบรมจะใช้เวลา5วัน4 คืน
โดยผู้เข้าอบรมจะถูกแบ่งให้อยู่ในแต่ละหมู่สีๆละ10-12 คนโดยแต่ละหมู่สีจะมีภารกิจให้ทาในแต่ละวันจานวนมากจนได้นอน
แค่วันละ3 – 4 ช.ม.เท่านั้น ในตอนเช้าจะเป็นกิจกรรมเข้าอบรมฟังวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับชาติและประชาชนไทยและภัยจาก
ลัทธิตรงข้ามในขณะบรรยายผู้เข้าอบรมจะถูกให้ร้องเพลงรักชาติรักหมู่คณะเป็นระยะๆ กรณีที่ผู้เข้าอบรมถูกให้ทากิจกรรม
และได้นอนในแต่ละคืนน้อยทาให้เมื่อต้องมานั่งฟังวิทยากรในห้องอบรมทาให้ง่ายในการทาให้ผู้เข้าอบรมเชื่อได้ดีกว่าใน
ขณะที่ผู้เข้าอบรมมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเพราะในขณะที่มนุษย์มีร่างกายอ่อนแอการใช้ความคิดของตัวเองเพื่อคิดวิเคราะห์
สิ่งที่ได้ฟังว่าจะควรเชื่อหรือไม่จะมีน้อยกว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงและเมื่อได้ฟังสิ่งเดิมซ้าๆบ่อยๆย่อมทาให้เชื่อได้ง่ายกว่า
นอกจากนั้นการที่ผู้เข้าอบรมต้องสังกัดกลุ่มสีจะถูกอิทธิพลของกลุ่มทาให้ต้องทาตามโดยไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งนี้เป็นตัวอย่าง
ของการใช้การฝึกอบรมเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของผู้เข้าอบรม
- 5. www.TrainingServ.com 5
อย่างไรก็ตามการฝึกอบรมที่ดีเป็นกระบวนการ(Process)ถ้าต้องการให้การฝึกอบรมมีประสิทธิภาพจาเป็นต้อง
ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรมเพียงครั้งเดียวอาจไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนได้ ถ้าต้องมีกระบวนการต่อเนื่องเช่น
ฝึกอบรมเรื่องการป้ องกันอัคคีภัยเมื่อผ่านการอบรมแล้วต้องมีกระบวนการต่อเนื่องด้วยการให้ลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ได้เรียนมา
และให้มีการติดตามผลการปฏิบัติเป็นระยะโดยหัวหน้างานเพื่อให้คาแนะนาและแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นหรือส่งผู้
เข้าอบรมซ้าเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรสามารถปฏิบัติงานได้จริง
การฝึกอบรมที่ดีจึงเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่มตั้งแต่ผู้บริหารที่จะให้นโยบายฝึกอบรมมาฝ่ าย
ฝึกอบรมที่จะทาหน้าที่บริหารการฝึกอบรมหัวหน้างานทาหน้าที่คัดเลือกบุคลากรเข้าอบรมและติดตามประเมินผลหลังฝึกอบรม
คนทุกกลุ่มเหล่านี้มีความสาคัญต่อความสาเร็จของการอบรมทั้งสิ้นซึ่งปัญหาที่มักจะเกิดก็ก็คือหัวหน้างานมักจะส่งคนเข้า
อบรมโดยใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมเช่นส่งเข้าอบรมทุกคนโดยไม่ได้พิจารณาว่าแต่ละคนมีความรู้ ความสามารถแตกต่างกัน
อย่างไร ในข้อเท็จจริงในองค์กรจะมีบุคลากรมีความรู้ ความสามารถแตกต่างกันการพิจารณาส่งคนเข้าอบรมจะต้องตรวจสอบ
ความรู้ทักษะของบุคลากรแล้วส่งเข้าอบรมสาหรับผู้ที่พิจารณาว่าขาดความรู้ทักษะนั้นเท่านั้น
การวิเคราะห์ผู้ฟัง
เคยสงสัยไหมว่าทาไมเวลาวิทยากรบางคนบรรยายท่านเมื่อได้ยินชื่อว่าวิทยากรท่านนี้จะมีบรรยายก็เกิดความรู้สึกไม่
อยากฟังแล้วแม้จะมาบรรยายให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยซ้าแต่สาหรับวิทยากรบางท่านท่านยอมเสียเงินเพื่อเข้าไปฟังบรรยาย
แม้จะต้องยอมเดินทางไกลแม้จะต้องยอมเสียงานก็ตามคาตอบคือวิทยากรบางท่านสามารถนาเสนอได้ตรงกับความต้องการ
ของท่านได้ดีกว่าวิทยากรอีกท่านหนึ่งแต่ไม่ใช่วิทยากรทุกคนสามารถนาเสนอสร้างความพึงพอใจได้กับคนทุกคนปัญหาสาคัญ
เบื้องต้นของวิทยากรคือต้องรู้ว่าผู้ฟังเป็นใครเพื่อจะนาเสนอเนื้อหาและรูปแบบการสอนให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มผู้ฟัง
ก่อนนาเสนอกับผู้ฟังจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าผู้ฟังเป็นใครการคาดเดานาปัญหามาให้วิทยากรเสมอเพราะในหลายกรณี
ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งวิธีการหาข้อมูลว่าผู้ฟังเป็นใครก็อาศัยการสอบถามข้อมูลผู้จัดอบรมข้อมูลทางเว็บไซต์จากวิทยากรที่
เคยไปสอนมาแล้วหรือสอบถามกับผู้เข้าอบรมโดยตรงซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฟังที่จาเป็นต้องคานึงถึงมีดังนี้
- 6. www.TrainingServ.com 6
กลุ่มอายุ
ต้องหาข้อมูลด้วยว่าผู้ฟังเป็นคนกลุ่มอายุเท่าใดเพราะคนแต่ละรุ่นก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกันเข่นคนรุ่นใหม่
มีแนวโน้มชอบการสื่อสารที่สั้น กระชับ ผ่านทางอีเมล์, ข้อความสั้น, โซเชียลเน็กเวิร์ด ไม่ชอบการพูดหรือการบรรยายที่ยาว มี
นักแสดงในดวงใจมีดนตรีที่ชอบแตกต่างกันจากคนรุ่นก่อนฉะนั้นผู้บรรยายจาเป็นต้องปรับตัวให้ผู้ฟังแต่ละกลุ่มสนใจโดยทั่วไป
เราสามารถแบ่งกลุ่มผู้ฟังตามกลุ่มอายุได้ดังนี้
กลุ่มผู้ใหญ่ เกิดก่อน 1945
เบบี้บูม เกิดระหว่าง 1945 –1964
เจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ เกิดระหว่าง 1965 –1980
นิวมิลลิเนี่ยม เกิดหลัง 1980
เจนเนอเรชั่นแซด เกิดหลัง 2000
เมื่อเราต้องสอนผู้เรียนที่เป็นกลุ่มนิวมิลลิเนี่ยม อายุ 15 -20 ปี จึงไม่แปลกใจที่อาจารย์ที่สอนที่โรงเรียนกวดวิชา
ทั้งหลายมักจะแต่งตัวทันสมัยเหมือนนักร้องเกาหลี เปิดเพลงสลับการสอนมีจังหวะพูดที่สนุกและเร็ว ใช้ภาษาที่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่
อาจจะไม่ค่อยชอบ และมีอารมณ์สนุกตลอดเวลา ซึ่งสามารถสร้างความสนใจกับกลุ่มผู้เรียนได้อย่างดี
กลุ่มเพศ
ผู้ฟังที่เป็นผู้หญิงและผู้ชายมีความคาดหวังแตกต่างกันผู้บรรยายจาเป็นต้องคานึงถึงการใช้คาพูดที่อาจจะไป
กระทบกับเพศใดเพศหนึ่งได้ เช่นการยกตัวอย่างว่าผู้ชายแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงเสมอฉะนั้นจึงเป็นผู้บริหารจานวนมากกว่า
ผู้หญิง เป็นตัวอย่างที่สร้างความไม่พอใจกับผู้หญิง หรือการใช้คาพูดต้องระวังสรรพนาม เช่น ใจเสาะเหมือนผู้หญิง,
อกสามศอก
- 7. www.TrainingServ.com 7
อาชีพของผู้ฟัง
ผู้ฟังแต่ละอาชีพมีความสามารถและความชานาญแตกต่างกันในแต่ละอาชีพ เช่น ผู้ฟังที่เป็นนักบัญชี ต้องการ
อะไรที่เป็น และมีรายละเอียดส่วนนักกฎหมาย และนักโปรแกรมเมอร์ ต้องการอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล ที่สามารถอ้างอิงและหา
คาตอบได้ ในขณะที่นักการตลาดชอบความแตกต่างความหลากหลายและความคิดแปลกใหม่ถ้าผู้บรรยายเข้าใจกลุ่มผู้ฟังแต่
ละกลุ่มได้แล้วจะสามารถนาเสนอได้ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น เช่น เมื่อต้องการสอนนักขาย ไม่จาเป็นต้องบรรยายมาก ใช้
กิจกรรมเข้าช่วยจะได้บรรยากาศที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็เอากิจกรรมไปใช้เยอะกับนักบัญชี นักบัญชีจะรู้สึกว่าการสอนครั้งนี้
ไม่ได้เนื้อหาตามที่คาดเอาไว้
นอกจากนั้นต้องคานึงถึงภาษที่ใช้เฉพาะในแต่ละอาชีพด้วย ซึ่งมักจะมีการการใช้ภาษาเฉพาะในอาชีพ ที่ควรจะ
เรียนรู้ เช่นการสอนบุคลากรทางการแพทย์จาเป็นต้องเข้าใจศัพท์เทคนิค,หรือการสอนช่าง ก็ควรเรียนรู้ศัพท์เฉพาะด้านทาให้
ผู้ฟังรู้สึกว่าวิทยากรเป็นผู้เชี่ยวชาญและรู้จริงในสิ่งที่จะสอน
- 8. www.TrainingServ.com 8
การบริหารสิ่งแวดล้อมในการอบรม
ความสาเร็จของการอบรมนอกจาดจะขึ้นอยู่กับวิทยากรหรือเนื้อหาในการนาเสนอแล้วยังขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมใน
การสอนในวันนั้นไม่ว่าจะเป็นสถานที่เสียง แสงอุณหภูมิ บรรยากาศฯลฯเพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการสอนทั้งสิ้นลองคิดซิว่า
การสอนของท่านจะเป็นเช่นไรเมื่อต้องไปสอนในห้องประชุมในโรงแรมที่อยู่ติดกับสระว่ายน้าแล้วห้องประชุมนั้นเป็นกระจกรอบ
ด้านท่านจะสามารถดึงความสนใจผู้เข้าอบรมจากสระว่ายน้าได้อย่างไร
เมื่อต้องสอนในบรรยากาศที่อาจจะควบคุมไม่ได้ เช่นในหอประชุมในต่างจังหวัดที่ห้องประชุมเป็นคอนกรีต
ไม่มีผนังห้อง รถวิ่งผ่านไปมาได้ยินเสียงดังเป็นต้นประสิทธิภาพการสอนก็จะลดลงทางเดียวที่จะทาได้คือการแก้ปัญหา
เฉพาะหน้า เช่นกรณีห้องประชุมที่อยู่ติดสระว่ายน้าก็ให้หาม่านมาปิดที่ผนังห้องให้มองไม่เห็นสระว่านย้าหรือในห้อง
ประชุมที่ไม่มีผนัง ก็ให้หาบอร์ดที่ติดประกาศมาวางกั้นสายตาผู้เข้าอบรมเป็นต้น
แสงสว่างมีส่วนสาคัญในการสร้างความน่าสนใจแก่ผู้เข้าอบรมในห้องประชุมบางแห่งมืดเกินไปทาให้ผู้เข้า
อบรมง่วงจึงต้องพยายามเปิดม่านบางส่วนให้ไม่มืดเกินไปหรือเมื่อจาเป็นต้องฉายโปรเจคเตอร์ไม่ควรเปิดแสงสว่าง
ทั้งหมด พยายามเปิดม่านและเปิดไฟในห้องอบรมไว้ ทาให้บรรยากาศไม่อึมครึมเกินไปและผู้เข้าอบรมบางคนจะหลับ
ก่อนที่ผู้บรรยายจะบรรยายเสร็จ
บางสถานที่เมื่อบรรยากาศห้องอบรมร้อนเกินไปเนื่องจากไม่มีแอร์คอนดิชั่นหรือแอร์เสียย่อมทาให้ผู้เข้า
อบรมไม่มีสมาธิในการฟังที่ดี ทางแก้คือเปิดหน้าต่างให้หมดหรือเปลี่ยนไปห้องอื่นๆที่อากาศร้อนน้อยกว่า วิทยากรที่มี
ประสบการณ์อาจใช้วิธีสอนโดยกิจกรรมโดยใช้นอกห้องเรียนเช่นใต้ร่มไม้เป็นต้น
สาหรับเสียงที่ใช้ในห้องอบรมก็มีความสาคัญต่อความสาเร็จของอบรมเช่นเดียวกันถ้าเสียงวิทยากรเบา
และไม่ชัดเจนย่อมทาให้ผู้เข้าอบรมเบื่อและไม่ใส่ใจจึงจาเป็นต้องปรับเครื่องเสียงให้ดังโดยการทดสอบก่อนที่จะเริ่มสอน
โดยอาจจะตั้งเสียยงให้ดังกว่าเปกติจนกระทั่งสามารถได้ยินชัดทั่วทุกส่วนของห้องประชุมการที่ใช้เสียงดังทาให้ผู้เข้า
อบรมถูกกระตุ้นด้วยเสียงที่ดังจึงต้องหันมาให้ความสนใจในการอบรม
- 10. www.TrainingServ.com 10
ประสิทธิภาพเนื่องจากมีผู้เข้าอบรมจานวนมากที่วิทยากรไม่สามารถสร้างความคุ้นเคยกับผู้เข้าอบรมได้ทุกคนผู้เข้าเรียนที่นั่ง
ข้างหลังอาจจะลาบากในการมองเห็นวิทยากรที่อยู่ข้างหน้าและไมสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมทั้งหมดมีส่วนร่วมในการเรียน
ได้ ซึ้งต่างจากการจัดอบรมแบบอื่นๆแต่ยังเป็นรูปแบบที่พบได้โดยทั่วไป
แบบกลุ่มย่อย (Group)
เป็นรูปแบบการจัดอบรมที่แบ่งผู้เข้าอบรมเป็นกลุ่มย่อยๆจานวนผู้เข้าอบรมในแต่ละกลุ่มอยู่กลุ่มละ5-7คนเพราะว่า
ผู้เข้าอบรมในแต่ละกลุ่มน้อยกว่า5คนย่อมไม่สามารถหาความหลากหลายได้ แต่ถ้าผู้เข้าอบรมเกิน7คนต่อกลุ่มทาให้อยากใน
การควบคุมอาจจะบางคนไม่สนใจมีส่วนร่วมได้ โดยวัตถุประสงค์ของการแบ่งกลุ่มเพื่อให้แต่ละกลุ่มได้มีโอกาส
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายต่อหัวข้อที่วิทยากรกาหนดอาจเป็นเพียงความเห็นของกลุ่มแต่ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา
หรือวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้องที่ทุกกลุ่มต้องยอมรับเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มได้มีโอกาสนาเสนอเป็นการอบรมที่มุ่งให้ผู้เข้าอบรมมี
ส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นจะได้ความคิดใหม่ๆนาไปใช้ในการปฏิบัติงานได้ โดยวิทยากรต้องทาหน้าที่ควบคุมให้แต่ละ
กลุ่มพูดคุยในเรื่องที่กาหนดและกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม
แบบสัมมนา (Seminar)
วัตถุประสงค์ของการจัดอบรมแบบสัมมนาก็เพื่อที่จะระดมความเห็นของผู้มีส่วนได้เสียผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้คาตอบ
หรือแนวทางที่ต้องการโดยการจัดสัมมนาจะกาหนดให้มีวิทยากรนาเสนอประเด็นสาคัญ2-3ท่านโดยมรผู้ดาเนินการการ
สัมมนา 1 คนผู้ทาหน้าที่วิทยากรแต่ละท่านไม่จาเป็นต้องมีมุมมองเหมือนกันเมื่อวิทยากรนาเสนอเสร็จสิ้นทุกคนแล้ว จะเปิด
โอกาสให้ผู้เข้าสัมมนาทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นอย่างอิสระภายในเวลาที่กาหนดและผู้ทาหน้าที่ดาเนินการสัมมนา
จะสรุปประเด็นของแต่ละท่านตลอดจนควบคุมการแสดงความเห็นให้อยู่ในประเด็นซึ้งการสัมมนาที่ดีจะต้องมีการ
สรุปและข้อเสนอแนะเพื่อหาทางออก(Solution)ในประเด็นปัญหาต่างๆเช่นสัมมนาเรื่องFTAกับผลกระทบผู้ผลิตพืชสวนของ
ไทย (ประเด็นที่นาเสนอควรเป็นประเด็นที่ไม่กว้างเกินไปจนการสัมมนาหลากหลายจนหาทางออกไม่ได้)
- 11. www.TrainingServ.com 11
จาลองเหตุการณ์ (Simulation)
เป็นรูปแบบการจัดอบรมอีกประเภทหนึ่งที่มีวิธีการที่น่าสนใจมากทาให้ผู้เข้าอบรมไม่จาเจกับการอบรมแบบชั้นเรียน
เหมือนที่เคยได้เรียนมาเพราะเป็นรูปแบบการอบรมที่จะใช้การจาลองบรรยากาศจริงในชั้นเรียนให้ผู้เข้าอบรมแสดงบทบาท
ต่างๆ ตามที่กาหนดในสถานการณ์ จาลองเช่นการอบรมเรื่องความปลอดภัยจากไฟไหม้ ก็จาลองเหตุการณ์เมื่อเกิดเพลิงไหม้
ใครต้องทาหน้าที่ดับไฟใครทาหน้าที่แจ้งเตือนเพื่อนร่วมงาน,ใครทาหน้าที่แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง,ใครทาหน้าที่นาเพื่อนร่วมงาน
ไปทางหนีไฟฯลฯ นิยมใช้กันในการอบรมประเภทการขายโดยจาลองเหตุการณ์ว่าไปพบลูกค้าโดยผู้เข้าอบรมคนหนึ่งแสดงเป็น
ลูกค้าอีกคนหนึ่งเป็นพนักงานขายเป็นต้นซึ้งรูปแบบการอบรมแบบนี้จะสนุกและไม่น่าเบื่อทุกคนจะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ แต่
มีข้อจากัดคือรับจานวนผู้เข้าอบรมในแต่ละครั้งได้จากัดอยู่ที่20-30คนเท่านั้นและใช้เวลาการอบรมมากกว่าการบรรยาย
ธรรมดา
การอบรมรูปแบบสถานี (Station)
เป็นการอบรมที่สร้างบรรยากาศให้ผู้เข้าอบรมไม่เบื่อได้อย่างดีโดยฝ่ายผู้จัดอบรมจะแบ่งเนื้อหาหลักสูตรออกเป็น
ส่วนย่อย4-5 ส่วนแล้วหาวิทยากรเชี่ยวชาญประจาแต่ละหัวข้อใช้ในห้องประชุมขนาดใหญ่ ที่มีวิทยากรประจาอยู่ในแต่ละจุด
ในห้องประชุม โดยแบ่งผู้เข้าอบรมเป็นกลุ่มย่อยๆ10-20คนหมุนเวียนกันไปเรียนกับวิทยากรแต่ละหัวข้อๆละ20-30นาทีเป็น
รูปแบบการอบรมที่ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มักจะชอบเพราะสนุกและเรียนรู้กับวิทยากรหลายคนแต่การจัดอบรมแบบนี้เป็นภาระ
สาหรับผู้จัดอบรมมากเนื่องจากต้องหาสถานที่กว้างเป็นพิเศษต้องหาวิทยากรจานวนหลายคนและจัดแบ่งเนื้อหาออกเป็น
ส่วนๆตัวอย่างเช่นการอบรมพนักงานร้านค้าปลีกก็สามารถแบ่งเป็น5สถานีได้แก่ สถานีการแต่งกายที่เหมาะสม สถานีการ
ใช้เครื่องคิดเงินสถานีการทาความสะอาดสถานีการขายสินค้าสถานีการบริการลูกค้า เป็นต้น
การสาธิต (Demonstration)
เป็นรูปแบบการอบรมที่สร้างความสนใจแก่ผู้เข้าอบรมได้อย่างดีเพราะการสอนบางเรื่องไม่สามารถบรรยายให้เห็น
ภาพได้ ใช้การสาธิตจากวัสดุจริงจะทาให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ได้ดีกว่า เช่นสาธิตการใช้เครื่องดับเพลิง สาธิตการใช้เครื่องตัดเหล็ก
สาธิตการเปลี่ยนถ่ายน้ามันเครื่องโดยมีวิทยากรจะสาธิตให้ดูแล้วให้ผู้เข้าอบรมได้มีโอกาสได้ปฏิบัติจริงซึ่งในขณะที่ผู้เข้าอบรม
ได้ลงมือปฏิบัติมักจะเกิดความผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์ ก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่วิทยากรจะได้ให้คาแนะนาผู้เข้าอบรมใน
- 12. www.TrainingServ.com 12
การแก้ปัญหาด้วยการสาธิตมักเป็นการอบรมที่ใช้เวลามากและใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องผู้จัดอบรมพึงต้องระมัดระวังเรื่องเวลาที่
มักจะเกินกาหนดเสมอและหาสถานที่จัดอบรมที่เหมาะสม
การระดมสมอง(Brain Strom)
เป็นรูปแบบการอบรมเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาหรือหาแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องโดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเสนอ
ความเห็นรูปแบบการจัดอบรมแบบนี้จะต้องมีการกาหนดหัวข้อมาหัวข้อหนึ่งที่ให้ผู้เข้าอบรมร่วมกันเสนอความเห็นเป็นหัวข้อที่
ไม่กว้างจนเกินไปเช่นระดมสมองการแก้ปัญหาที่จอดรถในหน่วยงาน,การระดมสมองเพื่อหาแนวทางปรับปรุงการจัดทา
งบประมาณเป็นต้นมักจะทาในกลุ่มผู้เข้าอบรมกลุ่มเล็กๆจานวนไม่เกิน20คนโดยมีผู้นาการระดมสมองคนหนึ่งทาหน้าที่
กระตุ้นให้ทุกคนแสดงความเห็นและจดทุกความเห็นลงบนกระดานไม่ว่าจะเป็นความเห็นที่ดีหรือไม่ดีก็ตามประการสาคัญก็คือ
พยายามให้ทุกคนมีส่วนในการแสดงความเห็นและพยายามอย่าให้มีใครคนใดคนหนึ่งนาเสนอมากเกินกว่าคนอื่นๆหลังจากได้
ความเห็นครบทุกคนแล้วก็ให้มีการออกเสียงให้คะแนนข้อเสนอที่มีความเป็นไปได้จากมากไปหาน้อยและในขั้นตอนสุดท้ายให้
ทาแผนปฏิบัติงาน(Action Plan)ของข้อเสนอที่ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะมีมากกว่า1หัวข้อก็ได้
- 13. www.TrainingServ.com 13
การสอนงาน(On the Job Training)
เรียกได้ว่าเป็นอีรูปแบบหนึ่งของการฝึกอบรมที่ใช้วิธีนี้ในการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานโดยเป็นรูปแบบการ
ฝึกอบรมที่เน้นการพัฒนาบุคลากรแบบหนึ่งต่อหนึ่งโดยให้หัวหน้างานสอนงานผู้ใต้บังคับบัญชาในพื้นที่ปฏิบัติงานโดยมีการ
แบ่งซอยงานออกเป็นส่วนย่อยๆและมีการปฏิบัติงานให้ดูและให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามจนกระทั่งสามารถทางานได้ ซึ่ง
เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงมากเนื่องจากเป็นการสอนที่ใกล้ชิดกันและสามารถปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมแต่ละ
บุคคลที่รูปแบบการสอนแบบอื่นทาไม่ได้
การสอนผ่านสื่อ (Computer Aid Instruction)
ถ่ายการพัฒนาของเทคโนโลยีทาให้เกิดรูปแบบใหม่ของการสอนงานเป็นการสอนที่ผู้เรียนเรียนผ่านสื่อที่วิทยากรได้
จัดทาไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นในรูปของวีดีโอเทปซีดีรอมแผ่นพลิก เอกสารคู่มือการเรียนฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสะดวกที่จะ
เรียนรู้ในเวลาที่ผู้เรียนว่างหรือในสถานที่ที่เหมาะสม
การเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต (On Line Learning)
การสอนผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีการสอนที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นโดยทั่วไปในการศึกษาระดับต่าง แต่ใน
วงการฝึกอบรมก็นามาใช้เช่นเดียวกับที่มีการสอนผ่านทางอินเตอร์เน็ตเช่นหลักสูตรการสนทนาภาษาอังกฤษหลักสูตรการ
พัฒนาหัวหน้างานแต่มีข้อจากัดที่ต้องคานึงถึงได้แก่การที่ผู้เรียนกับผู้สอนไม่ได้เจอกันทาให้ไม่สะดวกในการสอบถามปัญหา
และการเรียนแบบนี้ผู้เรียนต้องมีความมุ่งมั่นมากพอจึงจะประสบความสาเร็จในการเรียนให้สาเร็จหลักสูตร
หัวใจของการอบรมที่ทาให้ผู้เข้าอบรมสนใจอยู่ตลอดเวลาอยู่ที่การมีส่วนร่วมของผู้เข้าอบรมเป็นการสอนแบบสอง
ทาง(TwoWay) ไม่ใช่เน้นแค่บรรยายทางเดียววิทยากรจานวนมากที่ไม่ประสบความสาเร็จในการสอนที่ไม่ได้รับความสนใจจาก
ผู้เข้าอบรมเพราะเน้นการสอนแบบทางเดียวมากเกินไปถ้าต้องการให้การสอนมีประสิทธิภาพให้ผู้เข้าอบรมกระตือรือร้นที่จะ
เรียนรู้จาเป็นต้องพัฒนาวีการสอนดังต่อไปนี้
- 14. www.TrainingServ.com 14
ใช้กิจกรรมเข้าช่วย (Activity Based Learning)
วิทยากรบางท่านประสบความสาเร็จในการสอนเพราะมีกิจกรรมต่างๆเข้ามาแทรกในการสอนอยู่ตลอดเวลาเป็น
ระยะๆทาให้ผู้เข้าอบรมกระตือรือร้นและสนุกที่จะเรียนรู้ และสนุกที่จะเรียนรู้ โดยพัฒนากิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละหัวข้อของ
เนื้อหาที่กาลังสอนจะช่วยให้ผู้เข้าอบรมประทับใจได้ โดยวิทยากรจะต้องเรียนรู้ในการนากิจกรรมต่างๆเช่นกิจกรรมปาเป้ าโดย
ใช้ลูกดอกปาเป้ า แล้วแข่งกันระหว่างแต่ละทีมว่าทีมไหนสามารถปาเป้ าได้คะแนนมากกว่ากันเป็นการสอนเรื่องการวางแผน
การทางานเป็นทีมการแบ่งงานกันทาและภาวะผู้นาของทีมเป็นต้น
การฝึกอบรมคืออะไร
การฝึกอบรมเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงความรู้ ทักษะและทัศนคติของผู้เข้ารับการอบรมให้เป็นไปตามเป้ าหมายที่
กาหนดไว้
จากคาจากัดความจะเห็นว่าการฝึกอบรมเป็นกระบวนการหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Processหมายถึงเป็นสิ่งที่
เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถ้าจะทาให้การฝึกอบรมประสบความสาเร็จต้องทาให้ต่อเนื่องไมใช่ว่าพนักงานขาดทักษะในการบริการ
ลูกค้าแล้วจัดอบรม1ครั้งจะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการบริการได้ทันทีจะต้องเป็นการทาเป็นกระบวนการคือ
- 17. www.TrainingServ.com 17
การหาความจาเป็นในการอบรม (Training Needs)
การหาความจาเป็นในการอบรมได้แก่ การสารวจรวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อเป็นแนวทางในการจัดอบรมให้ได้อย่างมี
คุณภาพ ตรงกับเป้ าหมายขององค์กรซึ่งมักจะจัดทาปีละหนึ่งครั้งก่อนการจัดทางบประมาณของหน่วยงานเพื่อว่าเมื่อการ
จัดทาแผนฝึกอบรมของปีต่อไปเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถคานวณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการอบรมปีหน้าใส่ในแผนงาน
งบประมาณได้ทันที
วิธีหาความจาเป็นในการอบรมทาได้หลายวิธีดังนี้
การสัมภาษณ์
แบบสอบถาม
การสังเกตุ
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
วิธีเริ่มจัดทาความจาเป็นในการอบรมมักจะเริ่มต้นด้วยการสร้างแบบสอบถามขึ้นมาถึงสิ่งที่หน่วยงานเห็นว่า
จาเป็นต้องพัฒนาบุคลากรในตาแหน่งใดบ้างและต้องการพัฒนาด้านไหนโดยการออกแบบสอบถามส่งให้หัวหน้างานหรือ
ผู้จัดการของแต่ละแผนกกรอกส่งกลับคืนมาโดยทาแบบสอบถามให้ง่ายสาหรับหัวหน้างานในการที่ใช้ เมื่อได้กลับคืนมาแล้วก็
รวบรวมจัดแบ่งออกเป็นการอบรมประเภทHardSkillและ SoftSkillบางหน่วยงานมีความต้องการที่เหมือนกันเช่นต้องการ
อบรมทักษะในการสื่อสารก็สามารถนาเอามารวบรวมอยู่ในหลักสูตรเดียวกันได้เป็นต้น
วิธีการสัมภาษณ์
วิธีหาความจาเป็นวิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดโดยเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมทาหน้าที่ไปสัมภาษณ์ หัวหน้างานผู้จัดการ
หรือผู้บริหารองค์กรถึงความความเห็นต่างๆเกี่ยวกับเป้ าหมายในปีหน้าขององค์กรสิ่งที่บุคลากรจะต้องพัฒนาเพื่อให้องค์กร
ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ผู้บริหารต้องการสัมภาษณ์ถึงปัญหาในการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นและผู้บริหารเห็นว่าจะต้องแก้ไขเช่น
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างแผนก,ปัญหาการปฏิบัติงานที่ไม่คานึงถึงคุณภาพทาให้มีสินค้าคืนมาเป็นจานวนมากสิ่งเหล่านี้
เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมรวบรวมและสรุปถึงความต้องการการฝึกอบรมจากการสัมภาษณ์ แล้วส่งให้ผู้บริหารเห็นชอบเป็นลายลักษณ์
อักษรอีกครั้งก่อนจะนาไปเป็นแนวทางในการจัดทาแผนการสอนต่อไป
- 19. www.TrainingServ.com 19
ตัวอย่างแบบสอบถาม
ชื่อผู้ตอบ ................................................................ หน่วยงาน............................................................
ตาแหน่ง ................................................................... เบอร์ที่ติดต่อได้ ...................................................
กรุณากรอกแบบสอบถามให้ครบทุกข้อ
1) ท่านมีบุคลากรที่ท่านรับผิดชอบ จานวน........... คน
2) ท่านได้รับผิดชอบตาแหน่งปัจจุบันมาแล้ว.......... ปี ........ เดือน
3) ความเห็นของท่านท่านพอใจกับผลการปฏิบัติงานของพนักงานมากน้อยเพียงใด
ก)มากที่สุด ข)มาก ค) พอใช้ ง) ไม่พอใจ
4) ขอให้ท่านเรียงลาดับจากมากไปหาน้อยในสิ่งที่ท่านเห็นว่าควรให้ความสาคัญในการพัฒนาบุคลากรใน
หน่วยงานท่าน (1คือมากที่สุดแล้วเรียงลาดับไป)
__) การตรงต่อเวลา
__ ) ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย
__ ) ความปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กร
__ ) การซื่อสัตย์สุจริต
__ ) ความรู้ความเข้าใจในงานที่รับผิดชอบ
__ ) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
__ ) ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
__ ) การทางานอย่างไม่ย่อท้อ
__ ) การทางานเป็นทีม
__ ) ความภักดีกับองค์กร
- 24. www.TrainingServ.com 24
เมื่อจะเริ่มสอน
การเตรียมการก่อนที่จะสอน
วิทยากรจาเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการสอนในวันถัดไปเพราะว่าวิทยากรที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อทาหน้าที่สอนจะไม่สามารถสอนได้ดีสมองไม่แจ่มใสพอจะทาให้การสอนสนุกและน่าสนใจบางครั้งอาจจะลืมบางหัวข้อ
หรือลืมตัวอย่างดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ ดังนั้นการนอนให้พอจึงเป็นพื้นฐานของการเป็นผู้นาเสนอที่ดี
สิ่งที่สาคัญเมื่อเตรียมการสอนที่วิทยากรหลายคนอาจจะไมให้ความสาคัญคือการซ้อมล่วงหน้าเพราะการ
ซ้อมนอกจากจะทาให้เรามีความเชื่อมั่นในการนาเสนอแล้วการนาเสนอไหลลื่นไม่ติดขัดโดยเฉพาะวิทยากรมือใหม่ขาด
ประสบการณ์ จาเป็นต้องซ้อมอย่างเต็มที่โดยพยายามซ้อมให้เหมือนจริงหน้ากระจกเหมือนนักแสดงที่จะต้องไปแสดงในวันแรก
วิเคราะห์ว่าผู้ฟังเป็นใครการสอนที่ดีต้องรู้จักและเข้าใจผู้ฟังเพื่อจะนาเสนอให้ตรงความต้องการเขาการสอนก็
เหมือนงานบริการประเภทหนึ่งจาเป็นต้องสร้างความพึงพอใจให้ผู้เรียนผู้สอนต้องทาหน้าที่สอนที่วิเคราะห์ว่าผู้เรียนเป็นใคร
อายุเท่าไรประสบการณ์การทางานกี่ปี ตาแหน่งอะไรและที่สาคัญเคยเรียนวิชานี้มาก่อนหรือไม่เพราะถ้าผู้เรียนเคยเรียนวิชานี้
มาก่อนผู้สอนจาเป็นต้องปรับเนื้อหาให้แตกต่างน่าสนใจขึ้นหรือเพิ่มเนื้อหาในส่วนที่ผู้เรียนยังไม่เคยเรียน
ในการเตรียมเนื้อหาอย่าลืมเราไม่สามารถสอนให้คนรู้ทุกเรื่องได้ในเวลาจากัดดังนั้นจึงต้องมีหัวข้อหลักที่นา
สนออย่างน้อย1 หัวข้อเสมออย่าสอนโดยมีหัวข้อมากมายและไม่มีหัวข้อหลักคนจะไม่รู้ว่ากาลังสอนเรื่องอะไรเช่นบรรยาย
เกี่ยวกับรถยนต์ผู้บรรยายพูดเกี่ยวกับประเภทรถยนต์เครื่องยนต์ระบบช่วงล่างห้ามล้อการตกแต่งรถยนต์ในเวลา3ชั่วโมง
ผู้ฟังจะจับไม่ได้ว่าผู้พูดต้องการนาเสนออะไรดังนั้นควรเลือกเฉพาะหัวข้อหลักมานาเสนอเช่นนาเสนอเรื่องระบบช่วงล่าง
รถยนต์อาจจะเพิ่มส่วนระบบเบรกเข้ามาเสริมก็จะทาให้ผู้ฟังเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
- 25. www.TrainingServ.com 25
ในการเตรียมเนื้อหาจาเป็นต้องคานึงถึงสื่ออุปกรณ์ ที่ต้องใช้ประกอบในการสอนด้วยว่าในขั้นตอนนี้จะต้องใช้
สื่อประเภทใด เช่นเพาเวอร์พอยต์,สื่อวีดีโอคลิป,ฟลิปชาร์ต,อุปกรณ์จาลอง,อุปกรณ์จริงในการบรรยายจะต้องใช้สื่อพวกนี้
อย่างไรบ้างให้เตรียมเอาไว้ด้วย
สิ่งที่จะรู้ก่อนทาเนื้อหาประการหนึ่งคือเนื้อหาของแต่ละครั้งที่สอนจาเป็นต้องปรับตามกลุ่มผู้ฟังเสมอไม่ใช่
เตรียมเนื้อหาครั้งเดียวแล้วใช้สอนทุกครั้งเช่นถ้ากลุ่มผู้เรียนเป็นพนักงานใหม่ย่อมต้องการการเรียนรู้แตกต่างจากผู้จัดการที่มี
ประสบการณ์ในการทางานมาก่อนหรือการสอนวัยรุ่นย่อมต้องการเรียนรู้แตกต่างกับผู้อาวุโสเป็นต้น
ประเภทผู้เข้าอบรม
กรณีบุคคลที่มั่นใจในตัวเองมากให้ใช้เทคนิคยอและให้เกียรติว่าวันนี้เราได้รับเกียรติจากผู้เข้าอบรมที่มี
ประสบการณ์สูงในสิ่งที่จะบรรยายให้หันไปถามความเห็นเขาเป็นระยะๆทาให้เขารู้สึกว่าเขาได้รับเกียรติและจะมีส่วนร่วมเป็น
ผู้สนับสนุนการสอนของเรา
ในบางกรณีจะใช้เทคนิคใช้ตัวอย่างที่เป็นโจทย์ที่ยากแล้วบอกว่าโจทย์นี้เป็นโจทย์ธรรมดาที่ใครก็ทาได้ ทาให้ผู้
ที่มั่นใจว่าตัวเองเก่งหรือผู้มีความมั่นใจตัวเองสูงรู้สึกว่าเขาคงจะไม่เก่งจริงก็อาจจะมาสนใจการสอนได้
เมื่อเจอผู้ฟังที่พูดมากพูดแทรกผู้บรรยายบ่อยครั้งที่จะเจอคนประเภทนี้ ก็มักจะพูดแสดงความเห็นพูดอย่าง
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบรรยายแนวทางที่ดีก็คือให้เน้นย้ากติกาในการแสดงความเห็นเช่นบอกว่า “ เนื่องจากมีผู้เข้าอบรม
จานวนมากเราจาเป็นต้องตกลงกติกาในการแสดงความเห็นสักเล็กน้อยกรุณาแสดงความเห็นคนละไม่เกิน5นาทีเพื่อให้
โอกาสเพื่อนๆได้แสดงความเห็นบ้างนะครับ”
- 26. www.TrainingServ.com 26
จิตวิทยาการสอนของผู้ใหญ่
ปกติการฝึกอบรมเป็นการสอนที่แตกต่างจากการศึกษาทั่วไปที่การศึกษาทั่วไปเป็นการสอนสาหรับเยาวชน
แต่การฝึกอบรมเป็นการสอนที่ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นวัยทางานตั้งแต่ผู้จบใหม่จนถึงบุคคลอายุ60 - 70 ปี ดังนั้นผู้สอนจึง
จาเป็นต้องเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ เพื่อช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้ใหญ่ชอบที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ใกล้ตัวสิ่งที่เขาเกี่ยวข้องมีประสบการณ์ร่วมมากกว่าเรื่องที่เป็นทฤษฎีหรือเป็น
สิ่งที่เป็นนามธรรมเหมือนที่สอนในมหาวิทยาลัยเนื่องจากผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ผ่านการเรียนในระบบมาแล้วเมื่อมีประสบการณ์
การทางานมาเป็นระยะเวลาหนึ่งจึงมักจะสนใจที่จะเรียนรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพหรือประสบการณ์ของเขาเช่น
พนักงานธนาคารย่อมสนใจเรียนรู้เทคนิคการบริหารเงินกู้ในรูปแบบกรณีตัวอย่างมากกว่าจะเรียนรู้แต่ทฤษฎีเท่านั้น
ผู้ใหญ่ต้องการการมีส่วนร่วมในการเรียนมากกว่าเยาวชนเพราะผู้ใหญ่เมื่อผ่านประสบการณ์การทางานมาระยะหนึ่ง
ย่อมเริ่มที่จะมีความมั่นใจขึ้นอยากจะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ถ้าวิทยากรสามารถ กระตุ้นให้เขามีส่วนร่วมในการแสดง
ความเห็นจะทาให้เขามีพึงพอใจการฝึกอบรมครั้งนั้นมากกว่าที่เขาต้องนิ่งฟังอย่างเดียว
สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสร้างความสนใจให้กับผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่คือการสอนในเรื่องที่เขาสนใจไม่ใช่สอนในสิ่งที่หน่วยงาน
อยากให้เขาเรียนหรือสิ่งที่วิทยากรอยากสอนดังนั้นต้องเลือกเรื่องที่สร้างความสนใจแก่ผู้เข้าอบรมได้เสียก่อนหรือพยายามปรับ
เรื่องที่จะสอนให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟัง