SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 525
ชีวา
ณ เคหาสน์
ณ อาศรม
ณ อารมณ์
ณ อาลัย
เรียบเรียงโดย เมทนี แสงธรรม
Complied by: Martin Chan
编制者: 马丁 陈
19/02/2566
12.21 PM.
๖
เคหาสน์
คาว่า คฤหาสน์
แปลว่า บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย
เป็นคาสนธิภาษาสันสกฤต
จากคาว่า คฤห+อาสน
ส่วนภาษาบาลีนั้น
จะใช้ เคห+อาสน = เคหาสน์ มี
ความหมายว่า บ้านเรือน
หรือที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกัน
(บางคน เคยชินกับคาว่า เคหะ
ในคาว่า เคหสถาน
ที่แปลความหมายเช่นเดียวกัน
มากกว่า )
ซึ่งมีหลายคนมักใช้ตัวการันต์ผิด
เพราะคงเคยผ่านตากับคาว่า คฤหัสถ์
ที่แปลว่า ผู้ครองเรือน มาบ้าง
จนจาสับสน
คาว่า คฤหัสถ์ แปลว่า ผู้ครองเรือน
มีความหมายเช่นเดียวกับ ฆราวาส
ใช้เรียกบุคคลทั่วไป
ที่ไม่ได้ดารงเพศสมณะ หรือเป็นสงฆ์
*ข้อควรจา*
คฤหัสถ์ ใช้ ถ์
เพราะ"ถือ"ครองความเป็นเจ้าเรือน
คฤหาสน์ ใช้ น์
เพราะสนธิกับคาว่า อาสน ซึ่งเป็น
ที่"นั่ง"
https://www.facebook.com/Ruk.pasa/posts/414682928601424/
อาศรม
อาศรม ในศาสนาฮินดู
หมายถึง ระยะของชีวิต 4 ระยะ
ซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารยุคโบราณและยุค
กลางของฮินดู
อาศรมทั้งสี่ระยะ
ได้แก่ พรหมจรรยะ (ผู้เรียน),
คฤหัสถะ (ผู้ครองเรือน),
วานปรัสถะ (ผู้ออกจาริก) และ
สันยาสะ (ผู้ละทิ้งทางโลก)
อาศรมสี่
เป็นหนทางหนึ่งของแนวคิด ธรรมะ
ในศาสนาฮินดู
และเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นทางจริยศ
าสตร์ของปรัชญาอินเดีย
ที่ซึ่งถูกรวม
เข้ากับเป้ าหมายสี่ประการของชีวิตมนุษ
ย์
(ปุรุษสรรถะ) เพื่อการเติมเต็ม,
ความสุข และการบรรลุทางจิตวิญญาณ
แนวคิดอาศรมสี่
ยังมีอิทธิพล
ต่อการวางแผนดารงชีวิตของผู้คน
โดยเฉพาะในอินเดีย
http://bit.ly/3HCgc6K
อารมณ์
อารมณ์
ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
และพฤติกรรมของตนเอง
รวมทั้งส่งผลต่อผู้อื่นด้วย
การจัดการกับอารมณ์
เป็นทักษะ ที่สามารถพัฒนาได้
ด้วย วิธีการและเทคนิคต่างๆ
เช่น การควบคุมอารมณ์ทางลบ
ให้มีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะ
สม
ถือเป็นการพัฒนาตนเอง
ให้มีความสามารถทางอารมณ์
ที่มีความจาเป็นในการใช้ชีวิต
และส่งผลต่อความสาเร็จในชีวิตด้วย
เทคนิคที่จะช่วยในการฝึกมีดังนี้
1.
ทบทวนการแสดงออกทางอารมณ์ของตั
วเราเอง
2.เตรียมการในการแสดงอารมณ์
3. ฝึกสติ
4. ฝึกการผ่อนคลายตนเอง
5. ประเมินสถานการณ์และอารมณ์
อาลัย
คาว่า “อาลัย”
ถ้าได้ยินคาว่า “อาลัย”
หลายคน
คงคิดถึงความหมาย
ประมาณว่า ความห่วงใย, ความพัวพัน,
ความระลึกถึงด้วยความเสียดาย
แน่นอน
แต่คาว่า “อาลัย”
ยังมีอีกความหมาย คือ ที่อยู่, ที่พัก
คาว่า “อาลัย” ในความหมายนี้
จะใช้ประกอบกับคาอื่น
ด้วยการสมาสแบบสนธิ
คาว่า “หิมาลัย” มาจาก หิมะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งหิมะ”
คาว่า “ชลาลัย” มาจาก ชล + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งน้า”
คาว่า “วิทยาลัย” มาจาก วิทยา + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งความรู้”
คาว่า “เทวาลัย” มาจาก เทวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “สุราลัย” มาจาก สุร + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งเทวดา”
คาว่า “ศิวาลัย” มาจาก ศิวะ + อาลัย
มีความหมายว่า “ที่อยู่แห่งพระศิวะ”
https://www.facebook.com/kumthai.th/photos/a.1502532273398314/2353947471590
119/?type=3
13 ตำแหน่งทิศทำงดำวโคจรทั้ง 9
ดวงประจำปีพ.ศ. 2566
29 เรื่องของเขำชื่อ “ฟูจิซัง” ที่เรำ (อำจ) ไม่เคยรู้
55 Ring of fire 'วงแหวนแห่งไฟ'
59 ไดอำรี่ บันทึกชีวิตนักศึกษำแพทย์แผนจีน ตอนที่ 1
สารบัญ
101 ไดอำรี่ บันทึกชีวิตนักศึกษำแพทย์แผนจีน ตอนที่ 2
141 ระเบียบโลกแบบหยินหยำง
173 สัญญำหยิน-หยำง : โดย เฉลิมพล พลมุข
218 วิกฤตเมืองในอนำคตแก้ได้แค่เปลี่ยนพฤติกรรม
256 เดือน 1 ที่ไม่เรียกว่ำ 1月
262冬至 | “เห-มำ-ยัน”: จุดเริ่มต้นของ...กำรเริ่มต้น
291 นรลักษณ์สุมำอี้มีอะไรไม่ดี
โจโฉจึงระแวงว่ำจะชักนำเภทภัย
358 1 ปี มี 2 “แรก”
371元宵节 – เทศกำลโคมไฟ
387 ฟรำนเซส สจ๊วร ์ต:
หญิงงำม
ผู้ปฏิเสธกำรเป็ น ‘นำงใน’ กษัตริย์
434 กำรเมืองในที่ทำงำน ปัญหำที่เลี่ยงยำก
แต่บริหำรจัดกำรได้
448 ยุค 9 จัดบ้ำนยำกกว่ำ !!
452 ฮวงจุ้ยคอนโดมิเนียม เลือกให้ถูก อยู่แล้วดี
479 ปรับฮวงจุ้ย “ทำงสำมแพร่ง” ให้ส่งผลดี
ตาแหน่งทิศทางดาวโคจรทั้ง
9 ดวง
ประจาปีพ.ศ. 2566
http://bit.ly/3WMwCOd
ตาแหน่งทิศที่เป็นมงคลและอัปมงคล
แบ่งออกได้ดังนี้
ทิศมหามงคล : ทิศใต้ (8)
ทิศมงคล : ทิศเหนือ(9)
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (1)
ทิศปานกลาง : จุดศูนย์กลาง (4)
ทิศตะวันตก (6)
ทิศอัปมงคล : ทิศตะวันออก(2)
ทิศตะวันออกฉียงใต้(3)
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (5)
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ(7)
3 8 1
2 4 6
7 9 5
วิธีใช้เข็มทิศวัดทิศทาง
1.ยืนถือเข็มทิศอยู่ ณ จุดกึ่งกลางห้อง
หรือกึ่งกลางบ้าน (ขึ้นอยู่กับจุด
ประสงค์ของท่านว่าต้องการทราบตาแห
น่งทิศที่ตั้งของวัตถุหรือ
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใด)
2.โดยปกติแล้ว
ปลายลูกศรในเข็มทิศ
จะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ
ตามแรงดึงดูดของขั้วแม่เหล็กโลกทางทิ
ศเหนือ
ดังนั้นท่านจึงต้องหมุน เข็มทิศ
โดยพยายามจัดให้ปลายลูกศร
ชี้ไปที่ตัว N (NORTH - ทิศเหนือ)
หรือตัวเลข 360 องศา บนตัวเข็มทิศ
3.เมื่อเข็มทิศนิ่งสนิทแล้ว
(โดยมีลูกศรชี้ไปทางทิศเหนือ)
ให้อ่านในตัว เข็มทิศ
ดูว่า วัตถุหรือเฟอร์นิเจอร์
ที่ท่านต้องการวัดนั้น ตกอยู่ในมุม
ของทิศใด
โดยอาจคะเนดูคร่าวๆ ด้วยตาเปล่า
หรือหากต้องการ องศาที่ละเอียดลึกซึ้ง
ท่านสามารถเทียบได้จากข้อมูลดังนี้
N NORTH ทิศเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 337.5 - 22.49
NE NORTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 22.5 - 67.49
E EAST ทิศตะวันออก
มีองศาอยู่ระหว่าง 67.5 - 112.49
SE SOUTH EAST ทิศตะวันออกเฉียงใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 112.5 - 157.49
S SOUTH ทิศใต้
มีองศาอยู่ระหว่าง 157.5 - 202.49
SW SOUTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงใต ้ มีองศาอยู่ระหว่าง 202.5 – 247.49
W WEST ทิศตะวันตก
มีองศาอยู่ระหว่าง 247.5 – 292.49
NW NORTH WEST
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีองศาอยู่ระหว่าง 292.5 – 337.49
4.ในขณะที่ท่านใช้เข็มทิศอยู่
มีข้อควรระวังคือ อย่าอยู่ใกล้กับสิ่งของ
หรือวัสดุที่เป็นโลหะ เช่น นาฬิกา
รั้วเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้ าต่างๆ ที่มี
ส่วนประกอบของเหล็ก
เพราะจะทาให้การวัดองศาในเข็มทิศ
คลาดเคลื่อนได้
ในภาควิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง
คือ ทิศทางประจาปี
สัมพันธ์สอดคล้อง
กับตาแหน่งของดวงดาว
หรือ “ฮวงจุ้ยหลุ่งหลิ่วจ้วง”
คือ
การโคจรของดวงดาวหมุนเวียนสลับสับ
เปลี่ยนกันทาหน้าที่ส่งผลดีและร้ายต่อม
นุษย์
ประจาอยู่ในแปดทิศหลักใหญ่
เรียกว่า “หลิ่งนี้ฮวงจุ้ย”
หากท่านผู้อ่าน
สามารถทราบล่วงหน้า
ว่าตาแหน่งทิศทางใด
ที่เมื่อตั้งโต๊ะทางานหรือเตียงนอนแล้ว
จะบังเกิดความเป็นมงคลความเจริญรุ่งเ
รือง
ก็จะได้ขยับขยายเคลื่อนย้ายจุดต่างๆ
ในบ้าน
เพื่อเปิดรับโชคลาภโภคทรัพย์
ณ ตาแหน่งทิศทางนั้น
อย่างเต็มที่
แต่หากไม่สามารถขยับขยายได้
ก็จะได้หาสิ่งของอันเป็นสิริมงคล
เพื่อกระตุ้นโชคลาภ
และหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัยต่างๆ ต่อไป
โดยกลุ่มดาวเหนือ
ที่โคจรเข้ามาส่งผลจะมีอยู่ 9 ดวง
เมื่อหมุนเวียนไปประจาหน้าที่ใน 8
ทิศใหญ่แล้ว
จะมีอีกหนึ่งดวง
ที่ประจาอยู่ ณ
จุดกึ่งกลางที่บ้านของท่านทุกหลัง
ในปีเถาะ 2566 นี้
ดาวบินที่โคจรเข้ามา
ณ
ตาแหน่งจุดศูนย์กลางของบ้านท่านทุกห
ลัง
คือ ดาวบิน “สี่เขียว” (ซี้เล็ก) “บุ่งเข็ก”
โคจรเข้ามาสถิตอยู่
และตามหลักวิชานี้ ดาวบินอื่นๆ
ก็จะสถิตหมุนเวียนตามทิศต่างๆ ดังนี้
3 8 1
2 4 6
7 9 5
ทิศเหนือ
(ทิศมหามงคล)
N NORTH ทิศเหนือ
มีองศาอยู่ระหว่าง 337.5 - 22.49
ทิศเหนือ
(ทิศมหามงคล)
สำหรับดำวบินที่โคจรเข้ำสู่ตำแหน่งทิศเ
หนือ
ในปี พศ. ๒๕๖๖ นี้
คือ “ดำวเก๋ำจี๋”
(อิ๋วเพียก)
หรือ “ดำวเก้ำม่วง”
ซึ่งจัดเป็นดำวดีเป็นดำวแห่งสิริมงคล
เนื่องจำกดำวดวงนี้
เป็นดำวแห่งควำมสำเร็จอันยิ่งใหญ่
อีกทั้งมีดำวมหำมงคล
ทั้งดำวเสน่ห์จักรพรรดิ
ดำวเทพกสิกรรม
ดำวมหำโภคทรัพย์และดำวเทพนักรบ
ล้วนโคจรเข้ำมำสมทบ
จึงยิ่งส่งผลให้มีพลังมงคลอบอวลหนำแ
น่น
บังเกิดผลดีต่อทิศนี้เป็นอย่ำงมำก
ส่งผลให้ทิศเหนือนี้
มีควำมโดดเด่นเรื่องกำรเงินที่รุ่งเรือง
สุขภำพแข็งแรง
กำรงำนรวมถึงธุรกิจกำรค้ำล้วนเจริญก้
ำวหน้ำ
ทำอะไรก็ดีเป็นทบทวี
ทำอะไรก็ล้วนสำเร็จลงอย่ำงง่ำยดำย
ในปี พศ. ๒๕๖๖ นี้
หำกโต๊ะทำงำน หัวเตียงหรือประตูบ้ำน
หันหลังพิงทิศมงคลนี้
จะส่งผลให้เกิดเรื่องอันเป็นมงคลมำกมำ
ย
กำรงำนรุ่งเรือง
ท่ำนมีเกณฑ์จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่
ง
กำรสอบแข่งขันก็สำมำรถเอำชนะได้ง่ำ
ยดำย
โชคลำภกำรเงินไหลมำเทมำ
จะหยิบจับจะทำอะไรก็สำเร็จได้อย่ำงน่ำ
อัศจรรย์
เพื่อเสริมพลังให้ทิศเหนือนี้
ดียิ่งขึ้น
ท่ำนสำมำรถทำได้
โดยกำรจัดตั้งวัตถุมงคล
เสริมแก้ชัยภูมิ
“สมบัติสวรรค์ประทำนลำภผลสมประสง
ค์”
ไว้บนโต๊ะทำงำนหรือหัวเตียงนอน
โดยเฉพำะในปี พศ. ๒๕๖๖ นี้
หำกประตูบ้ำน ร ้ำนค้ำ
หรือสำนักงำนของท่ำนใด
ที่มีด้ำนหลังพิงทิศเหนือ
(ด้ำนหน้ำบ้ำนหรือหน้ำร ้ำน
หันออกไปเจอทิศใต้) พอดี
กำรจัดตั้ง
“สมบัติสวรรค์ประทำนลำภผลสมประสง
ค์” ไว้
ก็จะช่วยส่งเสริม
ให้ท่ำนที่นั่งหรือนอน
อยู่ในตำแหน่งทิศทำงนี้
เป็นประจำ
จะได้รับผลดีมำกเป็นพิเศษ
ทำให้มีโชคลำภหมุนเวียนคล่องตัว
มีเกณฑ์จะได้ขึ้นเงินเดือนหรือเลื่อนตำแ
หน่ง
ทั้งยังช่วยเสริมให้สำหรับท่ำนใด
ที่มีอำกำรเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็จะหำยเร็วขึ้น
“สมบัติสวรรค์
ประทำนลำภผลสมประสงค์” นี้
กำรจัดตั้งวำงไว้บน
เฟอร ์นิเจอร ์ชิ้นใหญ่
ที่มีด้ำนหลังพิงทิศเหนือ
จะช่วยกระตุ้นโชคลำภเงินทอง
ให้หมุนเวียนคล่องตัว
อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและควำมมั่
งคั่งร่ำรวย
ทั้งยังส่งผลให้บังเกิดนิมิตหมำยแห่งควำ
มเจริญรุ่งเรืองมำสู่ตัวท่ำนและครอบครัว
สมำชิกในบ้ำนจะได้ลำภที่ไม่คำดฝัน
และประสบกับเหตุ
อันเป็นมงคลน่ำยินดีเสมอ
ตลอดปีนี้
เรื่องของเขำชื่อ “ฟูจิซัง”
ที่เรำ (อำจ) ไม่เคยรู้
https://becommon.co/world/mount-fuji/
ภูเขำไฟฟูจิ
คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
ที่ว่ำกันว่ำ ถ้ำไปเที่ยวญี่ปุ่น
แล้วไม่ไปดู ‘ฟูจิซัง’
ก็ดูเหมือนจะไปไม่ถึง
นอกจำกเป็นภูเขำที่สวยงำมและสูงที่สุด
ในญี่ปุ่น
เรำรู้อะไรเกี่ยวกับภูเขำไฟแห่งนี้บ้ำง?
นี่คือคำถำมที่ common ถำมตัวเอง
ในวันที่เรำได้ไปเยือนฟูจิซัง
คำตอบคือไม่รู้อะไรมำกกว่ำนี้แล้ว
เรำจึงลองค้นข้อมูลของภูเขำไฟฟูจิ
เรื่องรำวของฟูจิ
มีมำกมำยเกินกว่ำจะนำเสนอ
ได้หมดในบทควำมเดียว
common จึงเลือกมำบำงส่วน
ที่เรำมองว่ำน่ำสนใจ และอยำกแบ่งปัน
ก่อนจะเป็ นภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ฟู จิ เคยเป็ นแลนด์มาร ์กของ เอโดะ
ย้อนไปรำวๆ ค.ศ.600 – 700
ในช่วงที่นำรำและเกียวโต
คือเมืองหลวงของญี่ปุ่น
ในตอนนั้น
ญี่ปุ่ นไม่มีสิ่งก่อสร้าง
ที่แบ่งเขตแดน
อย่างจีนหรือประเทศตะวันตก
ที่มักจะมีกาแพงหรือประตูเมือง
แต่จะใช้ภูเขำ เป็นตัวแบ่งเขต
หลำยคนที่ต้องเดินทำงมำ เอโดะ
(หรือโตเกียวในปัจจุบัน)
จะไม่รู้เลยว่ำตัวเองเข้ำเขต เอโดะ
หรือยัง
ต้องอาศัยภูเขา
เป็ นตัวสังเกต
หำกมำทำงเหนือ
ต้องเห็นภูเขำสึกุบะ
แต่ถ้ำเข้ำมำทำงตะวันตก
(เส้นทำงยอดนิยม) ต้องเห็นภูเขำไฟฟูจิ
นั่นแหละ
แสดงว่ำคุณมำถึงเอโดะแล้ว
นอกจำกจะเป็นแลนด์มำร ์ก
บอกเขตแดนของเอโดะ
ผลงำนภำพพิมพ์แกะไม้
ของ ‘คะสึชิกะ โฮะกุไซ’
ศิลปินชั้นครู
ในสมัยเอโดะ
ยังแสดงให้เห็นถึง
ควำมผูกพันของชำวเอโดะกับภูเขำไฟ
ฟูจิ
ที่ปรำกฎอยู่ในทุกกิจกรรม
ทั้งเป็นส่วนหนึ่งของงำนเทศกำล
งำนศิลปะ
รวมถึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในเวลำเดียวกัน
ผลงานจิตรกรรมของ คะสึชิกะ โฮะกุไซ ที่วาดวิถีชีวิตของชาวเอโดะ
กาลังช่วยกันเก็บหอย โดยมีฟู จิซังเป็ นฉากหลัง
(Osaka Municipal Museum of Art)
ผลงานของ คะสึชิกะ โฮะกุไซ ที่ถ่ายทอดกิจกรรมชมฟู จิ
ที่สะพานนิฮอนบาชิสมัยเอโดะ (nippon.com)
‘ฟูจิโค’
(Fuji kō)
คนกลุ่มแรกที่ทำทริปเทรคกิ้งฟูจิ
ฟูจิ
กลำยเป็นสัญลักษณ์ทำงศำสนำและสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์
หลังจำกศตวรรษที่ 7
ที่มีพระของศำสนำชินโต
เดินขึ้นภูเขำไฟฟูจิได้เป็นคนแรก
และสร ้ำงศำลเจ้ำชินโตไว้บนนั้น
ทาให้ต่อมา
มีนักพรต
เริ่มขึ้นไปอาศัยอยู่บนฟู จิ
เพรำะเชื่อว่ำเป็นที่ของเทพเจ้ำ
และมีวิญญำณของบรรพบุรุษสถิตย์อยู่
เพื่อทำหน้ำที่เป็นตัวเชื่อม
ระหว่ำงคนที่อยู่ด้ำนล่ำงและเทพเจ้ำที่อยู่
ด้ำนบน
ต่อมำ กลุ่มทำงศำสนำ
ที่เรียกว่ำ ‘ฟูจิโค’ (Fuji kō)
ในสมัยเอโดะ
ได้ริเริ่มกิจกรรมกำรเดินขึ้นฟูจิ
ในฐำนะกำรออกกำลังกำยทำงศำสนำ
สมาชิกของ ‘ฟู จิโค’
จะรวมตัวกันไปเทรคกิ้ง
โดยเริ่มจำกกำรเคำรพศำลเจ้ำบริเวณเ
ชิงเขำ
เปลี่ยนเสื้อผ้ำเป็นชุดคลุมสีขำว
แล้วเดินขึ้นไปเป็นกลุ่ม
เพื่อสักกำระศำลเจ้ำชินโตที่อยู่ด้ำนบน
ก่อนจะแบ่งกลุ่ม
กลุ่มละประมำณ 20-30 คน
แยกย้ำยกันเดินลงในเส้นทำงที่ต่ำงกัน
แล้วไปค้ำงคืน
รวมถึงพักกินอำหำรและเครื่องดื่ม
ณ หมู่บ้ำนที่อยู่ด้ำนล่ำง
ทริปเดินขึ้นฟู จิของ ‘ฟู จิโค’ (Fuji kō) ในสมัยเอโดะ (nippon.com)
ทริปดังกล่ำว
จัดเป็นแพ็คเกจรวมอำหำร ที่พัก
และไกด์นำทำง
ซึ่งเส้นทำงที่กลุ่มฟูจิโคบุกเบิกไว้
ต่อมำได้กลำยเป็นเส้นทำงเทรคกิ้งภูเขำ
ไฟฟูจิ
ที่ใช ้อยู่จนถึงปัจจุบัน
ผู้หญิงห้ามขึ้น
จำกภูเขำที่มีสถำนะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และกำรเดินขึ้นฟูจิ
เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทำงศำสนำ
ที่มีแต่ผู้ชำยเหยียบย่ำงได้เท่ำนั้น
สถำนะของฟูจิ
ก็เดินมำถึงจุดเปลี่ยน
ในปี 1872
เมื่อทำงกำรญี่ปุ่น
ประกำศให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่ำเทียมกัน
ในกำรเดินขึ้นฟูจิ
ไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่ำนั้น
แต่ยังรวมถึงชำวต่ำงชำติ
ที่ได้รับอนุญำตให้ปีนภูเขำ
ตอนนั้น
กลุ่มเคร่งครัดศำสนำไม่พอใจ
และออกมำต่อต้ำน
จนกระทั่ง
กลางศตวรรษที่ 19
จึงเป็ นที่ยอมรับกันได้ว่า
ฟู จิ ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามแล้ว
แต่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
และรำยได้ที่มั่นคง
สำหรับประชำชนชำวญี่ปุ่น
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมำ
ฟูจิ ก็กลำยเป็นแลนด์มำร ์ก
ที่ญี่ปุ่นใช้เพื่อโปรโมทกำรท่องเที่ยว
และสร ้ำงรำยได้
ให้กับประเทศอย่ำงมหำศำล
จนถึงปัจจุบัน
ยอดเขาฟู จิ
ไม่ได้เป็ นของจังหวัดใด
เพราะเป็ นพื้นที่ของเทพเจ้า
เป็นที่ทรำบกันดีว่ำ
ภูเขำไฟฟูจิมีขนำดใหญ่มำก
ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด
คือ ชิซุโอกะ และ ยำมำนำชิ
โดยมีเส้นแบ่งของทั้ง 2 จังหวัด
ลำกผ่ำกลำงยอดเขำพอดี
คาถาม
คือ
แล้วยอดภูเขาไฟฟู จิอันสวยงามนั้
น
อยู่ในพื้นที่จังหวัดใด
ประเด็นนี้
เป็นที่ถกเถียงกันมำนำน
กระทั่งปี 1974
ศำลต้องเข้ำมำพิจำรณำตัดสิน
ซึ่งคาตัดสินนั้น
เรียกว่า “งง” แต่จบด้วยดี
ไม่มีใครกล้าเถียง
เพรำะศำลตัดสิน
ให้พื้นที่สูงเกินกว่ำ 400 เมตร
เหนือระดับน้ำทะเล
เป็นพื้นที่ของเทพเจ้ำ
ไม่สำมำรถมีใครเป็นเจ้ำของได้
สรุป
ไม่มีจังหวัดใดเป็ นเจ้าของยอดเขา
เพราะยอดเขาฟู จิเป็ นของเทพเจ้า
จบ!
เกือบจะมีเคเบิ้ลขึ้นภูเขาไฟฟู จิ
หลังจำกภูเขำไฟฟูจิ
กลำยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ
รัฐบาล
ก็พยายามคิดหาวิธี
ให้คนได้มาสัมผัสฟู จิกัน
อย่างกว้างขวางมากขึ้น
ช่วงปี 1960
ญี่ปุ่น
เคยมีแผนจะสร ้ำงอุโมงค์
ทำเคเบิ้ลขึ้นฟูจิ
ทำงฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขำ
ซึ่งจะสำมำรถพำนักท่องเที่ยวสู่ยอดเขำ
ได้ภำยในเวลำ 13 นำทีเท่ำนั้น
แต่โครงกำรนี้
ถูกคัดค้ำนโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมในญี่ปุ่
น
จนต้องยกเลิกไป
ในช่วงนั้น
มีกำรออกสโลแกนรณรงค์ที่โด่งดังมำก
ๆ
คือ “To the summit of Mt. Fuji and
back in heels”
ปี ใหม่นี้ หากเลือกความฝันได้
คนญี่ปุ่ น ขอฝันเห็นฟู จิ
คนญี่ปุ่น
มีควำมเชื่อเรื่องฝันแรกของปี
เรียกว่ำ ‘ฮัตสึยูเมะ’ (初夢)
ถ้ำคืนวันที่ 31 ธันวำคม
ใครฝันเห็น
“ภูเขำไฟฟูจิ นกเหยี่ยว หรือมะเขือม่วง”
อย่ำงใดอย่ำงหนึ่งใน 3 สิ่งนี้
จะทำให้โชคดีตลอดทั้งปี
ทาไม?
สำหรับ “ฟูจิ”
ออกเสียงพ้องกับ “บูจิ”
(無事)
ที่แปลว่ำ ปลอดภัย มีสุขภำพดี
เหยี่ยว
ภำษำญี่ปุ่นคือ ทำกะ (鷹)
มีเสียงพ้องกับ “ทำไก้” (高い)
ที่แปลว่ำ สูง
เปรียบได้กับโชคลำภที่จะมีมำก
และสูงขึ้นเรื่อยๆ
มะเขือม่วง
ภำษำญี่ปุ่น คือ นำซุ (茄子)
มีเสียงพ้องกับ “นำซุ” (成す)
ที่แปลว่ำ บรรลุผล
ฉะนั้น
หำกใครไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปีใหม่
แล้วฝันเห็นฟูจิ
ปีนั้น
คุณจะมีสุขภำพดีทั้งปีเลยทีเดียว
Ring of fire 'วงแหวนแห่งไฟ'
https://www.facebook.com/sci4kid/posts/520756202051875/
บริเวณในมหำสมุทรแปซิฟิก
ที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขำไฟระเบิดบ่อ
ยครั้ง
มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้ำ
ควำมยำวรวมประมำณ 40,000
กิโลเมตร
และวำงตัวตำมแนวร่องสมุทร
แนวภูเขำไฟและบริเวณขอบแผ่นเปลือ
กโลก
โดยมีภูเขำไฟ
ที่ตั้งอยู่ภำยในวงแหวนแห่งไฟ
ทั้งหมด 452 ลูก
และเป็นพื้นที่ที่มีภูเขำไฟคุกกรุ่น
อยู่กว่ำ 75%
จำกสถิติภัยพิบัติที่ผ่ำนมำ
พบว่ำเหตุแผ่นดินไหว
ประมำณ 90%
ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลก
และกว่ำ 80%
ของแผ่นดินไหวขนำดใหญ่
เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ
อีกทั้ง สึนำมิ ภูเขำไฟระเบิด
ล้วนมีผลมำจำก
กำรเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่บน
'วงแหวนแห่งไฟ'
ทำให้มีภูมิประเทศ
ทั้งบนบก ทะเล และใต้พื้นดิน
เอื้อต่อกำรเผชิญหน้ำกับภัยธรรมชำติ
มำกที่สุด
ประเทศที่มีที่ตั้ง
หรือมีพื้นที่บำงส่วน
อยู่ในแนววงแหวนแห่งไฟ
ได้แก่ ประเทศเบลีซ โบลิเวีย บรำซิล
แคนำดำ โคลัมเบีย ชิลี คอสตำริกำ
เอกวำดอร ์ติมอร ์ตะวันออก
เอลซัลวำดอร ์ไมโครนีเซีย ฟิจิ
กัวเตมำลำ ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น
คิริบำตี เม็กซิโก นิวซีแลนด์นิกำรำกัว
ปำเลำ ปำปัวนิวกินี ปำนำมำ เปรู
ฟิลิปปินส์รัสเซีย ซำมัว
หมู่เกำะโซโลมอน ตองกำ ตูวำลู
และสหรัฐอเมริกำ
แหละนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ประเทศไท
ย
ไม่ค่อยประสบกับภัยพิบัติทำงธรรมชำติ
ที่น่ำกลัวและรุนแรงนั่นเองค่ำ
ไดอารี่
บันทึกชีวิตนักศึกษาแพทย์แผนจีน
ตอนที่ 1
http://bit.ly/3Ixooob
กำรศึกษำเล่ำเรียน
นับว่ำเป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง
ในสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่ำกำรศึกษำนั้นจะอยู่ในรูปแบบไหน
เป็นระดับไหนก็ตำม
ก็ถือว่ำเป็นสิ่งที่สำมำรถ
เพิ่มพูนทักษะประสบกำรณ์
ให้กับมนุษย์ทุกคนได้
อีกทั้งกำรศึกษำ
ก็ยังไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่ำนั้
น
ในทุกๆที่ที่เรำก้ำวไปนั้น
สำมำรถเป็นทั้งครูบำอำจำรย์
หรือเพื่อนพ้อง
แม้กระทั่งศัตรู
ก็ล้วนสำมำรถสั่งสอน
ให้เรำได้เรียนรู้
และเป็นบทเรียนชีวิต
ที่ล้ำค่ำอย่ำงหำไม่ได้
ซึ่งหำกพูดถึงกำรศึกษำของแพทย์แผน
จีนนั้น
ก็เป็นหนึ่งในวิชำควำมรู้ในรูปแบบหนึ่ง
ที่มีไว้สำหรับรักษำมนุษย์
ให้บรรเทำหรือหำยจำกโรคภัยไข้เจ็บได้
อำจมีหลำยท่ำน
ยังไม่ค่อยเข้ำใจสักเท่ำไหร่
ว่ำแพทย์แผนจีนนั้นเป็นอย่ำงไร
โดยมำก
จะมองไปที่แพทย์อำวุโสที่เชี่ยวชำญ
และมำกด้วยประสบกำรณ์เสียมำกกว่ำ
แต่ไม่ค่อยรู้ว่ำ
ในด้ำนพื้นฐำน
กำรเรียนกำรสอนของแพทย์แผนจีนนั้น
เป็นเช่นไร
เขำเรียนกันในรูปแบบไหน
ดังนั้น
ในวันนี้ผม (ต้น แสงอุษำ)
อยำกนำเสนอ
ชีวิตของนักศึกษำแพทย์แผนจีน
ที่ผมเชื่อว่ำยังมีอีกหลำยท่ำน
ไม่รู้ว่ำ
กว่ำจะเป็นแพทย์แผนจีนนั้น
ต้องผ่ำนอะไรมำบ้ำง
โดยผมขออิงจำก
ประสบกำรณ์ของตนเองเป็นหลัก
และนำเสนอในรูปแบบของไดอำรี่แล้วกั
น
นะครับ
ควำมจริงแล้ว
ในช่วงสมัยผมเป็นเด็ก
ผมไม่เคยมีพื้นฐำน
หรือควำมรู้ใดๆ
เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนมำก่อนเลย
แม้แต่ข่ำวก็ไม่เคยได้ยิน
แต่เมื่อได้ยินว่ำ
มีกำรเปิดกำรเรียนกำรสอนแพทย์ทำงเ
ลือก
แบบแพทย์แผนจีนเกิดขึ้น
จึงได้ลองหำข้อมูลดูบ้ำง
ก่อนตัดสินใจ
เลือกเรียนศำสตร ์กำรแพทย์แผนจีน
มันเหมือนกับ
เป็นกำรก้ำวสู่บันได
อีกขั้นหนึ่งในชีวิต
ที่ไม่รู้ว่ำผลจะออกมำเป็นอย่ำงไร
ซึ่งเมื่อผมได้ก้ำวเข้ำมำสู่
กลิ่นอำยของแพทย์แผนจีนแล้ว
ควำมรู้สึกครั้งแรก
ก็คือ “ไปไม่เป็นครับ”
เพรำะผมไม่รู้ว่ำ
ควรจะเริ่มต้นศึกษำจำกตรงไหน
ถึงแม้ยังไม่รู้ว่ำ
ศำสตร ์แพทย์แผนจีน
ต้องศึกษำอะไรบ้ำง
แต่สิ่งแรก
ที่สำมำรถเริ่มได้
ก็คือ ภำษำจีน ครับ
สำหรับตัวผมแล้ว
บอกได้คำเดียวว่ำไม่มีพื้นเลยแม้แต่น้อย
ที่บ้ำนก็ไม่ได้ใช ้ภำษำจีน
จนบำงครั้ง
แหงนหน้ำมองเพื่อนร่วมชั้น
ก็รู้สึกเศร ้ำอยู่ไม่น้อยครับ
ที่เรำไม่มีพื้นฐำนอย่ำงใครเขำ
แต่สิ่งที่ผมอยากบอก
คือ ภาษาจีนนั้น
สาคัญมากอย่างยิ่งยวด
ในการศึกษาแพทย์แผนจีนครับ
และกำรันตีได้เลยว่ำ
หำกคุณไม่เข้ำใจภำษำจีน
คุณจะไม่มีวันประสบควำมสำเร็จ
ในกำรศึกษำแพทย์แผนจีนครับ
ต่อให้คุณบอกว่ำ
คุณอ่ำนหนังสือแปลเป็นไทยบ้ำง
อังกฤษบ้ำง
แล้วคัมภีร ์โบราณที่เป็ นต้นกาเนิด
ที่ขนาดทุกวันนี้
แพทย์แผนจีนในวงการด้วยกัน
ยังตีความหมายกันไปได้หลายแนว
คิด
ตามประสบการณ์ของตนเอง
ที่ยังคงเป็ นที่ถกเถียงกันอยู่จนถึงวั
นนี้
บางครั้งยังคงคลุมเครืออยู่เลย
แล้วกำรที่เรำไม่ได้ภำษำจีน
แล้วศึกษำด้วยภำษำอื่น
จะเป็นเรื่องลำบำกเพียงไหน
ลองนึกดูครับ
ดังนั้น
กำรที่จะเรียนแพทย์แผนจีนได้ดีนั้น
ภำษำจีนยังไงก็ขำดไม่ได้
ด้วยประกำรทั้งปวงครับ
ผมยังจำสมัยที่ผมอ่อนแอ
กับภำษำจีน
เอำมำกๆได้
ซึ่งคนที่เริ่มเรียนใหม่ๆ
อำจจะรู้สึกได้ครับ
ว่ำมันมีควำมยำกอยู่บ้ำงในบำงครั้ง
แต่สิ่งที่เราพอจะทาได้
นั่นคือพยายามเปลี่ยนตัวเอง
ให้เป็ นคนรักภาษาจีนครับ
ไม่ว่ำจะเป็นฟังเพลง
ดูละคร ภำพยนตร ์หรือดูกำร ์ตูน
ก็ทำให้เป็นภำษำจีน เป็นต้น
นั่นก็พอที่จะทำให้เรำรู้สึกรัก
ในภำษำจีน
ขึ้นมำบ้ำงได้เช่นกันครับ
เพรำะถ้ำเริ่มต้น
เรำไม่ได้รักไม่ได้ชอบอะไร
ในตัวภำษำจีนเลย
มันจะส่งผลต่อกำรเรียนแพทย์แผนจีน
ในอนำคตอย่ำงไม่ต้องสงสัยครับ
ไม่ต้องรักจนลืมภาษาแม่
แต่ขอแค่นามาใช้ประโยชน์ได้
ก็พอแล้วครับ
โดยในกำรเรียนภำษำจีนนั้น
จะต้องฝึกทุกด้ำน
ไม่ว่ำจะเป็น ฟัง พูด อ่ำน เขียน
ก็ต้องสำมำรถทำได้
เพื่อประโยชน์ในกำรเรียนในอนำคต
โดยระหว่ำงเรียนภำษำ
ก็จะต้องมีวิชำอื่นๆ
แทรกเข้ำมำประปรำย
ไม่ว่ำจะเป็นสังคม วิทยำศำสตร ์
กำรคำนวณ
เหมือนที่เรำเรียนกัน
สมัยมัธยมปลำยครับ
จนบำงครั้ง
ผมอยำกจะตั้งโจทย์เลข
เป็นภำษำจีนให้รู้แล้วรู้รอดไปก็มี
เผื่อจะได้เรียนสองวิชำ
ในเวลำเดียวกันไปเลยครับ
ซึ่งในกำรเรียนแพทย์แผนจีนนั้น
ก็เหมือนกับคณะวิชำอื่นๆทั่วไป
ที่จะต้องมีกำรทำกิจกรรม
ไม่ว่ำจะเป็นรับน้อง
กิจกรรมของมหำลัยต่ำงๆ
ซึ่งในควำมเห็นส่วนตัวนั้น
ผมรู้สึกภำคภูมิใจ
กับกำรเข้ำร่วมกิจกรรมครับ
เพรำะในโลกแห่งควำมเป็นจริง
คุณไม่มีวันประสบควำมสำเร็จได้
ด้วยตัวคนเดียวครับ
ต่อให้คุณมีฐำนะมั่งคั่ง
จนไม่จำเป็นต้องพึ่งพำคนอื่น
แต่สังคมจะยอมรับคุณหรือไม่
อันนี้ตัวใครตัวมันครับ
สมัยผมเป็นนักศึกษำ
ก็อำจไม่ได้เข้ำร่วมทุกกิจกรรมของมหำ
ลัย
แต่หำกมองให้ละเอียดอีกสักนิด
และเข้ำใจอีกสักหน่อย
ว่ำจุดประสงค์
ของกำรจัดกิจกรรมเหล่ำนี ้
ว่ำทำไปเพื่ออะไร
มันจะทำให้คุณมีควำมสุข
กับกำรร่วมกิจกรรมนั้นๆครับ
ผมยกตัวอย่ำง
กำรรับน้อง
ที่ต้องอำศัยพี่ว๊ำก
มำคอยเป็นยักษ์มำร
ให้เรำได้ร ้องห่มร ้องไห้กัน
ก็อย่างว่าครับ
ถ้าไม่มีตัวโกงหรือตัวร้ายในละคร
จะเกิดพระเอกกับนางเอกในละครไ
ด้อย่างไร
หนังก็คงไม่สนุกจริงไหมครับ
พอเกิดตัวละครที่คอยจ้องทาร้าย
จ้องอาฆาตเราอยู่
เราก็จะมีความรู ้สึกฮึดสู้
อยากทาอะไรบ้าง
อยำกช่วยเหลือเพื่อน
อยำกให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน
เพื่อต่อสู้กับมำรร ้ำยก็ว่ำกันไป
ซึ่งผมนับถือ
บุคคลที่ต้องยอมผันตัว
เป็นตัวร ้ำยจริงๆครับ
เพรำะกำรเสียสละของเขำและเธอนั้น
สำมำรถนำมำซึ่งควำมสำมัคคีของหมู่ค
ณะได้
ถ้ำบุคคลนั้นที่เป็นว๊ำก
รู้และมีสติอยู่ในหน้ำที่ของตน
ไม่เพลิดเพลิน
ไปกับอำรมณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ
โดยต่อมำ
เมื่อขึ้นสู่ชั้นปีที่สูง
ในลำดับต่อไป
ก็ถึงครำวที่จะต้องปูพื้นฐำนทำงวิทยำศำ
สตร ์
อย่ำงจริงจังให้แก่แพทย์แผนจีนทุกท่ำน
ครับ
จุดประสงค์ที่ต้องเรียนวิทยำศำสตร ์นั้น
ก็เพื่อให้แพทย์แผนจีน
มีควำมเข้ำใจใน
วิทยำศำสตร ์กำรแพทย์ปัจจุบันมำกยิ่งขึ้
น
ไม่ควรถือตนเองว่ำเป็นแพทย์แผนโบรำ
ณ
ฉันจะมองแต่แบบโบรำณเท่ำนั้น
คงเป็นไปไม่ได้ครับ
ดังนั้น
กำรเรียนวิทยำศำสตร ์ในครั้งนี้
ไม่ว่ำจะเป็น กำยวิภำคศำสตร ์
ฟิสิกส์ชีวเคมี
สรีรวิทยำ พยำธิวิทยำ จุลชีววิทยำ
เป็นต้น
สิ่งเหล่ำนี้
จะช่วยเป็นพื้นฐำน
เพื่อให้แพทย์แผนจีน
สำมำรถทำงำนกับบุคลกรอื่นๆ
ในทำงสำธำรณสุขได้ง่ำยยิ่งขึ้น
และรู ้เบื้องต้น
ในการมองโรคของแพทย์แผนปัจ
จุบัน
ว่าจะมีแนวโน้ม
กลไกการเกิดโรคเช่นไร
แต่ก็อย่ำงที่ผมเคยเขียนไป
ในบทควำมก่อนหน้ำนี้ว่ำ
วิทยำศำสตร ์นั้น
เรำจำเป็นต้องเรียนรู้
แต่ถ้ำวิเครำะห์รักษำโรค
แบบแพทย์แผนจีนเมื่อไหร่แล้ว
ควรจะให้วิทยาศาสตร ์กำรแพทย์ที่เรีย
นมำ
เป็ นตัวช่วย
และให้แนวคิดวิเคราะห์ของแพทย์
แผนจีน
มาเป็ นแนวทางหลักในการรักษาม
ากกว่า
ไม่อย่ำงนั้น
คุณเอง
ก็คงไม่ต่ำงอะไรจำกแพทย์แผนจีน
ที่สวมเครื่องแบบแพทย์ปัจจุบันอยู่ครับ
ซึ่งกำรเรียนที่มีวิชำวิทยำศำสตร ์อัดแน่น
แบบนี้
ก็นับว่ำเป็นกำรพิสูจน์
บันไดก้ำวต่อไปได้เป็นอย่ำงดีครับ
เพรำะหลำยวิชำ
ต้องอำศัยทั้งกำรจดจำ
กำรคิดให้เป็นระบบ
และต้องมีควำมอดทนต่อกำรเรียนสูง
มันเหมือน
เป็นกำรทดสอบอย่ำงหนึ่ง
จำกพระเจ้ำ
ว่ำคุณจะอดทน พำกเพียรกับสิ่งเหล่ำนี ้
เพื่อให้ไปถึงเป้ำหมำยต่อไป
นั่นคือวิชำแพทย์แผนจีน
ที่จะต้องเรียนในปีต่อไป
ได้มำกน้อยเพียงใด
บำงวิชำนั้น
ผมบอกได้เลยครับว่ำ
ไม่นึกไม่ฝันว่ำจะคนที่เรียนแพทย์แผนจี
น
จะต้องมำเรียนวิชำแบบนี้
อย่ำงตอนผมเข้ำเรียนวิชำฟิสิกส์
ก็พยำยำมนึกหลำยครั้ง
ว่ำ ฟิสิกส์
เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนจีนอย่ำงไร
จนมำเข้ำทำงำน
จึงได้รู้ว่ำ “มีส่วนครับ”
แต่แค่เรำไม่ได้นึกกันแค่นั้นเอง
หำกมีโอกำส
ผมจะเขียนให้ได้รับชมกันครับ
ต่อมา
เมื่อนักศึกษาแพทย์แผนจีน
วัยกระเตาะ
ทุกท่าน
สามารถผ่านวิชาพื้นฐานทั้งหมดนี้
มาได้
นั่นก็เป็นข้อควำม
ที่ส่งต่อไปบอกถึงพระเจ้ำบนฟำกฟ้ ำแล้
วครับ
ว่ำคุณทำได้
จำกนี้ไป
จะเป็นกำรเริ่มต้นที่แท้จริง
ของกำรเรียนกำรสอนแพทย์แผนจีน
โดยกำรเรียนกำรสอน
และกำรสอบ
ในทุกวิชำของแพทย์แผนจีน
เป็นภำษำจีนหมดนะครับ
อย่ำงไม่ต้องสงสัย
โดยวิชาแรกที่ยังไง
ทุกคนก็ต้องเรียน
ก็คือ
พื้นฐานการแพทย์แผนจีนครับ
เปิดฉำกสวยหรู
ด้วยประวัติศำสตร ์กำรแพทย์แผนจีน
ตั้งแต่ช่วงยุคก่อนสงครำมจนปัจจุบัน
ซึ่งสมัยผมเริ่มศึกษำนั้น
ผมท้อเอำมำกๆครับ
เพรำะภำษำจีนที่เรำได้ร่ำเรียนมำ
เมื่อตั้งแต่เรำยังไม่ลอกครำบนั้น
มันมีส่วนช่วยน้อยเอำมำกๆ
ในภำษำเฉพำะทำงอีกขั้นหนึ่งที่ต้องศึก
ษำ
มันเป็นภำษำทำงกำรแพทย์
ผสมกับภำษำโบรำณ
เหมือนเรำต้องเป็นทั้งแพทย์
และนักอักษรศำตร ์ไป
พร ้อมๆกัน
แบบนั้นเลยครับ
เริ่มแรก
ผมยอมรับเลยว่ำ
หนึ่งหน้ำกระดำษของหนังสือนั้น
กว่ำจะผ่ำนไปได้
ต้องแปลแล้วแปลอีก
ใช้เวลำนำนเอำมำกๆทีเดียว
ดังนั้นผมจึงเสนอว่า
การเริ่มต้นศึกษาศาสตร ์แพทย์แผ
นจีนใหม่ๆนั้น
ควรพยายามจดจา
ศัพท์เทคนิคของแพทย์แผนจีน
เอาไว้ให้มากๆ
และพยายามเข้าใจแบบคร่าวๆ
ว่าประโยคในท่อนนั้นๆ
ต้องการสื่อความหมายว่าอะไร
โดยเรำ
ไม่จำเป็นต้องแปลทุกตัวอักษร
ก็ได้ครับ
แต่ควรจะแปล
ให้เป็นใจควำมโดยรวมมำกกว่ำ
เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้น
ไม่ใช่ต้องการให้เรารู ้จักทุกตัวอัก
ษรบนหนังสือ
แต่ต้องการให้เรามีความรู ้ความเข้
าใจ
เพื่อจะไปรักษาคนไข้จริงไหมครับ
ด้วยเหตุนี้
จึงมักทำให้นักศึกษำแพทย์แผนจีน
หลำยท่ำนที่ทำได้ดีมำตลอด
มักจะเริ่มเกิดอำกำรท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
บำงท่ำนก็เลือกที่จะเดินจำกไป
บำงท่ำนก็เดินต่อไป
เพรำะในควำมรู้สึกของทุกคนที่เป็นคนไ
ทย
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งที่ไม่เคยพูดภำษำจีน
ตั้งแต่เด็กนั้น มันเป็นสิ่งที่ยำกเอำมำกๆ
กับกำรที่ต้องทำควำมเข้ำใจ
จดจำเนื้อหำ
และวิเครำะห์แนวคิดต่ำงๆในทำงกำรแพ
ทย์แผนจีนด้วยภำษำที่ไม่ใช่ภำษำมำรด
ำของตนเอง
แต่ถ้าเป้ าหมายของคุณชัดเจน
ว่าคุณเรียนแพทย์แผนจีนไป
เพื่ออะไรแล้ว
เรื่องแบบนี้
จะไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่ำงใดครับ
อย่ำงน้อย
ถ้ำปลดล็อควิชำพื้นฐำนแพทย์แผนจีนไ
ปได้
ก็เหมือนเป็นกำรบ่งบอกได้ว่ำ
วิชำต่อไปที่ต้องมีกำรเรียนกำรสอน
ในลักษณะแบบนี้
เรำก็ต้องผ่ำนมันไปได้เช่นกัน
ไม่ยำกเลยจริงไหมครับ
ส่วนกำรสอบนั้น
ก็แล้วแต่อำจำรย์
สถำบันที่ทำกำรเรียนกำรสอน
บ้ำงต้องเน้นจำ
บ้ำงต้องเน้นคิดวิเครำะห์เป็นหลัก
แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหน
ก็มีเป้ าหมายเดียวกัน
คือเพื่อพัฒนาบุคลากรที่ดี
ให้แก่วงการแพทย์แผนจีนครับ
โดยนอกจำกวิชำพื้นฐำนแล้ว
ก็มีในเรื่องของภำควิชำ
กำรวินิจฉัยแบบแพทย์แผนจีน
ยำจีน ตำรับยำจีน
แบ่งได้ตั้งแต่1-3ตัว
หรืออำจจะมำกกว่ำนั้นก็ได้ครับ
และในแต่ละวิชำเอง
ก็จะมีจุดเด่นที่น่ำสนใจ
และน่ำจดจำแตกต่ำงกันออกไป
ไม่ว่ำจะเป็นวิชำไหน
เชื่อเถอะครับว่ำมีประโยชน์อย่ำงมหำศำ
ลในอนำคตแน่นอนครับ
ก่อนจะจำกกันไป
ผมอยำกฝำกไว้อีกหนึ่งวิชำ
ให้ทุกท่ำนได้ทรำบกันครับ
ผมว่ำเป็นวิชำที่สนุก
และมีควำมสำคัญอย่ำงยิ่ง
ไม่แพ้วิชำพื้นฐำนต่ำงๆของแพทย์แผนจี
น
นั่นก็คือภำษำอังกฤษทำงกำรแพทย์แผ
นจีน
ใครจะไปคิดครับ
ว่ำเรียนแพทย์แผนจีน
โดยมีภำษำจีนเป็นภำษำแม่แล้ว
ยังต้องเรียนภำษำอังกฤษอีกทอดหนึ่ง
โดยเป็ นการเรียน
ในลักษณะเข้าใจ
ศัพท์เฉพาะของแพทย์แผนจีน
เป็ นภาษาอังกฤษครับ
และฝึกกำรสนทนำ
พูดคุย เล่ำเรื่อง
เพื่อให้แพทย์แผนจีน
ได้มีประสบกำรณ์
เวลำต้องเจอกับผู้ป่วยต่ำงชำติ
และต้องอธิบำยให้เขำฟัง
เป็นภำษำอังกฤษ
ถึงแม้จะไม่ได้ให้นักศึกษาแพทย์จี
น
ต้องมาศึกษาภาควิชาคณะตนเอง
เป็ นภาษาอังกฤษ
แต่มันมีควำมสำคัญเอำมำกๆ
ในกำรทำงำนครับ
เพรำะกำรพัฒนำแพทย์แผนจีนได้นั้น
ไม่ได้จำกัดอยู่เพียง
ผลกำรรักษำของแพทย์แผนจีน
แต่เพียงเท่ำนั้น
ถ้ำคุณอธิบำยให้ผู้ป่วยต่ำงชำติ
เข้ำใจไม่ได้
ถึงแนวคิดของแพทย์แผนจีน
บอกแค่ว่าทานยา
ฝังเข็มไปเดี๋ยวก็หายเอง
โดยทิ้งความสงสัย
ไว้ให้กับผู้ป่ วยต่างชาติแบบนั้น
ก็คงมีแต่จะทาให้แพทย์แผนจีน
ถูกมองว่าเป็ นศาสตร ์ไร้สาระมากยิ่
งขึ้นครับ
โดยเรำไม่สำมำรถเอำไปเทียบกับ
ศำสตร ์แพทย์ตะวันตกได้ครับ
เพรำะต้นกำเนิดก็มำจำกบ้ำนเกิดของเ
ขำ
เขำมีควำมเข้ำใจดีอยู่แล้ว
บำงคนรู้เยอะกว่ำหมอด้วยซ้ำ
แต่ศาสตร ์แพทย์แผนจีน
สาหรับชาติอื่นๆที่ไม่ได้รู ้ภาษาจีน
แล้ว
ยังถือเป็ นเรื่องใหม่สาหรับเขาอยู่เ
ช่นกันครับ
ดังนั้น
วิชำนี้จึงถือเป็นสมบัติล้ำค่ำ
ที่ควรตั้งใจศึกษำเล่ำเรียนอย่ำงยิ่ง
ห้ำมโดดทุกประกำรเลยเชียวครับ
นักศึกษำแพทย์แผนจีนทุกท่ำน
ส่วนตอนต่อไป
ผมจะมำเริ่มกล่ำวถึงภำควิชำยอดฮิต
และกำรท่องเที่ยวในต่ำงแดน
ของนักศึกษำแพทย์แผนจีน
มำให้รับชมกันครับ
โปรดติดตำมตอนต่อไป
หมำยเหตุ:
บทควำมนี้
เป็นกำรถ่ำยทอดประสบกำรณ์
กำรศึกษำแพทย์แผนจีนในประเทศไทยเ
ป็นหลัก
ซึ่งหลักสูตรและเนื้อหำ
จะแตกต่ำงจำกนักศึกษำ
ที่ศึกษำที่ประเทศจีนโดยตรงพอสมควร
และจุดประสงค์ของบทควำมนี้
เน้นเล่ำเรื่องและประสบกำรณ์เป็นหลัก
ไม่มีสำระและควำมรู้ในทำงแพทย์แผนจี
นแต่อย่ำงใด
เน้นกำรบอกเล่ำเพื่อควำมบันเทิงเพียงเ
ท่ำนั้น
ไดอำรี่ บันทึกชีวิต
นักศึกษำแพทย์แผนจีน
ตอนที่ 2
http://bit.ly/3IcuQk7
หลังจำกที่เรำพอจะทรำบชีวิตนักศึกษำ
แพทย์แผนจีนกันไปบ้ำง
บำงส่วนแล้วจำกตอนที่ 1
หลำยท่ำน
คงพอจะรู้กันไปคร่ำวๆบ้ำงแล้วนะครับ
ว่ำกว่ำจะมำเป็นแพทย์แผนจีนได้หนึ่งท่
ำนนั้น
ต้องผ่ำนอะไรมำบ้ำง
ในส่วนของเนื้อหำนั้น
ผมคงไม่สำมำรถอธิบำยได้ทุกวิชำ
หรือเล่ำถึงรำยละเอียดให้ฟัง
ได้อย่ำงหมดเปลือก
เพรำะกำรเรียนกำรสอน
ของแต่ละสถำบันนั้น
ไม่เหมือนกัน
และชีวิต
สังคมก็แตกต่ำงกันออกไปตำมสถำนศึ
กษำนั้นๆ
ซึ่งผมจะขอนำเสนอในลักษณะของรูปแ
บบกำรศึกษำของแพทย์แผนจีนในมุมม
องกว้ำงๆเพียงเท่ำนั้น
โดยเรำมำต่อกับไดอำรี่ ตอนที่ 2
กันเลยดีกว่ำครับ
ในเมื่อนักศึกษำทุกท่ำน
ได้ผ่ำนวิชำพื้นฐำนของแพทย์แผนจีนกั
นไปแล้ว
ไม่ว่ำจะเป็นด้ำนทฤษฎี ยำจีน
ตำรับยำจีน
กำรวินิจฉัยโรคแบบแพทย์แผนจีน
เป็นต้น
เมื่อมำถึงจุดนี้ได้
นั่นหมำยควำมว่ำทุกคนมีควำมตั้งใจจริ
ง
และพอจะรู้เทคนิคในกำรเรียนวิชำโบรำ
ณนี้
กันไปคร่ำวๆแล้วนะครับ
ซึ่งเมื่อมีพื้นฐำนในด้ำนเหล่ำนี้
ครบถ้วนแล้ว
ปีต่อไป ก็ถึงเวลำอันสมควร
ที่จะได้เรียนวิชำเฉพำะทำงกันเสียทีครับ
ซึ่งประกอบไปด้วย
อำยุรกรรมยำจีนและฝังเข็ม
นวดทุยหนำ
กุมำรเวช สูตินำรีเวช
ออร ์โธปิดิกส์(โรคกระดูก) เป็นต้น
ซึ่งเป็ นรูปแบบ
การเรียนรู ้แบบแพทย์แผนจีนเป็ นห
ลัก
และควบคู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน
อยู่เนืองๆ
โดยแต่ละวิชำ
ก็จะมีควำมเฉพำะตัวต่ำงกันไป
เทคนิคกำรเรียน
จะแตกต่ำงกันอย่ำงสิ้นเชิง
ยกตัวอย่ำง
เช่น ฝังเข็ม
จะต้องเรียนพื้นฐำนเส้นลมปรำณ
จำจุดฝังเข็ม
และมีกำรทดลองปักเข็มจริง
กะเพื่อนร่วมชั้นหรือผู้ป่วยสมมุติก็ได้
หรือวิชำสูตินำรีเวช
ก็ต้องรู้จักทั้งยำจีนและฝังเข็ม
แต่จะอิงทฤษฏีกลไกทำงนำรีเวช
เป็นหลัก
ให้ควำมสำคัญกับ
กลไกกำรเกิดรอบประจำเดือน
ตกขำว กำรมีบุตรแท้งบุตร
ซึ่งก็จะมีจุดเด่นของวิชำนี้
ที่นักศึกษำแพทย์แผนจีนทุกท่ำน
จะต้องจำให้ขึ้นใจ
เพรำะจะแตกต่ำง
จำกกำรมองโรคประเภทอื่น
อยู่มำกเช่นกัน
และถ้าเป็ นวิชานวดทุยหนา
งำนนี้ก็สบำยตำมกันไป
ทั้งอำจำรย์ผู้สอนและนักศึกษำ
ที่ผลัดกันนวดผลัดกันดึง
จนสบำยหลังสบำยคอกันมำนักต่อนัก
หรือเป็นหนักกว่ำเดิมก็มีครับ(ทำผิดวิธี)
ดังนั้นควำมสนุก
ของกำรเรียนกำรสอน
ในภำควิชำเหล่ำนี้
จะเกิดขึ้นได้
นั่นหมายความว่า
นักศึกษาแพทย์แผนจีน
จะต้องมีความเอาใจใส่
ในวิชาพื้นฐานเอามากๆเช่นกัน
และรู ้ว่าสิ่งที่ตนได้ปูพื้นไปนั้น
จะเกิดประโยชน์สูงสุด
ในแต่ละวิชาเฉพาะทางเหล่านี้
เพรำะเรำจะได้ฝึกคิดวิเครำะห์กัน
อย่ำงเป็นรูปธรรมมำกขึ้น
ไม่เหมือนตอนเรียนพื้นฐาน
ที่ส่วนมากเป็ นแนวคิดและปรัชญา
หรือแม้กระทั่งตัวยำ
ก็จะรู้แค่เพียงสรรพคุณและตำรับยำ
แต่เมื่อได้ศึกษำเรื่องเฉพำะทำงมำกขึ้น
ไม่ว่ำจะเป็นโรคหรือแนวทำงกำรรักษำ
นั่นยิ่งต้องนำสิ่งที่เรียนเป็นพื้นฐำน
มำต่อยอดขึ้นไป
เพื่อเป้ำหมำยเดียวคือ เรียนรู้และเข้ำใจ
นำไปใช ้ได้จริงมำกยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
จำกนั้นวันที่หลำยคนรอคอยก็มำถึง
เพรำะเป็นที่ทรำบกันดีว่ำ
ไม่ว่ำใครก็ตำมที่เรียนแพทย์แผนจีน
จะต้องไปประเทศจีน
เป็นเวลำเท่ำไหร่
ก็แล้วแต่แต่ละสถำบันจะตกลงกัน
บ้ำงก็ 6เดือน บ้ำงก็ปีครึ่ง
โดยจุดประสงค์นั้น
เนื่องจำกบุคลำกรแพทย์แผนจีน
ในประเทศไทยนั้นยังมีค่อนข้ำงน้อย
เพื่อเป็ นการเสริมสร้างประสบการ
ณ์
และได้พบกับแพทย์ชื่อดัง
ในแต่ละท้องที่
จึงต้องมีกำรเปลี่ยนบรรยำกำศกำรเรียน
ให้นักศึกษำทุกท่ำนได้ไปพบกับโลกใบ
ใหม่
ที่ต่ำงประเทศนั่นเอง
ไม่ว่ำนักศึกษำจะมีควำมชื่นชอบ
ในกำรไปต่ำงประเทศมำกน้อยเพียงไหน
ก็ตำม
แต่นี่ถือเป็นก้ำวที่สำคัญเอำมำกๆ
ที่เรำจะได้ไปเปิดประสบกำรณ์ใหม่ๆ
ได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆที่ไม่ได้มีอยู่ในหนั
งสือ
อีกทั้งได้ติดตำมอำจำรย์เก่งๆ
ที่มีแนวคิดไม่เหมือนใครอีกด้วย
เชื่อเถอะครับว่าคุณโชคดี
อย่างไม่ต้องสงสัย
เพรำะจะมีสักกี่คนครับ
ที่อยำกไปเรียนที่ต่ำงประเทศ
แต่ไม่มีโอกำสนั้น
หรือแม้แต่อยำกไปเที่ยวต่ำงประเทศ
ก็ยังทำไม่ได้เลยครับ
เพรำะไม่มีเวลำ
ผมจำได้ว่ำ
ในช่วงแรกๆที่มำถึงนั้น
ควำมรู้สึกมันบอกไม่ถูกจริงๆครับ
ทั้งอำกำศ ทั้งอำหำรกำรกิน
ผู้คนต่ำงถิ่นต่ำงภำษำ
มันเหมือนเรำมำอยู่อีกโลกใบหนึ่ง
ต้องปรับตัวให้เร็วที่สุด
และกำรเรียนกำรสอนในประเทศจีน
ผู้เป็นต้นตำรับแพทย์แผนจีน
ก็เริ่มขึ้นครับ
ซึ่งบอกได้เลยว่า
มันเป็ นบรรยากาศ
เหมือนเรา
ต้องกลายเป็ นคนจีนไปโดยปริยาย
เลยทีเดียว
อำจำรย์ทุกท่ำน
เป็นแพทย์ที่เชี่ยวชำญเฉพำะทำง
และตั้งใจถ่ำยทอดควำมรู้อย่ำงเต็มที่
เมื่อถึงเวลำได้ลงมือปฏิบัติจริง
มันเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นเอำมำกๆครับ
เรำต้องนำควำมรู้ทุกอย่ำง
ที่ได้เรียนมำตั้งแต่แรกเริ่ม
มำใช้ให้ได้กับผู้ป่วยจริงๆ
ถ้ำอย่ำงฝังเข็ม
แน่นอนว่ำจุดฝังเข็ม
ทิศทำงเส้นลมปรำณ
เทคนิคกำรฝังจะต้องมีติดตัวพอสมควร
ครับ
หรือไปฝึกอำยุรกรรม ยำจีน
ก็ต้องรู้แนวทำงกำรเกิดโรคของแพทย์แ
ผนจีน
รู้ว่ำจะมียำจีนประเภทไหนบ้ำง
ที่สำมำรถจ่ำยให้กับผู้ป่วยประเภทนี้ได้
เป็นต้น
โดยแต่ละอำจำรย์ที่ได้ไปร่วมงำนด้วยนั้
น
ก็มักจะมีแนวคิดที่แตกต่ำงกันออกไป
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอำจำรย์
ที่มีแนวคิดแบบโอนเอียง
กล่ำวคือ
อำจำรย์คนหนึ่ง
จะมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง
บำงท่ำนไม่ว่ำจะโรคไหนก็ตำม
ต้องมีตำรับนี ้ตลอด
ขอให้บอกมำเถอะว่ำเป็นอะไร
โรคไหน ยังไงก็ต้องใช้ยำนี ้อยู่วันยังค่ำ
เพรำะผมรู้สึกว่ำ
กำรที่อำจำรย์สักคน
นิยมชอบใช ้ยำแบบนี้ซ้ำๆกับผู้ป่วย
นั่นหมายความว่า
มันผ่านการคิดวิเคราะห์
จากประสบการณ์ของอาจารย์ท่าน
นั้น
มานานมากแล้ว
เขำจึงรู้ว่ำยังไง ก็ต้องใช้วิธีนี ้
มันดีกว่ำกำรที่เรำไปติดตำมอำจำรย์
ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย
รักษำตำมอำกำรไปแบบนั้น
ว่ำร ้อนก็ร ้อน ว่ำเย็นก็เย็นไปตำมเรื่อง
สุดท้ำยแล้ว
เรำก็จะรู้สึกเหมือนไม่มีแนวคิดที่เด่นชัด
และจับต้องอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ไม่ได้เลยครับ
ในช่วงเวลำที่พำนักอยู่ที่ประเทศจีนนี้เอ
ง
ที่นับว่ำเป็นเวลำทอง
ของนักศึกษำแพทย์จีนทุกคน
เพรำะโอกำสแบบนี้
คงไม่ได้มีหลำยครั้งมำกนัก
ในชีวิต
(เว้นแต่อนำคตจะอำศัยและทำงำนอยู่ที่
ประเทศจีน)
ดังนั้นไม่ว่าจะแผนกไหน
หรือเป็ นอาจารย์คนไหนก็ตาม นั
กศึกษาแพทย์แผนจีน
จึงต้องไขว่คว้าและติดตามอาจารย์
เหล่านั้นให้ได้มากที่สุด
เพรำะแพทย์แผนจีนที่มีควำมสำมำรถนั้
น
จะต้องอำศัยประสบกำรณ์
เป็นตัวชี้วัดค่อนข้ำงมำก
ความรู ้ไม่ว่าจะมาจากที่ใดก็ตาม
อาจมาจากหนังสือ
คาบอกเล่าของอาจารย์รุ่นพี่
เพื่อนฝูง
หรืออาจมากจากคุณป้ าขายยาก็ไ
ด้
ทุกอย่างรอบตัวนั้น
เราสามารถที่จะจับมาเชื่อมโยง
และทาให้มัน
ออกมาเป็ นแนวคิดของเราก็ได้เช่
นกัน
เมื่อไหร่ที่สำมำรถจับมำรวมกัน
เสริมเข้ำกับควำมคิดของตนเองแล้ว
เมื่อนั้น
ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่ำ “ประสบกำรณ์”
ขึ้นนั่นเองครับ
โดยมากนั้น
สิ่งที่นับว่าเป็ นอุปสรรค
ต่อนักศึกษาแพทย์แผนจีนที่มาให
ม่ๆนั้น
มักหนีไม่พ้นภาษาท้องถิ่น
หมายความว่าเวลาพูดคุยกับผู้ป่ วย
หรือแม้แต่อาจารย์เอง
ต้องฟังภาษาจีนที่เป็ นสาเนียง
และคาพิเศษที่เป็ นภาษาท้องถิ่น
ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งเหล่ำนี้
ผมมักจะคิดเสมอว่ำ
พยำมยำมฝึกฟัง
และฝึกพูดให้เป็นพอประมำณ
ไม่ต้องไปจริงจังมำก
เพรำะเรำไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิต
เรำมำเพื่อเรียนรู้
จึงต้องฝึกฟังและทำควำมเข้ำใจ
สำเนียงของผู้คนในท้องที่นั้นเอำมำกๆเ
ช่นกันครับ
และสิ่งต่อมาที่เป็ นอุปสรรค
ก็คือสภาพอากาศ อาหารการกิน
ซึ่งต่างจากประเทศไทย
อยู่พอสมควรครับ
บำงรำยอำจจะป่วยบ่อย
บำงรำยถึงกับรับไม่ได้
และส่งผลต่อกำรเรียนไปเลยก็มีครับ
โดยมำกจะเป็นอำกำศหนำว
ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน
บำงท้องที่ก็หนำวจับใจ
จนไม่อยำก
แม้แต่จะออกผ้ำห่ม
กันเลยทีเดียว
แต่อุปสรรคที่สาคัญที่สุดนั้น
ผมคิดว่าอยู่ที่ตัวของนักศึกษาเอง
ไปแบบเพียวๆเลยนะครับ
ไม่ว่ำจะเป็นควำมรู้สึกคิดถึงที่บ้ำน
พ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อน แฟน
มันทำให้บำงครั้งสมำธิ
มันไม่ค่อยจะมั่นคงเท่ำไหร่
บำงคนก็รู้สึกเหงำ
เพรำะชีวิตประจำวันที่เคยทำที่ไทยมันข
ำดหำยไป
ไม่มีร้ำนอำหำรโปรดให้ทำนบ้ำง
ไม่มีโรงหนังภำษำไทยให้ดูบ้ำง
สิ่งเหล่ำนี้
ผมเชื่อว่ำนักศึกษำทุกคนมีอยู่ในใจครับ
และเฝ้ำรอเวลำอยำกให้ถึงเวลำ
ที่จะได้กลับไทยเสียที
แต่ในเมื่อก้าวมาได้ขนาดนี้แล้ว
หมำยควำมว่ำ
ทุกคนก็มีจุดมุ่งหมำยของตนเองอย่ำงชั
ดเจนแล้วเช่นกันว่ำต้องกำรเป็นแพทย์แ
ผนจีนไปเพื่ออะไร?
และประเทศจีน
ก็คือบ้ำนเกิดหลังที่สอง
อย่ำงไม่ต้องสงสัย
มันไม่มีอะไรยิ่งใหญ่
ไปกว่ำกำรที่วันหนึ่ง
เรำได้รับกำรยอมรับ
จำกบ้ำนเกิดเมืองนอนของตนเอง
และผู้คนในสังคมว่ำ
เรำเป็นแพทย์แผนจีนที่ดี
และมีควำมสำมำรถอีกแล้ว
ผมมักจะคิดอยู่เสมอว่า
ทุกคนที่ได้เข้ามาเรียนแพทย์แผน
จีนนั้น
ถือเป็ นบุคคลที่มีวาสนา
และได้รู ้จักศาสตร ์ที่สามารถอธิบา
ย
และเข้าคู่ไปกับธรรมชาติได้อย่างไ
ม่เคอะเขิน
อีกทั้งยังสำมำรถมำรักษำผู้ป่วย
ให้หำยจำกโรคภัยได้
เป็นศำสตร ์ที่มีแนวคิดเป็นของตนเอง
เน้นให้ควำมสำคัญกับมนุษย์
มำกกว่ำเครื่องจักรเป็นสำคัญ
ควำมรู้สึกที่ละเอียดอ่อน
ทั้งของแพทย์ผู้ทำกำรรักษำและคนไข้เอ
ง
สำมำรถเป็นตัวชี้วัด
ในหลำยๆอย่ำง
และก่อให้เกิดแนวทำงกำรรักษำมำกมำ
ยขึ้นได้
ในโลกของแพทย์แผนจีน
ผมไม่เคยบอกว่ำ
แพทย์แผนจีนนั้น วิเศษมำจำกไหน
ไม่เคยบอกว่ำ
แพทย์แผนจีนเป็นศำสตร ์ที่ยิ่งใหญ่กว่ำใ
คร
เพรำะของแบบนี ้
ต้องเรียนรู้และเข้ำมำศึกษำด้วยตนเองเ
ท่ำนั้น
ถึงจะรู้ได้ว่ำมันมีควำมสนุก
และควำมน่ำสนใจอยู่ที่ตรงไหน
ไม่ว่าศาสตร ์นี้
จะถูกกล่าวหาและพูดถึงกันว่าอย่า
งไร
ในใจของคนที่ศึกษาในด้านนี้
ก็คงจะรู ้ซึ้งกันดีครับ
ว่าประโยชน์ที่แท้จริงของมันคืออะ
ไร
คงจะมีคาตอบที่เกิดขึ้นชัดเจนได้
ในสักวันครับ
ส่วนภารกิจสุดท้าย
ที่นักศึกษาแพทย์แผนจีน
จะต้องทา
อันดับแรก
คือกำรสอบวัดระดับภำษำจีน(HSK)
ซึ่งควำมจริงแล้ว
สำมำรถสอบกันได้
ตั้งแต่ก้ำวย่ำงเข้ำมหำวิทยำลัย
หรือบำงสถำนศึกษำ
อำจต้องสอบให้ได้
ก่อนที่จะเข้ำประเทศจีนนะครับ
อำจจะมีระดับที่แตกต่ำงกันออกไป
แต่กำรสอบวัดระดับภำษำจีน
ในลักษณะนี้นั้น
เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ำ
นักศึกษำแพทย์แผนจีนนั้น
พร ้อมที่จะเรียนรู้ศำสตร ์กำรแพทย์แผน
จีน
และพร ้อมที่จะใช ้ภำษำจีน
เป็นเครื่องมือในกำรประกอบอำชีพ
นี่จึงเป็นควำมท้ำทำยอีกรูปแบบหนึ่ง
ของบุคคลที่เรียนศำสตร ์นี้
และการสอบนี้
บางรายใช้เวลาแค่ครั้งเดียวผ่าน
บางรายสอบแล้วสอบอีกก็ยังคงช้า
ใจอยู่
จึงถือว่ำสำคัญไม่น้อย
ต่อกำรพิสูจน์ควำมสำมำรถ
ของผู้ที่จะมำเป็นแพทย์แผนจีนในอนำค
ต
และสุดท้ำยที่เป็นบททดสอบของชีวิต
ก็คงหนีไม่พ้นกำรสอบใบประกอบโรคศิ
ลป์
ที่ไม่ว่ำจะประกอบ
สำยอำชีพทำงกำรแพทย์สำยไหน
ก็ต้องมีอย่ำงหลีกเลี่ยงไม่ได้
เป็ นเหมือน
ใบที่เชื่อมต่อกับหลอดเลือดแดงให
ญ่ของหัวใจ
จะขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
โดยในช่วงก่อนสอบนั้น
ก็มักจะมีกำรซักซ ้อม
ให้เข้ำใจถึงแนวทำงกำรสอบโดยทั่วกัน
ว่ำจะเป็นรูปแบบเช่นไร
จะต้องสอบอะไรบ้ำง
ซึ่งในแต่ละปี
ก็จะมีควำมยำกง่ำยแตกต่ำงกันออกไป
โดยสิ่งหนึ่งที่นักศึกษำ
มักจะหนักใจก็คือ
ข้อสอบที่เป็นภำษำไทย
ซึ่งเรำมักจะเรียนเป็นภำษำจีนมำโดยตล
อด
จนบางรายกลัวว่า
จะทาผิด
เพราะเข้าใจสิ่งที่โจทย์สื่อผิดไป
แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ
เพรำะคณำจำรย์ทุกท่ำนก็เข้ำใจดี
และรู้ถึงควำมกังวลเหล่ำนี้
โดยมำกก็จะกำกับภำษำจีน
เผื่อไว้ให้บ้ำงแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่สาคัญที่สุด
ในช่วงก่อนสอบใบประกอบโรคศิล
ป์
มันก็คือการที่เรามีสิ่งที่รวบรวม
จากประสบการณ์ของตน
ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงตอนนี้
บวกเข้ากับ
การทบทวนเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
กำรมีสมำธิอยู่กับตนเอง
รู้และเข้ำใจว่ำ
เรำต้องกำรใบที่เป็นแค่กระดำษแผ่นเดีย
วนี้
ไปเพื่ออะไร
เมื่อไหร่ที่ได้มา
จงภาคภูมิใจ
และให้รางวัลกับความพยายามขอ
งตนเอง
ตลอดหลายปี ที่ผ่านมา
ส่วนคนที่ยังไม่ถึงเวลำที่จะรับกระดำษใบ
นี้
ก็ไม่ได้หมำยควำมว่ำทุกอย่ำงจะต้องจบ
สิ้นลง
เพรำะกระดำษใบนี้
ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่ำงของแพทย์แผนจีน
สิ่งที่อยู่ในตัวเรำ
ไม่ว่ำจะเป็นประสบกำรณ์ แนวคิด
ควำมรู้
ต่ำงหำกที่เป็นของที่มีคุณค่ำอย่ำงแท้จริ
ง
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx
ชีวา ณ 6.docx

Mais conteúdo relacionado

Mais de SunnyStrong

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxSunnyStrong
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docxSunnyStrong
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxSunnyStrong
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docxSunnyStrong
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxSunnyStrong
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxSunnyStrong
 

Mais de SunnyStrong (20)

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docx
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docx
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docx
 
Austria.docx
Austria.docxAustria.docx
Austria.docx
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docx
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docx
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
 

ชีวา ณ 6.docx