SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 20
Baixar para ler offline
• ผู้หญิงที่อยู่ในเขตเมืองหรือเทศบาลร้อยละ 63.06
• สาหรับผู้หญิงที่อยู่ในชนบทร้อยละ 65.88
• พิจารณาจากอาชีพ พบความแตกต่างประมาณ
9 ใน 10 ของผู้มีงานทาอยู่ในเขตเมืองทางานนอก
ภาคเกษตร
•ในภาคเกษตรผู้หญิงในชนบทจะทางาน ในภาค
เกษตร ร้อยละ 54.25
• ด้านคุณภาพชีวิตในการทางานของแรงงานหญิง พิจารณาจากจานวนชั่วโมงทางานต่อ
สัปดาห์ ก็พบความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติการทางานเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ชั่วโมงต่อ
สัปดาห์
• ผู้หญิงมีชั่วโมงการทางานเฉลี่ย 45.14 ชั่วโมงร้อยละ 34.03
• ทางานมากกว่า 50 ชั่วโมง ร้อยละ 23.33
• เมื่อพิจารณาภาคเกษตรกรรม มีผู้หญิงร้อยละ 44.14 ทางานใน
ภาคนี้
• ผู้หญิงทางานระหว่าง 40-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีร้อยละ 36.95
และ ประมาณ 1 ใน 3 ร้อยละ 23.33ทางานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อ
สัปดาห์
 ประเทศที่มีผู้หญิงทาหน้าที่ในรัฐสภา มากที่สุดใน 10 ลาดับ และในประเทศอาเชี่ยน
 เพศของหัวหน้าครัวเรือน จากการสารวจภาวะ การทางานของประชากร
พ.ศ. 2547 – 2550 พบว่าหัวหน้าครัวเรือนที่เป็นเพศชายนั้นมีอัตราลดลง
อย่างต่อเนื่องคือ จากร้อยละ 72.1 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 69.0 ในปี 2550
แต่ในปัจจุบันนี้เพศหญิง
มีอัตราการเป็นหัวหน้าครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นจาก ร้อยละ 27.9 ในปี 2547 เป็น
ร้อยละ 31.0 ในปี 2550
 ผู้หญิง 77.47% เป็นผู้ที่รับภาระหลักในการทางานบ้าน และมีไม่
ถึง 1% ที่ผู้หญิงและผู้ชายช่วยกันทางานบ้าน
 ในด้านการเมืองและการบริหาร พบว่ามี ส.ส.หญิงเพียง 12%
 ผู้บริหารระดับสูงในราชการ ปี 2549 มีผู้หญิง 25.69%
 ด้านสื่อสารมวลชน ปี 2551 มีผู้หญิงในงานสื่อสารมวลชน
38.4%
* มูลนิธิผู้หญิง
“ คณะกรรมการที่เป็น ผู้หญิงสามารถลดความเสี่ยงจากการล้มละลายได้ถึง
20% ขณะที่ 30% ของผู้หญิงที่เป็นกรรมการบริหารจะทาให้ผลประกอบการ
ดีขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจถดถอยผู้หญิงจะเป็นผู้นาที่ดีกว่าผู้ชาย ”
 ผลการวิจัยในต่างประเทศ ที่เปิดเผยโดยศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในงาน Mega Trends in Family Business “เจาะลึก
แนวโน้มธุรกิจครอบครัวไทยสู่อนาคต”
 วันนี้ 25 - 30% ของธุรกิจครอบครัวทั่วโลก มีผู้หญิงเป็นผู้นา นอกจากนี้
สถิติจากปี 1997 จนถึงปัจจุบัน ยังพบว่า ผู้หญิงเป็นผู้นาในธุรกิจครอบครัวถึง 5
เท่าตัว และ 1 ใน 3 ของผู้สืบทอดธุรกิจเป็นผู้หญิง นี่เป็นเทรนด์ที่กาลังเกิดขึ้นใน
โลก
ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ตัวแทนจากศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้กล่าวเกี่ยวกับจุดแข็งต่างของผู้หญิง ที่สะท้อนถึง
ความน่าสนใจในการสืบทอดกิจการไว้ดังนี้
เริ่มต้นจาก ความต่างในการทางานของสมอง ที่ระบุออกมาว่า ผู้หญิงสามารถ
ทาอะไรหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน จากทักษะที่หลากหลายกว่าผู้ชาย เช่น การเงิน
บริหารคน และการขาย ขณะที่ผู้ชายจะโฟกัสในเรื่องราวต่างๆ เป็นกลุ่มๆ (แยก
ส่วน) ต่างจากผู้หญิงที่จะมองเป็นจิ๊กซอว์ ทาให้สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ
ได้ดีกว่าผู้ชาย
 ผู้หญิงยังมีความละเอียดอ่อน มีความคิดสร้างสรรค์ และรับรู้ความรู้สึกได้เร็ว
นั่นทาให้เมื่อธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงจึงรับรู้ได้เร็วกว่าผู้ชาย
 อีกจุดที่น่าสนใจสุด คือ การทางานในธุรกิจครอบครัวผู้หญิงมักจะ “ทุ่มเทด้วย
หัวใจ” เมื่อทาด้วยใจก็จะเกิด Passion ในการผลักดันความสาเร็จได้ดีกว่า
 ผู้หญิงจะมีการบริหารจัดการ ละเอียดอ่อนกว่า คือ ช่างสรรหา ช่างเจรจา
ช่างประสานงาน และช่างติดตาม
 ผลสารวจจากต่างประเทศที่เรียกว่า แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์
เนชั่นแนล บิซิเนส รีพอร์ท (Grant Thornton International
Report) หรือ ไอบีอาร์ (IBR)
 จากผลการสารวจ 39 ประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยมีผู้หญิง
ดารงตาแหน่งระดับบริหารในธุรกิจภาคเอกชนมากถึง 45% ของ
ตาแหน่งบริหารทั้งหมด ถือว่ามีสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
 โดยมีจอร์เจีย ตามมาเป็นอันดับสอง 40 % รัสเซีย อันดับสาม 36
% ฮ่องกงและฟิลิปปินส์ ตามมาในอันดับสี่ ประเทศละ 35 %
 ตาแหน่งที่ผู้หญิงไทยสามารถเข้าไปอยู่ในระดับสูงได้แก่
◦ ตาแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการเงิน เช่น ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงินหรือผู้อานวยการฝ่าย
การเงิน (22%)
◦ รองลงมาเป็นตาแหน่งฝ่ายทรัพยากรบุคคล (20%)
◦ หรือบริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด และผู้อานวยการฝ่ายการขาย (9% )
 เหตุที่ผู้หญิงสามารถดารงตาแหน่งผู้บริหารระดับสูงนั้น เป็นเพราะผู้หญิงไทยค่อนข้างมี
ความละเอียดอ่อน รอบคอบและมีความอดทน สามารถทางานภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน
ต่างๆ ได้ดี ตาแหน่งต่างๆดังกล่าวค่อนข้างต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและ ความอดทนเช่น
งานด้านการเงิน หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานอยู่เป็นประจา
 หน่วยงานหรือองค์กรที่ผู้หญิงสามารถเป็นผู้บริหารระดับสูงได้นั้น ส่วนมากจะเป็นองค์กร
เอกชน ส่วนหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นๆ ก็เริ่มที่จะเห็นผู้หญิงเข้ามามีบทบาทตามมา
มากยิ่งขึ้น
 ผลการสารวจกาลังคนภาครัฐข้าราชการพลเรือนปี 2550 จากสานักงาน
ก.พ. ระบุว่า ราว 5 ปีที่แล้วข้าราชการพลเรือนเป็นหญิงมากกว่าชาย
โดยเป็นหญิง 61.67% ชาย 38.33% ซึ่งผู้หญิงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ราว 0.20% จากปีก่อนหน้า
 ส่วนราชการที่มีข้าราชการหญิงมากกว่าชาย ตั้งแต่ 65% ขึ้นไป ได้แก่
◦ กระทรวงสาธารณสุข 77.59% กระทรวงศึกษาธิการ 73.44%
◦ กระทรวงแรงงาน 66.99% กระทรวงการคลัง 66.81% และ
◦ กระทรวงพาณิชย์ 65.73%
ซึ่งล้วนแต่เป็นกระทรวงสาคัญในการพัฒนาประเทศ ส่วนกระทรวงที่มีข้าราชการชาย
มากกว่าหญิง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีสัดส่วนชายสูง
กว่าหญิงมากที่สุด 76.45% รองลงมาเป็น กระทรวงยุติธรรม 67.76%กระทรวง
คมนาคม 61.98%และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 61.90%
 ข้าราชการในกลุ่มระดับ 1-5 เป็นหญิงมากกว่าชายเกือบ 2 เท่า คือ เป็น
หญิง 65.57% ส่วนชาย 34.43
 กลุ่มระดับ 6-8 เป็นหญิงมากกว่าชายเช่นกัน หญิง 59.83% ชาย 40.17%
 ส่วนกลุ่มระดับ 9-11 หญิงกลับมีน้อยกว่าชาย โดยเป็นหญิงเพียง 27.40%
เท่านั้น
แม้ว่าในกลุ่มระดับ 9 ถึงระดับ 11 ชายมากกว่าหญิงในสัดส่วนที่
แตกต่างกันพอสมควร
แต่นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สัดส่วนของข้าราชการหญิงในทุกระดับมี
แนวโน้มเพิ่ม มากขึ้นในทุกปี
 ไทยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อยู่สูงถึง 81 คน คิดเป็น 19.33% มากกว่าปี
2553 ที่มีอยู่เพียง 11%
 ส่วนสมาชิกวุฒิสภาหญิงมีทั้งสิ้น 25 คน คิดเป็น 20.16%
 ปัจจุบันผู้หญิง ยังมีโอกาสในทางการเมืองน้อยกว่าผู้ชายมาก ในระหว่างปี 2550 ถึง 2556
สัดส่วนผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นหญิงมีเพียงร้อยละ 12.67
 ผู้หญิงเป็นตัวแทนในรัฐสภา และองค์กรปกครองท้องถิ่น น้อยกว่าผู้ชายมาก
 ความรุนแรงที่เกิดกับผู้หญิง จากสถิติมักเกิดจากคนในครอบครัว หรือเป็น
บุคคลที่เรียกว่าสามี ตั้งแต่ปี 2550 – 2556 ไทยมีผู้หญิงและเด็กถูกกระทา
ความรุนแรงมากขึ้นสูงถึง 87 รายต่อวัน ในจานวนนี้เป็นหญิงร้อยละ 40 และ
เด็กร้อยละ60
 การกระทาความรุนแรงต่อ ผู้หญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการ
กระทาความรุนแรงของผู้ชาย ผู้หญิงที่ถูกกระทายังอายที่จะแสดงให้สังคมรับรู้
ทาให้ไม่สามารถแก้ปัญหา ตั้งแต่ต้นเหตุได้
 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของ
ผู้หญิงทั่วโลกตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงภายในครอบครัว โดยผู้หญิงในภูมิภาคเอเชีย
และตะวันออกกลางตกเป็นเหยื่อของความทุกข์ทรมานมากที่สุด
 ผลการศึกษานาข้อมูลจาก 81 ประเทศพบว่า ระดับของการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง
สูงสุดในเอเชีย มีบังคลาเทศ ติมอร์ตะวันออก อินเดีย พม่า ศรีลังกา และประเทศไทย
 มีผู้หญิง 37.7 เปอร์เซ็นต์ ได้รับผลกระทบที่ตอกย้าความรุนแรงของปัญหาให้ดูเลวร้าย
ยิ่งขึ้น คือ ในบรรดาผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมทั่วโลก 38 เปอร์เซ็นต์ เกิด
จากน้ามือคู่ของตนเอง
 จากข้อมูลของ UN WOMEN พบว่าประเทศไทยอยู่ในระดับ 7 จาก 71 ประเทศที่ใช้ความ
รุนแรงทางเพศกับคู่ของตนเอง ที่หนักไปกว่านี้ก็คือ เป็นลาดับที่ 2 ใน 49 ประเทศที่เชื่อว่า
สามีที่ใช้กาลังกับภรรยาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
 ศูนย์พึ่งได้กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าระหว่างปี 2550 – 2554 เด็กและสตรีถูก
กระทาด้วยความรุนแรง เข้ารับการรักษาพยาบาลกว่า 1 แสนราย เฉลี่ยปีละ 2 หมื่น 3
พันราย หรือเฉลี่ยมี การก่อเหตุรุนแรงต่อสตรี และเด็กทุก 20 นาที
 สานักงานตารวจแห่งชาติเคยรายงานคดีข่มขืนทั่งประเทศเกิดขึ้นชั่วโมง ละ 1 คน
 ความรุนแรงทางเพศสะท้อนถึงโครงสร้างสังคมชายเป็นใหญ่ การยอมรับความไม่
เท่าเทียมทางเพศ และการกดขี่สตรีเพศ เป็นความคิดความเชื่อตั้งแต่ระบบศักดินาในยุค
โบราณที่มีการปลูกฝัง และถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งมาโดยตลอด
 ปัจจุบัน มีกฎหมายคุ้มครองสตรี คือ พรบ. คุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงใน
ครอบครัว พ.ศ. 2550 ซึ่งมีความก้าวหน้าในมาตรการความช่วยเหลือ คุ้มครอง
ผู้ถูกกระทา แต่ความรับรู้ยังไม่มากพอ และหน่วยงานตารวจยังมีบุคคลากรไม่เพียงพอจะ
ดาเนินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 การแก้ปัญหาของรัฐควรจัดให้มีสวัสดิการสังคมเพื่อให้ผู้หญิงที่หย่าร้างจากความรุนแรง
สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ตามปกติสุข
 ให้กองทุนประกันสังคมขยายขอบเขตสิทธิประโยชน์การคลอดบุตร และการสงเคราะห์
บุตรให้สูงขึ้น รวมทั้งจัดให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กในที่ทางานหรือทุกชุมชนอย่างเพียงพอ
 กองทุนสตรีควรจะต้องมีนักสิทธิสตรี เข้ามาจัดทาหลักสูตรสาหรับการศึกษาในโรงเรียน
และมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง
 สนับสนุนสตรีให้มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาด้วยการกาหนดให้คณะกรรมการ หรือองค์กร
ต่าง ๆ มีผู้หญิงเข้าร่วมด้วย เป็นสัดส่วนที่แน่นอน
 ส่งเสริมการรวมกลุ่มสตรีให้มีอานาจต่อรองในสังคมสามารถจัดการกับปัญหาความ
รุนแรงทางเพศได้ทุกรูปแบบ
 การดาเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องจะสามารถยุติความรุนแรง และนามาสู่สิทธิเสรีภาพ
และความเสมอภาคได้ในที่สุด
(สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากบทความเรื่อง เสียงจากแดนตาราง วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556)
 ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าไปทาหน้าที่ผลักดันกฎหมายต่างๆ ใน
สภาฯ
 กล่าวว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรบนโลกใบนี้เป็นผู้หญิง
 ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีประชากรที่เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่งและมี
อายุที่ยืนกว่าผู้ชายอีกด้วย
 ยังมีปัญหาเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงบาง
ประการ

Mais conteúdo relacionado

Destaque

สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็นTaraya Srivilas
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าTaraya Srivilas
 
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุง
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุงรายงานปรองดอง สปช ปรับปรุง
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุงTaraya Srivilas
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7Taraya Srivilas
 
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.Taraya Srivilas
 
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.Taraya Srivilas
 
สงครามโลก Ohm
สงครามโลก Ohmสงครามโลก Ohm
สงครามโลก OhmTaraya Srivilas
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7Taraya Srivilas
 
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจก
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจกปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจก
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจกTaraya Srivilas
 
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสช
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสชเอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสช
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสชTaraya Srivilas
 
การเมืองที่รองรับความหลากหลาย
การเมืองที่รองรับความหลากหลายการเมืองที่รองรับความหลากหลาย
การเมืองที่รองรับความหลากหลายTaraya Srivilas
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าTaraya Srivilas
 
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.Taraya Srivilas
 
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุดTaraya Srivilas
 
ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)Taraya Srivilas
 
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบัน
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบันการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบัน
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบันTaraya Srivilas
 
การสร้างความปรองดอง
การสร้างความปรองดองการสร้างความปรองดอง
การสร้างความปรองดองTaraya Srivilas
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็นBeau Pitchaya
 
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชนการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชนTaraya Srivilas
 

Destaque (20)

สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
 
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุง
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุงรายงานปรองดอง สปช ปรับปรุง
รายงานปรองดอง สปช ปรับปรุง
 
Okinawa
OkinawaOkinawa
Okinawa
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
 
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
 
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.
ภูมิรัฐศาสตร์ สกว.
 
สงครามโลก Ohm
สงครามโลก Ohmสงครามโลก Ohm
สงครามโลก Ohm
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส7
 
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจก
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจกปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจก
ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมแจก
 
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสช
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสชเอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสช
เอกสารการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ ผลงาน คสช
 
การเมืองที่รองรับความหลากหลาย
การเมืองที่รองรับความหลากหลายการเมืองที่รองรับความหลากหลาย
การเมืองที่รองรับความหลากหลาย
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
 
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.
กำลังอำนาจแห่งชาติ Ndc วปอ.มส.
 
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด
1สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง ปรับปรุงล่าสุด
 
ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)ภาษากาย (Body language)
ภาษากาย (Body language)
 
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบัน
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบันการสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบัน
การสร้างความปรองดอง และสมานฉันท์ในสังคมไทยปัจจุบัน
 
การสร้างความปรองดอง
การสร้างความปรองดองการสร้างความปรองดอง
การสร้างความปรองดอง
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชนการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน
การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน
 

Mais de Taraya Srivilas

การบริหารความขัดแย้ง บยส แจก
การบริหารความขัดแย้ง บยส แจกการบริหารความขัดแย้ง บยส แจก
การบริหารความขัดแย้ง บยส แจกTaraya Srivilas
 
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจก
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจกนโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจก
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจกTaraya Srivilas
 
โปสเตอร์สัญญาประชาคม
โปสเตอร์สัญญาประชาคมโปสเตอร์สัญญาประชาคม
โปสเตอร์สัญญาประชาคมTaraya Srivilas
 
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6Taraya Srivilas
 
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงานการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงานTaraya Srivilas
 
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชน
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชนแนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชน
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชนTaraya Srivilas
 
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว แจก
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว  แจกสันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว  แจก
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว แจกTaraya Srivilas
 
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69Taraya Srivilas
 
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจ
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจสันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจ
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจTaraya Srivilas
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webสถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webTaraya Srivilas
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webสถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webTaraya Srivilas
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 Taraya Srivilas
 
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทย
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทยการสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทย
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทยTaraya Srivilas
 
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่Taraya Srivilas
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าTaraya Srivilas
 
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562  นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562 Taraya Srivilas
 

Mais de Taraya Srivilas (17)

การบริหารความขัดแย้ง บยส แจก
การบริหารความขัดแย้ง บยส แจกการบริหารความขัดแย้ง บยส แจก
การบริหารความขัดแย้ง บยส แจก
 
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจก
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจกนโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจก
นโยบายการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี วทอ แจก
 
โปสเตอร์สัญญาประชาคม
โปสเตอร์สัญญาประชาคมโปสเตอร์สัญญาประชาคม
โปสเตอร์สัญญาประชาคม
 
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6
จริยธรรมทางการแพทย์ 75 ปธพ.6
 
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงานการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน
การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท การพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงาน
 
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชน
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชนแนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชน
แนวทางในการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อลดความขัดแย้งในการจัดการป่าม้ระดับชุมชน
 
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว แจก
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว  แจกสันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว  แจก
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง สจว แจก
 
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69
ค้นหาตัวเอง อุซะ usa 69
 
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจ
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจสันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจ
สันติวิธีในการจัดการความขัดแย้ง วิทยาลัยตำรวจ
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webสถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 webสถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 web
 
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8 สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8
สถานการณ์ความขัดแย้งจากสังคมโลกสู่รากหญ้า สสสส8
 
American first muslim
American first muslimAmerican first muslim
American first muslim
 
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทย
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทยการสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทย
การสร้างความสามัคคีปรองดอง ปยป. และ ความสมานฉันท์ในสังคมไทย
 
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่
การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่
 
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้าการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
การสร้างความปรองดองแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า
 
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562  นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562
นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 - 2562
 

สถิติเกี่ยวกับผู้หญิง

  • 1.
  • 2. • ผู้หญิงที่อยู่ในเขตเมืองหรือเทศบาลร้อยละ 63.06 • สาหรับผู้หญิงที่อยู่ในชนบทร้อยละ 65.88 • พิจารณาจากอาชีพ พบความแตกต่างประมาณ 9 ใน 10 ของผู้มีงานทาอยู่ในเขตเมืองทางานนอก ภาคเกษตร •ในภาคเกษตรผู้หญิงในชนบทจะทางาน ในภาค เกษตร ร้อยละ 54.25
  • 3. • ด้านคุณภาพชีวิตในการทางานของแรงงานหญิง พิจารณาจากจานวนชั่วโมงทางานต่อ สัปดาห์ ก็พบความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติการทางานเฉลี่ยอยู่ที่ 35 ชั่วโมงต่อ สัปดาห์ • ผู้หญิงมีชั่วโมงการทางานเฉลี่ย 45.14 ชั่วโมงร้อยละ 34.03 • ทางานมากกว่า 50 ชั่วโมง ร้อยละ 23.33
  • 4. • เมื่อพิจารณาภาคเกษตรกรรม มีผู้หญิงร้อยละ 44.14 ทางานใน ภาคนี้ • ผู้หญิงทางานระหว่าง 40-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีร้อยละ 36.95 และ ประมาณ 1 ใน 3 ร้อยละ 23.33ทางานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อ สัปดาห์
  • 6.  เพศของหัวหน้าครัวเรือน จากการสารวจภาวะ การทางานของประชากร พ.ศ. 2547 – 2550 พบว่าหัวหน้าครัวเรือนที่เป็นเพศชายนั้นมีอัตราลดลง อย่างต่อเนื่องคือ จากร้อยละ 72.1 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 69.0 ในปี 2550 แต่ในปัจจุบันนี้เพศหญิง มีอัตราการเป็นหัวหน้าครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นจาก ร้อยละ 27.9 ในปี 2547 เป็น ร้อยละ 31.0 ในปี 2550
  • 7.  ผู้หญิง 77.47% เป็นผู้ที่รับภาระหลักในการทางานบ้าน และมีไม่ ถึง 1% ที่ผู้หญิงและผู้ชายช่วยกันทางานบ้าน  ในด้านการเมืองและการบริหาร พบว่ามี ส.ส.หญิงเพียง 12%  ผู้บริหารระดับสูงในราชการ ปี 2549 มีผู้หญิง 25.69%  ด้านสื่อสารมวลชน ปี 2551 มีผู้หญิงในงานสื่อสารมวลชน 38.4% * มูลนิธิผู้หญิง
  • 8. “ คณะกรรมการที่เป็น ผู้หญิงสามารถลดความเสี่ยงจากการล้มละลายได้ถึง 20% ขณะที่ 30% ของผู้หญิงที่เป็นกรรมการบริหารจะทาให้ผลประกอบการ ดีขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจถดถอยผู้หญิงจะเป็นผู้นาที่ดีกว่าผู้ชาย ”  ผลการวิจัยในต่างประเทศ ที่เปิดเผยโดยศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในงาน Mega Trends in Family Business “เจาะลึก แนวโน้มธุรกิจครอบครัวไทยสู่อนาคต”  วันนี้ 25 - 30% ของธุรกิจครอบครัวทั่วโลก มีผู้หญิงเป็นผู้นา นอกจากนี้ สถิติจากปี 1997 จนถึงปัจจุบัน ยังพบว่า ผู้หญิงเป็นผู้นาในธุรกิจครอบครัวถึง 5 เท่าตัว และ 1 ใน 3 ของผู้สืบทอดธุรกิจเป็นผู้หญิง นี่เป็นเทรนด์ที่กาลังเกิดขึ้นใน โลก
  • 9. ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ตัวแทนจากศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้กล่าวเกี่ยวกับจุดแข็งต่างของผู้หญิง ที่สะท้อนถึง ความน่าสนใจในการสืบทอดกิจการไว้ดังนี้ เริ่มต้นจาก ความต่างในการทางานของสมอง ที่ระบุออกมาว่า ผู้หญิงสามารถ ทาอะไรหลายๆ อย่างได้พร้อมกัน จากทักษะที่หลากหลายกว่าผู้ชาย เช่น การเงิน บริหารคน และการขาย ขณะที่ผู้ชายจะโฟกัสในเรื่องราวต่างๆ เป็นกลุ่มๆ (แยก ส่วน) ต่างจากผู้หญิงที่จะมองเป็นจิ๊กซอว์ ทาให้สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ดีกว่าผู้ชาย
  • 10.  ผู้หญิงยังมีความละเอียดอ่อน มีความคิดสร้างสรรค์ และรับรู้ความรู้สึกได้เร็ว นั่นทาให้เมื่อธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงจึงรับรู้ได้เร็วกว่าผู้ชาย  อีกจุดที่น่าสนใจสุด คือ การทางานในธุรกิจครอบครัวผู้หญิงมักจะ “ทุ่มเทด้วย หัวใจ” เมื่อทาด้วยใจก็จะเกิด Passion ในการผลักดันความสาเร็จได้ดีกว่า  ผู้หญิงจะมีการบริหารจัดการ ละเอียดอ่อนกว่า คือ ช่างสรรหา ช่างเจรจา ช่างประสานงาน และช่างติดตาม
  • 11.  ผลสารวจจากต่างประเทศที่เรียกว่า แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์ เนชั่นแนล บิซิเนส รีพอร์ท (Grant Thornton International Report) หรือ ไอบีอาร์ (IBR)  จากผลการสารวจ 39 ประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยมีผู้หญิง ดารงตาแหน่งระดับบริหารในธุรกิจภาคเอกชนมากถึง 45% ของ ตาแหน่งบริหารทั้งหมด ถือว่ามีสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก  โดยมีจอร์เจีย ตามมาเป็นอันดับสอง 40 % รัสเซีย อันดับสาม 36 % ฮ่องกงและฟิลิปปินส์ ตามมาในอันดับสี่ ประเทศละ 35 %
  • 12.  ตาแหน่งที่ผู้หญิงไทยสามารถเข้าไปอยู่ในระดับสูงได้แก่ ◦ ตาแหน่งเจ้าหน้าที่ทางการเงิน เช่น ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงินหรือผู้อานวยการฝ่าย การเงิน (22%) ◦ รองลงมาเป็นตาแหน่งฝ่ายทรัพยากรบุคคล (20%) ◦ หรือบริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด และผู้อานวยการฝ่ายการขาย (9% )  เหตุที่ผู้หญิงสามารถดารงตาแหน่งผู้บริหารระดับสูงนั้น เป็นเพราะผู้หญิงไทยค่อนข้างมี ความละเอียดอ่อน รอบคอบและมีความอดทน สามารถทางานภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน ต่างๆ ได้ดี ตาแหน่งต่างๆดังกล่าวค่อนข้างต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและ ความอดทนเช่น งานด้านการเงิน หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานอยู่เป็นประจา  หน่วยงานหรือองค์กรที่ผู้หญิงสามารถเป็นผู้บริหารระดับสูงได้นั้น ส่วนมากจะเป็นองค์กร เอกชน ส่วนหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นๆ ก็เริ่มที่จะเห็นผู้หญิงเข้ามามีบทบาทตามมา มากยิ่งขึ้น
  • 13.  ผลการสารวจกาลังคนภาครัฐข้าราชการพลเรือนปี 2550 จากสานักงาน ก.พ. ระบุว่า ราว 5 ปีที่แล้วข้าราชการพลเรือนเป็นหญิงมากกว่าชาย โดยเป็นหญิง 61.67% ชาย 38.33% ซึ่งผู้หญิงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ราว 0.20% จากปีก่อนหน้า  ส่วนราชการที่มีข้าราชการหญิงมากกว่าชาย ตั้งแต่ 65% ขึ้นไป ได้แก่ ◦ กระทรวงสาธารณสุข 77.59% กระทรวงศึกษาธิการ 73.44% ◦ กระทรวงแรงงาน 66.99% กระทรวงการคลัง 66.81% และ ◦ กระทรวงพาณิชย์ 65.73% ซึ่งล้วนแต่เป็นกระทรวงสาคัญในการพัฒนาประเทศ ส่วนกระทรวงที่มีข้าราชการชาย มากกว่าหญิง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีสัดส่วนชายสูง กว่าหญิงมากที่สุด 76.45% รองลงมาเป็น กระทรวงยุติธรรม 67.76%กระทรวง คมนาคม 61.98%และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 61.90%
  • 14.  ข้าราชการในกลุ่มระดับ 1-5 เป็นหญิงมากกว่าชายเกือบ 2 เท่า คือ เป็น หญิง 65.57% ส่วนชาย 34.43  กลุ่มระดับ 6-8 เป็นหญิงมากกว่าชายเช่นกัน หญิง 59.83% ชาย 40.17%  ส่วนกลุ่มระดับ 9-11 หญิงกลับมีน้อยกว่าชาย โดยเป็นหญิงเพียง 27.40% เท่านั้น แม้ว่าในกลุ่มระดับ 9 ถึงระดับ 11 ชายมากกว่าหญิงในสัดส่วนที่ แตกต่างกันพอสมควร แต่นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สัดส่วนของข้าราชการหญิงในทุกระดับมี แนวโน้มเพิ่ม มากขึ้นในทุกปี
  • 15.  ไทยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อยู่สูงถึง 81 คน คิดเป็น 19.33% มากกว่าปี 2553 ที่มีอยู่เพียง 11%  ส่วนสมาชิกวุฒิสภาหญิงมีทั้งสิ้น 25 คน คิดเป็น 20.16%  ปัจจุบันผู้หญิง ยังมีโอกาสในทางการเมืองน้อยกว่าผู้ชายมาก ในระหว่างปี 2550 ถึง 2556 สัดส่วนผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นหญิงมีเพียงร้อยละ 12.67  ผู้หญิงเป็นตัวแทนในรัฐสภา และองค์กรปกครองท้องถิ่น น้อยกว่าผู้ชายมาก
  • 16.  ความรุนแรงที่เกิดกับผู้หญิง จากสถิติมักเกิดจากคนในครอบครัว หรือเป็น บุคคลที่เรียกว่าสามี ตั้งแต่ปี 2550 – 2556 ไทยมีผู้หญิงและเด็กถูกกระทา ความรุนแรงมากขึ้นสูงถึง 87 รายต่อวัน ในจานวนนี้เป็นหญิงร้อยละ 40 และ เด็กร้อยละ60  การกระทาความรุนแรงต่อ ผู้หญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการ กระทาความรุนแรงของผู้ชาย ผู้หญิงที่ถูกกระทายังอายที่จะแสดงให้สังคมรับรู้ ทาให้ไม่สามารถแก้ปัญหา ตั้งแต่ต้นเหตุได้
  • 17.  เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของ ผู้หญิงทั่วโลกตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงภายในครอบครัว โดยผู้หญิงในภูมิภาคเอเชีย และตะวันออกกลางตกเป็นเหยื่อของความทุกข์ทรมานมากที่สุด  ผลการศึกษานาข้อมูลจาก 81 ประเทศพบว่า ระดับของการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง สูงสุดในเอเชีย มีบังคลาเทศ ติมอร์ตะวันออก อินเดีย พม่า ศรีลังกา และประเทศไทย  มีผู้หญิง 37.7 เปอร์เซ็นต์ ได้รับผลกระทบที่ตอกย้าความรุนแรงของปัญหาให้ดูเลวร้าย ยิ่งขึ้น คือ ในบรรดาผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมทั่วโลก 38 เปอร์เซ็นต์ เกิด จากน้ามือคู่ของตนเอง  จากข้อมูลของ UN WOMEN พบว่าประเทศไทยอยู่ในระดับ 7 จาก 71 ประเทศที่ใช้ความ รุนแรงทางเพศกับคู่ของตนเอง ที่หนักไปกว่านี้ก็คือ เป็นลาดับที่ 2 ใน 49 ประเทศที่เชื่อว่า สามีที่ใช้กาลังกับภรรยาเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
  • 18.  ศูนย์พึ่งได้กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าระหว่างปี 2550 – 2554 เด็กและสตรีถูก กระทาด้วยความรุนแรง เข้ารับการรักษาพยาบาลกว่า 1 แสนราย เฉลี่ยปีละ 2 หมื่น 3 พันราย หรือเฉลี่ยมี การก่อเหตุรุนแรงต่อสตรี และเด็กทุก 20 นาที  สานักงานตารวจแห่งชาติเคยรายงานคดีข่มขืนทั่งประเทศเกิดขึ้นชั่วโมง ละ 1 คน  ความรุนแรงทางเพศสะท้อนถึงโครงสร้างสังคมชายเป็นใหญ่ การยอมรับความไม่ เท่าเทียมทางเพศ และการกดขี่สตรีเพศ เป็นความคิดความเชื่อตั้งแต่ระบบศักดินาในยุค โบราณที่มีการปลูกฝัง และถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งมาโดยตลอด  ปัจจุบัน มีกฎหมายคุ้มครองสตรี คือ พรบ. คุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงใน ครอบครัว พ.ศ. 2550 ซึ่งมีความก้าวหน้าในมาตรการความช่วยเหลือ คุ้มครอง ผู้ถูกกระทา แต่ความรับรู้ยังไม่มากพอ และหน่วยงานตารวจยังมีบุคคลากรไม่เพียงพอจะ ดาเนินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 19.  การแก้ปัญหาของรัฐควรจัดให้มีสวัสดิการสังคมเพื่อให้ผู้หญิงที่หย่าร้างจากความรุนแรง สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ตามปกติสุข  ให้กองทุนประกันสังคมขยายขอบเขตสิทธิประโยชน์การคลอดบุตร และการสงเคราะห์ บุตรให้สูงขึ้น รวมทั้งจัดให้มีศูนย์เลี้ยงเด็กในที่ทางานหรือทุกชุมชนอย่างเพียงพอ  กองทุนสตรีควรจะต้องมีนักสิทธิสตรี เข้ามาจัดทาหลักสูตรสาหรับการศึกษาในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง  สนับสนุนสตรีให้มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาด้วยการกาหนดให้คณะกรรมการ หรือองค์กร ต่าง ๆ มีผู้หญิงเข้าร่วมด้วย เป็นสัดส่วนที่แน่นอน  ส่งเสริมการรวมกลุ่มสตรีให้มีอานาจต่อรองในสังคมสามารถจัดการกับปัญหาความ รุนแรงทางเพศได้ทุกรูปแบบ  การดาเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องจะสามารถยุติความรุนแรง และนามาสู่สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคได้ในที่สุด (สมยศ พฤกษาเกษมสุข จากบทความเรื่อง เสียงจากแดนตาราง วันที่ 25 พฤศจิกายน 2556)
  • 20.  ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าไปทาหน้าที่ผลักดันกฎหมายต่างๆ ใน สภาฯ  กล่าวว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรบนโลกใบนี้เป็นผู้หญิง  ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีประชากรที่เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่งและมี อายุที่ยืนกว่าผู้ชายอีกด้วย  ยังมีปัญหาเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงบาง ประการ