More Related Content
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศอาหรับ
- 1. จัดทำโดย
น.ส.วราภรณ์ แสงศรี จนทร์ เลขที่ 25
ั
น.ส.วริ นทร ธนะกูลวัฒนา เลขที่ 26
น.ส.สลิลทิพย์ แสงศรี จนทร์ เลขที่ 28
ั
น.ส.สุ ชญา มีศรี เลขที่ 29
น.ส.อัจฉรา กันสิ ทธิ์ เลขที่ 33
ชั้นมัธยมศึกษำปี ที่ 6/2 เสนอ คุณครูสายพิน วงษารัตน์
- 3. สาเหตุความขัดแย้งระหว่างอิรก-คูเวต
ั
คูเวต เป็ นประเทศในกลุ่มอาหรับขนาดเล็ก ตั้งอยูตอนบนของอ่าวเปอร์เซีย ทาง
่
เหนือและตะวันตกติดกับอิรัก ทางตะวันออกติดกับอ่าวเปอร์เซีย ทางใต้ติดกับซาอุดิอาระเบีย มี
การค้นพบน้ ามันปิ โตรเลียมในคูเวตซึ่งมีปริ มาณร้อยละ 20 ของปริ มาณน้ ามันทั้งโลก นับตั้งแต่
ค.ศ.1946 คูเวตเป็ นประเทศผูผลิตน้ ามันรายใหญ่และส่ งน้ ามันมากเป็ นอันดับสองของโลก
้
คูเวตเคยเป็ นรัฐในอารักขาของอังกฤษ ทาให้ฐานะเศรษฐกิจของอิรักทรุ ดหนักเพราะ
สิ นค้าหลักที่ส่งออกคือน้ ามัน ซึ่งมีปริ มาณร้อยละ 99 ของมูลค่าสิ นค้าออกทั้งหมด อิรักจึง
พยายามผลักดันให้องค์การโอเปกกาหนดโควต้าการผลิตน้ ามันและกาหนดราคาน้ ามันใหม่
เพื่อให้อิรักมีรายได้เพิ่มขึ้น อิรักอ้างว่าการที่ราคาน้ ามันในตลาดโลกลดลง เพราะคูเวตและ
สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ลอบผลิตและขายน้ ามันเกินโควตา
- 4. เหตุการณ์
ค.ศ. 1914-1961 เมื่อคูเวตได้รับเอกราชในวันที่ 19 มิถุนายน1961รัฐบาลอิรักอ้าง
่
สิ ทธิวาคูเวตเป็ นส่ วนหนึ่งของตนตามหลักเชื้อชาติภูมิศาสตร์ และสังคม แต่สนนิบาตอาหรับ
ั
รับรองเอกราชของคูเวต
ภายหลังสงครามอิรัก-อิหร่ านซึ่งกินเวลาถึง 8 ปี ส่ งผลให้อิรัก บอบช้ ามากจากการ
บูรณะประเทศ อิรักต้องเป็ นหนี้ต่างประเทศประมาณ 80,000 ล้านเหรี ยญดอลล่าร์
สหรัฐอเมริ กา
- 5. ข้อเรี ยกร้องที่รุนแรงของอิรักคือให้คูเวตคืนดินแดนที่รุกล้ าเข้ามา คือ เขต
Rumailah oilfield ซึ่ งมีน้ ามันอุดมสมบูรณ์และขอเช่าเกาะบูมิยน กับเกาะวาร์ บาห์ ใน
ั
อ่าวเปอร์ เซี ย เพื่อให้อิรักขายน้ ามันผ่านอ่าวเปอร์ เซี ยโดยตรง โดยมิตองขายน้ ามันทาง
้
ท่อส่ งน้ ามันผ่านซาอุดิอาระเบียและตุรกีเช่นเดิม
นอกจากนี้ อิรกยังกล่าวหาว่าระหว่างอิรกทาสงครามกับอิหร่านเป็ นเวลา8
ั ั
ปี คูเวตได้ขยายพรมแดนล่วงล้าเข้ามาทางใต้ของอิรก 4 กิโลเมตร เพื่อตั้งค่าย
ั
ทหารและตั้งสถานี ขุดเจาะน้ ามันเป็ นการขโมยน้ ามันของอิรก ยิ่งไปกว่านั้น อิรกทา
ั ั
สงครามกับอิหร่านในนามชาติอาหรับและเพื่อความมันคงของชาติอาหรับทั้งมวล
่
จึงสมควรที่คเวตต้องช่วยเหลือค่าใช้จายในการทาสงคราม
ู ่
- 7. การเผชิญหน้าระหว่างอิรกและสหรัฐอเมริกาทวีความรุนแรง ในเดือน
ั
ธันวาคม ค.ศ. 1998 รัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาเตือนอิรกว่า
่ ั
อาจจะมีการโจมตีอิรกได้ทุกเวลาหากอิรกยังคงขัดขวางการปฏิบติงานของอันสคอม
ั ั ั
16 ธันวาคม ค.ศ.1998 เจ้าหน้าที่ของอันสคอมต้องเดินทางออกจากอิรก ั
เพราะเกรงจะได้รบอันตรายจากอิรก และเช้าตรู่ของวันรุ่นขึ้ น ประธานาธิบดี บิล
ั ั
คลินตัน ได้ส่งกาลังทหารไปยังอ่าวเปอร์เซียร่วมกับกองกาลังทหารอังกฤษเพื่อยิงถล่ม
อิรกภายใต้ปฏิบติการชื่อ “ปฏิบติการจิ้ งจอกทะเลทราย” เป็ นเวลา 4 วัน
ั ั ั
- 8. จีน รัสเซีย ฝรังเศส รวมทั้งบรรดาชาติอาหรับอื่นๆ ต่างประณามการ
่
กระทาของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยุติการโจมตีอิรกส่วน
ั
สมาชิกนาโต ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิ วซีแลนด์ ต่างสนับสนุ นมาตรการแข็งกร้าวของ
สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
ปั ญหาอิรก คือ ปั ญหาที่ทาทายบทบาทของสหประชาชาติ ในเวลา
ั ้
เดียวกันก็เป็ นปั ญหาภาพลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาที่ชี้นาและดาเนิ นการโดยพลการ
ในนามสหประชาชาติ ถือเป็ นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและหลักการของ
ประชาคมโลก
- 9. ผลกระทบจากสงครามอิรก - คูเวต
ั
การสูญเสีย
กองกาลังผสม
มีการรายงานว่ากองกาลังสหรัฐเสียทหารไปในการรบ 148 นาย (35 นาย
เสียชีวตจากการยิงพวกเดียวกันเอง) มีนักบินหนึ่ งนายที่ขึ้นว่าสูญหาย (ร่างของเขาถูกพบ
ิ
และระบุตวได้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552) อีก 145 นายเสียชีวตจากอุบติเหตุ สหราช
ั ิ ั
อาณาจักรเสียทหารไป 47 นาย (9 นายเสียชีวตจากการยิงพวกเดียวกันเอง) ฝรังเศสเสีย
ิ ่
ไป 2 นาย และอาหรับ ไม่รวมคูเวต เสียทหารไป 37 นาย (ซาอุ 18 นาย อียปต์ 10 ิ
นาย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 6 นาย และซีเรีย 3 นาย) ทหารคูเวตอย่างน้อย 605 นายที่
ยังคงหายสาบสูญหลังจากผ่านไป 10 ปี
- 10. การยิงพวกเดียวกันเอง
ในขณะที่การตายของกองกาลังผสมมาจากการปะทะกับทหารอิรกนั้นตาั ่
มาก การตายส่วนมากเกิดจากการยิงพวกเดียวกันเอง ทหารอเมริกน 148ั
นายที่เสียชีวิตในการรบมี 24% ที่ถกพวกเดียวกันเองยิง อีก 11 นายเสียชีวิต
ู
จากการระเบิด ทหารอังกฤษ 9 นายถูกสังหารโดยพวกเดียวกันเองเมื่อเอ-10
ธันเดอร์โบลท์ 2 ของกองทัพอากาศสหรัฐโจมตีใส่กลุ่มยานพาหนะของ
พันธมิตร
- 11. การตายของฝ่ ายอิรก
ั
รายงานของกองทัพอากาศสหรัฐ ประมาณว่ามีทหารอิรกเสียชีวิต
ั
10,000-12,000 นายจากการทัพทางอากาศและบนพื้ นดินอาจมีถึง
10,000 นาย การประเมินนี้ อ้างอิงจากการรายงานจานวนเชลยศึกชาวอิรก ั
เป็ นที่ทราบกันว่ามีทหารอิรกเสียชีวิต 20,000 นาย
ั
รัฐบาลของซัดดัมแจ้งจานวนพลเรือนที่เสียชีวิตสูงมากเพื่อเรียกร้องการ
สนับสนุ นจากกลุ่มประเทศอิสลามรัฐบาลอิรกอ้างว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 2,300
ั
รายจากการทัพทางอากาศ
ตามการศึกษาของการปองกันทางเลือก (Defense Alternatives)
้
มีพลเรือนประมาณ 20,000 รายและทหารอีก 26,000 นายที่ถกสังหาร ู
ทหารอิรกได้รบบาดเจ็บทั้งสิ้ น 75,000 นายในสงคราม
ั ั
- 12. การตายของพลเรือน
พลเรือนได้รบความเสียหายอย่างมาก ในเหตุการณ์หนึ่ งเครื่องบินทิ้ ง
ั
ระเบิดสเตลท์ได้โจมตีบงเกอร์ในอาเมียร์ยา ทาให้พลเรือนเสียชีวิตไป 200-
ั ่
400 ราย ซึ่งเป็ นผูลี้ภัยในตอนนั้น ผลที่ตามมาคือภาพสถานที่เกิดเหตุถก
้ ู
ถ่ายทอดและการโต้เถียงในเรื่องสถานะของบังเกอร์ก็เกิดขึ้ น โดยมีบางคนที่
กล่าวว่ามันเป็ นที่หลบภัยของพลเรือนในขณะที่คนอื่นๆ กล่าวว่ามันเป็ นฐาน
ปฏิบติการทางทหารและพลเมืองถูกย้ายไปที่นันเพื่อใช้เป็ นโล่มนุ ษย์ การ
ั ่
สอบสวนของBeth Osborne Daponteได้ประมาณว่ามีพลเรือน
บาดเจ็บสาหัส 3,500 รายจากการทิ้ งระเบิดกองกาลังผสมอ้างว่าพวกเขาได้
หลีกเลี่ยงการโจมตีเปาหมายในเขตพลเรือนและหลีกเลี่ยงการทาลายที่อยู่
้
อาศัยของพลเรือน ไม่เหมือนกับการทัพก่อนหน้าอย่างการทิ้ งระเบิดโตเกียวใน
สงครามโลกครั้งที่ 2
- 13. การตายของพลเรือนจากขีปนาวุธสกั๊ด
ขีปนาวุธสกั๊ด 42 ลูกถูกยิงเข้าใส่อิสราเอลโดยอิรกตลอด 7 สัปดาห์ของ
ั
สงครามพลเรือนอิสราเอลสองคนเสียชีวตจากการโจมตี มีบาดเจ็บอีก 230 ราย
ิ
ในรายงาน 10 คนได้รบบาดเจ็บปานกลางและสาหัสหนึ่ งราย อีกหลายคนตาย
ั
เพราะหัวใจวาย อิสราเอลกระหายที่จะโต้ตอบด้วยกาลังทางทหาร แต่ตกลงที่จะไม่
เข้าร่วมเมื่อรัฐบาลสหรัฐขอร้อง ซึ่งกลัวว่าหากอิสราเอลเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
ประเทศอาหรับอื่นๆ ก็จะเข้าร่วมกับอิรก อสราเอลได้รบแท่นยิงเอ็มไอเอ็ม-104
ั ั
เพเทรียทสาหรับการปองกันขีปนาวุธ กองทัพอากาศเนเธอแลนด์ยงติดตั้ง
้ ั
ขีปนาวุธเพเทรียทเอาไว้ในตุรกีและอิสราเอลเพื่อตอบโต้จากโจมตีจากสกั๊ด ต่อมา
กระทรวงกลาโหมของเนเธอแลนด์ได้กล่าวว่าการใช้ขีปนาวุธเพเทรียทนั้นไม่มี
ประสิทธิภาพ แต่คุณค่าทางจิทยานั้นก็สง มีการแนะนาว่าการก่อสร้างที่แข็งแรง
ู
ในอิสราเอล และด้วยเหตุที่วาสกั๊ดมักยิงในตอนกลางคืน เป็ นปั จจัยที่ทาให้มีการ
่
เสียชีวตและบาดเจ็บน้อย
ิ
- 14. การเจ็บป่ วยจากสงครามอ่าว
ทหารของกองกาลังผสมหลายนายที่กลับมาถูกรายงานว่าเจ็บป่ วยหลังจากที่
พวกเขาได้มีสวนร่วมในสงครามอ่าว อาการดังกล่าวถูกเรียกว่ากัลฟท์วอร์ซิน
่
โดรม (Gulf War syndrome) มีการไตร่ตรองอย่างแพร่หลายและ
การไม่เห็นด้วยถึงสาเหตุของอาการป่ วย บางปั จจัยถูกมองว่าเป็ นสาเหตุของ
การเจ็บป่ วย อย่าง กระสุนยูเรเนี ยม อาวุธเคมี วัคซีนแอนแทร็กซ์ที่ทหาร
ต้องได้รบ และการติดเชื้ อ ผูพนไมเคิล ดอนเนลลี่ อดีตนายทหาร
ั ้ ั
กองทัพอากาศสหรัฐในสงครามอ่าว ได้ชวยกระจายข่าวของการเจ็บป่ วยและ
่
เรียกร้องสิทธิให้กบทหารผ่านศึกเหล่านี้
ั
- 15. ผลกระทบจากกระสุนยูเรเนี ยม
พื้ นที่ที่คาดว่ามีกระสุนยูเรเนี ยมตกอยู่
กระสุนยูเรเนี ยม (Depleted uranium) ถูกใช้ในสงครามอ่าว
เป็ นกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลล์ของรถถังและกระสุนปื นใหญ่ขนาด 20-
30 ม.ม. การใช้กระสุนแบบนี้ ในสงครามอ่าวครั้งแรกถูกกล่าวว่าเป็ นผลทา
ให้สุขภาพของทหารผ่านศึกและพลเรือนได้รบผลกระทบ
ั
- 16. ทางหลวงมรณะ
ในคืนของวันที่26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 กองกาลังอิรกที่พายแพ้
ั ่
กาลังล่าถอยออกจากคูเวตโดยใช้ทางหลวงสายเหนื อของอัล จาห์ราโดยเป็ น
แถวขบวนรถทั้งสิ้ น 1,400 คัน เครื่องบินลาดตระเวนอี-8 จอยท์สตาร์สลา
หนึ่ งได้ตรวจพบกองกาลังดังกล่าวและส่งข้อมูลให้กบศูนย์ปฏิบติการทาง
ั ั
อากาศเครื่องบินของกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐได้เข้าติดตามและ
ทาลายขบวนรถ ด้วยการทิ้ งระเบิดใส่เป็ นเวลาหลายชัวโมง เนื่ องจากว่าการ
่
โจมตีมากจากอากาศยานปี กนิ่ งที่บินในระดับสูง จึงทาให้ทหารอิรกไม่มี
ั
โอกาสในการยอมจานน
- 19. จุดเริ่มของสงครามมาจากการโค่นล้ม
พระเจ้าชาห์ ปาฮ์เลวี โดยกลุ่มฝ่ ายซ้าย กลุ่ม
เสรีนิยม และกลุ่มศาสนานาโดย อยาโตเลาะ
โคไมนิ ทาให้สหรัฐต้องสูญเสียพันธมิตรทาง
ทหารและดุลทางทหารในภูมิภาค ใน
ขณะเดียวกันชาติอาหรับซุนหนี่ มีความ
หวาดกลัวต่อการขยายของการปฏิวติอิสลาม
ั
โดยเฉพาะอิรกเพื่อนบ้านที่มีชาวชีอะเป็ นชน
ั
ส่วนใหญ่ของประเทศถึงร้อยละ 60แต่มีรฐบาล ั
เป็ นชาวซุนนี่ ภายใต้การปกครองของพรรค
บาธที่มี ซัดดัม ฮุ สเซนเป็ นประธานาธิบดี
ประกอบกับอิรกมีความขัดแย้งด้านพรมแดน
ั
มาก่อนหน้านี้ จึงนาไปสู่การทาสงครามระหว่าง
สองประเทศ
- 20. การต่อต้านปฏิวติอิหร่านโดยการสนับสนุ นชาติอาหรับซุนหนี่ และสหรัฐ
ั
โดยให้อิรกเป็ นแนวหน้าก็ตามแต่ผลประโยชน์ของอิรกเป็ นจุดสาคัญต่อการ
ั ั
ตัดสินใจของอิรกความขัดแย้งเกิดจากแม่น้ าไทกริสและยูเฟรติสความขัดแย้งของ
ั
การอ้างสิทธิเหนื อแม่น้ าสายนี้ สืบกลับไปถึงสัญญาสันติภาพ ปี พ.ศ.2193 ระหว่าง
อาณาจักร อ๊อตโตมันกับเปอร์เซีย ในยุคอาณาอาณานิ คม มีความพยายามแก้ไข
พิพาทนี้ โดยอังกฤษเสนอให้ใช้ร่องน้ าลึกเป็ นแนวเขตแดนแต่ฝ่ายอิรกไม่ยอม โดยมี
ั
ต้องการให้เส้นพรมแดนอยูที่ฝังของอิหร่านแต่ในที่สุดอิรกยอมลงนามในสัญญา
่ ่ ั
อัลเจียร์ ยอมใช้ร่องน้ าลึกเป็ นแนวเขตแดนภายใต้ความกดดันของสหรัฐที่หนุ นหลัง
พระเจ้าชาร์ ปาฮ์เลวี และอิหร่านคูเซสถานเป็ นจังหวัดของอิหร่านติดกับจังหวัด
บาสรา ของอิรก และอ่าวเปอร์เซียจังหวัดนี้ อุดมไปด้วยน้ามัน เมืองอบาดานมีโรง
ั
กลันน้ามันขนาดใหญ่องกฤษผนวกดินแดนให้กบอิหร่านในยุคอาณานิ คมทาให้อิรก
่ ั ั ั
ใช้เป็ นข้ออ้างถึงอธิปไตย
- 22. พ.ศ.2514อิรกตัดความสัมพันธ์กบอิหร่านจนถึงปี 2522 เกิดปฏิวติ
ั ั ั
อิหร่านจุดนี้ อาจจะทาให้ซดดัม ฮุ สเซน เห็นโอกาสในการโจมตีอิหร่าน จึงส่งกาลัง
ั
รุกรานอิหร่านที่นาไปสู่สงครามอันยาวนาน เมืองสาคัญของอิหร่านใกล้กบปากแม่
ั
น้าชัท อัล อาหรับได้ความเสียหายอย่างหนักจากสงคราม เมืองอบาดานเมืองสาคัญ
ด้านอุตสาหกรรมน้ ามันถูกอิรกยึดครอง แต่กองกาลังทหารอิหร่านต้านทานอย่าง
ั
เข้มแข็งจนอิรกไม่สามารถรุกคืบเข้าไป
ั
ด้านอิหร่านฝ่ ายศาสนาใช้โอกาสนี้ สร้างด้วยกระแสคลังชาติ กวาดล้าง
่
หุนส่วนการปฏิวติ คือผูนาเสรีนิยมหลายคนต้องลี้ ภัยไปต่างประเทศ ผูนาศาสนา
้ ั ้ ้
ได้รบเสริมและขยายความเข้มแข็ง จนถึงปี 2530 จึงเริ่มเปิ ดการเจรจา จนกระทัง
ั ่
ลงนามในสนธิสญญาสงบศึกเมื่อ 26 สิงหาคม 2531 ฝ่ ายอิรกต้องกลับไปเหมือน
ั ั
ไม่มีอะไรเกิดขึ้ นนอกจากความเสียหาย
- 24. เอกสารอ้างอิง
[1]. สงครามอิรัก คูเวต.(เอกสารออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:
http://krusungkorm.blogspot.com/2012/0
2/blog-post_9968.html
[2]. สงครามอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf War).(เอกสารออนไลน์).เข้าถึงได้
จาก:http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-
4/persian_gulf_war/index.html
[3]. สงครามอิรัก.(เอกสารออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:
http://www.navy.mi.th/ians/document/misc/nvipdoc1.html
[4]. วิเคราะห์สงครามอิรัก.(เอกสารออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:
http://www.do.rtaf.mi.th/index.php?option=com_content&view=article&id=37&
Itemid=93