3. 1) กดคลิ๊กซ้าย 3 ครั้งเพอื่เลือกทั้งหมด
2) หลังจากนั้นคลิ๊กขวา 1 ครั้งเพื่อเปิดหน้าต่าง
คำสั่ง Make Group
3) คลิ๊กซ้ายเพื่อกดคำสั้ง Make group
1 ขั้นตอนการสร้าง Group (Make Group)
ในขั้นตอนนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกส่วนของ
H-BRAM ถูกเลือก
เมื่อสร้าง Group ของ H-BRAM
แลว้เสร็จจะขึ้นกรอบสีน้ำเงินลอ้มรอบเห็นได้ชัดเจน
ซึ่งก็ถือเสร็จขั้นตอนการสร้าง Group
4) ทดสอบโดยการเลือก Group ของ H-Beam
แลว้คลิ๊กขวา 1 ครั้งที่ Group
เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาดังภาพ
จากนั้นคลิ๊กซ้ายที่ Entity Info
เพื่อเปิดดูคุณสมบัติของ Group ที่เราสร้างขึ้น
5) จากนั้นสังเกตข้อมูลดังต่อไปนี้
5.1 ข้อมูลสำหรับการสร้าง IFC ไฟล์ (งาน BIM)
5.2 ชื่อของ Group
สามารถกำหนดได้โดยการพิมพ์ชื่อที่เราต้องการ
5.3 เลือกเครื่องหมายถูกถ้าอยากให้ Group
สามารถสะท้อนเงาได้เมื่อเปิด Shadows
5.4 เอาเครื่องหมายถูกออกถา้ไม่อยากให้
Group ได้รับเงาเมื่อเปิด Shadows
5.5 เลือกเครื่องหมายถูกถ้าอยากให้ Group
ที่สร้างขึ้นไม่สามารถมองเห็นได้
5.6 เลือกเครื่องหมายถูกถ้าอยากให้ Group
ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือแก้ไขได้
5.7 จำนวน Group ทั้งหมดใน Model
ข้อสังเกต
ในการสร้าง Group แต่ละครั้งเราจะไม่สามารถตั้งชื่อได้ทันที
แต่จะต้องกลับมาใช้คำสั่ง Entity Info เพื่อตั้งชื่อใหม่ทุกครั้ง
02
4. 2. Group กับ Solid Group
1. สร้างกล่องสีเหลี่ยมขึ้นมาแล้วสร้างเป็น
Group ชื่อ "A"
2. ถ้า Group ที่ถูกสร้างขึ้นเป็น Solid
ก็จะสามารถอ่านค่าของปริมาตรได้ในช่อง
Volume
อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง Group
และ Solid Group ?
3. สาเหตุที่ Group ไม่เป็น Solid
"Solid ที่แปลกันโดยทั่วไปว่าเป็นของแข็งตันๆ ก็คล้ายๆ กับ Solid Group ดังนั้นถ้าอยากให้
Group ที่เราสร้างขึ้นเป็น Solid ระวังอย่าให้มีรอยรั่วหรือปิดไม่สนิทดังตัวอย่างด้านล่าง"
3) แม้มองภายนอกจะไม่มีช่องว่าง แต่ถ้าปรับ
X-Ray ดูด้านใน ถ้าพบว่ามี Face
หรือเส้นดังตัวอย่างอยู่ด้านใน Group
ที่เราสร้างขึ้นก็จะไม่เป็น Solid เช่นกัน
ข้อสังเกต
การสร้าง Group ให้เป็น Solid
มีประโยชน์มากไม่เพียงแต่จะสามารถคำนวณปริมาต
รได้แต่ก็ยังชว่ยให้เราใชค้ำสั่งพิเศษที่ชื่อว่า Solid
Tools ได้ด้วย
03
6. 4. ความแตกต่างระหว่าง Group และ Component
เพื่ออธิบายให้เห็นความแตกต่างระหว่าง Group และ Component ให้ผู้เข้าอบรมทำการสร้าง
Group ชื่อว่า A ทาสีแดง และ Component ชื่อว่า B ทาสีเหลืองดังรูป
ในขั้นตอนนี้ระวังอย่าเทสีสีด้วยคำสั่ง Paint Bucket ลงบน Face
ที่เราสร้างขึ้นก่อนที่จะใช้คำสั่ง Make Group หรือ Make Component
1) สร้าว Component B สีเหลือง
2) สร้าง Group A สีแดง
3) ใช้คำสั่ง Copy สร้าง Group A และ
Component B อีกอย่างหละ 3 ตัว
4) กดคำสั่ง Edit Group A หรือ Double click
ที่ Group A เพื่อทำการแก้ไข Group A
5) ใชค้ำสั่ง Push/Pull
เพื่อดึงกล่องให้สูงขึ้นดังภาพ
สังเกตว่ากล่องสีแดงอื่นๆ ที่เป็น Group A
ที่เหลือไม่มีการเปลี่ยนแปลง
6) ทำเช่นเดียวกันกับ Component B โดยกด
Edit Component และดึงกล่องให้สูงขึ้นดังรูป
แต่คราวนี้จะพบว่า Component B
ที่เหลือจะยืดขึ้นตาม Component B
ที่เราทำการแก้ไขไปด้วย
ข้อสังเกต
Group แต่ละตัวจะเป็นอิสระต่อกัน ต่างจาก Component
ซึ่งแต่ละตัวจะเชื่อมโยงหากัน ดังนั้นไม่ว่าเราจะแก้ไขตัวใดตัวหนึ่งของ Component
ทุกตัวที่มีชื่อเดียวกันก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยทั้งหมด
05
7. คำถามแรกๆ ที่พบบ่อยๆ ของผู้ใช้ SketchUp ครั้งแรกๆ ก็คือ เราจะทำอย่างไร
เมื่อต้องการแก้ไข Component โดยไม่ทำให้ Component ที่มีชื่อเดียวกันเปลี่ยนตามไปด้วย?
เรามาดูคำตอบกันครับ
1) สร้าง Component ชื่อ B ขนึ้มา 4 ตัว
2) เนื่องจากเป็น Component ชื่อเดียวกัน
เมื่อเราแก้ไขตัวแรก อีก 3 ตัวก็จะถูกแก้ไขตามไปด้วย
ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าเป็นข้อดี เพราะในความเป็นจริง
สิ่งของใดก็ตามที่มีชื่อเดียวกัน
ก็ควรจะมีลักษณะที่เหมือนกันทุกชิ้น
ในกรณีนจี้ะเห็นว่า Component B ทุกตัวสั้นลงตาม
Component ตัวแรกซึ่งเราไม่ต้องการ
5. คำถามเกี่ยวกับ Component ที่ถูกถามบ่อย (1)
การแก้ไข Component
3) คลิ๊กขวาที่ Component B ตัวแรก
แล้วกดเลือกคำสั่ง Make Unique
4) กดคำสั่ง Make Unique ดังรูป
5) ทดลองปรับแก้ Component B
ตัวแรกอีกครั้ง แต่คราวนี้จะเห็นว่า
Component ตัวอื่นที่เหลือยังมีขนาดเท่าเดิม
6)เหตุที่ Component B
ตัวอื่นไม่เปลี่ยนตามก็เพราะว่า Component
B ตัวแรกถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็น B#1 แล้วนั้นเอง
ข้อสังเกต
หลายคนที่ทดลองเปลี่ยนมาใช้คำสั่ง Make Component แทน Make Group
จะปวดหัวกับการใช้คำสั่ง Make Unique มากๆ อย่างไรก็ตามต้องพยายามใช้คำสั่ง
Make Unique ทุกครั้งที่ต้องการเปลยี่นชอื่ หรือทำการ Edit Component
ไม่เชน่นนั้เมื่อเราทำงานไปเรื่อยๆ ด้วยคำสงั่ Make Component ก็จะพบว่า
Component ต่างๆ จะมีชื่อและขนาดวุ่นวายไปหมด และต้องกลับไปทำใหม่
ซึ่งจะเสียเวลาอย่างมาก
แม้การใช้ Component จะดูยุ่งยากกว่า Group
แต่สำหรับการสร้างโมเดลวิศวกรรมหรือสถาปัตแล้วถือว่ามีประโยชน์มากกว่า
เพราะเราสามารถกำหนดให้วัสดุ 1 ชิ้น เช่น หน้าต่าง A ในบ้าน
06
8. 5. คำถามเกี่ยวกับ Component ที่ถูกถามบ่อย (2)
ทำไมบางครั้งตั้งชื่อ Component ที่ต้องการไม่ได้
ในบางครั้งเมื่อเราสร้างโมเดลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บางคนอาจจะเจอปัญหาเรื่องการตั้งชื่อ
Component ยกตัวอย่างเชน่ พยายามจะตั้งชอื่ Component ของประตูตัวหนงึ่ว่า
"ประตู A" แต่พยายามเท่าไหร่ โปรแกรม SketchUp ก็ขึ้นเตือนว่าไม่สามารถสร้างชื่อ
Component ประตู A ได้
ลองมาดูสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหากันครับ
1) คำสงั่เตือนเชน่นี้จะเกิดขนึ้เมื่อเรากำลังพยายามตั้งชอื่
Component ใหม่ ที่มีชื่อเหมือนกับ Component
เดิมที่มีอยู่ แม้เราจะลบ Component
ที่มีชื่อเหมือนกันออกไปแล้วก็ตาม
2) ตัวอย่างเช่นเมื่อเราสร้าง Component
ของประตูขึ้นมา 3 ตัว ตัวแรกชื่อ ประตู A
และอีกสองตัวชื่อประตู B
3) เมื่อตรวจสอบ Outliner แล้วสังเกตได้ว่าทั้งโมเดล
ประกอบด้วย Component 3 ตัวนี้เท่านั้น
4) ลบ Component ประตู A ออกไปจากโมเดล
สังเกตใน Outliner ไม่พบว่าไม่มี Component A
อยู่ในโมเดล
5) หลังจากลบ Component ประตู A ออกไปแล้ว
ทดลอง Copy Component ประตู B เพิ่มอีก 1
ตัวแทนที่ตำแหน่ง Component A เดิม แล้วกดคำสั่ง
Make Unique หลังจากนั้นตั้งชื่อ Component B#1
ใหม่ว่า ประตู A อีกครั้ง จะพบว่าโปรแกรม Sketchup
จะขึ้นเตือนว่า "The component name must be
unique" ซึ่งแปลว่าชื่อของ Component
ที่เรากำลังจะสร้างซ้ำกับ Component
ที่เรามีอยู่เดิมแล้ว ในที่นี้คือ Component A
ที่เราได้ลบออกไปแล้วนั้นเอง
ตอนนี้จะเห็นว่าแม้เราจะลบ Component ประตู A
ออกไปแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะตั้งชื่อ Component ว่า
ประตู A ซ้ำอีกได้
ข้อสังเกต
ดูเหมือนว่า แม้เราจะลบ Component ใดๆ
ออกไปจากโมเดลที่เรากำลังสร้างขึ้น โปรแกรม SketchUp ยังจดจำชื่อนั้นไว้
และขึ้นคำสงั่เตือนเสมอเมื่อเราพยายามที่จะตั้งชอื่ Component นั้นทุกครั้ง
07
9. 5. คำถามเกี่ยวกับ Component ที่ถูกถามบ่อย (2)
ทำไมบางครั้งตั้งชื่อ Component ที่ต้องการไม่ได้
6) เพื่อที่ไม่ให้โปรแกรมจำชื่อของ Component
ที่เราลบทิ้งไปแล้ว (ในที่นี้คือ Component ที่ชื่อว่า ประตู A)
ให้เริ่มจากคลิ๊กขวาที่แถว Tool Bars ที่ว่างอยู่ดังภาพ
7) กดเครื่องหมายถูกที่ Standard เพื่อเพิ่ม Tool Bar
Standard
8) หน้าต่างคำสั่ง Tool Bar กดเลือกไปที่ Model Info
9) ที่หน้าต่าง Model Info ให้กดไปที่คำสั่ง
Statistics เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดในโมเดล
10) เลือก Entier model
11) จากนั้นกด Purge Unused
เพื่อลบความจำชื่อของ Component
ทั้งหมดที่ถูกลบไปแล้วออกจากโปรแกรม
12) ลองปรับแก้ชื่อ Componet ประตู B#1 อีกครั้ง
แต่คราวนี้จะสามารถเปลยี่นชอื่เป็น ประตู A ได้โดยไม่มีปัญหา
ข้อสังเกต
ทุกครั้งที่เราไม่สามารถตั้งชื่อ Component ที่เราต้องการได้
ให้เริ่มจากตรวจสอบว่าชอื่นนั้ไปตรงกับชอื่ Component อนื่ๆ
ที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ในโมเดลหรือไม่ (ดูจากคำสั่ง Outliner) ถ้าพบว่าไม่มีชื่อใดๆ
ซ้ำกัน ให้ทำการ Purge Unused เพอื่ลา้งชอื่เก่าๆ ออกไป หลังจากนนั้ก็ตั้งชอื่
Component ใหม่ตามที่เราต้องการ
08