Submit Search
Upload
ตำราพิชัยสงครามสิบสามบท ของซุนวู
•
13 likes
•
18,470 views
Sarod Paichayonrittha
Follow
ตำราพิชัยสงครามสิบสามบท ของซุนวู ฉบับแปลโดย คุณพิชัย วาศนาส่ง
Read less
Read more
Business
Report
Share
Report
Share
1 of 60
Download now
Download to read offline
Recommended
ตำราพิชัยสงครามซุนวู SUNTZU ๑๓ บทไม้ตาย น.อ. จอม รุ่งสว่าง
ตำราพิชัยสงครามซุนวู SUNTZU ๑๓ บทไม้ตาย น.อ. จอม รุ่งสว่าง
Utai Sukviwatsirikul
บันทึกรายงานผลการเข้าร่วมอบรมภาพประกอบการอบรมศก.พอเพียง
บันทึกรายงานผลการเข้าร่วมอบรมภาพประกอบการอบรมศก.พอเพียง
krupornpana55
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
พัน พัน
คำสันธาน
คำสันธาน
Nongkran_Jarurnphong
โวหารในการเขียน
โวหารในการเขียน
krubuatoom
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
อัมพร ศรีพิทักษ์
สมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็ก
Ged Gis
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
Decha Sirigulwiriya
Recommended
ตำราพิชัยสงครามซุนวู SUNTZU ๑๓ บทไม้ตาย น.อ. จอม รุ่งสว่าง
ตำราพิชัยสงครามซุนวู SUNTZU ๑๓ บทไม้ตาย น.อ. จอม รุ่งสว่าง
Utai Sukviwatsirikul
บันทึกรายงานผลการเข้าร่วมอบรมภาพประกอบการอบรมศก.พอเพียง
บันทึกรายงานผลการเข้าร่วมอบรมภาพประกอบการอบรมศก.พอเพียง
krupornpana55
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
พัน พัน
คำสันธาน
คำสันธาน
Nongkran_Jarurnphong
โวหารในการเขียน
โวหารในการเขียน
krubuatoom
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
อัมพร ศรีพิทักษ์
สมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็ก
Ged Gis
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
แบบฝึกทักษะเรื่อง การแต่งโคลงสี่สุภาพ ชุดที่ ๑๐ เรื่อง กลวิธีในการแต่งโคลง...
Decha Sirigulwiriya
บทที่1 บทนำ
บทที่1 บทนำ
Champ Wachwittayakhang
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
Watcharapon Donpakdee
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
Manas Panjai
แบบสอบถามวิจัย
แบบสอบถามวิจัย
NAT_A_DI
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
Utai Sukviwatsirikul
04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย
JulPcc CR
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
mintmint2540
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
พระอภิชัช ธมฺมโชโต
แบบประเมินกิจกรรม
แบบประเมินกิจกรรม
Phajon Kamta
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
Rung Kru
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
krisdika
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
Nattakorn Sunkdon
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
kruthai40
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
Ploykarn Lamdual
โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ
พัน พัน
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
bangonchin
คำสันธาน
คำสันธาน
Nanthida Chattong
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
Parit_Blue
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พัน พัน
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
Chainarong Maharak
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
Por Waragorn
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
Saravut Tamavong
More Related Content
What's hot
บทที่1 บทนำ
บทที่1 บทนำ
Champ Wachwittayakhang
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
Watcharapon Donpakdee
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
Manas Panjai
แบบสอบถามวิจัย
แบบสอบถามวิจัย
NAT_A_DI
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
Utai Sukviwatsirikul
04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย
JulPcc CR
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
mintmint2540
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
พระอภิชัช ธมฺมโชโต
แบบประเมินกิจกรรม
แบบประเมินกิจกรรม
Phajon Kamta
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
Rung Kru
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
krisdika
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
Nattakorn Sunkdon
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
kruthai40
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
Ploykarn Lamdual
โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ
พัน พัน
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
bangonchin
คำสันธาน
คำสันธาน
Nanthida Chattong
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
Parit_Blue
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พัน พัน
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
Chainarong Maharak
What's hot
(20)
บทที่1 บทนำ
บทที่1 บทนำ
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
สรุป หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน51
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ม.๓ ชุด ๒
แบบสอบถามวิจัย
แบบสอบถามวิจัย
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
แผนธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา “ชามโต”
04ประวัติชนชาติไทย
04ประวัติชนชาติไทย
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10)
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาในสมัยล้านนา
แบบประเมินกิจกรรม
แบบประเมินกิจกรรม
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
หลักการอ่านจับใจความสำคัญ
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
คำกล่าวรายงาน คำกล่าวปิด
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
แบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ ๑
คำสันธาน
คำสันธาน
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยครูบลู ภาริทธิ์
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
โครงงานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
วิวัฒนาการการศึกษาไทยและการศึกษาโลก
Viewers also liked
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
Por Waragorn
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
Saravut Tamavong
โหงวเฮ้งกับงาน HR
โหงวเฮ้งกับงาน HR
Aek Samroeng
36 กลศึก
36 กลศึก
tommy
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
sornblog2u
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
tommy
แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
tommy
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
tommy
นางแมวผี
นางแมวผี
tommy
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
tommy
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
tommy
Rongse
Rongse
tommy
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
tommy
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
tommy
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
tommy
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
tommy
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
tommy
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
tommy
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
tommy
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
tommy
Viewers also liked
(20)
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
ตำราพิชัยสงครามซุนวู
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
สอนการดูลายมือด้วยตัวเอง
โหงวเฮ้งกับงาน HR
โหงวเฮ้งกับงาน HR
36 กลศึก
36 กลศึก
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
นางแมวผี
นางแมวผี
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
Rongse
Rongse
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
More from Sarod Paichayonrittha
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร What did the buddha teach
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร What did the buddha teach
Sarod Paichayonrittha
สูตรของเว่ยหลาง โดย พุทธทาสภิกขุ
สูตรของเว่ยหลาง โดย พุทธทาสภิกขุ
Sarod Paichayonrittha
อานาปานสติสูตร
อานาปานสติสูตร
Sarod Paichayonrittha
Ukti marketing brief make it happens -jan2014
Ukti marketing brief make it happens -jan2014
Sarod Paichayonrittha
รำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต_โดยหลวงตาทองคำ_จารุวัณโณ
รำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต_โดยหลวงตาทองคำ_จารุวัณโณ
Sarod Paichayonrittha
The new scada jun2014
The new scada jun2014
Sarod Paichayonrittha
Led lighting outdoor design challenge dec2013
Led lighting outdoor design challenge dec2013
Sarod Paichayonrittha
Kwater investor presentation oct2013
Kwater investor presentation oct2013
Sarod Paichayonrittha
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร
Sarod Paichayonrittha
Oil and gas thailand 2011 v f
Oil and gas thailand 2011 v f
Sarod Paichayonrittha
Handbook malaysian fi t feed-in-tariff renewable energy mar2011
Handbook malaysian fi t feed-in-tariff renewable energy mar2011
Sarod Paichayonrittha
รายงานประเมินผลไทยเข้มแข็ง มีค2554
รายงานประเมินผลไทยเข้มแข็ง มีค2554
Sarod Paichayonrittha
The ultimatum of god nature the one straw revolution -a recapitulation-1996
The ultimatum of god nature the one straw revolution -a recapitulation-1996
Sarod Paichayonrittha
ABB DC Circuit Breakers Catalog
ABB DC Circuit Breakers Catalog
Sarod Paichayonrittha
Led Lighting SSL Road Map US.DOE aug2012
Led Lighting SSL Road Map US.DOE aug2012
Sarod Paichayonrittha
หลักการเขียนลายเซ็น
หลักการเขียนลายเซ็น
Sarod Paichayonrittha
ISA Effective Use of PID Controllers 3-7-2013
ISA Effective Use of PID Controllers 3-7-2013
Sarod Paichayonrittha
China bullet train population 2013
China bullet train population 2013
Sarod Paichayonrittha
Feed in tariff malaysia brochure 2012
Feed in tariff malaysia brochure 2012
Sarod Paichayonrittha
Mdi compressed air car -new production concept 2010
Mdi compressed air car -new production concept 2010
Sarod Paichayonrittha
More from Sarod Paichayonrittha
(20)
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร What did the buddha teach
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร What did the buddha teach
สูตรของเว่ยหลาง โดย พุทธทาสภิกขุ
สูตรของเว่ยหลาง โดย พุทธทาสภิกขุ
อานาปานสติสูตร
อานาปานสติสูตร
Ukti marketing brief make it happens -jan2014
Ukti marketing brief make it happens -jan2014
รำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต_โดยหลวงตาทองคำ_จารุวัณโณ
รำลึกวันวาน ปกิณกธรรม หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต_โดยหลวงตาทองคำ_จารุวัณโณ
The new scada jun2014
The new scada jun2014
Led lighting outdoor design challenge dec2013
Led lighting outdoor design challenge dec2013
Kwater investor presentation oct2013
Kwater investor presentation oct2013
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร
พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอะไร พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร
Oil and gas thailand 2011 v f
Oil and gas thailand 2011 v f
Handbook malaysian fi t feed-in-tariff renewable energy mar2011
Handbook malaysian fi t feed-in-tariff renewable energy mar2011
รายงานประเมินผลไทยเข้มแข็ง มีค2554
รายงานประเมินผลไทยเข้มแข็ง มีค2554
The ultimatum of god nature the one straw revolution -a recapitulation-1996
The ultimatum of god nature the one straw revolution -a recapitulation-1996
ABB DC Circuit Breakers Catalog
ABB DC Circuit Breakers Catalog
Led Lighting SSL Road Map US.DOE aug2012
Led Lighting SSL Road Map US.DOE aug2012
หลักการเขียนลายเซ็น
หลักการเขียนลายเซ็น
ISA Effective Use of PID Controllers 3-7-2013
ISA Effective Use of PID Controllers 3-7-2013
China bullet train population 2013
China bullet train population 2013
Feed in tariff malaysia brochure 2012
Feed in tariff malaysia brochure 2012
Mdi compressed air car -new production concept 2010
Mdi compressed air car -new production concept 2010
ตำราพิชัยสงครามสิบสามบท ของซุนวู
1.
ËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËË ตําราพิชัยสงคราม สิบสามบท ของ ซุนวู เรียบเรียงจาก “ตําราพิชัยสงคราม ของ ซุนจู
และ เงาคี้” ฉบับแปลโดย พิชัย วาศนาสง -- มีนาคม ๒๕๓๑ ËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËËË
2.
- 2 - ส
า ร บ า ญ ๑. การประมาณสถานการณ ๒. การทําศึก ๓. ยุทธศาสตรการรบรุก ๔. ทาที ๕. กําลังพล ๖. ความออนแอและความเขมแข็ง ๗. การดําเนินกลยุทธ ๘. สิ่งซึ่งแปรผันไดเกาประการ ๙. การเดินทัพ ๑๐. ภูมิประเทศ ๑๑. พื้นที่ตางกันเกาอยาง ๑๒. ไฟ ๑๓. สายลับ [[[[[[[[[[[[
3.
- 3 - ๑.
การประมาณสถานการณ ซุนจูกลาววา ¥ สงครามเปนเรื่องสําคัญที่สุดของบานเมือง เปนเรื่องถึงเปนถึงตาย เปนหนทางเพื่อความอยูรอด หรือความพินาศฉิบหาย จึงเปนอาณัติที่จะตองศึกษาใหถองแท. ¥ ฉนั้น จงวางกําหนดขีดความสามารถดวยหลักมูลฐานสําคัญ ๕ ประการ และเปรียบเทียบองคประกอบอีก ๗ ประการที่จะกลาวถึงตอไป แลวทานจะประเมินความจําเปนและความสําคัญไดถูกตอง. ¥ หลักมูลฐานสําคัญ ประการแรก เกี่ยวกับ ขวัญ ประการที่สอง เกี่ยวกับ ลมฟาอากาศ ประการที่สาม เกี่ยวกับ ภูมิประเทศ ประการที่สี่ เกี่ยวกับ การบังคับบัญชา ประการที่หา เกี่ยวกับ ฟา(กฎเกณฑและวิธีการ). ¥ ขวัญนั้น ขาพเจาหมายถึง สิ่งที่จะทําใหประชาชนมีความกลมเกลียวเปนอันหนึ่งอันเดียวกับผูนํา ประชาชนยอมรวมทางกับผูนํา แมจะตองไปก็ไมกลัวอันตราย ไมเสียดายแมแตชีวิต. ¥ ลมฟาอากาศนั้น ขาพเจาหมายถึง ภาวะความเปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของธรรมชาติ ผลของความเยือกเย็นในฤดูหนาว ความรอนระอุของฤดูรอน และปฏิบัติการทางทหารที่จะใหเกิดความเหมาะสมกับฤดูกาล. ¥ ยุทธภูมินั้น ขาพเจาหมายถึง
4.
- 4 - ระยะทาง
ความยากงายของพื้นที่ที่จะตองเดินทัพขาม เปนพื้นที่เปด หรือพื้นที่ปดลอม และโอกาสของความเปนความตาย. ¥ การบังคับบัญชานั้น ขาพเจาหมายถึง คุณสมบัติของแมทัพ อันจะตองประกอบดวย ความมีสติปญญา ความมีมนุษยธรรม มีความมานะพยายาม และมีความเครงครัด. ¥ ฟา (กฎเกณฑและวิธีการ) นั้น ขาพเจาหมายถึง การจัดขบวนทัพ การควบคุม การมอบหมายงานใหเหมาะสมกับตําแหนงหนาที่ของผูอยูใตบังคับบัญชา การวางเสนทางลําเลียงอาหารไดสม่ําเสมอ และการจัดหายุทโธปกรณสําคัญที่กองทัพมีความจําเปนตองใช. ¥ ไมมีแมทัพคนใดที่ไมเคยไมไดยินสาระสําคัญทั้ง ๕ ประการนี้ ใครที่เคยปฏิบัติไดดีครบถวนทุกอยางยอมเปนผูชนะ ใครที่ปฏิบัติมิไดยอมพายแพ. ¥ ฉนั้น ในการวางแผนจึงตองเปรียบเทียบสิ่งตางๆ ตอไปนี้ ดวยการประมาณคุณคาอยางระมัดระวังที่สุดเสียกอน. ¥ ถาทานจะถามผูปกครองคนใด ที่มีอิทธิพลตอขวัญของผูคน ผูบังคับบัญชาคนใด มีความสามารถเหนือกวากองทัพ อยางไหนที่จะไดเปรียบ ในการใชภูมิประเทศและธรรมชาติ กฎเกณฑและคําสั่งอยางไร ที่ปฏิบัติแลวจะดีกวา ขบวนศึกอยางไร จะเขมแข็งกวา. ¥ ผูใดที่มีนายทหารและไพรพลที่ไดรับการฝกหัดมาดีกวา ปูนบําเหน็จรางวัลและลงโทษอยางไรไดผลดีกวากัน ขาพเจาสามารถพยากรณไดวา ฝายใดจะมีชัยชนะ และฝายใดจะพายแพ. ¥ ถาไดตัวแมทัพที่เอาใจใสยุทธศาสตรของขาพเจา ก็แนใจไดวาตองเปนผูชนะ
5.
- 5 - รักษาแมทัพผูนั้นไว ถาไดตัวแมทัพปฏิเสธ
ไมเชื่อฟงยุทธศาสตรของขาพเจา ก็แนใจไดวาตองพายแพ ปลดแมทัพนั้นเสีย. ¥ เมื่อเอาใจใส และมองเห็นความไดเปรียบจากแผนของขาพเจาแลว แมทัพจะตองสราง ”สถานการณ” อันจะอํานวยใหเกิดผลดีในทางปฏิบัติ. ¥ คําวา “สถานการณ” นั้น ขาพเจา หมายถึง แมทัพจะตองปฏิบัติตามความเหมาะสมใหสอดคลองไปกับจังหวะที่ไดเปรียบ และสามารถควบคุมใหเกิดความสมดุลได. ¥ สงครามทุกรูปแบบ ตั้งอยูบนพื้นฐานของกลอุบาย ฉนั้น… ¥ เมื่อมีความสามารถ จงทําเสมือน ไรความสามารถ. ¥ เมื่อคลองตัว จงแสรงทําเปน ไมคลองตัว. ¥ เมื่อเขาใกล ทําใหปรากฏเหมือนดัง ยังอยูไกล. ¥ เมื่ออยูไกล จงทําประหนึ่ง อยูใกล. ¥ วางเหยื่อลอขาศึก แสรงทําสับสนอลหมาน แลวโจมตีขาศึก. ¥ เมื่อขาศึกรวมพลไวหนาแนนเตรียมสู หรือที่ใดของขาศึกเขมแข็ง ใหหลีกเลี่ยงเสีย. ¥ ทําใหแมทัพของขาศึกเกิดความโมโห และหัวหมุนวุนวายใจ. ¥ แสรงทําเปนออนแอกวา แลวยั่วยุใหขาศึกเกิดความหยิ่งยโส. ¥ ทําใหแมทัพของขาศึกตองเครงเครียดอยูเสมอ และทําใหออนกําลัง. ¥ เมื่อขาศึกรวมตัวกันติด ใหแยกกันเสีย. ¥ โจมตีที่จุดซึ่งขาศึกมิไดเตรียมการปองกัน
6.
- 6 - ใชความฉับไวโจมตี
ในขณะที่ขาศึกมิไดคาดคิด. ¥ สิ่งเหลานี้คือ กุญแจอันจะนําไปสูชัยชนะของนักยุทธศาสตร เปนเรื่องยากแกการนํามาพิจารณากอนหนานี้. [[[[[[[[[[[[
7.
- 7 - ๒.
การทําศึก ซุนจูกลาววา ¥ โดยทั่วไปปฏิบัติการศึกจะตองมี รถมาศึกเทียบมาสี่ฝตีนดี หนึ่งพันคัน เกวียนเกราะหนังเทียมมาสี่ หนึ่งพันคัน และทหารสวมเสื้อเกราะ หนึ่งแสนคน. ¥ ชัยชนะเปนความมุงหมายใหญที่สุดในการทําสงคราม ถาการทําสงครามถูกหนวงเหนี่ยวใหลาชาเพียงใด อาวุธจะสิ้นคม จิตใจของทหารจะหดหู เมื่อยกกําลังเขาตีเมือง กําลังของทหารจะสิ้นไป. ¥ เมื่อกองทัพจําเปนตองทําศึกเรื้อรัง ทรัพยสินในทองพระคลังจะไมเพียงพอ. ¥ เมื่ออาวุธสิ้นคม เสื้อเกราะเปยกชื้น กําลังทหารอิดโรย ทรัพยสินก็ใชจายหมดสิ้น ผูครองอาณาจักรขางเคียงจะฉวยโอกาส ที่ทานเพลี่ยงพล้ํา ซ้ําเติมทาน และแมทานจะมีคณะที่ปรึกษาสามารถเพียงใด ก็จะไมมีผูใดสามารถวางแผนที่ดีสําหรับอนาคตใหได. ¥ ดวยเหตุนี้ เราจึงไดยินแต การทําสงครามที่รวดเร็วและฉับพลัน เราไมเคยเห็น ปฏิบัติการสงครามที่ฉลาดครั้งใด กระทําโดยยืดเยื้อ. ¥ ไมปรากฏวา ประเทศใดเคยไดรับประโยชนจาก การทําสงครามยืดเยื้อ. ¥ ดวยเหตุนี้ ผูที่ไมสามารถเขาใจอันตราย อันเกิดจากใชกําลังทหารฉันใด ยอมไมสามารถเขาใจถึงความไดเปรียบของ การใชกําลังทหารไดฉันนั้น. ¥ ผูชํานาญการศึก ไมตองการกําลังหนุนสวนที่สอง และไมตองการ เสบียงอาหารเกินกวาครั้งเดียว.
8.
- 8 - ¥
กองทัพขนยุทโธปกรณ ไปจากบานเมืองของตน และอาศัยเสบียงอาหาร ของขาศึก ดวยเหตุนี้กองทัพจึงมีเสบียงอาหารมากมาย ไมขัดสน. ¥ เมื่อประเทศตองขัดสน เพราะการทําศึก เหตุก็เนื่องมาจากการลําเลียง มีระยะไกล กองเกวียนตองขนเสบียง ดวยระยะทางไกลมาก จนทําใหประชาชนเดือดรอน. ¥ กองทัพไปตั้งอยูที่ใด ราคาของจะสูงขึ้น ความสมบูรณพูนสุขของประชาชน จะหมดสิ้นไป เมื่อความสมบูรณ ลดลง ประชาชนก็จะเดือดรอน เพราะจะตองมีการเรียกเก็บภาษียามฉุกเฉิน. ¥ เมื่อกําลัง ลดถอยลง ความมั่นคงบริบูรณ ถูกใชสิ้นไป ครอบครัวที่อยูสวนกลาง ก็จะประสบความทุกขยาก ทรัพยสินเจ็ดในสิบสวนของประชาชน จะหมดสิ้นไป. ¥ เกี่ยวกับการใชจายของรัฐนั้น เกิดจาก รถมาศึกชํารุด มาสิ้นกําลัง ความชํารุดทรุดโทรมของเสื้อเกราะและหมวกทหาร ลูกธนู เกาทัณฑ หนาไม หอก โลกําบังมือ โลกําบังตัว สัตวลากจูง และเกวียนบรรทุก ความเสียหายจะตกหกในสิบสวนของจํานวนทั้งสิ้น. ¥ ดวยเหตุนี้ แมทัพที่ชาญฉลาดจึงดําเนินการเพื่อใหกองทัพของตนอยูได ดวยเสบียงของขาศึก ขาวของขาศึกหนึ่งถัง มีคาเทากับ ขาวของตนเองยี่สิบถัง หญาเลี้ยงมาของขาศึกหนึ่งเกวียน เทากับ หญาของตนเองยี่สิบเกวียน. ¥ เหตุที่ทหารฆาฟนศัตรู ก็เพราะ ความโกรธแคน. ¥ ทหารเก็บทรัพยสินของขาศึก เพราะ อยากมั่งมี. ¥ ดวยเหตุนี้ เมื่อใชรถศึกเขารบ แลวจับรถศึกของขาศึกไดสิบคันขึ้นไป
9.
- 9 - ใหรางวัลทหารคนแรกที่ยึดรถได เอาธงและปายของฝายทาน
ขึ้นปกบนรถแทนของขาศึก แลวเอารถที่จับไดใชปะปนไปกับรถของทาน. ¥ เมื่อจับเชลยศึกได ปฏิบัติดูแลใหดี. ¥ อยางนี้เรียกวา “ชนะศึกแลวเขมแข็งขึ้น”. ¥ บัดนี้เปนที่ชัดเจนแลววา สิ่งสําคัญในการทําศึก คือ ชัยชนะ มิใช ปฏิบัติการที่ยืดเยื้อ ฉนั้น แมทัพที่เขาใจเรื่องราวของสงคราม จึงเปนผูกําชะตากรรมของพลเมือง เปนผูชี้ขาดอนาคตของชาติ. [[[[[[[[[[[[
10.
- 10 - ๓.
ยุทธศาสตรการรบรุก ซุนจูกลาววา ¥ โดยปกติธรรมดาในการทําสงคราม นโยบายดีที่สุด คือ การเขายึดบานเมืองของขาศึกโดยมิใหบอบช้ํา การทําใหเกิดความพินาศฉิบหายยอมดอยกวา. ¥ การลอมจับกองทัพขาศึกไดยอมดีกวาการทําลาย การจับทหารไดทั้งกองพันโดยไมบอบช้ํา จับไดทั้งกองรอยหรือหมูหาคน ยอมดีกวาการทําลายขาศึก. ¥ ชัยชนะรอยครั้ง จากการทําศึกรอยครั้ง มิไดแสดงวา ฝมือดีเยี่ยม การทําใหขาศึกยอมแพ โดยไมตองสูรบ แสดงวา มีฝมือยอดเยี่ยม. ¥ ฉนั้น ความสําคัญสูงสุดในการทําสงคราม จึงอยูที่การโจมตี ที่แผนยุทธศาสตรของขาศึก. ¥ ที่ดีเยี่ยมรองลงมา คือ การทําใหขาศึกแตกแยกกับพันธมิตร. ¥ ที่ดีรองลงมาอีก คือ การโจมตีกองทัพของขาศึก. ¥ นโยบายที่เลวที่สุด คือ การตีตัวเมือง การเขาตีตัวเมือง จะกระทํากันก็ตอเมื่อไมมีทางเลือกเปนอยางอื่น. ¥ การตระเตรียมเกราะใหกองเกวียน และเตรียมศาสตราวุธที่จําเปนใหครบถวน ตองใชเวลาอยางนอยสามเดือน ถาจะตองสรางทางลาดดวยการพูนดินเขาหากําแพงเมือง จะตองใชเวลาเพิ่มขึ้นอยางนอยอีกสามเดือน. ¥ แมทัพที่ไมอาจควบคุมความอดทนของตนไวได แลวสั่งทหารใหเขาปนกําแพงเมืองเหมือนมดปลวก
11.
- 11 - ทหารหนึ่งในสามจะลมตายโดยไมอาจยึดเมืองได นี่คือ
ความยอยยับของการเขาตีตัวเมือง. ¥ ดวยเหตุนี้ แมทัพผูชํานาญการศึกจึงเอาชนะขาศึกโดยไมตองสูรบ ยึดเมืองไดโดยไมตองใชกําลังเขาตี และลมอาณาจักรศัตรูไดโดยทําการรบไมเรื้อรัง. ¥ เปาหมายของทาน คือ ยึดทุกอยางภายใตฟาใหไดโดยไมบอบช้ํา แลวกองทหารของทานจะไมทรุดโทรม ประโยชนที่ทานไดรับจะสมบูรณ นี่คือ ศิลปของการรุกรบ. ¥ เทาที่ปรากฏ ศิลปในการใชขบวนศึก มีอยูดังนี้. ¥ เมื่อมีกําลังอยูเหนือกวาขาศึกสิบเทา ใหลอมขาศึกไว. ¥ เมื่อมีกําลังเหนือกวาหาเทา ใหโจมตีขาศึก. ¥ ถามีกําลังเปนสองเทา แยกกําลังของขาศึกออก. ¥ ถามีกําลังรบทัดเทียมกัน ทานอาจเขารบโดยตรงได. ¥ ถามีทหารจํานวนนอยกวา ตองมี ความสามารถในการถอยทัพ. ¥ และถาไมทัดเทียมกันในทุกแงทุกมุม เมื่อมีกําลังนอยกวาตองสามารถหลบเลี่ยงขาศึกใหได แตตองเขาตีเมื่อมีกําลังเหนือกวา. ¥ ถือกันวา แมทัพเปนผูปองกันบานเมือง ถาการปองกันดีพรอมทุกสิ่งทุกอยาง บานเมืองยอมเขมแข็งแนนอน ถาการปองกันหละหลวม เปนการแนนอนวา บานเมืองยอมออนแอ. ¥ หนทางที่ผูมีอํานาจในแผนดิน จะนําโชครายมาใหกองทัพของตน มีอยูสามประการ.
12.
- 12 - ¥
เมื่อโงเขลาเบาปญญา ไมรูวา กองทัพยังไมควรรุกก็สั่งใหรุก. เมื่อโงเขลาเบาปญญา ไมรูวา ยังไมควรสั่งใหถอยก็สั่งใหถอย กองทัพใดมีปญหาเชนนี้ ก็เทากับ ถูกมัดขา. ¥ เมื่อผูโงเขลาในกิจการทหาร เขามายุงเกี่ยวในงานฝายบริหารของกองทัพ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ บรรดาแมทัพนายกองเกิดความสับสนงงงวย. ¥ เมื่อขาดความรูในสายการบังคับบัญชา ปญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ความรับผิดชอบในหนาที่ เหตุเชนนี้ ทําใหเกิด ความสงสัยขึ้นในจิตใจของแมทัพนายกอง. ¥ ถาเกิดความสงสัยและสับสนขึ้นในกองทัพ เจานครขางเคียงจะกอเรื่องยุงยากขึ้น นี่ก็คือ ความหมายที่กลาววา “กองทัพที่สับสนยอมนําชัยชนะใหผูอื่น”. ¥ มีสิ่งแวดลอมอยู หาประการ ที่จะชวยให ทํานายชัยชนะได. ¥ ผูที่รูวา เมื่อใดควรรบ และ เมื่อใดไมควรรบ จะเปนผูชนะ. ¥ ผูที่รูจักวา จะใชกองทหารขนาดใหญและขนาดเล็ก อยางไร จะเปนผูชนะ. ¥ ผูที่มี นายและไพรพลกลมเกลียวเหนียวแนนในการทําศึก จะเปนผูชนะ. ¥ ผูที่มี วิจารณญาณแลวสงบนิ่ง คอยขาศึกผูขาดวิจารณญาณ จะเปนผูชนะ. ¥ ผูที่มี แมทัพเปนผูมีความสามารถ และไมถูกรบกวนแทรกแซง จากผูมีอํานาจปกครองแผนดินสูงสุด จะเปนผูชนะ. ¥ ทั้งหาประการที่กลาวมานี้ คือ หนทางที่จะทําใหมีชัยชนะได. ¥ ฉนั้น ขาพเจาจึงกลาววา ¥ “รูจักขาศึก และรูจักตัวของทานเอง ในการรบรอยครั้ง ทานไมมีวันประสบอันตราย”.
13.
- 13 - ¥
“เมื่อไมรูจักขาศึกดีพอ แตยังรูจักตัวเอง โอกาสที่ทานจะแพหรือชนะ มีอยูเทาๆกัน”. ¥ “ถาไมรูจักใหดีพอทั้งขาศึกและตัวของทานเอง ทานแนใจไดเลยวา ในการศึกทุกครั้งทาน จะประสบอันตราย”. [[[[[[[[[[[[
14.
- 14 - ๔.
ทาที ซุนจูกลาววา ¥ ในสมัยโบราณนั้น สิ่งที่นักรบผูชํานาญพึงปฏิบัติ คือ ทําใหตนเองอยูในฐานะที่ไมมีผูใดเอาชนะได แลวคอย จนถึงเวลาที่ขาศึกตกอยูในฐานะเสียเปรียบ. ¥ การทํามิใหมีผูใดเอาชนะได อยูกับตัวเอง ความเสียเปรียบของขาศึก อยูที่ตัวของเขาเอง. ¥ อธิบายวา สําหรับผูชํานาญสงครามนั้น ยอมทําใหตัวเองอยูในฐานะที่ไมมีผูใดเอาชนะได แตไมอาจสรางเหตุใหแนใจไดวา ขาศึกเกิดความเสียเปรียบ. ¥ ฉนั้น จึงกลาวกันวา อาจมีผูรูวิธีจะเอาชนะไดอยางไร แตไมจําเปนเสมอไปวาจะทําได. ¥ การที่ไมมีผูใดเอาชนะไดขึ้นอยูกับการปองกัน ทางที่อาจมีชัยชนะไดอยูที่การโจมตี. ¥ เมื่อไมมีกําลังเพียงพอก็ปองกันตัว เมื่อมีกําลังเหลือเฟอจึงโจมตี. ¥ ผูที่ชํานาญในการปองกัน ซอนตัวเองอยูใตดินลึกเกาชั้น ผูที่ชํานาญในการโจมตี รุกรวดเร็วดังลมจากสวรรคชั้นเกา ดวยเหตุนี้ บรรดาผูชํานาญจึงสามารถทั้งการปองกันตัวเองและการเอาชนะขั้นเด็ดขาดได. ¥ การคาดคะเนชัยชนะไดเชนเดียวกับที่คนธรรมดาสามัญก็อาจคาดคะเนได ไมถือวาเปนความชํานาญสูงสุด. ¥ มีชัยชนะในการทําศึก จนคนทั่วไปยกยองสรรเสริญวา “เชี่ยวชาญ” ยังถือมิไดวา เปนความชํานาญสูงสุด ยกกิ่งไมหักในฤดูใบไมรวง ไมตองใชเรี่ยวแรงอะไรนัก
15.
- 15 - มองเห็นวาพระอาทิตยแตกตางจากพระจันทรได
มิใชแสดงวา สายตาดี ไดยินเสียงฟารอง มิใชแสดงวา เปนคนหูไว. ¥ สมัยโบราณ ผูเชี่ยวชาญการศึก คือ ผูที่เอาชนะขาศึกไดโดยงาย. ¥ ฉนั้น ชัยชนะที่ปรมาจารยทางสงครามไดรับ จึงไมเกิดผลดีใดๆ ไมวาทางชื่อเสียงวา มีสติปญญา หรือมีเกียรติคุณกลาหาญ. ¥ ชัยชนะจึงเกิดขึ้นไดโดยมิตองวาวุน “มิตองวาวุน” หมายถึง ไมวาจะปฏิบัติสิ่งใดยอมประกันไดวา ตองมีชัยชนะเขา เอาชนะขาศึกที่แพอยูแลว. ¥ ฉนั้น แมทัพผูชํานาญจึงตกอยูในฐานะที่แพใครมิได และจะไมพลาดโอกาสที่จะเอาชนะขาศึก. ¥ ฉนั้น กองทัพที่ไดชัยชนะ จึงมีชัยกอนที่จะลงมือทําการรบ กองทัพที่เห็นทางแพแนชัด จึงตอสูดวยความหวังวาจะมีชัยชนะ. ¥ ผูที่ชํานาญการทําศึกจึงยึดมั่นในหลักการของเตา รักษาฟา(กฎเกณฑ)แลวจึงสามารถกําหนดแนวที่จะนําชัยชนะมาได. ¥ องคประกอบในการพิชัยสงครามนั้น ขอแรกทีเดียว คือ การวัดพื้นที่ ขอที่สอง คือ การประมาณปริมาณ ขอที่สาม คือ การคิดคํานวณ ขอที่สี่ คือ การเปรียบเทียบ ขอที่หา คือ โอกาสที่จะมีชัยชนะ. ¥ การวัดพื้นที่ เกิดมาจากการตรวจดู “สนามรบ”. ¥ ปริมาณ เกิดจาก การวัดตัวเลขตางๆ ไดจากปริมาณของสิ่งตางๆ การเปรียบเทียบตัวเลขตางๆ ชัยชนะยอมไดมาจากการเปรียบเทียบ.
16.
- 16 - ¥
ดวยเหตุเชนนี้ กองทัพที่มีชัยชนะ จึงเปรียบดัง เอาขาวทั้งเกวียนขึ้นตาชั่ง ถวงกับขาวเพียงเมล็ดเดียว กองทัพที่แพ คือ ขางหนึ่งเมล็ดที่เอาขึ้นชั่ง เปรียบเทียบกับขาวทั้งเกวียน. ¥ ดวยเหตุที่แมทัพผูชนะศึกรูจักวิธีปฏิบัติตอผูอื่น และคิดถึงทุกสิ่งทุกอยางโดยถี่ถวน จึงสามารถทําใหคนของตนสูศึกไดสุดกําลัง เปรียบไดดังน้ําที่ขังไว แลวเปดประตูกั้นน้ําออก ใหน้ําโจนลงสูที่ต่ําอันล้ําลึก. [[[[[[[[[[[[
17.
- 17 - ๕.
กําลังพล ซุนจูกลาววา ¥ โดยทั่วไปนั้น การจัดการคนจํานวนมาก ก็อยางเดียวกับการจัดการคนสองสามคน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับการจัดระเบียบบริหาร. ¥ การควบคุมคนจํานวนมาก เหมือนกับควบคุมคนสองสามคน ทั้งนี้ยอมขึ้นอยูกับรูปขบวนและสัญญาณ. ¥ จึงเปนการแนนอนวา กองทัพยอมตานทานการโจมตีของขาศึกไดโดยไมพายแพ เพราะรูจักวิธีใชกําลังโดยรูปพิศดาร และรูปธรรมดา. ¥ กําลังที่ทุมเทตีขาศึก เปรียบดังโมหินบดไข เปนอยางในการเอาของแข็งกระแทกลงตรงที่วาง. ¥ โดยทั่วไปในการทําศึก ใชกําลังรูปธรรมดาเขาปะทะกับขาศึก แลวใชกําลังรูปพิศดารเพื่อเอาชนะ.
18.
- 18 - ¥
สําหรับผูชํานาญในการศึกนั้น ความสามารถในการใชกําลังรูปพิศดารมีอยูไมรูจบรูสิ้น เชนแผนดินแผนฟา ไมมีวันหมดสิ้นดังน้ําในมหานทีที่ไหลวนอยูไมขาด. ¥ เมื่อใชจบแลวก็ตั้งตนใหม หมุนเวียนกันไป ดังการโคจรของดวงอาทิตยและดวงจันทร ตกแลวก็กลับขึ้นมาใหม หมุนเวียนกันไป เชนฤดูกาลตางๆ. ¥ ตัวโนตของดนตรีมีอยูเพียงหาเสียง แตสามารถแตงออกเปนทํานองเพลงไดมากมายไมมีใครรูครบ. ¥ แมสีมีอยูเพียงหาสี แตการผสมผสานของสีมีอยูมิรูจบสิ้น ไมมีผูใดสามารถเห็นไดครบทุกสี. ¥ รสชาติของอาหารมีเพียงหารส แตการผสมปรุงแตงใหอาหารมีรสแตกตางกันออกไป มีมากมายจนไมมีผูใดสามารถลิ้มรสไดครบทุกรส. ¥ การทําศึกมีอยูเพียงรูปธรรมดาและรูปพิศดาร แตสามารถสลับสับเปลี่ยนวนเวียนใชไดโดยไมซ้ํา ไมมีผูใดสามารถเขาใจไดครบถวน.
19.
- 19 - ¥
การใชกําลังทั้งสองรูปนี้ ตางใหผลชวยเหลือซึ่งกันและกันโดยไมรูจบสิ้น ดังวงแหวนที่คลองกันอยู ใครเลาจะสามารถพิจารณาไดวา ตั้งตนคลองกันตรงไหน และไปสิ้นสุดตรงไหน. ¥ เมื่อกระแสน้ําเชี่ยวพุงเขาชนทํานบทะลายลง นั่นก็เพราะ มีพลังรวมของการเคลื่อนที่ดวยความรวดเร็ว. ¥ เมื่อเหยี่ยวโฉบลงมาฉวยไดตัวนกกระจอก นั่นเปนเพราะ จังหวะ. ¥ ฉนั้น พลังรวมอันเกิดจากการเคลื่อนตัวของมวล โดยผูชํานาญในการสงครามจึงมากมายเหลือลน และการเขาโจมตีของเขาก็อยูในภาวะควบคุมอยางแมนยํา. ¥ ความหนักหนวงในการเขาตี เปรียบไดดั่ง หนาไมที่ขึงตึงที่สุด จังหวะของเขาอยูที่การเหนี่ยวไก. ¥ ทามกลางความสับสนและเสียงอื้ออึง การรบดูดังจะระส่ําระสาย แตก็ไมปราศจากความเปนระเบียบ ขบวนศึกปรากฏเหมือนวิ่งวนเวียนเปนวงกลม แตไมมีผูใดทําใหแพได.
20.
- 20 - ¥
สิ่งที่ปรากฏเปนความสับสนนั้น เปนผลจากการออกคําสั่งที่ดี. ¥ ที่ปรากฏเปนความขลาด ที่จริง คือ ความกลาหาญ ที่ปรากฏเหมือนออนแอ หมายถึง กําลัง. ¥ ความมีระเบียบและขาดระเบียบ ขึ้นอยูกับ การจัดรูปบริหาร. ความกลาหาญและความขลาดกลัว ขึ้นอยูกับ ภาวะแวดลอม. มีกําลังหรือออนแอ ขึ้นอยูกับ ทาทีของขาศึก. ¥ ดวยเหตุนี้ ผูที่ชํานาญในการทําใหขาศึกตองเคลื่อนที่ จึงปฏิบัติดวยวิธีสรางสถานการณใหอํานวยประโยชนแกตนเสียกอน แลวลวงขาศึกดวยบางสิ่งบางอยางที่คิดวา ขาศึกพึงและคิดจะทําใหมีความไดเปรียบ ขณะเดียวกันก็ซอนกําลังไวขยี้ขาศึก. ¥ ฉนั้น แมทัพผูชํานาญศึกจึงแสวงหาชัยชนะจากสถานการณ โดยไมเรียกรองชัยชนะจากผูอยูใตบังคับบัญชา. ¥ แมทัพเปนผูเลือกคน แลวปลอยมือใหคนของเขาหาประโยชนเอาจากสถานการณ.
21.
- 21 - ¥
ผูที่ถือเอาสถานการณเปนสําคัญ ยอมใชกําลังทหารเขาสูรบ เชนเดียวกับการกลิ้งทอนซุงหรือกอนหิน ธรรมชาติของซุงและหินนั้น ถาแผนดินราบเรียบมันก็หยุดอยูนิ่ง ถาแผนดินไมราบเรียบมันก็กลิ้งงาย ถาซุงหรือหินเปนรูปเหลี่ยม มันก็ไมกลิ้ง ถากลมก็กลิ้งไดงาย. ¥ ฉนั้น ความสามารถของกองทัพที่มีแมทัพเปนผูสามารถ จึงเปรียบไดดังการผลักหินกลมใหกลิ้งลงจากภูเขาสูง. [[[[[[[[[[[[
22.
- 22 - ๖.
ความออนแอและความเขมแข็ง ซุนจูกลาววา ¥ โดยทั่วไปนั้น ผูที่ตั้งคายในสนามรบไดกอน และคอยทีขาศึกอยู ยอมไมเครงเครียด ผูที่มาถึงภายหลังแลวรีบเรงเขาทําการรบยอมอิดโรย. ¥ ผูชํานาญการสงครามจึงชักจูงใหขาศึกเดินเขามาสูสนามรบ มิใชใหขาศึกนําตนเขาสูสนามรบ. ¥ ผูที่สามารถนําขาศึกเขาสูสนามรบไดตามความตองการของตน เสนอใหขาศึกรูสึกวาเขามาแลวไดเปรียบ ผูที่สามารถปองกันมิใหขาศึกเขาถึงสนามรบ ใชวิธีตีสกัดขาศึก. ¥ เมื่อขาศึกสบาย จงรังความใหเกิดความอิดโรย เมื่ออิ่มทองตองทําใหหิว เมื่อหยุดพัก ตองทําใหเคลื่อนที่. ¥ ปรากฏตัวในที่ๆ จะทําใหขาศึกเกิดความสับสนอลหมาน เคลื่อนที่เขาตีอยางรวดเร็วในที่ๆ ขาศึกไมคาดวาทานจะเขาถึงได. ¥ ทานอาจเดินทัพไกลพันลี้โดยไมอิดโรย เพราะเดินทางในเขตที่ไมมีขาศึก. ¥ เพื่อใหแนใจวาเขาตีจุดใด ยอมยึดไดที่นั้น จงเขาตีจุดที่ขาศึกขาดการปองกัน
23.
- 23 - เพื่อใหแนใจวาจะปองกันที่ตั้งไวได จงปองกันพื้นที่ซึ่งขาศึกจะไมเขาตี. ¥
ฉนั้นสําหรับผูที่ชํานาญในการเขาตี ขาศึกจะไมรูวาควรปองกันที่ใด สวนผูที่ชํานาญในการปองกันนั้น ขาศึกก็มิรูวาจะเขาตีที่ใด. ¥ ความฉลาดและไหวพริบ ชวยใหผูเชี่ยวชาญละทิ้งพื้นที่ โดยไมทิ้งรองรอย หายไปอยางลึกลับราวเทวดา ไมมีเสียงใหผูใดไดยิน ดวยเหตุนี้เขาจึงเปนเจาของชะตากรรมของขาศึก. ¥ ผูที่รุกดวยการทุมเทกําลังที่ไมมีผูใดตานทานได ลงตรงจุดออนของขาศึก ผูที่ถอยทัพโดยมิใหผูใดติดตามได จะกระทําอยางรวดเร็วฉับพลันจนไมมีผูใดไลไดทัน. ¥ เมื่อขาพเจาปรารถนาจะเปดการรบ แมขาศึกจะมีกําแพงสูงและคูเมืองปองกัน ก็ไมอาจหลีกเลี่ยงขาพเจาได ขาพเจาโจมตี ณ จุดที่ขาศึกตองการความชวยเหลือ. ¥ เมื่อขาพเจาปรารถนาจะหลีกเลี่ยงการรบ ขาพเจาอาจปองกันตัวเองงายๆ ดวยการขีดเสนลงบนพื้นดิน ขาศึกก็ไมอาจโจมตีขาพเจาได
24.
- 24 - เพราะขาพเจาจะเปลี่ยนมิใหขาศึกมุงไปยังที่เขาประสงคจะไป. ¥
ถาขาพเจาจะสามารถคอยพิจารณาดูทาทีของขาศึก ขณะเดียวกันขาพเจาก็ซอนเรนทาทีของขาพเจา ขาพเจาก็จะสามารถรวมกําลัง โดยขาศึกตองแบงกําลัง และถาขาพเจารวมกําลังได ในขณะที่ขาศึกแบงแยกกําลัง ขาพเจาก็สามารถใชกําลังทั้งหมดขยี้กําลังยอยของขาศึกได เพราะขาพเจามีจํานวนทหารมากกวา ฉนั้น เมื่อสามารถใชกําลังเหนือกวาโจมตีผูมีกําลังดอยกวา ณ จุดที่ขาพเจาเปนผูกําหนด ใครที่ตองสูกับขาพเจาจะเสมือนดงอยูในชองแคบอันเต็มไปอันตราย. ¥ ขาศึกจะตองไมรูวา ขาพเจาจะเปดการรบ ณ ที่ใด เมื่อไมรูวาขาพเจาตั้งใจจะรบที่ใด ขาศึกก็ตองเตรียมตัวรับในที่ตางๆ กันหลายแหง เมื่อขาศึกตองเตรียมรับในที่หลายแหง ณ จุดที่ขาพเจาตองการเปดการรบ กําลังของขาศึกจึงมีอยูเพียงเล็กนอย. ¥ ถาขาศึกเตรียมรับทางดานหนา ดานหลังก็จะออนแอ ถาเตรียมรับทางดานหลัง ดานหนาก็จะบอบบาง ถาเตรียมรับทางปกซาย ปกขวาก็จะเปนอันตรายไดงาย ถาเตรียมรับทางปกขวา ปกซายก็จะมีกําลังเพียงเล็กนอย และถาเตรียมรับหมดทุกดานก็จะออนแอหมดทุกดาน.
25.
- 25 - ¥
ผูมีกําลังนอยตองเตรียมรับขาศึก ผูมีกําลังมากตองทําใหขาศึกคอยเตรียมรับตน. ¥ ถาผูใดรูวาจะเปดการรบที่ใด เมื่อใด กองทหารของเขาก็จะสามารถเดินทางหนึ่งพันลี้ และพบกันในสนามรบได แตถาไมรูวาจะรบที่ใด เมื่อใด ปกซายก็ไมอาจชวยเหลือปกขวา หรือปกขวาก็ไมอาจชวยปกซาย กองหนาไมอาจชวยกองหลัง หรือกองหลังก็ชวยกองหนาไมได อันตรายยอมเกิดขึ้นไดหลายประการ เมื่อแตละหนวยตองแยกกันอยูหางเปนสิบๆ ลี้ หรือแมแตเพียงสองสามลี้. ¥ แมวา ขาพเจาประเมินกําลังของเมืองหยวยไวมาก แตความเหนือกวาจะใหผลดีอะไรไดบาง ถาคิดกันถึงผลในขั้นสุดทาย. ¥ ดวยเหตุนี้ ขาพเจาจึงกลาววา ชัยชนะเปนสิ่งที่ทําใหเกิดขึ้นได แมวาขาศึกจะมีกําลังมากกวา ขาพเจาก็สามารถปองกันมิใหขาศึกเขาทําการรบได. ¥ ฉนั้น จงพิจารณาที่แผนของขาศึกเสียกอน แลวทานจึงรูวาควรใชแผนยุทธศาสตรใดจึงจะไดผล และแผนใดไมไดผล. ¥ กวนขาศึกใหปนปวน แลวดูรูปขบวนความเคลื่อนไหวของขาศึกใหแนชัด. ¥ พิจารณาทาทีของขาศึก แลวศึกษาลักษณะของสมรภูมิใหถองแท. ¥ ตรวจสอบและศึกษาใหรูวา กําลังของขาศึกสวนใดเขมแข็งและสวนใดบอบบาง.
26.
- 26 - ¥
สิ่งสําคัญในการวางรูปขบวนศึกอยูที่การไมกําหนดรูปรางใหแนชัด เพื่อมิใหสายลับของขาศึกที่แอบแฝงอยูอานรูปขบวนออก ขาศึกแมจะมีสติปญญาเพียงใดก็ไมสามารถวางแผนทําลายทานได. ¥ ขาพเจาวางแผนเพื่อเอาชนะตามรูปขบวนที่ขาพเจากําหนดขึ้น แตคนทั่วไปตีความไมแตกและไมเขาใจ แมวาทุกคนจะสามารถเห็นรูปการณภายนอก แตไมมีใครเขาใจทางที่ขาพเจาวางไวเพื่อใหไดชัยชนะ. ¥ ฉนั้น เมื่อขาพเจาไดชัยชนะครั้งหนึ่งแลว ขาพเจาจะไมใชยุทธวิธีนั้นซ้ําอีก แตจะยึดถือเอาสภาวะแวดลอม ในลักษณะที่ผิดแปลกแตกตางออกไปไมรูจบสิ้น. ¥ กองทัพหรือขบวนศึก ก็เหมือนน้ํา ในลักษณะของการไหล หลีกเลี่ยงที่สูง ไหลลงที่ลุม ขบวนศึกก็เชนเดียวกัน หลีกเลี่ยงจุดที่มีกําลัง แลวตีตรงจุดออน. ¥ เชนเดียวกันน้ํา ที่มีรูปทรงตามสัณฐานของพื้นดิน กองทัพมีชัยชนะก็ดวยการปรับตัวไปตามสภาพของขาศึก. ¥ น้ํามีสัณฐานไมคงที่ ในการทําสงครามก็ไมมีภาวะใดคงที่.
27.
- 27 - ¥
ดวยเหตุนี้ ผูที่สามารถเอาชนะได ดวยการรูจักปรับปรุงเปลี่ยนยุทธวิธีของตน ไปตามสถานภาพของขาศึก จึงไดรับการยกยองวา สามารถ. ¥ ทั้งหาประการนี้ ไมมีประการใดประการหนึ่งที่สําคัญที่สุดไดเสมอ ฤดูกาลทั้งสี่ ไมมีฤดูใดยืนยาวไดตลอด บางฤดูกลางวันสั้น บางฤดูกลางวันยาว ดวงจันทรบางวันแจมใส บางวันมืดมัว. [[[[[[[[[[[[
28.
- 28 - ๗.
การดําเนินกลยุทธ ซุนจูกลาววา ¥ โดยปรกติธรรมดานั้นในการจัดขบวนศึก แรกทีเดียว แมทัพรับบัญชาจากผูมีอํานาจปกครองสูงสุดในแผนดิน แมทัพจึงเริ่มรวบรวมไพรพลและกะเกณฑประชาชน ตอมาจึงดําเนินการผสมผสานวางรูปกําลังใหกลมกลืนกัน. ¥ ไมมีอะไรจะยากเกินไปกวาศิลปในการดําเนินกลยุทธ ความยากลําบากของการดําเนินกลยุทธอยูที่ การทําใหเสนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด กลายเปนเสนทางตรงที่สุด กลับโชครายใหกลายเปนความไดเปรียบ. ¥ ดวยเหตุนี้ จงเดินทัพโดยทางออม แลวเปลี่ยนทิศทางขาศึก ดวยการวางเหยื่อลอ ใหขาศึกเกิดความสนใจ ดวยวิธีดังกลาว ทานอาจเคลื่อนขบวนศึกทีหลัง แตถึงที่หมายกอนขาศึก ที่สามารถปฏิบัติเชนนี้ได ยอมเขาใจยุทธวิธีแบบตรงและแบบออม. ¥ ทั้งความไดเปรียบและอันตราย เปนผลสืบเนื่องมาจากการใชกลยุทธ.
29.
- 29 - ¥
ผูที่เคลื่อนทัพขบวนเพื่อติดตามหาความไดเปรียบ จะไมมีวันรับความไดเปรียบ. ¥ ถาเขาทิ้งคายเพื่อแสงหาความไดเปรียบ สัมภาระจะเกิดความเสียหาย. ¥ สิ่งที่ตามมา คือ เมื่อเก็บเกราะ แลวเดินทางดวยความรีบเรง เดินทางไมหยุดยั้งทั้งกลางวันและกลางคืน เรงความเร็วขึ้นเทาตัว เพื่อใหทางไกลหนึ่งรอยลี้ นายกองสามคนจะถูกจับได กองทหารที่เขมแข็งจะเดินมาถึงไดกอน สวนพวกออนแอจะลากสังขารมาถึงภายหลัง ถาใชวิธีการเชนนี้ ทหารเพียงหนึ่งในสิบของกําลังทั้งหมดเทานั้นที่จะบรรลุเปาหมาย. ¥ เมื่อเรงเดินทัพโดยรวดเร็ว ใหไดระยะทางหาสิบลี้ ผูบังคับกองทหารจะหมดกําลัง และการเกินทัพดวยวิธีนี้ ทหารจะถึงที่หมายเพียงกึ่งหนึ่ง ถาเรงทัพใหเดินทางสามสิบลี้ ทหารจะถึงที่หมายสองในสาม. ¥ ผลที่ตามมาก็คือ กองทัพจะขาดอาวุธยุทโธปกรณหนัก เชน เสื้อเกราะ อาหารเลี้ยงมา เสบียงอาหารและสัมภาระอื่นๆ จะสูญเสีย.
30.
- 30 - ¥
ผูที่ไมรูจักสภาพของปา ที่รกอันเต็มไปดวยอันตราย พื้นที่ชื้นแฉะ และพื้นที่ของปาชายเลน จะไมสามารถนําทัพเดินทางได. ¥ ผูที่ไมรูจักใชมัคคุเทศกพื้นเมือง จะไมอาจแสวงหาความไดเปรียบไดจากพื้นที่. ¥ รากฐานของการทําสงคราม คือ กลอุบาย เคลื่อนที่เมื่อมีทางไดเปรียบ แลวสรางสถานการณใหเกิดความเปลี่ยนแปลง โดยแยกกําลัง และรวมกําลัง. ¥ เมื่อลงมือเขาตี ตองรวดเร็ว ราวลมพัด เมื่อเดินทัพ ใหมีความสงา ดังปาไม เมื่อบุกทลวง ก็ใหเหมือน ดังไฟไหม เมื่อหยุดยืน ก็ใหมั่นคง ดังขุนเขา มิใหผูใดหยั่งเชิงได ดังเมฆ เมื่อเคลื่อนที่ ก็รวดเร็ว ดังสายฟาฟาด. ¥ เมื่อรุกเขาไปในชนบท แบงกําลังออก เมื่อยึดดินแดนใดได แบงปนผลกําไร. ¥ ชั่งน้ําหนักของสถานการณเสียกอน แลวจึงเคลื่อนทัพ. ¥ ผูที่เขาใจศิลปของการเขาตี โดยวิธีตรงและวิธีออม จะมีชัยชนะ
31.
- 31 - นี่คือ
ศิลปในการดําเนินกลยุทธ. ¥ ตําราบริหารการทัพระบุวา ระหวางทําการรบนั้น ใชเสียงสั่งการยอมไดยินไมทั่วถึง จึงตองใชกลองและมาลอ ทหารหนวยตางๆ เห็นกันไดไมชัดเจน จึงตองใชธงและแถบแพรสีตางๆ เปนสัญญาณ. ¥ มา ลอ กลอง แถบแพรสี และธงนั้น ใชเพื่อเปนจุดรวมความสนใจของทหาร หนวยทหารตางๆ จะรวมตัวกันติด ผูกลาหาญไมอาจรุกไปไดโดยลําพัง ผูขยาดหวาดกลัวก็ถอยมิได นี่คือ ศิลปในการบังคับกองทหาร. ¥ การรบกลางคืน ตองอาศัยคบไฟและเสียงกลอง การรบกลางวัน ใชแถบแพรสีและธงทิวเปนจํานวนมาก เพื่อชวยการมองเห็นและการไดยินของทหารฝายเรา. ¥ กองทัพอาจถูกทําใหเสียขวัญได และแมทัพก็อาจหมดมานะได. ¥ ตอนเชาตรู จิตใจแจมใส ระหวางกลางวัน ทหารเกิดความอิดโรย พอตกถึงเวลาเย็น ก็คิดถึงบาน.
32.
- 32 - ¥
ดวยเหตุนี้ ผูชํานาญการศึกจึงหลีกเลี่ยงขาศึก เมื่อเวลาที่มีจิตใจฮึกเหิม เขาตีเมื่อเวลาที่ขาศึกอิดโรย ทหารพากันคิดถึงบาน นี่คือ การควบคุมภาวะของอารมณ. ¥ เมื่อกองทัพที่อยูในระเบียบ ตั้งคอยทีทัพขาศึกที่ขาดระเบียบ ในความสงบเงียบนั้นคือจิตใจที่กระหายจะสูรบ นี่คือ การควบคุมภาวะจิตใจ. ¥ ที่ใกลกับยุทธภูมิ เฝาคอยขาศึกที่เดินทางมาจากไกล เมื่อขาศึกหยุดพัก ทําใหขาศึกอิดโรย เมื่อขาศึกมีอาหารกินไมเพียงพอ ทําใหเกิดความหิวโหย นี่คือ การควบคุมทางกายภาพ. ¥ เมื่อเห็นขาศึกรุกคืบหนา โดยมีธงทิวและแถบแพรสีดูเปนระเบียบ ขบวนศึกก็ถูกตองนาดู เชนนี้ไมพึงเขารบกับขาศึก นี่คือ การควบคุมความเปลี่ยนแปลงตามภาวะแวดลอม. ¥ ดวยเหตุดังกลาว ศิลปของการใชกําลังทหาร จึงอยูที่ ไมเผชิญหนากับขาศึกที่อยูบนที่ดอน เมื่อขาศึกยึดไดเนินเขา ยันดานหลังของกองทัพอยู ก็อยาเขาทําการรบดวย
33.
- 33 - เมื่อขาศึกแสรงแตกหนี
อยาติดตาม อยาเขาตีกองทหารทลวงฟนของขาศึก อยากลืนเหยื่อที่ขาศึกเสนอให อยาขัดขวางขาศึกที่กําลังเดินทางกลับบานเมือง เมื่อลอมขาศึกไวได จงเปดทางหนีไว อยารังแกขาศึกจนมุม นี่คือ วิธีการดําเนินกลยุทธ. [[[[[[[[[[[[
34.
- 34 - ๘.
สิ่งซึ่งแปรผันไดเกาประการ ซุนจูกลาววา ¥ โดยปรกติธรรมดานั้น ระบบของการจัดขบวนศึก คือ การที่แมทัพรับบัญชาจากผูมีอํานาจปกครองสูงสุด ใหระดมพลจากประชาชนแลวรวบรวมขึ้นเปนกองทัพ. ¥ ทานจะตองไมตั้งคายในที่ลุม. ¥ ในพื้นที่ซึ่งมีการติดตอสะดวก จงรวมกับพันธมิตร. ¥ ถาทานจะตองวกเวียน ในพื้นที่ปองกันตัวไดยาก ในพื้นที่คับขัน ตองเตรียมตัวใหพรอมทุกอยาง. ¥ ในพื้นที่ตาย ใหสู. ¥ มีทางบางเสนที่ไมควรเกินตาม หนวยทหารบางหนวยที่ไมควรเขาตี เมืองบางเมืองไมควรเขายึด พื้นที่บางแหงไมควรทําการรบ. ¥ แมทัพเขาถึงถองแทใน ความไดเปรียบของการใชหลักของสิ่งที่ผันแปรไดเกาประการ ยอมรูวาจะใชขบวนศึกอยางไร. ¥ แมทัพผูไมเขาใจ ความไดเปรียบจากการใชหลักของสิ่งที่ผันแปรไดเกาประการ จะไมสามารถใชพื้นที่เพื่อความไดเปรียบ แมจะมักคุนกับพื้นที่นั้นดี. ¥ อํานวยงานปฏิบัติการทางทหารนั้น ผูที่ไมเขาใจเลือก ยุทธวิธีอันเหมาะสมกับความผันแปรไดเกาประการ จะไมสามารถใชกําลังทหารอยางไดผลดี แมแตถาเขาจะเขาใจ “ความไดเปรียบหาประการ”
35.
- 35 - ¥
ดวยเหตุนี้ แมทัพผูฉลาด เมื่อจะตองแกปญหาตางๆ จึงตองพิจารณาปจจัยทั้งที่เปนคุณและโทษ. ¥ เมื่อพิจารณาปจจัยตางๆ อันเปนคุณแลว แมทัพยอมกําหนดแผนที่จะใชปฏิบัติได โดยเอาปจจัยที่เปนโทษมารวมพิจารณาดวย แมทัพจึงอาจขจัดปดเปาความยากลําบากทั้งมวลได. ¥ การจะทําใหเมืองขางเคียงเกิดความยําเกรง ยอมปฏิบัติไดดวย การนําเรื่องเดือดรอนมาให. ¥ เขาทําใหขาศึกกะปลกกะเปลี้ย ดวยการทําใหขาศึกมีเรื่องตองแกไขอยูตลอดเวลา ทําใหขาศึกตองวุนวายไปมา โดยเสนอสิ่งที่ทําใหดูไดเปรียบอยางแลวอยางเลา. ¥ กฎของสงครามมีอยูประการหนึ่ง คือ อยาคะเนวาขาศึกจะไมมา แตควรจะคิดวา เราพรอมจะเผชิญหนาขาศึกอยูเสมอ อยาคิดเสียวาขาศึกจะไมเขาตี แตใหถือวา ตองทําใหไมมีผูใดทําลายได. ¥ มีคุณสมบัติอยู หาประการ ที่เปนอันตรายตอบุคคลิกภาพของแมทัพ ¥ ถาประมาท อาจถูกฆา ถาขลาดกลัว จะถูกจับ ถาโมโหฉุนเฉียวงาย จะถูกหลอกใหโงไดงาย ถาออนไหวในความรูสึกเรื่องเกียรติยศ ยอมจะถูกสบประมาทใหโกรธไดงาย ถาเปนคนขี้สงสาร ยอมถูกรบกวนความรูสึกไดงาย. ¥ บุคคลิกภาพทั้งหาประการนี้ เปนอันตรายรายแรงสําหรับผูเปนแมทัพ และเมื่อลงมือปฏิบัติการทางทหารยอมเกิดความหายนะ.
36.
- 36 - ¥
ความพินาศของกองทัพ ความตายของแมทัพ ยอมเกิดขึ้นได เพราะผลของบุคคลิกภาพเหลานี้ จึงตองพิจารณากันใหลึกซึ้ง. [[[[[[[[[[[[
37.
- 37 - ๙.
การเดินทัพ ซุนจูกลาววา ¥ โดยทั่วไปนั้น เมื่อเขาที่ตั้งและเผชิญหนากับขาศึก หลังจากที่ไดเดินทัพขามเขามาแลว ใหอยูใกลหุบเขา ตั้งคายบนที่ดอน หันหนารับแสงตะวัน. ¥ รบลงจากเนิน อยาปนเขาเพื่อเขาตี. ¥ เรื่องตั้งทัพในภูเขา มีเพียงเทานี้. ¥ หลังจากขามแมน้ําแลว ทานตองเคลื่อนทัพใหหางจากริมแมน้ํา. ¥ เมื่อแมทัพขาศึกรุกขามแมน้ํา อยาปะทะที่ริมน้ํา หนทางไดเปรียบคือ ยอมใหกําลังของขาศึกกึ่งหนึ่งขามแมน้ํากอน แลวเขาตี. ¥ ถาทานปรารถนาจะเปดการรบ อยาเผชิญหนากับขาศึกใกลน้ํา ตั้งทัพบนที่ดอนหันหนารับแสงแดด อยาอยูในตําแหนงใตกระแสน้ํา. ¥ เรื่องตั้งทัพใกลแมน้ํา มีเพียงเทานี้. ¥ เมื่อขามดินเค็มชายทะเล ใหขามโดยรวดเร็ว อยาวกวนอยูในพื้นที่เชนนี้ ถาตองปะทะกับขาศึกกลางพื้นดินเค็ม
38.
- 38 - ใหหาตําแหนงตั้งทัพใกลพงหญาและน้ํา
โดยมีตนไมอยูเบื้องหลัง. ¥ เรื่องตั้งทัพในพื้นที่ดินเค็มชายทะเล มีเพียงเทานี้. ¥ บนพื้นที่ราบ ตองเขายึดบริเวณที่จะอํานวยความสะดวกในการรบ ใหที่สูงอยูดานหลังและดานขวา สนามรบอยูเบื้องหนา แลวเบื้องหลังจะปลอดภัย. ¥ เรื่องตั้งทัพบนพื้นที่ราบ มีเพียงเทานี้. ¥ โดยทั่วไปการตั้งทัพตามสภาวการณทั้งสี่ที่กลาวมาแลวนี้ ยอมทําใหเกิดความไดเปรียบ พระเจาอื้งตี่ฮองเตใชในการทําศึก มีชัยชนะไดสี่แควน. ¥ กองทัพชอบที่ดอนมากกวาที่ลุม พอใจแสงตะวันไมชอบรมเงา เมื่อทหารมีพลานามัยสมบูรณ กองทัพก็ยึดครองพื้นที่ไดมั่นคง กองทัพที่ไมมีความเจ็บปวนดวยโรคภัยทั้งหลาย ยอมมีชัยชนะแนนอน. ¥ เมื่ออยูใกลเนินดิน ตีนเขา คันกั้นน้ํา หรือฝงแมน้ํา ทานตองตั้งทัพในตําแหนงที่รับแสงแดด ใหสวนขวาและสวนหลังตั้งบนที่สูงเหลานั้น. ¥ วิธีการเหลานี้เปนทางไดเปรียบของกองทัพ และไดอาศัยประโยชนจากพื้นที่เขาชวย. ¥ ที่ใดมีน้ําไหลเชี่ยวจากที่สูงชัน มี “บอสวรรค” “กรงสวรรค” “กับดักสวรรค” “ตาขายสวรรค” และ “รอยราวสวรรค” ทานตองรีบเดินทัพออกจากที่เหลานี้โดยเร็วที่สุด อยาเขาไปใกล. ¥ ขาพเจาอยูหางจากสถานที่เชนนี้ แลวลอใหขาศึกเขาไปในที่เชนนี้ ขาพเจาเผชิญหนาขาศึก แลวทําใหขาศึกหันหลังหาสถานที่เชนนี้.
39.
- 39 - ¥
เมื่อดานขางของกองทัพ เปนปารกชัฎอันตราย หรือหนองน้ําปกคลุมดวยหญาและพงออ ดงเสือหมอบ หรือปาลึก ใกลเขาโคนไมปกคลุมดวยเถาวัลย ทานจะตองคนดวยความระมัดระวัง เพราะสถานที่เชนนี้ ขาศึกมักซุมโจมตีและสายลับมักซุมซอน. ¥ เมื่อขาศึกอยูใกล แตสงบนิ่งอยู ขาศึกอาศัยที่ตั้งที่เหมาะสม เมื่อขาศึกอยูไกล แตทาทายหมายยั่วใหทานรุกเขาหา ขาศึกยอมอยูในพื้นที่เหมาะสม และอยูในตําแหนงที่ไดเปรียบ. ¥ เมื่อเห็นตนไมเคลื่อนไหว หมายถึง ขาศึกกําลังรุก. ¥ เมื่อมีเครื่องกีดขวางอยูมากตามดงทึบ หมายถึง ขาศึกมุงหลอกลอง. ¥ เมื่อฝูงนกบินขึ้นดวยความตระหนกตกใจ เปนสัญญาณใหรูวา ขาศึกซุมคอยเพื่อลอบโจมตี เมื่อสัตวปาแตกตื่นหนีกระเจิง หมายถึง ขาศึกพยายามจะเจาตีโดยมิใหทานรูตัว. ¥ เมื่อผงฝุนกระจายขึ้นเบื้องสูงเปนลํา หมายถึง รถศึกของขาศึกกําลังเขามาใกล เมื่อผงฝุนกระจายแผเตี้ยเปนบริเวณกวาง หมายถึง ทหารกําลังรุกเขาหา. ¥ เมื่อผงฝุนฟุงขึ้นเปนจุดหลายบริเวณ หมายถึง ขาศึกกําลังนําเชื้อไฟมา เมื่อฝุนเปนกระจุยเล็กๆ กระจายอยูมาก หมายถึง ขาศึกกําลังตั้งคาย. ¥ เมื่อทูตของขาศึกพูดดวยความออนนอมถอมตน ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมกองทัพของตนอยู หมายถึง ขาศึกคิดรุก. ¥ เมื่อวาจาของขาศึกฟงดูเปนกลลวงใหเชื่อ แตขาศึกแสรงทําเปนรุก หมายถึง ขาศึกจะถอย. ¥ เมื่อทูตของขาศึกพูดจาในลักษณะขออภัย หมายถึง ขาศึกปรารถนาจะถวงเวลา หาทางผอนปรน.
40.
- 40 - ¥
ถาปราศจากการทําความเขาใจลวงหนามากอนแลว ขาศึกขอเจรจาสงบศึก หมายถึง ขาศึกกําลังคิดอุบาย. ¥ เมื่อรถมาศึกขนาดเบาออกแนว โดยอยูในตําแหนงขางของทัพ หมายถึง ขาศึกจัดรูปขบวนเพื่อเขารบ. ¥ เมื่อทัพของขาศึกเดินเร็ว และรถมาศึกก็เรียงคันเปนขบวน หมายถึง ขาศึกกําลังหมายจะไปที่จุดนัดพบกับกําลังหนุน. ¥ เมื่อกําลังของขาศึกกึ่งหนึ่งรุก อีกกึ่งหนึ่งถอย หมายถึง ขาศึกพยายามใชกลลวง. ¥ เมื่อทหารของขาศึกยืนอิงศาสตราวุธ หมายถึง ขาศึกกําลังอิดโรยเพราะหิวกระหาย. ¥ เมื่อคนตักน้ําของขาศึกดื่มน้ํากอนที่จะนําน้ํากลับไปคาย หมายถึง ทหารของขาศึกกําลังกระหายน้ํา. ¥ เมื่อถึงทีรุกไดแตไมรุก หมายถึง ทหารขาศึกหมดกําลัง. ¥ เมื่อฝูงนกบินวอนอยูเหนือบริเวณของขาศึก หมายถึง คายวางเปลา. ¥ เวลากลางคืน เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในคายของขาศึก หมายถึง ขาศึกกําลังหวาดกลัว. ¥ เมื่อกองทหารขาศึกขาดระเบียบ แมทัพก็หมดศักดิ์ศรี. ¥ เมื่อธงทิวและแถบแพรสีตางๆ ของขาศึก เปลี่ยนตําแหนงไปมาอยูเสมอๆ หมายถึง กําลังของขาศึกเริ่มระส่ําระสาย. ¥ ถานายทหารหงุดหงิดโมโหงาย
41.
- 41 - ทุกคนกําลังอิดโรยออนเพลีย. ¥
เมื่อขาศึกเลี้ยงมาดวยขาวเปลือก เลี้ยงทหารดวยเนื้อสัตว และเมื่อขาศึกไมแขวนภาชนะหุงหาอาหาร ทหารก็ไมเขากระโจมพัก หมายถึง ขาศึกกําลังพะวาพะวัง. ¥ เมื่อทหารจับกลุมกันเปนหมูยอยๆ แลวพูดจากระซิบกัน หมายถึง หมดความไววางใจในตัวแมทัพ. ¥ การปูนบําเหน็จรางวัลบอยเกินไป แสดงวา แมทัพกําลังหมดหนทาง การลงโทษบอยเกินไป หมายถึง แมทัพอารมณเสียเปนประจํา. ¥ แรกทีเดียวถานายทัพดุดันกับลูกทัพ แลวตอมากลับกลัว วินัยของทหารยอมถึงขีดจํากัดแลว. ¥ เมื่อทัพของขาศึกมีความคึกคะนอง และเผชิญอยูเบื้องหนาทัพของทาน อยาเขาทําการรบดวยเวลานานหรือผละไป ทานตองตรวจสอบสถานการณใหถี่ถวน. ¥ ในการทําศึก จํานวนทหารอยางเดียวมิไดแสดงถึงความไดเปรียบ อยารุกโดยถือเอาอํานาจทหารเปนสําคัญ. ¥ ประมาณสถานภาพของขาศึกใหถูกตองก็เปนการเพียงพอแลว รวมกําลังของทานจับขาศึกใหได ไมมีอะไรมากไปกวานี้ ผูที่ขาดสายตาไกลประมาณกําลังของขาศึกผิดพลาด จะถูกขาศึกจับได. ¥ ถาทหารของทานถูกลงโทษ กอนจะดูใหแนถึงความจงรักภักดี ทหารจะหมดความเชื่อถือในคําสั่ง ถาทหารไมเชื่อฟงก็ยากจะใชงาน ถาทหารมีความจงรักภักดี แตไมมีการลงโทษเมื่อทําผิดก็ใชวานมิได เชนกัน. ¥ ฉนั้น จงบังคับบัญชาทหารดวยความยุติธรรม ใหกําลังใจ อยางสม่ําเสมอ
42.
- 42 - มีการปูนบําเหน็จและเลื่อนตําแหนงใหสมควร อาจพูดไดวา
ชัยชนะเปนของแนนอน. ¥ ถาคําสั่งใดใชไดผลเสมอ ทหารจะเชื่อฟง คําสั่งใดไมปรากฏผลดีเปนที่แนชัด ทหารก็จะไมเชื่อฟงคําสั่ง. ¥ เมื่อคําสั่งเปนที่เชื่อถือไดสม่ําเสมอแนนอน ทหารก็ปฏิบัติตาม ความสัมพันธระหวางแมทัพกับลูกทัพอยูในเกณฑที่นาพอใจ. [[[[[[[[[[[[
43.
- 43 - ๑๐.
ภูมิประเทศ ซุนจูกลาววา ¥ พื้นที่อาจแยกประเภทไดตามลักษณะของธรรมชาติ คือ เขาออกได เปนกับดัก ไมแนนอน บีบรัด สูงชัน และมีระยะทาง. ¥ พื้นที่ซึ่งทั้งฝายเราและฝายขาศึก สามารถเดินทางผานเขาออกไดดวยความสะดวกเทาๆ กัน เชนนี้เรียกวา พื้นที่เขาออกได ในพื้นที่เชนนี้ ผูที่เลือกไดดานที่รับแดด และมีเสนทางลําเลียงสะดวกกอน จะสามารถทําการรบอยางไดเปรียบ. ¥ พื้นที่ซึ่งยกกําลังเขาไปไดงาย แตยากที่จะถอนตัวกลับ เชนนี้เรียกวา พื้นที่เปนกับดัก ธรรมชาติของพื้นที่เชนนี้ ถาขาศึกมิไดเตรียมตัวไว แลวทานกําลังเขาตีอยางรวดเร็ว ทานอาจทําลายขาศึกได ถาขาศึกเตรียมรับ ทานยกกําลังเขารบแตไมชนะ ยากที่จะถอยกลับ เชนนี้ ไมมีประโยชนอันใด. ¥ พื้นที่ซึ่งเมื่อเขาไปแลวเกิดความเสียเปรียบเทาๆ กัน ทั้งฝายเราและฝายศัตรู เชนนี้เรียกวา พื้นที่ไมแนนอน ธรรมชาติของพื้นที่เชนนี้ แมขาศึกจะวางเหยื่อลอไว ขาพเจาก็จะไมรุกเขาไป แตจะลวงใหขาศึกเคลื่อนตัวออกมา เมื่อขาพเจาดึงทัพของขาศึกออกมาไดแลวครึ่งหนึ่ง ขาพเจาจะเขาโจมตีอยางไดเปรียบ. ¥ ถาขาพเจาเปนฝายแรกที่ตกอยูใน พื้นที่บีบรัด ขาพเจาตองปดทางผานเขาออกแลวคอยทีขาศึก ถาขาศึกเปนฝายแรกที่เขายึดพื้นที่เชนนั้นได แลวปดทางผานเขา ขาพเจาจะไมติดตามขาศึก
44.
- 44 - ถาขาศึกมิไดปดเสียจนสิ้นหนทาง ขาพเจาก็อาจรุกเขาไปได. ¥
ถาเปนพื้นที่สูงชัน ขาพเจาจะเลือกตั้งทัพในที่สูงรับแสงตะวันคอยทีขาศึก ถาขาศึกเขายึดพื้นที่เชนนั้นไดกอน ขาพเจาจะลอใหขาศึกเคลื่อนที่ออก ขาพเจาไมติดตามขาศึก. ¥ เมื่ออยูในระยะทางหางจากขาศึกที่มีกําลังทัดเทียมกัน เปนการยากที่จะยั่วยุใหเกิดการรบ และไมมีประโยชนอันใดที่จะเขาทําการรบกับขาศึก ในพื้นที่ซึ่งขาศึกเปนผูเลือกไดกอน. ¥ นี่คือหลักที่เกี่ยวของกับ ประเภทของพื้นที่แตกตางกัน หกประการ เปนความรับผิดชอบสูงสุดของแมทัพ ที่จะตองรูจักพื้นที่ตางๆ แลวพิจารณาดวยความระมัดระวัง. ¥ เมื่อทหารแตกทัพไมเชื่อฟงคําสั่ง ขวัญเสียสิ้นกําลัง หมดความเปนระเบียบ และกระดางกระเดื่อง ความผิดตกอยูที่แมทัพ ความพินาศฉิบหาย ดวยเหตุเหลานี้จะอางวา เปนเหตุทางธรรมชาติมิได. ¥ ภาวะอยางอื่นก็เชนเดียวกัน ถากําลังรบหนวยใด ตองเขาตีหนวยที่ใหญกวาสิบเทา ผลก็คือ ตองแตกทัพ. ¥ เมื่อทหารเขมแข็ง และนายทหารออนแอ กองทัพก็ขาดระเบียบ. ¥ เมื่อนายทหารมีความฮึกเหิม และไพรพลไมกระตือรือรน กองทัพก็หมดความสามารถ. ¥ เมื่อนายทหารชั้นผูใหญโกรธและไมเชื่อฟงคําสั่ง และเมื่อตองเขาสูรบกับขาศึก ก็เรงรีบเขาทําการรบ โดยไมเขาใจ ผลไดผลเสีย ของการปะทะ
Download now