5. The National Co-ordinating Council for Medication Error
Reporting and Prevention, USA
ให้ความหมายของ “ความคลาดเคลื่อนทางด้านยา”
คือ เหตุการณ์ใดๆที่สามารถป้องกันได้ ที่อาจเป็นสาเหตุ
หรือนา ไปสู่การใช้ยาที่ไม่เหมาะสมหรืออาจเป็นอันตราย
แก่ผู้ป่วย
11. Joint Commission on Accreditation of Health Care
Organization (JCAHO)
กาหนดให้มีการหาสาเหตุที่แท้จริง (Root Cause Analysis, RCA) ของ
ความคลาดเคลื่อนทางยาด้วย ซึ่งอาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยาและการคัดลอกคาสั่งใช้ยา
(Prescribing and TranscribingError) ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา
(Dispensing Error) และความคลาดเคลื่อนในการให้ยา (Administration
Error)ซึ่งเป็นการแบ่งตามวิชาชีพที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนของ
กระบวนการใช้ยา
12. การจัดแบ่งประเภทของความคลาดเคลื่อน
ทางยา National Co-ordinating Council of
Medication Error Reporting and Prevention (NCC
MERP)
ได้จัดแบ่งประเภทของความคลาดเคลื่อน โดยยึดที่ตัวผู้ป่วย
เป็นสาคัญ ซึ่งสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล(ประเทศไทย) ก็
ได้นาการแบ่งประเภทตามระบบนี้มาใช้ในโรงพยาบาลที่เป็น
สมาชิกของสมาคมด้วย ได้แก่
13. กรณีไม่มีความคลาดเคลื่อน :
Category A หมายถึง ไม่มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นเกิด แต่มีเหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสที่ก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อน
กรณีมีความคลาดเคลื่อน แต่ไม่เป็นอันตราย :
Category B หมายถึง มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยเนื่องจากความคลาดเคลื่อนไม่ไปถึง
ตัวผู้ป่วย
Category C หมายถึง มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ถึงแม้ว่าความคลาดเคลื่อน นั้นจะ
ไปถึงตัวผู้ป่วยแล้ว
Category D หมายถึง มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยกับผู้ป่วย แต่ยังจาเป็นต้องมีการ
ติดตามผู้ป่วยเพิ่มเติม
กรณีมีความคลาดเคลื่อน และเป็นอันตราย :
Category E หมายถึง มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น และส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยชั่วคราวรวมถึงจาเป็นต้องได้รับ
การรักษาหรือแก้ไขเพิ่มเติม
Category F หมายถึง มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น และเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยชั่วคราว รวมถึงจาเป็นต้องได้รับการ
รักษาในโรงพยาบาลหรือยืดเวลาในการรักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น
Category G หมายถึง เกิดความคลาดเคลื่อนกับผู้ป่วยส่งผลให้เกิดอันตรายถาวรแก่ผู้ป่วย
Category H หมายถึง เกิดความคลาดเคลื่อนกับผู้ป่วย และเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจนเกือบ
ถึงแก่ชีวิต :
Category I หมายถึง เกิดความคลาดเคลื่อนกับผู้ป่วยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
58. Cordarone injection
Children:
Arrhythmias: Loading dose 5 mg/kg over 30 min, Maintenance dose
2-20 mg/kg/day by continuous infusion
Adult:
BreakthroughVF orVT : 150 mg supplemental doses in 100 ml
D5W over 10 min
PulselessVF orVT : IV push: initial 300 mg in 20-30 ml NSS or D5W,
supplemental dose of 150 mg followed by infusion of 1 mg/min for
6 hr then 0.5 mg/min (Max daily dose 2.1 gm) เมื่อเปลี่ยนจากยา
ฉีดเป็นยากินให้ทาตาม guideline นี้
<1 week IV infusion: 800-1600 mg/day
1-3 week IV infusion: 600-800 mg/day
>3 week IV infusion: 400 mg/day
73. คาถาม Pre-test Post-test
1. ข้อใด ไม่ถูกต้อง ในการบริหารยา Adrenaline
A. ระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคของหลอดเลือดส่วน
ปลาย (peripheral vascular disease)
B. การบริหารยาแบบ intravenous infusion ต้องบริหารผ่านหลอดเลือดดา
ใหญ่โดยใช้ infusion pump
C. ยานี้เมื่อผสมในสารละลายใดๆ จะคงตัวได้ 48 ชั่วโมง ทั้งที่อุณหภูมิห้องหรือ ใน
ตู้เย็น
D. ตรวจดูตาแหน่ง IV site ทุก 1 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่มีการให้ยา
เฉลย ข้อ C
เหตุผล : ยานี้เมื่อผสมในสารละลายใดๆ จะคงตัวได้ 24 ชั่วโมง ทั้งที่อุณหภูมิห้อง หรือ ในตู้เย็น
74. คาถาม Pre-test Post-test
2. ข้อใดต่อไปนี้ คืออาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับยา Adrenaline
A. หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
B. ปลายมือ ปลายเท้าเขียว
C. ความดันโลหิตสูง
D. ถูกทุกข้อ
เฉลย ข้อ D
เหตุผล : อาการไม่พึงประสงค์ หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง ปลายมือ ปลายเท้า
เขียว หากมีการรั่วออกนอกหลอดเลือด อาจทาให้เกิด เนื้อเยื่อตายได้ หากพบว่ามี
BP>160/90 mmHg หรือ HR > 120 ครั้ง/นาทีในผู้ใหญ่ ให้พิจารณาหยุดยาหรือปรับ
ลดขนาดยาลงหากพบรอยแดง บวม รอยคล้าตามเส้นเลือด บริเวณ IV site ให้เปลี่ยน
ตาแหน่งในการให้ยาใหม่
75. คาถาม Pre-test Post-test
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารยา DOBUTAMINE
A. ห้ามให้ IV PUSH
B. ห้ามให้ SODIUM BICARBONATE หรือสารละลายที่เป็นด่าง
ทางสายเดียวกัน
C. ถ้าผู้ป่วยเกิดภาวะ hypovolemia ต้องแก้ไขให้เป็นปกติก่อนเริ่มให้ยา
D. ถูกทุกข้อ
เฉลย ข้อ D
เหตุผล : ห้ามเติมยาฉีด dobutamine ลงในยาฉีด Sodium bicarbonate หรือสารละลายอื่นๆที่มีความ เป็น
ด่างสูง เนื่องจากอาจเกิดการไม่เข้ากันของสารละลาย ต้องเจือจางยาฉีดในสารน้าที่เข้ากันได้ ได้แก่ D5W ,
D5S/2 , D5S, D10W, NSS , LRS บริหารยาแบบ I.V. infusion ผ่านหลอดเลือดดาใหญ่โดยใช้
infusion pump ห้ามให้ IV PUSH อย่างเด็ดขาด
76. คาถาม Pre-test Post-test
4. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับยา Dobutamin
A เพิ่มการบีบตัวของหัวใจ ในผู้ป่วยที่มีการบีบตัวของหัวใจไม่ดี
B ถ้าผู้ป่วยเกิดภาวะ hypovolemia ต้องแก้ไขให้เป็นปกติก่อนเริ่มให้ยา
C การสั่งยาแบบ Dilution ให้ระบุความเข้มข้น เช่น Dobutamin 2 : 1
D เมื่อผสมสารน้าแล้วต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง สารละลายอาจเปลี่ยนเป็นสีชมพู
ซึ่งเกิดจากการ oxidation ของยาแต่จะไม่ทาให้สูญเสียความแรงของยา
เฉลย ข้อ C
เหตุผล การบริหารยาเมื่อมีการสั่งยาแบบ Dilution ให้ระบุความเข้มข้น เป็น
mg/mL
เช่น Dobutamin 200 mg ในสารละลาย 100 ml = 2 mg/mL
ไม่เขียนคาย่อ 2:1 เพื่อป้องกันการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา
77. คาถาม Pre-test Post-test
5. แพทย์สั่งให้ยา DOPAMINE (2: 1) IV DRIP 10 CC/ hr หากต้องการผสมยาสาหรับ
drip ต้องดูดยากี่ cc กาหนดให้ผสมยาใน 5% DW 100 ml
( DOPAMINE 1 amp มียา 250 MG / 10 ml)
A. 4 CC
B. 8 CC
C. 10 CC
D. 12 CC
เฉลย ข้อ B
เหตุผล : แพทย์สั่งให้ยา DOPAMINE (2: 1) IV DRIP 10 CC/ hr
2: 1 หมายความว่า DOPAMINE 2 mg : 5% DW 1 ml
หากต้องการผสมยาใน 5% DW 100 ml 2 mg X 100 ml / 1 ml = 200 mg
DOPAMINE 1 amp มียา 250 MG / 10 ml ถ้าต้องการดูดยา 200 mg = 8 ml
78. คาถาม Pre-test Post-test
6. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารยา DOPAMINE
A. ควรเลือกให้ยาทางเส้นเลือดใหญ่ (central vein) ก่อน ยกเว้นในผู้ป่วยที่ไม่มี
central line สามารถให้ทาง peripheral line ได้
B. ระหว่าที่ drip ยา หากพบว่าผู้ป่วย BP สูง ควรรีบหยุดยาทันที
C. ระหว่าง drip ยา อาจเกิดภาวะหัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
D. หากพบรอยแดง บวม รอยคล้าตามเส้นเลือด บริเวณ IV site ให้เปลี่ยน
ตาแหน่งในการให้ยาใหม่
เฉลย ข้อ B
เหตุผล : ห้ามหยุดยากะทันหัน เพราะความดันจะตกทันที ควรค่อยๆลดขนาดยาลง หรือลด rate of infusion ก่อน
หยุดยา
79. คาถาม Pre-test Post-test
7. เพื่อป้องกัน การสูญเสียความแรงของยาจากปฏิกิริยา oxidation ไม่ควรผสม
Levophed กับสารละลายชนิดใด
A. NSS
B. 5% D/W
C. 5% D/NSS
D. Sterile water
เฉลย ข้อ A
เหตุผล : ควรเจือจางยาด้วย D5W หรือ D5S ปริมาตร 100 ml ไม่แนะนาให้เจือจางใน
NSS เดี่ยวๆ เพื่อป้องกัน การสูญเสียความแรงของยาจากปฏิกิริยา oxidation