SlideShare a Scribd company logo
1 of 21
Download to read offline
ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก
โลกก็จะเปลี่ยนคุณ
PETER H. DIAMANDIS
AND
STEVEN KOTLER
สารบัญ
บทน�า ..............................................................................................v
ส่วนที่ 1 เทคโนโลยีแบบอาจหาญ ......................................................1
บทที่ 1 เติบโตแบบก้าวกระโดด.....................................................3
บทที่ 2 เทคโนโลยีสมัยใหม่: เมื่อทุกคนมีพลังเปลี่ยนโลก...............25
บทที่ 3 ห้าสิ่งเปลี่ยนโลก.............................................................41
ส่วนที่ 2 ความคิดแบบอาจหาญ.......................................................63
บทที่ 4 พิชิตยอดเขาอย่างห้าวหาญ.............................................65
บทที่ 5 เคล็ดลับท�าการใหญ่.......................................................91
บทที่ 6 ภูมิปัญญาเศรษฐีพันล้าน: คิดการใหญ่...........................115
ส่วนที่ 3 มวลชนที่อาจหาญ............................................................145
บทที่ 7 ระดมมวลชน: ตลาดของคนรุ่นใหม่เป็นพันๆ ล้าน............147
บทที่ 8 ระดมทุนมวลชน: ขาดเงินก็ขาดนักบินอวกาศ .................177
บทที่ 9 การสร้างชุมชนออนไลน์................................................231
บทที่ 10 ท�าให้คนเก่งที่สุดและสมองใสที่สุด มาช่วยไข
ความท้าทายของคุณ................................................................265
ค�าลงท้าย: ขั้นถัดไป – เริ่มลงมืออย่างไรดี.......................................302
กิตติกรรมประกาศ ........................................................................305
v
ย้อนไปในอดีตราว66ล้านปีก่อนชีวิตที่อาศัยบนโลกในยุคนั้นแตกต่างจาก
ในยุคนี้พอสมควร ช่วงเวลาในตอนนั้นคือช่วงเริ่มต้นของยุคครีเทเชียสที่
อากาศร้อนชื้นพื้นทวีปที่เราเห็นในปัจจุบันหลายส่วนยังจมอยู่ใต้มหาสมุทร
ผืนใหญ่ ในช่วงเวลานั้น พืชดอก หรือที่เราเรียกด้วยศัพท์เฉพาะทางว่า
แองจิโอสเปิร์ม เป็นพืชชนิดใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น และเป็นยุคแรกที่ต้น
เมเปิล โอ๊ก และบีช ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นบนพื้นโลก
ตอนนั้นไดโนเสาร์ยังครองพื้นพิภพอยู่ ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรเลย
เพราะช่วงเวลา 100 ล้านปีของสัตว์เลื้อยคลานยักษ์เหล่านี้นับว่าเป็นช่วง
เวลาที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นตัวอย่างการครองพื้นพิภพที่มี
ความเป็นที่สุดในหลายๆ ด้านแล้ว
ทว่าในที่สุดยุคของไดโนเสาร์ก็จบลง
ยุคครีเทเชียสปิดฉากลงอย่างอลังการ เมื่ออุกกาบาตยักษ์ที่มี
เส้นผ่านศูนย์กลางราว 10 กิโลเมตร หรือมีขนาดเกือบจะเท่ากับเมือง
ซานฟรานซิสโก พุ่งชนผิวโลกที่คาบสมุทรยูคาทานในเม็กซิโก การชนใน
ครั้งนั้นส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลก ปลดปล่อยพลังงานถึง 420 เซตตาจูล
บทน�า
ถือก�าเนิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่
vi บทน�ำ
หรือสองล้านเท่าของระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มา ก่อให้
เกิดหลุมอุกกาบาตกว้าง110ไมล์ความรุนแรงของการปะทะนี้อยู่ในระดับ
ที่สามารถเรียกว่า “พิฆาตดาวเคราะห์” ได้เลย
อุกกาบาตลูกนั้นท�าให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดมโหฬาร เกิดแผ่นดิน
ไหวครั้งใหญ่ ไฟไหม้ไปทั่วโลก ภูเขาไฟตามที่ต่างๆ ของโลกเกิดการปะทุ
อย่างต่อเนื่อง ส่งควันสีด�าสนิทออกมากลืนกินโลกทั้งใบ พระอาทิตย์ถูก
เมฆฝุ่นก้อนมหึมาจากควันด�าปิดบังเอาไว้นานเป็นทศวรรษสภาพแวดล้อม
บนโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนไดโนเสาร์ซึ่งถือเป็น
เจ้าพิภพในตอนนั้นไม่อาจปรับตัวได้ทัน ต้องสูญพันธุ์ไปในที่สุด
แต่เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีส�าหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะในขณะ
ที่ไดโนเสาร์ตัวใหญ่เทอะทะและปรับตัวได้ไม่ดีนัก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ยุคแรกขนปุยตัวจิ๋วซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเรากลับว่องไวและปรับตัวได้ดีกว่า
พวกมันคว้าโอกาสในจังหวะที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับตัว
เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่โดยไม่ลังเลเลย เพียงชั่วเวลาไม่นานหลัง
เหตุการณ์นั้นไดโนเสาร์ที่มีมายาวนานก็หายไปหมดในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูก
ด้วยนมได้วิวัฒนาการจนกลายเป็นราชาของโลก
การปะทะอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงแบบฟ้าถล่มดินทลาย
และการถือก�าเนิดใหม่นี้ ถือเป็นวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงที่ส�าคัญมาก โดย
เฉพาะกับโลกธุรกิจในปัจจุบันโลกของเราก�าลังถูกอุกกาบาตอีกก้อนพุ่งชน
ปลิดชีพสัตว์ร่างใหญ่เทอะทะ และเปิดโอกาสให้สัตว์ที่รวดเร็วว่องไวกว่า
เราขอเรียกอุกกาบาตก้อนนี้ว่า “เทคโนโลยี” ถึงแม้ชื่อของอุกกาบาตนี้อาจ
จะไม่คุ้นหู แต่เรากลับคุ้นเคยกับผลกระทบของมันพอสมควร
เทคโนโลยีมีแนวโน้มพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีพลังเพิ่มขึ้นเป็น
เท่าตัวเมื่อเวลาผ่านไปตัวอย่างเช่นความสามารถของคอมพิวเตอร์นั่นเอง
ลองนึกภาพผู้หญิงคนหนึ่งในพื้นที่มองโกเลียส่วนนอก สมาร์ทโฟนของเธอ
ราคาถูกกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในทศวรรษ 1970 ถึงล้านเท่าและมี
viiบทน�ำ
ประสิทธิภาพสูงกว่าถึงพันเท่า เทคโนโลยีก็พัฒนาเร็วแบบนี้นั่นเอง
ทุกวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ในด้านต่างๆมากมายพัฒนาการ
ด้านเทคโนโลยีก�าลังเปลี่ยนโฉมทุกชีวิตบนโลกเหมือนอุกกาบาตขนาด
สิบกิโลเมตรก่อนหน้านี้พลังนี้เป็นภัยกับไดโนเสาร์หรือก็คือบริษัทที่เทอะทะ
ต่อต้านนวัตกรรมทั้งหลายบริษัทพวกนี้ท�างานแบบเดิมๆมาหลายทศวรรษ
และจะท�าอย่างเดิมต่อไปจนกว่าจะปิดกิจการ
แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เริ่มมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กขนปุยสายพันธุ์
ใหม่วิวัฒนาการขึ้นมาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้คือผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อพลิกโฉมสินค้า บริการ และ
อุตสาหกรรมในแวดวงธุรกิจต่างๆ ผู้ใช้นวัตกรรมที่ว่องไวและปรับตัวเป็น
เหล่านี้ก�าลังเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยีอยู่ และบุคคลเหล่านี้เอง ที่จะสร้างเส้น
ทางไปสู่โลกที่อุดมสมบูรณ์ใบใหม่
ภาคต่อของหนังสือเรื่องอุดม
เมื่อปี 2012 ผมกับสตีเวน ค็อตเลอร์ ร่วมกันเขียนหนังสือชื่อ อุดม: วัน
ข้างหน้าดีกว่าที่คุณคิด (Abundance: The Future Is Better than You
Think)ผมได้แรงบันดาลใจจากการท�างานร่วมกับทั้งมูลนิธิเอ็กซ์ไพรซ์และ
มหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ (Singularity University) ผมได้เรียนรู้จากองค์กร
เหล่านั้นว่าโลกของเราก�าลังกลายเป็นโลกที่สิ่งจ�าเป็นพื้นฐานในชีวิตมีราคา
ถูกลงและเข้าถึงได้ทั่วไป ส่วนสตีเวนก็ช่วยเขียนเรื่องการใช้ศักยภาพของ
มนุษย์สูงสุดเราเชื่อว่าโลกก�าลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและเป็นครั้งแรกใน
ประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติจะยกระดับคุณภาพชีวิตทั่วโลกขึ้นได้อย่างถาวร
หนังสือเรื่องอุดมเล่าถึงแรงกระตุ้นสี่อย่าง ได้แก่เทคโนโลยี
สมัยใหม่นักประดิษฐ์จากทางบ้านผู้ใจบุญจากวงการเทคโนโลยีแล้วก็คน
นับพันล้านคนที่ก�าลังเติบโตขึ้นมา สตีเวนกับผมศึกษาว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วย
viii บทน�ำ
ให้เราสู้กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และมหาศาลที่สุดของโลกตลอดช่วงเวลา
2 – 3 ทศวรรษข้างหน้านี้ได้อย่างไร ผลที่ได้นั้นคือ อีกไม่นานเราจะมี
ศักยภาพเกินพอจะตอบสนองความต้องการพื้นฐานของทุกคนบนโลกใบนี้
ได้
ตอนหนังสือวางแผงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 เราไม่รู้เลยว่า
เสียงตอบรับจะออกมาอย่างไร ผมโชคดีมากที่ได้พูดเรื่องหนังสืออุดมใน
วาระเปิดงานสัมมนาของ TED และโชคดียิ่งกว่าที่ผู้ฟังลุกขึ้นปรบมือให้
หนังสือของเราได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในการจัดอันดับ และเป็นหนังสือ
ขายดีของนิวยอร์กไทมส์อยู่เกือบ 3 เดือน ได้รับรางวัล “หนังสือยอดเยี่ยม
ประจ�าปี2012”หลายรายการและได้รับการแปลเป็นหนังสือกว่า20ภาษา
ทั้งหมดนี้เราทั้งสองรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าเราก็เริ่มรู้สึกด้วยว่า ล�าพังการวาดภาพอนาคตสดใสเพียง
อย่างเดียวยังไม่พอ แม้เราจะเชื่อว่าโลกที่อุดมนั้นสร้างได้จริง แต่ก็ไม่ได้
แปลว่าโลกใบนั้นจะกลายเป็นจริงเสมอไป ด้วยเหตุนั้นเอง เราจึงเขียน
หนังสือเรื่องเล่มนี้ขึ้นมา
ปัญหาใหญ่ที่สุดต่างๆ ของโลก = โอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด
หลายพันปีก่อน มีแต่มหาราชา ฟาโรห์ และจักรพรรดิ ที่สามารถแก้ปัญหา
ขนาดใหญ่ได้ หลายร้อยปีก่อน ความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ขยาย
มายังนักอุตสาหกรรม ผู้สร้างสรรค์ระบบขนส่งและสถาบันการเงิน แต่
ทุกวันนี้ ความสามารถนี้ได้ขยายมาถึงทุกคนแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่คน
ธรรมดาทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ความรู้ และทุนทรัพย์ที่จ�าเป็นใน
การสู้กับปัญหาใดๆที่ก�าลังเกิดขึ้นปัญหาใหญ่ที่สุดของโลกทั้งหลายเหล่า
นั้น คือโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกขณะนี้ด้วย นั่นแปลว่าการค้น
พบปัญหาใหญ่จะเป็นหนทางสู่ความมั่งคั่งส�าหรับผู้ประกอบการ ซึ่ง
ixบทน�ำ
ท้ายสุดแล้ว วิธีเป็นเศรษฐีพันล้านที่ดีที่สุด ก็คือการแก้ปัญหาให้คน
พันล้านคนนั่นเอง
หนังสือเล่มนี้จะท�าให้บรรดาผู้ประกอบการ นักเคลื่อนไหว และ
ผู้น�าในยุคปัจจุบัน มีเครื่องมือในการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น พร้อมกับท�าความ
ฝันยิ่งใหญ่ของพวกเขาให้เป็นจริงไปด้วย หนังสือจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น
สามส่วนส่วนแรกเน้นเรื่องเทคโนโลยีซึ่งสะเทือนการจัดอันดับรายชื่อบริษัท
ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน และท�าให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถก้าว
จาก “นึกอะไรดีๆ ได้” ไปเป็น “มีธุรกิจ พันล้าน” ได้เร็วกว่าที่แล้วมา
ส่วนที่สองเน้นเรื่องจิตวิทยาซึ่งจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ผลงานที่ดี
กว่าเดิม ด้วยการคิดในภาพใหญ่ขึ้น พร้อมค�าแนะน�าและบทเรียนจากคน
ดัง อย่างลาร์รี เพจ, อีลอน มัสก์, ริชาร์ด แบรนด์สัน, และเจฟฟ์ เบซอส
นอกจากนี้ ในส่วนที่สอง สตีเวนยังจะเล่าวิธีดึงศักยภาพสูงสุดของมนุษย์
อันเป็นผลวิจัยจากโครงการถอดรหัสยีนเป็นเวลา15ปีส่วนผมก็จะเผยเคล็ด
ลับธุรกิจที่ผมได้มาจากการตั้งบริษัททั้ง 17 แห่งด้วย
ในส่วนสุดท้ายนี้จะส่งท้ายด้วยการพาไปดูวิธีดึงเอาความสัมพันธ์
ระหว่างมวลชน มาใช้ประโยชน์ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณจะได้รู้วิธี
ระดมมวลชนมาท�าให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้วิธีออกแบบโครงสร้าง
แรงจูงใจ รู้วิธีสร้างโครงการระดมทุนหลักล้านดอลลาร์จากมวลชน และรู้
วิธีสร้างชุมชนออนไลน์ซึ่งเป็นกองทัพของคนทั่วไปที่จะช่วยผู้ประกอบการ
ให้ท�าความฝันอาจหาญที่สุดให้เป็นจริงได้
ใครควรอ่านหนังสือเล่มนี้?
หนังสือเล่มนี้เขียนมาเป็นคู่มือส�าหรับผู้ประกอบการในปัจจุบันผมตั้งใจให้
เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลเรื่องเทคโนโลยีที่ก�าลังพัฒนาเร็วขึ้นการคิดโครงการ
ขนาดใหญ่ และการใช้มวลชนจ�านวนมหาศาลเป็นเครื่องมือในการ
x บทน�ำ
ขับเคลื่อนธุรกิจ
ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยความฝันหรือ
ประสบการณ์ จะอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์หรือเซี่ยงไฮ้ ยังเรียนมหาวิทยาลัย
หรือเป็นพนักงานในบริษัทข้ามชาติ หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนมาเพื่อคุณ
หนังสือเล่มนี้จะช่วยยกระดับความสามารถและความทะเยอทะยานของ
คุณขึ้น และช่วยให้คุณท�าความฝันให้ถึงดวงดาวและท�าอะไรที่ส่งผลต่อ
โลกใบนี้จริงๆ
ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นผู้จัดการผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่
มีขนาดใหญ่เทอะทะคู่แข่งของคุณก็ไม่ใช่บริษัทข้ามชาติจากโพ้นทะเลไกล
อีกต่อไปแล้ว แต่คู่แข่งของคุณคือผู้ประกอบการที่เริ่มท�างานในโรงรถ ซึ่ง
ก�าลังผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดต่างหาก อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะเห็นว่า
ผู้แข่งขันใหม่เหล่านี้มาจากไหนพวกเขาคิดและท�างานอย่างไรมากกว่านั้น
ทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและบริษัทขนาดใหญ่ต่างก็มีโอกาสแบบเดียวกัน
ในการใช้ทั้งตัวเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์เต็มที่
ด้วย
ถ้าคุณเป็นผู้น�าองค์กรและสนใจเรื่องนี้ ผมอยากให้ลองอ่านงาน
ตีพิมพ์ชิ้นแรกของมหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ชื่อว่าองค์กรยกก�าลังของซาลิม
อิสมาอิล ผู้อ�านวยการบริหารคนแรกของมหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ หนังสือ
เรื่ององค์กรยกก�าลังนี้ เขียนมาให้ผู้น�าบริษัทที่ต้องการเลี่ยงการสูญพันธุ์
และต้องการเข้าร่วมการปฏิวัติโลกใบนี้
สุดท้ายนี้ ความหวังที่อยู่ลึกที่สุดของเราคือการที่หนังสือเล่มนี้จะ
กระตุ้นคุณให้ลุกขึ้นและก้าวออกไปเปลี่ยนโลก สตีฟ จ็อบส์ เคยพูดว่า
ผู้ประกอบการทุกคนควรตั้งเป้าไปที่การ “ฝากรอยไว้ในจักรวาล” หนังสือ
เล่มนี้เขียนมาให้คนที่อยากฝากผลงานยิ่งใหญ่ ถ้าเรารู้วิธี ไม่ว่าใครก็ฝาก
ผลงานยิ่งใหญ่อย่างที่ว่านั้นไว้ได้ เอ้า ผมพูดจริงๆ นะ มาลุยกันเลยดีกว่า
xiบทน�ำ
สองสมองร่วมใจ
ปีเตอร์กับสตีเวนพบกันครั้งแรกเมื่อปี1997ตอนสตีเวนก�าลังเขียนบทความ
พิเศษเกี่ยวกับรางวัลเอ็กซ์ไพรซ์แล้วช่วงปลายทศวรรษ2000พวกเขาก็ร่วม
กันเขียนหนังสือเรื่องอุดม เมื่อหนังสือเล่มแรกขายดี ปีเตอร์จึงน�าแนวคิด
หนังสือเล่มนี้ไปเสนอสตีเวนและชวนเขียนหนังสือด้วยกันอีกเล่มที่มุ่งสร้าง
แรงบันดาลใจและท�าให้ผู้ประกอบการสร้างโลกที่อุดมดังกล่าวขึ้นได้จริงๆ
แม้หนังสือเล่มนี้จะเล่าผ่านเสียงและเรื่องราวของปีเตอร์แต่ปีเตอร์และสตีเวน
ต่างมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในแนวความคิดและขั้นตอนเขียนหนังสือเล่มนี้
—ปีเตอร์ ไดอามันดิส (Peter Diamandis)
ซานตามอนิกา, แคลิฟอร์เนีย
—สตีเวน คอตเลอร์ (Steven Kotler)
จิมาโย, นิวเม็กซิโก
3
ในปี 1878 จอร์จ อีสต์แมน เสมียนผู้น้อยแห่งธนาคารโรเชสเตอร์เซฟวิงส์
วัยยี่สิบสี่ปีได้วางแผนลาพักร้อนเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวเขาเลือกเดินทาง
ไปซานโตโดมิงโกสาธารณรัฐโดมินิกันอีสต์แมนซื้ออุปกรณ์เท่าที่จ�าเป็นใน
การถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพการเดินทางตามที่เพื่อนร่วมงานแนะน�า
มีอุปกรณ์ที่เพื่อนร่วมงานแนะน�าหลายชิ้นตั้งแต่กล้องขนาดใหญ่
เท่าสุนัขร็อตไวเลอร์ ขาตั้งกล้องอันมโหฬาร เหยือกน�้า แผ่นบันทึกภาพ ที่
วางแผ่นบันทึกภาพอันหนักอึ้ง ถังที่ท�าจากแก้วหลายใบ ชุดสารเคมีที่ต้อง
ใช้ไปจนถึงเต็นท์หลังใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่มืดเพื่อทาสารผสมลงบนแผ่นบันทึก
ภาพก่อนถ่าย และเป็นที่มืดส�าหรับล้างรูปหลังจากนั้น
ผลสุดท้ายปรากฏว่าอีสต์แมนไม่ได้ไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้เลย
กลายเป็นว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับวิชาเคมีแทนในสมัยนั้นการถ่ายรูปเป็นศิลปะ
“เปียก” แต่อีสต์แมนต้องการกระบวนการบันทึกภาพที่พกพาสะดวกกว่า
นั้น เขาอ่านเจอเกี่ยวกับสารผสมแบบเจลาตินซึ่งยังคงสภาพไวต่อแสงได้
แม้ว่าแห้งแล้ว จากนั้นจึงเริ่มทดลองผสมสูตรของเขาเองอยู่ในครัวของแม่
ของเขาในตอนกลางคืน
บทที่ 1
เติบโตแบบก้าวกระโดด
ก�าเนิดยักษ์
4 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ
ด้วยความที่อีสต์แมนเป็นนักดัดแปลงแต่ก�าเนิดอยู่แล้วไม่ถึง2ปี
เขาก็คิดค้นทั้งสูตรส�าหรับแผ่นบันทึกภาพแบบแห้งและเครื่องจักรผลิตแผ่น
แห้งได้ ถือเป็นจุดก�าเนิดบริษัทอีสต์แมนดรายเพลทขึ้นมา
เขายังคงดัดแปลงต่อไปแล้วในปี1884อีสต์แมนก์ก็ประดิษฐ์ฟิล์ม
แบบม้วนได้ส�าเร็จ4ปีต่อมาเขาก็สร้างกล้องที่สามารถใช้ฟิลม์แบบม้วนที่
ว่าได้ เมื่อถึงปี 1888 กล้องนั้นก็วางขายในท้องตลาด พร้อมสโลแกนหลัง
จากนั้นว่า “คุณกดปุ่ม ที่เหลือเราท�าให้”
บริษัทอีสต์แมนดรายเพลทเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทอีสต์แมน แต่
ชื่อนั้นยังไม่ติดหูพอ อีสต์แมนอยากได้ชื่อที่ติดหูกว่านั้น ชื่อที่คนจะจดจ�า
และพูดถึงตัวอักษรตัวหนึ่งที่เขาชอบเป็นพิเศษคือตัวKแล้วในปี1892จึง
เกิดบริษัทอีสต์แมนโกดัก (Eastman Kodak) ขึ้นมา
ในยุคแรกๆ นั้น ถ้าคุณมีโอกาสได้ถามจอร์จ อีสต์แมน ว่าโมเดล
ธุรกิจของโกดักเป็นอย่างไร เขาก็คงตอบว่า บริษัทของเขาอยู่ก�้ากึ่งระหว่าง
ผู้จัดหาเคมีภัณฑ์กับคนขนของแห้ง(ถ้ามองว่าแผ่นบันทึกภาพเป็นของแห้ง)
แต่ไม่นานรูปแบบก็เปลี่ยนไปอีสต์แมนกล่าวว่า“ผมค่อยๆเข้าใจขึ้นมาว่า
สิ่งที่เราท�าอยู่ไม่ใช่แค่การผลิตแผ่นบันทึกภาพ แต่เราตั้งใจจะท�าให้การ
ถ่ายรูปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ” หรืออย่างที่อีสต์แมนพูดไว้ว่า เขาอยาก
ท�าให้การถ่ายรูป “สะดวกเหมือนเขียนดินสอ”
แล้วในช่วง 100 ปีถัดมา อีสต์แมนโกดักก็ท�าเช่นนั้นได้จริงๆ
ุ กจค าม จา
สตีเวน แซสสัน เป็นชายร่างสูงผู้มาพร้อมคางเด่นชัด เขาเพิ่งเรียนจบ
วิศวกรรมไฟฟ้าจากสถาบันโพลิเทคนิคเรนส์ซเลียร์มาหมาดๆ ในปี 1973
เขาได้งานที่แผนกวิจัยอุปกรณ์ของโกดักซึ่งเมื่อท�างานไปแล้วสองสามเดือน
แกเร็ธลอยด์หัวหน้าของเขาก็ฝากเขาดูเรื่อง“เล็กๆ”เรื่องหนึ่งคือเพิ่งมีคน
5เติบโตแบบก้าวกระโดด
คิดค้น “อุปกรณ์ถ่ายเทประจุ” ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งอุปกรณ์นี้สามารถเคลื่อน
ย้ายประจุอิเล็กตรอนไปรอบวงจรไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายทางโกดักจึงอยาก
รู้ว่าอุปกรณ์นี้จะใช้ถ่ายภาพได้หรือไม่
เมื่อถึงปี 1975 แซสสันร่วมกับนายช่างฝีมือดีกลุ่มหนึ่ง ก็สามารถ
สร้างกล้องถ่ายภาพนิ่งซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลชิ้นแรกของโลกได้ส�าเร็จกล้อง
นี้ห่วยเหมือน“กล้องโพลารอยด์ยุค’70ผสมเครื่องเล่นวิทยุ”ขนาดใหญ่เท่า
เครื่องปิ้งขนมปัง หนัก 8.5 ปอนด์ มีความละเอียดแค่ 0.01 เมกะพิกเซล
และถ่ายภาพดิจิตอลขาวด�าได้แค่30ภาพแต่กล้องนี้ก็นับเป็นความส�าเร็จ
ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการค้นพบที่น่ามหัศจรรย์อยู่ดี
17เติบโตแบบก้าวกระโดด
อินสตาแกรมใช้การที่กล้องสมาร์ทโฟนมีความละเอียดสูงและแพร่
หลายอยู่แล้วท�าให้การถ่ายและแบ่งปันความทรงจ�าในภาพกลายเป็นของ
ฟรีจับต้องไม่ได้และเข้าถึงได้ทั่วทุกคนอย่างสมบูรณ์หลังจากก่อตั้งบริษัท
ได้เพียง 16 เดือน อินสตาแกรมก็มีมูลค่าถึง 25 ล้านดอลลาร์
120
100
80
60
40
20
0
FacebookAcquires
Instagram
AndroidApp
Launches
20-Dec-10 26-May-11 13-Jun-11
26-Sep-11
07-Dec-11
03-Apr-12
13-Apr-12
02-May-12
02-May-12
12-Sep-12
26-Jul-12
ที่มา: http://instagram.com/press;
http://www.macstories.net/news/instagrams-rise-to-30-million-users-visualized/
จำนวนผู้ใช้อินสตาแกรม
จำนวนผู้ใช้งาน (ล้านคน)
ในเดือนเมษายนปี 2012 อินสตาแกรมส�าหรับระบบแอนดรอยด์
ก็ออกวางตลาดและมีคนดาวน์โหลดไปใช้มากกว่าล้านครั้งในวันเดียวอิน
สตาแกรมกลายเป็นแอพเด็ดที่มีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ จากนั้นเฟสบุ๊กก็
เข้ามา
25
ในหนังสือเรื่องคนขยับโลกนักจิตวิทยาเอดวินล็อกเขียนถึงแก่นวิธีคิดของ
ผู้น�าทางธุรกิจยิ่งใหญ่ต่างๆ อย่างสตีฟ จ็อบส์, แซม วอลตัน, แจ็ค เวลช์,
บิล เกตส์, วอลต์ ดิสนีย์, เจ. พี. มอร์แกน กับอีกหลายคนไว้ว่า แม้มีปัจจัย
หลายอย่างที่ท�าให้พวกเขาประสบความส�าเร็จ แต่ล็อกพบว่าทุกคนมีแก่น
วิธีคิดอย่างหนึ่งร่วมกัน นั่นคือวิสัยทัศน์
ล็อกบอกว่า “วิสัยทัศน์คือสิ่งที่ท�าให้คนเหล่านี้พิเศษกว่าคนอื่น
บริษัทต่างๆล้มเหลวอยู่บ่อยๆเมื่อกินบุญเก่าและคิดว่าอะไรที่เคยใช้ได้เมื่อ
วานจะยังใช้ได้วันนี้หรือพรุ่งนี้ ผู้น�าที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่มองการณ์ไกลและมี
ความมั่นใจที่จะดึงองค์กรของเขาไปยังวิสัยทัศน์นั้นอย่างลองดูสตีฟจ็อบส์
แม้วิธีของเขาจะไม่ได้สุภาพเป็นพิเศษ แต่หากคุณพูดกับสตีฟ จ็อบส์ ว่า
อะไรสักอย่างเป็นไปไม่ได้ เขาก็เพียงไม่เห็นด้วยแล้วเดินหนีเท่านั้น เขา
ไม่มัวเสียเวลากับค�าว่าเป็นไปไม่ได้เขามีวิสัยทัศน์เรื่องอนาคตอยู่แล้วและ
ไม่หวั่นไหวตามใคร”
วิสัยทัศน์
บทที่ 2
เทคโนโลยีสมัยใหม่
เมื่อทุกคนมีพลังเปลี่ยนโลก
26 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ
บทนี้กับบทถัดไปจะท�าให้คุณมีสิ่งที่ผู้น�ายิ่งใหญ่เหล่านี้มี คือการ
มีวิสัยทัศน์เพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวตามความเห็นคน นั่นคือให้คุณมีภาพของ
อนาคตที่ชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง
ตื่นเต้นเกินจริง
ถ้าอยากตามทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ
ของมนุษย์เพิ่มอีกสักหน่อย เริ่มจากท�าความเข้าใจอคติ ที่เรียกว่า “วัฏจักร
ของการ์ตเนอร์”
เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ เรามักคาดหวังเกินจริง ทั้งคิดว่าจะ
พัฒนาได้เร็วและท�าอะไรได้เกินเหตุ แล้วพอเทคโนโลยีท�าอะไรไม่ได้ดั่งใจ
ความสามารถจริง
กำเนิดเทคโนโลยี
ยอดหวังเกินเหตุ
หล่มหมดศรัทธา
เนินตาสว่าง
ที่ราบสูงผลงานจริง
ความคาดหวัง
41
การพิมพ์3มิติในบทที่แล้วเป็นแค่เทคโนโลยีหนึ่งในอีกหลายสิ่งที่ก�าลังจะ
เปลี่ยนแปลงโลกนี้ในบทนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีอีกห้าอย่างซึ่งพร้อมเอา
มาท�าเป็นธุรกิจแล้วเช่นกันได้แก่เครือข่ายและเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ไร้ขีด
จ�ากัด เอไอ (Artificial Intelligence) หุ่นยนต์ และชีววิทยาสังเคราะห์
เราจะเน้นว่าเทคโนโลยีนี้ปัจจุบันอยู่ตรงไหนอีก2-3ปีจะไปได้ถึง
ไหน และมีโอกาสอะไรที่ตอนนี้ซ่อนอยู่ แต่พร้อมจะดังระเบิดในอีก 3 - 5 ปี
ข้างหน้า
เครือข่ายและเซ็นเซอร์
เครือข่าย คือการเชื่อมโยงสัญญาณและข้อมูลเข้าด้วยกันเช่นอินเทอร์เน็ต
ส่วนเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์รับข้อมูล เช่นอุณหภูมิ แรงสั่นสะเทือน รังสี ฯลฯ
ถ้าเราเอาเซ็นเซอร์มาเชื่อมกับเครือข่าย เราก็จะรับรู้สภาพแวดล้อม และ
ส่งข้อมูลนั้นผ่านอินเทอร์เน็ตได้ด้วย
ภาพรวมของเทคโนโลยี
บทที่ 3
ห้าสิ่งเปลี่ยนโลก
42 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ
ปัจจุบันนี้มีสมาร์ทโฟนกับแท็บเบลตรวมกันในโลกมากกว่า7,000
ล้านเครื่องแต่ละเครื่องมีเซ็นเซอร์ชนิดต่างๆเช่นหน้าจอสัมผัสไมโครโฟน
เครื่องวัดความเร่ง เครื่องวัดสนามแม่เหล็ก ไจโร กล้อง จ�านวนเซ็นเซอร์
เหล่านี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในปี2012เซ็นเซอร์เหล่านี้มีพื้นที่รวม12ล้าน
ตารางเมตร หรือเท่ากับพื้นที่สนามอเมริกันฟุตบอล 2,000 สนาม แต่ใน
ปี 2015 ก็เพิ่มเป็น 35.9 ล้านตารางเมตร หรือเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของ
เกาะแมนฮัตตันเลยทีเดียว
ทุกอย่างรอบตัวเราก�าลังถูกเชื่อมเข้าด้วยกันจากโลกใบที่เคยเฉื่อย
ชาและเซ่อซ่า ก็ก�าลังเปลี่ยนเป็นโลกใบที่ว่องไวและมีสมอง อย่างเช่น
ทุกวันนี้รถของเรามีเซ็นเซอร์ช่วยน�าทาง บนท้องถนนมีเซ็นเซอร์ช่วยเราให้
เลี่ยงการจราจรติดขัด ส่วนที่จอดรถก็มีเซ็นเซอร์ช่วยเราหาที่จอดรถ บริษัท
2012 2013 2014 2015 2016 2017
10,000
9,000
8,000
7,000
6,000
5,000
4,000
3,000
2,000
1,000
0
ล้านหน่วย
อุปกรณ์มือถือ และการเชื่อมต่อทั่วโลก
91
“วันนี้ผมดูข่าวแล้วผมเห็นอะไรที่มันสุดยอดมากกกก...” จอน สจ็วต พิธีกร
รายการเดลีโชว์ทางช่องคอเมดีเซ็นทรัลกล่าวไว้เมื่อวันที่24เมษายน2012
ด้วยอารมณ์ค่อนข้างตื่นเต้นเขาเลิกคิ้วจมูกบานใกล้จะร้องลั่นเต็มทีแล้ว
ม้วนข่าวก็เริ่มฉาย เราเห็นนักข่าวสวมสูทกุมมือสงบนิ่งพูดว่า “เรื่องนี้อาจ
ฟังเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่วันนี้นักบุกเบิกอวกาศกลุ่มหนึ่งประกาศ
แผนจะขุดอุกกาบาตเพื่อน�าแร่ธาตุมีค่าไปใช้” ตัดฉากกลับไปที่สจ็วต เขา
ตะโกนอลหม่านแล้วว่า“นักบุกเบิกอวกาศจะขุดอุกกาบาตเพื่อน�าแร่ธาตุมี
ค่าไปใช้! แม่เจ้า! แม่เจ้าโว้ย! เยส! ผมนี่เชียร์เต็มที่เลย คุณรู้มั้ยว่ามัน
หายากแค่ไหนที่ข่าวปี2012มันจะฟังเหมือนข่าวปี2012ในแบบที่คุณเคย
นึกภาพไว้น่ะ?”
ข่าวที่สจ็วตตื่นเต้นยกใหญ่คือข่าวเรื่องบริษัทแพลนาทารีรีซอร์ส
อิงค์ บริษัทท�าเหมืองอุกกาบาตที่ผมร่วมก่อตั้งกับเอริก แอนเดอร์สัน เมื่อปี
2009และเปิดตัวในปี2012เห็นได้ชัดว่าการท�าเหมืองอุกกาบาตเป็นความ
คิดหลุดโลกที่มีแต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ ถ้าจะหวังให้บริษัทแบบนี้ประสบ
ความส�าเร็จ หรือให้คนเชื่อว่าท�าได้จริง เราก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ตลอดหลายปี
แจ้งเกิดให้เหนือความเป็นไปได้
บทที่ 5
เคล็ดลับท�าการใหญ่
112 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ
เราเข้าสู่วิธีคิดแบบ‘ผู้เชี่ยวชาญ’เมื่อไรสิ่งต่างๆมากมายก็จะกลายเป็นท�า
ไม่ได้ในทันที”
กฎของปีเตอร์: ข้อบัญญัติส�าหรับใจที่มุ่งมั่นและทุ่มเท
1. ถ้าอะไรก็ฉิบหายได้หมดงั้นก็ซ่อมสิ! (ช่างหัวมันสิ!)
2. เมื่อต้องเลือก – จงเลือกทั้งคู่!
3. การท�าหลายอย่าง น�าไปสู่ความส�าเร็จหลายประการ
4. เริ่มที่ข้างบน และไต่ขึ้นไป
5. ท�าตามต�ารา...ที่คุณเขียนเอง!
6. เมื่อต้องประนีประนอม ให้ขอเพิ่ม
7. ถ้าชนะไม่ได้ก็เปลี่ยนกติกา
8. ถ้าเปลี่ยนกติกาไม่ได้ก็อย่าไปใส่ใจมัน
9. ท�าอะไรต้องให้สมบูรณ์แบบ
10.ถ้าไม่มีความท้าทาย – ก็สร้างขึ้นมา
11.ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ ก็เริ่มใหม่ให้ยากกว่าเดิม
12.อย่าเดินถ้าคุณวิ่งได้
13.เวลาไม่มั่นใจ จงคิด!
14.อดทนได้คือดี แต่มุ่งมั่นจนส�าเร็จได้คือเลิศ
15.ล้อที่ลั่นบ่อยๆ จะโดนเปลี่ยน
16.ยิ่งคุณขยับไว เวลายิ่งขยับช้า และคุณยิ่งอยู่ได้นาน
17.วิธีท�านายอนาคตที่ดีที่สุดคือสร้างมันขึ้นมาเอง!
18.มีบ้างดีกว่าไม่มีเลยเป็นล้านเท่า
19.จูงใจอย่างไรได้ผลอย่างนั้น
20.ถ้าคุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้จริงๆ ส�าหรับคุณ
265
ในบทสุดท้ายนี้ เราจะเน้นเกี่ยวกับเครื่องมือทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่ง
เราน�ามาใช้สู้กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และอาจหาญในระดับโลกได้ คนที่
ใช้เครื่องมือนี้มีตั้งแต่ผู้ประกอบการอย่างแลร์รีเพจกับอีลอนมัสก์ไปจนถึง
บริษัททรงพลังอย่างกูเกิลกับควาลคอมม์(Qualcomm)เครื่องมือที่ว่าก็คือ
การแข่งขันจูงใจ ซึ่งเป็นแนวคิดที่รวบรวมทุกบทเรียนที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้
เข้าด้วยกันและน�ามาสู่การใช้พลังใจที่แรงกล้าที่สุดของคนเราในการท�าสิ่ง
ต่างๆ นั่นคือ การค้นหาความส�าคัญของตัวเอง
การแข่งขันจูงใจนั้นตรงไปตรงมา คือคุณตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
วัดได้ และยุติธรรม เสร็จแล้วก็ให้รางวัลก้อนใหญ่กับใครก็ตามที่ได้ส�าเร็จ
เป็นคนแรก เห็นได้ว่ากลไกนี้ใช้ความรู้เกือบทั้งหมดจากทั้ง 9 บทที่ผ่านมา
ทั้งการใช้เทคโนโลยี การคิดในโครงการขนาดใหญ่ อัจฉริยภาพจากการ
ระดมมวลชน และการกระตุ้นชุมชน ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันจูงใจยัง
ยุติธรรมมาก นั่นคือ ไม่สนใจเลยว่าคุณจะเป็นใคร มีความรู้แค่ไหน มีอายุ
เท่าไรหรือเคยท�าอะไรมาก่อนหรือเปล่าจะเป็นบริษัทพันล้านหรือบริษัทตั้ง
ใหม่ที่มีสมาชิกแค่ 2 คน ก็แข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม การแข่งขันวัดผล
บทที่ 10
ท�าให้คนเก่งที่สุด
และสมองใสที่สุด
มาช่วยไขความท้าทายของคุณ
302
ค�าลงท้าย
ขั้นถัดไป – เริ่มลงมืออย่างไรดี
เราอยู่ในยุคที่น่าตื่นเต้น มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกจากห้องแลปเข้าสู่ตลาด
อยู่ทุกสัปดาห์ที่ก�าลังพาเราไปสู่โลกแห่งความอุดม เราคิดว่าการเข้าถึง
แหล่งความรู้ที่ขยายออกไปเรื่อยๆ นี้ได้เป็นเรื่องส�าคัญมาก เราจึงจะเสนอ
แหล่งความรู้ 5 อย่างเพื่อให้คุณทันเหตุการณ์ มีปฏิสัมพันธ์กับเราผู้เป็น
ผู้แต่งหนังสือ และเข้าร่วมบทสนทนาที่ยังคงด�าเนินต่อไปเกี่ยวกับความ
ก้าวหน้าส�าคัญไปสู่โลกแห่งความอุดม
AbundanceHub.com: เนื้อหาฟรีและทันเหตุการณ์
ลองแวะไปเยี่ยมเว็บของเราที่ www.AbundanceHub.com ดู คุณจะเข้า
ถึงข้อมูลทันเหตุการณ์บทความบล็อกและวิดีโอต่างๆเกี่ยวกับความอุดม
และเทคโนโลยีเว็บไซต์นี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายและเต็มไปด้วยสื่อต่างๆอีกทั้งยัง
สามารถลงทะเบียนรับจดหมายข่าวและเข้าร่วมในโครงการริเริ่มในอนาคต
รับโพสบบล็อกรายสัปดาห์เรื่อง “หลักฐานใหม่ของความอุดม” และอื่นๆ
อีกมาก
ฝึกส่วนตัวกับปีเตอร์: Abundance360Summit
(www.A360.com)
ลองมาเข้าร่วมชุมชน Abundance 360 ของปีเตอร์ ไดอาแมนดีส ดู ชุมชน
นี้คือกลุ่มผู้ประกอบการที่ทุ่มเทให้การสร้างความมั่งคั่งใหญ่หลวงไปพร้อม
กับสร้างโลกที่อุดม

More Related Content

More from Piyapong Sirisutthanant

ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdfตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdfตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdfตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickPiyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยPiyapong Sirisutthanant
 

More from Piyapong Sirisutthanant (20)

ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdfตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdfตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdfตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdfตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_Blitzscaling.pdf
 
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdfฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
ฉันหมด Passion หรือแค่ยังหามันไม่เจอ_Sample.pdf
 
AI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่างAI 2041 ตัวอย่าง
AI 2041 ตัวอย่าง
 
LHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdfLHTL_Sample.pdf
LHTL_Sample.pdf
 
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่องตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
ตัวอย่าง หนังสือ คนเก่งคิดแบบนี้ไง พูดอะไรก็รู้เรื่อง
 
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stickตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
ตัวอย่างหนังสือ อยากขายดี สตอรี่ต้องโดน Stories that stick
 
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
ตัวอย่างหนังสือ The Compound Effect
 
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวยตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
ตัวอย่างหนังสือ Everything is f*cked คู่มือแห่งความหวัง ในโลกสุดเฮงซวย
 
You canlearnanything sample
You canlearnanything sampleYou canlearnanything sample
You canlearnanything sample
 
Successful peopleact sample
Successful peopleact sampleSuccessful peopleact sample
Successful peopleact sample
 

ตัวอย่างหนังสือ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ

  • 2. สารบัญ บทน�า ..............................................................................................v ส่วนที่ 1 เทคโนโลยีแบบอาจหาญ ......................................................1 บทที่ 1 เติบโตแบบก้าวกระโดด.....................................................3 บทที่ 2 เทคโนโลยีสมัยใหม่: เมื่อทุกคนมีพลังเปลี่ยนโลก...............25 บทที่ 3 ห้าสิ่งเปลี่ยนโลก.............................................................41 ส่วนที่ 2 ความคิดแบบอาจหาญ.......................................................63 บทที่ 4 พิชิตยอดเขาอย่างห้าวหาญ.............................................65 บทที่ 5 เคล็ดลับท�าการใหญ่.......................................................91 บทที่ 6 ภูมิปัญญาเศรษฐีพันล้าน: คิดการใหญ่...........................115 ส่วนที่ 3 มวลชนที่อาจหาญ............................................................145 บทที่ 7 ระดมมวลชน: ตลาดของคนรุ่นใหม่เป็นพันๆ ล้าน............147 บทที่ 8 ระดมทุนมวลชน: ขาดเงินก็ขาดนักบินอวกาศ .................177 บทที่ 9 การสร้างชุมชนออนไลน์................................................231 บทที่ 10 ท�าให้คนเก่งที่สุดและสมองใสที่สุด มาช่วยไข ความท้าทายของคุณ................................................................265 ค�าลงท้าย: ขั้นถัดไป – เริ่มลงมืออย่างไรดี.......................................302 กิตติกรรมประกาศ ........................................................................305
  • 3. v ย้อนไปในอดีตราว66ล้านปีก่อนชีวิตที่อาศัยบนโลกในยุคนั้นแตกต่างจาก ในยุคนี้พอสมควร ช่วงเวลาในตอนนั้นคือช่วงเริ่มต้นของยุคครีเทเชียสที่ อากาศร้อนชื้นพื้นทวีปที่เราเห็นในปัจจุบันหลายส่วนยังจมอยู่ใต้มหาสมุทร ผืนใหญ่ ในช่วงเวลานั้น พืชดอก หรือที่เราเรียกด้วยศัพท์เฉพาะทางว่า แองจิโอสเปิร์ม เป็นพืชชนิดใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น และเป็นยุคแรกที่ต้น เมเปิล โอ๊ก และบีช ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นบนพื้นโลก ตอนนั้นไดโนเสาร์ยังครองพื้นพิภพอยู่ ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรเลย เพราะช่วงเวลา 100 ล้านปีของสัตว์เลื้อยคลานยักษ์เหล่านี้นับว่าเป็นช่วง เวลาที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นตัวอย่างการครองพื้นพิภพที่มี ความเป็นที่สุดในหลายๆ ด้านแล้ว ทว่าในที่สุดยุคของไดโนเสาร์ก็จบลง ยุคครีเทเชียสปิดฉากลงอย่างอลังการ เมื่ออุกกาบาตยักษ์ที่มี เส้นผ่านศูนย์กลางราว 10 กิโลเมตร หรือมีขนาดเกือบจะเท่ากับเมือง ซานฟรานซิสโก พุ่งชนผิวโลกที่คาบสมุทรยูคาทานในเม็กซิโก การชนใน ครั้งนั้นส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลก ปลดปล่อยพลังงานถึง 420 เซตตาจูล บทน�า ถือก�าเนิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่
  • 4. vi บทน�ำ หรือสองล้านเท่าของระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มา ก่อให้ เกิดหลุมอุกกาบาตกว้าง110ไมล์ความรุนแรงของการปะทะนี้อยู่ในระดับ ที่สามารถเรียกว่า “พิฆาตดาวเคราะห์” ได้เลย อุกกาบาตลูกนั้นท�าให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดมโหฬาร เกิดแผ่นดิน ไหวครั้งใหญ่ ไฟไหม้ไปทั่วโลก ภูเขาไฟตามที่ต่างๆ ของโลกเกิดการปะทุ อย่างต่อเนื่อง ส่งควันสีด�าสนิทออกมากลืนกินโลกทั้งใบ พระอาทิตย์ถูก เมฆฝุ่นก้อนมหึมาจากควันด�าปิดบังเอาไว้นานเป็นทศวรรษสภาพแวดล้อม บนโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนไดโนเสาร์ซึ่งถือเป็น เจ้าพิภพในตอนนั้นไม่อาจปรับตัวได้ทัน ต้องสูญพันธุ์ไปในที่สุด แต่เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีส�าหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะในขณะ ที่ไดโนเสาร์ตัวใหญ่เทอะทะและปรับตัวได้ไม่ดีนัก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ยุคแรกขนปุยตัวจิ๋วซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเรากลับว่องไวและปรับตัวได้ดีกว่า พวกมันคว้าโอกาสในจังหวะที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปรับตัว เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่โดยไม่ลังเลเลย เพียงชั่วเวลาไม่นานหลัง เหตุการณ์นั้นไดโนเสาร์ที่มีมายาวนานก็หายไปหมดในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนมได้วิวัฒนาการจนกลายเป็นราชาของโลก การปะทะอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงแบบฟ้าถล่มดินทลาย และการถือก�าเนิดใหม่นี้ ถือเป็นวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงที่ส�าคัญมาก โดย เฉพาะกับโลกธุรกิจในปัจจุบันโลกของเราก�าลังถูกอุกกาบาตอีกก้อนพุ่งชน ปลิดชีพสัตว์ร่างใหญ่เทอะทะ และเปิดโอกาสให้สัตว์ที่รวดเร็วว่องไวกว่า เราขอเรียกอุกกาบาตก้อนนี้ว่า “เทคโนโลยี” ถึงแม้ชื่อของอุกกาบาตนี้อาจ จะไม่คุ้นหู แต่เรากลับคุ้นเคยกับผลกระทบของมันพอสมควร เทคโนโลยีมีแนวโน้มพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีพลังเพิ่มขึ้นเป็น เท่าตัวเมื่อเวลาผ่านไปตัวอย่างเช่นความสามารถของคอมพิวเตอร์นั่นเอง ลองนึกภาพผู้หญิงคนหนึ่งในพื้นที่มองโกเลียส่วนนอก สมาร์ทโฟนของเธอ ราคาถูกกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในทศวรรษ 1970 ถึงล้านเท่าและมี
  • 5. viiบทน�ำ ประสิทธิภาพสูงกว่าถึงพันเท่า เทคโนโลยีก็พัฒนาเร็วแบบนี้นั่นเอง ทุกวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงแบบนี้ในด้านต่างๆมากมายพัฒนาการ ด้านเทคโนโลยีก�าลังเปลี่ยนโฉมทุกชีวิตบนโลกเหมือนอุกกาบาตขนาด สิบกิโลเมตรก่อนหน้านี้พลังนี้เป็นภัยกับไดโนเสาร์หรือก็คือบริษัทที่เทอะทะ ต่อต้านนวัตกรรมทั้งหลายบริษัทพวกนี้ท�างานแบบเดิมๆมาหลายทศวรรษ และจะท�าอย่างเดิมต่อไปจนกว่าจะปิดกิจการ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เริ่มมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กขนปุยสายพันธุ์ ใหม่วิวัฒนาการขึ้นมาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านี้คือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อพลิกโฉมสินค้า บริการ และ อุตสาหกรรมในแวดวงธุรกิจต่างๆ ผู้ใช้นวัตกรรมที่ว่องไวและปรับตัวเป็น เหล่านี้ก�าลังเรียนรู้วิธีใช้เทคโนโลยีอยู่ และบุคคลเหล่านี้เอง ที่จะสร้างเส้น ทางไปสู่โลกที่อุดมสมบูรณ์ใบใหม่ ภาคต่อของหนังสือเรื่องอุดม เมื่อปี 2012 ผมกับสตีเวน ค็อตเลอร์ ร่วมกันเขียนหนังสือชื่อ อุดม: วัน ข้างหน้าดีกว่าที่คุณคิด (Abundance: The Future Is Better than You Think)ผมได้แรงบันดาลใจจากการท�างานร่วมกับทั้งมูลนิธิเอ็กซ์ไพรซ์และ มหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ (Singularity University) ผมได้เรียนรู้จากองค์กร เหล่านั้นว่าโลกของเราก�าลังกลายเป็นโลกที่สิ่งจ�าเป็นพื้นฐานในชีวิตมีราคา ถูกลงและเข้าถึงได้ทั่วไป ส่วนสตีเวนก็ช่วยเขียนเรื่องการใช้ศักยภาพของ มนุษย์สูงสุดเราเชื่อว่าโลกก�าลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและเป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติจะยกระดับคุณภาพชีวิตทั่วโลกขึ้นได้อย่างถาวร หนังสือเรื่องอุดมเล่าถึงแรงกระตุ้นสี่อย่าง ได้แก่เทคโนโลยี สมัยใหม่นักประดิษฐ์จากทางบ้านผู้ใจบุญจากวงการเทคโนโลยีแล้วก็คน นับพันล้านคนที่ก�าลังเติบโตขึ้นมา สตีเวนกับผมศึกษาว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วย
  • 6. viii บทน�ำ ให้เราสู้กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และมหาศาลที่สุดของโลกตลอดช่วงเวลา 2 – 3 ทศวรรษข้างหน้านี้ได้อย่างไร ผลที่ได้นั้นคือ อีกไม่นานเราจะมี ศักยภาพเกินพอจะตอบสนองความต้องการพื้นฐานของทุกคนบนโลกใบนี้ ได้ ตอนหนังสือวางแผงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 เราไม่รู้เลยว่า เสียงตอบรับจะออกมาอย่างไร ผมโชคดีมากที่ได้พูดเรื่องหนังสืออุดมใน วาระเปิดงานสัมมนาของ TED และโชคดียิ่งกว่าที่ผู้ฟังลุกขึ้นปรบมือให้ หนังสือของเราได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในการจัดอันดับ และเป็นหนังสือ ขายดีของนิวยอร์กไทมส์อยู่เกือบ 3 เดือน ได้รับรางวัล “หนังสือยอดเยี่ยม ประจ�าปี2012”หลายรายการและได้รับการแปลเป็นหนังสือกว่า20ภาษา ทั้งหมดนี้เราทั้งสองรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเราก็เริ่มรู้สึกด้วยว่า ล�าพังการวาดภาพอนาคตสดใสเพียง อย่างเดียวยังไม่พอ แม้เราจะเชื่อว่าโลกที่อุดมนั้นสร้างได้จริง แต่ก็ไม่ได้ แปลว่าโลกใบนั้นจะกลายเป็นจริงเสมอไป ด้วยเหตุนั้นเอง เราจึงเขียน หนังสือเรื่องเล่มนี้ขึ้นมา ปัญหาใหญ่ที่สุดต่างๆ ของโลก = โอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด หลายพันปีก่อน มีแต่มหาราชา ฟาโรห์ และจักรพรรดิ ที่สามารถแก้ปัญหา ขนาดใหญ่ได้ หลายร้อยปีก่อน ความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ขยาย มายังนักอุตสาหกรรม ผู้สร้างสรรค์ระบบขนส่งและสถาบันการเงิน แต่ ทุกวันนี้ ความสามารถนี้ได้ขยายมาถึงทุกคนแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่คน ธรรมดาทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ความรู้ และทุนทรัพย์ที่จ�าเป็นใน การสู้กับปัญหาใดๆที่ก�าลังเกิดขึ้นปัญหาใหญ่ที่สุดของโลกทั้งหลายเหล่า นั้น คือโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกขณะนี้ด้วย นั่นแปลว่าการค้น พบปัญหาใหญ่จะเป็นหนทางสู่ความมั่งคั่งส�าหรับผู้ประกอบการ ซึ่ง
  • 7. ixบทน�ำ ท้ายสุดแล้ว วิธีเป็นเศรษฐีพันล้านที่ดีที่สุด ก็คือการแก้ปัญหาให้คน พันล้านคนนั่นเอง หนังสือเล่มนี้จะท�าให้บรรดาผู้ประกอบการ นักเคลื่อนไหว และ ผู้น�าในยุคปัจจุบัน มีเครื่องมือในการเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น พร้อมกับท�าความ ฝันยิ่งใหญ่ของพวกเขาให้เป็นจริงไปด้วย หนังสือจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น สามส่วนส่วนแรกเน้นเรื่องเทคโนโลยีซึ่งสะเทือนการจัดอันดับรายชื่อบริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน และท�าให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถก้าว จาก “นึกอะไรดีๆ ได้” ไปเป็น “มีธุรกิจ พันล้าน” ได้เร็วกว่าที่แล้วมา ส่วนที่สองเน้นเรื่องจิตวิทยาซึ่งจะช่วยให้เราสร้างสรรค์ผลงานที่ดี กว่าเดิม ด้วยการคิดในภาพใหญ่ขึ้น พร้อมค�าแนะน�าและบทเรียนจากคน ดัง อย่างลาร์รี เพจ, อีลอน มัสก์, ริชาร์ด แบรนด์สัน, และเจฟฟ์ เบซอส นอกจากนี้ ในส่วนที่สอง สตีเวนยังจะเล่าวิธีดึงศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ อันเป็นผลวิจัยจากโครงการถอดรหัสยีนเป็นเวลา15ปีส่วนผมก็จะเผยเคล็ด ลับธุรกิจที่ผมได้มาจากการตั้งบริษัททั้ง 17 แห่งด้วย ในส่วนสุดท้ายนี้จะส่งท้ายด้วยการพาไปดูวิธีดึงเอาความสัมพันธ์ ระหว่างมวลชน มาใช้ประโยชน์ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณจะได้รู้วิธี ระดมมวลชนมาท�าให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้วิธีออกแบบโครงสร้าง แรงจูงใจ รู้วิธีสร้างโครงการระดมทุนหลักล้านดอลลาร์จากมวลชน และรู้ วิธีสร้างชุมชนออนไลน์ซึ่งเป็นกองทัพของคนทั่วไปที่จะช่วยผู้ประกอบการ ให้ท�าความฝันอาจหาญที่สุดให้เป็นจริงได้ ใครควรอ่านหนังสือเล่มนี้? หนังสือเล่มนี้เขียนมาเป็นคู่มือส�าหรับผู้ประกอบการในปัจจุบันผมตั้งใจให้ เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลเรื่องเทคโนโลยีที่ก�าลังพัฒนาเร็วขึ้นการคิดโครงการ ขนาดใหญ่ และการใช้มวลชนจ�านวนมหาศาลเป็นเครื่องมือในการ
  • 8. x บทน�ำ ขับเคลื่อนธุรกิจ ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยความฝันหรือ ประสบการณ์ จะอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์หรือเซี่ยงไฮ้ ยังเรียนมหาวิทยาลัย หรือเป็นพนักงานในบริษัทข้ามชาติ หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนมาเพื่อคุณ หนังสือเล่มนี้จะช่วยยกระดับความสามารถและความทะเยอทะยานของ คุณขึ้น และช่วยให้คุณท�าความฝันให้ถึงดวงดาวและท�าอะไรที่ส่งผลต่อ โลกใบนี้จริงๆ ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นผู้จัดการผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่ มีขนาดใหญ่เทอะทะคู่แข่งของคุณก็ไม่ใช่บริษัทข้ามชาติจากโพ้นทะเลไกล อีกต่อไปแล้ว แต่คู่แข่งของคุณคือผู้ประกอบการที่เริ่มท�างานในโรงรถ ซึ่ง ก�าลังผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดต่างหาก อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะเห็นว่า ผู้แข่งขันใหม่เหล่านี้มาจากไหนพวกเขาคิดและท�างานอย่างไรมากกว่านั้น ทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและบริษัทขนาดใหญ่ต่างก็มีโอกาสแบบเดียวกัน ในการใช้ทั้งตัวเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์เต็มที่ ด้วย ถ้าคุณเป็นผู้น�าองค์กรและสนใจเรื่องนี้ ผมอยากให้ลองอ่านงาน ตีพิมพ์ชิ้นแรกของมหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ชื่อว่าองค์กรยกก�าลังของซาลิม อิสมาอิล ผู้อ�านวยการบริหารคนแรกของมหาวิทยาลัยซิงกูลาร์ริตี้ หนังสือ เรื่ององค์กรยกก�าลังนี้ เขียนมาให้ผู้น�าบริษัทที่ต้องการเลี่ยงการสูญพันธุ์ และต้องการเข้าร่วมการปฏิวัติโลกใบนี้ สุดท้ายนี้ ความหวังที่อยู่ลึกที่สุดของเราคือการที่หนังสือเล่มนี้จะ กระตุ้นคุณให้ลุกขึ้นและก้าวออกไปเปลี่ยนโลก สตีฟ จ็อบส์ เคยพูดว่า ผู้ประกอบการทุกคนควรตั้งเป้าไปที่การ “ฝากรอยไว้ในจักรวาล” หนังสือ เล่มนี้เขียนมาให้คนที่อยากฝากผลงานยิ่งใหญ่ ถ้าเรารู้วิธี ไม่ว่าใครก็ฝาก ผลงานยิ่งใหญ่อย่างที่ว่านั้นไว้ได้ เอ้า ผมพูดจริงๆ นะ มาลุยกันเลยดีกว่า
  • 9. xiบทน�ำ สองสมองร่วมใจ ปีเตอร์กับสตีเวนพบกันครั้งแรกเมื่อปี1997ตอนสตีเวนก�าลังเขียนบทความ พิเศษเกี่ยวกับรางวัลเอ็กซ์ไพรซ์แล้วช่วงปลายทศวรรษ2000พวกเขาก็ร่วม กันเขียนหนังสือเรื่องอุดม เมื่อหนังสือเล่มแรกขายดี ปีเตอร์จึงน�าแนวคิด หนังสือเล่มนี้ไปเสนอสตีเวนและชวนเขียนหนังสือด้วยกันอีกเล่มที่มุ่งสร้าง แรงบันดาลใจและท�าให้ผู้ประกอบการสร้างโลกที่อุดมดังกล่าวขึ้นได้จริงๆ แม้หนังสือเล่มนี้จะเล่าผ่านเสียงและเรื่องราวของปีเตอร์แต่ปีเตอร์และสตีเวน ต่างมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในแนวความคิดและขั้นตอนเขียนหนังสือเล่มนี้ —ปีเตอร์ ไดอามันดิส (Peter Diamandis) ซานตามอนิกา, แคลิฟอร์เนีย —สตีเวน คอตเลอร์ (Steven Kotler) จิมาโย, นิวเม็กซิโก
  • 10. 3 ในปี 1878 จอร์จ อีสต์แมน เสมียนผู้น้อยแห่งธนาคารโรเชสเตอร์เซฟวิงส์ วัยยี่สิบสี่ปีได้วางแผนลาพักร้อนเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวเขาเลือกเดินทาง ไปซานโตโดมิงโกสาธารณรัฐโดมินิกันอีสต์แมนซื้ออุปกรณ์เท่าที่จ�าเป็นใน การถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพการเดินทางตามที่เพื่อนร่วมงานแนะน�า มีอุปกรณ์ที่เพื่อนร่วมงานแนะน�าหลายชิ้นตั้งแต่กล้องขนาดใหญ่ เท่าสุนัขร็อตไวเลอร์ ขาตั้งกล้องอันมโหฬาร เหยือกน�้า แผ่นบันทึกภาพ ที่ วางแผ่นบันทึกภาพอันหนักอึ้ง ถังที่ท�าจากแก้วหลายใบ ชุดสารเคมีที่ต้อง ใช้ไปจนถึงเต็นท์หลังใหญ่ซึ่งใช้เป็นที่มืดเพื่อทาสารผสมลงบนแผ่นบันทึก ภาพก่อนถ่าย และเป็นที่มืดส�าหรับล้างรูปหลังจากนั้น ผลสุดท้ายปรากฏว่าอีสต์แมนไม่ได้ไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้เลย กลายเป็นว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับวิชาเคมีแทนในสมัยนั้นการถ่ายรูปเป็นศิลปะ “เปียก” แต่อีสต์แมนต้องการกระบวนการบันทึกภาพที่พกพาสะดวกกว่า นั้น เขาอ่านเจอเกี่ยวกับสารผสมแบบเจลาตินซึ่งยังคงสภาพไวต่อแสงได้ แม้ว่าแห้งแล้ว จากนั้นจึงเริ่มทดลองผสมสูตรของเขาเองอยู่ในครัวของแม่ ของเขาในตอนกลางคืน บทที่ 1 เติบโตแบบก้าวกระโดด ก�าเนิดยักษ์
  • 11. 4 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ ด้วยความที่อีสต์แมนเป็นนักดัดแปลงแต่ก�าเนิดอยู่แล้วไม่ถึง2ปี เขาก็คิดค้นทั้งสูตรส�าหรับแผ่นบันทึกภาพแบบแห้งและเครื่องจักรผลิตแผ่น แห้งได้ ถือเป็นจุดก�าเนิดบริษัทอีสต์แมนดรายเพลทขึ้นมา เขายังคงดัดแปลงต่อไปแล้วในปี1884อีสต์แมนก์ก็ประดิษฐ์ฟิล์ม แบบม้วนได้ส�าเร็จ4ปีต่อมาเขาก็สร้างกล้องที่สามารถใช้ฟิลม์แบบม้วนที่ ว่าได้ เมื่อถึงปี 1888 กล้องนั้นก็วางขายในท้องตลาด พร้อมสโลแกนหลัง จากนั้นว่า “คุณกดปุ่ม ที่เหลือเราท�าให้” บริษัทอีสต์แมนดรายเพลทเปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทอีสต์แมน แต่ ชื่อนั้นยังไม่ติดหูพอ อีสต์แมนอยากได้ชื่อที่ติดหูกว่านั้น ชื่อที่คนจะจดจ�า และพูดถึงตัวอักษรตัวหนึ่งที่เขาชอบเป็นพิเศษคือตัวKแล้วในปี1892จึง เกิดบริษัทอีสต์แมนโกดัก (Eastman Kodak) ขึ้นมา ในยุคแรกๆ นั้น ถ้าคุณมีโอกาสได้ถามจอร์จ อีสต์แมน ว่าโมเดล ธุรกิจของโกดักเป็นอย่างไร เขาก็คงตอบว่า บริษัทของเขาอยู่ก�้ากึ่งระหว่าง ผู้จัดหาเคมีภัณฑ์กับคนขนของแห้ง(ถ้ามองว่าแผ่นบันทึกภาพเป็นของแห้ง) แต่ไม่นานรูปแบบก็เปลี่ยนไปอีสต์แมนกล่าวว่า“ผมค่อยๆเข้าใจขึ้นมาว่า สิ่งที่เราท�าอยู่ไม่ใช่แค่การผลิตแผ่นบันทึกภาพ แต่เราตั้งใจจะท�าให้การ ถ่ายรูปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ” หรืออย่างที่อีสต์แมนพูดไว้ว่า เขาอยาก ท�าให้การถ่ายรูป “สะดวกเหมือนเขียนดินสอ” แล้วในช่วง 100 ปีถัดมา อีสต์แมนโกดักก็ท�าเช่นนั้นได้จริงๆ ุ กจค าม จา สตีเวน แซสสัน เป็นชายร่างสูงผู้มาพร้อมคางเด่นชัด เขาเพิ่งเรียนจบ วิศวกรรมไฟฟ้าจากสถาบันโพลิเทคนิคเรนส์ซเลียร์มาหมาดๆ ในปี 1973 เขาได้งานที่แผนกวิจัยอุปกรณ์ของโกดักซึ่งเมื่อท�างานไปแล้วสองสามเดือน แกเร็ธลอยด์หัวหน้าของเขาก็ฝากเขาดูเรื่อง“เล็กๆ”เรื่องหนึ่งคือเพิ่งมีคน
  • 12. 5เติบโตแบบก้าวกระโดด คิดค้น “อุปกรณ์ถ่ายเทประจุ” ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งอุปกรณ์นี้สามารถเคลื่อน ย้ายประจุอิเล็กตรอนไปรอบวงจรไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายทางโกดักจึงอยาก รู้ว่าอุปกรณ์นี้จะใช้ถ่ายภาพได้หรือไม่ เมื่อถึงปี 1975 แซสสันร่วมกับนายช่างฝีมือดีกลุ่มหนึ่ง ก็สามารถ สร้างกล้องถ่ายภาพนิ่งซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลชิ้นแรกของโลกได้ส�าเร็จกล้อง นี้ห่วยเหมือน“กล้องโพลารอยด์ยุค’70ผสมเครื่องเล่นวิทยุ”ขนาดใหญ่เท่า เครื่องปิ้งขนมปัง หนัก 8.5 ปอนด์ มีความละเอียดแค่ 0.01 เมกะพิกเซล และถ่ายภาพดิจิตอลขาวด�าได้แค่30ภาพแต่กล้องนี้ก็นับเป็นความส�าเร็จ ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการค้นพบที่น่ามหัศจรรย์อยู่ดี
  • 13. 17เติบโตแบบก้าวกระโดด อินสตาแกรมใช้การที่กล้องสมาร์ทโฟนมีความละเอียดสูงและแพร่ หลายอยู่แล้วท�าให้การถ่ายและแบ่งปันความทรงจ�าในภาพกลายเป็นของ ฟรีจับต้องไม่ได้และเข้าถึงได้ทั่วทุกคนอย่างสมบูรณ์หลังจากก่อตั้งบริษัท ได้เพียง 16 เดือน อินสตาแกรมก็มีมูลค่าถึง 25 ล้านดอลลาร์ 120 100 80 60 40 20 0 FacebookAcquires Instagram AndroidApp Launches 20-Dec-10 26-May-11 13-Jun-11 26-Sep-11 07-Dec-11 03-Apr-12 13-Apr-12 02-May-12 02-May-12 12-Sep-12 26-Jul-12 ที่มา: http://instagram.com/press; http://www.macstories.net/news/instagrams-rise-to-30-million-users-visualized/ จำนวนผู้ใช้อินสตาแกรม จำนวนผู้ใช้งาน (ล้านคน) ในเดือนเมษายนปี 2012 อินสตาแกรมส�าหรับระบบแอนดรอยด์ ก็ออกวางตลาดและมีคนดาวน์โหลดไปใช้มากกว่าล้านครั้งในวันเดียวอิน สตาแกรมกลายเป็นแอพเด็ดที่มีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ จากนั้นเฟสบุ๊กก็ เข้ามา
  • 14. 25 ในหนังสือเรื่องคนขยับโลกนักจิตวิทยาเอดวินล็อกเขียนถึงแก่นวิธีคิดของ ผู้น�าทางธุรกิจยิ่งใหญ่ต่างๆ อย่างสตีฟ จ็อบส์, แซม วอลตัน, แจ็ค เวลช์, บิล เกตส์, วอลต์ ดิสนีย์, เจ. พี. มอร์แกน กับอีกหลายคนไว้ว่า แม้มีปัจจัย หลายอย่างที่ท�าให้พวกเขาประสบความส�าเร็จ แต่ล็อกพบว่าทุกคนมีแก่น วิธีคิดอย่างหนึ่งร่วมกัน นั่นคือวิสัยทัศน์ ล็อกบอกว่า “วิสัยทัศน์คือสิ่งที่ท�าให้คนเหล่านี้พิเศษกว่าคนอื่น บริษัทต่างๆล้มเหลวอยู่บ่อยๆเมื่อกินบุญเก่าและคิดว่าอะไรที่เคยใช้ได้เมื่อ วานจะยังใช้ได้วันนี้หรือพรุ่งนี้ ผู้น�าที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่มองการณ์ไกลและมี ความมั่นใจที่จะดึงองค์กรของเขาไปยังวิสัยทัศน์นั้นอย่างลองดูสตีฟจ็อบส์ แม้วิธีของเขาจะไม่ได้สุภาพเป็นพิเศษ แต่หากคุณพูดกับสตีฟ จ็อบส์ ว่า อะไรสักอย่างเป็นไปไม่ได้ เขาก็เพียงไม่เห็นด้วยแล้วเดินหนีเท่านั้น เขา ไม่มัวเสียเวลากับค�าว่าเป็นไปไม่ได้เขามีวิสัยทัศน์เรื่องอนาคตอยู่แล้วและ ไม่หวั่นไหวตามใคร” วิสัยทัศน์ บทที่ 2 เทคโนโลยีสมัยใหม่ เมื่อทุกคนมีพลังเปลี่ยนโลก
  • 15. 26 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ บทนี้กับบทถัดไปจะท�าให้คุณมีสิ่งที่ผู้น�ายิ่งใหญ่เหล่านี้มี คือการ มีวิสัยทัศน์เพื่อจะได้ไม่หวั่นไหวตามความเห็นคน นั่นคือให้คุณมีภาพของ อนาคตที่ชัดเจนมากขึ้นนั่นเอง ตื่นเต้นเกินจริง ถ้าอยากตามทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ของมนุษย์เพิ่มอีกสักหน่อย เริ่มจากท�าความเข้าใจอคติ ที่เรียกว่า “วัฏจักร ของการ์ตเนอร์” เมื่อมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ เรามักคาดหวังเกินจริง ทั้งคิดว่าจะ พัฒนาได้เร็วและท�าอะไรได้เกินเหตุ แล้วพอเทคโนโลยีท�าอะไรไม่ได้ดั่งใจ ความสามารถจริง กำเนิดเทคโนโลยี ยอดหวังเกินเหตุ หล่มหมดศรัทธา เนินตาสว่าง ที่ราบสูงผลงานจริง ความคาดหวัง
  • 16. 41 การพิมพ์3มิติในบทที่แล้วเป็นแค่เทคโนโลยีหนึ่งในอีกหลายสิ่งที่ก�าลังจะ เปลี่ยนแปลงโลกนี้ในบทนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีอีกห้าอย่างซึ่งพร้อมเอา มาท�าเป็นธุรกิจแล้วเช่นกันได้แก่เครือข่ายและเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ไร้ขีด จ�ากัด เอไอ (Artificial Intelligence) หุ่นยนต์ และชีววิทยาสังเคราะห์ เราจะเน้นว่าเทคโนโลยีนี้ปัจจุบันอยู่ตรงไหนอีก2-3ปีจะไปได้ถึง ไหน และมีโอกาสอะไรที่ตอนนี้ซ่อนอยู่ แต่พร้อมจะดังระเบิดในอีก 3 - 5 ปี ข้างหน้า เครือข่ายและเซ็นเซอร์ เครือข่าย คือการเชื่อมโยงสัญญาณและข้อมูลเข้าด้วยกันเช่นอินเทอร์เน็ต ส่วนเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์รับข้อมูล เช่นอุณหภูมิ แรงสั่นสะเทือน รังสี ฯลฯ ถ้าเราเอาเซ็นเซอร์มาเชื่อมกับเครือข่าย เราก็จะรับรู้สภาพแวดล้อม และ ส่งข้อมูลนั้นผ่านอินเทอร์เน็ตได้ด้วย ภาพรวมของเทคโนโลยี บทที่ 3 ห้าสิ่งเปลี่ยนโลก
  • 17. 42 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ ปัจจุบันนี้มีสมาร์ทโฟนกับแท็บเบลตรวมกันในโลกมากกว่า7,000 ล้านเครื่องแต่ละเครื่องมีเซ็นเซอร์ชนิดต่างๆเช่นหน้าจอสัมผัสไมโครโฟน เครื่องวัดความเร่ง เครื่องวัดสนามแม่เหล็ก ไจโร กล้อง จ�านวนเซ็นเซอร์ เหล่านี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในปี2012เซ็นเซอร์เหล่านี้มีพื้นที่รวม12ล้าน ตารางเมตร หรือเท่ากับพื้นที่สนามอเมริกันฟุตบอล 2,000 สนาม แต่ใน ปี 2015 ก็เพิ่มเป็น 35.9 ล้านตารางเมตร หรือเท่ากับพื้นที่ครึ่งหนึ่งของ เกาะแมนฮัตตันเลยทีเดียว ทุกอย่างรอบตัวเราก�าลังถูกเชื่อมเข้าด้วยกันจากโลกใบที่เคยเฉื่อย ชาและเซ่อซ่า ก็ก�าลังเปลี่ยนเป็นโลกใบที่ว่องไวและมีสมอง อย่างเช่น ทุกวันนี้รถของเรามีเซ็นเซอร์ช่วยน�าทาง บนท้องถนนมีเซ็นเซอร์ช่วยเราให้ เลี่ยงการจราจรติดขัด ส่วนที่จอดรถก็มีเซ็นเซอร์ช่วยเราหาที่จอดรถ บริษัท 2012 2013 2014 2015 2016 2017 10,000 9,000 8,000 7,000 6,000 5,000 4,000 3,000 2,000 1,000 0 ล้านหน่วย อุปกรณ์มือถือ และการเชื่อมต่อทั่วโลก
  • 18. 91 “วันนี้ผมดูข่าวแล้วผมเห็นอะไรที่มันสุดยอดมากกกก...” จอน สจ็วต พิธีกร รายการเดลีโชว์ทางช่องคอเมดีเซ็นทรัลกล่าวไว้เมื่อวันที่24เมษายน2012 ด้วยอารมณ์ค่อนข้างตื่นเต้นเขาเลิกคิ้วจมูกบานใกล้จะร้องลั่นเต็มทีแล้ว ม้วนข่าวก็เริ่มฉาย เราเห็นนักข่าวสวมสูทกุมมือสงบนิ่งพูดว่า “เรื่องนี้อาจ ฟังเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่วันนี้นักบุกเบิกอวกาศกลุ่มหนึ่งประกาศ แผนจะขุดอุกกาบาตเพื่อน�าแร่ธาตุมีค่าไปใช้” ตัดฉากกลับไปที่สจ็วต เขา ตะโกนอลหม่านแล้วว่า“นักบุกเบิกอวกาศจะขุดอุกกาบาตเพื่อน�าแร่ธาตุมี ค่าไปใช้! แม่เจ้า! แม่เจ้าโว้ย! เยส! ผมนี่เชียร์เต็มที่เลย คุณรู้มั้ยว่ามัน หายากแค่ไหนที่ข่าวปี2012มันจะฟังเหมือนข่าวปี2012ในแบบที่คุณเคย นึกภาพไว้น่ะ?” ข่าวที่สจ็วตตื่นเต้นยกใหญ่คือข่าวเรื่องบริษัทแพลนาทารีรีซอร์ส อิงค์ บริษัทท�าเหมืองอุกกาบาตที่ผมร่วมก่อตั้งกับเอริก แอนเดอร์สัน เมื่อปี 2009และเปิดตัวในปี2012เห็นได้ชัดว่าการท�าเหมืองอุกกาบาตเป็นความ คิดหลุดโลกที่มีแต่ในนิยายวิทยาศาสตร์ ถ้าจะหวังให้บริษัทแบบนี้ประสบ ความส�าเร็จ หรือให้คนเชื่อว่าท�าได้จริง เราก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ตลอดหลายปี แจ้งเกิดให้เหนือความเป็นไปได้ บทที่ 5 เคล็ดลับท�าการใหญ่
  • 19. 112 ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ เราเข้าสู่วิธีคิดแบบ‘ผู้เชี่ยวชาญ’เมื่อไรสิ่งต่างๆมากมายก็จะกลายเป็นท�า ไม่ได้ในทันที” กฎของปีเตอร์: ข้อบัญญัติส�าหรับใจที่มุ่งมั่นและทุ่มเท 1. ถ้าอะไรก็ฉิบหายได้หมดงั้นก็ซ่อมสิ! (ช่างหัวมันสิ!) 2. เมื่อต้องเลือก – จงเลือกทั้งคู่! 3. การท�าหลายอย่าง น�าไปสู่ความส�าเร็จหลายประการ 4. เริ่มที่ข้างบน และไต่ขึ้นไป 5. ท�าตามต�ารา...ที่คุณเขียนเอง! 6. เมื่อต้องประนีประนอม ให้ขอเพิ่ม 7. ถ้าชนะไม่ได้ก็เปลี่ยนกติกา 8. ถ้าเปลี่ยนกติกาไม่ได้ก็อย่าไปใส่ใจมัน 9. ท�าอะไรต้องให้สมบูรณ์แบบ 10.ถ้าไม่มีความท้าทาย – ก็สร้างขึ้นมา 11.ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ ก็เริ่มใหม่ให้ยากกว่าเดิม 12.อย่าเดินถ้าคุณวิ่งได้ 13.เวลาไม่มั่นใจ จงคิด! 14.อดทนได้คือดี แต่มุ่งมั่นจนส�าเร็จได้คือเลิศ 15.ล้อที่ลั่นบ่อยๆ จะโดนเปลี่ยน 16.ยิ่งคุณขยับไว เวลายิ่งขยับช้า และคุณยิ่งอยู่ได้นาน 17.วิธีท�านายอนาคตที่ดีที่สุดคือสร้างมันขึ้นมาเอง! 18.มีบ้างดีกว่าไม่มีเลยเป็นล้านเท่า 19.จูงใจอย่างไรได้ผลอย่างนั้น 20.ถ้าคุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปไม่ได้จริงๆ ส�าหรับคุณ
  • 20. 265 ในบทสุดท้ายนี้ เราจะเน้นเกี่ยวกับเครื่องมือทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่ง เราน�ามาใช้สู้กับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และอาจหาญในระดับโลกได้ คนที่ ใช้เครื่องมือนี้มีตั้งแต่ผู้ประกอบการอย่างแลร์รีเพจกับอีลอนมัสก์ไปจนถึง บริษัททรงพลังอย่างกูเกิลกับควาลคอมม์(Qualcomm)เครื่องมือที่ว่าก็คือ การแข่งขันจูงใจ ซึ่งเป็นแนวคิดที่รวบรวมทุกบทเรียนที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ เข้าด้วยกันและน�ามาสู่การใช้พลังใจที่แรงกล้าที่สุดของคนเราในการท�าสิ่ง ต่างๆ นั่นคือ การค้นหาความส�าคัญของตัวเอง การแข่งขันจูงใจนั้นตรงไปตรงมา คือคุณตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ และยุติธรรม เสร็จแล้วก็ให้รางวัลก้อนใหญ่กับใครก็ตามที่ได้ส�าเร็จ เป็นคนแรก เห็นได้ว่ากลไกนี้ใช้ความรู้เกือบทั้งหมดจากทั้ง 9 บทที่ผ่านมา ทั้งการใช้เทคโนโลยี การคิดในโครงการขนาดใหญ่ อัจฉริยภาพจากการ ระดมมวลชน และการกระตุ้นชุมชน ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันจูงใจยัง ยุติธรรมมาก นั่นคือ ไม่สนใจเลยว่าคุณจะเป็นใคร มีความรู้แค่ไหน มีอายุ เท่าไรหรือเคยท�าอะไรมาก่อนหรือเปล่าจะเป็นบริษัทพันล้านหรือบริษัทตั้ง ใหม่ที่มีสมาชิกแค่ 2 คน ก็แข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม การแข่งขันวัดผล บทที่ 10 ท�าให้คนเก่งที่สุด และสมองใสที่สุด มาช่วยไขความท้าทายของคุณ
  • 21. 302 ค�าลงท้าย ขั้นถัดไป – เริ่มลงมืออย่างไรดี เราอยู่ในยุคที่น่าตื่นเต้น มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกจากห้องแลปเข้าสู่ตลาด อยู่ทุกสัปดาห์ที่ก�าลังพาเราไปสู่โลกแห่งความอุดม เราคิดว่าการเข้าถึง แหล่งความรู้ที่ขยายออกไปเรื่อยๆ นี้ได้เป็นเรื่องส�าคัญมาก เราจึงจะเสนอ แหล่งความรู้ 5 อย่างเพื่อให้คุณทันเหตุการณ์ มีปฏิสัมพันธ์กับเราผู้เป็น ผู้แต่งหนังสือ และเข้าร่วมบทสนทนาที่ยังคงด�าเนินต่อไปเกี่ยวกับความ ก้าวหน้าส�าคัญไปสู่โลกแห่งความอุดม AbundanceHub.com: เนื้อหาฟรีและทันเหตุการณ์ ลองแวะไปเยี่ยมเว็บของเราที่ www.AbundanceHub.com ดู คุณจะเข้า ถึงข้อมูลทันเหตุการณ์บทความบล็อกและวิดีโอต่างๆเกี่ยวกับความอุดม และเทคโนโลยีเว็บไซต์นี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายและเต็มไปด้วยสื่อต่างๆอีกทั้งยัง สามารถลงทะเบียนรับจดหมายข่าวและเข้าร่วมในโครงการริเริ่มในอนาคต รับโพสบบล็อกรายสัปดาห์เรื่อง “หลักฐานใหม่ของความอุดม” และอื่นๆ อีกมาก ฝึกส่วนตัวกับปีเตอร์: Abundance360Summit (www.A360.com) ลองมาเข้าร่วมชุมชน Abundance 360 ของปีเตอร์ ไดอาแมนดีส ดู ชุมชน นี้คือกลุ่มผู้ประกอบการที่ทุ่มเทให้การสร้างความมั่งคั่งใหญ่หลวงไปพร้อม กับสร้างโลกที่อุดม