SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 8
Baixar para ler offline
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”


ความหมาย

       เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่
สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง
ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา
แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อม
ทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือ
สมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่
ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่อง
การไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการ
มองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น

ตัวอย่างโครงงาน

1. ปัจจัยต่างๆกับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน

2.การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า

3.การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ

4.การทานายอุณหภูมิที่ผ่านมา
5.การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว




จุดประสงค์
        เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างดินชนิดต่างๆ และน้า


สาระสาคัญ
       นักเรียนจับเวลาที่น้าไหลผ่านดินที่มีสมบัติต่างๆ กัน และวัดปริมาณของน้าที่ดินอุ้มไว้ ทา
การทดลองความสามารถในการกรองของดิน โดยทดสอบ pH ของน้าก่อนและหลังที่น้าซึมผ่านดิน
และสังเกตการเปลี่ยนแปลงความใสของน้า สมบัติของดินก่อนและหลังการซึมผ่านของน้า


เวลาที่ใช้ 1 คาบเรียน


ระดับชั้นเรียน ทุกระดับ
แนวความคิดหลักที่สาคัญ
  น้าไหลซึมผ่านดิน
  ดินอุ้มน้า
  น้ามีผลทาให้สมบัติของดินเปลี่ยน
  สมบัติของดิน (เนื้อดิน โครงสร้างดิน อินทรียวัตถุ ชั้นดิน ฯลฯ)
  มีผลต่ออัตราการไหลซึมของน้าผ่านดิน ความสามารถในการอุ้มน้าของดิน ความสามารถใน
การกรองธาตุอาหารของดิน ฯลฯ


ทักษะ
  การตั้งคาถาม
  การตั้งสมมติฐาน
  การทดสอบสมมติฐาน
  การสังเกตผล
  การวิเคราะห์ข้อมูล
  การสรุปผล
  การวัดปริมาตร
  การจับเวลา




วัสดุและอุปกรณ์ (สาหรับแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน)
  ขวดใส่น้าขนาด 2 ลิตร 2-3 ใบ บีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใสขนาดเดียวกัน 4 -
5 ใบ สาหรับเทและรองรันน้า สาหรับการสาธิต ในการทากิจกรรมในชั้นเรียนต้องการจานวน
มากกว่านี้ จานวนบีกเกอร์เพิ่มตามจานวนกลุ่มของนักเรียน
ตัวอย่างดิน (เก็บตัวอย่างดินชนิดต่างๆ ประมาณ 1 - 2 กิโลกรัม จากบริเวณรอบโรงเรียนหรือ
บ้าน อาจจะเป็นดินชั้นบน (ชั้น A) ดินชั้นล่าง (ชั้น B) ดินปลูกพืช ดินทราย ดินที่อัดตัวแน่น ดินที่มี
หญ้าขึ้น ดินที่มีเนื้อแตกต่างกัน)
   ตะแกรงร่อนดินที่มีช่องถี่ ที่ไม่ดูดหรือทาปฏิกิริยากับน้า (ขนาดตะแกรง 1 มิลลิเมตร หรือเล็ก
กว่านั้น)
   เทปกาวท กรรไกรท น้าท กระดาษ pH ปากกา pH เครื่องวัด pHท ใบงานกิจกรรมการไหลซึม
ของน้า
   สมุดบันทึก


หมายเหตุ นักเรียนอาจใช้ขวดขนาด 1.25 ลิตรก็ได้ แต่ขนาดของบีกเกอร์จะต้องเท่ากับขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลางของขวด โดยที่ปากขวดไม่ควรลงไปในบีกเกอร์ลึกเกินไป เพราะจะมีผลต่อการ
อ่านปริมาตรน้า ไม่ว่าขวดมีขนาดใดก็ตามที่สาคัญคือปริมาณของดิน น้า


การเตรียมตัวล่วงหน้า อภิปรายลักษณะทั่วไปของดิน

ความรู้พื้นฐาน
            การไหลซึมของน้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น (เนื้อดิน และการกระจายของ
ขนาดอนุภาคดิน) และแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคดินกับน้า ดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้
อย่างรวดเร็วแล้วอุ้มน้าไว้ในดิน ซึ่งทาให้พืชสามารถดูดน้าไปใช้ได้ดขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้
                                                                 ี
น้าซึมผ่านไปได้หมดภายในเวลา 2 - 3 วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย ดินที่เหมาะ
สาหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร ดินที่เหมาะสมสาหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควร
มีสมบัติอย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วยน้าแล้วมีฝนตกหนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้น นักเรียนจะ
ปรับปรุงการอุ้มน้าของดินให้เหมาะสมได้อย่างไร ถ้าเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดิน
ถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถพรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหลซึมของน้าสู่ดิน
น้าในดินเป็นตัวการสาคัญในการลาเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่กาลังเจริญเติบโต พืชได้
น้าจากการดูดน้าจากดินของราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้าซึ่งอยู่ในดิน ดินจะมีธาตุอาหาร
พืชอยู่มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จากวัตถุต้นกาเนิดอะไร และจัดเรียง
ตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนามักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ย ลงในดินเพื่อจะเพิ่มธาตุอาหาร
ของพืช


การเตรียมล่วงหน้า
   เก็บตัวอย่างดินชนิดต่างๆ จากโรงเรียนหรือที่บ้าน
   นาขวดพลาสติกใสขนาด 2 ลิตร ดึงฉลากออก ดึงฝาออก ตัดส่วนบนและก้นขวดออด ให้ปลาย
วางได้พอดีบนบีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใสอื่นๆ


ข้อสังเกต ควรเก็บส่วนที่เป็นวงของส่วนบนของขวดที่ตัดออกไว้ สาหรับช่วยให้ขวดวางบนบีก
เกอร์ได้พอดี
   ตัดแผ่นมุ่งลวดหรือมุ้งไนลอนตัดเป็นวงกลม ขนาดใหญ่กว่าปากขวด 3 มิลลิเมตร ใช้เทปกาว
ติดแผ่นมุ้งลวดรอบปากขวดที่ถูกตัดออก วางให้ส่วนมี่เป็นปากขวดที่กรุมุ้งลวดหงายขึ้น ตั้งบนบีก
เกอร์หรือบนที่ตั้งวงแหวน แล้วใช้บีกเกอร์รองน้าวางข้างล่างของปากขวดอีกทีหนึ่ง


วิธีการปฏิบัติในชั้นเรียน
    1. สังเกตสมบัติของดินตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับดินที่สังเกตได้ลงบน
สมุดบันทึก
   2. บันทึกด้วยว่าดินตัวอย่างแต่ละตัวอย่างได้มาจากไหน ที่ระดับความลึกเท่าใด ถ้าได้ปฏิบัติ
ตามหลักวิธีการดาเนินการศึกษาค้นคว้าลักษณะของดินแล้ว นักเรียนสามารถบันทึกสภาพ
ความชื้น โครงสร้าง สีดิน ความหยุ่นตัวของดิน เนื้อดิน การปรากฏของหิน รากพืช และ
คาร์บอเนต
3. เลือกดินสาหรับสาธิตการทดลอง (ดินร่วนปนทรายดีที่สุด) ใส่ดินดังกล่าวประมาณ 1.2
ลิตร ลงในขวดขนาด 2 ลิตร
    4. เทน้า 300 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใส สาหรับเทน้า วัดค่า
pH ของน้า และสังเกตความใสของน้า
    5. ก่อนเทน้าลงในดิน ให้นักเรียนอธิบายว่าดินจะเป็นอย่างไรเมื่อเทน้าลงไป
         มีน้าไหลออกทางก้นภาชนะเท่าใด
         น้าไหลซึมผ่านดินได้เร็วเพียงใด
         pH ของน้าที่ซึมผ่านดินเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนที่จะใส่ลงในดินหรือไม่ อย่างไร
         น้าที่ซึมผ่านดินไปแล้วจะมีลักษณะอย่างไร
    6. เขียนสมมติฐานของนักเรียนลงบนกระดาษ ให้บันทึกสมมติฐานดังกล่าวไว้ในสมุดบันทึก
    7. เทน้าลงในดินแล้วเริ่มจับเวลา บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเทน้าลงในดิน
         น้าทั้งหมดอยู่บนดินหรือไม่
         น้านั้นไปไหน
         เห็นฟองอากาศในน้าเหนือชั้นดินหรือไม่
         น้าที่ออกมาจากดินมีลักษณะเหมือนน้าที่เข้าไปในดินหรือไม่
         อะไรจะเกิดขึ้นกับโครงสร้างของดิน
    8. บันทึกผลการสังเกต และจับเวลาด้วยว่า น้าซึมผ่านดินใช้เวลานานเท่าใด
    9. ให้นักเรียนเปรียบเทียบผลการทดลองกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
    10. ให้นักเรียนบันทึกการสรุปผลของตนเองลงในสมุดบันทึกเกี่ยวกับการทาปฏิกิริยาของน้า
กับดินว่าเป็นอย่างไร
    11. ทันทีที่น้าหยุดไหลจากก้นขวด วัดปริมาณน้าที่ออกจากดินลงในบีกเกอร์
          เกิดอะไรขึ้นกับน้าที่หายไป
    12. สังเกตความใสของน้า
         น้าที่ซึมออกมาจากดินใสหรือขุ่นกว่าน้าที่เข้าไปในดิน
    13. ทดสอบ pH ของน้าที่ไหลผ่านดินออกมาลงในบีกเกอร์ บันทึกผลและเปรียบเทียบผลกับ
ค่า pH ของน้าตอนที่ลงในดิน เปรียบเทียบสมมติฐานของนักเรียน
    14. สังเกตดินที่อิ่มตัวด้วยน้าที่อยู่ในขวด อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเทน้าเพิ่มเข้าไปในดินอีก 300
มิลลิเมตร บันทึกข้อสมมติฐานของนักเรียน
         ครั้งนี้น้าจะอยู่ในดินปริมาณเท่าไร
         ครั้งนี้น้าจะซึมผ่านดินได้เร็วเพียงใด
         ครั้งนี้ pH ของน้าที่ซึมออกมาจากดินจะเปลี่ยนจาก pH ของน้าที่ใส่ลงไปในดิน หรือไม่
         ครั้งนี้น้าที่ซึมออกมาจากดินจะใสหรือไม่
    15. เทน้ากลับเข้าไปในดินใหม่ สังเกตผลเปรียบเทียบกับสมมติฐาน
    16. ให้นักเรียนบันทึกคาถาม สมมติฐาน การสังเกต และการสรุปลงในสมุดบันทึก

การศึกษาค้นคว้าเป็นกลุ่ม: การทดลองกับดินชนิดต่างๆ
   1. ศึกษาสมบัติของดินตัวอย่างชนิดต่างๆ
   2. ให้นักเรียนทานายว่าเวลาที่น้าไหลผ่านดินแต่ละชนิดเท่ากันหรือไม่ ดินทุกชนิดสามารถที่จะ
อุมน้าไว้ได้ปริมาณเท่ากันหรือไม่
  ้
   3. อภิปรายว่าดินชนิดใดอาจจะแตกต่างไปและอย่างไร
   4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกดินแต่ละชนิด
   5. ให้แต่ละกลุ่มทาการทดลองขั้นที่ 2 - 15 ซ้ากับดินของตน และบันทึกผลการทดลอง
   6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม รายงานผลการทดลองต่อชั้นเรียน การรายงานควรประกอบด้วย
คาถาม สมมติฐาน และการสังเกต เช่นเดียวกับการสรุปเกี่ยวกับตัวแปรที่เกี่ยวข้อง และอิทธิพล
ของตัวแปรเหล่านั้นที่มีผลต่อการทดลอง
         คุณสมบัติของดิน
         pH และความใสของน้า
         เวลาที่น้าซึมผ่านลงไปในดิน
         ปริมาณน้าที่ไหลผ่านดิน
         การเปลี่ยนแปลง pH และความใสของน้า
         ผลของการทดสอบการอิ่มตัวของน้าในดิน
7. ศึกษาผลของการทดลองของนักเรียนทุกกลุ่มร่วมกัน พิจารณาการสังเกตสมบัติของดิน เช่น
ความแตกต่างของขนาดอนุภาคดิน ช่องว่างระหว่างอนุภาคดิน อินทรียวัตถุ ซึ่งอาจจะอุ้มน้า ฯลฯ
ที่มีผลต่อความเร็วที่สุดและช้าที่สุดของการไหลซึมของน้า การอุ้มน้าไว้ของดิน การเปลี่ยนแปลง
pH และ ความใสของน้า
   8. โดยการเปรียบเทียบสมมติฐานกับผลการทดลองของนักเรียนกลุ่มต่างๆ บันทึกข้อสรุป
เกี่ยวกับปฏิกิริยาระหว่างน้าและดินว่าเกิดขึ้นอย่างไร ลงในสมุดบันทึก
   9. ให้พิจารณาว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทดลองนี้สามารถใช้ได้ในสถานการณ์จริงใน
ชีวิตประจาวันได้อย่างไร จะสามารถตอบคาถามถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในการใช้ที่ดินของชุมชนของ
ตนอย่างไร เช่น อะไรจะเกิดขึ้นถ้าดินในบริเวณนั้นอัดตัวกันแน่น แล้วมีฝนตกหนักลงมา



ที่มา
http://202.143.160.21/LM/Sci@/geo/geo_activities/passing_through.htm

http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์โทโต๊ะ บินไกล
 
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์Earnzy Clash
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมปยล วชย.
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1Jutarat Bussadee
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทchaipalat
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมScott Tape
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Sarocha Makranit
 
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”Royphim Namsongwong
 
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศแบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศSirigunlaya Wongwisas
 
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4Thanawut Rattanadon
 
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียพัน พัน
 
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงาน
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงานใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงาน
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงานsarawut saoklieo
 

Mais procurados (20)

เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
 
ใบงานที่ 6.1 เรื่อง อินเตอร์เน็ตและการใช้งาน
ใบงานที่  6.1 เรื่อง อินเตอร์เน็ตและการใช้งานใบงานที่  6.1 เรื่อง อินเตอร์เน็ตและการใช้งาน
ใบงานที่ 6.1 เรื่อง อินเตอร์เน็ตและการใช้งาน
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎีโครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
 
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างเค้าโครงข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1
 
เฉลยแบบทดสอบปลายภาค ม.5
เฉลยแบบทดสอบปลายภาค ม.5เฉลยแบบทดสอบปลายภาค ม.5
เฉลยแบบทดสอบปลายภาค ม.5
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
 
โครงงานเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยน้ำ
โครงงานเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยน้ำโครงงานเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยน้ำ
โครงงานเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยน้ำ
 
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 3
บทที่  3บทที่  3
บทที่ 3
 
ข้อสอบSketch up
ข้อสอบSketch upข้อสอบSketch up
ข้อสอบSketch up
 
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
 
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศแบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ
แบบทดสอบตอบปัญหาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
เฉลยแบบฝึกหัดหน่วยที่ 4
 
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสียปัญหาน้ำเน่าเสีย
ปัญหาน้ำเน่าเสีย
 
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงาน
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงานใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงาน
ใบความรู้ ขั้นตอนการทำโครงงาน
 

Destaque

โครงงานประเภททฤษฏี
โครงงานประเภททฤษฏีโครงงานประเภททฤษฏี
โครงงานประเภททฤษฏีNuchy Geez
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกมโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกมRatchasin Poomchor
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎีโครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎีmcf_cnx1
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2Fon Edu Com-sci
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5Aungkana Na Na
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติพัน พัน
 

Destaque (6)

โครงงานประเภททฤษฏี
โครงงานประเภททฤษฏีโครงงานประเภททฤษฏี
โครงงานประเภททฤษฏี
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกมโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง ปัญหาเด็กติดเกม
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎีโครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
 
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
โครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การออกแบบอาคาร บ้าน เรือน ด้วยโปรแกรม 3 มิติ
 

Semelhante a โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี

ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”Warunchai Chaipunya
 
จะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีจะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีkorakate
 
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4supphawan
 
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101Kobwit Piriyawat
 
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6for faii
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทไทด์ ป่วง แพ่ง
 
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Proud N. Boonrak
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8Narut Keatnima
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8Phuchit Mondath
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6minimalistknont
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6Nontt' Panich
 
ใบงานที่3
ใบงานที่3ใบงานที่3
ใบงานที่3Intangible Mz
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6mina612
 

Semelhante a โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี (20)

K6
K6K6
K6
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
 
จะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดีจะทำโครงงานอะไรดี
จะทำโครงงานอะไรดี
 
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4
กิจกรรมการพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน 4
 
K6
K6K6
K6
 
K6
K6K6
K6
 
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101
เค้าโครงการสอนแจกนักเรียน ม.1 ว21101
 
ใบงานท 14
ใบงานท  14 ใบงานท  14
ใบงานท 14
 
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
 
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
 
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
รูปแบบการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8
โครงงานคอมพิวเตอร์ ใบงานที่ 2-8
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6
 
ใบงานที่3
ใบงานที่3ใบงานที่3
ใบงานที่3
 
ใบงานที่6
ใบงานที่6ใบงานที่6
ใบงานที่6
 
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
 
K6 2
K6 2K6 2
K6 2
 

Mais de ปรียา พรมเสน

ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทปรียา พรมเสน
 
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”ปรียา พรมเสน
 
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”ปรียา พรมเสน
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214ปรียา พรมเสน
 
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานปรียา พรมเสน
 
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานปรียา พรมเสน
 

Mais de ปรียา พรมเสน (9)

โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท
 
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”
 
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”
 
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214
ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน1214
 
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
 
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงานใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน
 

โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี

  • 1. ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี” ความหมาย เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อม ทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือ สมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่อง การไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการ มองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น ตัวอย่างโครงงาน 1. ปัจจัยต่างๆกับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน 2.การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า 3.การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ 4.การทานายอุณหภูมิที่ผ่านมา
  • 2. 5.การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว จุดประสงค์ เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างดินชนิดต่างๆ และน้า สาระสาคัญ นักเรียนจับเวลาที่น้าไหลผ่านดินที่มีสมบัติต่างๆ กัน และวัดปริมาณของน้าที่ดินอุ้มไว้ ทา การทดลองความสามารถในการกรองของดิน โดยทดสอบ pH ของน้าก่อนและหลังที่น้าซึมผ่านดิน และสังเกตการเปลี่ยนแปลงความใสของน้า สมบัติของดินก่อนและหลังการซึมผ่านของน้า เวลาที่ใช้ 1 คาบเรียน ระดับชั้นเรียน ทุกระดับ
  • 3. แนวความคิดหลักที่สาคัญ น้าไหลซึมผ่านดิน ดินอุ้มน้า น้ามีผลทาให้สมบัติของดินเปลี่ยน สมบัติของดิน (เนื้อดิน โครงสร้างดิน อินทรียวัตถุ ชั้นดิน ฯลฯ) มีผลต่ออัตราการไหลซึมของน้าผ่านดิน ความสามารถในการอุ้มน้าของดิน ความสามารถใน การกรองธาตุอาหารของดิน ฯลฯ ทักษะ การตั้งคาถาม การตั้งสมมติฐาน การทดสอบสมมติฐาน การสังเกตผล การวิเคราะห์ข้อมูล การสรุปผล การวัดปริมาตร การจับเวลา วัสดุและอุปกรณ์ (สาหรับแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน) ขวดใส่น้าขนาด 2 ลิตร 2-3 ใบ บีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใสขนาดเดียวกัน 4 - 5 ใบ สาหรับเทและรองรันน้า สาหรับการสาธิต ในการทากิจกรรมในชั้นเรียนต้องการจานวน มากกว่านี้ จานวนบีกเกอร์เพิ่มตามจานวนกลุ่มของนักเรียน
  • 4. ตัวอย่างดิน (เก็บตัวอย่างดินชนิดต่างๆ ประมาณ 1 - 2 กิโลกรัม จากบริเวณรอบโรงเรียนหรือ บ้าน อาจจะเป็นดินชั้นบน (ชั้น A) ดินชั้นล่าง (ชั้น B) ดินปลูกพืช ดินทราย ดินที่อัดตัวแน่น ดินที่มี หญ้าขึ้น ดินที่มีเนื้อแตกต่างกัน) ตะแกรงร่อนดินที่มีช่องถี่ ที่ไม่ดูดหรือทาปฏิกิริยากับน้า (ขนาดตะแกรง 1 มิลลิเมตร หรือเล็ก กว่านั้น) เทปกาวท กรรไกรท น้าท กระดาษ pH ปากกา pH เครื่องวัด pHท ใบงานกิจกรรมการไหลซึม ของน้า สมุดบันทึก หมายเหตุ นักเรียนอาจใช้ขวดขนาด 1.25 ลิตรก็ได้ แต่ขนาดของบีกเกอร์จะต้องเท่ากับขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางของขวด โดยที่ปากขวดไม่ควรลงไปในบีกเกอร์ลึกเกินไป เพราะจะมีผลต่อการ อ่านปริมาตรน้า ไม่ว่าขวดมีขนาดใดก็ตามที่สาคัญคือปริมาณของดิน น้า การเตรียมตัวล่วงหน้า อภิปรายลักษณะทั่วไปของดิน ความรู้พื้นฐาน การไหลซึมของน้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น (เนื้อดิน และการกระจายของ ขนาดอนุภาคดิน) และแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคดินกับน้า ดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้ อย่างรวดเร็วแล้วอุ้มน้าไว้ในดิน ซึ่งทาให้พืชสามารถดูดน้าไปใช้ได้ดขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้ ี น้าซึมผ่านไปได้หมดภายในเวลา 2 - 3 วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย ดินที่เหมาะ สาหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร ดินที่เหมาะสมสาหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควร มีสมบัติอย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วยน้าแล้วมีฝนตกหนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้น นักเรียนจะ ปรับปรุงการอุ้มน้าของดินให้เหมาะสมได้อย่างไร ถ้าเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดิน ถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถพรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหลซึมของน้าสู่ดิน
  • 5. น้าในดินเป็นตัวการสาคัญในการลาเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่กาลังเจริญเติบโต พืชได้ น้าจากการดูดน้าจากดินของราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้าซึ่งอยู่ในดิน ดินจะมีธาตุอาหาร พืชอยู่มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จากวัตถุต้นกาเนิดอะไร และจัดเรียง ตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนามักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ย ลงในดินเพื่อจะเพิ่มธาตุอาหาร ของพืช การเตรียมล่วงหน้า เก็บตัวอย่างดินชนิดต่างๆ จากโรงเรียนหรือที่บ้าน นาขวดพลาสติกใสขนาด 2 ลิตร ดึงฉลากออก ดึงฝาออก ตัดส่วนบนและก้นขวดออด ให้ปลาย วางได้พอดีบนบีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใสอื่นๆ ข้อสังเกต ควรเก็บส่วนที่เป็นวงของส่วนบนของขวดที่ตัดออกไว้ สาหรับช่วยให้ขวดวางบนบีก เกอร์ได้พอดี ตัดแผ่นมุ่งลวดหรือมุ้งไนลอนตัดเป็นวงกลม ขนาดใหญ่กว่าปากขวด 3 มิลลิเมตร ใช้เทปกาว ติดแผ่นมุ้งลวดรอบปากขวดที่ถูกตัดออก วางให้ส่วนมี่เป็นปากขวดที่กรุมุ้งลวดหงายขึ้น ตั้งบนบีก เกอร์หรือบนที่ตั้งวงแหวน แล้วใช้บีกเกอร์รองน้าวางข้างล่างของปากขวดอีกทีหนึ่ง วิธีการปฏิบัติในชั้นเรียน 1. สังเกตสมบัติของดินตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับดินที่สังเกตได้ลงบน สมุดบันทึก 2. บันทึกด้วยว่าดินตัวอย่างแต่ละตัวอย่างได้มาจากไหน ที่ระดับความลึกเท่าใด ถ้าได้ปฏิบัติ ตามหลักวิธีการดาเนินการศึกษาค้นคว้าลักษณะของดินแล้ว นักเรียนสามารถบันทึกสภาพ ความชื้น โครงสร้าง สีดิน ความหยุ่นตัวของดิน เนื้อดิน การปรากฏของหิน รากพืช และ คาร์บอเนต
  • 6. 3. เลือกดินสาหรับสาธิตการทดลอง (ดินร่วนปนทรายดีที่สุด) ใส่ดินดังกล่าวประมาณ 1.2 ลิตร ลงในขวดขนาด 2 ลิตร 4. เทน้า 300 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือภาชนะใส สาหรับเทน้า วัดค่า pH ของน้า และสังเกตความใสของน้า 5. ก่อนเทน้าลงในดิน ให้นักเรียนอธิบายว่าดินจะเป็นอย่างไรเมื่อเทน้าลงไป มีน้าไหลออกทางก้นภาชนะเท่าใด น้าไหลซึมผ่านดินได้เร็วเพียงใด pH ของน้าที่ซึมผ่านดินเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนที่จะใส่ลงในดินหรือไม่ อย่างไร น้าที่ซึมผ่านดินไปแล้วจะมีลักษณะอย่างไร 6. เขียนสมมติฐานของนักเรียนลงบนกระดาษ ให้บันทึกสมมติฐานดังกล่าวไว้ในสมุดบันทึก 7. เทน้าลงในดินแล้วเริ่มจับเวลา บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเทน้าลงในดิน น้าทั้งหมดอยู่บนดินหรือไม่ น้านั้นไปไหน เห็นฟองอากาศในน้าเหนือชั้นดินหรือไม่ น้าที่ออกมาจากดินมีลักษณะเหมือนน้าที่เข้าไปในดินหรือไม่ อะไรจะเกิดขึ้นกับโครงสร้างของดิน 8. บันทึกผลการสังเกต และจับเวลาด้วยว่า น้าซึมผ่านดินใช้เวลานานเท่าใด 9. ให้นักเรียนเปรียบเทียบผลการทดลองกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ 10. ให้นักเรียนบันทึกการสรุปผลของตนเองลงในสมุดบันทึกเกี่ยวกับการทาปฏิกิริยาของน้า กับดินว่าเป็นอย่างไร 11. ทันทีที่น้าหยุดไหลจากก้นขวด วัดปริมาณน้าที่ออกจากดินลงในบีกเกอร์ เกิดอะไรขึ้นกับน้าที่หายไป 12. สังเกตความใสของน้า น้าที่ซึมออกมาจากดินใสหรือขุ่นกว่าน้าที่เข้าไปในดิน 13. ทดสอบ pH ของน้าที่ไหลผ่านดินออกมาลงในบีกเกอร์ บันทึกผลและเปรียบเทียบผลกับ
  • 7. ค่า pH ของน้าตอนที่ลงในดิน เปรียบเทียบสมมติฐานของนักเรียน 14. สังเกตดินที่อิ่มตัวด้วยน้าที่อยู่ในขวด อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเทน้าเพิ่มเข้าไปในดินอีก 300 มิลลิเมตร บันทึกข้อสมมติฐานของนักเรียน ครั้งนี้น้าจะอยู่ในดินปริมาณเท่าไร ครั้งนี้น้าจะซึมผ่านดินได้เร็วเพียงใด ครั้งนี้ pH ของน้าที่ซึมออกมาจากดินจะเปลี่ยนจาก pH ของน้าที่ใส่ลงไปในดิน หรือไม่ ครั้งนี้น้าที่ซึมออกมาจากดินจะใสหรือไม่ 15. เทน้ากลับเข้าไปในดินใหม่ สังเกตผลเปรียบเทียบกับสมมติฐาน 16. ให้นักเรียนบันทึกคาถาม สมมติฐาน การสังเกต และการสรุปลงในสมุดบันทึก การศึกษาค้นคว้าเป็นกลุ่ม: การทดลองกับดินชนิดต่างๆ 1. ศึกษาสมบัติของดินตัวอย่างชนิดต่างๆ 2. ให้นักเรียนทานายว่าเวลาที่น้าไหลผ่านดินแต่ละชนิดเท่ากันหรือไม่ ดินทุกชนิดสามารถที่จะ อุมน้าไว้ได้ปริมาณเท่ากันหรือไม่ ้ 3. อภิปรายว่าดินชนิดใดอาจจะแตกต่างไปและอย่างไร 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกดินแต่ละชนิด 5. ให้แต่ละกลุ่มทาการทดลองขั้นที่ 2 - 15 ซ้ากับดินของตน และบันทึกผลการทดลอง 6. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม รายงานผลการทดลองต่อชั้นเรียน การรายงานควรประกอบด้วย คาถาม สมมติฐาน และการสังเกต เช่นเดียวกับการสรุปเกี่ยวกับตัวแปรที่เกี่ยวข้อง และอิทธิพล ของตัวแปรเหล่านั้นที่มีผลต่อการทดลอง คุณสมบัติของดิน pH และความใสของน้า เวลาที่น้าซึมผ่านลงไปในดิน ปริมาณน้าที่ไหลผ่านดิน การเปลี่ยนแปลง pH และความใสของน้า ผลของการทดสอบการอิ่มตัวของน้าในดิน
  • 8. 7. ศึกษาผลของการทดลองของนักเรียนทุกกลุ่มร่วมกัน พิจารณาการสังเกตสมบัติของดิน เช่น ความแตกต่างของขนาดอนุภาคดิน ช่องว่างระหว่างอนุภาคดิน อินทรียวัตถุ ซึ่งอาจจะอุ้มน้า ฯลฯ ที่มีผลต่อความเร็วที่สุดและช้าที่สุดของการไหลซึมของน้า การอุ้มน้าไว้ของดิน การเปลี่ยนแปลง pH และ ความใสของน้า 8. โดยการเปรียบเทียบสมมติฐานกับผลการทดลองของนักเรียนกลุ่มต่างๆ บันทึกข้อสรุป เกี่ยวกับปฏิกิริยาระหว่างน้าและดินว่าเกิดขึ้นอย่างไร ลงในสมุดบันทึก 9. ให้พิจารณาว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทดลองนี้สามารถใช้ได้ในสถานการณ์จริงใน ชีวิตประจาวันได้อย่างไร จะสามารถตอบคาถามถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในการใช้ที่ดินของชุมชนของ ตนอย่างไร เช่น อะไรจะเกิดขึ้นถ้าดินในบริเวณนั้นอัดตัวกันแน่น แล้วมีฝนตกหนักลงมา ที่มา http://202.143.160.21/LM/Sci@/geo/geo_activities/passing_through.htm http://www.thaigoodview.com/node/17030?page=0%2C7