More Related Content Similar to ทดสอบอัพโหลดงานขึ้น slideshare (20) ทดสอบอัพโหลดงานขึ้น slideshare1. เปิดหน้าต่อไป แนะนำผู้จัดทำ วิทยานิพนธ์ การพัฒนาชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 A Development of the Mathematics Learning Packages Based on Constructivism Approach Entitled Ratio and Percent for Mathayom Suksa 2 Students คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ ดร . มาลี ศรีพรหม ประธานกรรมการ อ . ศรีจันทร์ ทานะขันธุ์ กรรมการ 2. ชื่อ นางมัณฑณา นามวิชิต สาขา หลักสูตรและการสอน รหัส 492B93123 กลับหน้าแรก ข้อมูลผู้วิจัย เปิดหน้าต่อไป 4. ภูมิหลัง ( ต่อ ) คณิตศาสตร์จัดว่าเป็นศาสตร์ที่สำคัญ และมีบทบาทศาสตร์หนึ่ง ซึ่งมีประโยชน์ ในแง่การศึกษาและการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยพัฒนาคนให้รู้จัก คิดอย่างมีเหตุผล มีระเบียบ มีขั้นตอนในการคิด ทำให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ สามารถแก้ปัญหาได้ แต่จากรายงานการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ของกรมวิชาการ พบว่าคุณภาพการศึกษาของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นมีคะแนนเฉลี่ยในวิชาคณิตศาสตร์ต่ำกว่าร้อยละ 50 และจากการวัดผล คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนประจำปีของโรงเรียนโพนพิทยาคม ปรากฏว่า นักเรียนขาดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ไม่สามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง จากเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยในฐานะเป็นครูผู้รับผิดชอบสอน วิชาคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จึงได้ศึกษาค้นคว้าและพัฒนาชุดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขึ้น เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียน การสอน ที่จะทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและยังสามารถ สร้างองค์ความรู้นำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาได้ ปัญหาการวิจัย 5. 1. ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีลักษณะและองค์ประกอบอย่างไร และ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 หรือไม่ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วย ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนหรือไม่ 3. เจตคติของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนการสอนด้วย ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นอย่างไร ความมุ่งหมายของการวิจัย กลับหน้าแรก กลับไปก่อนหน้านี้ ปัญหาการวิจัย 8. ความสำคัญของการวิจัย 1. ได้ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิด การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอน เพื่อพัฒนาการสร้างองค์ความรู้และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้ 2. เป็นแนวทางการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาชุดการเรียนรู้ในเนื้อหา และกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ในระดับชั้นต่าง ๆ ต่อไป ขอบเขตการวิจัย กลับหน้าแรก กลับไปก่อนหน้านี้ 9. ขอบเขตการวิจัย ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต 1 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนโพนพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร เขต 1 ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างเลือกแบบเจาะจง จำนวน 1 ห้อง จำนวน 30 คน เนื่องจาก การจัดชั้นเรียนของโรงเรียนโพนพิทยาคม เป็นการจัดชั้นเรียนแบบคละชั้น คือแต่ละห้อง ประกอบด้วยนักเรียน เก่ง ปานกลาง และ อ่อน ขอบเขตการวิจัย ( ต่อ ) กลับหน้าแรก กลับไปก่อนหน้านี้ 10. ขอบเขตการวิจัย เนื้อหา เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ ค 3210 1 ปีที่ 2 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ระยะเวลา ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ใช้เวลาจำนวนทั้งสิ้น 6 สัปดาห์ ๆ ละ 3 ชั่วโมง ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรอิสระ ได้แก่ ชุดการเรียนรู้ ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติของนักเรียน กลับหน้าแรก สถิติที่ใช้ในการวิจัย กลับไปก่อนหน้านี้ 11. สถิติที่ใช้ในการวิจัย กลับหน้าแรก แบบแผนของการวิจัย กลับไปก่อนหน้านี้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้หาคุณภาพเครื่องมือ 1 . สถิติพื้นฐาน - ค่าเฉลี่ย - ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D. ) - ร้อยละ (Percent) 2. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน เปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและ หลังเรียนใช้ค่าสถิติ t-test ( Dependent Samples ) 1. หาค่าความเที่ยงตรง ( Validity ) ของแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยวิธี IOC 2. หาค่าความยากง่าย ( Difficulty ) และค่าอำนาจจำแนก ( Discrimination ) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ 3. หาความเชื่อมั่น ( Reliability ) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้วิธี KR 20 โดยวิธีของ Kuder - Richardson 13. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 4 ประเภท คือ 1. แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ 2. ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4. แบบวัดเจตคติต่อกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดการเรียนรู้ กลับหน้าแรก วิธีการดำเนินการวิจัย กลับไปก่อนหน้านี้ 14. ตอนที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ตอนที่ 2 การสร้างเครื่องมือในการวิจัย ตอนที่ 3 การดำเนินการทดลองใช้ชุดการเรียนรู้ ตอนที่ 4 การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล มีขั้นตอนการดำเนินการวิจัย 4 ขั้น ตอนดังนี้ วิธีการดำเนินการวิจัย กลับหน้าแรก ผลการวิเคราะห์ข้อมูล กลับไปก่อนหน้านี้ 15. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล กลับหน้าแรก กลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ 1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถสรุปเป็น 3 ตอนดังนี้ ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ตอนที่ 3 วิเคราะห์เจตคติของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วยชุดการเรียนรู้ 16. ตอนที่ 1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิด การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.93 / 81.24 สูงกว่าเกณฑ์ 75 / 75 ที่กำหนด กลับหน้าแรก หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ สรุปผลการวิจัย 17. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 กลับหน้าแรก สรุปผลการวิจัย หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ 18. สรุปผลการวิจัย เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยรวม เท่ากับ 4. 55 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0. 50 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีเจตคติต่อ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งสูงกว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้ กลับหน้าแรก ตอนที่ 3 วิเคราะห์เจตคติของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดการเรียนรู้ หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ 19. อภิปรายผล กลับหน้าแรก กลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ 1 ผลวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้ การอภิปรายผล สามารถสรุปเป็น 3 ตอนดังนี้ ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ตอนที่ 3 ผลวิเคราะห์เจตคติของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้ 20. ตอนที่ 1 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 75/75 ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพ 79.93 / 81.24 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนจากการประเมินผลระหว่างการเรียนรู้จากการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้ ในแต่ละชุดการเรียนรู้ ทั้ง 5 ชุด คิดเป็นร้อยละ 79.93 และนักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจาก การทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนคิดเป็นร้อยละ 81.24 แสดงว่า ชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเกณฑ์ 75 / 75 อภิปรายผลการวิเคราะห์ข้อมูล กลับหน้าแรก หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ 21. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและ หลังเรียนด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 16.90 จากคะแนนเต็ม 35 คะแนน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 28.43 จากคะแนนเต็ม 35 คะแนน แสดงให้เห็นว่านักเรียนที่เรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ กลับหน้าแรก อภิปรายผลการวิเคราะห์ข้อมูล หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ 22. ตอนที่ 3 การวิเคราะห์เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิด การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านชุดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4. 55 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีเจตคติต่อการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับดีมาก สูงกว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้ กลับหน้าแรก อภิปรายผลการวิเคราะห์ข้อมูล หน้าต่อไป กลับไปก่อนหน้านี้ 23. ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ 2 ข้อ ดังนี้ 24. 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.1 ครูผู้สอนคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สามารถนำชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและส่งผลให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 ผู้สนใจที่จะนำชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไปใช้ ควรศึกษารูปแบบการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์เพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 1.3 การนำชุดการเรียนรู้ไปใช้ต้องสร้างให้ครบกับจำนวนนักเรียน มีทั้งการทำ กิจกรรมกลุ่ม และรายบุคคล นักเรียนต้องมีทักษะคณิตศาสตร์ นักเรียนที่เรียนช้า จะมีปัญหาในการเรียนรู้ เรียนไม่ทันเพื่อน ครูผู้สอนต้องให้คำแนะนำช่วยเหลือ อย่างใกล้ชิด กลับไปก่อนหน้านี้ 25. 2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรจัดลำดับเนื้อหากิจกรรมให้ต่อเนื่องโดยการฝึกกิจกรรมจากง่ายไปหายาก และมีกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนมีส่วนร่วมแล้วเกิดการเรียนรู้ อย่างมีความสุข 2.2 ควรทำการศึกษาค้นคว้าและสร้างเป็นแบบฝึกทักษะกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในชั้นอื่น ๆ ต่อไป 2.3 ควรทำการศึกษาค้นคว้าและสร้างชุดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในเรื่องอื่น ๆ และในช่วงชั้นอื่น ๆ ต่อไป กลับหน้าแรก หน้าต่อไป