SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 141
พื้นฐานชีวิต 1
ผู้เรียบเรียงรุ่นหลัง65
18/07/2565
12.19น.
คานา
• รวบรวมศาสตร์จีนโบราณ ประยุกต์เข ้ากับยุคสมัย
• อ่านง่าย เข ้าใจง่าย
• แฝงคติธรรม
• เพื่อให ้เกิดการเรียนรู้ในการสร ้างโอกาสที่ดีให ้กับตัวเราและคนที่รักเรา
Eat that Frogs
รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว
• ไบรอัน เทรซี่ มองว่าการที่คนเราจะประสบความสาเร็จในเรื่องใดได ้นั้น
นอกจากอาศัยกระบวนการที่ถูกต ้องแล ้ว ยังต ้องมีการลงมือทาอย่าง
ต่อเนื่อง และทาทันที ไม่รีรอ
เพราะเวลาทุกนาทีมีค่า
นอกจากเราจะต ้องบริหารจัดการงานแต่ละงานแล ้ว
การบริหารเวลาก็ถือเป็นวิธีพัฒนาศักยภาพในการทางานที่ควรทาที่สุด
ด ้วยเช่นกัน
• หนังสือยังมีเทคนิคอีกมาก
ที่เราสามารถนามาปรับประยุกต์ใช ้กับการทางานให ้เต็มประสิทธิภาพ
มากที่สุดเท่าที่จะทาได ้
เรามองว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข ้างรีดเค ้นศักยภาพของเราในการทางาน
มากกว่าการใช ้ความละมุนละม่อม เพราะหลังจากอ่านจบ
ก็รู้สึกได ้เลยว่าแต่ละวิธีหากเราทาตามได ้ทั้งหมดนั้นก็คงกลายเป็นผู้ที่
เข ้มงวดกับตัวเองมาก ๆ
และย่อมจะเป็นการเข ้าถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองได ้อย่างแน่นอน
• แม ้ว่าตลอดทั้งเล่มจะกล่าวถึงเรื่องการทางานเป็นหลัก
แต่ผู้เขียนก็ยังคงไม่ลืมเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข ้าง
เขากล่าวว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของความสุขในชีวิตนั้นมาจากการมี
สัมพันธภาพที่ดี
และการบริหารเวลาโดยเน้นกินกบตัวสาคัญ
ก็เพื่อให ้มีเวลาสาหรับความพึงพอใจในด ้านอื่น ๆ ของชีวิต
• เพราะยิ่งเราจัดการเวลาทางานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้มากเท่าไร
• เวลาสาหรับสัมพันธภาพที่มีความหมายก็อาจเพิ่มได้มากขึ้นเท่านั้น…
• https://readcommend.com/review-eat-that-frog/
หลักการครองเรือน
ฟ้า-คน-ดิน
ฟ้า
คน
ดิน
กฎแห่งกรรม
เดิน-วิ่ง-นั่ง-กิน-นอน
เดิน-วิ่ง-นั่ง-กิน-นอน (เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น)
• เดินไปตามปกติสุข
• วิ่งในยามจาเป็น
• นั่งในที่สบายใจ
• กินรักษาโรค
• นอนปรับสมดุล
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้
า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับ
ดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับ
ดิถี
ปฏิกิริยาระหว่าง
นักษัตร
คติจีนโบราณประยุกต์
• ฟ้าคือพ่อ ดินคือแม่
รวมกันให ้กาเนิดคนเรา
• หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกฎแห่ง
กรรม
ฟ้า
คน
ดิน
กฎแห่งกรรม
คติจีนโบราณประยุกต์
• ฟ้าคือต ้นทุนชีวิตตั้งแต่กาเนิด
• ดินคือต ้นทุนชีวิตหลังกาเนิด
• คนสามารถเลือกกาหนดชะตาชีวิตตัวเอง
ได ้
ฟ้า
คน
ดิน
กฎแห่งกรรม
คติจีนโบราณประยุกต์
• ฟ้าคือพ่อ (ชะตาฟ้า 3 ส่วน)
• ดินคือแม่ (ชะตาดิน 3 ส่วน)
• คนสามารถเลือกใช ้ชีวิตของตัวเองได ้
(ชะตาคน 3 ส่วน)
• เพราะสิ่งที่กาหนดอีกส่วนคือกฎแห่ง
กรรม
แม ้จะเป็นส่วนน้อยสุดแต่กลับส่งผลมาก
สุด
ฟ้า
คน
ดิน
กฎแห่งกรรม
• เวลาคุณมีบางอย่าง ที่ไม่ได ้ตามความตั้งใจในชีวิต
• บางทีมันไม่ได ้เกิดจากสิ่งที่คุณไม่รู้แต่มาจากสิ่งที่คุณรู้อยู่แล ้ว
• และคุณคิดว่าคุณทาแล ้วด ้วย แต่จริงๆคุณไม่ได ้ทา
• วันนี้ผมมี 3 สิ่งที่ผมรวบรวมมาจากที่ผมได ้พูดคุยกับคนที่ประสบ
ความสาเร็จ
• เป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าทาแล ้ว แต่จริงๆไม่ได ้ทา ที่รู้แล ้วอาจ
เปลี่ยนชีวิตคุณ
1. การฟัง
• เรื่องนี้แน่นอนเลยว่าเกิดขึ้นกับคนหลายคน เคยไหมครับว่า
• ทั้งๆที่คุณก็ตั้งใจฟังเค ้านะครับ แต่คู่สนทนาของคุณก็ยังจะบอกว่า ทาไม
ไม่ฟังกันบ ้าง
• หรือหลายต่อหลายครั้งที่คุณรู้อย่างชัดเจน ว่าคนที่คุณกาลังคุยด ้วย
นั้น ไม่ได ้ฟังคุณอยู่เลย
• สาเหตุหลักๆคือ ผู้ฟังมักจะทาเหมือนกับฟัง เพื่อแค่ไม่ให ้เสียมารยาท
เท่านั้นเอง
• กุญแจสาคัญในการประสบความสาเร็จในการทาธุรกิจส่วนตัว หรืออะไรก็
ตามที่ต ้องการ
• นั่นคือ การฟังเก่งครับ... “ไม่ใช่การพูดเก่งอย่างที่บางคนเข ้าใจ”
• คนฟังเก่ง คือฟังคนอื่นด ้วยความใส่ใจจริงๆ
• ฟังโดยวางการตัดสินของตัวเองไว ้ข ้างๆ ทาใจให ้ว่างเปล่า คาพูดที่อยู่ใน
หัวที่เราพยายามจะพูดแทรกเค ้า
• หรืออยากรีบตอบ รีบพูดแก ้ปัญหาให ้เค ้า ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวของคุณ
วางไว ้ข ้างๆเลยครับ
• ให ้ในหัวของคุณมีแต่คาพูดของเค ้า
ให ้ตัวคุณเองไปนั่งอยู่ในโลกของเค ้า รับรู้ว่าเค ้ารู้สึกอย่างไร ต ้องการ
อะไร
• และอย่างสุดท ้ายที่คุณต ้องทาคือ รอให ้เค ้าพูดจนจบครับ
• แล ้วทีนี้ก็ถึงตาคุณแล ้ว คุณอยากเสนออะไร ให ้ข ้อคิดเห็น หรือสั่ง
สอน ได ้ตามที่คุณต ้องการเลยครับ
2. ความละเอียด
• วิธีเช็คว่าคุณเป็นคนละเอียดจริงๆนะครับ ให ้ดูว่าการกระทาทุกอย่างใน
ชีวิตคุณ
• ไม่ว่าจะเป็นการทางาน การดูแลคนที่เรารัก ทุกอย่างเลยครับ
• การทาเหล่านี้มีประสิทธิภาพอย่างที่คุณตั้งใจไว ้หรือเปล่า
ถ ้าไม่ แสดงว่าคุณยังไม่ละเอียดทั้งหมด
• ปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดจะคลี่คลายได ้
แค่คุณใส่ใจกว่านี้มากหน่อย ลองถอยหลังออกมาก ้าวนึง แล ้วลองดูนะ
ครับว่า
• เราสามารถใส่รายละเอียดลงไปในจังหวะไหนของชีวิตอีกได ้บ ้าง
ที่จะทาให ้สิ่งนั้นเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นได ้
3. ความรัก
• หากพูดถึงความรัก คนเรามักจะตีความไปในความสัมพันธ์ของคนใกล ้
ตัว รักพ่อ รักแม่ รักเพื่อน รักแฟน
• แต่จริงๆแล ้วความรักนี้มีให ้ได ้กับทุกสิ่งเลยนะครับ
เช่น รักในงานที่ทา รักที่จะเจอปัญหาแล ้วแก ้มัน รักที่จะเริ่มลงมือทา
• ความรักในข ้อนี้เป็นส่วนผสมตั้งต ้นที่จะสามารถก่อให ้เกิดทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่คุณต ้องการในชีวิตได ้
• เช่น 2 ข ้อข ้างบนนี้จะเริ่มทาไม่ได ้เลยหากปราศจากความรัก
• ลองเริ่มที่จะ “รัก” ทุกอย่างในชีวิต
• ถ ้าคุณไม่มีความรัก คุณก็จะไม่สามารถเปิดใจตัวเองได ้ทั้งหมดเพื่อรับฟัง
ผู้อื่น
• ถ ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็จะไม่เลือกใส่รายละเอียดให ้ตัวเองมากกว่านี้
• ถ ้าคุณไม่รักผู้อื่น คุณจะไม่มีทางใส่ใจรายละเอียดของใครได ้เลย
• ความไม่รัก ก่อให ้เกิดความขัดแย ้ง
แต่ความรักทาให ้เกิดความปรองดองและความสัมพันธ์ที่หลากหลาย
• ความไม่รัก ทาให ้งานไม่เดิน
แต่ความรักจะทาให ้เกิดการสร ้างสรรค์ผลงานที่สาเร็จนับไม่ถ ้วน
• และความรักในการอ่านของคุณนั่นเอง
ที่ทาให ้คุณสามารถอ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ได ้
• https://www.skilllane.com/blog/3-things-that-you-may-think-you-already-did-but-actually-not
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้
า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับ
ดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับ
ดิถี
ปฏิกิริยาระหว่าง
นักษัตร
ลักษณะการผันแปร
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/posts/1023605364472402/?_rdr
ฟ้าคนดิน
1 ดวง, 2 โชค, 3 เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
เรา คงได ้ยินประโยค ข ้างตนเป็นประจา
เมื่อเราศึกษาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับอภิปรัชญาจีนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปาจื่อ,
เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
บ ้างก็กล่าวว่าโชคของคนเราขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่างคือ ฟ้า, ดิน, คน โดย
- ฟ้า คือ ดวง
- ดิน คือ เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
- คน คือ ฤกษ์ยาม
ประโยคนี้ เท่าที่ค ้นหามาได ้เชื่อกันว่ามาจาก นักปราชญ์นาม ซูตงโพ
(蘇東坡, sū dōng pō) แห่งราชวงศ์ซ่ง
โดยประโยคเต็ม ๆ คือ (อ ้างอิง 1)
一命、二運、三風水、四積德、五讀書。
หรือ แปลแบบผู้ไม่ชานาญภาษาจีนเช่นผมก็จะเป็น
一命、 หนึ่ง ดวงชะตา
二運、 สอง โชคชะตา
三風水、สาม เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
四積德、สี่ สะสมกรรมดี (สะสมบุญกุศล)
五讀書。ห ้า การศึกษา
สังเกตได ้ว่า ข ้อ 4 และ ข ้อ 5 ได ้หายไปจากประโยคเต็ม เมื่อมาอยู่ใน
วงการฮวงจุ้ย, ปาจื่อ
อย่างไรก็ดี ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย นั้น เรามอง ต่างจาก ที่ทั่วไปมองอยู่
เยอะ คือ
- ชะตาฟ้า คือ ดวงชะตา และ โชคชะตา
- ชะตาดิน คือ เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
- ชะตาคน คือ กรรม, การกระทา, การศึกษา, ศักยภาพ
ชะตาฟ้า
• ชะตา ฟ้า มี 2 ส่วน คือ ดวงชะตา กับ โชคชะตา
ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้เราแทบควบคุมไม่ได ้
ได ้แต่ทาความเข ้าใจ และ ทาตัวให ้สอดคล ้องกับมัน
- ดวงชะตา คือ สิ่งที่กาหนดมาตั้งแต่เกิด เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได ้
ได ้แต่เรียนรู้ วางแผน และเข ้าใจตัวเอง
- โชคชะตา คือ เหตุการณ์ต่าง ๆ
เช่น สภาพเศรษฐกิจ, โอกาสต่าง ๆ ที่เข ้ามา, สภาพอากาศ,
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ซึ่งควบคุมไม่ได ้
ทาได ้เพียงแต่คล ้อยตาม ให ้สอดคล ้อง ถูกจังหวะ ถูกโอกาส
ชะตาดิน
ชะตาดิน มี เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) ซึ่งควบคุม และ จัดการได ้ตามแต่วาสนา ของ
แต่ละคน
- เฟิ งสุ่ย (ฮวงจุ้ย) คือ สถานที่, สภาพแวดล ้อม, ที่ทางาน, บ ้าน, สุสาน
(วาสนาไม่พอก็ยากที่จะได ้สุดยอดชัยภูมิดี)
ชะตาคน
ชะตาคน มี กรรมดี และ การศึกษา ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เราจัดการ และ
เปลี่ยนแปลงได ้มากที่สุด
- กรรมดี คือ การกระทาต่าง ๆ ของเรา
- การศึกษา คือ ความรู้, ประสบการณ์, การพัฒนาศักยภาพของเรา
การปรับชะตา
• เนื่องจาก วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย เป็นวิชาไสยศาสตร์
จึงเน้นไปที่การปรับปรุง และ พัฒนา ตัวเอง, จิตใจของเรา, การกระทา
ของเรา
เพื่อปรับชีวิตให ้ดีขึ้น
• ซึ่งจะแตกต่างจาก วิชาดวงสายวิทยาศาสตร์ ที่ใช ้อุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยใน
การปรับชะตา
เช่น การใช ้หลอดไฟ, สีเสื้อผ ้า, เครื่องประดับ หรือวัตถุต่าง ๆ มาตั้งวาง
เพื่อปล่อยอนุภาคโฟตอน, อิเล็กตรอน ตามความยาวคลื่นต่าง ๆ
มากระตุ้นดวงชะตาของเรา
(ความยาวคลื่น 300-700 นาโนเมตร)
• ดังนั้นการดูดวง และ ศึกษาชะตา ตามหลักไสยศาสตร์
จึงเป็นการมุ่งศึกษา ดูว่า ศักยภาพ, ข ้อดี, ข ้อเสีย ของเราคืออะไร
และฝึกฝนจิตใจ, ปรับนิสัย, ปรับการกระทา
ให ้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเราออกมาได ้
• โดยที่ไม่ได ้สนใจมากนักว่า ปีไหนจะดีจะร ้าย ปีไหนจะดวงตก หรือ ดวง
ขึ้น
ต ้องลองนึกถึงความเป็นจริงว่า สมมุติว่า บริษัท Apple จะจ ้างเราทางาน
ในตาแหน่งที่สูง เงินเดือนเยอะแบบถาวร อะไรเกิดก่อนกัน ระหว่าง
1. เรามีความสามารถโดดเด่น เหมาะสมกับตาแหน่ง
2. ดวงดี เลยบังเอิญได ้งาน
• ถ ้าคนทั่วไป คงตอบได ้ไม่ยากว่า ตาแหน่งสูง เงินเดือนเยอะ
จะได ้ก็ต่อเมื่อมีความสามารถที่โด่ดเด่น เหนือกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวงการ
เดียวกัน
ซึ่งคนเหล่านี้ ที่ต ้องการคือ โอกาส ที่จะได ้แสดงความสามารถที่มีออกมา
และเราก็จะพบประจาว่า คนที่มีความสามารถ
มักมีโอกาสเข ้ามาหาในชีวิตให ้เลือกเยอะมาก
ซึ่งต่างกับคนที่ไม่มีความสามารถ
ที่มักไม่ค่อยมีตัวเลือกให ้เลือกอะไรมากนักในชีวิต
จริง ๆ ข ้อ 4 และ 5
(四積德、สี่ สะสมกรรมดี (สะสมบุญกุศล)
五讀書。ห ้า การศึกษา) นี่ต ้องมาคู่กัน
ลองคิดดูง่าย ๆ เราอยากทางานกับ
A. คนที่ วัน ๆ เอาแต่ด่า เอาแต่วิจารณ์ มองแต่จุดเสีย เพื่อนร่วมงาน
B. คนที่ ตั้งใจทางาน คอยแนะนา คอยช่วยเหลือ เพื่อนร่วมงาน
• คงไม่มีใครอยากทางานกับ คนแบบข ้อ A ดังนั้นแล ้วลองคิดดูว่า
คนแบบข ้อ A จะไปหาโชคดี หาโอกาสที่ดี มาจากไหนได ้มากนัก
• กลับกัน เมื่อ B ต ้องการอะไร หรือ เดือดร ้อนอะไร
คนมักก็จะเต็มใจช่วยเหลือ
มีอะไรดี ๆ ก็อยากจะมอบให ้กับ B จริงไหมครับ
• ยิ่งความสามารถสูง + นิสัยดีน่าคบหา
ถ ้าถึงช่วงลาบากมา
คุณว่า ใครจะได ้รับความช่วยเหลือมากกว่ากันระหว่าง A กับ B
• แล ้วถ ้าช่วงที่รุ่งเรือง ใครจะไปได ้ไกลกว่ากัน ระหว่า A กับ B?
• ดังนั้นเราจะเห็นประจาว่า ผู้ที่ประสบความสาเร็จในโลกนี้
ส่วนใหญ่จะแลกมาด ้วยความพยายาม ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป
แต่เป็นการพยายามเพื่อให ้ตัวเองมีความสามารถมากขึ้น ศักยภาพมาก
ขึ้น
ไม่ใช่พยายามทั่ว ๆ ไป
• ไม่ใช่การพยายามไปทางานทุกวันเหมือนเดิมอย่างหนัก
แต่เป็นการพยายามเพื่อไปถึงเป้ าหมายที่ต ้องเองต ้องการ
และ เมื่อโอกาสมาถึง
สิ่งที่เขาได ้ทามาในอดีตก็ส่งผลออกมา
สมมุติว่า ปีหน้าเป็นปีที่โคตรโชคดีของคุณ
ตามดวงจะได ้งานใหญ่ เงินเดือนเพิ่ม
คาถามที่สาคัญคือ คุณมีศักยภาพ, ความรู้, ความสามารถ
เพียงพอกับโอกาสนั้นแค่ไหน ?
ซินแสส่วนมาก มักจะกล่าวว่า
สามารถควบคุม และ แก ้ไขปรับปรุง ข ้อ 1 - 3
一命、 หนึ่ง ดวงชะตา
二運、 สอง โชคชะตา
三風水、สาม เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย)
ได ้อย่างง่ายดาย ด ้วยสารพัดเคล็ดวิชาของเขา
ซึ่งก็มักจะไม่ยอมสอน ไม่ยอมแผยแพร่
บางครั้งจะเรียกมาปรับปรุงบ ้าน และ ชะตา ของเรา
ก็ใช ้เงินเยอะอยู่เหมือนกัน
แถมบางคนก็บอกว่า เราไม่มีวาสนาพอ ไม่มีคุณธรรมพอ เขาไม่ดูให ้ก็มีอีก
เยอะ
ดังนั้นเราคนปกติทั่วไป เช่นผม และ ทุกคนที่อ่าน
ควรจะทาอย่างไรกับชีวิตเราดี ?
เคล็ดวิชาก็ไม่รู้, จะเสียเงินเป็นแสนไปจ ้างซินแสเทวดาก็ไม่มีอีก
นักปราชญ์นาม ซูตงโพ
เจ ้าของประโยคนี้ ก็ได ้บอกทางแก ้กับเราไว ้แล ้วครับ
คือ ข ้อ 4 - 5 คือ ทากรรมดี ทาสิ่งดี ๆ และ ตั้งใจศึกษา พัฒนาตัวเอง
จริงไหมครับ
• อ ้างอิง(1) https://en.wikipedia.org/wiki/Chinese_fortune_telling
• https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/posts/1023605364472402/?_rdr
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/posts/1023605364472402/?_rdr
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้
า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับ
ดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับ
ดิถี
ปฏิกิริยาระหว่าง
นักษัตร
ลักษณะการผันแปร
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551
• คนจะมีพลังเชื่อมฟ้าดิน ดวงชะตาดีอยู่ในสถานที่มงคล
แต่หากขาดศักยภาพ ไม่ขยันทามาหากิน ก็ไม่อาจเป็นเศรษฐีได ้
• นักวิทยาศาสตร์บอกว่า คนขี้เกียจมากน้อย
อาจมีผลมาจากยีน (Gene) ที่ทาให ้ตัวรับสารแห่งความสุข (โดพามีน)
ลดน้อยลง
• แต่เราสามารถ “ฝึก” ตัวเองให ้ขยันขึ้นมาได ้
เพราะหากปล่อยไว ้เท่ากับฝึกให ้คุ้นเคยกับความขี้เกียจนั่นเองครับ
• https://bit.ly/3yWiGqX
เดิน-วิ่ง-นั่ง-กิน-นอน (เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น)
• เดินไปตามปกติสุข (เข ้าใจใช ้ชีวิตทางสายกลาง)
• วิ่งในยามจาเป็น (ทางานอย่างเต็มศักยภาพ)
• นั่งในที่สบายใจ (สถานที่อยู่อาศัยเป็นมงคล)
• กินรักษาโรค (ดูแลสุขภาพกายและจิตเสมอ)
• นอนปรับสมดุล (นอนหลับให ้ถูกสุขลักษณะ)
https://bit.ly/3RPALzK
กินรักษาโรค
“อาหาร 5 ธาตุ” กินอย่างไรให ้สุขภาพดี
รสชาติอาหารจะแบ่งออกเป็น
• หวาน ธาตุดิน “ทาลายพิษ”
• เผ็ด ธาตุทอง “กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต”
• เค็ม ธาตุน้า “คลายกล ้ามเนื้อ”
• เปรี้ยว ธาตุไม ้“ลดการเคลื่อนไหว”
• ขม ธาตุไฟ “คลายร ้อน”
• ทานเค็ม (น้า) มากไป “ทาให ้เลือดไหลเวียนติดขัด” (ไฟ)
• ทานขม (ไฟ) มากไป “ทาให ้ผิวแห ้ง สีผิวหมองคล้า ขนหลุดร่วง” (ทอง)
• ทานเผ็ด (ทอง) มากไป “ทาให ้เส ้นเอ็นตึง เล็บแห ้ง เปราะ” (ไม ้)
• ทานเปรี้ยว (ไม ้) มากไป “ทาให ้ผิวหนังเหี่ยวย่น” (ดิน)
• ทานหวาน (ดิน) มากเกินไป “ทาให ้ปวดตามกระดูกและผมร่วง” (น้า)
ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
• ฤดูใบไม ้ผลิ (ไม ้) “ควรบารุงตับ”
• ฤดูร ้อน (ไฟ) “ควรบารุงหัวใจ”
• ปลายฤดูร ้อนหรือฤดูฝน “ควรบารุงม ้าม” (ดิน)
• ฤดูใบไม ้ร่วง (ทอง) “ควรบารุงปอด”
• ฤดูหนาว (น้า) “ควรบารุงไต”
ตลอดทุกปลายฤดูกาล(ดิน) “ควรให ้ความสาคัญกับกระเพาะอาหารและ
ม ้าม”
อวัยวะกับธาตุจีน
• ม ้ามและกระเพาะอาหาร ธาตุดิน ย่อยอาหาร
• ปอด ธาตุทอง กรองของเสียทางอากาศและภูมิคุ้มกัน
• ไต ธาตุน้า ดูแลเรื่องระบบขับถ่ายน้าปัสสาวะ
• ตับ ธาตุไม ้ ดูแลเล็บ ผม ขน
• หัวใจ ธาตุไฟ ดูแลระบบไหลเวียนโลหิต เลือดลม
ทุกอวัยวะทุกธาตุอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งวัฏจักรควบคุมและส่งเสริม
วัฏจักรพลัง 5 ธาตุจีน
• วัฏจักรพลัง 5 ธาตุ
เป็นพลังธาตุที่แต่ละธาตุก็มีรูปแบบในการ ก่อเกิด(ส่งเสริม)
ถ่ายเท(ไปให ้กาเนิดลูกธาตุ)
พิฆาต(ควบคุม)
จึงเป็นวัฏจักรที่วนกันไปวนกันมา
ซึ่งแต่ละธาตุก็มีหน้าที่ของตัวเอง
ไว ้ใช ้ในการดูฮวงจุ้ยบ ้าน ดูดวงจีน หรือศาสตร์จีนโบราณอื่นๆ
• ถ ้าส่งเสริมหรือพิฆาตมากเกินก็ไม่ดี
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้
า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับ
ดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับ
ดิถี
ปฏิกิริยาระหว่าง
นักษัตร
หัวข ้อแยกย่อย
หยิน-หยาง +/-
นอก/ใน
ราศีบน-ล่าง (กิ่งฟ้า-ก ้านดิน)
60กะจื้อ
5ธาตุจีน วัฏจักรควบคุมและส่งเสริม
ฤดูกาล นักษัตร
ราศีแฝง
หยาง-หยิน
• สัญลักษณ์หยิน-หยาง ที่เราคุ้นเคยกันนั้น
มี สีดาแทนหยิน มีสีขาวแทนหยาง
(บางตารา สะกดภาษาไทยว่า อิน–หยาง)
โดยทฤษฎีหยิน-หยาง เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยยุคราชวงศ์โจว
หรือเมื่อ 1,000-256 ปีก่อนคริสตกาล
และมีบันทึกพบว่ามีการกล่าวถึง หยิน-หยาง เป็นครั้งแรก ในคัมภีร์อี้จิง
• ทฤษฎีหยิน-หยาง ครอบคลุมแทบทุกแขนง
และถูกนามาใช ้ในวิชาการต่าง ๆ เช่น พยากรณ์อากาศ หมอดู
ภูมิศาสตร์-ฮวงจุ้ย ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์
และแพทย์แผนจีน ที่เรากาลังจะกล่าวถึงนี้
• “หยินหยาง” คือ การมองว่าในจักรวาล จะมี 2 สิ่งที่อยู่ตรงข ้ามกันเสมอ
เช่น เย็น-ร ้อน, มืด-สว่าง, สงบนิ่ง-เคลื่อนไหว
ซึ่ง 2 สิ่งนี้จะทางานร่วมกันให ้เกิดความสมดุล
• ร่างกายคนเราก็เช่นกัน เมื่อมองแบบหยิน-หยางแล ้ว
การที่ร่างกายจะมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง
ก็จะเกิดจากการที่หยิน-หยางมีความสมดุลกัน
เมื่อใดที่หยิน-หยางขาดสมดุล
เราก็จะเกิดอาการเจ็บป่ วยหรือไม่สบายตัวขึ้นได ้
• แพทย์จีนจะตรวจวินิจฉัยสมดุลหยินหยาง
จาก การฟัง การซักถามประวัติ
ดูใบหน้า ดูลิ้น และการจับชีพจร หรือ “แมะ”
เพื่อหาสาเหตุการเกิดโรค
กลไกการดาเนินโรค และกลุ่มอาการของโรค
เพื่อนามาสู่การรักษา ป้องกัน ฟื้นฟู และปรับสมดุล ที่เหมาะสมกับแต่ละ
บุคคล
รวมถึงคาแนะนาจากแพทย์ และแนวทางการรักษา
• “พลังหยินขาดความสมดุล”
มี 2 แบบคือ หยินพร่อง และ หยินมากเกิน จะทาให ้เป็นคนขี้ร ้อน
ซึ่งอาจเป็นความร ้อนที่เรานาเข ้ามาในร่างกาย
ผ่านการรับประทานอาหารบางประเภท
เช่น ของทอด ที่ทาให ้ร่างกายสะสมความร ้อน
• ส่วนอาการของ “พลังหยางขาดความสมดุล”
เช่น หยางพร่อง หมายความว่า พลังหยางในร่างกายลดน้อยลง
พลังหยาง หมายถึง ความร ้อนที่ให ้ความอบอุ่นกับร่างกายเรา
หากวันไหนที่พลังหยางเราลดลง แสดงว่า ไฟในร่างกายเราลดลง
ส่งผลให ้เราเป็นคนขี้หนาว ปลายมือ ปลายเท ้าเย็น เหน็บชา เป็นต ้น
• วิธีการที่จะรักษาหยินหยางให้สมดุล ทาได ้หลายวิธี ในแต่ละบุคคล
แพทย์จะรักษาแตกต่างกัน
ตามกลุ่มอาการที่คนไข ้เป็นเหมาะกับแนวทางการรักษาแบบไหน
เช่น ฝังเข็ม รมยา ครอบแก ้ว จ่ายยาจีน
การรับประทานอาหารที่เหมาะกับอาการ
• เมื่อมองในภาพรวม “หยินหยาง”
จึงสามารถให ้คาจากัดความเดียวกับ “Vibe” ในภาษาอังกฤษ ที่สื่อถึง
“ความสมดุล”
ความสาคัญกับการปรับ “ความสมดุล” ให ้กับชีวิตที่ไม่สมดุล
หรือ Bring Back your Shade of Vibes จึงจาเป็นสาหรับเราทุกคน
• https://sinehabangkok.com/whats-on/health/yinyang-vibe/
หยินหยางเป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล
• ทุกสิ่งในโลก ในบ ้านของเรา และในจิตวิญญาณ จะต ้องสมดุล
ความจริงพื้นฐานทั้งหมดของการปฏิบัติฮวงจุ้ยอยู่บนพื้นฐานของกฎทอง
นี้
หากความสมดุลถูกรบกวนและพลังงานไม่สัมพันธ์กัน
ปัญหาก็สามารถเริ่มต ้นได ้
• หยินและหยาง
เป็นสองสิ่งที่ตรงกันข ้ามและในเวลาเดียวกันก็มีกระแสพลังงานเสริมแรง
กัน
แนวคิดเหล่านี้มาจากปรัชญาลัทธิเต๋าตะวันออกโบราณ
เชื่อกันว่าพลังงานหยินหยางจะแทรกซึมไปทั่วทั้งจักรวาล
สิ่งสาคัญ
คือต ้องเข ้าใจด ้วยว่าหยินและหยางเป็นพลังงานที่ตรงกันข ้ามอย่าง
สิ้นเชิง
เช่น สีขาวและสีดา
อย่างไรก็ตาม พลังงานเหล่านี้ไม่สามารถดารงอยู่ได ้หากปราศจาก
พลังงานอื่น
• พลังงานหยาง ถือเป็นพลังงานที่แอคทีฟ มากกว่า
ในขณะที่หยินนั้น เป็นพลังงานแบบพาสซีฟ มากกว่า
พลังงานทั้งสองประเภท
ทั้งหยินและหยาง มีอยู่ในทุกสิ่ง แต่ไม่เท่ากัน
ในบางบุคคลหรือวัตถุ พลังงานหยินมีอิทธิพลเหนือ พลังงานหยาง
• สัญลักษณ์หยินหยางประกอบด ้วยสององค์ประกอบ:
หยางซึ่งหมายถึงผู้ชายและหยินซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิง
สัญลักษณ์หยินหยางหมายถึงอะไร?
• เมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หยินและหยางจากเต๋า
ในทางกลับกัน
เต๋าเป็นหลักการพื้นฐานที่แต่ละคนสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
ค ้นพบมันภายในตัวเขาเอง
แนวความคิดเชิงปรัชญา
• ใน "หนังสือแห่งการเปลี่ยนแปลง" ("I Ching“)
หยางและ หยิน
ทาหน้าที่แสดงแสงและความมืด แข็งและอ่อน
เป็นหลักการของความเป็นชายและหญิงในธรรมชาติ
• ในปรัชญาจีน
สัญลักษณ์ หยางและ หยิน
เป็นสัญลักษณ์ของปฏิสัมพันธ์ของความขัดแย ้งที่รุนแรง:
แสงสว่างและความมืด, กลางวันและกลางคืน,
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์, ท ้องฟ้าและโลก,
ความร ้อนและเย็น, บวกและลบ,
คู่และคี่ ฯลฯ
• https://amikamoda.ru/th/znachenie-simvola-in-yan-i-ego-prakticheskoe-primenenie-soglasno-fen-shui.html
• สัญลักษณ์หยินหยางมีต ้นกาเนิดมาจากลัทธิเต๋า ในประเทศจีน
"หยิน" คือส่วนพื้นที่สีดา และ "หยาง" คือส่วนพื้นที่สีขาว
โดยในแต่ละส่วนจะประกอบไปด ้วยจุดสีตรงข ้าม
ในสัญลักษณ์หยินหยาง ทั้ง 2ส่วนจะมีพื้นที่เท่าๆกัน
ซึ่งแสดงถึงพลังแห่งความสมดุล (Balance of Yin-Yang)
• พลัง "หยาง" เป็นพลังแห่งแสงสว่าง
ให ้ความอบอุ่น ความสดใสและความมั่นคง
ซึ่งเปรียบได ้ดั่งพลังแห่งไฟ
ในทางกลับกัน พลัง "หยิน" เป็นพลังลึกลับ
ที่ให ้ความหนาวเย็น ความอ่อนไหว
เปรียบได ้กับพลังแห่งน้า
• ตามความเชื่อทั่วไป
พลังทั้ง 2 อย่างของ "หยินและหยาง"
จะช่วยปรับความสมดุลแก่ร่างกายและจิตใจ
ให ้มีความสมบูรณ์ ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง
ส่งผลให ้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข ้เจ็บ
ช่วยให ้จิตใจสดใสและอ่อนโยน
ควบคู่ไปกับช่วยเพิ่มพลังแห่งสมอง
ให ้เกิดปัญญาทางด ้านการเรียนและการงาน
• ในปัจจุบันได ้มีการนากฎแห่งพลังหยินหยางมาประยุกต์กับการแพทย์
แผนจีน
โดยให ้ความสาคัญเกี่ยวกับการบวนการรักษาความสมดุลของระบบใน
ร่างกาย
ให ้มีพลังของหยินและหยางที่พอดีกัน
ยกตัวอย่าง เช่น ขณะตื่นนอนตอนเช ้า
ร่างกายจะสะสมพลังหยินไว ้เป็นจานวนมาก
เวลาอาบน้าตอนเช ้า
ควรอาบน้าที่อุ่นเล็กน้อยที่เป็นพลังหยาง ไม่ควรอาบน้าเย็นจัด
หรือการดื่มน้าอุ่นหลังตื่นนอน
ก็เป็นการเพิ่มพลังหยางเข ้าไปปรับสมดุลกับพลังหยินนั่นเอง
• https://bit.ly/3PPdPPh
หัวข ้อตามวิชาจีนโบราณ
(ตามความเข ้าใจของผู้เรียบเรียงฯ)
หยิน-หยาง
5ธาตุจีน
ฤดูกาล
ฟ้
า
คน
ดิน
ปฏิกิริยา5ธาตุกับ
ดิถี
ปฏิกิริยานักษัตรกับ
ดิถี
ปฏิกิริยาระหว่าง
นักษัตร
หัวข ้อแยกย่อย
หยิน-หยาง +/-
นอก/ใน
ราศีบน-ล่าง (กิ่งฟ้า-ก ้านดิน)
60กะจื้อ (แผนภูมิสวรรค์)
5ธาตุจีน วัฏจักรควบคุมและส่งเสริม
ฤดูกาล นักษัตร
ราศีแฝง
การก่อเกิดและถ่ายเท
• ธาตุดิน ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุทอง = การที่ดินสะสมจนกลายเป็นแร่โลหะ
• ธาตุทอง ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุน้า =ของแข็งหลอมละลายเป็นของเหลว
ได ้
• ธาตุน้า ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุไม ้= น้าสามารถหล่อเลี้ยงต ้นไม ้ให ้เติบโต
• ธาตุไม ้ ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุไฟ = ไม ้จุดไฟให ้ติดโชติช่วง
• ธาตุไฟ ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุดิน = ไฟเผาทุกสิ่งกลายเป็นเถ ้าถ่าน
การพิฆาต (ควบคุม)
• ธาตุไม ้พิฆาต ธาตุดิน =ไม ้ดูดกินดิน และ ไม ้ปลูกไว ้คลุมกันดินลื่นไหล
• ธาตุดิน พิฆาต ธาตุน้า = ดิน ถมบ่อน้า กักกันน้า เช่น เขื่อน ฝายชะลอน้า
• ธาตุน้า พิฆาต ธาตุไฟ = น้า ดับไฟ คอยควบคุมให ้ไฟไหม ้ลุกลาม
จนเกินไป
• ธาตุไฟ พิฆาต ธาตุทอง = ไฟ ใช ้หลอมแร่ทอง โลหะ เป็นสิ่งที่มีค่า เช่น
มีดขวาน เครื่องประดับ
• ธาตุทอง พิฆาต ธาตุไม ้= โลหะ ใช ้ตัดโค่นไม ้หรือ ตัดแต่งกิ่งไม ้ให ้เป็น
ทรงที่สวยงาม
หน้าที่ของแต่ละธาตุใน 5 ธาตุ
• ธาตุก่อเกิด = การส่งเสริม คนช่วยเหลือ สนับสนุน
• ธาตุเหมือนกับเรา (คู่ธาตุ) = คนรอบตัว พี่น้อง หุ้นส่วน คู่แข่ง การต่อสู้
เอาชนะ
• ธาตุถ่ายเท = การแสดงออก ทักษะ ฝีมือ ความสร ้างสรรค์ การลงทุน
• ธาตุที่พิฆาตเรา = ภาระหน้าที่ ปัญหา แรงกดดัน ความไม่มั่นคง อิทธิพล
• ธาตุที่เราพิฆาต = โชคลาภ เงินทอง สิ่งที่ครอบครอง
• https://www.facebook.com/2073609479378107/posts/3917693401636363/
แผนภูมิสวรรค์
• แผนภูมิสวรรค์ (จีน: 干支; พินอิน: gānzhī กานจือ)
คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบที่เขียนด ้วยอักษรจีน
ซึ่งประกอบด ้วยส่วนย่อย 2 ส่วน
ได ้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า "ราศีบน" มี 10 ตัวอักษร (天干; tiāngān เทียน
กาน)
และภาคปฐพี เรียกว่า "ราศีล่าง" มี 12 ตัวอักษร (地支; dìzhī ตี้จือ)
• แผนภูมิสวรรค์ใช ้สาหรับการนับวันและปีแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญใน
โหราศาสตร์ของจีน
นอกจากจีนแล ้วประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่ น เกาหลี
เวียดนาม ก็ใช ้ระบบเลขนี้ด ้วย
“ปีหนไท”
• ซึ่งเป็นระบบปฏิทินแบบไทโบราณ
ที่เคยใช ้ในอาณาจักรสิบสองปันนา ล ้านนา ล ้านช ้าง และสมัยสุโขทัย
ตอนต ้น
ก็เชื่อว่าได ้รับอิทธิพลจากปฏิทินกานจือของจีนโบราณเช่นกัน
เนื่องจากมีองค์ประกอบเหมือนกันทุกประการ และมีชื่อเรียกต่างกัน
เล็กน้อย
เช่น ภาคสวรรค์ (แม่มื้อ) ได ้แก่ กาบ ดับ ระวาย เมือง เปลิก กัด กด ร ้วง
เต่า ก่า
(เทียบเท่ากับ เอกศก โทศก ตรีศก ในปัจจุบัน)
และภาคปฐพี (ลูกมื้อ) ได ้แก่ ใจ ้เปล ้า ญี เหม ้า สี ใส ้สะง ้อ เม็ด สัน เร ้า
เส็ด ใค ้
(เทียบเท่ากับ ชวด ฉลู ขาล ฯลฯ ในปัจจุบัน)
• แผนภูมิสวรรค์ประกอบด ้วยอักษรจีน 2 ตัว
ซึ่งตัวแรกแทนพลังงานของภาคสวรรค์
และตัวหลังแทนพลังงานของภาคปฐพี
อักษรภาคสวรรค์มี 10 ตัว ส่วนภาคปฐพีมี 12 ตัว
ซึ่งจะเปลี่ยนพร ้อมกันและวนรอบใหม่ทุกครั้งเมื่อจบลาดับ
เช่น 癸酉→甲戌→乙亥→丙子 เป็นต ้น
การรวมกันของอักษรทั้งสองภาคทาให ้เกิดชื่อเรียกได ้60 แบบ
• เนื่องจากตัวคูณร่วมน้อยของ 10 กับ 12 เท่ากับ 60
นั่นคือพลังงานในแต่ละปี
จะมีการเรียงกันไปตามลาดับจนครบ 60 คู่
ก็จะกลับมาเริ่มต ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเป็นเหตุผลให ้ชาวจีนจะจัดงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีที่เรียกว่า "แซ
ยิก" อย่างยิ่งใหญ่
เพราะถือมาได ้มีชีวิตอยู่จนมาครบรอบเดียวกันกับพลังงานที่ตนเกิดอย่าง
แท ้จริง
การประยุกต์ใช ้
• ตัวอักษรของราศีบนและราศีล่างนั้น
นอกจากจะใช ้เพื่อระบุกาลเวลาในปฏิทินของจีนแล ้ว
ยังสามารถใช ้ในการทานายดวงชะตา
ซึ่งเป็นระบบที่แพร่หลายที่สุดในสังคมชาวจีนมาในตั้งแต่อดีต
ที่เรียกว่า "โป๊ ยหยี่ซี้เถียว" หรือ "แปดอักขระสี่แถว"
คือแถวปีก็จะประกอบด ้วยราศีบนและล่าง 1 ชุด
• ในขณะที่แถวเดือน แถววัน และแถวยาม
ก็จะมีราศีบนและล่างอีกอย่างละ 1 ชุด รวมเป็น 8 อักษร
• โดยแต่ละตัวจะมีค่าทางพลังงานเป็นธาตุต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 ธาตุ
คือ ไม ้ ไฟ ดิน ทอง น้า
แล ้วนามาวิเคราะห์หาสัมพันธ์ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ ว่าธาตุใดมีมาก
เกินไป
ธาตุใดน้อยเกิน ธาตุใดพิฆาตธาตุใด คล ้ายกับการเล่นหมากรุก
เพื่อจะหาว่าธาตุใดเป็นธาตุที่ให ้คุณและธาตุใดเป็นธาตุที่ให ้โทษ
ซึ่งในปีใดที่เป็นราศีของธาตุที่ให ้คุณเข ้ามาก็จะทานายว่าเป็นปีที่ดวงดี
ส่วนในปีที่ธาตุให ้โทษเข ้ามาก็ถือว่าเป็นปีที่ดวงไม่ดี
• https://bit.ly/3IYUJ6O
• ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝืน คนคานวณ ไหนเลยจะสู้ฟ้าลิขิตได ้
ผู้เขียนเคยสอบถามโยมว่าลิงกับเสือใครจะเหนือกว่ากัน
ส่วนมากโยมจะตอบว่าเสือเหนือกว่าลิง
ตามความเป็นจริงแล ้วในแง่โหราศาสตร์จีนเสือเป็นธาตุไม ้ ส่วนลิงเป็น
ธาตุทอง
เสือเป็นฟืน ส่วนลิงเป็นขวาน
เพราะฉะนั้นขวานต ้องชนะฟืน
• http://www.henghengheng.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538727680&Ntype=4
• ยังมีคนเข ้าใจผิดอยู่เป็นจานวนมากว่าการ “ชง” เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ส่วนการ “ฮะ” นั้นเป็นสิ่งที่ดี
ความจริงแล ้วโหราศาสตร์จีน
จะให ้ความสาคัญอยู่ที่หลักของความสมดุลของ 5 ธาตุเป็นหลัก
ไม่มีธาตุใดธาตุหนึ่งที่จะให ้โทษหรือให ้คุณเป็นหลักตายตัวได ้
ดาวทุกดวงหรือธาตุทุกธาตุอาจจะให ้คุณหรือให ้โทษก็ได ้
แล ้วแต่ว่าจะไปเข ้ากับกฏเกณฑ์แบบใด
เช่นดาวดีถูกทาร ้าย
หรือว่าดาวร ้ายถูกทาให ้ดีนั่นเอง
• คนเรามีสามเสื่อมโทรม หกรุ่งเรือง
มนุษย์ทุกคน
ไม่สามารถที่จะหลีกหนีหลักของการก่อเกิดและทาลายของหลัก 5 ธาตุ
ไปได ้
น้าเกิดไม ้ ไม ้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง ทองเกิดน้า
และในทานองเดียวกัน
ไม ้ทาลายดิน ดินทาลายน้า น้าทาลายไฟ
ไฟทาลายทอง ทองทาลายไม ้
• ดังคากล่าวที่ว่า “ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝืน”
ได ้ปรากฏจริงดังให ้เห็นมาแล ้วทุกยุคทุกสมัย
แต่เราท่านก็ได ้รับรู้มาเช่นกันว่า
มีบางอย่างที่สามารถผ่อนหนักให ้เป็นเบา
หรือที่ดีแล ้วให ้ดียิ่งขึ้นได ้
และสิ่งที่กาลังจะบอกให ้ทราบ
ก็เป็นอีกหนึ่งในบางอย่างนั้น
หลักในการทานายดวง
• ความหมายของแต่ละหลัก ถูกทาร ้าย หมายถึงให ้โทษกับหลักนั้น
1. หลักปีเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงพ่อแม่ ผู้ใหญ่ มีภัย
2. หลักเดือนเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงธุรกิจการงาน มีภัย
3. หลักดิถี (วันเกิด) ถูกทาร ้าย หมายถึงตนเอง คู่ครอง มีภัย
4. หลักเวลาเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงลูก หลาน บริวาร มีภัย
ผู้หญิงนอนหงาย ผู้ชายนอนคว่า
ให ้กาเนิด (ก่อเกิด) หมายถึงให ้ความช่วยเหลือ
1. ให ้กาเนิดหลักปีเกิด หมายถึงพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ได ้รับความช่วยเหลือ
2. ให ้กาเนิดหลักเดือนเกิด หมายถึงได ้รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับ
ธุรกิจการงาน
3. ให ้กาเนิดหลักวันเกิด หมายถึงตนเองและคู่ครองได ้รับความ
ช่วยเหลือ
4. ให ้กาเนิดหลักเวลาเกิด หมายถึงลูกหลานบริวารได ้รับความ
ปีนักษัตร หรือ นักขัต
• ปีนักษัตร หรือ นักขัต
เป็นปีตามปฏิทินสุริยคติไทย
และชาติอื่นในเอเชียตะวันออก เช่น จีน เวียดนาม และญี่ปุ่ น
(เพิ่งรู้จักหมูเลี้ยงในศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่ นรู้จักแต่หมูป่ า)
แบ่งเป็นรอบปี รอบละสิบสองปี
แต่ละปีกาหนดสัตว์เรียกเป็นชื่อเรียงกันไปดังนี้
โดยความเชื่อเรื่องปีนักษัตรนั้นมีที่มาจากจีน
• ตานานเรื่องเล่าในสมัยปีใหม่แรกของจีน
(วันชิวอิก หรือวันที่ 1 เดือนอ ้ายของจีน)
สัตว์ทั้งหลายต่างมาชุมนุมหน้าวังหลวงของฮ่องเต ้สวรรค์
• ฮ่องเต ้ประกาศให ้สัตว์ 12 ชนิด ที่มาถึงก่อนวัน (วันชิวยี่ หรือวันที่ 2
เดือนอ ้าย)
ดังนั้นสัตว์ 12 ชนิด ได ้รับแต่งตั้งเป็นองค์รักษ์
• ใน 1 วัน สัตว์ 1 ชนิดอยู่ยาม 2 ชั่วโมง
• สัตว์ 12 ชนิดอยู่ยาม 24 ชั่วโมง
• รวมเป็น 12 ยามเฝ้าวังหลวง
• โดยมีหลักฐานทางโบราณคดี
พบว่าตั้งแต่ก่อนยุคราชวงศ์ฉิน (221 ปีก่อนค.ศ. – 207 ปีก่อนค.ศ)
ก็มีปรากฏรูปปีนักษัตรแล ้ว
โดยใช ้สัตว์ประเภทต่าง ๆ เป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ อันได ้แก่
• ชวด ฉลู ขาล เถาะ
มะโรง(มังกรฟ้าราชวงศ์ โจว-ฉิน มังกรมีขายาว 5 เล็บ ลาตัวคล ้ายกวางมี
ปีก)
มะเส็ง(พญางูขาว-งูใหญ่-พญานาค)
มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ และ กุน
• https://bit.ly/3ctQe89
• อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได ้ว่า จุดร่วมระหว่างไทยกับจีน
ที่ถือว่าส่งอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของคนทั้งสองฝ่ าย
หนึ่งในนั้นย่อมต ้องมีเรื่อง 12 นักษัตรรวมอยู่ด ้วย
(ยิ่งเมื่อพิจารณาจากแนวคิดสลากแบบใหม่ที่ประกาศเมื่อกลางปี 2562)
• https://www.silpa-mag.com/culture/article_36524
• เมื่อสืบค ้นถึงนักษัตรจีน
นักวิชาการและนักเขียนจีนผู้สืบค ้นความเป็นมาของนักษัตร
ก็ล ้วนบอกตรงกันว่าตอบลาบาก
เมื่อพิจารณาเบื้องต ้น ซงเฉียวจือ
ผู้เขียนหนังสือ “โหราศาสตร์จีน 12 นักษัตรประยุกต์”
ในแนวทางแบบวิชาการ ยังบรรยายว่า จุดเริ่มต ้นการใช ้12 นักษัตรนั้น
เป็นเรื่องที่ยากจะตอบ
แต่คัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งกล่าวถึงเรื่อง 12 นักษัตร “อย่างละเอียดและ
ชัดเจน”
ปรากฏในคัมภีร์ ลุ่นเหิง ของ หวางชง สมัยตงฮั่น
ในคัมภีร์นี้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง 12 นักษัตร
โดยใช ้หลักกาเนิดและข่มกันตามกฎเบญจธาตุ
หากพิจารณาในแง่การจับคู่สัตว์ที่แทน 12 นักษัตรกับภูมิดิน
• ความคิดเห็นนี้
สอดคล ้องกับข ้อเสนอของโจวเซี่ยวเทียน
ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเสฉวน
และคณะผู้เขียนหนังสือ “เปิดตานาน 12 นักษัตรจีน”
ซึ่งระบุว่า จากหลักฐานและข ้อมูลเท่าที่มี
พอจะระบุได ้ว่า
คติ 12 นักษัตร
เกิดขึ้นก่อนสมัยฮั่นตะวันออกแล้ว (ค.ศ. 25-220)
• อย่างไรก็ตาม สมบัติ พลายน้อย
บรรยายว่า ในคัมภีร์ลุ่นเหิง
ไม่ได ้บอกว่าทาไมถึงได ้เอาสัตว์เหล่านั้นมาใช ้เป็นชื่อปี
• การเรียกชื่อปีเป็น 12 นักษัตร
ยังมีอยู่ในจารึกภาษาโบราณของตุรกี ด ้วย
ทาให ้สันนิษฐานได ้อีกว่า
บางทีอาจมีกาเนิดมาจาก ตุรกี
ซึ่งเป็นตาดสาขาหนึ่ง จีนอาจได ้มาจากตาด
คาถามต่อมาคือ ในโลกมีสัตว์มากมาย
• ทำไมต้องเลือกสัตว์ 12 ชนิดนี้มำเป
็ นสัตว์ประจำแต่ละนักษัตร
ในบรรดา 12 ชื่อ มีทั้งสัตว์ที่มีอยู่จริง
และสัตว์ในจินตนาการอย่างมังกร
• คาถามนี้มีการพยายามหาคาตอบที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นจากตานานเรื่องเล่าต่างๆ
สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ
ทรงวินิจฉัยไว ้ด ้วยว่า
• “ข ้าพเจ้าเห็นว่า การที่เอารูปสัตว์ใช ้เป็นเครื่องหมายแทนสิ่งอื่น มี
ประโยชน์ให ้จาสิ่งนั้นง่าย
ถ ้าหากชื่อปีใช ้เขียนตัวอักษรและอ่านเรียกตามภาษาที่เขียน
เมื่อพ้นเขตประเทศที่ใช ้ตัวอักษรและภาษานั้นออกไปถึงนานาประเทศ
ซึ่งต่างประเทศใช ้ตัวอักษรและภาษาอื่น ชื่อปีที่บัญญัติก็ไม่มีใครเข ้าใจ
ไม่เป็นประโยชน์อันใด
ถ ้าเอารูปสัตว์ขึ้นตั้งเป็นเครื่องหมายแทนปี
เช่น เอารูปหนูเป็นเครื่องหมายปีที่ 1 เอารูปวัวเป็นเครื่องหมายปีที่ 2
ประเทศอื่นๆ จะเรียกหนูเรียกวัวตามภาษาของตนว่ากระไรก็ตาม
คงได ้วิธีประดิทินสิบสองนักษัตรไปใช ้ได ้ตรงกันกับประเทศเดิมไม่
ขัดข ้อง…”
• ขณะที่นักวิชาการอย่าง โจวเซี่ยวเทียน
ก็ยอมรับว่าคาอธิบายเพื่อตอบคาถามข ้างต ้นมีมาจากหลากหลายสานัก
แต่สาหรับเขาคิดว่า คาอธิบายที่สมเหตุสมผลคือ “เลือกตามช่วงเวลา
การเคลื่อนไหว”
โดยเลือกสัตว์ 12 ชนิด มาเป็นปีนักษัตร
และจัดลาดับก่อนหลัง
โดยมีส่วนเกี่ยวกับ “ความเคลื่อนไหว” จากพฤติกรรมของสัตว์นั้น
เป็นประการสาคัญ
ในการอธิบายอาจต ้องเอ่ยถึงการนับเวลาใน
สมัยโบราณ
• คนโบราณ
แบ่งเวลาในหนึ่งวันหนึ่งคืนเป็น 12 ชั่วยาม
(เท่ากับ 24 ชั่วโมงของปฏิทินสุริยคติ)
1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง
• 12 ชั่วยาวนี้ จะถูกจับคู่กับ “ตี้จือ”
(แผนภูมิสวรรค์ภาคปฐพี ใช ้สาหรับนับวันและปีแบบดั้งเดิม
ซึ่งเป็นคติสาคัญในด ้านโหราศาสตร์จีน)
• ช่วงแรกเรียกว่า ยามจื่อ หมายถึง 23 ถึง 1 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ
หนู เนื่องจากเป็นเวลาที่หนูออกหากิน
ช่วง 2 เรียกว่า ยามโฉ่ว หมายถึง 1 ถึง 3 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ
วัว เนื่องจากเป็นตอนที่วัวเคี้ยวเอื้อง
ช่วง 3 เรียกว่า ยามฉิน หมายถึง 3 ถึง 5 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ
เสือ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เสือเพ่นพ่าน
ช่วง 4 เรียกว่า ยามเหม่า หมายถึง 5 ถึง 7 นาฬากา ถูกจับคู่กับ
กระต่าย เนื่องจากเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น บนท ้องฟ้าเห็น
พระจันทร์ ตามตานานเชื่อกันว่ามีกระต่ายอยู่บนดวงจันทร์จึงให ้คู่กับ
กระต่าย
ช่วง 5 เรียกว่า ยามเฉิน หมายถึง 7 ถึง 9 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ
มังกร เนื่องจากตามตานานแล ้ว
มังกรจะร่ายราให ้เกิดฝน (เมฆหมอกยังไม่จางหายในช่วงเช ้า)
• โจวเซี่ยวเทียน
ยอมรับว่า คาอธิบายข ้างต ้นอาจฟังดูฝืดๆ
และทาให ้คิดว่าเป็นการจับแพะชนแกะอยู่บ ้าง
แต่แนวคิดนี้
สอดคล ้องกับความคิดเห็นของ ซงเฉียวจือ
ตานาน 12 นักษัตรก็มีลักษณะเป็นวรรณกรรมแบบนึกคิดกัน ความ
น่าเชื่อถือก็มีน้อยอยู่
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การเลือกและเรียงลาดับนั้นคงต ้องผ่านพัฒนาการ
มิได ้เป็นดังนี้โดยเสร็จสมบูรณ์มาเลย
• https://www.silpa-mag.com/culture/article_36524
จะรู ้ได้ไงว่า เกิดปี นักษัตรอะไร…
• นักษัตรปีเกิด หนึ่งในข ้อมูลของเด็กแรกเกิดทุกคนที่ต ้องระบุไว ้ในสูติ
บัตร
ซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่บางคนสงสัย
และไม่ทราบว่า ลูกของเรา เกิดเดือนนี้ปีนี้ คือนักษัตรอะไรกันแน่?
การเปลี่ยนปี นักษัตร (ปี เกิด)
ในการเปลี่ยนปีนักษัตรมีหลายแบบ เช่น
• เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันขึ้น ๑ ค่า เดือนอ ้าย (๑) ตามปฏิทินหลวง เป็นแบบ
ที่ใช ้ในการบันทึกสูติบัตรปัจจุบัน (แนวทางปฏิบัติตาม หนังสือเวียนกรมการ
ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ มท 1/ว4 ออกเมื่อ 5 กุมภาพันธ์
พ.ศ.2539)
• เปลี่ยนปีนักษัตรในวันขึ้น ๑ ค่า เดือนห ้า(๕) ตามคติพราหมณ์ (ช่วงเวลา
เปลี่ยนปีนักษัตรตามสูติบัตร จะไม่ตรงกันกับแบบคติพราหมณ์)
• เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันเถลิงศก ช่วงวันที่ 15-17 เมษายน
• เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันสังขารล่อง หรือวันสงกรานต์ตามแบบทาง
ภาคเหนือ
• เปลี่ยนปีนักษัตรแบบจีน ซึ่งเปลี่ยนปีนักษัตรใหม่วันสารทลิบชุน/ วันตรุษจีน
ตามปฏิทินจันทรคติจีน หรือปฏิทินจีน
• เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 มกราคม ตามปฏิทินของ อ.ทองเจือ อ่างแก ้ว
• เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 เมษายน ตามปฏิทินของ อ.เทพย์ สาริกบุตร
จะรู ้ได้ไงว่า เกิดปี นักษัตรอะไร
จากการเปลี่ยนปี นักษัตรที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมีหลายแบบ จึงทาให้เกิด
คาถามว่า…
Q: ดิฉันคลอดลูกเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2559 เวลา 23.19 น
ซึ่งในสูติบัตรลูกระบุว่าเป็น ปีวอก
อยากถามว่าถูกต ้องไหมคะ
เพราะดิฉันดูในปฏิทินยังเป็น ปีมะแม อยู่เลย
A: ทางทะเบียนราษฎร ได ้ให ้คาตอบเกี่ยวกับเรื่องปี (นักษัตร) เกิดของการ
แจ ้งเกิดเด็ก ไว ้ดังนี้
การลงรายการในสูติบัตร
นับจากปีนักษัตร คือ ชื่อรอบเวลากาหนด 12 ปี เช่น 1 รอบ เรียกว่า 12
นักษัตร
โดยกาหนดให ้สัตว์เป็นเครื่องหมายในปีนั้น ๆ คือ ชวด – หนู , ฉลู – วัว ,
ขาล – เสือ
ซึ่งปีนักษัตรเป็นการนับวันเดือนปีเกิดทางจันทรคติ
(ตามเวลาไทยโบราณ ซึ่งนับเดือนอ ้ายเป็นเดือนหนึ่ง)
โดยถือปฏิทินหลวง
เป็นหลักกาหนดให ้วันขึ้น 1 ค่า เดือน 1 เป็นวันเริ่มต ้น เปลี่ยนปีนักษัตร
ใหม่
• โดยปกติวันที่เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในแต่ละปีจะอยู่ในช่วงประมาณ
เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
เช่น หากดูตามปฏิทินแล้วใน ปี พ.ศ.2559 เป็ นปี นักษัตร มะแม
จะตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม 2558 (วันแรม 15 ค่าเดือน 12) เป็ นวัน
สุดท้าย
ฉะนั้นเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 58 (วันขึ้น 1 ค่า เดือน 1) ใน
รายการสูติบัตร
ก็จะลงเป็ นปี วอกนั่นเอง (ตามภาพด้านล่าง)
• https://www.amarinbabyandkids.com/family/lifestyle/how-to-check-baby-birth-year/
12 ราศี แฝงแนวคิด ปรัชญาและวัฒนธรรมอัน
ยาวนาน
• ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่ง ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานในฐานะเจ ้า
บ ้าน
คณะแขกในงานคือชนชั้นสูงที่ส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของเครือ
ราชวงศ์ในแถบประเทศยุโรป
แขกทุกคนล ้วนมีการศึกษาสูงและกิริยามารยาทในสังคมดีเลิศทั้งนั้น
แต่เบื้องหลังแต่ละคนล ้วนซ่อนความหยิ่งยะโสไว ้เกือบทุกคน
อาจเป็นเพราะงานคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงส่งคณะผู้มาเยือนเป็นคืนสุดท ้าย
แต่ละคนอาจดื่มหนักไปหน่อย เลยพูดจาค่อนข ้างปล่อยวางตาม
อาเภอใจ
และแล ้ว ก็มีฝรั่งท่านหนึ่งลุกขึ้นยืนแล ้วถามว่า
https://pantip.com/topic/35848459
• "ขอทราบเหตุผลหน่อย
ทาไมปีนักษัตร 12 ราศีของจีน จึงมีแต่พวกหมู หมา กา ไก่มาเป็นตัว
สัญลักษณ์
ไม่เห็นจะเหมือนของพวกเราเลย ล ้วนฟังดูดีมีสกุล
เช่น กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวสิงห์โต กลุ่มดาวแมงป่ อง
ไม่รู้บรรพบุรุษพวกคุณเอาส่วนไหนของร่างกาย
มาคิดตั้งราศีบ ้านๆพวกนี้ออกมา"
พอพูดจบ ก็เป็นเสียงฮาเฮของเหล่าฝรั่งหัวแดง พร ้อมชนแก ้วดื่มกันสนั่น
หวั่นไหว
ความเป็นผู้ดีหายไปในชั่วพริบตา
• เมื่อถูกเขาเจริญพรถึงบรรพบุรุษกันขนาดนี้ จะเถียงเขาอย่างไรดี
จะทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจก็ย่อมจะทาได ้แต่อาจเพราะยังตั้งหลักไม่
ทัน
ต่างคนต่างยังเก็บความเคืองแค ้นด ้วยความเงียบ
แต่แล ้วก็มีชาวจีนท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน แล ้วใช ้น้าเสียงอันราบเรียบที่สุภาพ
พูดขึ้นว่า
"ท่านทั้งหลาย บรรพบุรุษของพวกเรามักยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็น
จริง
ปีราศีของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ หมุนเวียนกันหกรอบ
แสดงถึงความหวังและความต ้องการของบรรพบุรุษของเราที่มีต่อพวก
เราทุกคน"
• "ราศีคู่แรก คือหนูและวัว
หนูคือตัวแทนของความเฉลียวฉลาด
วัวคือสัญลักษณ์ของความขยัน
หากคนเราฉลาดแต่ขี้เกียจ ก็ไปไม่ได ้ไกล
แต่ถ ้าขยันแล ้วแต่ไร ้หัวคิด ก็กลายเป็นไอ ้โง่
สองสิ่งนี้ต ้องบวกกันเป็นหนึ่ง ก็คือคนฉลาดที่ขยัน
นั่นคือสิ่งแรกและเป็นสิ่งสาคัญที่สุดที่บรรพบุรุษคาดหวังในตัวพวกเรา"
• "คู่ที่สองคือเสือและกระต่าย
เสือมีความกล ้าหาญเต็มร ้อย
กระต่ายมีความระมัดระวังเป็นคุณสมบัติประจาตัว
ความกล ้าบวกกับความระมัดระวัง ถึงจะเรียกว่าคนใจถึงแต่รอบคอบ
หากมีแต่ความกล ้า มันคือความมุทะลุ
หากมีแต่ความระแวดระวังเกินกว่าเหตุ มันคือความขี้ขลาด"
• คนจีนผู้นั่นมองกลุ่มฝรั่งนิดนึง แล ้วพูดต่อเพื่อรักษามารยาทอันดีงาม
"บางครั้งอาจเห็นพวกเรามักนิ่งเงียบ คงจะกาลังครุ่นคิด
จงอย่าเข ้าใจว่าพวกเราไม่มีความกล ้าซ่อนอยู่"
"คู่ที่สามคือมังกรและงู (งูใหญ่และงูเล็กของไทย)
มังกรคือความแข็งแกร่ง งูคือความพริ้วไหว
ชีวิตที่แข็งทื่อเกินไปอาจต ้องเผชิญกับการแตกหัก
"ยอมหักไม่ยอมงอ"จึงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป แต่พริ้วไหวไปก็ไร ้จุดยืน
เพราะฉะนั้น ในความแข็งแกร่งต ้องมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ผู้ใหญ่ท่าน
สอนไว ้แบบนี้"
• "ชุดต่อไปคือม ้าและแพะ
ม ้ามุ่งตะลุยไปข ้างหน้าอย่างเดียว
แพะคือสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน
หากคนเราเอาแต่ลุยไปข ้างหน้า
ไม่สนใจสิ่งแวดล ้อมรอบข ้าง คงต ้องกระทบกระทั่งเขาไปทั่ว
หนทางสู่จุดหมายปลายทางคงทุลักทุเลน่าดู
แต่ถ ้ามีแต่ความอ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย สุดท ้ายต ้องหลงทางแน่นอน
สองสิ่งนี้ต ้องรวมกัน เส ้นทางสู่จุดหมายจึงจะราบเรียบ"
• "คู่ต่อไปคือลิงกับไก่
ลิงมีความว่องไว ไก่ขันตามเวลาทุกเช ้า มันคือความแน่นอน
ความว่องไวที่ปราศจากความแน่นอน เขาเรียกว่าความวุ่นไว
ความแน่นอนแต่เชื่องช ้าเกินเหตุ อันนี้ชีวิตอับเฉาไร ้รสชาติ
ชีวิตต ้องดาเนินไปด ้วยความสมดุลย์ของสองสิ่งนี้
แล ้วชีวิตจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"
• "คู่สุดท ้ายคือสุนัขและสุกร
สุนัขมีความซื่อสัตย์สูงสุด สุกรว่านอนสอนง่ายที่สุด
คนเราถ ้าซื่อตรงจนเกินไป
ไม่รู้จักผ่อนกฏผ่อนเกณฑ์กันบ ้าง
จะสร ้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเครียดเกินเหตุ
แต่หาก หัวอ่อนไป
ก็จะไม่มีบรรทัดฐานของตัวเอง ลู่ไปตามลม คงไม่ดีแน่
แต่การรวมกันของสองสิ่งนี้เข ้าด ้วยกัน
ความสมดุลย์จะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา"
• พออธิบายที่มาของสิบสองราศีจนครบถ ้วน ชาวจีนผู้นั้นจึงถามชาวยุโรป
ว่า
"คงต ้องขอทราบว่า สิบสองราศีของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวแมง
ป่ อง คนแบกหม ้อ คนยิงธนู
มีความหมายต ้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า แล ้วที่บรรพบุรุษพวกคุณคัด
สรรพวกนี้ออกมา
ต ้องการหรือคาดหวังอะไรจากพวกคุณบ ้าง ช่วยชี้แนะด ้วยครับ"
มีแต่ความเงียบ ไม่มีคาตอบ ไม่ได ้ยินแม ้แต่เสียงหายใจแรงๆ
ชาวจีนที่อาสาเป็นผู้อธิบายถึงความหมายและที่มาของสิบสองราศีท่านนี้
ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ที่ชื่อว่า "โจว เอิน ไหล“
ที่มาของราศีแฝง(อ้า ชั้ง暗藏)
ธาตุราศีล่างจะมีราศีบนเข ้ามาเกี่ยวข ้องด ้วยในรูปของราศีแฝง
โดยเฉพาะฐานเดือนจะมีบทบาทในการ ส่งพลังของราศีแฝงให ้กับดิถี
ถ ้าเป็นพลังธาตุที่ส่งเสริมกัน
ตัวแฝงจะคอยผลักดันให ้ดิถีแสดงพลังของธาตุได ้เต็มที่
ใน12ราศีล่าง แบ่งธาตุออกเป็น 3 กลุ่มคือ
1.กลุ่มแม่ธาตุ(สี่ เจี่ย四正) ได ้แก่ราศี 子 午 卯 酉 เป็นพลังบริสุทธิ์ ไม่
ต ้องใช ้พลังงาน
เป็นกลุ่มผู้ใช ้พระเดช พระคุณ บารมี ความคิด สติปัญญา มีจุดยืนที่มั่นคง
ราศีแฝงจะเป็นพลังหยิน
2.กลุ่มพาหะ(สี่ แบ ้四馬)ได ้แก่ราศี 寅 申 巳 亥เป็นฝ่ ายบู้,ขุนพล ที่ใช ้
พลัง
เพื่อทาให ้เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนพลังจากธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง
มักจะมีความยืดหยุ่นสูง
กลุ่มพาหะจะใช ้พลังงานมาก ราศีแฝงกลุ่มนี้จะเป็นพลังหยาง
ี่ ี
ราศีแฝงกลุ่มพาหะ(สี่ แบ ้四馬) พลังที่แฝงเป็น
พลังหยาง
(ฤดูกาล เมื่อเทียบกับธาตุราศีฟ้า)
ราศีล่าง (ก ้านดิน) ราศีบน (กิ่งฟ้า)
พาหะ, ปราณหลัก, ปราณรอง, ปราณที่เหลือ
四馬 正气 中气 馀气
寅หยาง 甲หยาง 丙หยาง 戊หยาง
申หยาง 庚หยาง 壬หยาง 戊หยาง
巳หยาง 丙หยาง 庚หยาง 戊หยาง
亥หยาง 壬หยาง 甲หยาง
ตัวอย่าง ที่มาราศีแฝงไม ้寅
– ไม ้เอี้ยง 寅 เป็นไม ้หยาง ในฤดูกาลไม ้
ดังนั้นปราณหลักที่เป็นไม ้เทียบเท่าราศีฟ้า ไม ้หยางคือไม ้甲(ดูรูป
ภาพประกอบ)
ปราณหลักจะมีกาลังมากที่สุด จึงใช ้เป็น ดาวจับซิ้ง ราศีล่าง
– ไม ้เอี้ยง 寅 อยู่ในกลุ่มไตรภาคีธาตุไฟ (寅午戌) จึงใช ้ธาตุไฟเป็นปราณ
รอง
ดังนั้นปราณรองที่เทียบเท่า ธาตุไฟหยางราศีฟ้าคือไฟเปี้ย 丙
– ปราณที่เหลือคือธาตุดินพลังหยาง 戊เป็นธาตุที่รองรับ
ราศีแฝงกลุ่มแม่ธาตุ(สี่ เจี่ย四正) พลังที่แฝง
เป็นพลังหยิน
(ฤดูกาล เมื่อเทียบกับธาตุราศีฟ้า)
四正 正气ปราณหลัก
子หยิน 癸หยิน
卯หยิน 乙หยิน
午หยิน 丁หยิน(มีไฟต ้องมีดินเสมอ 己หยิน)
酉หยิน 辛หยิน
พื้นฐานชีวิต 1.pptx
พื้นฐานชีวิต 1.pptx
พื้นฐานชีวิต 1.pptx
พื้นฐานชีวิต 1.pptx

Mais conteúdo relacionado

Semelhante a พื้นฐานชีวิต 1.pptx

แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4
แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4
แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4Koksi Vocation
 
ทำงานให้สำเร้จ ทีม มนุษยสัมพันธ์, พค54
ทำงานให้สำเร้จ  ทีม  มนุษยสัมพันธ์, พค54ทำงานให้สำเร้จ  ทีม  มนุษยสัมพันธ์, พค54
ทำงานให้สำเร้จ ทีม มนุษยสัมพันธ์, พค54KASETSART UNIVERSITY
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตorawan chaiyakhan
 
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพ
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพโทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพ
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพKobwit Piriyawat
 
เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังเล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังIct Krutao
 
เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังเล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังIct Krutao
 
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วยค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วยAon Wallapa
 
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ55120609211
 
พ่อแม่แบบอย่าง
พ่อแม่แบบอย่างพ่อแม่แบบอย่าง
พ่อแม่แบบอย่างdirectorcherdsak
 
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรniralai
 
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรมคู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรมniralai
 
6 พฤติกรรมสุขภาพ
6 พฤติกรรมสุขภาพ6 พฤติกรรมสุขภาพ
6 พฤติกรรมสุขภาพWatcharin Chongkonsatit
 

Semelhante a พื้นฐานชีวิต 1.pptx (20)

แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4
แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4
แบบเสนอโครงการจัดการเรียนรู้'งานบ้าน งานประดิษฐ์ ช่วงชั้นที่ 3-4
 
ทำงานให้สำเร้จ ทีม มนุษยสัมพันธ์, พค54
ทำงานให้สำเร้จ  ทีม  มนุษยสัมพันธ์, พค54ทำงานให้สำเร้จ  ทีม  มนุษยสัมพันธ์, พค54
ทำงานให้สำเร้จ ทีม มนุษยสัมพันธ์, พค54
 
อาชีพครู
อาชีพครูอาชีพครู
อาชีพครู
 
Hb5
Hb5Hb5
Hb5
 
The 15 invaluable laws of growth
The 15 invaluable laws of growthThe 15 invaluable laws of growth
The 15 invaluable laws of growth
 
การเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกตการเรียนรู้โดยการสังเกต
การเรียนรู้โดยการสังเกต
 
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพ
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพโทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพ
โทรทัศน์ครูเพื่อครูมืออาชีพ
 
เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังเล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟัง
 
เล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟังเล่าสู่กันฟัง
เล่าสู่กันฟัง
 
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วยค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย
ค่ายฮักแพงแบ่งปัน ติวสอบบรรจุครูผู้ช่วย
 
Cas12 2
Cas12 2Cas12 2
Cas12 2
 
หน่วยที่๘
หน่วยที่๘หน่วยที่๘
หน่วยที่๘
 
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
3 หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
 
พ่อแม่แบบอย่าง
พ่อแม่แบบอย่างพ่อแม่แบบอย่าง
พ่อแม่แบบอย่าง
 
บทที่ 3.ใหม่
บทที่ 3.ใหม่บทที่ 3.ใหม่
บทที่ 3.ใหม่
 
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
ครุผู้ช่วยช่วยTtgครุผู้ช่วยช่วยTtg
ครุผู้ช่วยช่วยTtg
 
03 develop1
03 develop103 develop1
03 develop1
 
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตรครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
ครูมิใช่ช่างปั้นอันวิจิตร
 
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรมคู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
คู่มือค่ายพุทธบุตรอุ่นใจธรรม
 
6 พฤติกรรมสุขภาพ
6 พฤติกรรมสุขภาพ6 พฤติกรรมสุขภาพ
6 พฤติกรรมสุขภาพ
 

Mais de SunnyStrong

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxSunnyStrong
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docxSunnyStrong
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docxSunnyStrong
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxSunnyStrong
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docxSunnyStrong
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxSunnyStrong
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxSunnyStrong
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxSunnyStrong
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxSunnyStrong
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxSunnyStrong
 

Mais de SunnyStrong (20)

คุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docxคุณเป็นใคร 2.docx
คุณเป็นใคร 2.docx
 
คุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docxคุณเป็นใคร 3.docx
คุณเป็นใคร 3.docx
 
คุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docxคุณเป็นใคร 1.docx
คุณเป็นใคร 1.docx
 
Austria.docx
Austria.docxAustria.docx
Austria.docx
 
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
5 Signs of a Strong Novel Plot.docx
 
7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx7 Fear Archetypes.docx
7 Fear Archetypes.docx
 
คุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docxคุณเป็นใคร.docx
คุณเป็นใคร.docx
 
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docxThe Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
The Hero’s Journey A 17 Step Story Structure Beat Sheet.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
12 Poems.docx
12 Poems.docx12 Poems.docx
12 Poems.docx
 
100 words for people.docx
100 words for people.docx100 words for people.docx
100 words for people.docx
 
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docxHow to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
How to Write a Novel Writing a Book in 4 Steps.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
characterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docxcharacterdevelopmentquestions.docx
characterdevelopmentquestions.docx
 
ฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docxฟาร์มสุข 1.docx
ฟาร์มสุข 1.docx
 
ฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docxฟาร์มสุข 2.docx
ฟาร์มสุข 2.docx
 
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docxไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
ไหว้ฟ้ากราบดิน1.docx
 
Mom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docxMom's Telling Stories1.docx
Mom's Telling Stories1.docx
 
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptxพื้นฐานชีวิต 40.pptx
พื้นฐานชีวิต 40.pptx
 

พื้นฐานชีวิต 1.pptx

  • 2. คานา • รวบรวมศาสตร์จีนโบราณ ประยุกต์เข ้ากับยุคสมัย • อ่านง่าย เข ้าใจง่าย • แฝงคติธรรม • เพื่อให ้เกิดการเรียนรู้ในการสร ้างโอกาสที่ดีให ้กับตัวเราและคนที่รักเรา
  • 4.
  • 5. รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว • ไบรอัน เทรซี่ มองว่าการที่คนเราจะประสบความสาเร็จในเรื่องใดได ้นั้น นอกจากอาศัยกระบวนการที่ถูกต ้องแล ้ว ยังต ้องมีการลงมือทาอย่าง ต่อเนื่อง และทาทันที ไม่รีรอ เพราะเวลาทุกนาทีมีค่า นอกจากเราจะต ้องบริหารจัดการงานแต่ละงานแล ้ว การบริหารเวลาก็ถือเป็นวิธีพัฒนาศักยภาพในการทางานที่ควรทาที่สุด ด ้วยเช่นกัน
  • 6. • หนังสือยังมีเทคนิคอีกมาก ที่เราสามารถนามาปรับประยุกต์ใช ้กับการทางานให ้เต็มประสิทธิภาพ มากที่สุดเท่าที่จะทาได ้ เรามองว่าเป็นวิธีการที่ค่อนข ้างรีดเค ้นศักยภาพของเราในการทางาน มากกว่าการใช ้ความละมุนละม่อม เพราะหลังจากอ่านจบ ก็รู้สึกได ้เลยว่าแต่ละวิธีหากเราทาตามได ้ทั้งหมดนั้นก็คงกลายเป็นผู้ที่ เข ้มงวดกับตัวเองมาก ๆ และย่อมจะเป็นการเข ้าถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองได ้อย่างแน่นอน
  • 7. • แม ้ว่าตลอดทั้งเล่มจะกล่าวถึงเรื่องการทางานเป็นหลัก แต่ผู้เขียนก็ยังคงไม่ลืมเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข ้าง เขากล่าวว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของความสุขในชีวิตนั้นมาจากการมี สัมพันธภาพที่ดี และการบริหารเวลาโดยเน้นกินกบตัวสาคัญ ก็เพื่อให ้มีเวลาสาหรับความพึงพอใจในด ้านอื่น ๆ ของชีวิต • เพราะยิ่งเราจัดการเวลาทางานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้มากเท่าไร • เวลาสาหรับสัมพันธภาพที่มีความหมายก็อาจเพิ่มได้มากขึ้นเท่านั้น… • https://readcommend.com/review-eat-that-frog/
  • 11. เดิน-วิ่ง-นั่ง-กิน-นอน (เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น) • เดินไปตามปกติสุข • วิ่งในยามจาเป็น • นั่งในที่สบายใจ • กินรักษาโรค • นอนปรับสมดุล
  • 13. คติจีนโบราณประยุกต์ • ฟ้าคือพ่อ ดินคือแม่ รวมกันให ้กาเนิดคนเรา • หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกฎแห่ง กรรม ฟ้า คน ดิน กฎแห่งกรรม
  • 14. คติจีนโบราณประยุกต์ • ฟ้าคือต ้นทุนชีวิตตั้งแต่กาเนิด • ดินคือต ้นทุนชีวิตหลังกาเนิด • คนสามารถเลือกกาหนดชะตาชีวิตตัวเอง ได ้ ฟ้า คน ดิน กฎแห่งกรรม
  • 15. คติจีนโบราณประยุกต์ • ฟ้าคือพ่อ (ชะตาฟ้า 3 ส่วน) • ดินคือแม่ (ชะตาดิน 3 ส่วน) • คนสามารถเลือกใช ้ชีวิตของตัวเองได ้ (ชะตาคน 3 ส่วน) • เพราะสิ่งที่กาหนดอีกส่วนคือกฎแห่ง กรรม แม ้จะเป็นส่วนน้อยสุดแต่กลับส่งผลมาก สุด ฟ้า คน ดิน กฎแห่งกรรม
  • 16. • เวลาคุณมีบางอย่าง ที่ไม่ได ้ตามความตั้งใจในชีวิต • บางทีมันไม่ได ้เกิดจากสิ่งที่คุณไม่รู้แต่มาจากสิ่งที่คุณรู้อยู่แล ้ว • และคุณคิดว่าคุณทาแล ้วด ้วย แต่จริงๆคุณไม่ได ้ทา • วันนี้ผมมี 3 สิ่งที่ผมรวบรวมมาจากที่ผมได ้พูดคุยกับคนที่ประสบ ความสาเร็จ • เป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าทาแล ้ว แต่จริงๆไม่ได ้ทา ที่รู้แล ้วอาจ เปลี่ยนชีวิตคุณ
  • 17. 1. การฟัง • เรื่องนี้แน่นอนเลยว่าเกิดขึ้นกับคนหลายคน เคยไหมครับว่า • ทั้งๆที่คุณก็ตั้งใจฟังเค ้านะครับ แต่คู่สนทนาของคุณก็ยังจะบอกว่า ทาไม ไม่ฟังกันบ ้าง • หรือหลายต่อหลายครั้งที่คุณรู้อย่างชัดเจน ว่าคนที่คุณกาลังคุยด ้วย นั้น ไม่ได ้ฟังคุณอยู่เลย • สาเหตุหลักๆคือ ผู้ฟังมักจะทาเหมือนกับฟัง เพื่อแค่ไม่ให ้เสียมารยาท เท่านั้นเอง • กุญแจสาคัญในการประสบความสาเร็จในการทาธุรกิจส่วนตัว หรืออะไรก็ ตามที่ต ้องการ • นั่นคือ การฟังเก่งครับ... “ไม่ใช่การพูดเก่งอย่างที่บางคนเข ้าใจ”
  • 18. • คนฟังเก่ง คือฟังคนอื่นด ้วยความใส่ใจจริงๆ • ฟังโดยวางการตัดสินของตัวเองไว ้ข ้างๆ ทาใจให ้ว่างเปล่า คาพูดที่อยู่ใน หัวที่เราพยายามจะพูดแทรกเค ้า • หรืออยากรีบตอบ รีบพูดแก ้ปัญหาให ้เค ้า ทุกสิ่งทุกอย่างในหัวของคุณ วางไว ้ข ้างๆเลยครับ • ให ้ในหัวของคุณมีแต่คาพูดของเค ้า ให ้ตัวคุณเองไปนั่งอยู่ในโลกของเค ้า รับรู้ว่าเค ้ารู้สึกอย่างไร ต ้องการ อะไร • และอย่างสุดท ้ายที่คุณต ้องทาคือ รอให ้เค ้าพูดจนจบครับ • แล ้วทีนี้ก็ถึงตาคุณแล ้ว คุณอยากเสนออะไร ให ้ข ้อคิดเห็น หรือสั่ง สอน ได ้ตามที่คุณต ้องการเลยครับ
  • 19. 2. ความละเอียด • วิธีเช็คว่าคุณเป็นคนละเอียดจริงๆนะครับ ให ้ดูว่าการกระทาทุกอย่างใน ชีวิตคุณ • ไม่ว่าจะเป็นการทางาน การดูแลคนที่เรารัก ทุกอย่างเลยครับ • การทาเหล่านี้มีประสิทธิภาพอย่างที่คุณตั้งใจไว ้หรือเปล่า ถ ้าไม่ แสดงว่าคุณยังไม่ละเอียดทั้งหมด • ปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดจะคลี่คลายได ้ แค่คุณใส่ใจกว่านี้มากหน่อย ลองถอยหลังออกมาก ้าวนึง แล ้วลองดูนะ ครับว่า • เราสามารถใส่รายละเอียดลงไปในจังหวะไหนของชีวิตอีกได ้บ ้าง ที่จะทาให ้สิ่งนั้นเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นได ้
  • 20. 3. ความรัก • หากพูดถึงความรัก คนเรามักจะตีความไปในความสัมพันธ์ของคนใกล ้ ตัว รักพ่อ รักแม่ รักเพื่อน รักแฟน • แต่จริงๆแล ้วความรักนี้มีให ้ได ้กับทุกสิ่งเลยนะครับ เช่น รักในงานที่ทา รักที่จะเจอปัญหาแล ้วแก ้มัน รักที่จะเริ่มลงมือทา • ความรักในข ้อนี้เป็นส่วนผสมตั้งต ้นที่จะสามารถก่อให ้เกิดทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คุณต ้องการในชีวิตได ้ • เช่น 2 ข ้อข ้างบนนี้จะเริ่มทาไม่ได ้เลยหากปราศจากความรัก
  • 21. • ลองเริ่มที่จะ “รัก” ทุกอย่างในชีวิต • ถ ้าคุณไม่มีความรัก คุณก็จะไม่สามารถเปิดใจตัวเองได ้ทั้งหมดเพื่อรับฟัง ผู้อื่น • ถ ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็จะไม่เลือกใส่รายละเอียดให ้ตัวเองมากกว่านี้ • ถ ้าคุณไม่รักผู้อื่น คุณจะไม่มีทางใส่ใจรายละเอียดของใครได ้เลย
  • 22. • ความไม่รัก ก่อให ้เกิดความขัดแย ้ง แต่ความรักทาให ้เกิดความปรองดองและความสัมพันธ์ที่หลากหลาย • ความไม่รัก ทาให ้งานไม่เดิน แต่ความรักจะทาให ้เกิดการสร ้างสรรค์ผลงานที่สาเร็จนับไม่ถ ้วน • และความรักในการอ่านของคุณนั่นเอง ที่ทาให ้คุณสามารถอ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ได ้ • https://www.skilllane.com/blog/3-things-that-you-may-think-you-already-did-but-actually-not
  • 26. ฟ้าคนดิน 1 ดวง, 2 โชค, 3 เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) เรา คงได ้ยินประโยค ข ้างตนเป็นประจา เมื่อเราศึกษาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับอภิปรัชญาจีนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปาจื่อ, เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) บ ้างก็กล่าวว่าโชคของคนเราขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 อย่างคือ ฟ้า, ดิน, คน โดย - ฟ้า คือ ดวง - ดิน คือ เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) - คน คือ ฤกษ์ยาม
  • 27. ประโยคนี้ เท่าที่ค ้นหามาได ้เชื่อกันว่ามาจาก นักปราชญ์นาม ซูตงโพ (蘇東坡, sū dōng pō) แห่งราชวงศ์ซ่ง โดยประโยคเต็ม ๆ คือ (อ ้างอิง 1) 一命、二運、三風水、四積德、五讀書。
  • 28. หรือ แปลแบบผู้ไม่ชานาญภาษาจีนเช่นผมก็จะเป็น 一命、 หนึ่ง ดวงชะตา 二運、 สอง โชคชะตา 三風水、สาม เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) 四積德、สี่ สะสมกรรมดี (สะสมบุญกุศล) 五讀書。ห ้า การศึกษา สังเกตได ้ว่า ข ้อ 4 และ ข ้อ 5 ได ้หายไปจากประโยคเต็ม เมื่อมาอยู่ใน วงการฮวงจุ้ย, ปาจื่อ
  • 29. อย่างไรก็ดี ในวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย นั้น เรามอง ต่างจาก ที่ทั่วไปมองอยู่ เยอะ คือ - ชะตาฟ้า คือ ดวงชะตา และ โชคชะตา - ชะตาดิน คือ เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) - ชะตาคน คือ กรรม, การกระทา, การศึกษา, ศักยภาพ
  • 30. ชะตาฟ้า • ชะตา ฟ้า มี 2 ส่วน คือ ดวงชะตา กับ โชคชะตา ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้เราแทบควบคุมไม่ได ้ ได ้แต่ทาความเข ้าใจ และ ทาตัวให ้สอดคล ้องกับมัน - ดวงชะตา คือ สิ่งที่กาหนดมาตั้งแต่เกิด เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได ้ ได ้แต่เรียนรู้ วางแผน และเข ้าใจตัวเอง - โชคชะตา คือ เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น สภาพเศรษฐกิจ, โอกาสต่าง ๆ ที่เข ้ามา, สภาพอากาศ, เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ซึ่งควบคุมไม่ได ้ ทาได ้เพียงแต่คล ้อยตาม ให ้สอดคล ้อง ถูกจังหวะ ถูกโอกาส
  • 31. ชะตาดิน ชะตาดิน มี เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) ซึ่งควบคุม และ จัดการได ้ตามแต่วาสนา ของ แต่ละคน - เฟิ งสุ่ย (ฮวงจุ้ย) คือ สถานที่, สภาพแวดล ้อม, ที่ทางาน, บ ้าน, สุสาน (วาสนาไม่พอก็ยากที่จะได ้สุดยอดชัยภูมิดี)
  • 32. ชะตาคน ชะตาคน มี กรรมดี และ การศึกษา ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เราจัดการ และ เปลี่ยนแปลงได ้มากที่สุด - กรรมดี คือ การกระทาต่าง ๆ ของเรา - การศึกษา คือ ความรู้, ประสบการณ์, การพัฒนาศักยภาพของเรา
  • 33. การปรับชะตา • เนื่องจาก วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย เป็นวิชาไสยศาสตร์ จึงเน้นไปที่การปรับปรุง และ พัฒนา ตัวเอง, จิตใจของเรา, การกระทา ของเรา เพื่อปรับชีวิตให ้ดีขึ้น • ซึ่งจะแตกต่างจาก วิชาดวงสายวิทยาศาสตร์ ที่ใช ้อุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยใน การปรับชะตา เช่น การใช ้หลอดไฟ, สีเสื้อผ ้า, เครื่องประดับ หรือวัตถุต่าง ๆ มาตั้งวาง เพื่อปล่อยอนุภาคโฟตอน, อิเล็กตรอน ตามความยาวคลื่นต่าง ๆ มากระตุ้นดวงชะตาของเรา (ความยาวคลื่น 300-700 นาโนเมตร)
  • 34. • ดังนั้นการดูดวง และ ศึกษาชะตา ตามหลักไสยศาสตร์ จึงเป็นการมุ่งศึกษา ดูว่า ศักยภาพ, ข ้อดี, ข ้อเสีย ของเราคืออะไร และฝึกฝนจิตใจ, ปรับนิสัย, ปรับการกระทา ให ้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเราออกมาได ้ • โดยที่ไม่ได ้สนใจมากนักว่า ปีไหนจะดีจะร ้าย ปีไหนจะดวงตก หรือ ดวง ขึ้น ต ้องลองนึกถึงความเป็นจริงว่า สมมุติว่า บริษัท Apple จะจ ้างเราทางาน ในตาแหน่งที่สูง เงินเดือนเยอะแบบถาวร อะไรเกิดก่อนกัน ระหว่าง 1. เรามีความสามารถโดดเด่น เหมาะสมกับตาแหน่ง 2. ดวงดี เลยบังเอิญได ้งาน
  • 35. • ถ ้าคนทั่วไป คงตอบได ้ไม่ยากว่า ตาแหน่งสูง เงินเดือนเยอะ จะได ้ก็ต่อเมื่อมีความสามารถที่โด่ดเด่น เหนือกว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวงการ เดียวกัน ซึ่งคนเหล่านี้ ที่ต ้องการคือ โอกาส ที่จะได ้แสดงความสามารถที่มีออกมา และเราก็จะพบประจาว่า คนที่มีความสามารถ มักมีโอกาสเข ้ามาหาในชีวิตให ้เลือกเยอะมาก ซึ่งต่างกับคนที่ไม่มีความสามารถ ที่มักไม่ค่อยมีตัวเลือกให ้เลือกอะไรมากนักในชีวิต
  • 36. จริง ๆ ข ้อ 4 และ 5 (四積德、สี่ สะสมกรรมดี (สะสมบุญกุศล) 五讀書。ห ้า การศึกษา) นี่ต ้องมาคู่กัน ลองคิดดูง่าย ๆ เราอยากทางานกับ A. คนที่ วัน ๆ เอาแต่ด่า เอาแต่วิจารณ์ มองแต่จุดเสีย เพื่อนร่วมงาน B. คนที่ ตั้งใจทางาน คอยแนะนา คอยช่วยเหลือ เพื่อนร่วมงาน • คงไม่มีใครอยากทางานกับ คนแบบข ้อ A ดังนั้นแล ้วลองคิดดูว่า คนแบบข ้อ A จะไปหาโชคดี หาโอกาสที่ดี มาจากไหนได ้มากนัก • กลับกัน เมื่อ B ต ้องการอะไร หรือ เดือดร ้อนอะไร คนมักก็จะเต็มใจช่วยเหลือ มีอะไรดี ๆ ก็อยากจะมอบให ้กับ B จริงไหมครับ
  • 37. • ยิ่งความสามารถสูง + นิสัยดีน่าคบหา ถ ้าถึงช่วงลาบากมา คุณว่า ใครจะได ้รับความช่วยเหลือมากกว่ากันระหว่าง A กับ B • แล ้วถ ้าช่วงที่รุ่งเรือง ใครจะไปได ้ไกลกว่ากัน ระหว่า A กับ B?
  • 38. • ดังนั้นเราจะเห็นประจาว่า ผู้ที่ประสบความสาเร็จในโลกนี้ ส่วนใหญ่จะแลกมาด ้วยความพยายาม ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่เป็นการพยายามเพื่อให ้ตัวเองมีความสามารถมากขึ้น ศักยภาพมาก ขึ้น ไม่ใช่พยายามทั่ว ๆ ไป • ไม่ใช่การพยายามไปทางานทุกวันเหมือนเดิมอย่างหนัก แต่เป็นการพยายามเพื่อไปถึงเป้ าหมายที่ต ้องเองต ้องการ และ เมื่อโอกาสมาถึง สิ่งที่เขาได ้ทามาในอดีตก็ส่งผลออกมา
  • 39. สมมุติว่า ปีหน้าเป็นปีที่โคตรโชคดีของคุณ ตามดวงจะได ้งานใหญ่ เงินเดือนเพิ่ม คาถามที่สาคัญคือ คุณมีศักยภาพ, ความรู้, ความสามารถ เพียงพอกับโอกาสนั้นแค่ไหน ?
  • 40. ซินแสส่วนมาก มักจะกล่าวว่า สามารถควบคุม และ แก ้ไขปรับปรุง ข ้อ 1 - 3 一命、 หนึ่ง ดวงชะตา 二運、 สอง โชคชะตา 三風水、สาม เฟิงสุ่ย (ฮวงจุ้ย) ได ้อย่างง่ายดาย ด ้วยสารพัดเคล็ดวิชาของเขา ซึ่งก็มักจะไม่ยอมสอน ไม่ยอมแผยแพร่
  • 41. บางครั้งจะเรียกมาปรับปรุงบ ้าน และ ชะตา ของเรา ก็ใช ้เงินเยอะอยู่เหมือนกัน แถมบางคนก็บอกว่า เราไม่มีวาสนาพอ ไม่มีคุณธรรมพอ เขาไม่ดูให ้ก็มีอีก เยอะ ดังนั้นเราคนปกติทั่วไป เช่นผม และ ทุกคนที่อ่าน ควรจะทาอย่างไรกับชีวิตเราดี ? เคล็ดวิชาก็ไม่รู้, จะเสียเงินเป็นแสนไปจ ้างซินแสเทวดาก็ไม่มีอีก
  • 42. นักปราชญ์นาม ซูตงโพ เจ ้าของประโยคนี้ ก็ได ้บอกทางแก ้กับเราไว ้แล ้วครับ คือ ข ้อ 4 - 5 คือ ทากรรมดี ทาสิ่งดี ๆ และ ตั้งใจศึกษา พัฒนาตัวเอง จริงไหมครับ • อ ้างอิง(1) https://en.wikipedia.org/wiki/Chinese_fortune_telling • https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/posts/1023605364472402/?_rdr
  • 46.
  • 47. • คนจะมีพลังเชื่อมฟ้าดิน ดวงชะตาดีอยู่ในสถานที่มงคล แต่หากขาดศักยภาพ ไม่ขยันทามาหากิน ก็ไม่อาจเป็นเศรษฐีได ้ • นักวิทยาศาสตร์บอกว่า คนขี้เกียจมากน้อย อาจมีผลมาจากยีน (Gene) ที่ทาให ้ตัวรับสารแห่งความสุข (โดพามีน) ลดน้อยลง • แต่เราสามารถ “ฝึก” ตัวเองให ้ขยันขึ้นมาได ้ เพราะหากปล่อยไว ้เท่ากับฝึกให ้คุ้นเคยกับความขี้เกียจนั่นเองครับ • https://bit.ly/3yWiGqX
  • 48. เดิน-วิ่ง-นั่ง-กิน-นอน (เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น) • เดินไปตามปกติสุข (เข ้าใจใช ้ชีวิตทางสายกลาง) • วิ่งในยามจาเป็น (ทางานอย่างเต็มศักยภาพ) • นั่งในที่สบายใจ (สถานที่อยู่อาศัยเป็นมงคล) • กินรักษาโรค (ดูแลสุขภาพกายและจิตเสมอ) • นอนปรับสมดุล (นอนหลับให ้ถูกสุขลักษณะ)
  • 50. กินรักษาโรค “อาหาร 5 ธาตุ” กินอย่างไรให ้สุขภาพดี รสชาติอาหารจะแบ่งออกเป็น • หวาน ธาตุดิน “ทาลายพิษ” • เผ็ด ธาตุทอง “กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต” • เค็ม ธาตุน้า “คลายกล ้ามเนื้อ” • เปรี้ยว ธาตุไม ้“ลดการเคลื่อนไหว” • ขม ธาตุไฟ “คลายร ้อน”
  • 51. • ทานเค็ม (น้า) มากไป “ทาให ้เลือดไหลเวียนติดขัด” (ไฟ) • ทานขม (ไฟ) มากไป “ทาให ้ผิวแห ้ง สีผิวหมองคล้า ขนหลุดร่วง” (ทอง) • ทานเผ็ด (ทอง) มากไป “ทาให ้เส ้นเอ็นตึง เล็บแห ้ง เปราะ” (ไม ้) • ทานเปรี้ยว (ไม ้) มากไป “ทาให ้ผิวหนังเหี่ยวย่น” (ดิน) • ทานหวาน (ดิน) มากเกินไป “ทาให ้ปวดตามกระดูกและผมร่วง” (น้า)
  • 52. ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม • ฤดูใบไม ้ผลิ (ไม ้) “ควรบารุงตับ” • ฤดูร ้อน (ไฟ) “ควรบารุงหัวใจ” • ปลายฤดูร ้อนหรือฤดูฝน “ควรบารุงม ้าม” (ดิน) • ฤดูใบไม ้ร่วง (ทอง) “ควรบารุงปอด” • ฤดูหนาว (น้า) “ควรบารุงไต” ตลอดทุกปลายฤดูกาล(ดิน) “ควรให ้ความสาคัญกับกระเพาะอาหารและ ม ้าม”
  • 53. อวัยวะกับธาตุจีน • ม ้ามและกระเพาะอาหาร ธาตุดิน ย่อยอาหาร • ปอด ธาตุทอง กรองของเสียทางอากาศและภูมิคุ้มกัน • ไต ธาตุน้า ดูแลเรื่องระบบขับถ่ายน้าปัสสาวะ • ตับ ธาตุไม ้ ดูแลเล็บ ผม ขน • หัวใจ ธาตุไฟ ดูแลระบบไหลเวียนโลหิต เลือดลม ทุกอวัยวะทุกธาตุอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งวัฏจักรควบคุมและส่งเสริม
  • 54. วัฏจักรพลัง 5 ธาตุจีน • วัฏจักรพลัง 5 ธาตุ เป็นพลังธาตุที่แต่ละธาตุก็มีรูปแบบในการ ก่อเกิด(ส่งเสริม) ถ่ายเท(ไปให ้กาเนิดลูกธาตุ) พิฆาต(ควบคุม) จึงเป็นวัฏจักรที่วนกันไปวนกันมา ซึ่งแต่ละธาตุก็มีหน้าที่ของตัวเอง ไว ้ใช ้ในการดูฮวงจุ้ยบ ้าน ดูดวงจีน หรือศาสตร์จีนโบราณอื่นๆ • ถ ้าส่งเสริมหรือพิฆาตมากเกินก็ไม่ดี
  • 56. หัวข ้อแยกย่อย หยิน-หยาง +/- นอก/ใน ราศีบน-ล่าง (กิ่งฟ้า-ก ้านดิน) 60กะจื้อ 5ธาตุจีน วัฏจักรควบคุมและส่งเสริม ฤดูกาล นักษัตร ราศีแฝง
  • 57.
  • 58. หยาง-หยิน • สัญลักษณ์หยิน-หยาง ที่เราคุ้นเคยกันนั้น มี สีดาแทนหยิน มีสีขาวแทนหยาง (บางตารา สะกดภาษาไทยว่า อิน–หยาง) โดยทฤษฎีหยิน-หยาง เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยยุคราชวงศ์โจว หรือเมื่อ 1,000-256 ปีก่อนคริสตกาล และมีบันทึกพบว่ามีการกล่าวถึง หยิน-หยาง เป็นครั้งแรก ในคัมภีร์อี้จิง
  • 59. • ทฤษฎีหยิน-หยาง ครอบคลุมแทบทุกแขนง และถูกนามาใช ้ในวิชาการต่าง ๆ เช่น พยากรณ์อากาศ หมอดู ภูมิศาสตร์-ฮวงจุ้ย ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และแพทย์แผนจีน ที่เรากาลังจะกล่าวถึงนี้ • “หยินหยาง” คือ การมองว่าในจักรวาล จะมี 2 สิ่งที่อยู่ตรงข ้ามกันเสมอ เช่น เย็น-ร ้อน, มืด-สว่าง, สงบนิ่ง-เคลื่อนไหว ซึ่ง 2 สิ่งนี้จะทางานร่วมกันให ้เกิดความสมดุล
  • 60. • ร่างกายคนเราก็เช่นกัน เมื่อมองแบบหยิน-หยางแล ้ว การที่ร่างกายจะมีสุขภาพที่ดีแข็งแรง ก็จะเกิดจากการที่หยิน-หยางมีความสมดุลกัน เมื่อใดที่หยิน-หยางขาดสมดุล เราก็จะเกิดอาการเจ็บป่ วยหรือไม่สบายตัวขึ้นได ้
  • 61. • แพทย์จีนจะตรวจวินิจฉัยสมดุลหยินหยาง จาก การฟัง การซักถามประวัติ ดูใบหน้า ดูลิ้น และการจับชีพจร หรือ “แมะ” เพื่อหาสาเหตุการเกิดโรค กลไกการดาเนินโรค และกลุ่มอาการของโรค เพื่อนามาสู่การรักษา ป้องกัน ฟื้นฟู และปรับสมดุล ที่เหมาะสมกับแต่ละ บุคคล รวมถึงคาแนะนาจากแพทย์ และแนวทางการรักษา
  • 62. • “พลังหยินขาดความสมดุล” มี 2 แบบคือ หยินพร่อง และ หยินมากเกิน จะทาให ้เป็นคนขี้ร ้อน ซึ่งอาจเป็นความร ้อนที่เรานาเข ้ามาในร่างกาย ผ่านการรับประทานอาหารบางประเภท เช่น ของทอด ที่ทาให ้ร่างกายสะสมความร ้อน
  • 63. • ส่วนอาการของ “พลังหยางขาดความสมดุล” เช่น หยางพร่อง หมายความว่า พลังหยางในร่างกายลดน้อยลง พลังหยาง หมายถึง ความร ้อนที่ให ้ความอบอุ่นกับร่างกายเรา หากวันไหนที่พลังหยางเราลดลง แสดงว่า ไฟในร่างกายเราลดลง ส่งผลให ้เราเป็นคนขี้หนาว ปลายมือ ปลายเท ้าเย็น เหน็บชา เป็นต ้น
  • 64. • วิธีการที่จะรักษาหยินหยางให้สมดุล ทาได ้หลายวิธี ในแต่ละบุคคล แพทย์จะรักษาแตกต่างกัน ตามกลุ่มอาการที่คนไข ้เป็นเหมาะกับแนวทางการรักษาแบบไหน เช่น ฝังเข็ม รมยา ครอบแก ้ว จ่ายยาจีน การรับประทานอาหารที่เหมาะกับอาการ
  • 65. • เมื่อมองในภาพรวม “หยินหยาง” จึงสามารถให ้คาจากัดความเดียวกับ “Vibe” ในภาษาอังกฤษ ที่สื่อถึง “ความสมดุล” ความสาคัญกับการปรับ “ความสมดุล” ให ้กับชีวิตที่ไม่สมดุล หรือ Bring Back your Shade of Vibes จึงจาเป็นสาหรับเราทุกคน • https://sinehabangkok.com/whats-on/health/yinyang-vibe/
  • 66. หยินหยางเป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล • ทุกสิ่งในโลก ในบ ้านของเรา และในจิตวิญญาณ จะต ้องสมดุล ความจริงพื้นฐานทั้งหมดของการปฏิบัติฮวงจุ้ยอยู่บนพื้นฐานของกฎทอง นี้ หากความสมดุลถูกรบกวนและพลังงานไม่สัมพันธ์กัน ปัญหาก็สามารถเริ่มต ้นได ้
  • 67. • หยินและหยาง เป็นสองสิ่งที่ตรงกันข ้ามและในเวลาเดียวกันก็มีกระแสพลังงานเสริมแรง กัน แนวคิดเหล่านี้มาจากปรัชญาลัทธิเต๋าตะวันออกโบราณ เชื่อกันว่าพลังงานหยินหยางจะแทรกซึมไปทั่วทั้งจักรวาล สิ่งสาคัญ คือต ้องเข ้าใจด ้วยว่าหยินและหยางเป็นพลังงานที่ตรงกันข ้ามอย่าง สิ้นเชิง เช่น สีขาวและสีดา อย่างไรก็ตาม พลังงานเหล่านี้ไม่สามารถดารงอยู่ได ้หากปราศจาก พลังงานอื่น
  • 68. • พลังงานหยาง ถือเป็นพลังงานที่แอคทีฟ มากกว่า ในขณะที่หยินนั้น เป็นพลังงานแบบพาสซีฟ มากกว่า พลังงานทั้งสองประเภท ทั้งหยินและหยาง มีอยู่ในทุกสิ่ง แต่ไม่เท่ากัน ในบางบุคคลหรือวัตถุ พลังงานหยินมีอิทธิพลเหนือ พลังงานหยาง
  • 71. แนวความคิดเชิงปรัชญา • ใน "หนังสือแห่งการเปลี่ยนแปลง" ("I Ching“) หยางและ หยิน ทาหน้าที่แสดงแสงและความมืด แข็งและอ่อน เป็นหลักการของความเป็นชายและหญิงในธรรมชาติ
  • 72.
  • 73. • ในปรัชญาจีน สัญลักษณ์ หยางและ หยิน เป็นสัญลักษณ์ของปฏิสัมพันธ์ของความขัดแย ้งที่รุนแรง: แสงสว่างและความมืด, กลางวันและกลางคืน, ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์, ท ้องฟ้าและโลก, ความร ้อนและเย็น, บวกและลบ, คู่และคี่ ฯลฯ • https://amikamoda.ru/th/znachenie-simvola-in-yan-i-ego-prakticheskoe-primenenie-soglasno-fen-shui.html
  • 74. • สัญลักษณ์หยินหยางมีต ้นกาเนิดมาจากลัทธิเต๋า ในประเทศจีน "หยิน" คือส่วนพื้นที่สีดา และ "หยาง" คือส่วนพื้นที่สีขาว โดยในแต่ละส่วนจะประกอบไปด ้วยจุดสีตรงข ้าม ในสัญลักษณ์หยินหยาง ทั้ง 2ส่วนจะมีพื้นที่เท่าๆกัน ซึ่งแสดงถึงพลังแห่งความสมดุล (Balance of Yin-Yang)
  • 75. • พลัง "หยาง" เป็นพลังแห่งแสงสว่าง ให ้ความอบอุ่น ความสดใสและความมั่นคง ซึ่งเปรียบได ้ดั่งพลังแห่งไฟ ในทางกลับกัน พลัง "หยิน" เป็นพลังลึกลับ ที่ให ้ความหนาวเย็น ความอ่อนไหว เปรียบได ้กับพลังแห่งน้า
  • 76. • ตามความเชื่อทั่วไป พลังทั้ง 2 อย่างของ "หยินและหยาง" จะช่วยปรับความสมดุลแก่ร่างกายและจิตใจ ให ้มีความสมบูรณ์ ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ส่งผลให ้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข ้เจ็บ ช่วยให ้จิตใจสดใสและอ่อนโยน ควบคู่ไปกับช่วยเพิ่มพลังแห่งสมอง ให ้เกิดปัญญาทางด ้านการเรียนและการงาน
  • 77. • ในปัจจุบันได ้มีการนากฎแห่งพลังหยินหยางมาประยุกต์กับการแพทย์ แผนจีน โดยให ้ความสาคัญเกี่ยวกับการบวนการรักษาความสมดุลของระบบใน ร่างกาย ให ้มีพลังของหยินและหยางที่พอดีกัน ยกตัวอย่าง เช่น ขณะตื่นนอนตอนเช ้า ร่างกายจะสะสมพลังหยินไว ้เป็นจานวนมาก เวลาอาบน้าตอนเช ้า ควรอาบน้าที่อุ่นเล็กน้อยที่เป็นพลังหยาง ไม่ควรอาบน้าเย็นจัด หรือการดื่มน้าอุ่นหลังตื่นนอน ก็เป็นการเพิ่มพลังหยางเข ้าไปปรับสมดุลกับพลังหยินนั่นเอง • https://bit.ly/3PPdPPh
  • 79. หัวข ้อแยกย่อย หยิน-หยาง +/- นอก/ใน ราศีบน-ล่าง (กิ่งฟ้า-ก ้านดิน) 60กะจื้อ (แผนภูมิสวรรค์) 5ธาตุจีน วัฏจักรควบคุมและส่งเสริม ฤดูกาล นักษัตร ราศีแฝง
  • 80.
  • 81. การก่อเกิดและถ่ายเท • ธาตุดิน ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุทอง = การที่ดินสะสมจนกลายเป็นแร่โลหะ • ธาตุทอง ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุน้า =ของแข็งหลอมละลายเป็นของเหลว ได ้ • ธาตุน้า ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุไม ้= น้าสามารถหล่อเลี้ยงต ้นไม ้ให ้เติบโต • ธาตุไม ้ ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุไฟ = ไม ้จุดไฟให ้ติดโชติช่วง • ธาตุไฟ ก่อเกิด/ถ่ายเท ธาตุดิน = ไฟเผาทุกสิ่งกลายเป็นเถ ้าถ่าน
  • 82.
  • 83. การพิฆาต (ควบคุม) • ธาตุไม ้พิฆาต ธาตุดิน =ไม ้ดูดกินดิน และ ไม ้ปลูกไว ้คลุมกันดินลื่นไหล • ธาตุดิน พิฆาต ธาตุน้า = ดิน ถมบ่อน้า กักกันน้า เช่น เขื่อน ฝายชะลอน้า • ธาตุน้า พิฆาต ธาตุไฟ = น้า ดับไฟ คอยควบคุมให ้ไฟไหม ้ลุกลาม จนเกินไป • ธาตุไฟ พิฆาต ธาตุทอง = ไฟ ใช ้หลอมแร่ทอง โลหะ เป็นสิ่งที่มีค่า เช่น มีดขวาน เครื่องประดับ • ธาตุทอง พิฆาต ธาตุไม ้= โลหะ ใช ้ตัดโค่นไม ้หรือ ตัดแต่งกิ่งไม ้ให ้เป็น ทรงที่สวยงาม
  • 84.
  • 85. หน้าที่ของแต่ละธาตุใน 5 ธาตุ • ธาตุก่อเกิด = การส่งเสริม คนช่วยเหลือ สนับสนุน • ธาตุเหมือนกับเรา (คู่ธาตุ) = คนรอบตัว พี่น้อง หุ้นส่วน คู่แข่ง การต่อสู้ เอาชนะ • ธาตุถ่ายเท = การแสดงออก ทักษะ ฝีมือ ความสร ้างสรรค์ การลงทุน • ธาตุที่พิฆาตเรา = ภาระหน้าที่ ปัญหา แรงกดดัน ความไม่มั่นคง อิทธิพล • ธาตุที่เราพิฆาต = โชคลาภ เงินทอง สิ่งที่ครอบครอง • https://www.facebook.com/2073609479378107/posts/3917693401636363/
  • 86. แผนภูมิสวรรค์ • แผนภูมิสวรรค์ (จีน: 干支; พินอิน: gānzhī กานจือ) คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบที่เขียนด ้วยอักษรจีน ซึ่งประกอบด ้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได ้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า "ราศีบน" มี 10 ตัวอักษร (天干; tiāngān เทียน กาน) และภาคปฐพี เรียกว่า "ราศีล่าง" มี 12 ตัวอักษร (地支; dìzhī ตี้จือ) • แผนภูมิสวรรค์ใช ้สาหรับการนับวันและปีแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญใน โหราศาสตร์ของจีน นอกจากจีนแล ้วประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่ น เกาหลี เวียดนาม ก็ใช ้ระบบเลขนี้ด ้วย
  • 87.
  • 88. “ปีหนไท” • ซึ่งเป็นระบบปฏิทินแบบไทโบราณ ที่เคยใช ้ในอาณาจักรสิบสองปันนา ล ้านนา ล ้านช ้าง และสมัยสุโขทัย ตอนต ้น ก็เชื่อว่าได ้รับอิทธิพลจากปฏิทินกานจือของจีนโบราณเช่นกัน เนื่องจากมีองค์ประกอบเหมือนกันทุกประการ และมีชื่อเรียกต่างกัน เล็กน้อย เช่น ภาคสวรรค์ (แม่มื้อ) ได ้แก่ กาบ ดับ ระวาย เมือง เปลิก กัด กด ร ้วง เต่า ก่า (เทียบเท่ากับ เอกศก โทศก ตรีศก ในปัจจุบัน) และภาคปฐพี (ลูกมื้อ) ได ้แก่ ใจ ้เปล ้า ญี เหม ้า สี ใส ้สะง ้อ เม็ด สัน เร ้า เส็ด ใค ้ (เทียบเท่ากับ ชวด ฉลู ขาล ฯลฯ ในปัจจุบัน)
  • 89. • แผนภูมิสวรรค์ประกอบด ้วยอักษรจีน 2 ตัว ซึ่งตัวแรกแทนพลังงานของภาคสวรรค์ และตัวหลังแทนพลังงานของภาคปฐพี อักษรภาคสวรรค์มี 10 ตัว ส่วนภาคปฐพีมี 12 ตัว ซึ่งจะเปลี่ยนพร ้อมกันและวนรอบใหม่ทุกครั้งเมื่อจบลาดับ เช่น 癸酉→甲戌→乙亥→丙子 เป็นต ้น การรวมกันของอักษรทั้งสองภาคทาให ้เกิดชื่อเรียกได ้60 แบบ
  • 90. • เนื่องจากตัวคูณร่วมน้อยของ 10 กับ 12 เท่ากับ 60 นั่นคือพลังงานในแต่ละปี จะมีการเรียงกันไปตามลาดับจนครบ 60 คู่ ก็จะกลับมาเริ่มต ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลให ้ชาวจีนจะจัดงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีที่เรียกว่า "แซ ยิก" อย่างยิ่งใหญ่ เพราะถือมาได ้มีชีวิตอยู่จนมาครบรอบเดียวกันกับพลังงานที่ตนเกิดอย่าง แท ้จริง
  • 91. การประยุกต์ใช ้ • ตัวอักษรของราศีบนและราศีล่างนั้น นอกจากจะใช ้เพื่อระบุกาลเวลาในปฏิทินของจีนแล ้ว ยังสามารถใช ้ในการทานายดวงชะตา ซึ่งเป็นระบบที่แพร่หลายที่สุดในสังคมชาวจีนมาในตั้งแต่อดีต ที่เรียกว่า "โป๊ ยหยี่ซี้เถียว" หรือ "แปดอักขระสี่แถว" คือแถวปีก็จะประกอบด ้วยราศีบนและล่าง 1 ชุด
  • 92. • ในขณะที่แถวเดือน แถววัน และแถวยาม ก็จะมีราศีบนและล่างอีกอย่างละ 1 ชุด รวมเป็น 8 อักษร • โดยแต่ละตัวจะมีค่าทางพลังงานเป็นธาตุต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 ธาตุ คือ ไม ้ ไฟ ดิน ทอง น้า แล ้วนามาวิเคราะห์หาสัมพันธ์ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ ว่าธาตุใดมีมาก เกินไป ธาตุใดน้อยเกิน ธาตุใดพิฆาตธาตุใด คล ้ายกับการเล่นหมากรุก เพื่อจะหาว่าธาตุใดเป็นธาตุที่ให ้คุณและธาตุใดเป็นธาตุที่ให ้โทษ ซึ่งในปีใดที่เป็นราศีของธาตุที่ให ้คุณเข ้ามาก็จะทานายว่าเป็นปีที่ดวงดี ส่วนในปีที่ธาตุให ้โทษเข ้ามาก็ถือว่าเป็นปีที่ดวงไม่ดี • https://bit.ly/3IYUJ6O
  • 93. • ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝืน คนคานวณ ไหนเลยจะสู้ฟ้าลิขิตได ้ ผู้เขียนเคยสอบถามโยมว่าลิงกับเสือใครจะเหนือกว่ากัน ส่วนมากโยมจะตอบว่าเสือเหนือกว่าลิง ตามความเป็นจริงแล ้วในแง่โหราศาสตร์จีนเสือเป็นธาตุไม ้ ส่วนลิงเป็น ธาตุทอง เสือเป็นฟืน ส่วนลิงเป็นขวาน เพราะฉะนั้นขวานต ้องชนะฟืน • http://www.henghengheng.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538727680&Ntype=4
  • 94. • ยังมีคนเข ้าใจผิดอยู่เป็นจานวนมากว่าการ “ชง” เป็นสิ่งที่ไม่ดี ส่วนการ “ฮะ” นั้นเป็นสิ่งที่ดี ความจริงแล ้วโหราศาสตร์จีน จะให ้ความสาคัญอยู่ที่หลักของความสมดุลของ 5 ธาตุเป็นหลัก ไม่มีธาตุใดธาตุหนึ่งที่จะให ้โทษหรือให ้คุณเป็นหลักตายตัวได ้ ดาวทุกดวงหรือธาตุทุกธาตุอาจจะให ้คุณหรือให ้โทษก็ได ้ แล ้วแต่ว่าจะไปเข ้ากับกฏเกณฑ์แบบใด เช่นดาวดีถูกทาร ้าย หรือว่าดาวร ้ายถูกทาให ้ดีนั่นเอง
  • 95. • คนเรามีสามเสื่อมโทรม หกรุ่งเรือง มนุษย์ทุกคน ไม่สามารถที่จะหลีกหนีหลักของการก่อเกิดและทาลายของหลัก 5 ธาตุ ไปได ้ น้าเกิดไม ้ ไม ้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง ทองเกิดน้า และในทานองเดียวกัน ไม ้ทาลายดิน ดินทาลายน้า น้าทาลายไฟ ไฟทาลายทอง ทองทาลายไม ้
  • 96. • ดังคากล่าวที่ว่า “ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝืน” ได ้ปรากฏจริงดังให ้เห็นมาแล ้วทุกยุคทุกสมัย แต่เราท่านก็ได ้รับรู้มาเช่นกันว่า มีบางอย่างที่สามารถผ่อนหนักให ้เป็นเบา หรือที่ดีแล ้วให ้ดียิ่งขึ้นได ้ และสิ่งที่กาลังจะบอกให ้ทราบ ก็เป็นอีกหนึ่งในบางอย่างนั้น
  • 97. หลักในการทานายดวง • ความหมายของแต่ละหลัก ถูกทาร ้าย หมายถึงให ้โทษกับหลักนั้น 1. หลักปีเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงพ่อแม่ ผู้ใหญ่ มีภัย 2. หลักเดือนเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงธุรกิจการงาน มีภัย 3. หลักดิถี (วันเกิด) ถูกทาร ้าย หมายถึงตนเอง คู่ครอง มีภัย 4. หลักเวลาเกิด ถูกทาร ้าย หมายถึงลูก หลาน บริวาร มีภัย
  • 99. ให ้กาเนิด (ก่อเกิด) หมายถึงให ้ความช่วยเหลือ 1. ให ้กาเนิดหลักปีเกิด หมายถึงพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ได ้รับความช่วยเหลือ 2. ให ้กาเนิดหลักเดือนเกิด หมายถึงได ้รับความช่วยเหลือเกี่ยวกับ ธุรกิจการงาน 3. ให ้กาเนิดหลักวันเกิด หมายถึงตนเองและคู่ครองได ้รับความ ช่วยเหลือ 4. ให ้กาเนิดหลักเวลาเกิด หมายถึงลูกหลานบริวารได ้รับความ
  • 100. ปีนักษัตร หรือ นักขัต • ปีนักษัตร หรือ นักขัต เป็นปีตามปฏิทินสุริยคติไทย และชาติอื่นในเอเชียตะวันออก เช่น จีน เวียดนาม และญี่ปุ่ น (เพิ่งรู้จักหมูเลี้ยงในศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่ นรู้จักแต่หมูป่ า) แบ่งเป็นรอบปี รอบละสิบสองปี แต่ละปีกาหนดสัตว์เรียกเป็นชื่อเรียงกันไปดังนี้
  • 101. โดยความเชื่อเรื่องปีนักษัตรนั้นมีที่มาจากจีน • ตานานเรื่องเล่าในสมัยปีใหม่แรกของจีน (วันชิวอิก หรือวันที่ 1 เดือนอ ้ายของจีน) สัตว์ทั้งหลายต่างมาชุมนุมหน้าวังหลวงของฮ่องเต ้สวรรค์ • ฮ่องเต ้ประกาศให ้สัตว์ 12 ชนิด ที่มาถึงก่อนวัน (วันชิวยี่ หรือวันที่ 2 เดือนอ ้าย)
  • 102. ดังนั้นสัตว์ 12 ชนิด ได ้รับแต่งตั้งเป็นองค์รักษ์ • ใน 1 วัน สัตว์ 1 ชนิดอยู่ยาม 2 ชั่วโมง • สัตว์ 12 ชนิดอยู่ยาม 24 ชั่วโมง • รวมเป็น 12 ยามเฝ้าวังหลวง
  • 103. • โดยมีหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าตั้งแต่ก่อนยุคราชวงศ์ฉิน (221 ปีก่อนค.ศ. – 207 ปีก่อนค.ศ) ก็มีปรากฏรูปปีนักษัตรแล ้ว โดยใช ้สัตว์ประเภทต่าง ๆ เป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ อันได ้แก่ • ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง(มังกรฟ้าราชวงศ์ โจว-ฉิน มังกรมีขายาว 5 เล็บ ลาตัวคล ้ายกวางมี ปีก) มะเส็ง(พญางูขาว-งูใหญ่-พญานาค) มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ และ กุน • https://bit.ly/3ctQe89
  • 104. • อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได ้ว่า จุดร่วมระหว่างไทยกับจีน ที่ถือว่าส่งอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของคนทั้งสองฝ่ าย หนึ่งในนั้นย่อมต ้องมีเรื่อง 12 นักษัตรรวมอยู่ด ้วย (ยิ่งเมื่อพิจารณาจากแนวคิดสลากแบบใหม่ที่ประกาศเมื่อกลางปี 2562) • https://www.silpa-mag.com/culture/article_36524
  • 105. • เมื่อสืบค ้นถึงนักษัตรจีน นักวิชาการและนักเขียนจีนผู้สืบค ้นความเป็นมาของนักษัตร ก็ล ้วนบอกตรงกันว่าตอบลาบาก เมื่อพิจารณาเบื้องต ้น ซงเฉียวจือ ผู้เขียนหนังสือ “โหราศาสตร์จีน 12 นักษัตรประยุกต์” ในแนวทางแบบวิชาการ ยังบรรยายว่า จุดเริ่มต ้นการใช ้12 นักษัตรนั้น เป็นเรื่องที่ยากจะตอบ แต่คัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งกล่าวถึงเรื่อง 12 นักษัตร “อย่างละเอียดและ ชัดเจน” ปรากฏในคัมภีร์ ลุ่นเหิง ของ หวางชง สมัยตงฮั่น ในคัมภีร์นี้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง 12 นักษัตร โดยใช ้หลักกาเนิดและข่มกันตามกฎเบญจธาตุ หากพิจารณาในแง่การจับคู่สัตว์ที่แทน 12 นักษัตรกับภูมิดิน
  • 106. • ความคิดเห็นนี้ สอดคล ้องกับข ้อเสนอของโจวเซี่ยวเทียน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเสฉวน และคณะผู้เขียนหนังสือ “เปิดตานาน 12 นักษัตรจีน” ซึ่งระบุว่า จากหลักฐานและข ้อมูลเท่าที่มี พอจะระบุได ้ว่า คติ 12 นักษัตร เกิดขึ้นก่อนสมัยฮั่นตะวันออกแล้ว (ค.ศ. 25-220)
  • 107. • อย่างไรก็ตาม สมบัติ พลายน้อย บรรยายว่า ในคัมภีร์ลุ่นเหิง ไม่ได ้บอกว่าทาไมถึงได ้เอาสัตว์เหล่านั้นมาใช ้เป็นชื่อปี • การเรียกชื่อปีเป็น 12 นักษัตร ยังมีอยู่ในจารึกภาษาโบราณของตุรกี ด ้วย ทาให ้สันนิษฐานได ้อีกว่า บางทีอาจมีกาเนิดมาจาก ตุรกี ซึ่งเป็นตาดสาขาหนึ่ง จีนอาจได ้มาจากตาด
  • 108. คาถามต่อมาคือ ในโลกมีสัตว์มากมาย • ทำไมต้องเลือกสัตว์ 12 ชนิดนี้มำเป ็ นสัตว์ประจำแต่ละนักษัตร ในบรรดา 12 ชื่อ มีทั้งสัตว์ที่มีอยู่จริง และสัตว์ในจินตนาการอย่างมังกร • คาถามนี้มีการพยายามหาคาตอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจากตานานเรื่องเล่าต่างๆ สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงวินิจฉัยไว ้ด ้วยว่า
  • 109. • “ข ้าพเจ้าเห็นว่า การที่เอารูปสัตว์ใช ้เป็นเครื่องหมายแทนสิ่งอื่น มี ประโยชน์ให ้จาสิ่งนั้นง่าย ถ ้าหากชื่อปีใช ้เขียนตัวอักษรและอ่านเรียกตามภาษาที่เขียน เมื่อพ้นเขตประเทศที่ใช ้ตัวอักษรและภาษานั้นออกไปถึงนานาประเทศ ซึ่งต่างประเทศใช ้ตัวอักษรและภาษาอื่น ชื่อปีที่บัญญัติก็ไม่มีใครเข ้าใจ ไม่เป็นประโยชน์อันใด ถ ้าเอารูปสัตว์ขึ้นตั้งเป็นเครื่องหมายแทนปี เช่น เอารูปหนูเป็นเครื่องหมายปีที่ 1 เอารูปวัวเป็นเครื่องหมายปีที่ 2 ประเทศอื่นๆ จะเรียกหนูเรียกวัวตามภาษาของตนว่ากระไรก็ตาม คงได ้วิธีประดิทินสิบสองนักษัตรไปใช ้ได ้ตรงกันกับประเทศเดิมไม่ ขัดข ้อง…”
  • 110. • ขณะที่นักวิชาการอย่าง โจวเซี่ยวเทียน ก็ยอมรับว่าคาอธิบายเพื่อตอบคาถามข ้างต ้นมีมาจากหลากหลายสานัก แต่สาหรับเขาคิดว่า คาอธิบายที่สมเหตุสมผลคือ “เลือกตามช่วงเวลา การเคลื่อนไหว” โดยเลือกสัตว์ 12 ชนิด มาเป็นปีนักษัตร และจัดลาดับก่อนหลัง โดยมีส่วนเกี่ยวกับ “ความเคลื่อนไหว” จากพฤติกรรมของสัตว์นั้น เป็นประการสาคัญ
  • 111. ในการอธิบายอาจต ้องเอ่ยถึงการนับเวลาใน สมัยโบราณ • คนโบราณ แบ่งเวลาในหนึ่งวันหนึ่งคืนเป็น 12 ชั่วยาม (เท่ากับ 24 ชั่วโมงของปฏิทินสุริยคติ) 1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง • 12 ชั่วยาวนี้ จะถูกจับคู่กับ “ตี้จือ” (แผนภูมิสวรรค์ภาคปฐพี ใช ้สาหรับนับวันและปีแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นคติสาคัญในด ้านโหราศาสตร์จีน)
  • 112. • ช่วงแรกเรียกว่า ยามจื่อ หมายถึง 23 ถึง 1 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ หนู เนื่องจากเป็นเวลาที่หนูออกหากิน ช่วง 2 เรียกว่า ยามโฉ่ว หมายถึง 1 ถึง 3 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ วัว เนื่องจากเป็นตอนที่วัวเคี้ยวเอื้อง ช่วง 3 เรียกว่า ยามฉิน หมายถึง 3 ถึง 5 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ เสือ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เสือเพ่นพ่าน ช่วง 4 เรียกว่า ยามเหม่า หมายถึง 5 ถึง 7 นาฬากา ถูกจับคู่กับ กระต่าย เนื่องจากเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น บนท ้องฟ้าเห็น พระจันทร์ ตามตานานเชื่อกันว่ามีกระต่ายอยู่บนดวงจันทร์จึงให ้คู่กับ กระต่าย ช่วง 5 เรียกว่า ยามเฉิน หมายถึง 7 ถึง 9 นาฬิกา ถูกจับคู่กับ มังกร เนื่องจากตามตานานแล ้ว มังกรจะร่ายราให ้เกิดฝน (เมฆหมอกยังไม่จางหายในช่วงเช ้า)
  • 113. • โจวเซี่ยวเทียน ยอมรับว่า คาอธิบายข ้างต ้นอาจฟังดูฝืดๆ และทาให ้คิดว่าเป็นการจับแพะชนแกะอยู่บ ้าง แต่แนวคิดนี้ สอดคล ้องกับความคิดเห็นของ ซงเฉียวจือ ตานาน 12 นักษัตรก็มีลักษณะเป็นวรรณกรรมแบบนึกคิดกัน ความ น่าเชื่อถือก็มีน้อยอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การเลือกและเรียงลาดับนั้นคงต ้องผ่านพัฒนาการ มิได ้เป็นดังนี้โดยเสร็จสมบูรณ์มาเลย • https://www.silpa-mag.com/culture/article_36524
  • 114. จะรู ้ได้ไงว่า เกิดปี นักษัตรอะไร… • นักษัตรปีเกิด หนึ่งในข ้อมูลของเด็กแรกเกิดทุกคนที่ต ้องระบุไว ้ในสูติ บัตร ซึ่งมีคุณพ่อคุณแม่บางคนสงสัย และไม่ทราบว่า ลูกของเรา เกิดเดือนนี้ปีนี้ คือนักษัตรอะไรกันแน่?
  • 115. การเปลี่ยนปี นักษัตร (ปี เกิด) ในการเปลี่ยนปีนักษัตรมีหลายแบบ เช่น • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันขึ้น ๑ ค่า เดือนอ ้าย (๑) ตามปฏิทินหลวง เป็นแบบ ที่ใช ้ในการบันทึกสูติบัตรปัจจุบัน (แนวทางปฏิบัติตาม หนังสือเวียนกรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ มท 1/ว4 ออกเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539) • เปลี่ยนปีนักษัตรในวันขึ้น ๑ ค่า เดือนห ้า(๕) ตามคติพราหมณ์ (ช่วงเวลา เปลี่ยนปีนักษัตรตามสูติบัตร จะไม่ตรงกันกับแบบคติพราหมณ์) • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันเถลิงศก ช่วงวันที่ 15-17 เมษายน • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันสังขารล่อง หรือวันสงกรานต์ตามแบบทาง ภาคเหนือ • เปลี่ยนปีนักษัตรแบบจีน ซึ่งเปลี่ยนปีนักษัตรใหม่วันสารทลิบชุน/ วันตรุษจีน ตามปฏิทินจันทรคติจีน หรือปฏิทินจีน • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 มกราคม ตามปฏิทินของ อ.ทองเจือ อ่างแก ้ว • เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในวันที่ 1 เมษายน ตามปฏิทินของ อ.เทพย์ สาริกบุตร
  • 116. จะรู ้ได้ไงว่า เกิดปี นักษัตรอะไร จากการเปลี่ยนปี นักษัตรที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมีหลายแบบ จึงทาให้เกิด คาถามว่า… Q: ดิฉันคลอดลูกเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2559 เวลา 23.19 น ซึ่งในสูติบัตรลูกระบุว่าเป็น ปีวอก อยากถามว่าถูกต ้องไหมคะ เพราะดิฉันดูในปฏิทินยังเป็น ปีมะแม อยู่เลย
  • 117. A: ทางทะเบียนราษฎร ได ้ให ้คาตอบเกี่ยวกับเรื่องปี (นักษัตร) เกิดของการ แจ ้งเกิดเด็ก ไว ้ดังนี้ การลงรายการในสูติบัตร นับจากปีนักษัตร คือ ชื่อรอบเวลากาหนด 12 ปี เช่น 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร โดยกาหนดให ้สัตว์เป็นเครื่องหมายในปีนั้น ๆ คือ ชวด – หนู , ฉลู – วัว , ขาล – เสือ ซึ่งปีนักษัตรเป็นการนับวันเดือนปีเกิดทางจันทรคติ (ตามเวลาไทยโบราณ ซึ่งนับเดือนอ ้ายเป็นเดือนหนึ่ง) โดยถือปฏิทินหลวง เป็นหลักกาหนดให ้วันขึ้น 1 ค่า เดือน 1 เป็นวันเริ่มต ้น เปลี่ยนปีนักษัตร ใหม่
  • 118. • โดยปกติวันที่เปลี่ยนปีนักษัตรใหม่ในแต่ละปีจะอยู่ในช่วงประมาณ เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เช่น หากดูตามปฏิทินแล้วใน ปี พ.ศ.2559 เป็ นปี นักษัตร มะแม จะตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม 2558 (วันแรม 15 ค่าเดือน 12) เป็ นวัน สุดท้าย ฉะนั้นเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 58 (วันขึ้น 1 ค่า เดือน 1) ใน รายการสูติบัตร ก็จะลงเป็ นปี วอกนั่นเอง (ตามภาพด้านล่าง) • https://www.amarinbabyandkids.com/family/lifestyle/how-to-check-baby-birth-year/
  • 119.
  • 120. 12 ราศี แฝงแนวคิด ปรัชญาและวัฒนธรรมอัน ยาวนาน • ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่ง ชาวจีนกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานในฐานะเจ ้า บ ้าน คณะแขกในงานคือชนชั้นสูงที่ส่วนใหญ่เป็นวงศาคณาญาติของเครือ ราชวงศ์ในแถบประเทศยุโรป แขกทุกคนล ้วนมีการศึกษาสูงและกิริยามารยาทในสังคมดีเลิศทั้งนั้น แต่เบื้องหลังแต่ละคนล ้วนซ่อนความหยิ่งยะโสไว ้เกือบทุกคน อาจเป็นเพราะงานคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงส่งคณะผู้มาเยือนเป็นคืนสุดท ้าย แต่ละคนอาจดื่มหนักไปหน่อย เลยพูดจาค่อนข ้างปล่อยวางตาม อาเภอใจ และแล ้ว ก็มีฝรั่งท่านหนึ่งลุกขึ้นยืนแล ้วถามว่า https://pantip.com/topic/35848459
  • 121. • "ขอทราบเหตุผลหน่อย ทาไมปีนักษัตร 12 ราศีของจีน จึงมีแต่พวกหมู หมา กา ไก่มาเป็นตัว สัญลักษณ์ ไม่เห็นจะเหมือนของพวกเราเลย ล ้วนฟังดูดีมีสกุล เช่น กลุ่มดาวคนยิงธนู กลุ่มดาวสิงห์โต กลุ่มดาวแมงป่ อง ไม่รู้บรรพบุรุษพวกคุณเอาส่วนไหนของร่างกาย มาคิดตั้งราศีบ ้านๆพวกนี้ออกมา" พอพูดจบ ก็เป็นเสียงฮาเฮของเหล่าฝรั่งหัวแดง พร ้อมชนแก ้วดื่มกันสนั่น หวั่นไหว ความเป็นผู้ดีหายไปในชั่วพริบตา
  • 122. • เมื่อถูกเขาเจริญพรถึงบรรพบุรุษกันขนาดนี้ จะเถียงเขาอย่างไรดี จะทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจก็ย่อมจะทาได ้แต่อาจเพราะยังตั้งหลักไม่ ทัน ต่างคนต่างยังเก็บความเคืองแค ้นด ้วยความเงียบ แต่แล ้วก็มีชาวจีนท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน แล ้วใช ้น้าเสียงอันราบเรียบที่สุภาพ พูดขึ้นว่า "ท่านทั้งหลาย บรรพบุรุษของพวกเรามักยืนอยู่บนฐานแห่งความเป็น จริง ปีราศีของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ หมุนเวียนกันหกรอบ แสดงถึงความหวังและความต ้องการของบรรพบุรุษของเราที่มีต่อพวก เราทุกคน"
  • 123. • "ราศีคู่แรก คือหนูและวัว หนูคือตัวแทนของความเฉลียวฉลาด วัวคือสัญลักษณ์ของความขยัน หากคนเราฉลาดแต่ขี้เกียจ ก็ไปไม่ได ้ไกล แต่ถ ้าขยันแล ้วแต่ไร ้หัวคิด ก็กลายเป็นไอ ้โง่ สองสิ่งนี้ต ้องบวกกันเป็นหนึ่ง ก็คือคนฉลาดที่ขยัน นั่นคือสิ่งแรกและเป็นสิ่งสาคัญที่สุดที่บรรพบุรุษคาดหวังในตัวพวกเรา"
  • 124. • "คู่ที่สองคือเสือและกระต่าย เสือมีความกล ้าหาญเต็มร ้อย กระต่ายมีความระมัดระวังเป็นคุณสมบัติประจาตัว ความกล ้าบวกกับความระมัดระวัง ถึงจะเรียกว่าคนใจถึงแต่รอบคอบ หากมีแต่ความกล ้า มันคือความมุทะลุ หากมีแต่ความระแวดระวังเกินกว่าเหตุ มันคือความขี้ขลาด"
  • 125. • คนจีนผู้นั่นมองกลุ่มฝรั่งนิดนึง แล ้วพูดต่อเพื่อรักษามารยาทอันดีงาม "บางครั้งอาจเห็นพวกเรามักนิ่งเงียบ คงจะกาลังครุ่นคิด จงอย่าเข ้าใจว่าพวกเราไม่มีความกล ้าซ่อนอยู่" "คู่ที่สามคือมังกรและงู (งูใหญ่และงูเล็กของไทย) มังกรคือความแข็งแกร่ง งูคือความพริ้วไหว ชีวิตที่แข็งทื่อเกินไปอาจต ้องเผชิญกับการแตกหัก "ยอมหักไม่ยอมงอ"จึงอาจไม่ใช่สิ่งดีเสมอไป แต่พริ้วไหวไปก็ไร ้จุดยืน เพราะฉะนั้น ในความแข็งแกร่งต ้องมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ผู้ใหญ่ท่าน สอนไว ้แบบนี้"
  • 126. • "ชุดต่อไปคือม ้าและแพะ ม ้ามุ่งตะลุยไปข ้างหน้าอย่างเดียว แพะคือสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน หากคนเราเอาแต่ลุยไปข ้างหน้า ไม่สนใจสิ่งแวดล ้อมรอบข ้าง คงต ้องกระทบกระทั่งเขาไปทั่ว หนทางสู่จุดหมายปลายทางคงทุลักทุเลน่าดู แต่ถ ้ามีแต่ความอ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย สุดท ้ายต ้องหลงทางแน่นอน สองสิ่งนี้ต ้องรวมกัน เส ้นทางสู่จุดหมายจึงจะราบเรียบ"
  • 127. • "คู่ต่อไปคือลิงกับไก่ ลิงมีความว่องไว ไก่ขันตามเวลาทุกเช ้า มันคือความแน่นอน ความว่องไวที่ปราศจากความแน่นอน เขาเรียกว่าความวุ่นไว ความแน่นอนแต่เชื่องช ้าเกินเหตุ อันนี้ชีวิตอับเฉาไร ้รสชาติ ชีวิตต ้องดาเนินไปด ้วยความสมดุลย์ของสองสิ่งนี้ แล ้วชีวิตจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น"
  • 128. • "คู่สุดท ้ายคือสุนัขและสุกร สุนัขมีความซื่อสัตย์สูงสุด สุกรว่านอนสอนง่ายที่สุด คนเราถ ้าซื่อตรงจนเกินไป ไม่รู้จักผ่อนกฏผ่อนเกณฑ์กันบ ้าง จะสร ้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว หรืออาจเครียดเกินเหตุ แต่หาก หัวอ่อนไป ก็จะไม่มีบรรทัดฐานของตัวเอง ลู่ไปตามลม คงไม่ดีแน่ แต่การรวมกันของสองสิ่งนี้เข ้าด ้วยกัน ความสมดุลย์จะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา"
  • 129. • พออธิบายที่มาของสิบสองราศีจนครบถ ้วน ชาวจีนผู้นั้นจึงถามชาวยุโรป ว่า "คงต ้องขอทราบว่า สิบสองราศีของพวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มดาวแมง ป่ อง คนแบกหม ้อ คนยิงธนู มีความหมายต ้องการจะสื่ออะไรหรือเปล่า แล ้วที่บรรพบุรุษพวกคุณคัด สรรพวกนี้ออกมา ต ้องการหรือคาดหวังอะไรจากพวกคุณบ ้าง ช่วยชี้แนะด ้วยครับ" มีแต่ความเงียบ ไม่มีคาตอบ ไม่ได ้ยินแม ้แต่เสียงหายใจแรงๆ ชาวจีนที่อาสาเป็นผู้อธิบายถึงความหมายและที่มาของสิบสองราศีท่านนี้ ก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศจีน ที่ชื่อว่า "โจว เอิน ไหล“
  • 130. ที่มาของราศีแฝง(อ้า ชั้ง暗藏) ธาตุราศีล่างจะมีราศีบนเข ้ามาเกี่ยวข ้องด ้วยในรูปของราศีแฝง โดยเฉพาะฐานเดือนจะมีบทบาทในการ ส่งพลังของราศีแฝงให ้กับดิถี ถ ้าเป็นพลังธาตุที่ส่งเสริมกัน ตัวแฝงจะคอยผลักดันให ้ดิถีแสดงพลังของธาตุได ้เต็มที่
  • 131.
  • 132.
  • 133. ใน12ราศีล่าง แบ่งธาตุออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มแม่ธาตุ(สี่ เจี่ย四正) ได ้แก่ราศี 子 午 卯 酉 เป็นพลังบริสุทธิ์ ไม่ ต ้องใช ้พลังงาน เป็นกลุ่มผู้ใช ้พระเดช พระคุณ บารมี ความคิด สติปัญญา มีจุดยืนที่มั่นคง ราศีแฝงจะเป็นพลังหยิน 2.กลุ่มพาหะ(สี่ แบ ้四馬)ได ้แก่ราศี 寅 申 巳 亥เป็นฝ่ ายบู้,ขุนพล ที่ใช ้ พลัง เพื่อทาให ้เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนพลังจากธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง มักจะมีความยืดหยุ่นสูง กลุ่มพาหะจะใช ้พลังงานมาก ราศีแฝงกลุ่มนี้จะเป็นพลังหยาง ี่ ี
  • 134. ราศีแฝงกลุ่มพาหะ(สี่ แบ ้四馬) พลังที่แฝงเป็น พลังหยาง (ฤดูกาล เมื่อเทียบกับธาตุราศีฟ้า) ราศีล่าง (ก ้านดิน) ราศีบน (กิ่งฟ้า) พาหะ, ปราณหลัก, ปราณรอง, ปราณที่เหลือ 四馬 正气 中气 馀气 寅หยาง 甲หยาง 丙หยาง 戊หยาง 申หยาง 庚หยาง 壬หยาง 戊หยาง 巳หยาง 丙หยาง 庚หยาง 戊หยาง 亥หยาง 壬หยาง 甲หยาง
  • 135.
  • 136. ตัวอย่าง ที่มาราศีแฝงไม ้寅 – ไม ้เอี้ยง 寅 เป็นไม ้หยาง ในฤดูกาลไม ้ ดังนั้นปราณหลักที่เป็นไม ้เทียบเท่าราศีฟ้า ไม ้หยางคือไม ้甲(ดูรูป ภาพประกอบ) ปราณหลักจะมีกาลังมากที่สุด จึงใช ้เป็น ดาวจับซิ้ง ราศีล่าง – ไม ้เอี้ยง 寅 อยู่ในกลุ่มไตรภาคีธาตุไฟ (寅午戌) จึงใช ้ธาตุไฟเป็นปราณ รอง ดังนั้นปราณรองที่เทียบเท่า ธาตุไฟหยางราศีฟ้าคือไฟเปี้ย 丙 – ปราณที่เหลือคือธาตุดินพลังหยาง 戊เป็นธาตุที่รองรับ
  • 137. ราศีแฝงกลุ่มแม่ธาตุ(สี่ เจี่ย四正) พลังที่แฝง เป็นพลังหยิน (ฤดูกาล เมื่อเทียบกับธาตุราศีฟ้า) 四正 正气ปราณหลัก 子หยิน 癸หยิน 卯หยิน 乙หยิน 午หยิน 丁หยิน(มีไฟต ้องมีดินเสมอ 己หยิน) 酉หยิน 辛หยิน