Mais conteúdo relacionado
Semelhante a ภารกิจ ระดับครูผู้ช่วย (20)
ภารกิจ ระดับครูผู้ช่วย
- 3. 1. ให้ ท่านวิเคราะห์ วธีการจัดการเรี ยนรู้ ของครู แต่ ละคน
ิ
ว่ าอยู่ในกระบวนทัศน์ การออกแบบการสอนใดและมี
พืนฐานมาจากทฤษฎีการเรี ยนรู้ ใดบ้ าง พร้ อมอธิบาย
้
เหตุผล
- 4. ครูบุญมี
กระบวนทัศน์ ท่ ีใช้
เน้ นย ้าให้ เด็กจดบันทึกและท่องซ ้าจากการบรรยายของครู
สอดคล้ องกับทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
เพราะเชื่อว่าการเรี ยนรู้เกิดจาการเชื่อมโยงระหว่างสิงเร้ ากับการ
่
ตอบสนองหรื อการแสดงพฤติกรรมนิยมและถ้ าหากได้ รับการเสริมแรงจะทาให้ มี
การแสดงพฤติกรรมนัน ถี่มากขึ ้น
้
- 5. ครูบุญช่ วย
กระบวนทัศน์ ท่ ีใช้
- เน้ นให้ เด็กแก้ ไขปั ญหาด้ วยกระบวนการทางานเป็ นกลุม ครูคอยทาให้ เกิด
่
ความขัดแย้ งทางปั ญหาเพื่อให้ นกเรี ยนได้ เกิดแนวคิดใหม่ที่แตกต่าง
ั
- เชื่อมโยงเนื ้อหาการเรี ยนรู้ให้ เข้ ากับชีวิตประจาวัน
สอดคล้ องกับทฤษฎีพทธิปัญญานิยม ุ
การเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรี ยนทังทางด้ านปริมาณและด้ านคุณภาพ คือนอกจาก
้
ผู้เรี ยนจะมีสิ่งที่เรี ยนรู้เพิ่มขึ ้นแล้ ว ยังสามารถจัดรวบรวมเรี ยบเรี ยงสิงที่เรี ยนรู้เหล่านันให้ เป็ น
่ ้
ระเบียบ เพื่อให้ สามารถเรี ยกกลับมาใช้ ได้ ตามที่ต้องการ และสามารถถ่ายโยงความรู้และ
ทักษะเดิม หรื อสิ่งที่เรี ยนรู้มาแล้ ว ไปสูบริบทและปั ญหาใหม่
่
- 6. ครูบุญชู
กระบวนทัศน์ ท่ ีใช้
- เชื่อมโยงประสบการณ์เดิมที่ผ้ เู รี ยนรู้จกมาช่วยในการจดจา
ั
- เน้ นย ้าให้ เด็กจาเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนรูปแบบให้ มีการจาโดยใช้ เพลง และ
คาคล้ องเสียง
สอดคล้ องกับทฤษฎีพทธิปัญญานิยม
ุ
การเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรี ยนทังทางด้ านปริมาณและด้ านคุณภาพ คือ
้
นอกจากผู้เรี ยนจะมีสิ่งที่เรี ยนรู้เพิ่มขึ ้นแล้ ว ยังสามารถจัดรวบรวมเรี ยบเรี ยงสิ่งที่เรี ยนรู้
เหล่านันให้ เป็ นระเบียบ เพื่อให้ สามารถเรี ยกกลับมาใช้ ได้ ตามที่ต้องการ และสามารถ
้
ถ่ายโยงความรู้และทักษะเดิม หรื อสิงที่เรี ยนรู้มาแล้ ว ไปสูบริบทและปั ญหาใหม่
่ ่
- 8. ครูบุญมี
ข้ อดี
-ผู้ เรี ยนสามารถเรี ยนรู้ เนือหาได้ เยอะ
้
- ผู้เรี ยนมีความรู้ เยอะ และเรี ยนรู้ ได้ รวดเร็ว
- ผู้เรี ยนเรี ยนรู้ ได้ ตามจุดประสงค์ ของการเรี ยนการสอน
- 9. ข้ อเด่ น
- ผู้เรี ยนสามารถเรี ยนรู้ ผ่านได้ ทุกจุดประสงค์ ท่ ีครู กาหนด
- มีการท่ องจาทาให้ ผ้ ูเรี ยนสนใจในการท่ องจาอยู่เสมอ
- 10. ครูบุญช่ วย
ข้ อดี
-ผู้ เรี ยนมีการเรี ยนรู้ ร่วมกันเป็ นกลุ่ม
-ผู้ เรี ยนหาคาตอบได้ เองจากการเรี ยนรู้ ทาให้ จดจาได้ ดีกว่ าการท่ องจา
-ผู้ เรี ยนสามารถอธิบายได้ ถงการนามาซึ่งคาตอบนันๆด้ วย
ึ ้
- ผู้เรี ยนมีความเข้ าใจว่ าการเรี ยนนันสอดคล้ องกับชีวตประจาวันอย่ างไร
้ ิ
- 11. ข้ อเด่ น
- ผู้สอนเป็ นคนรบกวนระบบแนวคิดเดิมของผู้เรี ยนที่ผิดเพื่อให้ เกิด
แนวความคิดใหม่ ท่ ถูกต้ อง
ี
- มีการทดลองและเรี ยนรู้ ร่วมกันทาให้ ผ้ ูเรี ยนไม่ เกิดอาการเบื่อที่จะเรี ยนรู้ และ
หาคาตอบ
- 12. ครูบุญชู
ข้ อดี
- ผู้เรี ยนเรี ยนรู้ อย่ างสนุกเพราะมีการใช้ เพลง
- ผู้เรี ยนมองเห็นการเรี ยนรู้ เป็ นนามธรรมและเข้ าถึงได้ ง่าย
- ผู้เรี ยนง่ ายต่ อการจดจา
- 13. ข้ อเด่ น
-เป็ นการประยุกต์ ส่ ือมาใช้ ในการเรี ยนรู้ อย่ างน่ าสนใจ
-สามารถเรี ยนรู้จากสื่อนันๆอย่ างสนุก
้
- เชื่อมโยงการเรี ยนรู้ กับชีวตประจาวันได้ อย่ างดี เช่ น มีการอาศัยคาคล้ อง
ิ
เสียง
- 15. ครู บุญช่ วย เพราะมีการจัดการเรี ยนรู้ ท่ เน้ นผู้เรี ยนเป็ นศูนย์ กลาง ซึ่งสอด
ี
คลองกับมาตราที่22
มาตรา ๒๒ การจัดการศึกษาต้ องยึดหลักว่าผู้เรี ยนทุกคนมีความสามารถเรี ยนรู้และ
พัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรี ยนมีความสาคัญที่สด กระบวนการจัดการศึกษาต้ อง
ุ
ส่งเสริมให้ ผ้ เู รี ยนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
- 17. ผมเป็ นครู สอนคณิตศาสตร์ มาหลายปี ขณะสอนนักเรี ยนจะได้ ยนคาถาม ิ
เสมอว่ า"อาจารย์ (ครั บ/ค่ ะ)...เรี ยนเรื่ องนีไปทาไม เอาไปใช้ ประโยชน์ อะไรได้
้
บ้ าง" ก็ได้ แต่ ตอบคาถามว่ านาไปใช้ ในการเรี ยนต่ อชันสูง และนาไปประยุกต์ ใช้ ใน
้
วิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางเนือหาก็มีโจทย์ ปัญหาเป็ นแนวทางทาให้ พอรู้ ว่าจะนาไปใช้
้
อะไรได้ บ้าง แต่ บางเนือหาก็จะได้ ยนเสียงบ่ นพึมพาว่ า "เรี ยนก็ยาก สูตรก็เยอะ ไม่ ร้ ู
้ ิ
จะเรี ยนไปทาไม ไม่ เห็นได้ นาไปใช้ เลย" ในความเป็ นจริงดิฉันคิดว่ าหลักสูตรวิชา
คณิตศาสตร์ ของไทยน่ าจะมีการ apply ให้ มากกว่ านีในแต่ ละเรื่ องทัง ม.ต้ นและ
้ ้
ม.ปลาย ผู้เรี ยนจะได้ ร้ ู ว่าถ้ าเรี ยนแล้ วสามารถนาไปใช้ ได้ จริงไม่ ว่าจะเรี ยนต่ อสาย
สามัญหรื อสายอาชีพและเห็นความสาคัญของวิชานีมากขึน ้ ้
- 19. ผ้ ูเรี ยน
ไม่ เข้ าใจว่ าเรี ยนแล้ วจะนาความรุ้ เรื่ องที่เรี ยนไปใช้ ในชิวตประจาวันได้
ิ
ออย่ างไร เพราะผู้เรี ยนส่ วนมากคิดว่ าเป็ นเรื่ องที่ไกลตัว ในชิวต ิ
ประจาวันไม่ มีการใช้ สูตร กฎ หรื อนิยามต่ างๆเหล่ านี ้
- คิดว่ าเรี ยนไปก็ไม่ ได้ ประโยชน์ หากไม่ ศกษาต่ อในระดับที่สูงขึน
ึ ้
กล่ าวคือไม่ มีผลต่ อการประกอบอาชีพ
- 20. ผ้ ูสอน
-สอนออกมาตามหนังสือที่มีการเขียนไว้ อย่ างแม่ นยา ไม่ สามารถ
ประยุกต์ ให้ เข้ ากับการใช้ ในชีวตประจาวันได้
ิ
-ไม่ สามารถดึงแนวความคิดของเด็กให้ มีส่วนร่ วมในการเรี ยนรู้
-ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่าหากไม่ เรี ยนต่ อแล้ วสามารถนาความรู้ เรื่ องที่
เรี ยนมานันไปใช้ ในเรื่ องใดได้ บ้าง
้
- 22. ทฤษฎีคอนสตรั คติวสต์ เพราะผู้เรี ยนเป็ นผู้เข้ าใจถึงแนวทางการแก้ ไข
ิ
ปั ญหานันๆอย่ างแท้ จริงด้ วยตัวของเขาเอง ทาให้ สามารถประยุกต์ องค์ ความรู้
้
นันๆไปใช้ ในชีวตประจาวันได้ มากกกว่ าการได้ รับความรู้ แบบการท่ องจา
้ ิ
นอกจากนียังสามารถมองเห็นความรู้ นันเป็ นรู ปธรรมได้ มากกว่ าการเรี ยนรู้ แบบ
้ ้
อื่นๆด้ วย
- 25. 1.กาหนดจุดประสงค์ ของการเรี ยนรู้
2.กาหนดปั ญหาที่ต้องการให้ ผ้ ูเรี ยนได้ หาคาตอบ
3.เตรี ยมสื่อที่ต้องใช้ ในการกเรี ยนการสอน
4.ดาเนินกิจกรรมการเรี ยนการสอนให้ ผ้ ูเรี ยนได้ ทางานเป็ นกลุ่ม
5.สังเกตและฟั งแนวคิดต่ างๆที่ผ้ ูเรี ยนแสดงออกมาในระหว่ างการจัด
กิจกรรม
- 26. 6.ให้ ผ้ ูเรี ยนอภิปรายผลงานและวิธีการที่นามาซึ่งการแก้ ไขปั ญหา
7.สรุ ปการเรี ยนรู้ ในกิจกรรมให้ ผ้ ูเรี ยนรั บรู้
8.นาผลจากการสังเกตุในการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ มาวางแผนในการ
กาหนดวัตถุประสงคืของการเรี ยนรู้ ในครั งต่ อไป โดยอาสัยปั ญหาและ
้
วิธีการคิดของผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ
- 28. กมลมาศ เพ็ญพัธนกุล 543050346-4
เอกพงษ์ เหมะธุลิน 543050375-7
ธีรณัฐวัฒน์ ศรี จักร์ 543050352-9