อุตสาหกรรมเซรามิกส์
- 6. การขึ้นรูปผลิตภัณฑ์
การ
เคลือบ
• สารที่ใช้เคลือบผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ คือ น้าเคลือบ เป็นสาร
ผสมระหว่างซิลิเกต กับสารช่วยหลอมละลาย เมื่อน้าเคลือบ
ได้รับอุณหภูมิจะหลอมเป็นเนื้อเดียวฉายติดกับผลิตภัณฑ์
• ส่วนผสมของน้าเคลือบแบ่งเป็น 3 ชนิด ตามสมบัติทางเคมี
• ช่วยลดอุณหภูมิในการหลอมเหลว ได้แก่ ออกไซด์ของหมู่
I,II และ Pb, Zn(Na2O ,Li2O, K2O, SrO, MgO, CaO,
BaO, PbO,ZnO)
• ช่วยให้เป็นสารทนไฟและให้สี เช่น Al2O3, Fe2O3, Cr2O3,
Sb2O3, B2O3 ,Mn2O3, Bi2O3
• ช่วยให้ทึบแสง SiO2, SnO2, TiO2, CeO2, ThO2, P2O5,
V2O5, Ta2O5
- 9. ผลิตภัณฑ์แก้ว
• การผลิตแก้ว
• วัตถุดิบในกรใช้ผลิตแก้ว
• ทรายแก้วหรือซิลิกา
• สารประกอบคาร์บอเนต
• หินปูน
• โซดาแอช
• โดโลไมต์
• เศษแก้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
การผลิตแก้ว
*สารประกอบคาร์บอเนต จะเป็นสารประกอบออกไซด์และเกิดหลอมเป็นเนื้อ
เดียวกันกับซิลิกาออกไซด์ เป็น น้าแก้ว ทาให้เกิดความแข็งแกร่งของเนื้อแก้ว
และช่วยลดอุณหภูมิในการหลอมลง
- 10. แก้วโซดาไลม์
• เป็นแก้วที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ แก้วน้ำ
ขวดน้ำ แผ่นกระจก แตกง่ำย มีซิลิกำ
ผสมประมำณ 75เปอร์เซนต์โดยมวล
แก้วเหล่ำนี้ ทำใหเกิดสีได้โดย
• เติมออกไซด์ของแมงกำนีส จะได้
แก้วสีชำ สีน้ำตำล
• เติมออกไซด์ของ Cu ,Cr จะได้แก้วสี
สีแดง
• เติมออกไซด์ของ Co จะได้แก้วสีน้ำ
น้ำเงิน
แก้วโบโรซิลิเกต
• เป็นแก้วที่ใช้ในเตำไมโครเวฟ หรือ
ห้องปฏิบัติกำรทำงวิทยำศำสตร์ แก้ว
เหล่ำนี้มีซิลิกำผสมค่อนข้ำงสูงและเติม
ประเภทของแก้ว (แบ่งตามองค์ประกอบทางเคมี)
- 11. แก้วคริสตัล• เป็นแก้วที่มีซิลิกำผสมประมำณ
ประมำณ 60 โดยมวล ใช้เป็น
เครื่องประดับรำคำแพง เพรำะ
เพรำะมี PbO กับ K2O
ปริมำณสูง และต้องมีปริมำณ
ปริมำณเหล็กเจือปนน้อยมำก
แก้วโอปอล• เป็นแก้วที่มีกำรเติมสำรบำง
ชนิด เช่น NaF , CaF2 เพื่อให้
ตกผลึกและแยกชั้นในเนื้อแก้ว
แก้วมีควำมขุ่นและโปร่งใส
หลอมขึ้นรูปง่ำย
- 12. ปูนซีเมนต์ วัตถุดิบ แบ่งออกเป็น 4กลุ่ม
• จัดเป็นส่วนประกอบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์โดยมวล อาจเป็นหินปูน
ดินสอพอง ดินมาร์ล หินอ่อน หินชอล์ก สารเหล่านี้เมื่อได้รับความร้อน
จะเปลี่ยนเป็น CaO
1.วัตถุดิบเนื้อ
ปูน
• ประกอบด้วยซิลิกาออกไซด์ อะลูมินา Fe2O3 ประมาณ16 เปอร์เซ็นต์
โดยมวล วัตถุดิบที่ใช้คือหินดินดาน
2.วัตถุดิบเนื้อ
ดิบ
• จะใช้ในกรณีที่ วัตถุดิบเนื้อปูน วัตถุดิบเนื้อดินไม่เป็นไปตามข้อกาหนด
เช่น
• ถ้ามีอะลูมินาต่า ต้องเติมแร่บอกไซต์ลงไป
• ถ้ามีเหล็กต่า ต้องเติมออกไซด์ของเหล็กลงไป
3.วัตถุดิบปรับ
คุณภาพ
• จะเติมไปในปูนเม็ดหลังการเผา เช่น เติมยิปซัม เพื่อหน่วงเวลาให้ปูน
ผสมน้า แข็งตัวช้าลง
4.สารเติมแต่ง
- 16. ปูนซีเมนต์แบ่งตามประเภทการใช้งาน
• เป็นปูนซีเมนต์ที่ได้จากการบดปูนกับเม็ดยิปซัม แบ่งเป็น 5 ประเภท
• ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ธรรมดา ใช้สาหรับทาคอนกรีตสาหรับงานก่อสร้างทั่วไป ไม่
ต้องการคุณภาพพิเศษ
• ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ใช้สาหรับทาคอนกรีต สาหรับอุตสาหกรรมที่เกิดความร้อน และ
ทนซัลเฟตได้ปานกลาง
• ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ประเภทเกิดความแรงสูง เหมาะสาหรับงานคอนกรีต ที่ต้องการ
ถอดแบบได้เร็ว หรืองานที่ต้องการใช้เร็วเพื่อแข่งกับเวลา
• ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ประเภทความร้อนต่า ใช้กับงานที่เป็นแท่งหนาๆ เช่น การสร้าง
เขื่อน
• ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ประเภทซัลเฟตสูง ใช้กับงานก่อสร้างในทะเล
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์
• เป็นปูนที่มีการเติมทราย หรือหินปูนลงไป ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสาหรับงาน
ก่อสร้าง ที่ไม่ต้องการรับน้าหนักมาก เช่นงานก่อ งานฉาบ การทากระเบื้องมุงหลังคา
ปูนซีเมนต์ผสม
- 17. สมาชิกกลุ่ม
นางสาวเบญพิชชา บัวผัน เลขที่ 4
นางสาวธัญพิชชา บัวเย็น เลขที่ 5
นางสาวปภาวดี ใจจุลละ เลขที่ 12
นางสาวโสรยา ปิยะวราภรณ์ เลขที่ 19
นางสาวอนรรฆวี มณี เลขที่ 22
นางสาวกานต์จิรา ทองนวล เลขที่ 28
นางสาวทับทิม คายวง เลขที่ 34
นางสาวณัฐณิชา สายแก้ว เลขที่ 36
นางสาวชนนิกานต์ สีเมืองแก้ว เลขที่ 37
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.11