Enviar pesquisa
Carregar
กำเนิดปิโตรเลียม
•
1 gostou
•
2,193 visualizações
B
Boom Rattamanee Boom
Seguir
Denunciar
Compartilhar
Denunciar
Compartilhar
1 de 7
Baixar agora
Baixar para ler offline
Recomendados
เคมีพื้นบท4ปิโตรเลียม
เคมีพื้นบท4ปิโตรเลียม
Wichai Likitponrak
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
Nuttakit Wunprasert
Petrolium
Petrolium
Jiraporn
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
บทที่ 4 ปิโตรเลียม
Jariya Jaiyot
01ปิโตรเลียม
01ปิโตรเลียม
นฤเบศน์ เริ่มตระกูล
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (Fossil fuels
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ (Fossil fuels
ณัฐวุฒิ โคตรพัฒน์
กำเนิดปิโตรเลียม
กำเนิดปิโตรเลียม
patcharapun boonyuen
ปิโตรเลียม (Petroleum)
ปิโตรเลียม (Petroleum)
พัน พัน
Mais conteúdo relacionado
Mais procurados
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
oraneehussem
กำเนิดปิโตรเลียม
กำเนิดปิโตรเลียม
Meen Jaturaporn
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์ 8
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์ 8
Varin D' Reno
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์
orasa1971
06.ถ่านหิน
06.ถ่านหิน
Kobwit Piriyawat
ปิโตรเลียม (Petroleum)
ปิโตรเลียม (Petroleum)
พัน พัน
กำเนิดปิโตรเลียม
กำเนิดปิโตรเลียม
Boom Rattamanee Boom
(C ai)เชื้อเพลงิซากดึกดำบรรพ์ 29,30
(C ai)เชื้อเพลงิซากดึกดำบรรพ์ 29,30
PamPaul
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
kritsadaporn
ก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว
ก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว
Mate Soul-All
การสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียม
Sutisa Tantikulwijit
7.องค์ความรู้ด้านพลังงาน
7.องค์ความรู้ด้านพลังงาน
Kobwit Piriyawat
ดิน
ดิน
website22556
อุตสาหกรรมปุ๋ย
อุตสาหกรรมปุ๋ย
Piyapong Chaichana
Petroleum
Petroleum
อัมรัตน์ เอียดละออง
14.พืช C4 and CAM
14.พืช C4 and CAM
Wichai Likitponrak
07.น้ำมัน
07.น้ำมัน
Kobwit Piriyawat
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
Thitaree Samphao
Mais procurados
(18)
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
กำเนิดปิโตรเลียม
กำเนิดปิโตรเลียม
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์ 8
เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์ 8
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์
บทที่12 เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และผลิตภัณฑ์
06.ถ่านหิน
06.ถ่านหิน
ปิโตรเลียม (Petroleum)
ปิโตรเลียม (Petroleum)
กำเนิดปิโตรเลียม
กำเนิดปิโตรเลียม
(C ai)เชื้อเพลงิซากดึกดำบรรพ์ 29,30
(C ai)เชื้อเพลงิซากดึกดำบรรพ์ 29,30
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว
ก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว
การสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียม
7.องค์ความรู้ด้านพลังงาน
7.องค์ความรู้ด้านพลังงาน
ดิน
ดิน
อุตสาหกรรมปุ๋ย
อุตสาหกรรมปุ๋ย
Petroleum
Petroleum
14.พืช C4 and CAM
14.พืช C4 and CAM
07.น้ำมัน
07.น้ำมัน
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
Semelhante a กำเนิดปิโตรเลียม
Global warmin-t
Global warmin-t
Jatupon Panjoi
แผ่นดินไหว
แผ่นดินไหว
sangkom
โลกร้อน222
โลกร้อน222
sangkom
โลกร้อน222
โลกร้อน222
sangkom
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
kritsadaporn
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
kritsadaporn
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
kritsadaporn
โครงงานวิทย์ งานคอม
โครงงานวิทย์ งานคอม
Aungkana Na Na
02 global warming
02 global warming
kruwatinee21
งานนำเสนLlอ32
งานนำเสนLlอ32
Papawadee Yatra
โครงงานวิทย์ (งานคอม)
โครงงานวิทย์ (งานคอม)
Aungkana Na Na
โลกร้อน
โลกร้อน
sudsanguan
โครงงาน แบงค์
โครงงาน แบงค์
Aungkana Na Na
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
dnavaroj
Physical geology 1 3
Physical geology 1 3
Intaruechai Intaruechai
Sc103 fanal#2
Sc103 fanal#2
Kan Samutkota
สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
thunchanok
ปิโตรเคมี
ปิโตรเคมี
Chemteacher Chemclub
การลดภาวะโลกร้อน
การลดภาวะโลกร้อน
jzuzu2536
Climate change2009
Climate change2009
Kobwit Piriyawat
Semelhante a กำเนิดปิโตรเลียม
(20)
Global warmin-t
Global warmin-t
แผ่นดินไหว
แผ่นดินไหว
โลกร้อน222
โลกร้อน222
โลกร้อน222
โลกร้อน222
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
โครงงานวิทย์ งานคอม
โครงงานวิทย์ งานคอม
02 global warming
02 global warming
งานนำเสนLlอ32
งานนำเสนLlอ32
โครงงานวิทย์ (งานคอม)
โครงงานวิทย์ (งานคอม)
โลกร้อน
โลกร้อน
โครงงาน แบงค์
โครงงาน แบงค์
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลก
Physical geology 1 3
Physical geology 1 3
Sc103 fanal#2
Sc103 fanal#2
สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
สมดุลเคมีในสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ปิโตรเคมี
ปิโตรเคมี
การลดภาวะโลกร้อน
การลดภาวะโลกร้อน
Climate change2009
Climate change2009
Mais de Boom Rattamanee Boom
คำแนะนำ
คำแนะนำ
Boom Rattamanee Boom
คำแนะนำ
คำแนะนำ
Boom Rattamanee Boom
รายวิชาเคมีพื้นฐาน1
รายวิชาเคมีพื้นฐาน1
Boom Rattamanee Boom
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
Boom Rattamanee Boom
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
Boom Rattamanee Boom
เคมีคืออะไร
เคมีคืออะไร
Boom Rattamanee Boom
เคมีคืออะไร
เคมีคืออะไร
Boom Rattamanee Boom
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
Boom Rattamanee Boom
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
Boom Rattamanee Boom
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
Boom Rattamanee Boom
อ่านการ์ตูนปิโตรเลียม
อ่านการ์ตูนปิโตรเลียม
Boom Rattamanee Boom
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
Boom Rattamanee Boom
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิกมีรูป
Boom Rattamanee Boom
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิกมีรูป
Boom Rattamanee Boom
กรดนิวคลีอิก
กรดนิวคลีอิก
Boom Rattamanee Boom
กรดนิวคลีอิก
กรดนิวคลีอิก
Boom Rattamanee Boom
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
Boom Rattamanee Boom
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
Boom Rattamanee Boom
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
Boom Rattamanee Boom
คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต
Boom Rattamanee Boom
Mais de Boom Rattamanee Boom
(20)
คำแนะนำ
คำแนะนำ
คำแนะนำ
คำแนะนำ
รายวิชาเคมีพื้นฐาน1
รายวิชาเคมีพื้นฐาน1
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
รายวิชาเคมีพื้นฐาน
เคมีคืออะไร
เคมีคืออะไร
เคมีคืออะไร
เคมีคืออะไร
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
การ์ตูนชีวมวล
อ่านการ์ตูนปิโตรเลียม
อ่านการ์ตูนปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
ปิโตรเลียม
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิกมีรูป
กรดนิวคลีอิก
กรดนิวคลีอิก
กรดนิวคลีอิก
กรดนิวคลีอิก
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
ไขมัน คืออะไร
คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต
กำเนิดปิโตรเลียม
1.
การกําเนิดปโตรเลียม
เมื่อหลายลานป ทะเลเต็มไปดวยสัตว และพืชเล็ก ๆ จําพวกจุลินทรีย เมื่อ สิ่งมีชีวิตตายลงจํานวนมหาศาล ก็จะตกลงสูกนทะเล และถูกทับถมดวยโคลน และทราย แมน้ํา จะพัดพากรวดทราย และโคลนสูทะเล ปละหลายแสนตัน ซึ่งกรวด ทราย และโคลน จะทับถมสัตว และพืชสลับทับซอนกัน เปนชั้น ๆ อยูตลอดเวลา นับเปนลานป การทับถมของชั้นตะกอนตาง ๆ มากขึ้น จะหนานับรอยฟุต ทําใหเพิ่ม น้ําหนักความกดและบีบอัด จนทําใหทราย และชั้นโคลน กลายเปนหินทราย และหินดินดาน ตลอดจนเกิดกลั่นสลายตัว ของสัตว และพืชทะเล เปนน้ํามันดิบ และกาซธรรมชาติ
2.
น้ํามันดิบ และกาซธรรมชาติ มีความเบา
จะเคลื่อนยาย ไปกักเก็บอยูในชั้น หินเนื้อพรุน เฉพาะบริเวณที่สูงของโครงสรางแตละแหง และจะถูกกักไวดวยชั้นหินเนื้อแนน ที่ปดทับอยู (รูปจาก หนังสือธรณีวิทยาจังหวัดเชียงใหม และพื้นที่ใกลเคียง, กรมทรัพยากรธรณี 2539, หนา 203) นักธรณีวิทยาสวนใหญมีแนวความคิดวา ปโตรเลียมนาจะมีแหลงกําเนิดมาจากสารอินทรีย ทําใหการศึกษามุงหากําเนิดของ น้ํามันที่เปนแบบอยางหรือตัวแทนของน้ํามันสวนใหญที่พบและผลิตในอุตสาหกรรม ดังนั้นจะเห็นไดวาแหลงปโตรเลียม สวนใหญในโลกมักมีความเกี่ยวของกับหินตะกอนที่สะสมในทะเล แตในประเทศไทยพบทั้งในหินตะกอนที่สะสมในทะเล และไมไดสะสมในทะเล เนื่องจากหินตะกอนจะมีสวนประกอบของสารอินทรียมากกวาหินประเภทอื่นๆ พวกสิ่งมีชีวิตแต ละประเภทจะมีสารอินทรียแตกตางกันเชน - Marine&Lacustrine Plankton ประกอบดวย โปรตีน และคารโบไฮเดรต ถึง 50% และ Lipid 25% - Bacteria ประกอบดวย โปรตีนและ Lipids - Landplant ประกอบดวย Cellulose, Lignin, Waxes, Resin และ Lipid เล็กนอย เมื่อสิ่งมีชีวิตสิ้นสภาพและถูกพัดพามาพรอมกับตะกอนลงสูแองสะสมตะกอน บางสวนของซากสิ่งมีชีวิตถูกทําลาย โดย ขบวนการเติมออกซิเจน(Oxidation) บางก็ถูกทําลาย และเปนอาหารจุลินทรีย สวนที่เหลือจะถูก preserved ไดตองอาศัยการ ตกทับถมอยางรวดเร็วและลักษณะของตะกอนที่ปดทับ ซึ่งตองการสภาพแวดลอมแบบไมมีออกซิเจน(Reducing) รูปที่ 1 แสดงการถูกเก็บรักษาและถูกทําลายของสารอินทรีย ในตะกอน ตางๆ
3.
สารอินทรียที่สะสมดินโคลน ชองวางระหวางเม็ดตะกอนมีขนาดเล็ก ทําใหมีออกซิเจนนอย
เกิดสภาพแวดลอมแบบ Anaerobic สารอินทรียที่สะสมในตะกอนที่มีรูพรุนขนาดใหญ จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทําใหสารอินทรียถูกทําลาย (รูปจาก Petroleum Formation and Occurrence 2nd editor, Tissot & Welte, 1984) พวกอินทรียสารที่มากับตะกอนทับถมตัวแลวจะถูกทําลายโดยพวกจุลินทรีย การเปลี่ยนแปลงนี้จะกอใหเกิดกาซ CO2, H2O, CH4, H2S สุดทายจะได Insoluble Kerogen ซึ่งเปน Common form ของสารอินทรีย ไปเปนคีโรเจน มี 3 ขั้นตอน รูปที่ 2 1. Microbial Activity กระบวนการเหลานี้เกิดเปนขั้นตอนแรกในระดับใกลพื้นผิว เปนขั้นตอนที่จุลินทรียทําลาย ยอยสลาย สารอินทรียเริ่มตนในตะกอน ถาโดยวิธี Aerobic จะเปนการทําลายสารอินทรียโดยตรง จะไดกาซ CO2 และ H2O แตถาเปน Anaerobic Method จะสลายสารอินทรียบางสวนโดยวิธี Fermentation จะไดกาซ CH4, Amino Acids และน้ําตาล 2. Polycondendsation เมื่อเวลาผานไประดับลึกลงมากขึ้น กรดอะมิโนและน้ําตาล ไมสามารถทนสภาพที่เปลี่ยนไปก็ จะรวมตัวกันเปนโมเลกุลใหญขึ้น 3. Insolubilization เปนขบวนการที่ทําใหโพลีเมอร ที่เกิดขึ้นกลายเปนกรดอิวมิกและฟลูวิก และจะเปลี่ยนเปนฮิวมิน เมื่อมีการอัดแนนเพิ่มมากขึ้น ขั้นตอนนี้จะเกิดที่ระดับความลึกหลายรอยเมตร และใชเวลาหลายลานป และผล สุดทายจะได ที่เรียกวา Kerogen รูปที่ 2 รูปแบบทั่วไปของวิวัฒนาการของสารอินทรีย จากการสะสมตัวในตะกอน จากขบวนการ Diagenesis, Catagenesis จนถึง Metagenesis
4.
(รูปจาก Petroleum Formation
and Occurrence 2nd editor, Tissot & Welte, 1984) ประเภทของ Kerogen จะเปนตัวกําหนดชนิดของปโตรเลียม รูปที่ 3 เชน Type I เปน Kerogen ที่มีสวนประกอบ H/C สูงและคา O/C ต่ํา เปน Kerogen ที่มาจากสารอินทรียพวก Algae ใน สภาวะแวดลอมแบบทะเลสาบ หรือบริเวณชายฝง ที่สามารถเกิด Algal Bloom ได จะใหน้ํามันชนิดพาราฟน Type II เปน Kerogen ที่มีสวนประกอบ H/C ปานกลาง และอัตราสวน O/C คอนขางต่ํา มักจะพบในพวกหิน ตะกอนที่ สะสมในทะเล ไดอินทรียสารพวกสาหราย Organism และ Higher Plants จะใหน้ํามันชนิดแนฟทาและอะโรมาติก Type III เปน Kerogen ชนิด H/C และ O/C ในอัตราต่ํา สารอินทรียสวนใหญเปนพวก Land Plants โดยเฉพาะ พวกเซลลูโลส และ woody materials Kerogen ชนิดนี้จะใหกาซ รูปที่ 3 สวนประกอบพื้นฐานและชวงการเกิดของกรด Humic และ Kerogen จากเริ่มแรก (Immature Ancient Sediment)
5.
(รูปจาก Petroleum Formation
and Occurrence 2nd editor, Tissot & Welte, 1984) เมื่อตะกอนที่สะสมตัวจมลึกลงไปเรื่อยๆ ตามเวลานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของอินทรียสารในตะกอนตามไปดวย การ เปลี่ยนแปลงนี้แบงออกไดเปน 3 ชวง คือ Diagenesis, Catagenesis และ Metagenesis รูปที่ 4 ซึ่งจะเปนตัวกําหนดอายุของ Kerogen วานอยหรือมากเกินไปที่จะใหปโตรเลียม Kerogen ที่อยูภายใตสภาวะการสะสมตัวที่จัดวาเปน Mature Kerogen คือ อุณหภูมิ ระหวาง 60-120oC จะสามารถผลิตน้ํามันและกาซไดดี และถาอุณหภูมเิ พิ่มสูงขึ้นเปน 120-225 oC ตามระดับ ความลึกนั้น จะเปนการผลิตกาซเปนหลัก ถาอุณหภูมิสูงกวานี้ก็จะไมสามารถผลิตไดอีกตอไป คือสิ้นสภาพของ Kerogen กลายเปนสาร inert หรือ graphite ตอไป Organic Diagenesis จัดเปนชวงที่เรียกไดวา Immature stage เกิดในชวงระดับความ ลึกจากพื้นผิวลงไปจนถึงระดับความลึกประมาณ 1,000 เมตร หรือ กวาไมมากนักระดับความกดดันและอุณหภูมิคอนขางต่ํา คือ ต่ํากวา 50-60 oC เริ่มตนดวย Microbial Degradation เปลี่ยนแปลงสารอินทรียเริ่มตน ตามดวย Polymerzation และ Condensation แปลงสารเริ่มตนไปเปน Fulvic acids, Humic Acids และ Humins และได Products พวก CH4, CO2, H2O และ H2S ออกมาดวย Catagenesis จัดอยูในชวงที่เรียกวา mature stage มีสภาพแวดลอมที่เหมาะสมสําหรับ Kerogen ที่จะ ผลิตน้ํามันออกมา นอกจากนี้ถายังมีพวก Humin เหลืออยู ก็จะถูกแปลงไปเปน Kerogen และผลิตเปนน้ํามันตอไป ระดับ ความลึกของ Catagenesis หรือบางทีก็เรียกเปน oil window จะอยูตั้งแต 1,000 เมตร กวาไปจนถึงระดับ 3,000 เมตร Metagenesis เปนชวงที่เรียกวา Over mature stage เกิดขึ้นในระดับที่ลึกมากทั้งความกดดัน และอุณหภูมิมากกวา 150 oC ซึ่ง จะทําใหปริมาณ Oxygen และ Hydrogen ที่เคยมีอยูใน Kerogen สลายออกไปเกือบหมด จึงไมสามารถแยกชนิด Kerogen วา เปน Type I, II หรือ III ได เพราะสารสวนใหญที่เหลือคือ คารบอน เมื่อ Kerogen ใหปโตรเลียมแลวจะตองเคลื่อนที่ออกจาก แหลงกําเนิดไปยังหินกักเก็บปโตรเลียม ซึ่งมี ความสามารถในการซึมผานที่ดีกวาและสะสมตัวตอไป การเคลื่อนที่จาก แหลงกําเนิดจนกวาจะพนจากหินตนกําเนิดนี้จัดเปน primary migration เมื่อเคลื่อนเขาสูหินกักเก็บแลว และเคลื่อนตอไป จนกวาจะถูกโครงสรางกักเก็บ เปนการเคลื่อนที่แบบ secondary migration สวนการเคลื่อนที่จากแหลงเก็บกักแรกไปยัง แหลงกักเก็บอื่นๆ หรือตอๆ ไป อาจเรียกไดวาเปน Tertiary Migration
6.
รูปที่ 4 รูปแบบทั่วไปของการวิวัฒนาการของ
Kerogen (รูปจาก Petroleum Formation and Occurrence 2nd editor, Tissot & Welte, 1984) แสดงแหลงที่มาของสารประกอบไฮโดรคารบอน
7.
(รูปจาก Petroleum Formation
and Occurrence 2nd editor, Tissot & Welte, 1984)
Baixar agora