SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 6
Baixar para ler offline
มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย
[ ไทย ]
‫ﳏﻤﺪ‬‫إرﻫﺎﺑﻴﺎ‬ ‫ﻟﻴﺲ‬!
]‫اﻟﺘﺎﻳﻼﻧﺪﻳﺔ‬ ‫ﺑﺎﻟﻠﻐﺔ‬[
ซุฟอัม อุษมาน
‫ﻋﺜﲈﻥ‬ ‫ﺻﺎﰲ‬
ตรวจทาน: ฟยซอล อับดุลฮาดี
‫ﻣﺮاﺟﻌﺔ‬:‫ﻋﺒﺪاﳍﺎدﻱ‬ ‫ﻓﻴﺼﻞ‬
สํานักงานความรวมมือเพื่อการเผยแพรและสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด
‫اﳌﻜﺘﺐ‬‫اﻟﺘﻌﺎوﲏ‬‫ﻟ‬‫ﻠﺪﻋﻮة‬‫وﺗﻮﻋﻴﺔ‬‫اﳉﺎﻟﻴﺎت‬‫ﺑﺎﻟﺮﺑﻮة‬‫ﺑﻤﺪﻳﻨﺔ‬‫اﻟﺮﻳﺎض‬
1429 – 2008
2
มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย
มุหัมมัด ศาสนทูตแหงพระผูเปนเจา
บนพื้นฐานแหงหลักศรัทธาทั้งหกประการ ศาสนาอิสลามกําหนดใหการศรัทธาตอความ
เปนศาสนทูตของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือหลักศรัทธาสําคัญประการหนึ่งที่จะ
ขาดเสียไมได
มีเครื่องหมายบงชี้หลายอยางที่บอกถึงความพิเศษของศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะ
ลัยฮิ วะสัลลัม ที่แตกตางจากศาสดาหรือศาสนทูตทานอื่นๆ กอนหนานั้น
ทานถือกําเนิดในคาบสมุทรอาระเบีย เปนลูกหลานจากเชื้อสายของอิสมาอีล บุตรชายคน
โตของศาสนทูตอิบรอฮีม(อับราฮัม)
กอนหนาทานไมเคยมีลูกหลานผูใดในวงศวานของอิสมาอีลที่ไดรับการเลือกสรรจากพระผู
เปนเจาใหเปนศาสนทูต ในขณะที่มีศาสนทูตมากมายจากเชื้อสายของอิสหาก บุตรชายอีกคนหนึ่ง
ของอิบรอฮีม
การเกิดในเชื้อสายและตระกูลที่มีเกียรติ ทําใหทานไดรับการเลี้ยงดูดวยจรรยามารยาทที่
สูงสง ทานไดรับฉายาวา “อัล-อะมีน” (ผูมีความซื่อสัตย) ตั้งแตยังอยูในวัยหนุม และเปนที่เชื่อถือ
กันระหวางหมูคนมักกะฮฺในความซื่อสัตยและความมีมารยาทของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม
กอนการแตงตั้งเปนศาสนทูต ทานไมเคยเปนที่เกลียดชังของชาวมักกะฮฺ
สังคมมักกะฮฺในสมัยนั้นเปนสังคมที่วุนวาย เสื่อมโทรมทางจริยธรรม ผูคนนับถือ
ไสยศาสตรและเคารพรูปเจว็ดซึ่งพวกเขาสรางขึ้นรายลอมมหาวิหารกะอฺบะฮฺ ปนเปไปดวย
อบายมุขตางๆ นานามากมาย
มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงมักจะหาที่เงียบๆ เพื่อปลีกตัวจากผูคน ชอบ
สันโดษ และไมเคยรวมวงกับผูคนในมักกะฮฺเพื่อทําเรื่องที่เสื่อมเสีย
การไดรับเลือกใหเปนศาสนทูตเปนเรื่องนอกเหนือความคาดหมายของทาน เพราะถึงแม
จะรูเห็นวาสังคมในมักกะฮฺเลวรายเพียงใด แตทานก็ไมเคยคาดคิดวาตนตองแบกรับภาระหนาที่อัน
หนักหนวงในการปฏิรูปสังคมที่เสื่อมโทรมเพียงนั้น
ครั้งแรกที่ไดรับประทานวิวรณและไดพบกับมลาอิกะฮฺญิบรีล ณ ถ้ําหิรออฺ ทานกลัวจนตัว
สั่น รีบลงจากเขากลับบาน และสั่งใหเคาะดีญะฮฺภรรยาของตนหมผาให เพราะนี่เปนสิ่งที่ทานไม
เคยพบและไมทราบมากอนวามันคือจุดเริ่มตนของการแตงตั้งเปนศาสนทูตจากพระผูเปนเจา
เริ่มตนเผยแผอิสลาม
การไดพบกับญิบรีลเปนจุดเปลี่ยนสําคัญในชีวิต เพราะหลังจากนั้นวิวรณจากพระผูเปน
เจาไดถูกประทานลงมาเรื่อยๆ
3
เมื่อแนใจวาตนคือผูไดรับการเลือกสรรและมีบัญชาใหเผยแผคําสั่งของพระผูเปนเจา มุหัม
มัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงเริ่มเชิญชวนผูอื่นสูอิสลาม ดวยการเริ่มตนกับภรรยา ลูกๆ
ญาติพี่นอง และมิตรสหายผูใกลชิด รวมทั้งผูที่ตนวางใจวาจะปกปดและไมแพรงพรายความลับ
เกี่ยวกับศาสนาอิสลามแกผูอื่น
กระทั่งไดมีคําสั่งจากพระผูเปนเจาใหประกาศอิสลามอยางโจงแจง จึงไดเริ่มเรียกรองผูคน
ในมักกะฮฺสูอิสลามอยางเปดเผย
ครั้งหนึ่ง ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดปนขึ้นเนินเขาเศาะฟา อันเปน
ที่ชุมนุมของชาวมักกะฮฺและหันไปเรียกผูคนเบื้องลาง
“โอ ลูกหลานชาวมักกะฮฺ! ถาหากฉันจะบอกวา ขางหลังเขาลูกนี้มีกองทัพที่พรอมดวยมา
ศึกกําลังจะบุกเขามา พวกทานจะเชื่อฉันหรือไม?”
คําตอบจากผูคนตางเปนเสียงเดียวกัน “เราไมพบวาทานเคยพูดโกหก”
“ถาเชนนั้น ฉันขอประกาศวา ฉันคือผูบอกขาวจากพระผูเปนเจา ถึงการลงโทษอันสาหัส
(สําหรับผูที่ไมเชื่อในพระองค)” สิ่งที่ทานเชิญชวนและเรียกรองชาวมักกะฮฺก็คือ “จงกลาวปฏิญาณ
เถิด ‘ไมมีพระเจาอื่นใดที่ควรแกการเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ’ แลวพวกทานจะปลอดภัยและ
ประสบความสุข”
คําประกาศของทานนบีสรางความสะเทือนหวั่นไหวใหกับสังคมของชาวมักกะฮฺประดุจดัง
ฟาคํารามกลางแดดชวงเที่ยงวัน
ไมมีผูใดที่ไมรูความหมายของคําสัตยปฏิญาณวา ‘ไมมีพระเจาอื่นใดที่ควรแกการเคารพ
ภักดีนอกจากอัลลอฮฺ’ มันหมายถึง พวกเขาตองละทิ้งรูปเคารพที่อุตสาหลงทุนลงแรงปนมากับมือ
ตองเสียทรัพยสินที่หมดไปกับ ‘การตลาด’ เพื่อชักจูงอาหรับจากทั่วคาบสมุทรอาระเบียใหมาเวียน
ไหวรูปเคารพพวกนี้
ไมมีคําวาเสรีภาพในการเสพสมตามตัณหา ไมสามารถใชอํานาจขมเหงใครไดตาม
อําเภอใจ ไมมีการขูดรีด ไมมีการขมขูหรือเขนฆาลางแคนตามประเพณีเผาพันธุ หมดสิ้นความ
สําราญที่เคยมีแบบไรขีดจํากัด ทุกอยางตองเปนไปตามกรอบที่พระเจาบัญชาผานผูเปนศาสนทูต
ทุกเสี้ยวของหัวใจตองยอมมอบใหกับพระองค ไมวาจะตองใจหรือไมก็ตาม
นี่คือความหมายของ ‘อิสลาม’ ศาสนาที่ตองการปลดเปลื้องความอยุติธรรม และนํามนุษย
กลับคืนสูการใชสติปญญา ควบคุมอารมณอันแปดเปอน ฟนฟูศีลธรรมความดีงามและมนุษยธรรม
ที่หายไปจากสังคมกลับคืนมา
สิบสามปที่ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เผยแผอิสลามในนครมักกะฮฺ
ทานไมเคยใชเครื่องมือของความรุนแรง ไมมีอาวุธ ไมมีดาบหอกหรือดอกธนู ภาษาที่ทานใชคือ
คําพูดแหงตรรกะที่เปนไปตามเหตุผลและรับมาจากวิวรณแหงพระผูเปนเจา ซึ่งชาวมักกะฮฺลวน
เขาใจไดดี
กระนั้น สิบสามปในมักกะฮฺกลับเปนชวงที่หนักหนวงยิ่งสําหรับประวัติศาสตรการเผยแผ
อิสลาม การเชิญชวนของทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดรับการตอตานจากผูคน
4
สวนมาก มิใชเพียงแคการปฏิเสธ แตหมายรวมถึงการดาทอ ประณาม ใสรายปายสี เหยียดหยาม
เสียดสี ทํารายรางกาย บอยคอต กดขี่ขมเหง ถึงขั้นวางแผนเพื่อฆา และวิธีการตางๆ นานาเพื่อ
บังคับใหทานนบีหยุดการเผยแผอิสลาม อีกนัยหนึ่งเพื่อใหผูที่นับถืออิสลามแลวเลิกตามทานและ
หันกลับไปเปนเหมือนเดิม
มีความพยายามจากกลุมเด็กหนุมที่นับถืออิสลามเพื่อลุกขึ้นตอสูกับเหลาผูตอตาน แต
ทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กลับบอกถึงเจตนาของทานวา “แทจริง ฉันไดรับคําสั่งให
อภัยแกคนเหลานั้น เพราะฉะนั้นพวกเจาจึงอยาไดตอสูกับพวกเขา”
คําประกาศของบุคคลเชนนี้หรือที่ผูไมหวังดีตออิสลามใหฉายาวา “ผูกอการราย” !!??
เมื่อการประทุษรายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และชาวมุสลิมไมมีกําลังที่จะตานทานได ในที่สุด
จึงจําตองทิ้งบานเกิดเมืองนอน ทรัพยสมบัติและญาติพี่นองดวยความหดหูใจ อพยพสูเมืองมะดี
นะฮฺ
อิสลามหลังการอพยพสูมาดีนะฮฺ
เมืองมะดีนะฮฺ คือสังคมใหมที่ชาวมุสลิมไดรวมกันสรางขึ้นตามอุดมคติแหงอิสลาม เปน
สังคมที่ปราศจากการกดขี่ขมเหงจากเหลาอธรรมชนเชนที่เคยทํากับพวกเขาในมักกะฮฺ
ณ ดินแดนแหงใหมนี้ มุสลิมทุกคนสามารถแสดงตนเปนผูศรัทธาอยางเปดเผย โดยไมตอง
เกรงกลัววาจะมีผูไมหวังดีคอยรุกล้ําอธิปไตยและเสรีภาพในการนับถืออิสลาม
หลังการอพยพสูมะดีนะฮฺ การเผยแผอิสลามของทานนบีและชาวมุสลิมยังคงดําเนินไป
เรื่อยๆ และแผกวางมากขึ้น ดวยการเรียกรองและเชิญชวนสูพระผูเปนเจา สิ่งที่เปนกุญแจสําคัญ
ซึ่งทําใหอิสลามไดรับการสนองตอบจากผูคนมากมาย นั่นเพราะการที่พวกเขาสามารถเขาถึงดํารัส
อันบริสุทธิ์ของพระผูเปนเจา
เมื่อใดที่ดํารัสแหงพระองคเขาสถิตในหัวใจของผูใดอยางมั่นคงแลว ไมมีสิ่งใดอีกที่อาจจะ
ทําใหเขารูสึกคลอนแคลน
อัลกุรอานระบุถึงหนาที่ของทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม วา “พระองคคือผูที่
สงศาสนทูตลงมายังชนผูไมรูหนังสือจากหมูพวกเขาเอง เพื่อใหเขาอานพระดํารัสของพระองค ขัด
เกลามารยาทของพวกเขา สอนพระคัมภีรและวิทยปญญา แนแท กอนหนานี้พวกเขาอยูในความ
หลงทางที่ชัดเจน” (ความหมายอัลกุรอานจากบท อัล-ุมุอะฮฺ โองการที่ 2)
นี่คือวิถีแหงการเผยแผอิสลามของทานศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเปน
หนาที่ของผูเผยแผอิสลามทุกคน นั่นคืออานและสอนใหมนุษยรูจักขอเท็จจริงของพระเจา หาใช
การขูเข็ญหรือใชวิธีรุนแรงเพื่อบังคับใหคนอื่นเชื่อหรือนับถืออิสลาม
“ไมมีการบังคับใน(การนับถือ)ศาสนา แทจริงทางนําอันเที่ยงธรรมไดปรากฏชัดจากความ
หลงทางอันคดเคี้ยวแลว” (ความหมายอัลกุรอานบท อัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 256)
5
อยางไรก็ตาม ความพยายามที่จะตอตานยังคงปะทุอยูในใจผูปฏิเสธเสมอ โดยเฉพาะเมื่อ
พวกเขาเห็นวานับวันจํานวนมุสลิมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาคอยเตรียมการที่จะทําสงครามกับ
ชาวมุสลิมดวยการรวมรวมทุนทรัพยและไพรพลเพื่อยกมาโจมตีเมืองมะดีนะฮฺ
นับเปนความจําเปนสําหรับมุสลิมที่ตองจัดใหมีการปกปองอธิปไตยของตนในมะดีนะฮฺ ใน
เมื่อพวกเขาแนใจแลววาเหลาศัตรูพรอมเสมอที่จะรุกเขามา
ดวยเหตุที่สงครามเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
จึงไดกําหนดกฎเกณฑและรายละเอียดที่ชัดเจนสําหรับการสงคราม โดยอยูภายใตกรอบบัญชา
แหงพระผูเปนเจา เพื่อไมใหสงครามกลายเปนเครื่องมือสนองตอความรุนแรงที่เกินขอบเขตของ
เปาหมายในการ “ปกปองอธิปไตยแหงอิสลาม” และ “รับประกันเสรีภาพของอิสลามและชาวมุสลิม”
สําหรับศาสนทูต มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และมวลมุสลิม ไมมีสิ่งใดที่สําคัญ
กวาการไดเห็นประชาชาติดําเนินอยูภายใตคําสอนแหงอัลลอฮฺ สงครามไมใชเปาหมายและอาจจะ
ไมจําเปนถาหากไมมีผูคนประเภทที่ชอบดื้อแพงและไมรูจักภาษาแหงเหตุผล แตกลับนิยมโออวด
และแสดงอํานาจเชนพวกมักกะฮฺ
อิสลาม ระหวางสงครามและการกอการราย
ถาเสรีภาพเปนที่ยอมรับของมนุษยทุกคน อิสลามก็ยอมมีอธิปไตยอยูไดโดยไมตองพึ่ง
สงคราม หากแตที่ปรากฏใหเห็นคืออิสลามกลายเปนเปาโจมตีทุกยุคสมัย ถาไมดวยสงครามก็ดวย
การกลาวหาวาราย
ถาหากการเรียกรองสิทธิเสรีภาพและอธิปไตยหมายถึงการกอการราย คงไมมีมนุษยคนใด
ที่หนีพนจากนิยามนี้ และถาหากทุกๆ สงครามคือความรุนแรงที่ไมควรมีอยูในโลก แลวเหตุไฉน
ทุกประเทศจึงตองสะสมอาวุธและแขงกันอวดยุทโธปกรณ เมื่อความจริงเปนเชนนี้ ใครเลาคือผู
บริสุทธิ์จากการกอการราย ??
เหตุใดการเรียกรองสิทธิในการนับถืออิสลามของศาสนทูต มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม จึงกลายเปนการกอการรายในสายตาของผูปฏิเสธ ?
ระหวางสงครามที่อิสลามกําหนดวา หามฆาสตรี เด็ก คนชรา นักบวช หามทําลายปศุสัตว
พืชพันธุ และตนไม กับสงครามของประเทศมหาอํานาจที่ใชอาวุธหนัก ระเบิดนิวเคลียร เครื่องบิน
รถถัง อาวุธชีวภาพ และสารพัดเครื่องมืออันทันสมัยในการลางผลาญมนุษยอยางไมเลือกหนา อัน
ไหนที่ควรจะเปนการกอการราย ?
มีคําสอนใดที่รับผิดชอบตอความยุติธรรมมากกวาศาสนาที่สอนผูศรัทธาทุกคนวา “และ
อยาไดปลอยใหความเกลียดชังของพวกเจาตอหมูชนใดหมูชนหนึ่งทําใหพวกเจาขาดความ
ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด เพราะมันเปนสิ่งที่ใกลกับความยําเกรงยิ่งกวา” (ความหมายอัลกุรอาน
จากบท อัล-มาอิดะฮฺ โองการที่ 8)
6
นับเปนความโหดรายในโลกแหงความเปนจริง ที่มนุษยตองเผชิญกับความรุนแรงตลอด
เรื่อยมาผานหลายศตวรรษในอดีต แตแลวศาสนาที่สอนใหมนุษยรูจักความยุติธรรมและศาสนทูตผู
เคยไดรับฉายาวา “อัล-อะมีน” กลับถูกสถาปนาใหเปนผูกอการรายที่คุกคามมนุษยชาติ
ดังนั้นการกลาวหาโจมตีศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงไมใชเรื่อง
เล็กๆ ในสายตาของชาวมุสลิม ไมวาผูที่ทําการเชนนั้นจะอางถึง ‘เสรีภาพ’ ชนิดไหนก็ตาม เพราะ
มนุษยทุกคนตางมีเสรีภาพ ถาการอางถึงเสรีภาพของใครคนหนึ่งคุกคามตอเสรีภาพของคนอีกคน
แลวเสรีภาพของฝายไหนที่ควรจะเปนเสรีภาพที่ชอบธรรม ? การอางถึงเสรีภาพในรูปแบบนี้ไมใช
ตรรกะแหงเหตุผลที่พึงรับได อยาวาแตการกระทําของฝายที่กลาวหามิไดวางอยูบนพื้นฐานแหง
ความเปนจริงทางประวัติศาสตรแตอยางใดเลย
มันไมไดมีมูลฐานแหงความจริงและความยุติธรรมมากไปกวาการลอเลียนเสียดสี สราง
ความวุนวาย และปะทุไฟแหงความเกลียดแคน โดยอาศัยความรูสึกในเรื่องละเอียดออนของผูที่
ศรัทธาในอิสลาม ซึ่งผูกระทําตางก็รูดี
เชนนี้หรือ โลกแหงเหตุผลและเสรีภาพของมวลมนุษย? ประชาคมโลกจะอยูอยางสงบได
เชนไร ในเมื่อยังมีผูคนประเภทชอบกอควันไฟใหเหม็นไหมไมจบสิ้น ??
เสรีภาพและการเคารพเกียรติระหวางกัน
ถาโลกปจจุบันไดพยายามเรียกหาเสรีภาพทั่วทุกระแหง ไมวาจะดวยเหตุผลใดและไมวา
เสรีภาพนั้นมีอยูจริงหรือเปนเพียงแคการลวงหลอก เราทุกคนที่เปนมุสลิมก็ขอใชเสรีภาพแหงตน
เรียกรองเกียรติแหงอิสลามที่ถูกย่ํายีกลับคืนมา
ไมมีสิ่งใดในชีวิตมุสลิมที่สําคัญกวาพระผูเปนเจาและอิสลาม การดูถูกศาสนทูตมุหัมมัด
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็เทากับการดูถูกอิสลามศาสนาแหงพระองค มันเปนความชอบธรรม
ที่ถูกตองและเปนหนาที่จําเปนของมุสลิมที่ตองประกาศใหผูคนทั้งหมดไดทราบวา
มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย !
และหากตองการทราบความจริงเกี่ยวกับอิสลามและมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
เราตางก็พรอมที่จะนําเสนอและอธิบาย ผานการสนทนาแลกเปลี่ยนที่เปนธรรม ไมตองใชวิธีการที่
ไรคุณคาเชนการเหยียดหยามและเสียดสีที่นาอดสูเหมือนที่พวกเขาทํา
มนุษยอาจจะมีเสรีภาพอยูไดโดยไรศาสนา แตมนุษยจะอยูอยางมีเสรีภาพไดอยางไร ถา
เกียรติแหงตนถูกย่ํายีและถูกคุกคาม ??
ขอพระผูเปนเจาทรงชี้ทาง !!

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
Muhammadrusdee Almaarify
 
ศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลาม
thnaporn999
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
sunnahstudent
 

Mais procurados (13)

Mawlid nabi
Mawlid nabiMawlid nabi
Mawlid nabi
 
Lesson 5
Lesson 5Lesson 5
Lesson 5
 
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
 
Mazhab
MazhabMazhab
Mazhab
 
งานสังคม
งานสังคมงานสังคม
งานสังคม
 
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์
 
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรมหลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
 
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามเทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม
 
ค็อฏฏ๊อบ.Doc
 ค็อฏฏ๊อบ.Doc  ค็อฏฏ๊อบ.Doc
ค็อฏฏ๊อบ.Doc
 
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisabanTh asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
 
ศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลาม
 
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนาอิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
 

Destaque

CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&ImpresaCRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
Michele Di Marino
 
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
Anton Nedelin
 
Plan.Shop.Eat
Plan.Shop.EatPlan.Shop.Eat
Plan.Shop.Eat
Mo Casten
 

Destaque (19)

практика по экселю
практика по экселюпрактика по экселю
практика по экселю
 
Sosialisasi pp no 21 tahun 2012
Sosialisasi pp no 21 tahun 2012Sosialisasi pp no 21 tahun 2012
Sosialisasi pp no 21 tahun 2012
 
IPDN
IPDNIPDN
IPDN
 
CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&ImpresaCRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
CRM_articolo_Bugatti-Di Marino_Sistemi&Impresa
 
تذکرہ کاملان رامپور
تذکرہ کاملان رامپورتذکرہ کاملان رامپور
تذکرہ کاملان رامپور
 
Th jam fi safar
Th jam fi safarTh jam fi safar
Th jam fi safar
 
Produse promotionale pentru drumetii pe munte
Produse promotionale pentru drumetii pe munteProduse promotionale pentru drumetii pe munte
Produse promotionale pentru drumetii pe munte
 
Ro sahih bukhary
Ro sahih bukharyRo sahih bukhary
Ro sahih bukhary
 
BAB V
BAB VBAB V
BAB V
 
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
Proverochnaya rabota 22_ksk_2015
 
De deur wordt gesloten!
De deur wordt gesloten!De deur wordt gesloten!
De deur wordt gesloten!
 
Th ijabah dawah
Th ijabah dawahTh ijabah dawah
Th ijabah dawah
 
Epic research daily agri report 26th june 2015
Epic research  daily agri report 26th june  2015Epic research  daily agri report 26th june  2015
Epic research daily agri report 26th june 2015
 
Hướng dẫn sử dụng máy photocopy toshiba e353 - cho thuê máy photocopy
Hướng dẫn sử dụng máy photocopy toshiba e353 - cho thuê máy photocopyHướng dẫn sử dụng máy photocopy toshiba e353 - cho thuê máy photocopy
Hướng dẫn sử dụng máy photocopy toshiba e353 - cho thuê máy photocopy
 
Plan.Shop.Eat
Plan.Shop.EatPlan.Shop.Eat
Plan.Shop.Eat
 
Vi nhung luu_y_ve_cac_giaoly danh rieng cho phu nu co duc tin
Vi nhung luu_y_ve_cac_giaoly danh rieng cho phu nu co duc tinVi nhung luu_y_ve_cac_giaoly danh rieng cho phu nu co duc tin
Vi nhung luu_y_ve_cac_giaoly danh rieng cho phu nu co duc tin
 
Các thủ thuật casio
Các thủ thuật casioCác thủ thuật casio
Các thủ thuật casio
 
Resume
ResumeResume
Resume
 
Paraphrasing techniques
Paraphrasing techniquesParaphrasing techniques
Paraphrasing techniques
 

Mais de Loveofpeople

Mais de Loveofpeople (20)

Ms virus syiah
Ms virus syiahMs virus syiah
Ms virus syiah
 
Ms prophets pray
Ms prophets prayMs prophets pray
Ms prophets pray
 
Ms pillars of islam
Ms pillars of islamMs pillars of islam
Ms pillars of islam
 
Ms pillars of eman
Ms pillars of emanMs pillars of eman
Ms pillars of eman
 
Ms im a muslim
Ms im a muslimMs im a muslim
Ms im a muslim
 
Ms hisn muslim
Ms hisn muslimMs hisn muslim
Ms hisn muslim
 
Ms dialogue between atheist prof and muslim student
Ms dialogue between atheist prof and muslim studentMs dialogue between atheist prof and muslim student
Ms dialogue between atheist prof and muslim student
 
Ms brief illustrated guide to understanding islam
Ms brief illustrated guide to understanding islamMs brief illustrated guide to understanding islam
Ms brief illustrated guide to understanding islam
 
Ms islam religi all
Ms islam religi allMs islam religi all
Ms islam religi all
 
Ms azkar muslim
Ms azkar muslimMs azkar muslim
Ms azkar muslim
 
Sr jednoca boga
Sr jednoca bogaSr jednoca boga
Sr jednoca boga
 
Zh this is islam briefly web
Zh this is islam briefly webZh this is islam briefly web
Zh this is islam briefly web
 
Zh this is islam
Zh this is islamZh this is islam
Zh this is islam
 
En why people accept islam
En why people accept islamEn why people accept islam
En why people accept islam
 
Zh khatem elnabeen
Zh khatem elnabeenZh khatem elnabeen
Zh khatem elnabeen
 
Ru znanie islamskoy aqydy
Ru znanie islamskoy aqydyRu znanie islamskoy aqydy
Ru znanie islamskoy aqydy
 
Ru talim assolyat bihtisar
Ru talim assolyat bihtisarRu talim assolyat bihtisar
Ru talim assolyat bihtisar
 
Ru subhan llah
Ru subhan llahRu subhan llah
Ru subhan llah
 
Ru prizyv k aqyde
Ru prizyv k aqydeRu prizyv k aqyde
Ru prizyv k aqyde
 
Ru ma yageb ma3reftoh 3an tahara
Ru ma yageb ma3reftoh 3an taharaRu ma yageb ma3reftoh 3an tahara
Ru ma yageb ma3reftoh 3an tahara
 

Th muhammad is not terrorist

  • 1. มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย [ ไทย ] ‫ﳏﻤﺪ‬‫إرﻫﺎﺑﻴﺎ‬ ‫ﻟﻴﺲ‬! ]‫اﻟﺘﺎﻳﻼﻧﺪﻳﺔ‬ ‫ﺑﺎﻟﻠﻐﺔ‬[ ซุฟอัม อุษมาน ‫ﻋﺜﲈﻥ‬ ‫ﺻﺎﰲ‬ ตรวจทาน: ฟยซอล อับดุลฮาดี ‫ﻣﺮاﺟﻌﺔ‬:‫ﻋﺒﺪاﳍﺎدﻱ‬ ‫ﻓﻴﺼﻞ‬ สํานักงานความรวมมือเพื่อการเผยแพรและสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด ‫اﳌﻜﺘﺐ‬‫اﻟﺘﻌﺎوﲏ‬‫ﻟ‬‫ﻠﺪﻋﻮة‬‫وﺗﻮﻋﻴﺔ‬‫اﳉﺎﻟﻴﺎت‬‫ﺑﺎﻟﺮﺑﻮة‬‫ﺑﻤﺪﻳﻨﺔ‬‫اﻟﺮﻳﺎض‬ 1429 – 2008
  • 2. 2 มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย มุหัมมัด ศาสนทูตแหงพระผูเปนเจา บนพื้นฐานแหงหลักศรัทธาทั้งหกประการ ศาสนาอิสลามกําหนดใหการศรัทธาตอความ เปนศาสนทูตของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือหลักศรัทธาสําคัญประการหนึ่งที่จะ ขาดเสียไมได มีเครื่องหมายบงชี้หลายอยางที่บอกถึงความพิเศษของศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะ ลัยฮิ วะสัลลัม ที่แตกตางจากศาสดาหรือศาสนทูตทานอื่นๆ กอนหนานั้น ทานถือกําเนิดในคาบสมุทรอาระเบีย เปนลูกหลานจากเชื้อสายของอิสมาอีล บุตรชายคน โตของศาสนทูตอิบรอฮีม(อับราฮัม) กอนหนาทานไมเคยมีลูกหลานผูใดในวงศวานของอิสมาอีลที่ไดรับการเลือกสรรจากพระผู เปนเจาใหเปนศาสนทูต ในขณะที่มีศาสนทูตมากมายจากเชื้อสายของอิสหาก บุตรชายอีกคนหนึ่ง ของอิบรอฮีม การเกิดในเชื้อสายและตระกูลที่มีเกียรติ ทําใหทานไดรับการเลี้ยงดูดวยจรรยามารยาทที่ สูงสง ทานไดรับฉายาวา “อัล-อะมีน” (ผูมีความซื่อสัตย) ตั้งแตยังอยูในวัยหนุม และเปนที่เชื่อถือ กันระหวางหมูคนมักกะฮฺในความซื่อสัตยและความมีมารยาทของมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กอนการแตงตั้งเปนศาสนทูต ทานไมเคยเปนที่เกลียดชังของชาวมักกะฮฺ สังคมมักกะฮฺในสมัยนั้นเปนสังคมที่วุนวาย เสื่อมโทรมทางจริยธรรม ผูคนนับถือ ไสยศาสตรและเคารพรูปเจว็ดซึ่งพวกเขาสรางขึ้นรายลอมมหาวิหารกะอฺบะฮฺ ปนเปไปดวย อบายมุขตางๆ นานามากมาย มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงมักจะหาที่เงียบๆ เพื่อปลีกตัวจากผูคน ชอบ สันโดษ และไมเคยรวมวงกับผูคนในมักกะฮฺเพื่อทําเรื่องที่เสื่อมเสีย การไดรับเลือกใหเปนศาสนทูตเปนเรื่องนอกเหนือความคาดหมายของทาน เพราะถึงแม จะรูเห็นวาสังคมในมักกะฮฺเลวรายเพียงใด แตทานก็ไมเคยคาดคิดวาตนตองแบกรับภาระหนาที่อัน หนักหนวงในการปฏิรูปสังคมที่เสื่อมโทรมเพียงนั้น ครั้งแรกที่ไดรับประทานวิวรณและไดพบกับมลาอิกะฮฺญิบรีล ณ ถ้ําหิรออฺ ทานกลัวจนตัว สั่น รีบลงจากเขากลับบาน และสั่งใหเคาะดีญะฮฺภรรยาของตนหมผาให เพราะนี่เปนสิ่งที่ทานไม เคยพบและไมทราบมากอนวามันคือจุดเริ่มตนของการแตงตั้งเปนศาสนทูตจากพระผูเปนเจา เริ่มตนเผยแผอิสลาม การไดพบกับญิบรีลเปนจุดเปลี่ยนสําคัญในชีวิต เพราะหลังจากนั้นวิวรณจากพระผูเปน เจาไดถูกประทานลงมาเรื่อยๆ
  • 3. 3 เมื่อแนใจวาตนคือผูไดรับการเลือกสรรและมีบัญชาใหเผยแผคําสั่งของพระผูเปนเจา มุหัม มัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงเริ่มเชิญชวนผูอื่นสูอิสลาม ดวยการเริ่มตนกับภรรยา ลูกๆ ญาติพี่นอง และมิตรสหายผูใกลชิด รวมทั้งผูที่ตนวางใจวาจะปกปดและไมแพรงพรายความลับ เกี่ยวกับศาสนาอิสลามแกผูอื่น กระทั่งไดมีคําสั่งจากพระผูเปนเจาใหประกาศอิสลามอยางโจงแจง จึงไดเริ่มเรียกรองผูคน ในมักกะฮฺสูอิสลามอยางเปดเผย ครั้งหนึ่ง ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดปนขึ้นเนินเขาเศาะฟา อันเปน ที่ชุมนุมของชาวมักกะฮฺและหันไปเรียกผูคนเบื้องลาง “โอ ลูกหลานชาวมักกะฮฺ! ถาหากฉันจะบอกวา ขางหลังเขาลูกนี้มีกองทัพที่พรอมดวยมา ศึกกําลังจะบุกเขามา พวกทานจะเชื่อฉันหรือไม?” คําตอบจากผูคนตางเปนเสียงเดียวกัน “เราไมพบวาทานเคยพูดโกหก” “ถาเชนนั้น ฉันขอประกาศวา ฉันคือผูบอกขาวจากพระผูเปนเจา ถึงการลงโทษอันสาหัส (สําหรับผูที่ไมเชื่อในพระองค)” สิ่งที่ทานเชิญชวนและเรียกรองชาวมักกะฮฺก็คือ “จงกลาวปฏิญาณ เถิด ‘ไมมีพระเจาอื่นใดที่ควรแกการเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮฺ’ แลวพวกทานจะปลอดภัยและ ประสบความสุข” คําประกาศของทานนบีสรางความสะเทือนหวั่นไหวใหกับสังคมของชาวมักกะฮฺประดุจดัง ฟาคํารามกลางแดดชวงเที่ยงวัน ไมมีผูใดที่ไมรูความหมายของคําสัตยปฏิญาณวา ‘ไมมีพระเจาอื่นใดที่ควรแกการเคารพ ภักดีนอกจากอัลลอฮฺ’ มันหมายถึง พวกเขาตองละทิ้งรูปเคารพที่อุตสาหลงทุนลงแรงปนมากับมือ ตองเสียทรัพยสินที่หมดไปกับ ‘การตลาด’ เพื่อชักจูงอาหรับจากทั่วคาบสมุทรอาระเบียใหมาเวียน ไหวรูปเคารพพวกนี้ ไมมีคําวาเสรีภาพในการเสพสมตามตัณหา ไมสามารถใชอํานาจขมเหงใครไดตาม อําเภอใจ ไมมีการขูดรีด ไมมีการขมขูหรือเขนฆาลางแคนตามประเพณีเผาพันธุ หมดสิ้นความ สําราญที่เคยมีแบบไรขีดจํากัด ทุกอยางตองเปนไปตามกรอบที่พระเจาบัญชาผานผูเปนศาสนทูต ทุกเสี้ยวของหัวใจตองยอมมอบใหกับพระองค ไมวาจะตองใจหรือไมก็ตาม นี่คือความหมายของ ‘อิสลาม’ ศาสนาที่ตองการปลดเปลื้องความอยุติธรรม และนํามนุษย กลับคืนสูการใชสติปญญา ควบคุมอารมณอันแปดเปอน ฟนฟูศีลธรรมความดีงามและมนุษยธรรม ที่หายไปจากสังคมกลับคืนมา สิบสามปที่ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เผยแผอิสลามในนครมักกะฮฺ ทานไมเคยใชเครื่องมือของความรุนแรง ไมมีอาวุธ ไมมีดาบหอกหรือดอกธนู ภาษาที่ทานใชคือ คําพูดแหงตรรกะที่เปนไปตามเหตุผลและรับมาจากวิวรณแหงพระผูเปนเจา ซึ่งชาวมักกะฮฺลวน เขาใจไดดี กระนั้น สิบสามปในมักกะฮฺกลับเปนชวงที่หนักหนวงยิ่งสําหรับประวัติศาสตรการเผยแผ อิสลาม การเชิญชวนของทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดรับการตอตานจากผูคน
  • 4. 4 สวนมาก มิใชเพียงแคการปฏิเสธ แตหมายรวมถึงการดาทอ ประณาม ใสรายปายสี เหยียดหยาม เสียดสี ทํารายรางกาย บอยคอต กดขี่ขมเหง ถึงขั้นวางแผนเพื่อฆา และวิธีการตางๆ นานาเพื่อ บังคับใหทานนบีหยุดการเผยแผอิสลาม อีกนัยหนึ่งเพื่อใหผูที่นับถืออิสลามแลวเลิกตามทานและ หันกลับไปเปนเหมือนเดิม มีความพยายามจากกลุมเด็กหนุมที่นับถืออิสลามเพื่อลุกขึ้นตอสูกับเหลาผูตอตาน แต ทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กลับบอกถึงเจตนาของทานวา “แทจริง ฉันไดรับคําสั่งให อภัยแกคนเหลานั้น เพราะฉะนั้นพวกเจาจึงอยาไดตอสูกับพวกเขา” คําประกาศของบุคคลเชนนี้หรือที่ผูไมหวังดีตออิสลามใหฉายาวา “ผูกอการราย” !!?? เมื่อการประทุษรายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และชาวมุสลิมไมมีกําลังที่จะตานทานได ในที่สุด จึงจําตองทิ้งบานเกิดเมืองนอน ทรัพยสมบัติและญาติพี่นองดวยความหดหูใจ อพยพสูเมืองมะดี นะฮฺ อิสลามหลังการอพยพสูมาดีนะฮฺ เมืองมะดีนะฮฺ คือสังคมใหมที่ชาวมุสลิมไดรวมกันสรางขึ้นตามอุดมคติแหงอิสลาม เปน สังคมที่ปราศจากการกดขี่ขมเหงจากเหลาอธรรมชนเชนที่เคยทํากับพวกเขาในมักกะฮฺ ณ ดินแดนแหงใหมนี้ มุสลิมทุกคนสามารถแสดงตนเปนผูศรัทธาอยางเปดเผย โดยไมตอง เกรงกลัววาจะมีผูไมหวังดีคอยรุกล้ําอธิปไตยและเสรีภาพในการนับถืออิสลาม หลังการอพยพสูมะดีนะฮฺ การเผยแผอิสลามของทานนบีและชาวมุสลิมยังคงดําเนินไป เรื่อยๆ และแผกวางมากขึ้น ดวยการเรียกรองและเชิญชวนสูพระผูเปนเจา สิ่งที่เปนกุญแจสําคัญ ซึ่งทําใหอิสลามไดรับการสนองตอบจากผูคนมากมาย นั่นเพราะการที่พวกเขาสามารถเขาถึงดํารัส อันบริสุทธิ์ของพระผูเปนเจา เมื่อใดที่ดํารัสแหงพระองคเขาสถิตในหัวใจของผูใดอยางมั่นคงแลว ไมมีสิ่งใดอีกที่อาจจะ ทําใหเขารูสึกคลอนแคลน อัลกุรอานระบุถึงหนาที่ของทานนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม วา “พระองคคือผูที่ สงศาสนทูตลงมายังชนผูไมรูหนังสือจากหมูพวกเขาเอง เพื่อใหเขาอานพระดํารัสของพระองค ขัด เกลามารยาทของพวกเขา สอนพระคัมภีรและวิทยปญญา แนแท กอนหนานี้พวกเขาอยูในความ หลงทางที่ชัดเจน” (ความหมายอัลกุรอานจากบท อัล-ุมุอะฮฺ โองการที่ 2) นี่คือวิถีแหงการเผยแผอิสลามของทานศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และเปน หนาที่ของผูเผยแผอิสลามทุกคน นั่นคืออานและสอนใหมนุษยรูจักขอเท็จจริงของพระเจา หาใช การขูเข็ญหรือใชวิธีรุนแรงเพื่อบังคับใหคนอื่นเชื่อหรือนับถืออิสลาม “ไมมีการบังคับใน(การนับถือ)ศาสนา แทจริงทางนําอันเที่ยงธรรมไดปรากฏชัดจากความ หลงทางอันคดเคี้ยวแลว” (ความหมายอัลกุรอานบท อัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 256)
  • 5. 5 อยางไรก็ตาม ความพยายามที่จะตอตานยังคงปะทุอยูในใจผูปฏิเสธเสมอ โดยเฉพาะเมื่อ พวกเขาเห็นวานับวันจํานวนมุสลิมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาคอยเตรียมการที่จะทําสงครามกับ ชาวมุสลิมดวยการรวมรวมทุนทรัพยและไพรพลเพื่อยกมาโจมตีเมืองมะดีนะฮฺ นับเปนความจําเปนสําหรับมุสลิมที่ตองจัดใหมีการปกปองอธิปไตยของตนในมะดีนะฮฺ ใน เมื่อพวกเขาแนใจแลววาเหลาศัตรูพรอมเสมอที่จะรุกเขามา ดวยเหตุที่สงครามเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได ทานนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงไดกําหนดกฎเกณฑและรายละเอียดที่ชัดเจนสําหรับการสงคราม โดยอยูภายใตกรอบบัญชา แหงพระผูเปนเจา เพื่อไมใหสงครามกลายเปนเครื่องมือสนองตอความรุนแรงที่เกินขอบเขตของ เปาหมายในการ “ปกปองอธิปไตยแหงอิสลาม” และ “รับประกันเสรีภาพของอิสลามและชาวมุสลิม” สําหรับศาสนทูต มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม และมวลมุสลิม ไมมีสิ่งใดที่สําคัญ กวาการไดเห็นประชาชาติดําเนินอยูภายใตคําสอนแหงอัลลอฮฺ สงครามไมใชเปาหมายและอาจจะ ไมจําเปนถาหากไมมีผูคนประเภทที่ชอบดื้อแพงและไมรูจักภาษาแหงเหตุผล แตกลับนิยมโออวด และแสดงอํานาจเชนพวกมักกะฮฺ อิสลาม ระหวางสงครามและการกอการราย ถาเสรีภาพเปนที่ยอมรับของมนุษยทุกคน อิสลามก็ยอมมีอธิปไตยอยูไดโดยไมตองพึ่ง สงคราม หากแตที่ปรากฏใหเห็นคืออิสลามกลายเปนเปาโจมตีทุกยุคสมัย ถาไมดวยสงครามก็ดวย การกลาวหาวาราย ถาหากการเรียกรองสิทธิเสรีภาพและอธิปไตยหมายถึงการกอการราย คงไมมีมนุษยคนใด ที่หนีพนจากนิยามนี้ และถาหากทุกๆ สงครามคือความรุนแรงที่ไมควรมีอยูในโลก แลวเหตุไฉน ทุกประเทศจึงตองสะสมอาวุธและแขงกันอวดยุทโธปกรณ เมื่อความจริงเปนเชนนี้ ใครเลาคือผู บริสุทธิ์จากการกอการราย ?? เหตุใดการเรียกรองสิทธิในการนับถืออิสลามของศาสนทูต มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงกลายเปนการกอการรายในสายตาของผูปฏิเสธ ? ระหวางสงครามที่อิสลามกําหนดวา หามฆาสตรี เด็ก คนชรา นักบวช หามทําลายปศุสัตว พืชพันธุ และตนไม กับสงครามของประเทศมหาอํานาจที่ใชอาวุธหนัก ระเบิดนิวเคลียร เครื่องบิน รถถัง อาวุธชีวภาพ และสารพัดเครื่องมืออันทันสมัยในการลางผลาญมนุษยอยางไมเลือกหนา อัน ไหนที่ควรจะเปนการกอการราย ? มีคําสอนใดที่รับผิดชอบตอความยุติธรรมมากกวาศาสนาที่สอนผูศรัทธาทุกคนวา “และ อยาไดปลอยใหความเกลียดชังของพวกเจาตอหมูชนใดหมูชนหนึ่งทําใหพวกเจาขาดความ ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด เพราะมันเปนสิ่งที่ใกลกับความยําเกรงยิ่งกวา” (ความหมายอัลกุรอาน จากบท อัล-มาอิดะฮฺ โองการที่ 8)
  • 6. 6 นับเปนความโหดรายในโลกแหงความเปนจริง ที่มนุษยตองเผชิญกับความรุนแรงตลอด เรื่อยมาผานหลายศตวรรษในอดีต แตแลวศาสนาที่สอนใหมนุษยรูจักความยุติธรรมและศาสนทูตผู เคยไดรับฉายาวา “อัล-อะมีน” กลับถูกสถาปนาใหเปนผูกอการรายที่คุกคามมนุษยชาติ ดังนั้นการกลาวหาโจมตีศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงไมใชเรื่อง เล็กๆ ในสายตาของชาวมุสลิม ไมวาผูที่ทําการเชนนั้นจะอางถึง ‘เสรีภาพ’ ชนิดไหนก็ตาม เพราะ มนุษยทุกคนตางมีเสรีภาพ ถาการอางถึงเสรีภาพของใครคนหนึ่งคุกคามตอเสรีภาพของคนอีกคน แลวเสรีภาพของฝายไหนที่ควรจะเปนเสรีภาพที่ชอบธรรม ? การอางถึงเสรีภาพในรูปแบบนี้ไมใช ตรรกะแหงเหตุผลที่พึงรับได อยาวาแตการกระทําของฝายที่กลาวหามิไดวางอยูบนพื้นฐานแหง ความเปนจริงทางประวัติศาสตรแตอยางใดเลย มันไมไดมีมูลฐานแหงความจริงและความยุติธรรมมากไปกวาการลอเลียนเสียดสี สราง ความวุนวาย และปะทุไฟแหงความเกลียดแคน โดยอาศัยความรูสึกในเรื่องละเอียดออนของผูที่ ศรัทธาในอิสลาม ซึ่งผูกระทําตางก็รูดี เชนนี้หรือ โลกแหงเหตุผลและเสรีภาพของมวลมนุษย? ประชาคมโลกจะอยูอยางสงบได เชนไร ในเมื่อยังมีผูคนประเภทชอบกอควันไฟใหเหม็นไหมไมจบสิ้น ?? เสรีภาพและการเคารพเกียรติระหวางกัน ถาโลกปจจุบันไดพยายามเรียกหาเสรีภาพทั่วทุกระแหง ไมวาจะดวยเหตุผลใดและไมวา เสรีภาพนั้นมีอยูจริงหรือเปนเพียงแคการลวงหลอก เราทุกคนที่เปนมุสลิมก็ขอใชเสรีภาพแหงตน เรียกรองเกียรติแหงอิสลามที่ถูกย่ํายีกลับคืนมา ไมมีสิ่งใดในชีวิตมุสลิมที่สําคัญกวาพระผูเปนเจาและอิสลาม การดูถูกศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็เทากับการดูถูกอิสลามศาสนาแหงพระองค มันเปนความชอบธรรม ที่ถูกตองและเปนหนาที่จําเปนของมุสลิมที่ตองประกาศใหผูคนทั้งหมดไดทราบวา มุหัมมัด ไมใชผูกอการราย ! และหากตองการทราบความจริงเกี่ยวกับอิสลามและมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เราตางก็พรอมที่จะนําเสนอและอธิบาย ผานการสนทนาแลกเปลี่ยนที่เปนธรรม ไมตองใชวิธีการที่ ไรคุณคาเชนการเหยียดหยามและเสียดสีที่นาอดสูเหมือนที่พวกเขาทํา มนุษยอาจจะมีเสรีภาพอยูไดโดยไรศาสนา แตมนุษยจะอยูอยางมีเสรีภาพไดอยางไร ถา เกียรติแหงตนถูกย่ํายีและถูกคุกคาม ?? ขอพระผูเปนเจาทรงชี้ทาง !!