Início
Conheça mais
Enviar pesquisa
Carregar
Entrar
Cadastre-se
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Próximos SlideShares
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย1
Carregando em ... 3
1
de
62
Top clipped slide
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
17 de Apr de 2012
•
0 gostou
1 gostaram
×
Seja o primeiro a gostar disto
mostrar mais
•
355 visualizações
visualizações
×
Vistos totais
0
No Slideshare
0
De incorporações
0
Número de incorporações
0
Baixar agora
Baixar para ler offline
Denunciar
Tongsamut vorasan
Seguir
tongsamut Vorasan em tongsamut
Anúncio
Anúncio
Anúncio
Recomendados
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย1
niralai
5.5K visualizações
•
7 slides
บทกลอนแด่แม่
niralai
11.5K visualizações
•
8 slides
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
Achara Sritavarit
3.8K visualizações
•
13 slides
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่2(วรเชษฐ์ )
niralai
4.3K visualizações
•
8 slides
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
niralai
5K visualizações
•
14 slides
คำคมคารมปราชญ์
niralai
10.6K visualizações
•
38 slides
Mais conteúdo relacionado
Apresentações para você
(20)
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่3
niralai
•
3.4K visualizações
สาระธรรมนำชีวิต
niralai
•
5.6K visualizações
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่5
niralai
•
1.3K visualizações
บทสรภัญญะบูชาพระคุณบิดามารดา
niralai
•
29.7K visualizações
บทบรรยายพระคุณแม่
niralai
•
33.6K visualizações
คู่มือโฆษกเสียงทอง
niralai
•
56.6K visualizações
กลอนเทียนปัญญา
niralai
•
10.6K visualizações
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
Tongsamut vorasan
•
838 visualizações
5 youngawakening leader camps words
Anurak Menrum
•
453 visualizações
คำปฎิญาณพิธีจุดเทียนปัญญา2
niralai
•
4.5K visualizações
แหล่ลา
Tongsamut vorasan
•
7.9K visualizações
ฮารีรายอ
ชิตชัย โพธิ์ประภา
•
7.4K visualizações
กลอน
Tongsamut vorasan
•
1.5K visualizações
คำคมคารมธรรม
niralai
•
8.1K visualizações
ก่อเจดีย์ทราย
ชิตชัย โพธิ์ประภา
•
1.7K visualizações
One Pointed Mind
พระทรงพล กิตติปัญโญ
•
305 visualizações
ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว
Panda Jing
•
3.4K visualizações
ชีวิตใหม่
Thamma Dlife
•
1.4K visualizações
กลอนมงคล๓๘ ประการ
niralai
•
11.5K visualizações
พระคุณพ่อแม่
Kiat Chaloemkiat
•
6.3K visualizações
Destaque
(18)
Book77
Tongsamut vorasan
•
264 visualizações
สำนักปฏิบัติธรรมสุธัมมสถาน มงคลสามสิบแปด
Tongsamut vorasan
•
627 visualizações
-------------- --- 1
Tongsamut vorasan
•
156 visualizações
ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงาน
Tongsamut vorasan
•
1.9K visualizações
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 14
Tongsamut vorasan
•
280 visualizações
สุภีร์ ทุมทอง วิถีแห่งพุทธะ
Tongsamut vorasan
•
263 visualizações
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th
Tongsamut vorasan
•
252 visualizações
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วิธีสร้างบุญบารมี
Tongsamut vorasan
•
218 visualizações
สนอง วรอุไร สนทนาภาษาธรรม เล่ม 12
Tongsamut vorasan
•
237 visualizações
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส จักรทีปนี
Tongsamut vorasan
•
380 visualizações
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๖ วินัยปิฎกที่ ๐๖ จุลวรรค ภาค ๑
Tongsamut vorasan
•
333 visualizações
อุบาสิกาแก้ว เสียงล้ำ อริยสาวิกา
Tongsamut vorasan
•
230 visualizações
7 ก้าวย่างอย่างพุทธะ walklikebuddha
Tongsamut vorasan
•
985 visualizações
อานาปานทีปนี
Tongsamut vorasan
•
965 visualizações
สุภีร์ ทุมทอง สัลเลขธรรม
Tongsamut vorasan
•
238 visualizações
สุภีร์ ทุมทอง มหาสติปัฎฐานสูตร
Tongsamut vorasan
•
324 visualizações
ปฏิทินวัดบุศย์ฯ ปี๕๔
Tongsamut vorasan
•
432 visualizações
วิปัสสนานัย เล่ม2
Tongsamut vorasan
•
708 visualizações
Anúncio
Similar a สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
(20)
พิธีอธิษฐานจิตเพื่อเพื่อชีวิตใหม่
niralai
•
1.4K visualizações
ทำอย่างไรชีวิตจึงจะมีความสุข
niralai
•
2.1K visualizações
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
niralai
•
638 visualizações
Kamnamtham 5
Songsarid Ruecha
•
667 visualizações
Lion
fittreena benna
•
424 visualizações
หลวงพ่อทูล วัฏฏะสงสาร
guestf16531
•
756 visualizações
รวบรวมศรัทธาผ้าป่าสู้น้ำท่วม 15 เม.ย. 2555
Carzanova
•
398 visualizações
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
niralai
•
2.8K visualizações
3 ตามรอยธรรม dhamatrail
Tongsamut vorasan
•
81 visualizações
Tri91 22+มัชฌิมนิกาย+อุปริปัณณาสก์+เล่ม+๓+ภาค+๑
Tongsamut vorasan
•
2.9K visualizações
เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน
krutew Sudarat
•
6.3K visualizações
เสียดาย....
Watcharin Namkang
•
3.8K visualizações
ศึกษาเรื่องหนี้ตามทัศนะทางพระพุทธศาสนา
pentanino
•
2.9K visualizações
ตายแล้วไปไหน
Panda Jing
•
1.2K visualizações
Saengdhamma in august 2010
Wat Thai Washington, D.C.
•
762 visualizações
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
Tongsamut vorasan
•
347 visualizações
โอวาทพระอาจารย์
YajokZ
•
497 visualizações
โอวาทพระอาจารย์
guest3650b2
•
110 visualizações
Dhamma core
YajokZ
•
168 visualizações
สาส์นนิเทศศาสตร์
Nattapong Manlee
•
1.2K visualizações
Mais de Tongsamut vorasan
(20)
หนังสืออนุสรณ์"งานพระราชทานเพลิงศพ" หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒
Tongsamut vorasan
•
998 visualizações
Food reflectionบทพิจารณาอาหารภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
•
558 visualizações
ระเบียบ รายนามวัด พระธรรมทูตจำพรรษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
•
675 visualizações
คติธรรมแห่งชีวิต . โดย..พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
•
484 visualizações
เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม โดย.พระพรหมคุณาภรณ์
Tongsamut vorasan
•
303 visualizações
เจอวิกฤตจะเลือกเอาวิวัฒน์ รหือจะเอาวิบัติ
Tongsamut vorasan
•
237 visualizações
เจอวิกฤต จิตไม่วิบัติ โดย..พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต
Tongsamut vorasan
•
255 visualizações
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งธรรม
Tongsamut vorasan
•
124 visualizações
พุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ ๔๔
Tongsamut vorasan
•
468 visualizações
ทำเนียบวัดไทยในสังกัดสมัชชาสหรัฐอเมริกา 2018 2561 (4)
Tongsamut vorasan
•
428 visualizações
ระเบียบการขอพระไปปฏิบัติศาสนกิจชั่วคราวของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
•
395 visualizações
ระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐฯ
Tongsamut vorasan
•
150 visualizações
ใบตอบรับเข้าร่วมประชุมครั้ง42 2018
Tongsamut vorasan
•
249 visualizações
ทะเบียนประวัติพระมาร่วมประชุมสมัชชาฯ๒๕๖
Tongsamut vorasan
•
72 visualizações
กำหนดการการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในนสหรัฐอเมริกา
Tongsamut vorasan
•
241 visualizações
154517 บทพิธีกรงานฌาปนกิจ
Tongsamut vorasan
•
13.4K visualizações
หลักสูตรผู้บวชระยะสั้น
Tongsamut vorasan
•
101 visualizações
หนังสือสอนพระบวชใหม่ นวโกวาท
Tongsamut vorasan
•
1.6K visualizações
เพลงชาติไทย แปลภาษาอังกฤษ2
Tongsamut vorasan
•
1.4K visualizações
ภพภูมิทั้ง 31ภูมิ ภาษาอังกฤษ
Tongsamut vorasan
•
753 visualizações
Anúncio
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
ส ติ ป
ญ ญ า ส ติ ป ญ ญ า อ. สุ ภี ร ทุ ม ท อ ง
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ชมรมกัลยาณธรรม หนั ง สื อ ดี ลำดั บ ที่ ๘๗ สติปญญา อาจารย สุ ภี ร ทุ ม ทอง จั ด พิ ม พ เ พื่ อ แจกเป น ธรรมทาน นอมถวายเปนพุทธบูชาในงานแสดงธรรม เปนธรรมทาน ครั้งที่ ๑๕ อาทิตยที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ หอประชุมใหญ-หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ครั้งที่ ๑ : จำนวน ๑๐,๐๐๐ ; กันยายน ๒๕๕๒ จัดพิมพโดย : ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชัย ต.ปากน้ำ อ. เมือง จ.สมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท ๐๒-๗๐๒๗๓๕๓ และ ๐๒-๖๓๕๓๙๙๘ ภาพประกอบ : เคอ ซิ่ว เซียง ออกเเบบและ : บุญรอด แสงสินธุ จัดรูปเลม โทรศัพท ๐๘-๑๖๒๙-๔๙๐๓ แยกสี : Canna Graphic โทรศัพท ๐๘-๖๓๑๔-๓๖๕๑ จัดพิมพท่ี : บ.ขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ จำกัด โทรศัพท ๐๒-๘๘๕๗๘๗๐-๓ สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ การใหธรรมะเปนทาน ยอมชนะการใหทั้งปวง w w w. k a n l a y a n a t a m. c o m
ส ติ ป
ญ ญ า คำนำ หนั ง สื อ “สติ ป ญ ญา” นี้ เรี ย บเรี ย งจากคำ บรรยายในจั ด ปฏิ บั ติ ธ รรมที่ อ าศรมมาตา อ.ป ก ธงชั ย จ.นครราชสีมา ระหวางวันที่ ๑ - ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒ คำบรรยายเรื่องนี้บรรยายเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ตอนเชา คุณชัญญาภัค พงศชยกร เปนผถอดเทปผบรรยาย ู ู ไดนำมาปรับปรุงเพิ่มเติมตามสมควร เนือหาทีบรรยายนันเกียวกับ ลักษณะของสติปญญา ้ ่ ้ ่ และอธิบายวิธการฝกใหเกิดขึน โดยอาศัยหลักสติปฏฐาน ให ี ้ เปนผมสติคอไมหลงลืมกายไมหลงลืมใจ และมีปญญาคือเขาใจ ู ี ื ความจริงของกายของใจ อันเปนตนทางสการรแจงอริยสัจ ู ู ขออนุโมทนาผูที่เกี่ยวของในการทำหนังสือเลมนี้ และขอขอบคุ ณ ญาติ ธ รรมทั้ ง หลายที่ มี เ มตตาต อ ผู บ รรยาย เสมอมาหากมีความผิดพลาดประการใด อันเกิดจากความดอย สติ ป ญ ญาของผู บ รรยายก็ ข อขมาต อ พระรั ต นตรั ย และ ครูบาอาจารยทั้งหลาย และขออโหสิกรรมจากทานผูอานไว ณ ทีนดวย ่ ี้ สุภร ทุมทอง ี ผบรรยาย ู
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง
ส ติ ป
ญ ญ า สติ ป ญ ญา บรรยายวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เชา สวัสดีครับทานผสนใจในธรรมะทุกทาน ู เรามาปฏิบตธรรมก็เพือฝกฝนตนเอง เพือทีจะได ัิ ่ ่ ่ มีเครืองมือไปศึกษากายศึกษาใจใหเกิดปญญา ่ นี้ เ ป น หน า ที่ ข องเราที่ เ กิ ด มาเป น มนุ ษ ย น ะ เปนหนาทีทจำเปนสำหรับเราทังหลาย เพราะเรา ่ ี่ ้ ทั้งหลายนั้นเกิดมาจากความไมรู เรายังไมรู อริยสัจ รูยังไมครบถวน ยังรูไมแจมแจงคือ
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ยังไมเปนพระอรหันตนั่นเอง ก็เลยไดเกิดมา เพราะฉะนั้ น เกิ ด มาแล ว ก็ มี ห น า ที่ ที่ สำคัญก็คอมาทำใหเกิดความรขน มาอาศัย ื ู ึ้ โลกก็เพือเรียนรโลกใหมนแจมแจง ่ ู ั เราเกิดมานี้ไมมีอะไรเปนของเรานะ เกิ ด มาอาศั ย เฉยๆ บางคนมี สิ่ ง นั้ น สิ่ ง นี้ เยอะเหลือเกินที่มันมีเยอะเพราะวาเราเขาใจ ผิดไป บางคนเกิดมาในโลกก็บอกวาโลกของเรา ลื ม ไปว า คนอื่ น เขาก็ คิ ด อย า งนี้ เ หมื อ นกั น ไสเดือนกิงกือก็คดอยางนีเ้ ปน คิดวา โลกของเรา ้ ิ นี้มันเริ่มมาจากความเขาใจผิด หลงยึดมั่น ถือมัน วากายนีใจนีเ้ ปนตัวเราเปนของเรากอน ่ ้ ก็เลยพลอยยึดสิงอืน เปนบานของเรา ประเทศ ่ ่ ของเรา จนกระทังโลกของเรา แททจริงแลวมัน ่ ี่ ไมใชนะ ๖
ส ติ ป
ญ ญ า เราอาศัยรูปนามหรือวากายใจนีอยู เปน ้ ทีอาศัยชัวครังชัวคราวเทานันเอง สักหนอยก็ ่ ่ ้ ่ ้ จะทิงมันไป บานก็เหมือนกัน เราก็มาอาศัย ้ ประเทศก็เหมือนกัน ไมใชของเรา เรามาอาศัย อยู อาศัยชัวครังชัวคราวแลวก็จากไป โลกก็ ่ ้ ่ เหมือนกัน เรามาอาศัยอยู อยไมนานหรอกเดียว ู ๋ ก็ไปแลว ศาสนาก็เหมือนกัน แมแตพระพุทธ ศาสนาก็ไมใชของเรา เรามาอาศัยทาน อาศัย รมเงาทาน ถาเราไดอาศัยจริงๆ ไดรจกจริงๆ ู ั ก็รมเย็นสงบสุข แตไมใชของเรานะ ถาบางพวกเขามีความเขาใจผิด หลงยึด มันถือมัน กายนีใจนีเ้ ปนของเรา แมแตศกษา ่ ่ ้ ึ ธรรมะ ก็ยดวาพุทธศาสนาของเรา ถาเกิดความ ึ เห็นในทำนองอยางนีขน ก็จะเกิดความยึดมัน ้ ึ้ ่ ๗
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ถือมัน ตองไปพยายามถกเถียงวา ฝายเราดี ่ ฝายเราถูก ฝายเขาดีเหมือนกันแตดไมเทาเรา ี อะไรก็วากันไป มันก็เกิดความทุกข เกิดความ เครียด เกิดความบีบคั้นซึ่งกันและกัน ชีวิต ไมเคยประสบกับความสงบสุข ไมเคยประสบ กับความรมเย็น แมแตความคิดตางๆ ทีเ่ กิดขึนเปนครังๆ ้ ้ หากเห็นผิดคิดวา เปนความคิดของเรา นีกมี ่็ ปญหาแลว ความคิดของเราตองถูก ตองดี ก็ตองเหน็ดเหนื่อยในการที่จะพยายามพูดให คนอื่นเชื่อเรา เพราะฉะนั้น อยาพยายาม ไปทำอยางนั้นนะ มันไมใชของเราจริงหรอก ตองพยายามเขาใจความจริง ถาจะพูดให คนอืนฟงก็พดความจริง เขาจะเชือหรือไมเชือ ่ ู ่ ่ ๘
ส ติ ป
ญ ญ า ก็อกเรืองหนึง ความจริงไมจำเปนตองเชือนะ ี ่ ่ ่ เพราะความจริงก็เปนความจริงอยูวันยังค่ำ นันแหละ แตถามันไมจริง มันเปนความเห็น ่ ของเรา เราอยากจะใหเขาเชือนี่ ลำบากลำบน ่ หาเหตุผลใหเขาเชือเรา เขาเชือแปบเดียวเดียว ่ ่ ๋ เขาไปฟงคนอืน เขาก็ไมเชือเราแลว มันก็ลำบาก ่ ่ ใหศกษาเพือใหเขาใจความจริงนะ เรา ึ ่ มาอาศัยก็เพือศึกษาโลกใหเขาใจ อาศัยพระ ่ พุทธเจา เชือทานก็เพือจะเขาใจทาน อาศัย ่ ่ อาจารยก็เพื่อจะเขาใจสิ่งที่อาจารยไดสอน อาศัยเพือการศึกษา อยางมาทีอาศรมมาตานี้ ่ ่ ก็มาอาศัยเพือใหเกิดสติเกิดปญญา เกิดสิกขา ่ เกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปญญา อาศัยศาลา หลังนี้ก็เพื่ออยางนี้แหละ อาศัยพระพุทธรูป ๙
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง กราบพระพุ ท ธรู ป ก็ เ พื่ อ ให เ กิ ด สติ ป ญ ญา เกิดสิกขา เพราะฉะนั้น อะไรที่เรามีข้ึนมา ก็เพือใหเกิดการศึกษา เปนทีอาศัยใหเกิดสติ ่ ่ ปญญา ใหเราอยรอดได ู ตังแตเด็กมา เราอาศัยพอแม ทีนมา ้ ี้ อาศัยพระพุทธเจา อาศัยพระธรรม ทายทีสด ุ่ ก็อาศัยครูบาอาจารย ก็เพือจะฝกฝน ใหเกิด ่ การศึกษา เพือจะใหเราอยรอด รอดพนจาก ่ ู ความทุกขทางใจ รอดพนจากความทุกขทตด ี่ ิ มากับความเกิด มนุษยเรานีมขอดอยเยอะ แตขอดอย ่ ี ก็เปนขอดี คือมนุษยนี้มันชวยตัวเองไมได ถาไมไดฝกฝนนี่ จะชวยตัวเองไมไดสักอยาง ๑๐
ส ติ ป
ญ ญ า อยางทางดานรางกายเรานี้ เราเกิดมาแลวชวย ตัวเองไมไดซกเรืองเดียว เกิดมาแลวถาเขาเอา ั ่ ไปวางไว ตายเลย ชวยตัวเองไมได กินหญา ก็ไมเปน ดืมน้ำก็ไมเปน ทำอะไรก็ไมเปน ไม ่ เหมือนวัวเหมือนควายนะ คลอดมาแลว เดียว ๋ เดียว เดินตามแมกนหญาไดสบาย ถามองกัน ิ แงนี้ มนุษยนี้มันมีขอดอย ดอยกวาวัวนะ แตมนุษยดตรงทีวา เราสามารถฝกได ฝกแลว ี ่ มันจะรอดได อยางดานรางกายเรานี้ ถาเราไมไดฝก ไมรอดแนๆ เอาไปวางไวตายลูกเดียว ตองฝก แมแตการถายอุจจาระปสสาวะนี่ก็ทำไมเปน ไปถายรดแมไมรกรอบกวาจะถายเปนทีเ่ ปนทาง ู ี่ ทำไมเปน หมาแมวมันยังทำเปนกวาเรา เรานี่ ๑๑
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง หัดตังนานกวาจะเปน แมดาแลวดาอีกวาอยามา ้ ถายตรงนี้ กวาจะทำเปน กวาจะเขาหองนําเปน ้ ก็ตองฝกกันนาน กินขาวก็ไมเปนนะ ตองฝก เดินก็ไมเปน กวาจะเดินเปนก็นานเลย พูด อะไรก็ไมรูเรื่อง จะสื่ออะไรออกมาก็ไมเปน ความรสกนะมี อยากไดนนอยากไดนี่ จะสือ ูึ ั่ ่ สารอะไรก็ไมเปน พูดกับใครก็ไมเปน ถาไมได ดังใจก็แหกปากอยางเดียว พวกจะเอาใจก็ไมรู จะเอาใจยังไง มันพูดไมเปน กวาจะพูดกัน รเู รืองก็นานมาก ไมเหมือนสัตว ไมเหมือนวัว ่ ไมเหมือนควาย มันไมไดยงยากอยางนี้ เกิด ุ มาปบเดี๋ยวสักหนอยก็เดินเปนแลว กินหญา เปนแลว ไมตองทำอะไรแลว รอวันตาย ๑๒
ส ติ ป
ญ ญ า มนุษยเรานี่ มีขอจำกัด มีขอดอยเยอะ ขอดอยคือมันชวยตัวเองไมได แตก็มีจุดแข็ง ทีสด จุดออนคือชวยตัวเองไมได จุดแข็งคือ ่ ุ สามารถฝกได ดานรางกายนี้ เราก็ฝกกันมา จนเป น คนอยู ทุ ก วั น นี้ พอช ว ยตั ว เองได กวาจะทำงานชวยตัวเองไดหลายปมากนะ วัว ไมตองเขาโรงเรียน มันก็หากินหญาไดสบาย เรานีกวาจะหากินเปน เขาโรงเรียน ผานครูบา ้ อาจารยมาไมรูก่ีคนตอกี่คน ฉะนั้น เราจึง ตองมานึกถึง ไหวพอแม ครูบาอาจารย ไหวผู มีพระคุณระลึกถึงคุณทานวา ทานทำใหเรา นี้อยูรอดได เพราะเรานั้นมันอยูดวยตัวเอง ไมได อยูไมรอด มันเปนขอดอยของมนุษย แตในขอดอยก็มขอเดนคือสามารถฝกได ดาน ี รางกายก็ฝกได ทำใหมีชีวิตรอดได แตมัน ๑๓
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง มี ข อ จำกั ด ทางสรี ร ะร า งกายของแต ล ะคน บางคนก็เลนกีฬาชนิดนันเกง ชนิดนีเ้ กง อยที่ ้ ู สรีระรางกายดวย อยูที่การฝกฝนดวย เรา ทังหลายก็ทำนองเดียวกันนะ เราก็ฝกได ออก ้ กำลังกายได แตมนก็มขอจำกัดดานสรีระ ั ี ทีนี้ ดานจิตใจก็ทำนองเดียวกัน ถาเรา ไมฝกฝนก็จะพึงตนเองไมได ไมสามารถ ่ เป น ที่ พึ่ ง ของตนเองได ตายเหมือนกัน ดานรางกายไมไดฝกฝนก็ตาย ดานจิตใจไมได ฝกฝนก็ตาย รางกายเปนมนุษยแหละ แตใจนี้ มันไมเปนมนุษย นีเ่ รียกวาตายเรียบรอยแลว ถาหมดกรรมนีแลวก็ไปอบาย จิตใจเราถาไม ้ ได ฝ ก นะมั น ก็ ต ายเลย ไม ไ ด เ ป น มนุ ษ ย อีกแลว กายอาจจะเปนมนุษยอยูเพราะวา ๑๔
ส ติ ป
ญ ญ า กรรมเกายังทำใหเปนอยูอยางนี้ แตใจอาจ เปนอยางอืนไปแลว ตายจากมนุษยไปแลว ่ เราทังหลายเปนมนุษยแลว ทางกายก็ ้ ตองฝกจึงจะอยรอดได ทางใจก็ตองฝกจึงจะ ู อยูรอดได อยูรอดโดยสามารถเปนมนุษย ตอไปอีก หรือวายิงขึนไปอีกรอดจากความเกิด ่ ้ ความแก ความเจ็บ ความตาย รอดพนจาก ความทุกขทงปวง ั้ เรามีความเกิดเปนธรรมดา มีความ แกเปนธรรมดา มีความเจ็บเปนธรรมดา มีความตายเปนธรรมดา แตเรามาฝกฝน เพือทีจะไมเกิด ไมแก ไมเจ็บ ไมตาย ่ ่ มันตองฝกฝน พวกสัตวทั้งหลายนั้นมันอยู ๑๕
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง รอดได ไมตองฝกฝนอะไรมาก นันเปนขอเดน ่ ของมัน แตก็เปนขอดอยของมันนะ มันฝก ไมได เกิดมารับผลของกรรมอยางเดียว สัตว ทั้งหลายใชชีวิตตามสัญชาตญาณไป ไมได ฝกฝน หมดกรรมแลวมาเกิดเปนมนุษย คอยดู กันอีกทีวาไดฝกไหม ไมไดฝกก็ลงไปใหม ใชชวต ีิ รับผลของกรรมตามสัญชาตญาณไป หมดกรรม ก็ขึ้นมาใหม ขึ้นมาแลวก็ดูวาไดฝกฝนไหม ไมไดฝกฝนก็ลงไปใหม วนเวียนไปมาอยอยางนี้ ู เราทังหลายก็ผานความเปนอยางนันมา ้ ้ เยอะแลว เราก็คอยๆ พิจารณา จะไดมกำลังใจ ี ในการฝกฝนวา โอ ... เราไดเปนมนุษย มันก็ยาก แสนยาก การจะไดเจอคำสอนของพระพุทธเจา ก็ยากแสนยาก จะไดฟงวิธการปฏิบตวปสสนา ี ัิิ ๑๖
ส ติ ป
ญ ญ า ก็ยากแสนยาก การจะทำความเขาใจ ก็ยาก แสนยาก ตองรีบฝกฝนเพื่อจะใหชีวิตเรานี้ มันรอดปลอดภัย พนจากความเกิด แก เจ็บ ตาย จะไดมีกำลังใจ ขั้นแรก เราก็ฝกฝน เพื่อใหรอดจากอบายเสียกอน ถาจะเกิดอีก ก็ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค ถาจะใหดยงขึนไป ี ิ่ ้ กวานั้น คือไมตองเกิดอีกเลย มันก็รอดเปน ขันๆ ไป ้ การที่เราทั้งหลายมาฝกตน ใหมีสติ สัมปชัญญะนี่ เปนสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา แลวนะ สิงสำคัญทีสดของมนุษยเราก็คอสิงนี้ ่ ุ่ ื ่ นั่นเอง ตัวเราจะมีครอบครัว ทำงานเปนครู อาจารย เปนพนักงานเอกชน เปนขาราชการ อะไรก็เปนไป มีลกก็เลียงลูก มีสามีกดแลสามี ู ้ ็ู ๑๗
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง มีภรรยาก็ดแลภรรยา มีพอแมกดแลไป แตสง ู ็ู ิ่ ที่ ต อ งฝ ก ฝนอยู เ สมอคื อ สติ สั ม ปชั ญ ญะ มีความรูตัวอยูเสมอ เพื่อที่จะไดศึกษาโลก ใหเขาใจ เรามาอาศัยโลก เพือทีจะเขาใจโลก ่ ่ แลวก็ทิ้งมันไป กายนี้ใจนี้ก็ทำนองเดียวกัน เรามาอาศัยกายอาศัยใจ ก็เพื่อใหเกิดการ ศึกษา ใหเกิดศีล เกิดสมาธิ เกิดปญญา เมื่อมีปญญาแลวก็ทิ้งมันไป คืนโลกเขาไปก็ เทานีแหละ ้ เราเกิดมาในโลกนี้ ไมไดมาเพือเอาอะไร ่ เพราะเอาไปไมได โลกนี้มันไมใชที่พึ่งถาวร มันไมมสงใดเทียง กายใจนีกทำนองเดียวกัน ี ิ่ ่ ้็ บานก็ทำนองเดียวกัน ลาภยศสรรเสริญก็ ทำนองเดียวกัน ทุกอยางนั่นแหละ เรามา ๑๘
ส ติ ป
ญ ญ า เรียนรใหเขาใจวา ไมมสงไหนเปนทีพงไดเลย ู ี ิ่ ่ ึ่ สักอยางเดียว เราก็จะไดที่พ่ึงอันแทจริงเรา ไมไดมาหาอะไรที่มันถาวร ไมไดมาหาอะไร ที่ ห ยิ บ ฉวยเอาได แต ม าศึ ก ษาเรี ย นรู เ พื่ อ ใหเห็นวา มันไมมอะไรเปนทีพงได ไมมอะไร ี ่ ึ่ ี ทีมนเทียง ่ ั ่ โดยสวนใหญเราทั้งหลายนี้ เวลาพูด ถึงการปฏิบตธรรมก็จะมักจะคิดวา เรามาหา ั ิ อะไรทีมนเทียง มาหาอะไรทีเ่ ปนทีพงได มาหา ่ ั ่ ่ ึ่ อะไรที่เราจะยึดเอาได ความจริงมันตรงขาม กับทีเ่ ราคิด คือเรามาศึกษาเพือใหรวา ในโลก ่ ู มันไมมีสิ่งไหนเที่ยง ไมมีสิ่งไหนเปนที่พึ่งได ไมมีสิ่งไหนที่พอจะยึดเอาไวได มีแตสิ่งที่มา หลอกเราใหหลงยึดเทานั้นเอง ถาเราไมโดน หลอก ก็ไมยดมันแลว เรามาศึกษาใหรอยางนีวา ึ ู ้ ๑๙
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง โลกมันไมมีอะไรนายึด มีแตสิ่งที่หลอก ใหเราหลงยึด เรามาปฏิบัติธรรม ไมยึดหรอกตอนนี้ ปฏิบตไปปฏิบตมา มีสภาวะอันนีดจง สงบดีจง ัิ ัิ ้ีั ั มันหลอกเราใหไปหลงยึดอีกแลว ใหศกษามันไป ึ ความสงบเกิดขึนก็รู คิดวาดีจง มันนาจะเปน ้ ั ทีพงได เราคิดอยางนีกใหรวาคิด ชีวตมันเปน ่ ึ่ ้ ็ ู ิ อยางนี้ มีแตของหลอกลวงใหเราไปยึด ทาน เรียกวามันเปนมายา เปนปรากฏการณ เปนขันธ ขันธก็คือปรากฏการณของทุกขที่มันเกิดขึ้น เปนครังๆ เกิดแลวก็ดบไป มันคอยหลอกเรา ้ ั ใหเราหลง ใหเรายึดอยอยางนัน ยึดไปยึดมา ู ้ ยึดสิงนันสิงนี้ เปลียนเรืองยึดไปเรือย บางคน ่ ้ ่ ่ ่ ่ ยึดตั้งแตเกิดไปจนตาย ตายแลวจะไดโนน จะไดนี่ ยึดแมแตสงทีมองไมเห็นอีก ิ่ ่ ๒๐
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ในการปฏิบตธรรมนัน เราไมไดมาหา ั ิ ้ สิงทีมนเทียงแทถาวร เรามาศึกษาเรียนรเู พือ ่ ่ ั ่ ่ ใหเกิดปญญาเห็นวา ไมมีสิ่งไหนที่มันเที่ยง แทถาวร ไมมีสิ่งไหนอยูกับเราไดนาน สิ่งที่ จะอยกบเราตลอดไปก็คออนิจจัง ไมมสงไหน ูั ื ี ิ่ มันเทียง อยามาหาวาสิงไหนจะอยกบเราไดนาน ่ ่ ูั เรามาศึกษาเพือใหรวา ไมมสงไหนอยกบเรา ่ ู ี ิ่ ู ั ไดนาน ผานมาแลวก็ผานไปทังหมด บางคน ้ บอกวา ผูชายคนนี้คงจะอยูกับเราไดนาน แตงงานกับเขาซะเถอะ เปนสามีเราแลว ผหญิง ู คนนี้ ค งจะอยู กั บ เราได น าน แต ง งานกั น เปนภรรยาเราแลว ลูกคงจะอยกบเราไดนาน ูั เราจะไดพงเขาเวลาแกตวลง หวังลมๆ แลงๆ ึ่ ั ไปนะ แททจริงจิตใจเราเองมันก็ยงอยกบเรา ี่ ั ูั ไมไดนานเลย เมือกีนมนมีสขแปบเดียวก็ไปแลว ่ ้ ี้ ั ุ ๒๒
ส ติ ป
ญ ญ า มันทุกข คิดดีๆแปบเดียวมันก็ไปแลว ในโลก ไมมสงไหนเปนทีพงจริง ถาเราไดความรอนนี้ ี ิ่ ่ ึ่ ูั นะ เราจะไดทพงอันแทจริง รวา โลกทังหมดโลก ี่ ึ่ ู ้ มนุษยก็ไมมีที่พึ่งที่แทจริง ถึงจะไปสวรรค ก็ไมเทียงเหมือนกัน แมจะไปพรหมโลก ก็เปน ่ ทีพงจริงไมได ความสงบนิงยาวนาน มันก็ดี ่ ึ่ ่ อยหรอก แตมนก็ดบไปอยดี ถึงจะนังนิงอยู ู ั ั ู ่ ่ ตั้งแตหัวค่ำจนสวาง พอลุกขึ้นสักหนอยมัน ก็หายไปอยดี มันเปนทีพงแทจริงไมได เปน ู ่ ึ่ พรหมก็มอายุยาวนานมาก สงบยาวนานมาก ี ก็ยงเปนทีพงจริงๆ ไมได โลกทังหมดเปนเหมือน ั ่ ึ่ ้ กับถูกไฟไหมอยู มันมีแตของเกิดดับ ไฟเผา อยเู สมอ ไฟ คือ ชาติ ชรา มรณะ และไฟคือ กิเลส มีราคะเปนตน ๒๓
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง เราไดเกิดมาในโลก เกิดมาเพราะยังไมรู อริยสัจ ยังรอริยสัจไมแจมแจง ไมเกิดปญญา ู ไมเขาใจความจริง ยังไมมวชชา หนาทีของเรา ีิ ่ คื อ มาอาศั ย เพื่ อ ศึ ก ษาให เ ข า ใจความจริ ง กายใจนีเ้ ราไดมาเพราะยังไมรู ยังไมแจมแจง ในอริยสัจ ไดมาแลว เราอาศัยมัน อาศัยกาย อาศัยใจ เปนฐานทีตงใหเกิดสติปญญา เกิด ่ ั้ ความรู เกิดวิชชา นีแหละทีพระพุทธเจาทานเรียก ้ ่ วาสติปฏฐาน เปนทางเดียว เปนทางเอก สติปฏฐานนันเอากายกับใจเปนฐานที่ ้ ตังใหเกิดความรู ใหเกิดสติปญญา ใหเกิดศีล ้ เกิดสมาธิ เกิดปญญา จนกระทั่งรอดได ไมตองมาเวียนเกิดเวียนตายอีกตอไป รอดตาย คือไมตองมาตายแลว การที่จะไมตองตาย ๒๔
ส ติ ป
ญ ญ า มีวธเดียวเทานัน คือ ตองไมเกิด ถามาเกิด ิี ้ แลวก็ตองตาย มันเปนของคกนอยู ูั ในโลกนี้ มันมีแตของเปนคกน มันเปน ูั ธรรมดา มันเปนธรรมชาติของมันอยางนัน เรา ้ ตองศึกษาของคใหเขาใจวา ของคทงหมดเปน ู ู ั้ ของไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา เทากัน หมดเลย เกิดก็ไมเทียง จึงมีแก แกกไมเทียง ่ ็ ่ จึงมีตาย ตายก็ไมเทียง จึงมีเกิด ไดมาแลวก็ ่ ตองเสียไป มีแลวก็ตองหมดไป พบกันแลวก็ ตองจากกันไป สุขแลวก็ไมเทียง เปลียนเปน ่ ่ ทุกขได ทุกขแลวไมเทียง เปนสุขไดเหมือนกัน ่ สงบแลวไมเทียง ฟงซานอีกได ฟงซานไมเทียง ่ ุ ุ ่ เดียวก็สงบใหมไดเหมือนกัน อยางนี้ ๋ ๒๕
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง เราอาศัยกาย อาศัยใจ เปนทีตงใหเกิด ่ ั้ ความรู เปนที่ตั้งของการศึกษา จึงเรียกวา สติปฏฐาน ทางรอดมีทางเดียว คงเคยไดยน ิ กันแลวนะ เอกายนมรรค ทางที่ทำใหเกิด ความรู ใหเกิดสติ เกิดปญญา กายกับใจนี้ เราไดมาแลว ก็ใชมนเปนเครืองศึกษา อาศัย ั ่ ใหเกิดสติปญญา ความรทจะเกิดจากการอาศัย ู ี่ กายอาศัยใจนี้ จะมีอยสองอยางหลักๆ ู ความรอนทีหนีง เรียกวา ความรทเกิด ูั ่ ่ ู ี่ จากการมีสติ รวากายเปนอยางนี้ รวาใจเปน ู ู อยางนี้ ไมลมกายไมลมใจ นีเ้ รียกวา รแบบมีสติ ื ื ู ขันแรก เราอาศัยกายอาศัยใจ ใหเกิดสติ ไมหลง ้ ลืมมันไป ไมหลงไปตามโลก ถาหลงไปตามโลก ก็ไมเกิดการศึกษา ไมเกิดการเรียนรู บางคน ๒๖
ส ติ ป
ญ ญ า หลงออกไปจากกายจากใจของตัวเองมากหลง ไปเรื่องนั้น หลงไปเรื่องนี้ คิดเรื่องนั้น คิด เรืองนีเ้ ยอะแยะเหลือเกิน ทังๆ ทีเ่ ราอาศัยกาย ่ ้ อาศัยใจในการทำสิงตางๆ แตไมไดศกษามัน ่ ึ เลยนะ ไปศึกษาแตเรืองทีอน เรียนคณิตศาสตร ่ ่ ื่ เรียนฟสกส เรียนชีววิทยา เรียนเรืองการทำงาน ิ ่ เราเรียนเรืองเหลานันก็ดแลว จะไดทำงานหาเงิน ่ ้ ี เลี้ยงชีวิตได ชวยใหเรารอดอยูในโลกไดโดย ไมลำบากนัก แตที่จะดียิ่งขึ้นไปกวานั้น ก็คือเรียน เรืองกาย เรียนเรืองใจของตนเอง เพือทีเ่ ราจะ ่ ่ ่ อยรอด รอดจากความทุกข รอดจากความตาย ู ไมตองมาตายอีก ถาเกิดมาแลว ยังไงก็ไม รอดนะ ตายแนนอน ทุกทานนี่แหละ ผม ๒๗
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง พยากรณไดเลย ตายแน ไมตายตอนกลางวัน ก็ตายตอนกลางคืน ผมเปนหมอดูทแมนมาก ี่ เกิ ด มาแล ว ก็ ต ายทุ ก คน พบกั น แล ว ก็ ต อ ง จากกันทุกคน มีสามีแลวก็ตองเสียสามีแนนอน ไมทางใดก็ทางหนึง ไมเสียตอนดีๆ ก็เสียตอน ่ ตายจากไป ไมตองไปหาหมอดูเลย ใหผมดูนี่ ถูกหมดทุกคน มันเปนธรรมดาอยางนีของมัน ้ เราไดกายไดใจมาแลว ไดมาเพราะ ความไมรู ก็ใชมน อาศัยมัน เพือใหเกิดความรู ั ่ ความรอนทีหนึงทีเ่ ราจะไดคอรแบบสติ อาศัย ูั ่ ่ ื ู กาย อาศัยใจ ใหเกิดสติ รวากายมีอยู ใจมีอยู ู กายเปนอยางนี้ ใจเปนอยางนี้ กายมันนั่ง กายมันยืน มันเดิน มันนอน เหยียด คู หายใจเขา หายใจออก กระพริบตา กินอาหาร ถายอุจจาระ ๒๘
ส ติ ป
ญ ญ า ถายปสสาวะ นีเ้ รียกวามีสติ ไมหลงลืมกาย ใจมั น เป น อย า งนี้ ใจมั น สุ ข ใจมั น ทุ ก ข ใจมันเครียด ใจมันวิตกกังวล ใจมันหลงไปคิด เรื่องนั้นเรื่องนี้ ใจมันสบาย ใจมันไมสบาย มั น พอใจ มั น ไม พ อใจ นี้ เ รี ย กว า มี ส ติ ไมหลงลืมใจ ตอไปเปนความรอกอันหนึง รูแบบมี ูี ่ ปญญา คือรวา กายนีใจนี้ ไมใชตวเรา มันเปน ู ้ ั สิ่งที่เกิดเพราะเหตุเพราะปจจัย เกิดมาแลว ก็ตกอยภายใตกฎไตรลักษณ เปนของไมเทียง ู ่ เปนทุกข เปนอนัตตา อาศัยกายอาศัยใจไดความรมาสองอันู รูวากายมีอยู รูวาใจมีอยู นี่รูแบบมีสติ อันที่ ๒๙
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง สอง รแบบมีปญญา รวา กายนีใจนีเ้ กิดเพราะ ู ู ้ เหตุปจจัย เกิดมาแลวเปนของไมเทียง เปนทุกข ่ เปนอนัตตา ขันแรกทีเ่ รามาฝกฝนคือฝกใหเกิดสติกอน ้ เราฝกสติปฏฐานนี่ ฝกใหไดความรสองขัน ขันที่ ู ้ ้ หนึ่ง ฝกใหเกิดสติ ตามดูกาย ตามดูเวทนา ตามดูจต ตามดูธรรม เปนเหตุใหเกิดสติ เกิด ิ สัมปชัญญะ เกิดความรตว ไมลมกาย ไมลมใจ ู ั ื ื พอไมลมกาย ไมลมใจนี่ จะเกิดสิกขาหรือเกิด ื ื การศึกษาขึนมาสองขันตอน คือเกิดศีล เกิด ้ ้ สมาธิ ทีนกตามดูกายดูใจตอไปอีก เพือใหเกิด ี้ ็ ่ ปญญา เห็นความจริงของกายของใจ ๓๐
ส ติ ป
ญ ญ า ใหเราตามดูกายตามดูใจ การตามดู เรียกวาอนุปสสนา การตามดูกายเรียกวา กายานุปสสนา การตามดูเวทนาเรียกวา เวทนา นุปสสนา การตามดูจตเรียกวา จิตตานุปสสนา ิ การตามดูธรรมะคือกายกับใจนั่นแหละที่มัน ไมเทียง เปนทุกข เปนอนัตตา เรียกวา ธัมมา ่ นุปสสนา การตามดู ก็หมายความวา เราไมได ไปทำอะไรมัน เราดูมนทำ ตามดูเพือใหเกิดสติ ั ่ เกิดความรขนมาวา มันมีอยู มันเปนยังไงอยู ู ึ้ ตอนนี้ ไมลมมัน ไมมวแตใจลอย ไมมวแต ื ั ั เหม อ ไป กายมั น เป น ยั ง ไงตอนนี้ จิ ต มั น เปนยังไงตอนนี้ ถาตามรบอยๆ มันก็ชน จิต ู ิ ก็จำได ตอไปมีอะไรเกิดขึน ก็นกไดเอง ระลึก ้ ึ ๓๑
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ไดเองมีอะไรเปลี่ยนแปลงในกายในใจก็ระลึก ไดไว หลงไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ไมหลงนาน หลงไปก็ระลึกได อยางนีเ้ รียกวาคนมีสติ เมื่อมีสติบอยๆ เราทำอะไรก็จะรูตัว กายกำลังเคลื่อนไหว กำลังเดิน กำลังนั่ง กำลั ง ทำกิ ริ ย าอาการอย า งนี้ ใจกำลั ง คิ ด กำลังนึก คิดอยางนีจงพูดอยางนี้ คิดอยางนี้ ้ึ จึงทำอยางนี้ ก็รกเ็ ห็น อยางนีเ้ รียกวาคนมีสติ ู ถาเราทำอะไรแบบไมรูตัว ทำอะไรแบบคน เหมอลอยไป ใจลอยไปอยแตกบเปาหมายเรียก ู ั วาคนขาดสติ ทีเ่ ราไปทำผิด ไปวาคนอืน ไปวิจารณ ่ คนอืน ไปถกเถียงกันจนเปนทุกข เครียด วิตก ่ กังวล เพราะอะไร ก็เพราะขาดสติทั้งนั้น ๓๒
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง กิเลสทั้งหลายมาจากการขาดสติ จะดับ กิเลสนี่ ดับทีเ่ หตุนะ กิเลสมันมากับความมืด มากับการขาดสติ เราก็มาฝกใหมสติ เมือมีสติ ี ่ ก็ไมตองไปพูดถึงวา กิเลสอยทไหน เพราะมัน ู ี่ ไมเกิด ความทุกขกไมมี เหมือนกับถนนมันมืด ็ เราไมตองไปโทษถนนทีมนมืดนะ ไมตองไปฆา ่ ั ความมืด เดียวจะเหนือยเปลา จะตายเสียเปลา ๋ ่ เรามีไฟฉายก็สองไป มีไฟก็จดไฟ มันก็สวาง ุ ความสวางเขามา ความมืดก็หายไป กิเลส ก็เหมือนกันนะ เราไมตองไปตอสกบมัน ตอสู ูั กั บ มั น เราก็ เ หนื่ อ ยเปล า ตายทิ้ ง เปล า ๆ นั่นแหละ คำวา ตายทิ้งเปลาๆ คือไดเกิด มาใหมเกิดมาใหมกตายเหมือนเดิม ก็ไดเกิดมา ็ ใหมอยเู รือย ไดตายอยเู รือย อันนีมนเกิดมา ่ ่ ้ ั ตายเปลาๆ ไมไดรวธทจะไมตาย ู ิ ี ี่ ๓๔
ส ติ ป
ญ ญ า หนาทีของเราคือใสแสงสวางเขาไป ่ เป ด ไฟฉาย จุ ด ไฟขึ้ น มา ให รู ให มี ส ติ ให มี สั ม ปชั ญ ญะ กิ เ ลสมั น ก็ ไ ม มี ที่ อ ยู แ ล ว เหมือนกับความมืดนันเอง เวลาเราเปดไฟขึนมา ่ ้ ความมืดไปไหนละ ไมตองไปถามแลว เพราะ มันสวางแลว เวลามีสติกไมตองไปถามหรอกวา ็ กิเลสอยไหน การผิดศีลอยทไหน ความโลภ ู ู ี่ โกรธ หลงอยทไหน ไมตองถามนะ เพราะสติ ู ่ี มันคือความสวาง เมื่อมันสวาง กิเลสก็ไมมี สวางอยางสูงสุดก็เปนพระอรหันต เปนผมสติ ู ี สมบูรณ มีปญญาสมบูรณ วิชชาก็สมบูรณ ก็เทานันแหละ ้ เราหลงเยอะ กิเลสก็เลยเยอะ ทุกข ก็เลยเยอะ เมื่อหลงนอยลง กิเลสก็นอยลง ๓๕
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ทุกขกนอยลง สุขก็มากขึน มันก็มเี ทานันละ ็ ้ ้ เวลาเราละกิเลส ก็ละทีสาเหตุของกิเลส สาเหตุ ่ ทีกเิ ลสเกิดขึนก็เพราะเราขาดสติ เราตองมาฝก ่ ้ สตินะ เราฝกสติ นี่แหละคือการละกิเลส เราไมไดไปละแบบกลัวมันหรือไปตอสูกับมัน แบบนันไมไหว เราจะเหนือยตาย ้ ่ อยาไปตอสูกับความมืด อยาไปโทษ ความมืด มันไมเกิดประโยชน ความโกรธ เกิดขึ้นมาแลว ราคะเกิดขึ้นมาแลว เราก็ ไมตองไปโทษมัน เราไมนาทำผิดเลย วิตก กังวลไป จะไปนรกหรือเปลา ทำยังไงจะหาย ไปทำอยางโนนอยางนี้ แบบนันเราก็ยงหลง ้ ั เหมือนเดิมนะ เรายังทำแบบหลงๆ ก็ยงตองมา ั เกิดมาตายเหมือนเดิม ๓๖
ส ติ ป
ญ ญ า ถาจะไมใหเกิดอีก ไมใหตายอีก เรา ตองทำแบบรู แบบมีสติ มีสมปชัญญะ ไมทำ ั แบบหลงๆ ฉะนัน เราทังหลายตองฝกฝนใหเกิด ้ ้ ความรู อาศัยกายอาศัยใจ ใหเกิดความรู รวาู กายใจมีอยู คือมีสติ รวา กายใจนีเ้ กิดเพราะ ู เหตุปจจัย เปนของไมเทียง เปนทุกขเปนอนัตตา ่ มีแตของผานมาแลวผานไป มีแตของไมคงทน มีแตของไมใชตวเรา ไมมใครเปนเจาของ มีแต ั ี ของบังคับบัญชาไมได คือมีปญญา ในตอนแรก เรามาตามดูกายดูใจ ใหมน ั เกิดสติ ปกติเราชอบหลงอยแลว หลงจนชิน ู เราจึงตองเตือนตัวเองบอยๆ คลายกับถาม ตัวเองบอยๆ วา ตอนนีกายมันเปนอยางไร ้ ใหมาตามดูกาย กายมีอะไรใหดบาง กายมัน ู ๓๗
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง หายใจเขาหายใจออก เราก็เตือนตัวเอง ใหมา ดูกาย ตอนนีมนหายใจเขานะ ตอนนีมนหายใจ ้ ั ้ ั ออกนะ อิรยาบถใหญ ยืน เดิน นัง นอน ิ ่ เราดูวา นีมนยืน นีมนเดิน นีมนนัง นีมนนอน ่ ั ่ ั ่ ั ่ ่ ั ใหรสกถึงกายเฉยๆ ไปตองไปคิดมาก ไมตอง ู ึ ไปพูดมาก ใหรสกวา กายนอนมันเปนอยาง ู ึ นีนะ ราบลงกับพืน แคไมลมมันเทานันแหละ ้ ้ ื ้ หลงลืมไปก็ใหรไวๆ อยาลืมนาน อิรยาบถยอยๆ ู ิ กายเคลือนไหว เหยียดคู กำมือเขา แบมือออก ่ ผงกหนา กระพริบตา กลืนน้ำลาย เราเตือน ตัวเอง ใหมารวา กายมันเปนอยางนี้ เรียกวา ู ตามดูกาย ตามดูกายใหเกิดสติ ตอไปจะได ไมลมกาย ื ตอไป การตามดูเวทนา ตามรความรสก ู ูึ ความรสกทางกายมี 2 อยาง รสกสบายทางกาย ูึ ูึ ๓๘
ส ติ ป
ญ ญ า กับไมสบายทางกายสบายทางกายก็เวลานังที่ ่ นุมๆ ลมพัดเย็นสบาย กายไมเคล็ดขัดยอก ไมสบายทางกายก็เจ็บปวด กระทบกับของแข็ง เขาก็เจ็บ นังนานก็ปวดหลัง เดินนานก็ปวดขา ่ หรือบางคนปฏิบตธรรมไมถก เพงนานไปหนอย ั ิ ู ก็ปวดคอ ปวดไหล ถาเวทนาอันไหนชัดเราก็รู สึกลงไปวา มันเปนอยางนั้น เวทนาทางใจ มีความสุขทางใจเรียกวาโสมนัส ความทุกข ทางใจเรียกวาโทมนัส แลวก็ไมสุขไมทุกข เฉยๆ หรือมึนงงสงสัย ไมรูวาจะสุขหรือทุกข ไมรวาจะดีใจหรือเสียใจ มันวนเวียน ดูไมออก ู เลย เฉยๆ นิ่งๆ ไป อยางนี้เรียกวาอทุกขม สุขเวทนา เราก็ตามดูมนไป ตอนนีรสกอยาง ั ้ ู ึ นี้ จะไดไมหลงไมลมตัวเอง ื ๓๙
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ตอไปก็ตามดูจิต จิตมีราคะก็รูวาจิต มีราคะ เราตามดูไป สักหนอยจิตมีราคะ มันหายไป ก็กลายเปนจิตไมมราคะ ก็ตามดูทง ี ั้ 2 อยางนะ จิตมีราคะก็รวาจิตมีราคะ จิตไมมี ู ราคะก็รวาจิตไมมราคะ จิตมีโทสะ มีความโกรธ ู ี มีความไมพอใจ มีความเครียดเกิดขึน ก็รวาจิต ้ ู มีโทสะ พอดูไปแปบหนึง บางคนก็ยาวหนอย ่ บางคนก็สั้น มันเกิดตามเหตุ มันก็หายไป ตามเหตุ เราไมไดดใหมนหายนะ เราดูให ู ั มันเห็น ดูใหรวามันมีอยู ดูใหเห็นความจริง ู ของมัน เห็นวามันเปนอยางนี้ นีมนโกรธนะ ่ ั ความโกรธเปนอยางนี้ สักหนอยมันก็หายไป กลายเปนจิตไมมโทสะ ถามันเกิดใหมอกก็ดอก ี ี ูี มันหายไปก็รวามันหายไป อยางนีเ้ รียกวาตาม ู ดูจต ิ ๔๐
ส ติ ป
ญ ญ า เมื่อจิตมีโมหะ จิตหลงไปคิดเรื่องนั้น เรืองนี้ ยาวบางสันบาง ตัวเรานีหายไปจากโลก ่ ้ ้ มีแตเรืองทีเ่ ราคิดเปนจริงเปนจังขึนมา ก็ใหรวา ่ ้ ู อาว .. เราหลงไปคิดแลวนี่ จะคิดนานหรือไมนาน ก็ไมเปนไร หลงนานหรือไมนานก็ไมเปนไรจะ คิดผิดหรือถูกก็ไมเปนไร แครูวา จิตมันคิด มันหลงไป มันลืมตัวเองไป แคนกพอ พอรอยางนี้ ้ี ็ ู ความคิดนั้นก็จะดับไป พอมันดับจากเรื่องนี้ มันก็หลงไปคิดเรืองอืนอีก เราก็รอก มันหลง ่ ่ ู ี บอยหลงทังวัน เราก็รบอยๆ มีสติบอยๆ เรือง ้ ู ่ ตางๆ ก็จะสันลง ทุกขกจะสันลง เราไมตองไป ้ ็ ้ พยายามใหมนสันลง เพียงแตเรารมนก็สนแลว ั ้ ู ั ั้ ทีมเี รืองยาวๆ เปน 30 นาทีเปนชัวโมงนีเ่ พราะ ่ ่ ่ อะไร เพราะไมรู ขาดสติ ถาเรารแทรกขึนมา ู ้ มันก็หายไปแลว ๔๑
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง เราทังหลายก็ลองสังเกตดู มันคิดอยได ้ ู ไมนานหรอก คิดไปจนอิมตัวมันก็เลิก สมมติวา ่ คิดถึงสามีทบาน เราก็คดไป เขาจะทำอะไรนะ ี่ ิ ตอนนี้ พอมันอิมตัวแลวมันก็เลิก แลวก็ไปคิด ่ เรืองอืนตอ วันหนึงๆ เราจึงรสกมีเรืองนันเรืองนี้ ่ ่ ่ ูึ ่ ้ ่ เต็มไปหมด หยุดความคิดไมได หยุดไมเปน บางเรืองไมอยากคิดก็คด ก็เลยเกิดความทุกข ่ ิ ติดตามมาไมหยุดหยอน ที่ เ ราหลงคิ ด จนเป น เรื่ อ งนั้ น เรื่ อ งนี้ ขึนมา แสดงวาหลงไปนานแลว ตอไปฝกใหรู ้ เร็วๆ จนกระทังรวา จิตมันคิด คิดยังไมเปน ่ ู เรือง ไมรวามันไปคิดอะไร อยางนีดทสดนะ ทีเ่ รา ่ ู ้ ี ี่ ุ เปนทุกขขนมา เพราะรเู รืองมากเกินไป ขาดสติ ึ้ ่ หลงนานไป ไปรเู รืองคนนันคนนี้ คิดเรืองโนน ่ ้ ่ ๔๒
ส ติ ป
ญ ญ า เรื่องนี้ เลยเปนทุกข ถาไมรูวาคิดเรื่องอะไร ก็ไมรจะทุกขกบอะไร ใหรทนจิตทีมนหลงคิด ู ั ู ั ่ ั แวบไปแวบมานีบอยๆ เวลามันหลงไปก็ใหรู เวลา ้ มั น รู ขึ้ น มา มั น ไม ห ลงก็ ใ ห รู อี ก เหมื อ นกั น จิตมีโมหะก็ใหรูวาจิตมีโมหะ จิตไมมีโมหะก็ ใหรูวาจิตไมมีโมหะ จิตมีอาการเปนอยางไรก็ใหรู เครียด วิตกกังวล ฟงซาน สงบก็ใหรู มีสมาธิกใหรู ุ ็ ไมมีสมาธิก็ใหรู บางคนเห็นจิตมันวุนวาย เหลือเกิน วกวนไปเรืองโนนเรืองนี้ ไมมสมาธิ ่ ่ ี ซะที จะทำยังไง ไมตองทำยังไงหรอก ใหเรา รวา มันไมมสมาธิ มันวนเวียนไปมา พอรทน ู ี ู ั สภาวะนั้นดับไป ใจก็จะมีสมาธิตั้งมั่นขึ้นมา พอจิตตั้งมั่นขึ้นมา ก็ใหรูวาตอนนี้จิตตั้งมั่น ๔๓
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง สักหนอยมันก็ดับไป จิ ต มี ส มาธิ ก็ รู ว า จิ ต มี สมาธิ จิตไมมีสมาธิก็ใหรูวาจิตไมมีสมาธิ บางทีเกิดความรสกวา มันหลุดพนจาก ูึ บางสิ่งบางอยาง หลุดจากความเขาใจผิดๆ ในบางเรือง ตอนนีเ้ ขาใจแลว จิตมันหลุดพน ่ ขึนมาเปนครังคราวก็ใหรวาจิตหลุดพน จิตไม ้ ้ ู หลุด เขาไปยึดก็ใหรวาจิตไมหลุดพน ไมมกเิ ลส ู ี เปนครังๆ คราวๆ เกิดความเขาใจ เกิดความ ้ ปลาบปลื้มขึ้นมา จิตเขาฌานไปก็ใหรูวามัน เปนอยางนี้ มันไมทง มันไปยึดอีก ก็ใหรวา ิ้ ู มันไปยึด จิ ต หลุ ด พ น ก็ ใ ห รู ว า จิ ต หลุ ด พ น จิตไมหลุดพนก็ใหรูวาจิตไมหลุดพน เราก็รู ไปเรือยๆ อยางนี้ ่ ๔๔
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ในการปฏิบตนะ ตอนแรกยังไมเขาใจ ั ิ ก็ยึดนั่นยึดนี่ไปทั่ว พอเกิดความเขาใจก็จะ ทิงไป พอทิงอันนีแลวก็ไปยึดอันอืน ก็ใหรวา ้ ้ ้ ่ ู ไปอยางทีมนเปน ไมตองไปดีใจเมือมันหลุดพน ่ ั ่ ไมตองไปเสียใจเมือมันไปยึดอีก แตหากมีความ ่ ดีใจเสียใจเกิดขึนก็ใหรทน พอใจก็ใหรวาพอใจ ้ ู ั ู สิ่งดีๆ ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ แตมันไมอยู นานหรอก มันเปนของไมเที่ยง เหมือนเรา มาเรียนธรรมะ พอไดเขาใจอะไรนิดหนอย ก็ ดีใจ เลยยึด ทิงอันเกามายึดอันใหม ยึดดีกไมดี ้ ็ ยึดถูกก็ผดนะ ฉะนัน ใหเรารทนทุกๆ สภาวะ ิ ้ ู ั พนก็ใหรวาพน ยึดก็ใหรวายึด ู ู เราตองมีสติ มีปญญาอยเู สมอ อาศัย กายกับใจใหเกิดความรูยิ่งๆ ขึ้น ใหมีสติ ๔๖
ส ติ ป
ญ ญ า มากขึน ใหมปญญามากขึน จนกระทังเกิด ้ ี ้ ่ ความรูวา ทุกสิ่งทุกอยางที่เกิดขึ้น ลวนแต ดับไปทังหมด สิงใดสิงหนึงมีความเกิดขึนเปน ้ ่ ่ ่ ้ ธรรมดา สิงนันทังมวลลวนแตดบไปเปนธรรมดา ่ ้ ้ ั ไมมสงไหนเปนทีพงจริงๆ ได เมือเกิดความรู ี ิ่ ่ ึ่ ่ อยางนีจงจะไดทพง เปนผทมนคง คนทีมจตใจ ้ึ ี่ ึ่ ู ี่ ั่ ่ ีิ มั่นคง ก็คือผูที่เห็นวา ไมมีสิ่งไหนมั่นคงเลย ไมใชไปทำใหมนมันคงถาวร พวกทีชอบไปทำ ั ่ ่ ใหมนมันคง พวกทีชอบบังคับสิงนันสิงนีไปทัว ั ่ ่ ่ ้ ่ ้ ่ เปนพวกไมมั่นคง พวกงอนแงน พวกขี้กลัว ไปพยายามทำใหมนนิงๆ พวกนีจะกลัวความ ั ่ ้ เปลียนแปลง กลัวสิงทีไมควรกลัว ผทไดเห็น ่ ่ ่ ู ี่ ความไมมั่นคงบอยๆ มีแตของเกิดแลวดับ ผานมาแลวผานไป ในโลกไมวาจะเปนมนุษย เทวดาหรือพรหม ไมมอะไรเปนทีพงได เปนผู ี ่ ึ่ ๔๗
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ที่เห็นความจริง รูวาไมมีอะไรจริงแทเลยซัก อันเดียว ทีเ่ คยคิดวา อันนีนาจะจริง อันนีนา ้ ้ จะสุข ดูไปดูมา ไมจริงซะแลว ไมเทียงซะแลว่ แปรปรวนไปแลว ฉะนัน ไมตองไปหาของจริงแท ้ ถาวรอะไรนะ ศึกษาใหรวา มีแตของไมจริง ู แลวจะไดของจริง จะไดยังไงก็คอยวากัน ไมตองไปหาอะไรที่มันมั่นคง ศึกษาใหรูวา ไมมอะไรมันคง แลวจะไดทพงอันมันคง ไดยงไง ี ่ ี่ ึ่ ่ ั ก็คอยวากัน ตอนนี้ใหรูสิ่งที่รูไดไปกอน รู กายรใจอยางทีมนเปน ใหมสติทเี่ ปนสติปฏฐาน ู ่ ั ี ใหเกิดความรู เกิดสติมากขึน บอยขึน รวา ้ ้ ู กายมีอยู ใจมีอยู รวากายนีใจนี้ ไมใชตวเรา ู ้ ั เปนสิงทีเ่ กิดจากเหตุปจจัย เกิดมาแลวตกอยู ่ ภายใตกฎไตรลักษณ เปนของไมเทียง เปนทุกข ่ เปนอนัตตา ๔๘
ส ติ ป
ญ ญ า ตอไป การตามดูธรรม ทังกาย ทังใจ ้ ้ ทังรูป ทังนาม ทีเ่ ปนของเปลียนแปลงอยเู สมอ ้ ้ ่ ทังกิเลส ทังกุศล กิเลสพวกนิวรณตางๆ ก็อยา ้ ้ ไปรังเกียจ ใหตามดูมน มันเปนสภาวะอยางหนึง ั ่ สภาวะดีๆ ที่เปนไปเพื่อการตรัสรู ที่เรียกวา โพชฌงค ก็เปนสภาวะอยางหนึง สติกเ็ ปน ่ สภาวธรรมอยางหนึง ถาเกิดขึนก็ใหรวาตอนนี้ ่ ้ ู จิตมีสติ สักหนอยก็หลงได มีปญญา มีความรู เกิดขึนก็ใหรวาจิตมีปญญา สักหนอยก็ดบไป ้ ู ั เกิดความงงขึนมาได มีปตกใหรวามี มีความ ้ ิ ็ ู สงบระงับก็ใหรวามี มีสมาธิกใหรวามี มีอเุ บกขา ู ็ ู ก็ใหรวามี สักหนอยก็ดบไป ู ั ทังฝายดีและฝายไมดกเ็ ทาเทียมกัน เรา ้ ี ศึกษาเพือปลอยวางทังดีทงไมดี แตจะปลอย ่ ้ ั้ ๔๙
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง วางได ตองรูจักความจริงของมัน อาศัยมัน ใหเกิดความรกอน ใหเห็นโดยความเปนขันธ ู โดยความเปนปรากฏการณทมนเกิดเปนครังๆ ี่ ั ้ เปนรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โลกนี้ ก็เปนปรากฏการณ เราตายไปแลว ฉากเหลานี้ ก็หายไป รู ก ารทำงานของอายตนะ ตามอง เห็นรูป อาศัยตากับรูปกระทบกันเกิดการ มองเห็นขึ้น เกิดความรูสึกชอบใจไมชอบใจ และเกิดกิเลสชนิดตางๆ ขึนมา เปนกระบวน ้ การเกิดขึ้นของธรรมะ ทุกสิ่งมันอิงอาศัยกัน และกันเกิดขึนตามหลักปฏิจจสมุปบาท ไมไดมี ้ ตัวตนถาวรที่ไหนเลย ที่เกิดความปวดหลัง ขึ้นมานี่ เพราะนั่งนานไปหนอย อาศัยกาย ๕๐
ส ติ ป
ญ ญ า กับสิ่งสัมผัสกระทบกัน เกิดการรับรูทางกาย ทำใหเกิดเวทนาชนิดนี้ พอเกิดเวทนาชนิดนีขน ้ ึ้ เราไมชอบมัน ก็ผลักไสมัน ทำอาการอยางนัน ้ อยางนีเ้ พือแกมน ทุกอยางทีเ่ กิดลวนไมไดมตว ่ ั ีั มีตนอะไร อาศัยผัสสะทีเ่ กิดขึนเปนคราวๆ เกิด ้ เวทนาเปนคราวๆ และเกิดสภาวะอื่นตามมา เปนสภาวะแตละอยางๆ เกิดแลวดับไป เมือเห็น่ ธรรมะอยางนีบอยๆ ความรกจะรวบยอดลงมา ้ ู็ เห็นอริยสัจ ขอใหทกทานพยายามฝกฝน แรกๆ ตอง ุ อาศัยความพยายาม อดทน หัดเอา สังเกตเอา ใหรตวบอยๆ อยาไปคาดหวังวาตองไดสติเยอะๆ ู ั ถาทำแลวเครียด มึน ซึมกะทือ อยาไปทำนะ บางคนทำซะจนออกมาทางกายก็มี ใจเครียด ๕๑
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง ยังไมพอ บางคนก็จดจองมากตองเอาใหได ทำจนกระทังคอแข็ง ขาแข็ง หลังแข็งไปหมด ่ อยาไปทำอยางนันนะ เราฝกใหเกิดสติ สติเปน ้ กุศล ทำแลวเบาสบาย ปลอดโปรง ดูความโกรธ ดูความไมพอใจ ดูความเครียด ความวิตกกังวล ความกลั ว ก็ ดู แ บบสบายๆ ดู แ บบห า งๆ ชำเลื อ งดู สติ ท่ี แ ท จ ริ ง ทำให จิ ต เบาสบาย รูกายรูใจไดดี นีแหละ เปนวิธตามดูกายตามดูใจให ้ ี เกิดสติ เมือเกิดสติ เกิดความรตวบอยๆ แลวก็ ่ ู ั มาตามดูกายดูใจตอไปก็จะเกิดปญญาเห็นความ จริงของกายของใจ เห็นไตรลักษณถอดถอน ความเห็นผิด ถอดถอนความยึดมันถือมันในกาย ่ ่ ในใจได เวลามีสตินี่ จะปองกันกิเลสได กิเลส ไมเกิดเพราะวามีสติ ๕๒
ส ติ ป
ญ ญ า หากกิเลสเกิดขึ้นแลวมีสติรูทัน กิเลส ก็จะไมโต เวลาความโกรธเกิดขึน เรามองเห็นมัน ้ ความโกรธก็ไมรนแรง ความโลภเกิดขึน เรามอง ุ ้ เห็นมัน ความโลภก็ไมรนแรง อยางนีเ้ รียกวา ุ การละกิเลสดวยสติ ละดวยการสังวร คือการ ปองกันไมใหกิเลสเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมาแลว ก็ไมใหตวโต พอตัวมันไมโต ก็ไมครอบงำใหเรา ั ไปทำผิด เราไมใหอาหารมัน มันเกิดเองก็ดบ ั เองนะ แตถามันตัวโตเมือไร เราก็เรียบรอยทุกที ่ ไปทำโนนทำนี่ ใหพลังงานกับมันเยอะเลย ขันแรกเราละกิเลสดวยสติ ดวยการสังวร ้ ดวยการปองกัน มีสติกละกิเลสไดระดับหนึง ทีนี้ ็ ่ ตามดูกาย ตามดูใจก็จะเกิดปญญา ปญญาจะ ถอดถอนกิเลสเกาๆ ความเขาใจผิดๆ ความ ๕๓
สุ ภี ร
ทุ ม ท อ ง หมายรผดๆ ทียงละไมได ความยึดมันเกาทีมี ูิ ่ั ่ ่ อยูก็ถูกถอนขึ้น สังวรก็ดวยสติ ถอดถอน ก็ดวยปญญา นีแหละ เราอาศัยกายอาศัยใจ ้ ใหเกิดสติปญญา ละกิเลสได สมควรแกเวลาแลว ก็ใหทานไปปฏิบติ ั ตามอัธยาศัย ตามดูกาย ตามดูใจ อยาลืมกาย อยาลืมใจ ขออนุโมทนาทุกทานครับ ๕๔
ประวัติ อาจารยสุภีรส ทุมป
ญ ญ า ติ ทอง วันเดือนปเกิด : วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๕ บานหนองฮะ ต.หนองฮะ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร การศึกษา : เปรียญธรรม ๔ ประโยค ประกาศ นียบัตรบาลีใหญ วัดทามะโอ จ.ลำปาง - วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟา มหาวิทยาลัยขอนแกน งานปจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๒) - ผูจัดการฝายจัดซื้อ บริษัทบางกอกพร็อพเพอรตี้ คอรปอเรชั่น จำกัด คณะกรรมการโครงการแปลพระไตรปฎกนิสสยะ และตรวจชำระคัมภีร - อาจารยสอนพิเศษปริญญาตรีชั้นปที่ ๓ และ ๔ วิชาพระอภิธรรมปฎก - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาลีศึกษาพุทธโฆส จ.นครปฐม บรรยายธรรมะตามสถานที่ตางๆทั้งในกรุงเทพฯ และตางจังหวัด - เผยแผ ธ รรมะทางเว็ บ ไซด www.ajsupee.com
Anúncio