SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 15
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
บทที่ 4 การทำาการประมง
4.1 คำานิยามที่ควรรู้
จาก พรบ.การประมง พ.ศ.2490 คำานิยามด้านการทำา
ประมงที่ควรรู้ มีดังนี้
“สัตว์นำ้า หมายถึง สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนำ้า หรือวงจรส่วนหนึ่ง
อยู่ในนำ้าหรืออาศัยอยู่ในบริเวณที่มีนำ้าท่วมถึง เช่น ปลา กุ้ง
แมงดาทะเล หอย เต่า กระ ตะพาบนำ้า จระเข้ รวมทั้งไข่ของสัตว์
นำ้านั้น สัตว์จำาพวกเลี้ยงลูกด้วยนำ้านม ปลิงทะเล ฟองนำ้า หิน
ปะการัง กัลปังหา และสาหร่ายทะเล ทั้งนี้รวมซากหรือส่วนหนึ่ง
ส่วนใดของสัตว์นำ้าเหล่านั้น และหมายความรวมถึงพันธุ์ไม้นำ้าที่ได้
มีพระราชกฤษฎีการะบุชื่อ”
“ทำาการประมง หมายความว่า จับ ดัก ล่อ ทำาอันตราย ฆ่า
หรือเก็บสัตว์นำ้าในที่จับสัตว์นำ้าด้วยเครื่องมือทำาการประมงหรือ
ด้วยวิธีใดๆ
•เครื่องมือทำาการประมง หมายความว่า เครื่องกลไก เครื่องใช้
เครื่องอุปกรณ์ ส่วนประกอบอาวุธ เสา หลัก หรือเรือ บรรดาที่ใช้
ทำาการประมง”
“เรือ หมายความว่ายานพาหนะทางนำ้าทุกชนิด
“
“ที่จับสัตว์นำ้า หมายความว่า ที่ซึ่งมีนำ้าขัง หรือ ไหล เช่น
ทะเล แม่นำ้า ลำาคลอง หนอง บึง เป็นต้น และหาดทั้งปวง บรรดาซึ่ง
เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป่าไม้และพื้นดิน ซึ่งท่วม
ในฤดูนำ้าไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินอัน
บุคคลถือกรรมสิทธิ์และภายในเขตน่านนำ้าไทยหรือน่านนำ้าอื่นใด
ซึ่งประเทศไทยใช้อยู่หรือมีสิทธิ์ที่จะใช้ต่อไปในการทำาการประมง
โดยที่น่านนำ้าเหล่านั้น ปรากฏโดยทั่วไปว่ามีขอบเขตตามกฎหมาย
ท้องถิ่นหรือธรรมเนียมประเพณี หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ
หรือตามสนธิสัญญาหรือด้วยประการใด”
“ใบอนุญาต หมายความว่า ใบอนุญาตซึ่งพนักงานเจ้า
หน้าที่ออกให้แก่บุคคลใดใช้ทำาการประมงหรือทำาการเพาะเลี้ยง
สัตว์นำ้าในที่อนุญาต”
“อาชญาบัตร หมายความว่า ใบอนุญาตซึ่งพนักงานเจ้า
หน้าที่ออกให้แก่ผู้รับอนุญาตเพื่อใช้เครื่องมือทำาการประมง”
39
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
“ผู้รับอนุญาต หมายความว่า บุคคลผู้ได้รับประทานบัตร ใบ
อนุญาตอาชญาบัตร หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำาการอย่างหนึ่ง
อย่างใดตามพระราชบัญญัตินี้”
“เครื่องมือประจำาที่ หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมงซึ่ง
ใช้วิธีลงหลัก ปัก ผูก ขึง รั้ง ถ่วง หรือวิธีอื่นใด อันทำาให้เครื่องมือ
นั้นอยู่กับที่ในเวลาทำาการประมง”
“เครื่องมือในพิกัด หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมงซึ่ง
ระบุชื่อลักษณะหรือวิธีใช้ในกฎกระทรวง”
“เครื่องมือนอกพิกัด หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมง
ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในกฎกระทรวงว่าเป็นเครื่องมือในพิกัด”
“สถิติการประมง หมายความว่า สถิติหรือข้อความที่เกี่ยวกับ
ผลิตภัณฑ์สัตว์นำ้า การค้าสินค้าสัตว์นำ้า การทำาการประมงและการ
เพาะเลี้ยงสัตว์นำ้า”
“น่านนำ้าไทย หมายถึง บรรดาน่านนำ้าซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตย
ของประเทศไทย” ประกอบด้วย
• น่านนำ้าภายใน (Internal Waters)
• อ่าวประวัติศาสตร์ (Historic Bay)
• ทะเลอาณาเขต (Territorial Sea)
“น่านนำ้าภายใน หมายถึง ที่ซึ่งมีนำ้าขังหรือไหลอยู่ในผืน
แผ่นดินและรวมทั้งทะเลบริเวณนั้นจากฐานเส้นตรง ได้แก่ แม่นำ้า
ลำาคลอง หนอง บึง”
“อ่าวประวัติศาสตร์ คือ อ่าวขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรัฐ
เดียว อีกทั้งรัฐนั้นได้ยึดถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐติดต่อกันมาช้า
นานว่าเป็นอาณาเขตของรัฐนั้นๆ โดยไม่มีรัฐอื่นใดคัดค้าน”
“ทะเลอาณาเขต คือ ทะเลที่อยู่ถัดจากแผ่นดินของประเทศ
นั้น และจากน่านนำ้าภายในออกไปไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล นับจาก
เส้นฐานตรง”
“น่านนำ้าอื่นใด หมายถึง น่านนำ้าอื่นๆที่ไม่ใช่เขตน่านนำ้า
ของไทย อาทิเช่น ไหล่ทวีป เขตเศรษฐกิจจำาเพาะ ทะเลหลวง
น่านนำ้าตามสนธิสัญญา”
40
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
“ไหล่ทวีป (Continental Shelf) คือ บริเวณใต้ทะเลรอบๆ
ชายฝั่งต่างๆ ซึ่งจะมีความลาดเอียงทีละน้อยๆ นับแต่ภายนอก
ทะเลอาณาเขตออกไปจนถึงระดับนำ้าลึก 200 เมตร”
“เขตเศรษฐกิจจำาเพาะ (Exclusive Economic Zone)
หมายถึง บริเวณที่อยู่ถัดออกไปจากทะเลอาณาเขตของราช
อาณาจักรไทย มีความกว้าง 200 ไมล์ทะเล วัดจากเส้นฐานที่ใช้
วัดความกว้างของทะเลอาณาเขต”
“ทะเลหลวง (High Sea) คือ ส่วนทั้งหมดของทะเลที่ไม่อยู่
ในเขตทะเลอื่นใด ซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐหนึ่งรัฐใดโดย
เฉพาะ”
“น่านนำ้าตามสนธิสัญญา คือ น่านนำ้าที่รัฐต่างๆได้ทำาความ
ตกลงให้เข้าทำาการประมงในเขตเศรษฐกิจจำาเพาะได้ตามเงื่อนไข
ที่ตกลงไว้”
4.2 แหล่งทำาการประมง (Fishing Ground)
การจำาแนกแหล่งทำาการประมง สามารถจำาแนกได้ดังนี้
 จำาแนกตามลักษณะแหล่งนำ้า ดังนี้
1. นำ้าจืด
• นำ้านิ่ง (Lentic water) ได้แก่ หนอง บึง ทะเลสาบ
บ่อ เป็นต้น
• นำ้าไหล (Lotic water) ได้แก่ แม่นำ้า คลอง เป็นต้น
2. นำ้าเค็ม
• ชายฝั่ง (Coastal)
• ใกล้ฝั่ง (Inshore)
• นอกฝั่ง (Offshore)
• ทะเลลึก/ทะเลหลวง (Deep Sea/High Sea)
 จำาแนกตามกลุ่มชาวประมง ดังนี้
1. ประมงพื้นบ้าน/ประมงขนาดเล็ก
2. ประมงพาณิชย์
• ในน่านนำ้าไทย
• นอกน่านนำ้าไทย
 จำาแนกตามชนิดสัตว์นำ้า ดังนี้
1. ปลาผิวนำ้า (Pelagic Fish)
2. ปลาหน้าดิน (Demersal Fish)
41
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
ปัจจัยที่มีผลต่อแหล่งทำาการประมง
• ที่ตั้ง
• สภาพอากาศของลมมรสุม
• ความเค็มและออกซิเจน
• การหมุนเวียนของกระแสนำ้า
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ระหว่างลองติจูด 97 องศาตะวันออก และ 106 องศาตะวันออก
และระหว่างแลตติจูด 5 องศาเหนือ และ 21 องศาเหนือ
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนและ
มีด้านที่ติดทะเล 2 ด้าน คือ ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน
แหล่งทำาการประมงทะเลของประเทศไทย
สามารถแบ่งได้เป็น 2 แหล่งใหญ่ คือ
1) แหล่งประมงในน่านนำ้าไทย
- แหล่งทำาการประมงในอ่าวไทย
- แหล่งทำาการประมงทางฝั่งอันดามัน
2) แหล่งประมงนอกน่านนำ้าไทย
แหล่งทำาการประมงในอ่าวไทย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ทางฝั่งอ่าวไทย เป็นดังนี้
- พื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวทั้งหมด 1,875 กิโลเมตร
- ลักษณะสภาพของทะเลในอ่าวไทยมีลักษณะเป็นที่ลาด
- มีความลึกไม่มากนัก ประมาณ 70-85 เมตร
- สภาพพื้นท้องทะเลเป็นโคลน โคลนปนทราย ทรายปน
โคลน และทราย
- เป็นอ่าวแบบกึ่งปิด
- แม่นำ้าสำาคัญหลายสายไหลลงสู่อ่าวไทย ดังนี้
42
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
•เจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลอง (อ่าวไทยตอน
บน)
•เวฬุ ระยอง (ฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย)
•ตาปี (ฝั่งตะวันตกคอนใต้ของอ่าวไทย)
-ลมมรสุม
•ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ –ตามเข็มนาฬิกา
•ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้-ทวนเข็มนาฬิกา
- แหล่งทำา การประมงในอ่าวไทยตามการประกาศเขต
เศรษฐกิจจำาเพาะ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ครอบคลุมพื้นที่
ทั้งหมด 252,000 ตารางกิโลเมตร
เขตเศรษฐกิจจำาเพาะทางฝั่งอ่าวไทย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เขต
EEZ ของไทย 252,000 ตร.กม. และเขตทับซ้อนต่างๆ ดังนี้
• ไทย-กัมพูชา 34000 ตร.กท.
• ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม 14000 ตร.กม.
• ไทย-มาเลเซีย 4000 ตร.กม.
- เขตการประมงทางฝั่งอ่าวไทยแบ่งออกเป็น 5 เขต ดังนี้
• เขต 1 อ่าวไทยด้านตะวันออก ประกอบด้วยทะเลที่
อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดตราด จันทบุรี และ
ระยอง
• เขต 2 อ่าวไทยตอนใน ประกอบด้วยทะเลที่อยู่ใน
อ า ณ า เ ข ต ข อ ง จั ง ห วั ด ช ล บุ รี ฉ ะ เ ชิ ง เ ท ร า
สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร
สมุทรสงคราม และเพชรบุรี
• เขต 3 อ่าวไทยด้านตะวันตกตอนบน ประกอบด้วย
ท ะ เ ล ที่ อ ยู่ ใ น อ า ณ า เ ข ต ข อ ง จั ง ห วั ด ชุ ม พ ร
ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี
• เขต 4 อ่าวไทยด้านตะวันตกตอนล่าง ประกอบด้วย
ทะเลที่อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช
สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส
• เขต 5 อ่าวไทยตอนกลาง ประกอบด้วยทะเลที่อยู่
บริเวณกลางอ่าวไทย มีอาณาเขตติดต่อกับเส้นแบ่ง
เขตเศรษฐกิจจำา เพาะของประเทศมาเลเซีย
เวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา
43
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
ลักษณะพื้นท้องทะเลบริเวณชายฝั่งของเขต 1 เป็นทรายปน
โคลนและเปลือกหอย บริเวณห่างฝั่งออกไปเป็นทรายปนเปลือก
หอย
เขต 2, 3 และ 5 ส่วนใหญ่เป็นโคลนเลน
เขต 5 พื้นท้องทะเลมีลักษณะเป็นโคลนเหลว แต่ห่างจากฝั่งออก
ไปจะเป็นโคลนปนทรายกับทรายและเปลือกหอย
พื้นท้องทะเลในเขต 1 และ 2 ราบเรียบเหมาะสำาหรับการลากอวน
บางส่วนของเขต 3, 4 และ 5 ไม่สามารถจะลากอวนได้โดย
เฉพาะในเขต 5 ซึ่งอยู่กลางอ่าวและพื้นท้องทะเลส่วนใหญ่จะเป็น
สันสูง 1-2 เมตร
แหล่งทำาการประมงฝั่งอันดามัน
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นดังนี้
- พื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวทั้งหมด 740 กิโลเมตร
- เป็นที่ราบลาดชัน มีความลึกมากกว่าทางอ่าวไทย
- แม่นำ้าที่ไหลเข้าสู่ทะเลอันดามันส่วนใหญ่เป็นแม่นำ้าสาย
สั้นๆ
- ลักษณะของพื้นท้องทะเลส่วนใหญ่เป็นโคลนปนทราย
- เป็นลักษณะของไหล่ทวีปที่ค่อนข้างแคบ
- มีความลึกของนำ้ามากและกระแสนำ้าแรง บางแห่งห่างจาก
ฝั่งประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะมีความลึกของนำ้าเกิน 100 เมตร
- ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดยตรง
- มีแหล่งปะการังมาก
- แหล่งทำาการประมงด้านทะเลอันดามันตามการประกาศเขต
เศรษฐกิจจำาเพาะเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ครอบคลุมพื้นที่
ทั้งหมด 126,000 ตารางกิโลเมตร
- เขตการประมงแบ่งเป็น 2 เขต คือ
• เขต 6 ทะเลอันดามันตอนบน ประกอบด้วยทะเลที่
อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
• เขต 7 ทะเลอันดามันตอนล่าง ประกอบด้วยทะเลที่
อยู่ในอาณาเขตจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
44
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
แหล่งประมงนอกน่านนำ้าไทย แบ่งออกเป็น 5 เขต คือ
• แหล่งประมง A ครอบคลุมพื้นที่ทะเลจีนใต้ตอนบน
• แหล่งประมง B ครอบคลุมพื้นที่ทะเลจีนใต้ตอนล่าง
• แหล่งประมง C ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามัน
บริเวณช่องแคบมะละกา
• แหล่งประมง D ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามันด้าน
ประเทศพม่า
• แหล่งประมง E ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามันด้าน
ประเทศบังคลาเทศ
พื้นที่ทำาการประมงนอกน่านนำ้าในพื้นที่
ประเทศที่มีการทำาสัญญาทำาการประมงร่วม ได้แก่ เวียดนาม
กัมพูชา
บรูไน มาเลเซีย
อินโดนีเซีย บังคลาเทศ
อินเดีย และซาอุดิอาระเบีย
4.3 เรือประมง
เรือประมง หมายถึง ยานพาหนะทางนำ้าทุกชนิดที่ครัวเรือนที่
ทำาประมงในรอบ 12 เดือน จำาแนกดังนี้
 เรือไม่มีเครื่องยนต์
 เรือมีเครื่องยนต์นอกเรือ (เรือหางยาว)
 เรือมีเครื่องยนต์ในเรือ (เรือวางท้อง)
ขนาดของเรือประมง หมายถึง ความยาวเรือประมงแต่ละลำา
ซึ่งวัดจากหัวเรือไปจรดท้ายเรือ จำาแนกดังนี้
 ความยาวน้อยกว่า 14 เมตร
 14-18 เมตร
 19-25 เมตร
 มากกว่า 25 เมตร
กำาลังแรงม้า หมายถึง กำาลังของเครื่องยนต์ซึ่งติดอยู่ในเรือ
เป็นตัวชี้บอกประสิทธิภาพของเรือ
45
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
ระวางบรรทุกของเรือ (ตันกรอส) หมายถึง ความจุคิดเป็นตัน
ของเนื้อที่ว่างภายในลำาเรือทั้งหมด และห้องต่างๆที่อยู่บนดาดฟ้า
ยกเว้น ห้องเครื่องจักร ห้องนำ้า ห้องส้วม ห้องครัว และห้องบันได
จำาแนกขนาดเป็น
 น้อยกว่า 5 ตัน
กรอส
 20-29 ตันกรอส
 5-9 ตันกรอส  30-49 ตันกรอส
 10-14 ตันกรอส  50-99 ตันกรอส
 15-19 ตันกรอส  ตั้งแต่ 100 ตันกรอส
ขึ้นไป
4.3 เครื่องมือทำาการประมง
เครื่องมือทำาการประมง (Fishing Gears) คือ เครื่องมือที่
ใช้จับหรือสัมผัสสัตว์นำ้าโดยตรง และเครื่องมือช่วยทำาการประมง
(Auxillary Gears) คือเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้การจับ
สัตว์นำ้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น หรือช่วยให้การจับสัตว์นำ้าสำาเร็จลง
ได้ เช่น เรือ เครื่องทุ่นแรง เครื่องหาฝูงปลา ซั้ง เป็นต้น การ
จำาแนกเครื่องมือทำาการประมง สามารถแบ่งได้ดังนี้
การจำาแนกตามลักษณะการทำางาน (การทำา
ประมง) คือ
1. เครื่องมือประเภทเคลื่อนที่ (Moveable fishing gears)
หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ขณะทำาการประมง เครื่องมือ
ดังกล่าวมีการเคลื่อนที่ และห่างออกไปจากตำาแหน่งที่เริ่มต้นด้วย
แรงของกระแสลม กระแสนำ้า คน หรือเครื่องยนต์เรือ
2. เครื่องมือประเภทประจำาที่ (Stationary fishing
gears) หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ใช้วิธีลงหลัก ปัก ผูก
ขึง รั้ง ถ่วง หรือวิธีอื่นใด อันทำาให้เครื่องมือและส่วนประกอบอยู่
กับที่ในเวลาทำาการประมง และทำาการจับสัตว์นำ้าตรงจุดที่ตั้งเครื่อง
มือนั้นๆ ทุกครั้ง
3. เครื่องมือประเภทกึ่งประจำา ที่ (Semi-stationary
fishing gears) หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ขณะทำาการ
46
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
ประมง เครื่องมือนั้นจะถูกยึด ถ่วงรั้ง ให้อยู่กับที่ในระยะเวลาหนึ่ง
หรือจนสิ้นสุดการจับสัตว์นำ้าแต่ละครั้งเสร็จแล้วเก็บอุปกรณ์ขึ้นเรือ
เพื่อนำาไปใช้ในบริเวณอื่นๆได้อีก
จำาแนกตามขนาดของธุรกิจ คือ
1. เครื่องมือประมงพื้นบ้าน หมายถึง เครื่องมือประมงที่ไม่
ใช้เรือหรือใช้ประกอบกับเรือขนาดไม่เกิน 5 ตันกรอส
2. เครื่องมือประมงพาณิชย์ หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้
ประกอบกับเรือที่มีขยาดเกินกว่า 5 ตันกรอส
การจำาแนกตามกรรมวิธีในการจับสัตว์นำ้า สามารถ
จำาแนกได้เป็น 13 ประเภท คือ
1. ประเภทอวนล้อมจับ 8. ประเภทอวนรุน
2. ประเภทอวนกางกั้นแล้วลาก 9. ประเภทลอบ
3. ประเภทอวนลาก 10. ประเภทโป๊ะ
4. ประเภทคราด 11. ประเภทโพงพาง
5. ประเภทอวนช้อน อวนยก 12. ประเภทเบ็ด
6. ประเภทอวนครอบ 13.ประเภทเบ็ดเตล็ด
7. ประเภทอวนติด
ประเภทอวนล้อมจับ (Surrounding Nets)
อวนล้อมจับ หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะเป็นผืน
อวนคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หลักการ คือ
ใช้วิธีปล่อยผืนอวนล้อมรอบสัตว์นำ้าเป็นวงกลมหรือรูป
ไข่ เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของสัตว์นำ้าในแนวราบ
ส่วนในแนวดิ่งใช้ความลึกของอวนสกัดกั้นตัดหน้าฝูง
สัตว์นำ้า
ปิดด้านล่างของผืนอวน
ทำาการกู้อวนแล้วตักสัตว์นำ้าขึ้นเรือ
ชนิด: อวนล้อมจับมีสายมาน และอวนล้อมจับไม่มีสายมาน
ประเภทอวนกางกั้นแล้วลาก(Seine Nets)
หมายถึง เครื่องมือประมงที่ปล่อยอวนกางกั้นสัตว์นำ้า แล้ว
ทำาการฉุด ลากปลายสุดของผืนอวนข้างใดข้างหนึ่ง หรือ
ทั้งสองข้างเข้าหาฝั่งหรือเรือ
47
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
หลักการ คือ
ใช้วิธีล้อม และลากผสมกัน
ในไทย เป็นแบบลากเข้าหาชายหาดด้วยแรงคน
จับสัตว์นำ้าที่เข้ามาในเขตนำ้าขึ้นนำ้าลงบริเวณชายหาด
ลึก 1-3 เมตร
ปลากะตัก เคย ปลากระบอก ปลาแป้น ปลาข้างเหลือง
ชนิด:อวนทับตลิ่ง
ประเภทอวนลาก(Trawl Nets)
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง
ใช้วิธีการจับสัตว์นำ้าโดยการใช้เรือลากจูงอวนให้เคลื่อนที่
ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
 หลักการ คือ
 จับสัตว์นำ้าที่อาศัยบริเวณพื้นทะเลหรือเหนือพื้นทะเล
 ชนิดสัตว์นำ้าทั้งแบบอยู่รวมกันเป็นฝูง/แพร่กระจาย
บริเวณกว้าง
 ชนิด:อวนลากคู่ อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง
 อวนลากคู่ : อวนลากที่ใช้เรือสองลำาช่วยถ่างปากอวน ส่วน
ใหญ่จับปลาหน้าดิน ปลาผิวนำ้าและหมึก
 อวนลากแผ่นตะเฆ่: อวนลากที่ใช้แผ่นตะเฆ่ช่วยถ่างปาก
อวน
อวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดเล็ก: อวนลากแคระ/อวนลาก
กุ้ง
ชนิดอวนที่ใช้: อวนลากปลา อวนลากกุ้ง อวนลากเคย
อวนลากแมงกะพรุน
 อวนลากคานถ่าง : อวนลากที่ใช้คานช่วยถ่างปากอวน
ชนิดในประเทศไทย คือ
• อวนลากคานถ่างแบบลากกุ้ง/อวนลากข้าง/อวนลาก
แขก
• อวนลากคานถ่างแบบลากแมงกะพรุน/อวนลากจอ
หนัง
ประเภทคราด (Dredges)
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะคล้ายตะแกรง
ทำาการประมงโดยวิธีขูด แซะ เพื่อจับสัตว์นำ้าที่อยู่ใต้ผิวดิน
โดยใช้แรงคน/เครื่องยนต์
48
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
 หลักการ คือ
 ส่วนใหญ่ใช้จับหอยชนิดที่ฝังตัวใต้พื้นโคลน/ทราย
 มีทั้งแบบใช้แรงคน และแบบใช้เรือลาก
 ชนิด: คราดหอยลาย คราดหอยแครง คราดหอยอื่นๆ
เช่น คราดหอยเสียบ คราดหอยตลับ
ประเภทอวนช้อน/อวนยก (Lift Nets)
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้ผืนอวนที่มีลักษณะและรูป
ร่างเป็นสี่เหลี่ยม/กลม จับสัตว์นำ้าโดยการวางอวนทิ้งไว้ใน
แนวดิ่ง/แนวราบ และจะยกหรือดึงอวนขึ้นทันที่เมื่อ
ต้องการจับสัตว์นำ้า
 หลักการ คือ ใช้เครื่องมือล่อลวง เช่น เหยื่อล่อ ซั้งล่อ แสง
ไฟล่อ ตัวอย่าง บาม ยอเคย จั่น/หยอง/ยอปู แร้วปู
อวนช้อนปลากะตัก และไม่ใช้เครื่องมือล่อลวง เช่น สวิง
ช้อนหมึก สวิงช้อนแมงกะพรุน
ประเภทอวนติดตา (Gill Nets)
หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะเป็นผืนอวนคล้าย
สี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้จับสัตว์นำ้าโดยการวางขวางหรือปิด
ล้อมสัตว์นำ้าเพื่อให้สัตว์นำ้าว่ายชนแล้วติดหรือพันตาอวน
หลักการ คือ
เรียกว่า ข่าย/อวนลอย/อวนจม/กัด/อวนล้อมติด/อวน
ติด
ชาวประมงพื้นบ้านนิยมใช้มากที่สุด
ประสิทธิภาพ: ความยาวอวน ขนาดตาอวน ความลึก
อวน และอัตราย่นของเนื้ออวน
ชนิด: 19 ชนิด คือ อวนลอยปลาอินทรี อวนลอยปลา
กะพงขาว อวนจมปู อวนจมกุ้ง อวนล้อมติดปลาทู
ประเภทอวนรุน (Push Nets)
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง ปาก
อวนประกอบกับคันรุน ติดตั้งบริเวณหัวเรือ จับสัตว์นำ้าโดย
วิธีผลักด้วยแรงคน/เครื่องยนต์
 ชนิด: อวนรุนใช้เรือกล อวนรุนไม่ใช้เรือกล (ระวะ/รุน
เคย/ชิป/ไสกุ้ง)
49
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
 อวนรุนใช้เรือกล หมายถึง อวนรุนที่ใช้เรือกลผลักดัน
เครื่องมืออวนให้เคลื่อนที่ขณะทำาการจับสัตว์นำ้า (แบบรุน
กุ้ง/แบบรุนเคย)
 อวนรุนไม่ใช้เรือกล หมายถึง อวนรุนที่ไม่ใช้เรือกลผลัก
ดันเครื่องมืออวนให้เคลื่อนที่ขณะทำาการจับสัตว์นำ้า แต่ใช้
แรงคนแทน(แบบรุนกุ้ง/แบบรุนเคย)
ประเภทลอบ (Traps, Pots)
หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้ดักจับสัตว์นำ้า มีลักษณะเป็น
โครงรูปทรงต่างๆ ใช้วัสดุหุ้มโดยรอบ และมีส่วนที่เรียกว่า
งา เป็นช่องให้สัตว์นำ้าเข้าภายใน
5 ชนิด: ลอบปลา ลอบหมึก ลอบกุ้ง ลอบปู ลอบหอย
ลอบปลา: ลอบปลาแบบจับปลาขนาดใหญ่ ลอบลูกปลา
กะรัง
ลอบหมึก: ลอบหมึกหอม ลอบหมึกกระดอง
ลอบกุ้ง/ลอบยืน/ไซนั่ง: สงขลา
ลอบปู: ลอบป่า/ไซนอน เชงเลง ลอบปูแบบพับได้
ลอบหอย: หอยหวาน/หอยตุ๊กแก/หอยเทพรส/หอยดูด/
หอยหมาก
ประเภทโป๊ะ (Pound Nets/ Set Nets)
หมายถึง เครื่องมือประจำาที่ ประกอบด้วยส่วนของลูกขังมี
ลักษณะเป็นรูปทรงต่างๆ และมีส่วนปีกเป็นทางนำาให้สัตว์
นำ้าเข้าสู่ลูกขัง
หลักการ คือ เป็นการดักจับ
2 ชนิด: โป๊ะนำ้าตื้น และโป๊ะนำ้าลึก
โป๊ะนำ้าตื้น หมายถึง โป๊ะที่มีระดับนำ้าในลูกขังลึกไม่เกิน
สามเมตร เมื่อนำ้าลงตำ่าสุด (โป๊ะนำ้าแห้ง/โป๊ะนำ้าขอด/หลา
ด/มุ)
โป๊ะนำ้าลึก หมายถึง โป๊ะที่มีระดับนำ้าในลูกขังลึกเกินกว่า
สามเมตร เมื่อนำ้าลงตำ่าสุด แบ่งได้ 2 แบบ คือ แบบโป๊ะรุก/
โป๊ะเผือก และแบบโป๊ะยก/โป๊ะอวน
ประเภทโพงพาง (Set Bag Nets)
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง ปาก
อวนกางยึดอยู่กับที่ ทำาการประมงโดยวิธีให้กระแสนำ้าพัด
พาสัตว์นำ้าเข้าไปในถุงอวน
50
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
 2 ชนิด: โพงพางประจำาที่ กับ แบบเคลื่อนที่
 โพงพางประจำาที่ หมายถึง โพงพางชนิดที่ทำาการประมง
ซำ้าที่เดิมเป็นประจำา และไม่เก็บหลักหรือปีกไว้เมื่อเสร็จสิ้น
การจับสัตว์นำ้า ชนิดของโพงพางในกลุ่มนี้ ได้แก่ โพงพาง
หลัก โพงพางหลักใต้นำ้า โพงพางปีก
 โพงพางเคลื่อนที่ หมายถึง โพงพางชนิดที่เคลื่อนย้าย
เครื่องมืออวนและส่วนประกอบทั้งหมดออกจากจุด
ที่ทำาการประมงหลังจากเสร็จสิ้นการจับสัตว์นำ้าทุกครั้ง
บางครั้งเรียกว่า โพงพางหลักลอย/โพงเคย/ป้องเคย
ประเภทเบ็ด (Hook and Lines)
หมายถึง เครื่องมือประมงที่ประกอบด้วยตัวเบ็ดมีลักษณะ
โค้งงอเป็นขอ ส่วนใหญ่มีเงี่ยง และสายเบ็ดเป็นเชือก/วัสดุ
คล้ายเชือก
ชนิด: เบ็ดมือ เบ็ดลาก เบ็ดราว
ประเภทเบ็ดเตล็ด
 หมายถึง เครื่องมือประมงที่ไม่ได้จัดไว้ในเครื่องมือ 12
ประเภท ตัวอย่าง เฮียหอยกระพง สับปะนก ขอขุดปูทะเล ฉมวก/
แหลน/หลาว/ซ่อม เรือผีหลอก อวนรัง เป็นต้น
4.4 แนวคิดการทำาการประมง
ปัญหาการทำาการประมงของประเทศไทย
1. ความเสื่อมโทรมของทรัพยากร
 ทรัพยากรสัตว์นำ้าหน้าดิน: กุ้งทะเล หมึก หอยลาย
 ทรัพยากรปลาผิวนำ้า: ปลาปากคม ปลาทรายแดง
 CPUE (Catch per unit of fishing effort):
อัตราการจับ/ปริมาณการจับต่อหน่วยลงแรงประมง
2. ขาดแคลนแหล่งทำาการประมง
3. ต้นทุนการทำาประมงสูงขึ้น
4. ราคาสัตว์นำ้าตำ่าและไม่แน่นอน
5. ขาดแคลนแรงงาน
6. ขาดแคลนเงินทุน
7. กฎหมายเก่าและล้าสมัย
 พรบพรบ..ประมงประมง พพ..ศศ.2490.2490
51
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
 พรบพรบ..ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทยว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย
พพ..ศศ.2482.2482
 พรบพรบ..การจัดระเบียบกิจการแพปลาการจัดระเบียบกิจการแพปลา พพ..ศศ.2496.2496
 พรบพรบ..เดินเรือสยามเดินเรือสยาม พพ..ศศ.2481.2481
 พรบพรบ..การเดินเรือในน่านนำ้าไทยการเดินเรือในน่านนำ้าไทย พพ..ศศ.2456.2456
การทำาการประมงในอนาคต
 การทำาการประมงอย่างรับผิดชอบตามหลักการ
ของ Code of Conduct
 การพัฒนาเครื่องมือที่มุ่งจับสัตว์นำ้าเป้าหมาย
 การจดทะเบียนเรือ
 การติดตาม ตรวจสอบการทำาการประมง
เอกสารอ้างอิง
กองประมงทะเล. 2540. คำานิยามและการจำาแนกเครื่องมือ
ประมงทะเลของไทย. กรมประมง กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์.
กลุ่มงานพัฒนาเรือประมง. 2546. ประวัติและวิวัฒนาการ
ของเรือประมงไทย. กรุงเทพฯ: สำานักวิจัยและพัฒนา
ประมงทะเล กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
ชุมเจตน์ กาญจนเกษร. 2539. อ นุสัญ ญ า แ ล ะ ก ฎ ห ม า ย
ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย
ทางชีวภาพ. กรุ.เทพฯ: สำานักงานนโยบายและแผนสิ่ง
แวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่ง
แวดล้อม.
ภาควิชาการจัดการประมง. 2544. คำาอธิบายพระราชบัญญัติ
การประมง พ.ศ.2490. เอกสารประกอบวิชา 299111.
ภาควิชาการจัดการประมง คณะประมง มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์.
มะลิ บุณยรัตผลิน. 2545. การจัดการประมงทะเลไทยแนว
ใหม่. เอกสารเผยแพร่ ฉบับที่ 1/2545. สำานักวิชาการ
กรมประมง.
52
สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป
วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์. 2539. ยุทธศาสตร์การประมงทะเล
ของไทย. วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร.
ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้. 2530.
อนาคตประมงไทย . ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้. กรุงเทพฯ. 583 หน้า.
Clark, J.R. 1927. Coastal Zone Management
Handbook. New York: Lewis Publishers.
คำาถามประเมินผลหลังการเรียน
1. จงอธิบายแหล่งทำาการประมงในประเทศไทย
2. เรือประมงในประเทศไทยสามารถจำาแนกได้ที่ประเภท จง
อธิบาย
3. จงอธิบายลักษณะของเครื่องมือประมงในแต่ละประเภท
53

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

หน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาดหน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาดWan Ngamwongwan
 
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่าปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่าPorna Saow
 
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลPunyawee Keng
 
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้Artit Boonket
 
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้าง
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้าง
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้างpittayut
 
ผลกระทบทางการท่องเที่ยว
ผลกระทบทางการท่องเที่ยวผลกระทบทางการท่องเที่ยว
ผลกระทบทางการท่องเที่ยวMiracle Freedom
 
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรังชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรังAuraphin Phetraksa
 

Mais procurados (12)

หน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาดหน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาด
 
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่าปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า
ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า
 
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
 
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้
กลุ่มทวีปแอฟริกาใต้
 
Ko%20tan
Ko%20tanKo%20tan
Ko%20tan
 
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ
 
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้าง
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้าง
ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเกาะช้าง
 
สภาพภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศสภาพภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ
 
ลักษณะทางกายภาพของทวีปแอฟริกา
ลักษณะทางกายภาพของทวีปแอฟริกาลักษณะทางกายภาพของทวีปแอฟริกา
ลักษณะทางกายภาพของทวีปแอฟริกา
 
Tourism gamebinggo57
Tourism gamebinggo57Tourism gamebinggo57
Tourism gamebinggo57
 
ผลกระทบทางการท่องเที่ยว
ผลกระทบทางการท่องเที่ยวผลกระทบทางการท่องเที่ยว
ผลกระทบทางการท่องเที่ยว
 
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรังชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
ชนิดและความชุกชุมของปลาแนวปะการัง อาดัง ราวี ตรัง
 

Semelhante a บทที่ 4

โครงการปลูกป่าชายเลน
โครงการปลูกป่าชายเลนโครงการปลูกป่าชายเลน
โครงการปลูกป่าชายเลนMaiiTy
 
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพร
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพรT-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพร
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพรAuraphin Phetraksa
 
การกัดเซาะชายหาด ๕๗
การกัดเซาะชายหาด ๕๗การกัดเซาะชายหาด ๕๗
การกัดเซาะชายหาด ๕๗Auraphin Phetraksa
 
7.สรุปและข้อเสนอแนะ
7.สรุปและข้อเสนอแนะ7.สรุปและข้อเสนอแนะ
7.สรุปและข้อเสนอแนะPinNii Natthaya
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
ศูนย์ชุมพร
ศูนย์ชุมพรศูนย์ชุมพร
ศูนย์ชุมพรJaae Watcharapirak
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยcahtchai
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยcahtchai
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยcahtchai
 
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติ
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติเพาเวอพ้อยภัยพิบัติ
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติJune Fghijklmnopqrsteovl
 
Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservationaunun
 
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยwittawat_name
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1nananattie
 

Semelhante a บทที่ 4 (20)

Ecosystem part 2
Ecosystem part 2Ecosystem part 2
Ecosystem part 2
 
โครงการปลูกป่าชายเลน
โครงการปลูกป่าชายเลนโครงการปลูกป่าชายเลน
โครงการปลูกป่าชายเลน
 
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพร
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพรT-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพร
T-FERN ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง จังหวัดชุมพร
 
การกัดเซาะชายหาด ๕๗
การกัดเซาะชายหาด ๕๗การกัดเซาะชายหาด ๕๗
การกัดเซาะชายหาด ๕๗
 
7.สรุปและข้อเสนอแนะ
7.สรุปและข้อเสนอแนะ7.สรุปและข้อเสนอแนะ
7.สรุปและข้อเสนอแนะ
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
ศูนย์ชุมพร
ศูนย์ชุมพรศูนย์ชุมพร
ศูนย์ชุมพร
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
 
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทยพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
พันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย
 
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติ
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติเพาเวอพ้อยภัยพิบัติ
เพาเวอพ้อยภัยพิบัติ
 
1
11
1
 
Oceania
OceaniaOceania
Oceania
 
Biohmes55
Biohmes55Biohmes55
Biohmes55
 
Aus
AusAus
Aus
 
Sea turtles preservation
Sea turtles preservationSea turtles preservation
Sea turtles preservation
 
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
 
ลักษณะทางกายภาพ 2.3
ลักษณะทางกายภาพ 2.3ลักษณะทางกายภาพ 2.3
ลักษณะทางกายภาพ 2.3
 
โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1โครงการปลูกป่าชายเลน1
โครงการปลูกป่าชายเลน1
 

บทที่ 4

  • 1. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป บทที่ 4 การทำาการประมง 4.1 คำานิยามที่ควรรู้ จาก พรบ.การประมง พ.ศ.2490 คำานิยามด้านการทำา ประมงที่ควรรู้ มีดังนี้ “สัตว์นำ้า หมายถึง สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนำ้า หรือวงจรส่วนหนึ่ง อยู่ในนำ้าหรืออาศัยอยู่ในบริเวณที่มีนำ้าท่วมถึง เช่น ปลา กุ้ง แมงดาทะเล หอย เต่า กระ ตะพาบนำ้า จระเข้ รวมทั้งไข่ของสัตว์ นำ้านั้น สัตว์จำาพวกเลี้ยงลูกด้วยนำ้านม ปลิงทะเล ฟองนำ้า หิน ปะการัง กัลปังหา และสาหร่ายทะเล ทั้งนี้รวมซากหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดของสัตว์นำ้าเหล่านั้น และหมายความรวมถึงพันธุ์ไม้นำ้าที่ได้ มีพระราชกฤษฎีการะบุชื่อ” “ทำาการประมง หมายความว่า จับ ดัก ล่อ ทำาอันตราย ฆ่า หรือเก็บสัตว์นำ้าในที่จับสัตว์นำ้าด้วยเครื่องมือทำาการประมงหรือ ด้วยวิธีใดๆ •เครื่องมือทำาการประมง หมายความว่า เครื่องกลไก เครื่องใช้ เครื่องอุปกรณ์ ส่วนประกอบอาวุธ เสา หลัก หรือเรือ บรรดาที่ใช้ ทำาการประมง” “เรือ หมายความว่ายานพาหนะทางนำ้าทุกชนิด “ “ที่จับสัตว์นำ้า หมายความว่า ที่ซึ่งมีนำ้าขัง หรือ ไหล เช่น ทะเล แม่นำ้า ลำาคลอง หนอง บึง เป็นต้น และหาดทั้งปวง บรรดาซึ่ง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป่าไม้และพื้นดิน ซึ่งท่วม ในฤดูนำ้าไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินอัน บุคคลถือกรรมสิทธิ์และภายในเขตน่านนำ้าไทยหรือน่านนำ้าอื่นใด ซึ่งประเทศไทยใช้อยู่หรือมีสิทธิ์ที่จะใช้ต่อไปในการทำาการประมง โดยที่น่านนำ้าเหล่านั้น ปรากฏโดยทั่วไปว่ามีขอบเขตตามกฎหมาย ท้องถิ่นหรือธรรมเนียมประเพณี หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสนธิสัญญาหรือด้วยประการใด” “ใบอนุญาต หมายความว่า ใบอนุญาตซึ่งพนักงานเจ้า หน้าที่ออกให้แก่บุคคลใดใช้ทำาการประมงหรือทำาการเพาะเลี้ยง สัตว์นำ้าในที่อนุญาต” “อาชญาบัตร หมายความว่า ใบอนุญาตซึ่งพนักงานเจ้า หน้าที่ออกให้แก่ผู้รับอนุญาตเพื่อใช้เครื่องมือทำาการประมง” 39
  • 2. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป “ผู้รับอนุญาต หมายความว่า บุคคลผู้ได้รับประทานบัตร ใบ อนุญาตอาชญาบัตร หรือผู้ได้รับอนุญาตให้กระทำาการอย่างหนึ่ง อย่างใดตามพระราชบัญญัตินี้” “เครื่องมือประจำาที่ หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมงซึ่ง ใช้วิธีลงหลัก ปัก ผูก ขึง รั้ง ถ่วง หรือวิธีอื่นใด อันทำาให้เครื่องมือ นั้นอยู่กับที่ในเวลาทำาการประมง” “เครื่องมือในพิกัด หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมงซึ่ง ระบุชื่อลักษณะหรือวิธีใช้ในกฎกระทรวง” “เครื่องมือนอกพิกัด หมายความว่า เครื่องมือทำาการประมง ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในกฎกระทรวงว่าเป็นเครื่องมือในพิกัด” “สถิติการประมง หมายความว่า สถิติหรือข้อความที่เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์สัตว์นำ้า การค้าสินค้าสัตว์นำ้า การทำาการประมงและการ เพาะเลี้ยงสัตว์นำ้า” “น่านนำ้าไทย หมายถึง บรรดาน่านนำ้าซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตย ของประเทศไทย” ประกอบด้วย • น่านนำ้าภายใน (Internal Waters) • อ่าวประวัติศาสตร์ (Historic Bay) • ทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) “น่านนำ้าภายใน หมายถึง ที่ซึ่งมีนำ้าขังหรือไหลอยู่ในผืน แผ่นดินและรวมทั้งทะเลบริเวณนั้นจากฐานเส้นตรง ได้แก่ แม่นำ้า ลำาคลอง หนอง บึง” “อ่าวประวัติศาสตร์ คือ อ่าวขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรัฐ เดียว อีกทั้งรัฐนั้นได้ยึดถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐติดต่อกันมาช้า นานว่าเป็นอาณาเขตของรัฐนั้นๆ โดยไม่มีรัฐอื่นใดคัดค้าน” “ทะเลอาณาเขต คือ ทะเลที่อยู่ถัดจากแผ่นดินของประเทศ นั้น และจากน่านนำ้าภายในออกไปไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล นับจาก เส้นฐานตรง” “น่านนำ้าอื่นใด หมายถึง น่านนำ้าอื่นๆที่ไม่ใช่เขตน่านนำ้า ของไทย อาทิเช่น ไหล่ทวีป เขตเศรษฐกิจจำาเพาะ ทะเลหลวง น่านนำ้าตามสนธิสัญญา” 40
  • 3. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป “ไหล่ทวีป (Continental Shelf) คือ บริเวณใต้ทะเลรอบๆ ชายฝั่งต่างๆ ซึ่งจะมีความลาดเอียงทีละน้อยๆ นับแต่ภายนอก ทะเลอาณาเขตออกไปจนถึงระดับนำ้าลึก 200 เมตร” “เขตเศรษฐกิจจำาเพาะ (Exclusive Economic Zone) หมายถึง บริเวณที่อยู่ถัดออกไปจากทะเลอาณาเขตของราช อาณาจักรไทย มีความกว้าง 200 ไมล์ทะเล วัดจากเส้นฐานที่ใช้ วัดความกว้างของทะเลอาณาเขต” “ทะเลหลวง (High Sea) คือ ส่วนทั้งหมดของทะเลที่ไม่อยู่ ในเขตทะเลอื่นใด ซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตยของรัฐหนึ่งรัฐใดโดย เฉพาะ” “น่านนำ้าตามสนธิสัญญา คือ น่านนำ้าที่รัฐต่างๆได้ทำาความ ตกลงให้เข้าทำาการประมงในเขตเศรษฐกิจจำาเพาะได้ตามเงื่อนไข ที่ตกลงไว้” 4.2 แหล่งทำาการประมง (Fishing Ground) การจำาแนกแหล่งทำาการประมง สามารถจำาแนกได้ดังนี้  จำาแนกตามลักษณะแหล่งนำ้า ดังนี้ 1. นำ้าจืด • นำ้านิ่ง (Lentic water) ได้แก่ หนอง บึง ทะเลสาบ บ่อ เป็นต้น • นำ้าไหล (Lotic water) ได้แก่ แม่นำ้า คลอง เป็นต้น 2. นำ้าเค็ม • ชายฝั่ง (Coastal) • ใกล้ฝั่ง (Inshore) • นอกฝั่ง (Offshore) • ทะเลลึก/ทะเลหลวง (Deep Sea/High Sea)  จำาแนกตามกลุ่มชาวประมง ดังนี้ 1. ประมงพื้นบ้าน/ประมงขนาดเล็ก 2. ประมงพาณิชย์ • ในน่านนำ้าไทย • นอกน่านนำ้าไทย  จำาแนกตามชนิดสัตว์นำ้า ดังนี้ 1. ปลาผิวนำ้า (Pelagic Fish) 2. ปลาหน้าดิน (Demersal Fish) 41
  • 4. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป ปัจจัยที่มีผลต่อแหล่งทำาการประมง • ที่ตั้ง • สภาพอากาศของลมมรสุม • ความเค็มและออกซิเจน • การหมุนเวียนของกระแสนำ้า ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างลองติจูด 97 องศาตะวันออก และ 106 องศาตะวันออก และระหว่างแลตติจูด 5 องศาเหนือ และ 21 องศาเหนือ ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนและ มีด้านที่ติดทะเล 2 ด้าน คือ ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน แหล่งทำาการประมงทะเลของประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 2 แหล่งใหญ่ คือ 1) แหล่งประมงในน่านนำ้าไทย - แหล่งทำาการประมงในอ่าวไทย - แหล่งทำาการประมงทางฝั่งอันดามัน 2) แหล่งประมงนอกน่านนำ้าไทย แหล่งทำาการประมงในอ่าวไทย ลักษณะทางภูมิศาสตร์ทางฝั่งอ่าวไทย เป็นดังนี้ - พื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวทั้งหมด 1,875 กิโลเมตร - ลักษณะสภาพของทะเลในอ่าวไทยมีลักษณะเป็นที่ลาด - มีความลึกไม่มากนัก ประมาณ 70-85 เมตร - สภาพพื้นท้องทะเลเป็นโคลน โคลนปนทราย ทรายปน โคลน และทราย - เป็นอ่าวแบบกึ่งปิด - แม่นำ้าสำาคัญหลายสายไหลลงสู่อ่าวไทย ดังนี้ 42
  • 5. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป •เจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลอง (อ่าวไทยตอน บน) •เวฬุ ระยอง (ฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย) •ตาปี (ฝั่งตะวันตกคอนใต้ของอ่าวไทย) -ลมมรสุม •ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ –ตามเข็มนาฬิกา •ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้-ทวนเข็มนาฬิกา - แหล่งทำา การประมงในอ่าวไทยตามการประกาศเขต เศรษฐกิจจำาเพาะ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งหมด 252,000 ตารางกิโลเมตร เขตเศรษฐกิจจำาเพาะทางฝั่งอ่าวไทย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เขต EEZ ของไทย 252,000 ตร.กม. และเขตทับซ้อนต่างๆ ดังนี้ • ไทย-กัมพูชา 34000 ตร.กท. • ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม 14000 ตร.กม. • ไทย-มาเลเซีย 4000 ตร.กม. - เขตการประมงทางฝั่งอ่าวไทยแบ่งออกเป็น 5 เขต ดังนี้ • เขต 1 อ่าวไทยด้านตะวันออก ประกอบด้วยทะเลที่ อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดตราด จันทบุรี และ ระยอง • เขต 2 อ่าวไทยตอนใน ประกอบด้วยทะเลที่อยู่ใน อ า ณ า เ ข ต ข อ ง จั ง ห วั ด ช ล บุ รี ฉ ะ เ ชิ ง เ ท ร า สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี • เขต 3 อ่าวไทยด้านตะวันตกตอนบน ประกอบด้วย ท ะ เ ล ที่ อ ยู่ ใ น อ า ณ า เ ข ต ข อ ง จั ง ห วั ด ชุ ม พ ร ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี • เขต 4 อ่าวไทยด้านตะวันตกตอนล่าง ประกอบด้วย ทะเลที่อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส • เขต 5 อ่าวไทยตอนกลาง ประกอบด้วยทะเลที่อยู่ บริเวณกลางอ่าวไทย มีอาณาเขตติดต่อกับเส้นแบ่ง เขตเศรษฐกิจจำา เพาะของประเทศมาเลเซีย เวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา 43
  • 6. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป ลักษณะพื้นท้องทะเลบริเวณชายฝั่งของเขต 1 เป็นทรายปน โคลนและเปลือกหอย บริเวณห่างฝั่งออกไปเป็นทรายปนเปลือก หอย เขต 2, 3 และ 5 ส่วนใหญ่เป็นโคลนเลน เขต 5 พื้นท้องทะเลมีลักษณะเป็นโคลนเหลว แต่ห่างจากฝั่งออก ไปจะเป็นโคลนปนทรายกับทรายและเปลือกหอย พื้นท้องทะเลในเขต 1 และ 2 ราบเรียบเหมาะสำาหรับการลากอวน บางส่วนของเขต 3, 4 และ 5 ไม่สามารถจะลากอวนได้โดย เฉพาะในเขต 5 ซึ่งอยู่กลางอ่าวและพื้นท้องทะเลส่วนใหญ่จะเป็น สันสูง 1-2 เมตร แหล่งทำาการประมงฝั่งอันดามัน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เป็นดังนี้ - พื้นที่ชายฝั่งทะเลยาวทั้งหมด 740 กิโลเมตร - เป็นที่ราบลาดชัน มีความลึกมากกว่าทางอ่าวไทย - แม่นำ้าที่ไหลเข้าสู่ทะเลอันดามันส่วนใหญ่เป็นแม่นำ้าสาย สั้นๆ - ลักษณะของพื้นท้องทะเลส่วนใหญ่เป็นโคลนปนทราย - เป็นลักษณะของไหล่ทวีปที่ค่อนข้างแคบ - มีความลึกของนำ้ามากและกระแสนำ้าแรง บางแห่งห่างจาก ฝั่งประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะมีความลึกของนำ้าเกิน 100 เมตร - ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้โดยตรง - มีแหล่งปะการังมาก - แหล่งทำาการประมงด้านทะเลอันดามันตามการประกาศเขต เศรษฐกิจจำาเพาะเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งหมด 126,000 ตารางกิโลเมตร - เขตการประมงแบ่งเป็น 2 เขต คือ • เขต 6 ทะเลอันดามันตอนบน ประกอบด้วยทะเลที่ อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต • เขต 7 ทะเลอันดามันตอนล่าง ประกอบด้วยทะเลที่ อยู่ในอาณาเขตจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล 44
  • 7. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป แหล่งประมงนอกน่านนำ้าไทย แบ่งออกเป็น 5 เขต คือ • แหล่งประมง A ครอบคลุมพื้นที่ทะเลจีนใต้ตอนบน • แหล่งประมง B ครอบคลุมพื้นที่ทะเลจีนใต้ตอนล่าง • แหล่งประมง C ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามัน บริเวณช่องแคบมะละกา • แหล่งประมง D ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามันด้าน ประเทศพม่า • แหล่งประมง E ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามันด้าน ประเทศบังคลาเทศ พื้นที่ทำาการประมงนอกน่านนำ้าในพื้นที่ ประเทศที่มีการทำาสัญญาทำาการประมงร่วม ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย บังคลาเทศ อินเดีย และซาอุดิอาระเบีย 4.3 เรือประมง เรือประมง หมายถึง ยานพาหนะทางนำ้าทุกชนิดที่ครัวเรือนที่ ทำาประมงในรอบ 12 เดือน จำาแนกดังนี้  เรือไม่มีเครื่องยนต์  เรือมีเครื่องยนต์นอกเรือ (เรือหางยาว)  เรือมีเครื่องยนต์ในเรือ (เรือวางท้อง) ขนาดของเรือประมง หมายถึง ความยาวเรือประมงแต่ละลำา ซึ่งวัดจากหัวเรือไปจรดท้ายเรือ จำาแนกดังนี้  ความยาวน้อยกว่า 14 เมตร  14-18 เมตร  19-25 เมตร  มากกว่า 25 เมตร กำาลังแรงม้า หมายถึง กำาลังของเครื่องยนต์ซึ่งติดอยู่ในเรือ เป็นตัวชี้บอกประสิทธิภาพของเรือ 45
  • 8. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป ระวางบรรทุกของเรือ (ตันกรอส) หมายถึง ความจุคิดเป็นตัน ของเนื้อที่ว่างภายในลำาเรือทั้งหมด และห้องต่างๆที่อยู่บนดาดฟ้า ยกเว้น ห้องเครื่องจักร ห้องนำ้า ห้องส้วม ห้องครัว และห้องบันได จำาแนกขนาดเป็น  น้อยกว่า 5 ตัน กรอส  20-29 ตันกรอส  5-9 ตันกรอส  30-49 ตันกรอส  10-14 ตันกรอส  50-99 ตันกรอส  15-19 ตันกรอส  ตั้งแต่ 100 ตันกรอส ขึ้นไป 4.3 เครื่องมือทำาการประมง เครื่องมือทำาการประมง (Fishing Gears) คือ เครื่องมือที่ ใช้จับหรือสัมผัสสัตว์นำ้าโดยตรง และเครื่องมือช่วยทำาการประมง (Auxillary Gears) คือเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้การจับ สัตว์นำ้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น หรือช่วยให้การจับสัตว์นำ้าสำาเร็จลง ได้ เช่น เรือ เครื่องทุ่นแรง เครื่องหาฝูงปลา ซั้ง เป็นต้น การ จำาแนกเครื่องมือทำาการประมง สามารถแบ่งได้ดังนี้ การจำาแนกตามลักษณะการทำางาน (การทำา ประมง) คือ 1. เครื่องมือประเภทเคลื่อนที่ (Moveable fishing gears) หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ขณะทำาการประมง เครื่องมือ ดังกล่าวมีการเคลื่อนที่ และห่างออกไปจากตำาแหน่งที่เริ่มต้นด้วย แรงของกระแสลม กระแสนำ้า คน หรือเครื่องยนต์เรือ 2. เครื่องมือประเภทประจำาที่ (Stationary fishing gears) หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ใช้วิธีลงหลัก ปัก ผูก ขึง รั้ง ถ่วง หรือวิธีอื่นใด อันทำาให้เครื่องมือและส่วนประกอบอยู่ กับที่ในเวลาทำาการประมง และทำาการจับสัตว์นำ้าตรงจุดที่ตั้งเครื่อง มือนั้นๆ ทุกครั้ง 3. เครื่องมือประเภทกึ่งประจำา ที่ (Semi-stationary fishing gears) หมายถึง เครื่องมือประมงประเภทที่ขณะทำาการ 46
  • 9. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป ประมง เครื่องมือนั้นจะถูกยึด ถ่วงรั้ง ให้อยู่กับที่ในระยะเวลาหนึ่ง หรือจนสิ้นสุดการจับสัตว์นำ้าแต่ละครั้งเสร็จแล้วเก็บอุปกรณ์ขึ้นเรือ เพื่อนำาไปใช้ในบริเวณอื่นๆได้อีก จำาแนกตามขนาดของธุรกิจ คือ 1. เครื่องมือประมงพื้นบ้าน หมายถึง เครื่องมือประมงที่ไม่ ใช้เรือหรือใช้ประกอบกับเรือขนาดไม่เกิน 5 ตันกรอส 2. เครื่องมือประมงพาณิชย์ หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้ ประกอบกับเรือที่มีขยาดเกินกว่า 5 ตันกรอส การจำาแนกตามกรรมวิธีในการจับสัตว์นำ้า สามารถ จำาแนกได้เป็น 13 ประเภท คือ 1. ประเภทอวนล้อมจับ 8. ประเภทอวนรุน 2. ประเภทอวนกางกั้นแล้วลาก 9. ประเภทลอบ 3. ประเภทอวนลาก 10. ประเภทโป๊ะ 4. ประเภทคราด 11. ประเภทโพงพาง 5. ประเภทอวนช้อน อวนยก 12. ประเภทเบ็ด 6. ประเภทอวนครอบ 13.ประเภทเบ็ดเตล็ด 7. ประเภทอวนติด ประเภทอวนล้อมจับ (Surrounding Nets) อวนล้อมจับ หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะเป็นผืน อวนคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลักการ คือ ใช้วิธีปล่อยผืนอวนล้อมรอบสัตว์นำ้าเป็นวงกลมหรือรูป ไข่ เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนที่ของสัตว์นำ้าในแนวราบ ส่วนในแนวดิ่งใช้ความลึกของอวนสกัดกั้นตัดหน้าฝูง สัตว์นำ้า ปิดด้านล่างของผืนอวน ทำาการกู้อวนแล้วตักสัตว์นำ้าขึ้นเรือ ชนิด: อวนล้อมจับมีสายมาน และอวนล้อมจับไม่มีสายมาน ประเภทอวนกางกั้นแล้วลาก(Seine Nets) หมายถึง เครื่องมือประมงที่ปล่อยอวนกางกั้นสัตว์นำ้า แล้ว ทำาการฉุด ลากปลายสุดของผืนอวนข้างใดข้างหนึ่ง หรือ ทั้งสองข้างเข้าหาฝั่งหรือเรือ 47
  • 10. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป หลักการ คือ ใช้วิธีล้อม และลากผสมกัน ในไทย เป็นแบบลากเข้าหาชายหาดด้วยแรงคน จับสัตว์นำ้าที่เข้ามาในเขตนำ้าขึ้นนำ้าลงบริเวณชายหาด ลึก 1-3 เมตร ปลากะตัก เคย ปลากระบอก ปลาแป้น ปลาข้างเหลือง ชนิด:อวนทับตลิ่ง ประเภทอวนลาก(Trawl Nets)  หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง ใช้วิธีการจับสัตว์นำ้าโดยการใช้เรือลากจูงอวนให้เคลื่อนที่ ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง  หลักการ คือ  จับสัตว์นำ้าที่อาศัยบริเวณพื้นทะเลหรือเหนือพื้นทะเล  ชนิดสัตว์นำ้าทั้งแบบอยู่รวมกันเป็นฝูง/แพร่กระจาย บริเวณกว้าง  ชนิด:อวนลากคู่ อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง  อวนลากคู่ : อวนลากที่ใช้เรือสองลำาช่วยถ่างปากอวน ส่วน ใหญ่จับปลาหน้าดิน ปลาผิวนำ้าและหมึก  อวนลากแผ่นตะเฆ่: อวนลากที่ใช้แผ่นตะเฆ่ช่วยถ่างปาก อวน อวนลากแผ่นตะเฆ่ขนาดเล็ก: อวนลากแคระ/อวนลาก กุ้ง ชนิดอวนที่ใช้: อวนลากปลา อวนลากกุ้ง อวนลากเคย อวนลากแมงกะพรุน  อวนลากคานถ่าง : อวนลากที่ใช้คานช่วยถ่างปากอวน ชนิดในประเทศไทย คือ • อวนลากคานถ่างแบบลากกุ้ง/อวนลากข้าง/อวนลาก แขก • อวนลากคานถ่างแบบลากแมงกะพรุน/อวนลากจอ หนัง ประเภทคราด (Dredges)  หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะคล้ายตะแกรง ทำาการประมงโดยวิธีขูด แซะ เพื่อจับสัตว์นำ้าที่อยู่ใต้ผิวดิน โดยใช้แรงคน/เครื่องยนต์ 48
  • 11. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป  หลักการ คือ  ส่วนใหญ่ใช้จับหอยชนิดที่ฝังตัวใต้พื้นโคลน/ทราย  มีทั้งแบบใช้แรงคน และแบบใช้เรือลาก  ชนิด: คราดหอยลาย คราดหอยแครง คราดหอยอื่นๆ เช่น คราดหอยเสียบ คราดหอยตลับ ประเภทอวนช้อน/อวนยก (Lift Nets)  หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้ผืนอวนที่มีลักษณะและรูป ร่างเป็นสี่เหลี่ยม/กลม จับสัตว์นำ้าโดยการวางอวนทิ้งไว้ใน แนวดิ่ง/แนวราบ และจะยกหรือดึงอวนขึ้นทันที่เมื่อ ต้องการจับสัตว์นำ้า  หลักการ คือ ใช้เครื่องมือล่อลวง เช่น เหยื่อล่อ ซั้งล่อ แสง ไฟล่อ ตัวอย่าง บาม ยอเคย จั่น/หยอง/ยอปู แร้วปู อวนช้อนปลากะตัก และไม่ใช้เครื่องมือล่อลวง เช่น สวิง ช้อนหมึก สวิงช้อนแมงกะพรุน ประเภทอวนติดตา (Gill Nets) หมายถึง เครื่องมือประมงที่มีลักษณะเป็นผืนอวนคล้าย สี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้จับสัตว์นำ้าโดยการวางขวางหรือปิด ล้อมสัตว์นำ้าเพื่อให้สัตว์นำ้าว่ายชนแล้วติดหรือพันตาอวน หลักการ คือ เรียกว่า ข่าย/อวนลอย/อวนจม/กัด/อวนล้อมติด/อวน ติด ชาวประมงพื้นบ้านนิยมใช้มากที่สุด ประสิทธิภาพ: ความยาวอวน ขนาดตาอวน ความลึก อวน และอัตราย่นของเนื้ออวน ชนิด: 19 ชนิด คือ อวนลอยปลาอินทรี อวนลอยปลา กะพงขาว อวนจมปู อวนจมกุ้ง อวนล้อมติดปลาทู ประเภทอวนรุน (Push Nets)  หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง ปาก อวนประกอบกับคันรุน ติดตั้งบริเวณหัวเรือ จับสัตว์นำ้าโดย วิธีผลักด้วยแรงคน/เครื่องยนต์  ชนิด: อวนรุนใช้เรือกล อวนรุนไม่ใช้เรือกล (ระวะ/รุน เคย/ชิป/ไสกุ้ง) 49
  • 12. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป  อวนรุนใช้เรือกล หมายถึง อวนรุนที่ใช้เรือกลผลักดัน เครื่องมืออวนให้เคลื่อนที่ขณะทำาการจับสัตว์นำ้า (แบบรุน กุ้ง/แบบรุนเคย)  อวนรุนไม่ใช้เรือกล หมายถึง อวนรุนที่ไม่ใช้เรือกลผลัก ดันเครื่องมืออวนให้เคลื่อนที่ขณะทำาการจับสัตว์นำ้า แต่ใช้ แรงคนแทน(แบบรุนกุ้ง/แบบรุนเคย) ประเภทลอบ (Traps, Pots) หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้ดักจับสัตว์นำ้า มีลักษณะเป็น โครงรูปทรงต่างๆ ใช้วัสดุหุ้มโดยรอบ และมีส่วนที่เรียกว่า งา เป็นช่องให้สัตว์นำ้าเข้าภายใน 5 ชนิด: ลอบปลา ลอบหมึก ลอบกุ้ง ลอบปู ลอบหอย ลอบปลา: ลอบปลาแบบจับปลาขนาดใหญ่ ลอบลูกปลา กะรัง ลอบหมึก: ลอบหมึกหอม ลอบหมึกกระดอง ลอบกุ้ง/ลอบยืน/ไซนั่ง: สงขลา ลอบปู: ลอบป่า/ไซนอน เชงเลง ลอบปูแบบพับได้ ลอบหอย: หอยหวาน/หอยตุ๊กแก/หอยเทพรส/หอยดูด/ หอยหมาก ประเภทโป๊ะ (Pound Nets/ Set Nets) หมายถึง เครื่องมือประจำาที่ ประกอบด้วยส่วนของลูกขังมี ลักษณะเป็นรูปทรงต่างๆ และมีส่วนปีกเป็นทางนำาให้สัตว์ นำ้าเข้าสู่ลูกขัง หลักการ คือ เป็นการดักจับ 2 ชนิด: โป๊ะนำ้าตื้น และโป๊ะนำ้าลึก โป๊ะนำ้าตื้น หมายถึง โป๊ะที่มีระดับนำ้าในลูกขังลึกไม่เกิน สามเมตร เมื่อนำ้าลงตำ่าสุด (โป๊ะนำ้าแห้ง/โป๊ะนำ้าขอด/หลา ด/มุ) โป๊ะนำ้าลึก หมายถึง โป๊ะที่มีระดับนำ้าในลูกขังลึกเกินกว่า สามเมตร เมื่อนำ้าลงตำ่าสุด แบ่งได้ 2 แบบ คือ แบบโป๊ะรุก/ โป๊ะเผือก และแบบโป๊ะยก/โป๊ะอวน ประเภทโพงพาง (Set Bag Nets)  หมายถึง เครื่องมือประมงที่ใช้อวนลักษณะคล้ายถุง ปาก อวนกางยึดอยู่กับที่ ทำาการประมงโดยวิธีให้กระแสนำ้าพัด พาสัตว์นำ้าเข้าไปในถุงอวน 50
  • 13. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป  2 ชนิด: โพงพางประจำาที่ กับ แบบเคลื่อนที่  โพงพางประจำาที่ หมายถึง โพงพางชนิดที่ทำาการประมง ซำ้าที่เดิมเป็นประจำา และไม่เก็บหลักหรือปีกไว้เมื่อเสร็จสิ้น การจับสัตว์นำ้า ชนิดของโพงพางในกลุ่มนี้ ได้แก่ โพงพาง หลัก โพงพางหลักใต้นำ้า โพงพางปีก  โพงพางเคลื่อนที่ หมายถึง โพงพางชนิดที่เคลื่อนย้าย เครื่องมืออวนและส่วนประกอบทั้งหมดออกจากจุด ที่ทำาการประมงหลังจากเสร็จสิ้นการจับสัตว์นำ้าทุกครั้ง บางครั้งเรียกว่า โพงพางหลักลอย/โพงเคย/ป้องเคย ประเภทเบ็ด (Hook and Lines) หมายถึง เครื่องมือประมงที่ประกอบด้วยตัวเบ็ดมีลักษณะ โค้งงอเป็นขอ ส่วนใหญ่มีเงี่ยง และสายเบ็ดเป็นเชือก/วัสดุ คล้ายเชือก ชนิด: เบ็ดมือ เบ็ดลาก เบ็ดราว ประเภทเบ็ดเตล็ด  หมายถึง เครื่องมือประมงที่ไม่ได้จัดไว้ในเครื่องมือ 12 ประเภท ตัวอย่าง เฮียหอยกระพง สับปะนก ขอขุดปูทะเล ฉมวก/ แหลน/หลาว/ซ่อม เรือผีหลอก อวนรัง เป็นต้น 4.4 แนวคิดการทำาการประมง ปัญหาการทำาการประมงของประเทศไทย 1. ความเสื่อมโทรมของทรัพยากร  ทรัพยากรสัตว์นำ้าหน้าดิน: กุ้งทะเล หมึก หอยลาย  ทรัพยากรปลาผิวนำ้า: ปลาปากคม ปลาทรายแดง  CPUE (Catch per unit of fishing effort): อัตราการจับ/ปริมาณการจับต่อหน่วยลงแรงประมง 2. ขาดแคลนแหล่งทำาการประมง 3. ต้นทุนการทำาประมงสูงขึ้น 4. ราคาสัตว์นำ้าตำ่าและไม่แน่นอน 5. ขาดแคลนแรงงาน 6. ขาดแคลนเงินทุน 7. กฎหมายเก่าและล้าสมัย  พรบพรบ..ประมงประมง พพ..ศศ.2490.2490 51
  • 14. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป  พรบพรบ..ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทยว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พพ..ศศ.2482.2482  พรบพรบ..การจัดระเบียบกิจการแพปลาการจัดระเบียบกิจการแพปลา พพ..ศศ.2496.2496  พรบพรบ..เดินเรือสยามเดินเรือสยาม พพ..ศศ.2481.2481  พรบพรบ..การเดินเรือในน่านนำ้าไทยการเดินเรือในน่านนำ้าไทย พพ..ศศ.2456.2456 การทำาการประมงในอนาคต  การทำาการประมงอย่างรับผิดชอบตามหลักการ ของ Code of Conduct  การพัฒนาเครื่องมือที่มุ่งจับสัตว์นำ้าเป้าหมาย  การจดทะเบียนเรือ  การติดตาม ตรวจสอบการทำาการประมง เอกสารอ้างอิง กองประมงทะเล. 2540. คำานิยามและการจำาแนกเครื่องมือ ประมงทะเลของไทย. กรมประมง กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์. กลุ่มงานพัฒนาเรือประมง. 2546. ประวัติและวิวัฒนาการ ของเรือประมงไทย. กรุงเทพฯ: สำานักวิจัยและพัฒนา ประมงทะเล กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ชุมเจตน์ กาญจนเกษร. 2539. อ นุสัญ ญ า แ ล ะ ก ฎ ห ม า ย ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ทางชีวภาพ. กรุ.เทพฯ: สำานักงานนโยบายและแผนสิ่ง แวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่ง แวดล้อม. ภาควิชาการจัดการประมง. 2544. คำาอธิบายพระราชบัญญัติ การประมง พ.ศ.2490. เอกสารประกอบวิชา 299111. ภาควิชาการจัดการประมง คณะประมง มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. มะลิ บุณยรัตผลิน. 2545. การจัดการประมงทะเลไทยแนว ใหม่. เอกสารเผยแพร่ ฉบับที่ 1/2545. สำานักวิชาการ กรมประมง. 52
  • 15. สรุปเนื้อหารายวิชา 299111 การประมงทั่วไป วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์. 2539. ยุทธศาสตร์การประมงทะเล ของไทย. วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร. ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้. 2530. อนาคตประมงไทย . ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้. กรุงเทพฯ. 583 หน้า. Clark, J.R. 1927. Coastal Zone Management Handbook. New York: Lewis Publishers. คำาถามประเมินผลหลังการเรียน 1. จงอธิบายแหล่งทำาการประมงในประเทศไทย 2. เรือประมงในประเทศไทยสามารถจำาแนกได้ที่ประเภท จง อธิบาย 3. จงอธิบายลักษณะของเครื่องมือประมงในแต่ละประเภท 53