Mais conteúdo relacionado
Semelhante a ยุทธศาสตร์การวิจัยไทย-จีน และการสร้าง Think Tank ของไทย (20)
ยุทธศาสตร์การวิจัยไทย-จีน และการสร้าง Think Tank ของไทย
- 1. ฉบับที่ 3 / 2560
Policy Brief
วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ใใ
1สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ยุทธศาสตร์การวิจัยไทย-จีน
และการสร้าง Think Tank ของไทย
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐ
กิจ มหาวิทยาลัยรังสิต โดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานสถาบันคลังปัญญาฯ
ร่วมกับ ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิริวิไล เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข อดีตเอกอัครราชทูต
สมปอง สงวนบรรพ์ คณบดีสถาบันการทูตและการต่างประเทศ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัย
รังสิต พลโทสุรสิทธิ์ ถนัดทาง ผู้อานวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ฯลฯ ได้หารือถึง
ยุทธศาสตร์การวิจัยไทยจีน ทั้งโอกาส ความท้าทาย และข้อเสนอ สรุปสาระสาคัญได้ดังนี้
- 2. 2สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
โลกปัจจุบันอยู่ในยุคบูรพาภิวัตน์ ที่ตะวันออกมีความสาคัญมากขึ้น โดยเฉพาะจีนที่ขึ้นมาเป็น
มหาอานาจอันดับสองของโลกทางเศรษฐกิจ และจีนในปัจจุบันก็มียุทธศาสตร์ในระดับ Grand Strat-
egy ที่จะออกสู่โลก เพิ่มบทบาทในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น (Go Global) โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วย
ยุทธศาสตร์ One Belt One Road ซึ่งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับไทยอย่างเป็นรูปธรรมคือ เส้นทางการ
คมนาคมด้วยจากจีนไปยังสิงคโปร์ ซึ่งต้องผ่านประเทศไทย ด้วยทาเลที่ตั้ง ไทยจึงมีความสาคัญ
สาหรับจีน เช่นเดียวกับที่จีนมีความสาคัญมากต่อไทย ดังนั้น สาหรับไทย การกาหนดยุทธศาสตร์ด้าน
จีนนับวันจึงมีความสาคัญมากขึ้น ซึ่งการคิดและกาหนดยุทธศาสตร์มิใช่ได้มาด้วยอาศัยเพียงการวิจัย
แต่ต้องอาศัยความคิดเชิงยุทธศาสตร์มาเป็นกรอบกาหนด ซึ่งจะได้มาด้วยการสร้างวงนักยุทธศาสตร์
นักคิด และผู้มีประสบการณ์จากแวดวงต่างๆ มาร่วมกันคิดและชี้นา
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของยุทธศาสตร์วิจัยไทยจีนในปัจจุบันยังมีอยู่พอสมควร กล่าวเช่น
ไทยยังให้ความสาคัญกับจีนน้อยเกินไป ไม่สมดุลกับความสาคัญและผลประโยชน์ร่วมที่เป็นอยู่ของ
สองชาติ ฝ่ายไทยจึงไม่รู้จักจีนมากนัก เข้าใจระบบ โครงสร้าง กลไกการทางานของจีนน้อย ส่งผลให้
การเจรจาประสานความร่วมมือในเรื่องต่างๆ ล่าช้า ติดขัด ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เช่น เรื่อง
โครงการรถไฟไทยจีน เป็นต้น นอกจากนี้ เมื่อกล่าวถึงระบบการวิจัยเรื่องจีนในประเทศไทยและ
ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและจีนในปัจจุบันแล้ว ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ขาดทิศทาง
และกรอบที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของชาติ หรือที่จะช่วยชี้นาการพัฒนา
ความสัมพันธ์ไปในทางที่ดีได้ หรือไม่ก็กว้างเกินกว่าที่จะมีผลในเชิงนโยบาย ในด้านความสามารถใน
การวิจัยของไทยเองก็ยังตามหลังจีนอยู่มาก และการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยวิจัยของจีน
และไทยก็ยังทาได้ไม่ดีพอ การไม่เข้าใจจีนดีพอ ทาให้นโยบายต่างประเทศของไทยมีลักษณะ passive
ไม่รู้จะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับจีนอย่างไรให้คุ้มค่า รวมทั้งนาไปสู่ทัศนคติที่ไม่ดีระหว่าง
ประชาชน โดยเฉพาะทัศนคติที่คนไทยมีต่อคนจีนและประเทศจีน
ขณะนี้ เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะปรับปรุงยุทธศาสตร์การวิจัยไทยจีนอย่างจริงจัง เนื่องจากมี
ความพร้อมหลายด้านทั้งของฝ่ ายไทยและจีน ในส่วนของฝ่ ายไทยเอง ในระดับนโยบายชาติ
โดยเฉพาะสภาวิจัยนโยบายและนวัตกรรมแห่งชาติ มีความตระหนักและเน้นย้าถึงความจาเป็นที่
จะต้องมีการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์เพื่อรองรับบูรพาภิวัตน์และการผงาดของจีนให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยัง
มีความพร้อมของช่องทางความร่วมมือของหน่วยวิจัยของไทยที่มีกับจีน ที่เป็นหลักคือ วช. ซึ่งเป็น
คู่ความร่วมมือกับ สถาบัน Think Tank หลัก 3 ด้านของจีน คือ สถาบัน Think Tank ด้าน
สังคมศาสตร์ (Chinese Academy of Social Sciences: CASS) สถาบัน Think Tank ด้ าน
วิทยาศาสตร์ (Chinese Academy of Sciences: CAS) และ สถาบัน Think Tank ด้านวิทยาศาสตร์
- 3. ธรรมชาติ (National Natural Science Foundation of China: NSFC) ขณะเดียวกัน ฝ่ายทหาร
เอง วิทยาลัยป้ องกันราชอาณาจักรโดยศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ ก็เป็นคู่ความร่วมมือกับหน่วยงาน
Think Tank ด้านยุทธศาสตร์ของจีน คือ สถาบันวิจัยของจีนด้านระหว่างประเทศ (China Institute
of International Studies : CIIS) กับสถาบันของจีนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัย
(China Institutes of Contemporary International Relations: CICIR) นอกจากนั้น ฝ่ายไทยก็มี
ความพร้อมในด้านงบประมาณการวิจัยที่จะสนับสนุนการพัฒนายุทธศาสตร์การวิจัยเรื่องจีน ขอ
เพียงให้มีการกาหนดวาระและโจทย์วิจัยที่ชัดเจน ท้ายที่สุด จีนในปัจจุบันเป็นประเทศที่มีลักษณะ
เปิดรับ (receptive) จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการกับจีน
ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปให้มีการจัดตั้ง กลไกการทางานเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน เพื่อเพิ่ม
ความสามารถในการคิดเชิงยุทธศาสตร์และการวิจัยเกี่ยวกับจีน โดยให้กลไกดังกล่าวเป็น
หน่วยงานกลาง ประกอบด้วยนักยุทธศาสตร์ นักคิด ผู้มีประสบการณ์ในแวดวงต่างๆ มาร่วมกัน
คิด และมีหน้าที่หลักในการทาความเข้าใจจีนและสังเคราะห์ท่าทีและนโยบายของไทยต่อจีนขึ้นมา
ได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีโดยไม่ต้องรอการวิจัยเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ กลไกนี้ควรเข้าไปมี
บทบาทกาหนดทิศทางวางกรอบการวิจัยเรื่องจีนในประเทศไทยให้สอดคล้องกับความจาเป็นของ
ชาติ กลไกดังกล่าวนี้ควรมีการทางานอย่างต่อเนื่องเพื่อสะสมภูมิปัญญาด้านยุทธศาสตร์ไทยจีน
นามาประกอบการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ไทย-จีนต่อไป
* * *
เพิ่มเติมได้ที่ www.rsu-brain.com
ประธานสถาบันคลังปัญญาฯ : ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
บรรณาธิการ: น.ส.ยุวดี คาดการณ์ไกล
สานักพิมพ์: มูลนิธิสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ
สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ อาคารพร้อมพันธุ์ 1 ชั้น 4 637/1 ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร กทม.
10900 โทรศัพท์ 02-938-8826 โทรสาร 02-938-8864