12. การผสมสั ญ ญาณแบ่ ง ตามช่ ว งเวลา ( TDM)
ใช้ในการมัลติเพล็กซ์สัญญาณเสียงดิจิตอล เช่น แผ่นเพลง
C D ช่องสัญญาณรวมจะถูกแบ่งออกเป็นช่วงเวลาเล็กๆ สาย
สื่อสารแต่ละเส้นจะได้รับกำาหนดช่วงเวลาอย่างน้อยหนึ่งช่วง
และสามารถส่งสัญญาณเต็มขีดความสามารถของสาย โดย
สัญญาณทีมอัตราความเร็วตำ่าหลาย ๆ สัญญาณ เมือนำามา
่ ี ่
มัลติเพล็กซ์รวมกันก็จะได้สัญญาณที่มี D ata Rate ทีสูงขึ้น
่
13. TDM แบ่ ง ได้ 2 ทาง คื อ S ynchronous,
Asynchronous
S ynchronous TDM : S ync TDM
ตัว Mu ltip le xe r จะเป็นตัวค้นหาว่า D e vice ไหน
ต้องการส่งโดยไม่สนใจว่า D e vic e นีจะส่งหรือไม่
้
หรือ D e vic e นีเสียหรือไม่ ซึ่งจุดนีทำาให้เสียเวลา
้ ้
เกิดการ สินเปลืองทรัพยากร และจะแบ่งเวลาไปให้
้
เครื่องอื่นไม่ได้จะถูกจองไว้เฉพาะเครื่อง
20. การผสมสั ญ ญาณแบบไร้ ส าย (Wire le s s
C om m u nic ation)
จำาเป็นต้องใช้เทคนิคการผสมสัญญาณเพือให้ผู้ใช้สามารถ
่
ส่งข้อมูลออกมาได้ตลอดเวลาในขณะทียงมีช่องสัญญาณ
่ ั
ว่าง ผู้ใช้จึงสามารถส่งสัญญาณได้หลายช่องสัญญาณ
กล่าวคือแต่ละช่องสัญญาณมีผู้ใช้ได้หลายคน ซึ่งจะทำาให้
ประสิทธิภาพในการใช้งานสูงขึ้น
21. การผสมสั ญ ญาณแบบไร้ ส าย
วิธีการเดิมทีกำาหนดช่องสื่อสารแบบถาวรหรือกึงถาวร
่ ่
ให้แก่ผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งผู้ใช้คนอื่นจะไม่สามารถใช้ช่อง
สัญญาณนันได้แม้ว่าเจ้าของช่องสัญญาณจะไม่ได้
้
ประโยชน์ใด ๆ
วิธีการแบบนี้ได้แก่
▪ การผสมสัญญาณแบบ FD MA
▪ การผสมสัญญาณแบบ TD MA
▪ การผสมสัญญาณแบบ C D MA
22. การผสมสัญญาณแบบ FD MA
(Fre qu e nc y d ivis ion m u ltip le ac c e s s )
▪เป็นการผสมสัญญาณแบบเซลลูลาร์ ซึ่งเป็นการส่ง
สัญญาณออกไปทุกทิศทางรอบสถานีหรืออุปกรณ์ส่ง ใน
ยุคแรกนั้นมีจำานวนผู้ใช้ไม่มากนัก การใช้ช่องสัญญาณ
ร่วมกันจึงไม่มีความจำาเป็น
23. การผสมสัญญาณแบบ TD MA
(Tim e D ivis ion Mu ltip le Ac c e s s )
▪ พัฒนาเพือเพิมประสิทธิภาพการใช้โทรศัพท์เซลลูลาร์แบบ
่ ่
ดิจิทลโดยเฉพาะโดยสัญญาณคลื่นวิทยุจะถูกแบ่งออกเป็น
ั
ช่วงเวลา (Tim e S lot) เพื่อให้ผู้ใช้ในกลุ่มสามารถใช้คลื่น
ความถี่เดียวกันในการสื่อสารพร้อมกัน
24. การผสมสัญญาณแบบไร้สาย
▪ การผสมสัญญาณแบบ TDMA
▪ เทคโนโลยีสำาหรับผู้ใช้ทั่วไปอีกแบบ
หนึ่งเรียกว่า Personal
Communication Service (PCS)
เป็นการสือสารระบบไร้สายในยุคที่สาม
่
▪ ระบบนี้จะบันทึกข้อมูลของคนที่เป็น
สมาชิกไว้ในอุปกรณ์บตรวงจร
ั
อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทการ์ด
58. เกตเวย์ แ บบซิ ง โครนั ส
ทำาหน้าที่ในการช่วยให้ผู้ใช้ (Us e r) ภายในเครือข่ายLAN
ให้สามารถ ติดต่อกับคอมพิวเตอร์เมนเฟรมภายนอกเครือ
ข่ายโดยผ่านทางโมเด็มแบบซิงโครนัส
เกตเวย์แบบซิงโครนัสทีรู้จักกันดี ได้แก่
่
เกตเวย์ เอสเอ็นเอ (S ys te m Ne twork Arch ite ctu re ;
S NA)
เกตเวย์แบบอาร์เจอี (Re m ote Job Entry; RJE)
59. เกตเวย์ แ บบซิ ง โครนั ส
ทำาหน้าที่เป็นอุปกรณ์เพือให้เครื่องพีซในเครือข่ายทำางาน
่ ี
“เสมือน” เป็นเทอร์มนอลของเครื่องเมนเฟรมภายนอก
ิ
เครือข่าย
ส่วนทำาหน้าทีเป็นฟรอนด์เอ็นโปรเซสเซอร์ โดยจะสนับ
่
สนุนโพรโทคอลแบบซิงโครนัส เช่น BIS YN หรือ S D LC
เป็นต้น
60. ทำาหน้าที่แปลง Pack age ของเครือข่ายหนึงให้เครือข่า
่
ยอื่นๆ เข้าใจ
การติดต่อข้ามเครือข่ายกัน หรือรวมหลาย ๆ เครือข่าย
เข้าด้วยกันเรียกว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยแต่ละเครือ
ข่ายจะเรียกว่าเครือข่ายย่อย (S u b ne twork)
ทำาหน้าที่ในการเชื่อมโยงแต่ละเครือข่ายเข้าด้วยกันตาม
มาตรฐาน IS O เรียกว่า IWU (Inte r Working Unit)
อุปกรณ์ IWU ดังกล่าวนีมี 2 แบบ คือ
้
▪ เราเตอร์
▪ บริดจ์
61. สามารถหาช่องทางเชื่อมต่อ ระหว่างสองจุดไกลๆ ทีดี ่
ทีสุดให้ ใช้ในระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เท่านั้น
่
ภายในจะมีหน่วยความจำาขนาดใหญ่ เพื่อจดจำา IP
ad d re s s ของทังโลก โดยจำาเฉพาะใกล้ๆ ถ้าไกลออก
้
ไปจะส่งสัญญาณไปเช็คจาก rou te r ตัวถัดไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะถึง IP ad d re s s ทีต้องการ แล้วจึงสร้างช่อง
่
ทางเสมือนให้สองเครื่องเชื่อมต่อกันได้
ทำางานใน Laye r3 (Network Layer)
66. Router
ทำางานในชั้น Network Layer มีการทำางานทีซับซ้อน
่
กว่าบริดจ์ โดย Router จะคำานวณหาเส้นทางทีดที่สุดใน
่ ี
การส่งข้อมูล ใช้ข้อมูลหมายเลขทีอยู่ IP Address
่
Bridge
ทำางานในชั้น Data Link Layer ใช้ข้อมูลจากหมายเลข
MAC Address
67. เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนตัวกลางนำาสัญญาณจาก
ตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง
การใช้รีพตเตอร์จะทำาให้เครือข่ายทั้งสอง เสมือนเชื่อมกัน
ี
โดยที่สัญญาณจะวิ่งทะลุถึงกันได้หมด รีพตเตอร์จึงไม่มีการ
ี
กันข้อมูล มีประโยชน์ในการเชือมต่อความยาวในการส่ง
่
ข้อมูลให้ยาวขึ้น
ทำางานในชั้นที่1 Ph ys ic al Laye r
ทำาหน้าที่รับสัญญาณดิจิตอลเข้ามาแล้วสร้างใหม่
(Re ge ne rate ) ให้เป็นเหมือนสัญญาณ (ข้อมูล) เดิมที่สงมา
่
จากต้นทาง จากนั้นค่อยส่งต่อออกไปยังอุปกรณ์ตัวอื่น
68. มีหน้าทีแปลงสัญญาณข้อมูลจากสัญญาณดิจิทลเป็น
่ ั
สัญญาณอนาลอก และการแปลงสัญญาณอนาลอกเป็น
สัญญาณดิจิทล ั
โมเด็มในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีชิปประมวลผล (Proce s s or)
และหน่วยความจำา (RO M) อยูในตัวเครื่อง
่
69. โมเด็มทีเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกเครื่อง
่
คอมพิวเตอร์ (Exte rnal Mod e m )
โมเด็มทีเป็นแผงวงจรต่อพ่วงเข้ากับแผงวงจรหลักใน
่
เครื่องคอมพิวเตอร์ (Inte rnal Mod e m )
70. 1 ) ความเร็วในการรับ– ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา
(Rate ) ที่โมเด็มสามารถทำาการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็ม
อื่น ๆ มีหน่วยเป็นบิต /วินาที (b p s ) หรือกิโลบิต/วินาที
(kb p s ) ในการบอกถึงความเร็วของโมเด็มเพือให้ง่ายใน
่
การพูดและจดจำา
- 2) ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล ข้อมูลข่าวสารทีส่ง ่
ออกไปบนโมเด็มนัน สามารถทำาให้มขนาดกะทัดรัด ด้วย
้ ี
วิธีการบีบอัดข้อมูล (C om p re s s ion) ทำาให้สามารถส่ง
ข้อมูลได้ครั้งละเป็นจำานวนมาก ๆ
71. 3) ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร
โมเด็มรุ่นใหม่ ๆ สามารถส่งและรับ โทรสาร (Fax
C ap ab ilitie s ) ได้ดีเช่นเดียวกับการรับและส่งข้อมูล
หากมีซอฟต์แวร์ทเหมาะสมแล้วก็จะสามารถใช้แฟกซ์
ี่
โมเด็มเป็นเครื่องพิมพ์ (Printe r) ได้ เมือพิมพ์เข้าไปที่
่
แฟกซ์โมเด็มก็จะส่งเอกสารไปยังเครื่องโทรสารทีปลาย ่
ทางได้
72. 4) ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด โมเด็มจะใช้
วิธีการควบคุมความผิดพลาด(Error C ontrol) ต่าง ๆ
มากมายหลายวิธีในการตรวจสอบเพือการยืนยันว่าจะ
่
ไม่มข้อมูลใดๆ สูญหายไประหว่างการส่งถ่ายข้อมูลจาก
ี
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึงไปยังอีกเครื่องหนึง
่ ่
5 ) ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก โมเด็มที่
จำาหน่ายในท้องตลาด ทัว ๆ ไป จะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
่
โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก (Exte rnal Mod e m ) และแบบ
ติดตั้งภายใน (Inte rnal Mod e m )
73. 6) สามารถใช้กบอินเตอร์เฟสต่าง ๆ ทีใช้มาตรฐาน IEEE
ั ่
หรือ C C ITT ได้
7) สามารถรับและส่งข่าวสารได้ทงเสียง ภาพ ข้อความ
ั้
และข้อมูลได้
74. จำาแนกตามลักษณะการติดตั้งและการใช้งานแบ่งได้
เป็น 4 ประเภท
1 ) โมเด็มชนิด PC MC IA และ C e llu lar Mod e m โมเด็ม
แบบ PC MC IA หรือ PC C ard เป็นโมเด็มทีมขนาดเล็ก
่ ี
ทีสุด มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ได้รับการออกแบบเพือใช้
่ ่
กับคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กส่วนประกอบของโมเด็มชนิด
นีจะมีลักษณะคล้ายกับโมเด็มชนิดติดตั้งภายใน
้
75. จำาแนกตามลักษณะการติดตั้งและการใช้งานแบ่งได้
เป็น 4 ประเภท
2) โมเด็มชนิดกระเป๋า (Poc k e t Mod e m ) โมเด็มขนาด
เล็กประกอบด้วยวงจรเหมือนโมเด็มชนิดติดตั้งภายนอก
โมเด็มชนิดนีมีความเหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ชนิด
้
Lap top และชนิดโน้ตบุ๊ก
76. จำาแนกตามลักษณะการติดตั้งและการใช้งานแบ่งได้
เป็น 4 ประเภท
3) โมเด็มชนิดติดตั้งภายนอก โมเด็มชนิดนีมลักษณะการ
้ ี
เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อยูภายนอก โมเด็มชนิดนีติดตั้ง
่ ้
ผ่านพอร์ตอนุกรม (S e rial) และพอร์ตยูเอสบี (US B)
77. จำาแนกตามลักษณะการติดตั้งและการใช้งานแบ่งได้
เป็น 4 ประเภท
4) โมเด็มชนิดติดตั้งภายใน โมเด็มชนิดนีติดตั้งอยู่
้
ภายในคอมพิวเตอร์มลักษณะเป็นแผงวงจรนำามาเสียบ
ี
กับเมนบอร์ดภายในคอมพิวเตอร์หรือลักษณะเป็นการ์ด
เสียบลงในช่องเสียบ (S lot ) ภายในคอมพิวเตอร์
78. โมเด็มทัวไปที่ใช้งานกันอยูนั้นเรียกว่า
่ ่
ดาต้า/แฟกซ์(D ata/Fax)
ส่งได้เฉพาะข้อมูล และโทรสาร
การส่งข้อมูลนั้นจะส่งเป็นสัญญาณดิจิทลั
ชิปที่ใช้งานประมวลผลเฉพาะข้อมูลและโทรสาร
โมเด็มอีกประเภทหนึงทีเพิมคุณสมบัติการประมวลผลเสียงได้
่ ่ ่
เรียกว่า ดาต้า/แฟกซ์/วอย (D ata/Fax/Voice )
โมเด็มนีจะเพิ่มส่วนของตัวแปลงสัญญาณเสียงพูดเป็นอนา
้
ลอกให้เป็นดิจิทลทีประมวลผลได้ (Analog to D igital
ั ่
C onve rte r; AD C )
79. ปัจจุบันโมเด็มทีเป็นทีนิยมเป็นโมเด็มประเภทแรกเท่านัน
่ ่ ้
คือ ประเภททีทำางานเป็นเครื่องตอบและรับอัตโนมัติได้ แต่
่
ประเภททีส่งเสียง (Voic e ) พร้อมกับส่งข้อมูล (D ata) ได้
่
นำามาทำาเป็นระบบตอบโทรศัพท์อัตโนมัติ (Au tom atic
Ans we ring Matc h ing )
80. เครื่องตรวจสอบอุปกรณ์ (D iagnos tic Equ ip m e nt)
อุปกรณ์ตรวจสภาพสายสื่อสาร (Line Monitor)
ตรวจนับปริมาณข้อมูลที่ถูกส่งออกไปแล้วคำานวณเป็นตัวเลข
ทางสถิติที่ต้องการ
รวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นทังหมดจากอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น มัลติ
้
เพล็กเซอร์ คอนเซ็นเทรเตอร์ คอนโทรลเลอร์ และข้อมูลจาก
โปรแกรมควบคุมเครือข่าย เพือแสดงผลออกทาง หน้าจอ ซึ่ง
่
เจ้าหน้าที่เทคนิคสามารถนำาข้อมูลนี้ไปใช้ในการค้นหาจุด
บกพร่องหรืออุปกรณ์ที่เสียหายได้
กล่องตรวจสอบสัญญาณ (Bre akou t Box)
81. เครื่องตรวจสอบอุปกรณ์ (D iagnos tic Equ ip m e nt)
กล่องตรวจสอบสัญญาณ (Bre akou t Box)
การส่งสัญญาณผ่านสายสื่อสารโดยเฉพาะสายลวดทองแดง
นั้นมักจะอยู่ในรูปของแรงดันไฟฟ้า ซึ่งการส่งสัญญาณที่
สมบูรณ์จะต้องมีขนาดแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม สายสัญญาณที่
ต่อผ่านกล่อง ตรวจสอบสัญญาณนี้จะส่งแรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
ผ่านอุปกรณ์ภายในตัวอุปกรณ์ฯ จึงสามารถแสดงให้เห็น
สภาพของสัญญาณที่ดีและไม่ดีที่เกิดขึ้นได้