SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 11
Baixar para ler offline
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! "!
!
บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! ตอนที่ 1 คลื่นแมเหล็กไฟฟา!! ! ! ! ! ! ! ! !
ทฤษฎี ของแมกซเวลล กลาววา “สนามแมเหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลง สามารถเหนี่ยวนํา
ใหเกิดสนามไฟฟา และสนามไฟฟาที่เปลี่ยนแปลง สามารถทําใหเกิดสนามแมเหล็กได”
ตามทฤษฎีของแมกซเวลล เมื่อมีสนามแมเหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดการเหนี่ยว
นําระหวางสนามแมเหล็กกับไฟฟาอยางตอเนื่อง สุดทายจะกอเกิดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา
1. คลื่นแมเหล็กไฟฟาเกิดจาก....................................................................................................
ขอควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคลื่นแมเหล็กไฟฟา
1) สนามไฟฟา สนามแมเหล็ก และทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น จะอยูในทิศที่ตั้งฉากกัน
ตลอดเวลา จึงถือวา คลื่นแมเหล็กไฟฟาเปนคลื่นตามขวาง
2) อิเลคตรอนที่สั่นสะเทือน จะเหนี่ยวนําทําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟารอบแนวการสั่น
ได ตัวอยางเชนอิเลคตรอนในเสนลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟาสลับไหลผาน หรือ อิเลคตรอน
ในวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง ๆ หรืออิเลคตรอนที่เปลี่ยนวงโคจรรอบๆ อะตอม
3) อิเลคตรอนที่เคลื่อนที่ดวยความเรง จะเหนี่ยวนําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดเชนกัน
4) อิเลคตรอนที่สั่นสะเทือน จะทําใหเกิด
คลื่นแมเหล็กไฟฟารอบแนวการสั่นทุก
ทิศทาง ยกเวนแนวที่ตรงกับการสั่นสะ
เทือน จะไมมีคลื่นแผออกมา
5) คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกชนิด จะเคลื่อนที่ดวยความเร็วเทากัน คือ 3x108 เมตร/วินาที
6) สนามแมเหล็ก และสนามไฟฟาทุกสนามในคลื่นแมเหล็กไฟฟา ถือวาเกิดพรอมกันหมด
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! #!
2. ไฟฟากระแสตรงเหนี่ยวนําใหเกิดสนามแมเหล็กได แตไมเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟา
เพราะ.......................................................................................................................................
3. ขอความตอไปนี้ขอใดกลาวถูกตองตามทฤษฎีเกี่ยวกับคลื่นแมเหล็กไฟฟา (ขอ ข.)
1. ขณะประจุเคลื่อนที่ดวยความเรงหรือความหนวง จะแผคลื่นแมเหล็กไฟฟา
2. เมื่อสนามแมเหล็กเปลี่ยนแปลงจะเหนี่ยวนําใหเกิดสนามไฟฟาโดยรอบยกเวนบริเวณ
นั้นเปนฉนวน
3. บริเวณรอบตัวนําที่มีกระแสไฟฟาจะเกิดสนามแมเหล็ก
ก. 1 , 2 และ 3 ข. 1 และ 3 ค. 3 เทานั้น ง. ตอบเปนอยางอื่น
ตอบ
4(มช 38) คลื่นแมเหล็กไฟฟาเกิดจาก
1. กระแสไฟฟาที่มีคาคงที่ไหลจากแบตเตอรี่ผานตัวนําไฟฟาวงจรไฟฟา
2. การเคลื่อนที่ของนิวตรอนดวยความเรง
3. วัตถุที่มีอุณหภูมิสูง
4. การเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาดวยความเร็วคงที่ (ขอ 3.)
ตอบ
5(มช 31) ขอใด ไมใช แหลงกําเนิดของคลื่นแมเหล็กไฟฟา (ขอ ง.)
ก. วัตถุมีอุณหภูมิสูง
ข. อะตอมปลดปลอยพลังงาน
ค. อิเล็กตรอนปลดปลอยพลังงาน
ง. อิเล็กตรอนในกระแสไฟฟาตรงปลดปลอยพลังงาน
ตอบ
6(En 33) จงพิจารณาขอความตอไปนี้
ก. อิเลกตรอนเคลื่อนที่ดวยความเร็วสูง
ข. กลุมอิเลกตรอนเคลื่อนที่ในตัวนํา
ค. อิเลกตรอนเคลื่อนที่ดวยความหนวง
เหตุการณที่จะทําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาคือ
1. ก และ ข 2. ข และ ค 3. ข 4. ค (ขอ 4.)
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! $!
7(มช 32) หากมีประจุเคลื่อนกลับไปมาคูหนึ่งดังรูป
ตามทฤษฎีแมกซเวลล ประจุคูนี้จะแผคลื่นแมเหล็ก
ไฟฟาออกมา แตมีแนวหนึ่งที่ไมมีคลื่นแผออกมา
เลยแนวนั้นคือ (ขอ ก.)
ก. A ข. B ค. C ง. D
ตอบ
8(มช 33) สนามแมเหล็กที่มาพรอมกับการเคลื่อนที่ของแสงนั้นจะมีทิศทาง
ก. ขนานกับทิศทางของการเคลื่อนที่ของแสง
ข. ขนานกับสนามไฟฟา แตเฟสตางกัน 90 องศา
ค. ตั้งฉากกับทั้งสนามไฟฟาและทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง
ง. ตั้งฉากกับสนามไฟฟา แตขนานกับทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง (ขอ ค.)
ตอบ
9(มช 33) จงพิจารณาขอความตอไปนี้ ขอใดไมถูกตอง
ก. การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟาทําใหเกิดสนามแมเหล็ก และ การเปลี่ยนแปลงสนาม
แมเหล็กทําใหเกิดสนามไฟฟา
ข. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กของคลื่นแมเหล็กไฟฟามีเฟสตางกัน 90o
ค. สําหรับคลื่นแมเหล็กไฟฟา สนามไฟฟา และ สนามแมเหล็กมีทิศตั้งฉากซึ่งกัน
และกัน และตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่นดวย
ง. ในตัวกลางเดียวกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกความถี่มีความเร็วเทากันหมด (ขอ ข.)
ตอบ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! %!
! ตอนที่ 2 สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา! ! ! ! ! ! ! ! ! !
แหลงกําเนิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ใหญที่สุดในจักรวาลนี้ คือ ดวงอาทิตย
คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ออกมาจากดวงอาทิตย จะแบงแยกได 8 ชนิด ดังตารางตอไปนี้
สเปกตรัม
การเรียง
ลําดับความถี่
การเรียงลําดับ
ความยาวคลื่น
การเรียงลําดับ
พลังงาน
รังสีแกมมา
รังสีเอกซ
รังสีอัลตราไวโอเลต
แสงขาว
รังสีอินฟาเรด
คลื่นไมโครเวฟ
คลื่นวิทยุ
ไฟฟากระแสสลับ
มาก
นอย
นอย
มาก
มาก
นอย
อยาลืม คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกสเปกตรัม จะมีความเร็วเทากันหมด คือ 3x108 m/s
10(มช 32) คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกชนิดขณะเคลื่อนที่ในสูญญากาศจะมีสิ่งหนึ่งเทากันเสมอ คือ
ก. ความยาวคลื่น ข. แอมปลิจูด ค. ความถี่ ง. ความเร็ว (ขอ ง.)
ตอบ
!
11(En 42/1) คลื่นวิทยุไมโครเวฟ และแสงเลเซอร มีความถี่อยูในชวง 104 −109 เฮิรตซ
108 − 1012 เฮิรตซ และ 1014 เฮิรตซ ตามลําดับ ถาสงคลื่นเหลานี้จากโลกไปยัง
ดาวเทียมดวงหนึ่ง ขอตอไปนี้ขอใดถูกตองมากที่สุด
1. คลื่นวิทยุจะใชเวลาในการเคลื่อนที่ไปถึงดาวเทียมนอยที่สุด
2. แสงเลเซอรจะใชเวลาในการเคลื่อนที่ไปถึงดาวเทียมนอยที่สุด
3. คลื่นทั้งสามใชเวลาเดินทางไปถึงดาวเทียมเทากัน
4. หาคําตอบไมไดเพราะไมไดกําหนดคาความยาวคลื่นของคลื่นเหลานี้ (ขอ 3.)
ตอบ
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! &!
12(มช 33) การแผรังสีคลื่นแมเหล็กไฟฟาตอไปนี้ขอใดมีความยาวคลื่นสั้นที่สุด
ก. รังสีแกมมา ข. แสงที่ตามองเห็น
ค. ไมโครเวฟ ง. รังสีอัลตราไวโอเลต (ขอ ก.)
ตอบ
13. คลื่นแมเหล็กไฟฟาตอไปนี้คลื่นชนิดใดมีพลังงานมากที่สุด
ก. ไมโครเวฟ ข. อินฟราเรด ค. แสง ง. รังสีเอ็กซ (ขอ ง.)
ตอบ
พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา
เราสามารถหาคาพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดจากสมการ
E = hf และ E =
λ
Ch
เมื่อ E = พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา (จูล)
h = คานิจของพลังค = 6.62 x 10–34 J.s
f = ความถี่ (s–1)
λ = ความยาวคลื่น (m)
C = ความเร็วคลื่นแมเหล็กไฟฟา = 3 x 108 m/s
หรือ E = efh และ E =
λe
Ch
เมื่อ E = พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา หนวยเปน อิเลคตรอนโวลต (eV)
e = 1.6 x 10–19
หมายเหตุ 1eV = 1.6 x 10–19 จูล
14. คลื่นแมเหล็กไฟฟาชนิดหนึ่ง มีความถี่ 1x1014 Hz คลื่นนี้จะมีพลังงานกี่จูล (6.62x10–20)
วิธีทํา
15. จงหาพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาซึ่งมีความยาวคลื่น 600 nm ในหนวยจูล (3.31x10–19)
วิธีทํา
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! '!
16. คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีพลังงาน 1.324 x 10–20 จูล จะมีความถี่เทาใด (2x1013 Hz)
วิธีทํา
17(มช 36) จงหาความถี่ในหนวยเฮิรตซของแสงที่โฟตอนมีพลังงานเทากับ 1.5 ev (3.63x1014)
วิธีทํา
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน
คลื่นวิทยุมีความถี่อยูในชวง 106–109 เฮิรตช คลื่นวิทยุมี 2 ระบบ ไดแก
1. คลื่นวิทยุระบบ AM มีความถี่ตั้งแต 530–1600 กิโลเฮิรตซ ที่สถานีวิทยุสงออกอากาศ
ในระบบเอเอ็ม เปนการสื่อสารโดยการผสม (modulate) คลื่นเสียงเขากับคลื่นวิทยุ ซึ่งเรียกวา
คลื่นพาหนะ และสัญญาณเสียงจะบังคับใหแอมพลิจูดของคลื่นพาหนะเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อคลื่นวิทยุที่ผสมสัญญาณเสียงกระจายออกจากสายอากาศไปยังเครื่องรับวิทยุเครื่องรับ
วิทยุจะทําหนาที่แยกสัญญาณเสียงซึ่งอยูในรูปของสัญญาณไฟฟาออกจากสัญญาณคลื่นวิทยุ
แลวขยายใหมีแอมพลิจูดสูงขึ้น เพื่อสงใหลําโพงแปลงสัญญาณออกมาเปนเสียงที่หูรับฟงได
2. คลื่นวิทยุระบบ FM เปนการผสมสัญญาณเสียงเขากับคลื่นพาหะโดยใหความถี่ของ
คลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงสัญญาณเสียง
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! (!
การสงคลื่นในระบบ FM ใชชวงความถี่จาก 88–108 เมกะเฮิรตซ ระบบการสงคลื่น
แบบเอเอ็มและเอฟเอ็มตางกันที่วิธีการผสมคลื่น ดังนั้นเครื่องรับวิทยุระบบเอเอ็มกับเอฟเอ็มจึง
ไมสามารถรับคลื่นวิทยุของอีกระบบหนึ่งได
ในการสงกระจายเสียงดวยคลื่นวิทยุระบบเอเอ็ม คลื่นสามารถเดินทางถึงเครื่องรับวิทยุได
สองทาง คือเคลื่อนที่ไปตรงๆในระดับสายตา ซึ่งเรียกวา คลื่นดิน สวนคลื่นที่สะทอนกลับลงมา
จากชั้นไอโอโนสเฟยร ซึ่งเรียกวาคลื่นฟา สวนคลื่นวิทยุระบบเอฟเอ็ม ซึ่งมีความถี่สูงจะมีการ
สะทอนที่ชั้นไอโอโนสเฟยรนอย ดังนั้นถาตองการสงกระจายเสียงดวยระบบเอฟเอ็มใหครอบ
คลุมพื้นที่ไกลๆ จึงตองมีสถานีถายทอดเปนระยะๆ และผูรับตองตั้งสายอากาศใหสูง ในขณะที่
คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ผานสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใกลเคียงความยาวคลื่นจะมีการเลี้ยวเบนเกิดขึ้น ทํา
ใหคลื่นวิทยุออมผานไปได แตถาสิ่งกีดขวางมีขนาดใหญมากเชน ภูเขา คลื่นวิทยุที่มีความยาว
คลื่นสั้นจะไมสะทอนออนผานภูเขาไปได ทําใหดานตรงขามของภูเขาเปนจุดปลอดคลื่น
โลหะมีสมบัติสามารถสะทอนและดูดกลืนคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดดี ดังนั้นคลื่นวิทยุจะ
ทะลุผานเขาไปถึงภายในโลหะไดยาก อาจจะสังเกตไดงายเมื่อฟงวิทยุในรถยนต เมื่อรถยนต
ผานใตสะพานที่มีโครงสรางเปนเหล็ก เสียงวิทยุจะเบาลง หรือเงียบหายไป
ในการสงกระจายเสียง สถานีสงคลื่นวิทยุหนึ่งๆ จะใชคลื่นวิทยุที่มีความถี่คลื่นโดยเฉพาะ
เพราะถาใชคลื่นที่มีความถี่เดียวกัน จะเขาไปในเครื่องรับพรอมกัน เสียงจะรบกวนกัน แตถา
สถานีสงวิทยุอยูหางกันมากๆ จนคลื่นวิทยุของสถานีทั้งสองไมสามารถรบกวนกันได สถานีทั้ง
สองอาจใชความถี่เดียวกันได
คลื่นโทรทัศนมีความถี่ประมาณ 108 เฮิรตซ คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงขนาดนี้จะ
ไมสะทอนที่ชั้นไอโอโนสเฟยร แตจะทะลุผานชั้นบรรยากาศไปนอกโลก ดังนั้นการสงคลื่น
โทรทัศนไปไกลๆ จะตองใชสถานีถายทอดคลื่นเปนระยะๆ เพื่อรับคลื่นโทรทัศนจากสถานีสง
ซึ่งมาในแนวเสนตรง แลวขยายใหสัญญาณแรงขึ้นกอนที่จะสงไปยังสถานีที่อยูถัดไป เพราะ
สัญญาณเดินทางเปนเสนตรง ดังนั้นสัญญาณจะไปไดไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตร บนผิว
โลกเทานั้น ทั้งนี้เพราะผิวโลกโคง หรือาจใชคลื่นไมโครเวฟนําสัญญาณจากสถานีสงไปยังดาว
เทียมซึ่งโคจรอยูในวงโคจรที่ตําแหนงหยุดนิ่งเมื่อเทียบกับตําแหนงหนึ่ง ๆบนผิวโลก นั่นคือ
ดาวเทียมมีความเร็วเชิงมุมเดียวกับความเร็วในการหมุนรอบตัวเองของโลกจากนั้นดาวเทียมก็จะ
สงคลื่นตอไปยังสถานีรับที่อยูไกลๆได
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! )!
คลื่นไมโครเวฟ
คลื่นไมโครเวฟมีความถี่ตั้งแต 1x109 เฮิรตซ ถึง 3x1011 เฮิรตซ ปจจุบันเราใชคลื่น
ไมโครเวฟที่มีความถี่ 2400 เมกะเฮิรตซ ในการทําอาหาร เปดปดประตูโรงรถ ถายภาพพื้นผิว
ดาวเคราะห ศึกษากําเนิดของจักรวาล เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟสะทอนจากผิวโลหะไดดี ดังนั้น
จึงมีการนําสมบัตินี้ไปใชประโยชน ในการตรวจหาตําแหนงของอากาศยาน ตรวจจับอัตราเร็ว
ของรถยนต ซึ่งอุปกรณดังกลาวเรียกวา เรดาร
รังสีอินฟราเรด
เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่ในชวง 1011–1014 เฮิรตซ สามารถแบงเปน 3 ชวง
1. อินฟราเรดใกล (0.7–1.5 ไมโครเมตร)
2. อินฟราเรดปานกลาง (1.5–4.0 ไมโครเมตร)
3. อินฟราเรดไกล (4.0–1000 ไมโครเมตร)
วัตถุรอนจะแผรังสีอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นสั้นกวา 100 ไมโครเมตร ประสาทสัมผัสทาง
ผิวหนังของมนุษยรับรังสีอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นบางชวงได ฟลมถายรูปบางชนิดสามารถ
ตรวจจับรังสีอินฟราเรดได ตามปกติแลวสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะแผรังสีอินฟราเรดตลอดเวลา และ
รังสีอินฟราเรดสามารถทะลุผานเมฆหมอกที่หนาทึบเกินกวาที่แสงธรรมดาจะผานได นักเทค
โนโลยีจึงอาศัยสมบัตินี้ในการถายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม เพื่อศึกษาการแปรสภาพของปาไม
หรือการอพยพเคลื่อนที่ยายของฝูงสัตวเปนตน รังสีอินฟราเรดมีใชในระบบควบคุมที่เรียกวา
รีโทคอนโทรล (remote control) หรือการควบคุมระยะไกล ซึ่งเปนระบบควบคุมการทํางานของ
เครื่องรับโทรทัศนจากระยะไกล เชนทําการปดเปดเครื่อง การเปลี่ยนชอง ฯลฯ ในกรณีนี้รังสี
อินฟราเรดจะเปนตัวนําคําสั่งจากอุปกรณควบคุมไปยังเครื่องรับ นอกจากนี้ในทางการทหารก็มี
การนํารังสีอินฟราเรดมาใชควบคุมอาวุธนําวิถีใหเคลื่อนไปยังเปาหมายไดอยางแมนยํา
เทคโนโลยีปจจุบันใชการสงสัญญาณดวยเสนใยนําแสง (optical fiber) และคลื่นที่เปน
พาหะนําสัญญาณคือ รังสีอินฟราเรด เพราะการใชแสงธรรมดานําสัญญาณอาจถูกรบกวนโดย
แสงภายนอกไดงาย!
!
!
!
!
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! *!
แสง!
แสงมีความถี่โดยประมาณตั้งแต 4x1014 เฮิรตซ ถึง 8x1014 เฮิรตซ ประสาทตาของมนุษย
ไวตอคลื่นแมเหล็กไฟฟาชวงนี้มาก วัตถุที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ เชน ไสหลอดไฟฟาที่มีอุณหภูมิ
สูงประมาณ 2500 องศาเซลเซียส หรือผิวดวงอาทิตยที่มีอุณหภูมิประมาณ 6000 องศาเซลเซียส
จะเปลงแสงได สําหรับแสงที่มีความยาวคลื่นประมาณ 700 นาโนเมตร ประสาทตาจะรับรูเปน
แสงสีแดง สวนแสงที่มีความยาวคลื่นนอยกวาประสาทตาจะรับรูเปนแสงสีสม เหลือง เขียว
น้ําเงิน ตามลําดับ จนถึงแสงสีมวง ซึ่งมีความยาวคลื่นประมาณ 400 นาโนเมตร แสงสีตางๆ ที่
กลาวมานี้เมื่อรวมกันดวยปริมาณที่เหมาะสม จะเปนแสงสีขาว
แสงเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาเชนเดียวกับคลื่นวิทยุ ดังนั้นอาจใชแสงเปนคลื่นพาหนะนํา
ขาวสารในการสื่อสารไดเชนเดียวกับการใชคลื่นวิทยุและคลื่นโทรทัศนเปนพาหะนําเสียงและ
ภาพดังกลาวแลว เหตุที่ไมสามารถใชแสงที่เกิดจากวัตถุรอนเปนคลื่นพาหะเพราะวาแสงเหลานี้
มีหลายความถี่และเฟสที่ไมแนนอน ปจจุบันเรามีเครื่องกําเนิดเลเซอร ซึ่งเปนแหลงกําเนิดแสง
อาพันธที่ใหแสงได ไดมีผูทดลองผสมสัญญาณเสียงและภาพกับเลเซอรไดสําเร็จ นอกจากใชสื่อ
สารแลว เลเซอรยังใชในวงการตางๆไดอยางกวางขวาง เชน วงการแพทย ใชในการผาตัดนัยน
ตาเปนตน
เลเซอรเขียนภาษาอังกฤษวา LASER ซึ่งยอมาจาก Light Amplification by Stimulated
Emission of Radiation ที่แปลเปนภาษาไทยไดวา “การขยายสัญญาณแสงโดยการปลอยรังสี
แบบเรงเรา” เพราะแสงเลเซอรเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ไดจากกระบสนการปลอยรังสีแบบเรง
เรา และสัญญาณแสงถูกขยาย
รังสีอัลตราไวโอเลต
!
เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่อยูในชวง 1015 ถึง 1018 เฮิรตซ รังสีอัลตราไวโอเลต
ที่มีในธรรมชาติ สวนใหญมาจากดวงอาทิตย และรังสีนี้ทําใหบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟยรมี
ประจุอิสระ และไอออน เพราะรังสีอัลตราไวโอเลต มีพลังงานสูงพอที่จะทําใหอิเล็กตรอนหลุด
จากโมเลกุลของอากาศพบวา ในไอโอโนสเฟยรมีโมเลกุลหลายชนิด เชน โอโซน ซึ่งสามารถ
กั้นรังสีอัลตราไวโอเลตไดดี ตามปกติรังสีอัลตราไวโอเลตไมสามารถทะลุผานสิ่งกีดขวางที่หนา
ได รังสีนี้สามารถฆาเชื้อโรคบางชนิดได ในวงการแพทยจึงใชรังสีอัลตราไวโอเลตในปริมาณ
พอเหมาะรักษาโรคผิวหนังบางชนิด แตถารังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตยสงลงมาถึงพื้น
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! "+!
โลกในประเทศใดมากเกินไปประชากรจํานวนมากในประเทศนั้นอาจเปนมะเร็งผิวหนังได
เพราะไดรับรังสีนี้ในปริมาณมากเกินควร
รังสีเอกซ
เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่อยูในชวง 1017–1021 เฮิรตซ รังสีเอกซ สามารถทะลุ
ผานสิ่งกีดขวางหนาๆ ได ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม จึงใชรังสีเอ็กซตรวจหารอยราวภายในชิ้น
สวนโลหะขนาดใหญ เจาหนาที่ดานตรวจก็ใชรังสีเอ็กซตรวจหาอาวุธปนหรือวัตถุระเบิดใน
กระเปาเดินทางโดยไมตองเปดกระเปา โดยอาศัยหลักการวา รังสีเอกซจะถูกขวางกั้นโดย
อะตอมของธาตุหนักไดดีกวาธาตุเบา แพทยจึงใชวิธีฉายรังสีเอกซผานรางกายคน ไปตกบน
ฟลมเพื่อตรวจดูลักษณะผิดปกติของอวัยวะภายในและกระดูก
เมื่อฉายรังสีเอกซที่มีความยาวคลื่นประมาณ 10 นาโนเมตร ซึ่งเปนความยาวคลื่นที่ใกลเคียง
กันกับขนาดของอะตอม และระยะหางระหวางอะตอมของผลึกผานผลึกของโลหะที่จัดเรียงตัว
กันอยางมีระเบียบ จะเกิดปรากฏการณเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ เชนเดียวกับเมื่อแสงผานเกรตติง
ทําใหสามารถคํานวณหาระยะหางระหวางอะตอมและลักษณะการจัดเรียงตัวของอะตอม จึงทํา
ใหทราบโครงสรางของผลึกแตละชนิดได
รังสีแกมมา
รังสีแกมมาเปนคลี่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงกวารังสีเอกซ แตเดิมรังสีแกมมาเปนชื่อ
เรียกคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงที่เกิดจากการสลายของนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี แตใน
ปจจุบันคลื่นแมเหล็กไฟฟาใด ๆที่มีความถี่สูงกวารังสีเอกซ โดยทั่วไปจะเรียก รังสีแกมมา ทั้ง
นั้น ปฏิกิริยานิวเคลียรบางปฏิกิริยาปลดปลอยรังสีแกมมา การระเบิดของลูกระเบิดนิวเคลียรก็
ใหรังสีแกมมาปริมาณมาก การมีความถี่สูงทําใหรังสีนี้เปนอันตรายตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นอก
จากนี้ยังมีรังสีแกมมาที่ไมไดเกิดจากการสลายของธาตุกัมมันตรังสี เชน รังสีแกมมาที่มาจาก
อวกาศและรังสีคอสมิกนอกโลก อนุภาคประจุไฟฟาที่ถูกเรงในเครื่องเรงอนุภาคก็สามารถให
กําเนิดรังสีแกมมาไดเชนกัน
!
Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
! ""!
! ตอนที่ 3 โพลาไรเซชันของคลื่นแมเหล็กไฟฟา!
ปกติแลวคลื่นแมเหล็กไฟฟาของแสงทั่วไป จะมีระนาบการเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟา (E )
ประกอบกันอยูหลายระนาบ ถาเราสามารถทําใหระนาบของสนามไฟฟา( E) ในคลื่นแมเหล็ก
ไฟฟา เหลือเพียงระนาบเดียวได คลื่นแมเหล็กไฟฟานั้นจะเรียกเปน คลื่นโพลาไรส
สําหรับแสงที่ไมโพลาไรส เราสามารถทําใหโพลาไรสได ซึ่งอาจทําไดหลายวิธีเชน
1. ฉายแสงผานแผนโพลารอยด
แผนโพลารอยดเปนแผนพลาสติกที่มีโมเลกุลของพอลิไวนิลแอลกอฮอล (polyvinyl
alcohol) ฝงอยูในเนื้อพลาสติก และแผนพลาสติกถูกยึดใหโมเลกุลยาวเรียงตัวในแนวขนานกับ
เมื่อแสงผานแผนโพลารอยด สนามไฟฟาที่มีทิศตั้งฉากกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลจะผาน
แผนโพลารอยดออกไปได สวนสนามไฟฟาที่มีทิศขนานกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลจะถูก
โมเลกุลดูดกลืน ตอไปจะเรียกแนวที่ตั้งฉากกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลนี้วา ทิศของโพลา
ไรส
2. ใชการสะทอนแสง เมื่อใหแสงไมโพลาไรสตกกระทบผิววัตถุ เชน แกว น้ํา หรือ
กระเบื้อง หากใชมุมตกกระทบที่เหมาะสม แสงที่สะทอนออกมาจะเปนแสงโพลาไรส
มุมที่ทําใหแสงสะทอนเปนแสงโพลาไรส สามารถหาคาไดจากสมการ
tanθB = n ( สมการนี้เรียกวา กฏของบรูสเตอร )
เมื่อ n คือ คาดัชนีหักเหของสสารที่แสงตกกระทบ
18. แสงไมโพลาไรสตกกระทบผิววัตถุ โดยทํามุมตกกระทบเทากับ 48 องศา พบวาแสง
สะทอนจากผิววัตถุเปนแสงโพลาไรส ดรรชนีหักเหของวัตถุนี้เปนเทาใด
วิธีทํา
19. นิลในอากาศ จงคํานวณหามุมบรูสเตอรของนิล ถามุมวิกฤตของนิลเทากับ 34.4 องศา
วิธีทํา
3. โพลาไรเซชันโดยการกระเจิงของแสง
เมื่อแสงอาทิตยผานเขามาในบรรยากาศของโลก แสงจะกระทบโมเลกุลของอากาศหรือ
อนุภาคในบรรยากาศ อิเล็กตรอนในโมเลกุลจะดูดกลืนแสงที่ตกกระทบนั้น และจะปลดปลอย
แสงนั้นออกมาอีกครั้งหนึ่งในทุกทิศทาง ปรากฏการณนี้เรียกวา การกระเจิงของแสง แสงที่
กระเจิงออกมาจะเนแสงโพลาไรส
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

Mais conteúdo relacionado

Mais procurados

แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงานแบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงานkrupornpana55
 
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิต
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิตเซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิต
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิตPopeye Kotchakorn
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าChakkrawut Mueangkhon
 
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่thanakit553
 
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลเฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลkrurutsamee
 
ใบงานพอลิเมอร์
ใบงานพอลิเมอร์ใบงานพอลิเมอร์
ใบงานพอลิเมอร์Jariya Jaiyot
 
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ภาคเรียน 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5  ภาคเรียน 1แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5  ภาคเรียน 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ภาคเรียน 1dnavaroj
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานWijitta DevilTeacher
 
แบบทดสอบคลื่น
แบบทดสอบคลื่นแบบทดสอบคลื่น
แบบทดสอบคลื่นrumpin
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์Chakkrawut Mueangkhon
 
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่เกษรา จุ้งลก
 
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์Apinya Phuadsing
 
เรื่อง โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง  โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่อง  โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าSomporn Laothongsarn
 
แรงลอยตัว1
แรงลอยตัว1แรงลอยตัว1
แรงลอยตัว1tewin2553
 
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docxแบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docxNing Thanyaphon
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าThaweekoon Intharachai
 

Mais procurados (20)

แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงานแบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
แบบฝึกหัดทบทวนตามตัวชี้วัดหน่วยที่ 2 งานและพลังงาน
 
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิต
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิตเซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิต
เซลล์หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
เสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยินเสียง และการได้ยิน
เสียง และการได้ยิน
 
172 130909011745-
172 130909011745-172 130909011745-
172 130909011745-
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
บทที่ 3 มวล แรงและกฏการเคลื่อนที่
 
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลเฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
 
การต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า
การต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้าการต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า
การต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า
 
ใบงานพอลิเมอร์
ใบงานพอลิเมอร์ใบงานพอลิเมอร์
ใบงานพอลิเมอร์
 
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ภาคเรียน 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5  ภาคเรียน 1แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5  ภาคเรียน 1
แบบทดสอบวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ภาคเรียน 1
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
 
แบบทดสอบคลื่น
แบบทดสอบคลื่นแบบทดสอบคลื่น
แบบทดสอบคลื่น
 
คลื่นและเสียง
คลื่นและเสียงคลื่นและเสียง
คลื่นและเสียง
 
แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์แสงและทัศน์ปกรณ์
แสงและทัศน์ปกรณ์
 
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
 
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
 
เรื่อง โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง  โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่อง  โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง โพลาไรเซชันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
แรงลอยตัว1
แรงลอยตัว1แรงลอยตัว1
แรงลอยตัว1
 
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docxแบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
แบบฝึกหัดเสริม สมดุลกล.docx
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 

Destaque

บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารบทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารSO Good
 
เรื่อง การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง  การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่อง  การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าSomporn Laothongsarn
 
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol)
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol) วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol)
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol) Namchai Chewawiwat
 
How to make science media easy to Thais, part 1
How to make science media easy to Thais, part 1How to make science media easy to Thais, part 1
How to make science media easy to Thais, part 1Namchai Chewawiwat
 
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กเรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กApinya Phuadsing
 
ใบความรู้ที่ 01
ใบความรู้ที่ 01ใบความรู้ที่ 01
ใบความรู้ที่ 01Apinya Phuadsing
 
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์Apinya Phuadsing
 
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น 20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น Namchai Chewawiwat
 
บทที่1 กลุ่มที่ 1
บทที่1 กลุ่มที่ 1บทที่1 กลุ่มที่ 1
บทที่1 กลุ่มที่ 1warayut jongdee
 
เทคโนโลยีกับมนุษย์
เทคโนโลยีกับมนุษย์เทคโนโลยีกับมนุษย์
เทคโนโลยีกับมนุษย์New Sinsumruam
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนApinya Phuadsing
 
เรื่อง ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการ
เรื่อง  ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการเรื่อง  ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการ
เรื่อง ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการSomporn Laothongsarn
 
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตการวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตTor Jt
 
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตJA Jaruwan
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเกวลิน แก้ววิจิตร
 

Destaque (20)

บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารบทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
 
เรื่อง การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง  การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่อง  การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่อง การแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol)
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol) วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol)
วิทยาศาสตร์ กับ แอลกอฮอล์ (Science and Alcohol)
 
Values of science-20141202
Values of science-20141202 Values of science-20141202
Values of science-20141202
 
How to make science media easy to Thais, part 1
How to make science media easy to Thais, part 1How to make science media easy to Thais, part 1
How to make science media easy to Thais, part 1
 
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็กเรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
เรื่องท่ี16ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
 
ใบความรู้ที่ 01
ใบความรู้ที่ 01ใบความรู้ที่ 01
ใบความรู้ที่ 01
 
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์
เรื่องที่15ไฟฟ้าสถิตย์
 
Img 0001
Img 0001Img 0001
Img 0001
 
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น 20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น
20140922 ทำไมหมอดูจึงแม่น
 
บทที่1 กลุ่มที่ 1
บทที่1 กลุ่มที่ 1บทที่1 กลุ่มที่ 1
บทที่1 กลุ่มที่ 1
 
เทคโนโลยีกับมนุษย์
เทคโนโลยีกับมนุษย์เทคโนโลยีกับมนุษย์
เทคโนโลยีกับมนุษย์
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
 
เรื่อง ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการ
เรื่อง  ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการเรื่อง  ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการ
เรื่อง ทฤษฎีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแมกซ์เวลล์และการ
 
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตการวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
 
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
 
เทคโนโลยีในโลกอนาคต
เทคโนโลยีในโลกอนาคตเทคโนโลยีในโลกอนาคต
เทคโนโลยีในโลกอนาคต
 
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 
ระบบเทคโนโลยี
ระบบเทคโนโลยีระบบเทคโนโลยี
ระบบเทคโนโลยี
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
 

Semelhante a เรื่องที่18คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าthanakit553
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอมthanakit553
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมChakkrawut Mueangkhon
 
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1thanakit553
 
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2Apinya Phuadsing
 
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าNang Ka Nangnarak
 
งานนำเสนอ11
งานนำเสนอ11งานนำเสนอ11
งานนำเสนอ11Nang Ka Nangnarak
 
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าNang Ka Nangnarak
 
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด ณรรตธร คงเจริญ
 

Semelhante a เรื่องที่18คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (13)

เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเรื่องที่ 18  คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เรื่องที่ 18 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
P18
P18P18
P18
 
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอมเรื่องที่ 19  ฟิสิกส์อะตอม
เรื่องที่ 19 ฟิสิกส์อะตอม
 
P19
P19P19
P19
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
 
P16
P16P16
P16
 
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1เรื่องที่ 16  แม่เหล็กไฟฟ้า 1
เรื่องที่ 16 แม่เหล็กไฟฟ้า 1
 
Physics atom part 5
Physics atom part 5Physics atom part 5
Physics atom part 5
 
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
เรื่องที่17ไฟฟ้าและแม่เหล็ก2
 
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
งานนำเสนอ11
งานนำเสนอ11งานนำเสนอ11
งานนำเสนอ11
 
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ดงมะไฟพิทยาคม คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด
แม่เหล็กแบบเรียน บ้านเติมเต็ม ฟิสิกส์ครูนัด
 

Mais de Apinya Phuadsing

แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีแบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีApinya Phuadsing
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนApinya Phuadsing
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนApinya Phuadsing
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนApinya Phuadsing
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาApinya Phuadsing
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาApinya Phuadsing
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาApinya Phuadsing
 
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาแนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาApinya Phuadsing
 
เรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสงเรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสงApinya Phuadsing
 
เรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงเรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงApinya Phuadsing
 
เรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลเรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลApinya Phuadsing
 
เรื่องที่10 ความร้อน
เรื่องที่10 ความร้อนเรื่องที่10 ความร้อน
เรื่องที่10 ความร้อนApinya Phuadsing
 
เรื่องที่9ของไหล
เรื่องที่9ของไหลเรื่องที่9ของไหล
เรื่องที่9ของไหลApinya Phuadsing
 
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชน
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชนเรื่องที่6 โมเมนตัมและการชน
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชนApinya Phuadsing
 
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆเรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆApinya Phuadsing
 
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุน
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุนเรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุน
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุนApinya Phuadsing
 

Mais de Apinya Phuadsing (20)

แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมีแบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
แบบฝึกหัดเรื่องไฟฟ้าเคมี
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
 
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
ข้อตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอน
 
Img2
Img2Img2
Img2
 
Img1
Img1Img1
Img1
 
Img
ImgImg
Img
 
Img 0001
Img 0001Img 0001
Img 0001
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
 
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
อุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
 
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยาแนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
แนะนำอุปกรณ์การสอนวิทยาศาสตร์ ร.ร.เลยอนุกูลวิทยา
 
เรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสงเรื่องที่13แสง
เรื่องที่13แสง
 
เรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียงเรื่องที่12เสียง
เรื่องที่12เสียง
 
เรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกลเรื่องที่11คลื่นกล
เรื่องที่11คลื่นกล
 
เรื่องที่10 ความร้อน
เรื่องที่10 ความร้อนเรื่องที่10 ความร้อน
เรื่องที่10 ความร้อน
 
เรื่องที่9ของไหล
เรื่องที่9ของไหลเรื่องที่9ของไหล
เรื่องที่9ของไหล
 
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชน
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชนเรื่องที่6 โมเมนตัมและการชน
เรื่องที่6 โมเมนตัมและการชน
 
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆเรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
เรื่องที่4 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
 
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุน
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุนเรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุน
เรื่องที่7การเคลื่อนที่แบบหมุน
 

เรื่องที่18คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

  • 1. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! "! ! บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! ตอนที่ 1 คลื่นแมเหล็กไฟฟา!! ! ! ! ! ! ! ! ! ทฤษฎี ของแมกซเวลล กลาววา “สนามแมเหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลง สามารถเหนี่ยวนํา ใหเกิดสนามไฟฟา และสนามไฟฟาที่เปลี่ยนแปลง สามารถทําใหเกิดสนามแมเหล็กได” ตามทฤษฎีของแมกซเวลล เมื่อมีสนามแมเหล็กที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดการเหนี่ยว นําระหวางสนามแมเหล็กกับไฟฟาอยางตอเนื่อง สุดทายจะกอเกิดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา 1. คลื่นแมเหล็กไฟฟาเกิดจาก.................................................................................................... ขอควรทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคลื่นแมเหล็กไฟฟา 1) สนามไฟฟา สนามแมเหล็ก และทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น จะอยูในทิศที่ตั้งฉากกัน ตลอดเวลา จึงถือวา คลื่นแมเหล็กไฟฟาเปนคลื่นตามขวาง 2) อิเลคตรอนที่สั่นสะเทือน จะเหนี่ยวนําทําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟารอบแนวการสั่น ได ตัวอยางเชนอิเลคตรอนในเสนลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟาสลับไหลผาน หรือ อิเลคตรอน ในวัตถุที่มีอุณหภูมิสูง ๆ หรืออิเลคตรอนที่เปลี่ยนวงโคจรรอบๆ อะตอม 3) อิเลคตรอนที่เคลื่อนที่ดวยความเรง จะเหนี่ยวนําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดเชนกัน 4) อิเลคตรอนที่สั่นสะเทือน จะทําใหเกิด คลื่นแมเหล็กไฟฟารอบแนวการสั่นทุก ทิศทาง ยกเวนแนวที่ตรงกับการสั่นสะ เทือน จะไมมีคลื่นแผออกมา 5) คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกชนิด จะเคลื่อนที่ดวยความเร็วเทากัน คือ 3x108 เมตร/วินาที 6) สนามแมเหล็ก และสนามไฟฟาทุกสนามในคลื่นแมเหล็กไฟฟา ถือวาเกิดพรอมกันหมด
  • 2. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! #! 2. ไฟฟากระแสตรงเหนี่ยวนําใหเกิดสนามแมเหล็กได แตไมเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟา เพราะ....................................................................................................................................... 3. ขอความตอไปนี้ขอใดกลาวถูกตองตามทฤษฎีเกี่ยวกับคลื่นแมเหล็กไฟฟา (ขอ ข.) 1. ขณะประจุเคลื่อนที่ดวยความเรงหรือความหนวง จะแผคลื่นแมเหล็กไฟฟา 2. เมื่อสนามแมเหล็กเปลี่ยนแปลงจะเหนี่ยวนําใหเกิดสนามไฟฟาโดยรอบยกเวนบริเวณ นั้นเปนฉนวน 3. บริเวณรอบตัวนําที่มีกระแสไฟฟาจะเกิดสนามแมเหล็ก ก. 1 , 2 และ 3 ข. 1 และ 3 ค. 3 เทานั้น ง. ตอบเปนอยางอื่น ตอบ 4(มช 38) คลื่นแมเหล็กไฟฟาเกิดจาก 1. กระแสไฟฟาที่มีคาคงที่ไหลจากแบตเตอรี่ผานตัวนําไฟฟาวงจรไฟฟา 2. การเคลื่อนที่ของนิวตรอนดวยความเรง 3. วัตถุที่มีอุณหภูมิสูง 4. การเคลื่อนที่ของประจุไฟฟาดวยความเร็วคงที่ (ขอ 3.) ตอบ 5(มช 31) ขอใด ไมใช แหลงกําเนิดของคลื่นแมเหล็กไฟฟา (ขอ ง.) ก. วัตถุมีอุณหภูมิสูง ข. อะตอมปลดปลอยพลังงาน ค. อิเล็กตรอนปลดปลอยพลังงาน ง. อิเล็กตรอนในกระแสไฟฟาตรงปลดปลอยพลังงาน ตอบ 6(En 33) จงพิจารณาขอความตอไปนี้ ก. อิเลกตรอนเคลื่อนที่ดวยความเร็วสูง ข. กลุมอิเลกตรอนเคลื่อนที่ในตัวนํา ค. อิเลกตรอนเคลื่อนที่ดวยความหนวง เหตุการณที่จะทําใหเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาคือ 1. ก และ ข 2. ข และ ค 3. ข 4. ค (ขอ 4.)
  • 3. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! $! 7(มช 32) หากมีประจุเคลื่อนกลับไปมาคูหนึ่งดังรูป ตามทฤษฎีแมกซเวลล ประจุคูนี้จะแผคลื่นแมเหล็ก ไฟฟาออกมา แตมีแนวหนึ่งที่ไมมีคลื่นแผออกมา เลยแนวนั้นคือ (ขอ ก.) ก. A ข. B ค. C ง. D ตอบ 8(มช 33) สนามแมเหล็กที่มาพรอมกับการเคลื่อนที่ของแสงนั้นจะมีทิศทาง ก. ขนานกับทิศทางของการเคลื่อนที่ของแสง ข. ขนานกับสนามไฟฟา แตเฟสตางกัน 90 องศา ค. ตั้งฉากกับทั้งสนามไฟฟาและทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง ง. ตั้งฉากกับสนามไฟฟา แตขนานกับทิศทางการเคลื่อนที่ของแสง (ขอ ค.) ตอบ 9(มช 33) จงพิจารณาขอความตอไปนี้ ขอใดไมถูกตอง ก. การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟาทําใหเกิดสนามแมเหล็ก และ การเปลี่ยนแปลงสนาม แมเหล็กทําใหเกิดสนามไฟฟา ข. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กของคลื่นแมเหล็กไฟฟามีเฟสตางกัน 90o ค. สําหรับคลื่นแมเหล็กไฟฟา สนามไฟฟา และ สนามแมเหล็กมีทิศตั้งฉากซึ่งกัน และกัน และตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่นดวย ง. ในตัวกลางเดียวกัน คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกความถี่มีความเร็วเทากันหมด (ขอ ข.) ตอบ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
  • 4. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! %! ! ตอนที่ 2 สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา! ! ! ! ! ! ! ! ! ! แหลงกําเนิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ใหญที่สุดในจักรวาลนี้ คือ ดวงอาทิตย คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ออกมาจากดวงอาทิตย จะแบงแยกได 8 ชนิด ดังตารางตอไปนี้ สเปกตรัม การเรียง ลําดับความถี่ การเรียงลําดับ ความยาวคลื่น การเรียงลําดับ พลังงาน รังสีแกมมา รังสีเอกซ รังสีอัลตราไวโอเลต แสงขาว รังสีอินฟาเรด คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ ไฟฟากระแสสลับ มาก นอย นอย มาก มาก นอย อยาลืม คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกสเปกตรัม จะมีความเร็วเทากันหมด คือ 3x108 m/s 10(มช 32) คลื่นแมเหล็กไฟฟาทุกชนิดขณะเคลื่อนที่ในสูญญากาศจะมีสิ่งหนึ่งเทากันเสมอ คือ ก. ความยาวคลื่น ข. แอมปลิจูด ค. ความถี่ ง. ความเร็ว (ขอ ง.) ตอบ ! 11(En 42/1) คลื่นวิทยุไมโครเวฟ และแสงเลเซอร มีความถี่อยูในชวง 104 −109 เฮิรตซ 108 − 1012 เฮิรตซ และ 1014 เฮิรตซ ตามลําดับ ถาสงคลื่นเหลานี้จากโลกไปยัง ดาวเทียมดวงหนึ่ง ขอตอไปนี้ขอใดถูกตองมากที่สุด 1. คลื่นวิทยุจะใชเวลาในการเคลื่อนที่ไปถึงดาวเทียมนอยที่สุด 2. แสงเลเซอรจะใชเวลาในการเคลื่อนที่ไปถึงดาวเทียมนอยที่สุด 3. คลื่นทั้งสามใชเวลาเดินทางไปถึงดาวเทียมเทากัน 4. หาคําตอบไมไดเพราะไมไดกําหนดคาความยาวคลื่นของคลื่นเหลานี้ (ขอ 3.) ตอบ
  • 5. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! &! 12(มช 33) การแผรังสีคลื่นแมเหล็กไฟฟาตอไปนี้ขอใดมีความยาวคลื่นสั้นที่สุด ก. รังสีแกมมา ข. แสงที่ตามองเห็น ค. ไมโครเวฟ ง. รังสีอัลตราไวโอเลต (ขอ ก.) ตอบ 13. คลื่นแมเหล็กไฟฟาตอไปนี้คลื่นชนิดใดมีพลังงานมากที่สุด ก. ไมโครเวฟ ข. อินฟราเรด ค. แสง ง. รังสีเอ็กซ (ขอ ง.) ตอบ พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา เราสามารถหาคาพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดจากสมการ E = hf และ E = λ Ch เมื่อ E = พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา (จูล) h = คานิจของพลังค = 6.62 x 10–34 J.s f = ความถี่ (s–1) λ = ความยาวคลื่น (m) C = ความเร็วคลื่นแมเหล็กไฟฟา = 3 x 108 m/s หรือ E = efh และ E = λe Ch เมื่อ E = พลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟา หนวยเปน อิเลคตรอนโวลต (eV) e = 1.6 x 10–19 หมายเหตุ 1eV = 1.6 x 10–19 จูล 14. คลื่นแมเหล็กไฟฟาชนิดหนึ่ง มีความถี่ 1x1014 Hz คลื่นนี้จะมีพลังงานกี่จูล (6.62x10–20) วิธีทํา 15. จงหาพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาซึ่งมีความยาวคลื่น 600 nm ในหนวยจูล (3.31x10–19) วิธีทํา
  • 6. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! '! 16. คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีพลังงาน 1.324 x 10–20 จูล จะมีความถี่เทาใด (2x1013 Hz) วิธีทํา 17(มช 36) จงหาความถี่ในหนวยเฮิรตซของแสงที่โฟตอนมีพลังงานเทากับ 1.5 ev (3.63x1014) วิธีทํา !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! คลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน คลื่นวิทยุมีความถี่อยูในชวง 106–109 เฮิรตช คลื่นวิทยุมี 2 ระบบ ไดแก 1. คลื่นวิทยุระบบ AM มีความถี่ตั้งแต 530–1600 กิโลเฮิรตซ ที่สถานีวิทยุสงออกอากาศ ในระบบเอเอ็ม เปนการสื่อสารโดยการผสม (modulate) คลื่นเสียงเขากับคลื่นวิทยุ ซึ่งเรียกวา คลื่นพาหนะ และสัญญาณเสียงจะบังคับใหแอมพลิจูดของคลื่นพาหนะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อคลื่นวิทยุที่ผสมสัญญาณเสียงกระจายออกจากสายอากาศไปยังเครื่องรับวิทยุเครื่องรับ วิทยุจะทําหนาที่แยกสัญญาณเสียงซึ่งอยูในรูปของสัญญาณไฟฟาออกจากสัญญาณคลื่นวิทยุ แลวขยายใหมีแอมพลิจูดสูงขึ้น เพื่อสงใหลําโพงแปลงสัญญาณออกมาเปนเสียงที่หูรับฟงได 2. คลื่นวิทยุระบบ FM เปนการผสมสัญญาณเสียงเขากับคลื่นพาหะโดยใหความถี่ของ คลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงสัญญาณเสียง
  • 7. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! (! การสงคลื่นในระบบ FM ใชชวงความถี่จาก 88–108 เมกะเฮิรตซ ระบบการสงคลื่น แบบเอเอ็มและเอฟเอ็มตางกันที่วิธีการผสมคลื่น ดังนั้นเครื่องรับวิทยุระบบเอเอ็มกับเอฟเอ็มจึง ไมสามารถรับคลื่นวิทยุของอีกระบบหนึ่งได ในการสงกระจายเสียงดวยคลื่นวิทยุระบบเอเอ็ม คลื่นสามารถเดินทางถึงเครื่องรับวิทยุได สองทาง คือเคลื่อนที่ไปตรงๆในระดับสายตา ซึ่งเรียกวา คลื่นดิน สวนคลื่นที่สะทอนกลับลงมา จากชั้นไอโอโนสเฟยร ซึ่งเรียกวาคลื่นฟา สวนคลื่นวิทยุระบบเอฟเอ็ม ซึ่งมีความถี่สูงจะมีการ สะทอนที่ชั้นไอโอโนสเฟยรนอย ดังนั้นถาตองการสงกระจายเสียงดวยระบบเอฟเอ็มใหครอบ คลุมพื้นที่ไกลๆ จึงตองมีสถานีถายทอดเปนระยะๆ และผูรับตองตั้งสายอากาศใหสูง ในขณะที่ คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ผานสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใกลเคียงความยาวคลื่นจะมีการเลี้ยวเบนเกิดขึ้น ทํา ใหคลื่นวิทยุออมผานไปได แตถาสิ่งกีดขวางมีขนาดใหญมากเชน ภูเขา คลื่นวิทยุที่มีความยาว คลื่นสั้นจะไมสะทอนออนผานภูเขาไปได ทําใหดานตรงขามของภูเขาเปนจุดปลอดคลื่น โลหะมีสมบัติสามารถสะทอนและดูดกลืนคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดดี ดังนั้นคลื่นวิทยุจะ ทะลุผานเขาไปถึงภายในโลหะไดยาก อาจจะสังเกตไดงายเมื่อฟงวิทยุในรถยนต เมื่อรถยนต ผานใตสะพานที่มีโครงสรางเปนเหล็ก เสียงวิทยุจะเบาลง หรือเงียบหายไป ในการสงกระจายเสียง สถานีสงคลื่นวิทยุหนึ่งๆ จะใชคลื่นวิทยุที่มีความถี่คลื่นโดยเฉพาะ เพราะถาใชคลื่นที่มีความถี่เดียวกัน จะเขาไปในเครื่องรับพรอมกัน เสียงจะรบกวนกัน แตถา สถานีสงวิทยุอยูหางกันมากๆ จนคลื่นวิทยุของสถานีทั้งสองไมสามารถรบกวนกันได สถานีทั้ง สองอาจใชความถี่เดียวกันได คลื่นโทรทัศนมีความถี่ประมาณ 108 เฮิรตซ คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงขนาดนี้จะ ไมสะทอนที่ชั้นไอโอโนสเฟยร แตจะทะลุผานชั้นบรรยากาศไปนอกโลก ดังนั้นการสงคลื่น โทรทัศนไปไกลๆ จะตองใชสถานีถายทอดคลื่นเปนระยะๆ เพื่อรับคลื่นโทรทัศนจากสถานีสง ซึ่งมาในแนวเสนตรง แลวขยายใหสัญญาณแรงขึ้นกอนที่จะสงไปยังสถานีที่อยูถัดไป เพราะ สัญญาณเดินทางเปนเสนตรง ดังนั้นสัญญาณจะไปไดไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตร บนผิว โลกเทานั้น ทั้งนี้เพราะผิวโลกโคง หรือาจใชคลื่นไมโครเวฟนําสัญญาณจากสถานีสงไปยังดาว เทียมซึ่งโคจรอยูในวงโคจรที่ตําแหนงหยุดนิ่งเมื่อเทียบกับตําแหนงหนึ่ง ๆบนผิวโลก นั่นคือ ดาวเทียมมีความเร็วเชิงมุมเดียวกับความเร็วในการหมุนรอบตัวเองของโลกจากนั้นดาวเทียมก็จะ สงคลื่นตอไปยังสถานีรับที่อยูไกลๆได
  • 8. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! )! คลื่นไมโครเวฟ คลื่นไมโครเวฟมีความถี่ตั้งแต 1x109 เฮิรตซ ถึง 3x1011 เฮิรตซ ปจจุบันเราใชคลื่น ไมโครเวฟที่มีความถี่ 2400 เมกะเฮิรตซ ในการทําอาหาร เปดปดประตูโรงรถ ถายภาพพื้นผิว ดาวเคราะห ศึกษากําเนิดของจักรวาล เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟสะทอนจากผิวโลหะไดดี ดังนั้น จึงมีการนําสมบัตินี้ไปใชประโยชน ในการตรวจหาตําแหนงของอากาศยาน ตรวจจับอัตราเร็ว ของรถยนต ซึ่งอุปกรณดังกลาวเรียกวา เรดาร รังสีอินฟราเรด เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่ในชวง 1011–1014 เฮิรตซ สามารถแบงเปน 3 ชวง 1. อินฟราเรดใกล (0.7–1.5 ไมโครเมตร) 2. อินฟราเรดปานกลาง (1.5–4.0 ไมโครเมตร) 3. อินฟราเรดไกล (4.0–1000 ไมโครเมตร) วัตถุรอนจะแผรังสีอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นสั้นกวา 100 ไมโครเมตร ประสาทสัมผัสทาง ผิวหนังของมนุษยรับรังสีอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นบางชวงได ฟลมถายรูปบางชนิดสามารถ ตรวจจับรังสีอินฟราเรดได ตามปกติแลวสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะแผรังสีอินฟราเรดตลอดเวลา และ รังสีอินฟราเรดสามารถทะลุผานเมฆหมอกที่หนาทึบเกินกวาที่แสงธรรมดาจะผานได นักเทค โนโลยีจึงอาศัยสมบัตินี้ในการถายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม เพื่อศึกษาการแปรสภาพของปาไม หรือการอพยพเคลื่อนที่ยายของฝูงสัตวเปนตน รังสีอินฟราเรดมีใชในระบบควบคุมที่เรียกวา รีโทคอนโทรล (remote control) หรือการควบคุมระยะไกล ซึ่งเปนระบบควบคุมการทํางานของ เครื่องรับโทรทัศนจากระยะไกล เชนทําการปดเปดเครื่อง การเปลี่ยนชอง ฯลฯ ในกรณีนี้รังสี อินฟราเรดจะเปนตัวนําคําสั่งจากอุปกรณควบคุมไปยังเครื่องรับ นอกจากนี้ในทางการทหารก็มี การนํารังสีอินฟราเรดมาใชควบคุมอาวุธนําวิถีใหเคลื่อนไปยังเปาหมายไดอยางแมนยํา เทคโนโลยีปจจุบันใชการสงสัญญาณดวยเสนใยนําแสง (optical fiber) และคลื่นที่เปน พาหะนําสัญญาณคือ รังสีอินฟราเรด เพราะการใชแสงธรรมดานําสัญญาณอาจถูกรบกวนโดย แสงภายนอกไดงาย! ! ! ! !
  • 9. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! *! แสง! แสงมีความถี่โดยประมาณตั้งแต 4x1014 เฮิรตซ ถึง 8x1014 เฮิรตซ ประสาทตาของมนุษย ไวตอคลื่นแมเหล็กไฟฟาชวงนี้มาก วัตถุที่มีอุณหภูมิสูงมากๆ เชน ไสหลอดไฟฟาที่มีอุณหภูมิ สูงประมาณ 2500 องศาเซลเซียส หรือผิวดวงอาทิตยที่มีอุณหภูมิประมาณ 6000 องศาเซลเซียส จะเปลงแสงได สําหรับแสงที่มีความยาวคลื่นประมาณ 700 นาโนเมตร ประสาทตาจะรับรูเปน แสงสีแดง สวนแสงที่มีความยาวคลื่นนอยกวาประสาทตาจะรับรูเปนแสงสีสม เหลือง เขียว น้ําเงิน ตามลําดับ จนถึงแสงสีมวง ซึ่งมีความยาวคลื่นประมาณ 400 นาโนเมตร แสงสีตางๆ ที่ กลาวมานี้เมื่อรวมกันดวยปริมาณที่เหมาะสม จะเปนแสงสีขาว แสงเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาเชนเดียวกับคลื่นวิทยุ ดังนั้นอาจใชแสงเปนคลื่นพาหนะนํา ขาวสารในการสื่อสารไดเชนเดียวกับการใชคลื่นวิทยุและคลื่นโทรทัศนเปนพาหะนําเสียงและ ภาพดังกลาวแลว เหตุที่ไมสามารถใชแสงที่เกิดจากวัตถุรอนเปนคลื่นพาหะเพราะวาแสงเหลานี้ มีหลายความถี่และเฟสที่ไมแนนอน ปจจุบันเรามีเครื่องกําเนิดเลเซอร ซึ่งเปนแหลงกําเนิดแสง อาพันธที่ใหแสงได ไดมีผูทดลองผสมสัญญาณเสียงและภาพกับเลเซอรไดสําเร็จ นอกจากใชสื่อ สารแลว เลเซอรยังใชในวงการตางๆไดอยางกวางขวาง เชน วงการแพทย ใชในการผาตัดนัยน ตาเปนตน เลเซอรเขียนภาษาอังกฤษวา LASER ซึ่งยอมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation ที่แปลเปนภาษาไทยไดวา “การขยายสัญญาณแสงโดยการปลอยรังสี แบบเรงเรา” เพราะแสงเลเซอรเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ไดจากกระบสนการปลอยรังสีแบบเรง เรา และสัญญาณแสงถูกขยาย รังสีอัลตราไวโอเลต ! เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่อยูในชวง 1015 ถึง 1018 เฮิรตซ รังสีอัลตราไวโอเลต ที่มีในธรรมชาติ สวนใหญมาจากดวงอาทิตย และรังสีนี้ทําใหบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟยรมี ประจุอิสระ และไอออน เพราะรังสีอัลตราไวโอเลต มีพลังงานสูงพอที่จะทําใหอิเล็กตรอนหลุด จากโมเลกุลของอากาศพบวา ในไอโอโนสเฟยรมีโมเลกุลหลายชนิด เชน โอโซน ซึ่งสามารถ กั้นรังสีอัลตราไวโอเลตไดดี ตามปกติรังสีอัลตราไวโอเลตไมสามารถทะลุผานสิ่งกีดขวางที่หนา ได รังสีนี้สามารถฆาเชื้อโรคบางชนิดได ในวงการแพทยจึงใชรังสีอัลตราไวโอเลตในปริมาณ พอเหมาะรักษาโรคผิวหนังบางชนิด แตถารังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตยสงลงมาถึงพื้น
  • 10. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! "+! โลกในประเทศใดมากเกินไปประชากรจํานวนมากในประเทศนั้นอาจเปนมะเร็งผิวหนังได เพราะไดรับรังสีนี้ในปริมาณมากเกินควร รังสีเอกซ เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่อยูในชวง 1017–1021 เฮิรตซ รังสีเอกซ สามารถทะลุ ผานสิ่งกีดขวางหนาๆ ได ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม จึงใชรังสีเอ็กซตรวจหารอยราวภายในชิ้น สวนโลหะขนาดใหญ เจาหนาที่ดานตรวจก็ใชรังสีเอ็กซตรวจหาอาวุธปนหรือวัตถุระเบิดใน กระเปาเดินทางโดยไมตองเปดกระเปา โดยอาศัยหลักการวา รังสีเอกซจะถูกขวางกั้นโดย อะตอมของธาตุหนักไดดีกวาธาตุเบา แพทยจึงใชวิธีฉายรังสีเอกซผานรางกายคน ไปตกบน ฟลมเพื่อตรวจดูลักษณะผิดปกติของอวัยวะภายในและกระดูก เมื่อฉายรังสีเอกซที่มีความยาวคลื่นประมาณ 10 นาโนเมตร ซึ่งเปนความยาวคลื่นที่ใกลเคียง กันกับขนาดของอะตอม และระยะหางระหวางอะตอมของผลึกผานผลึกของโลหะที่จัดเรียงตัว กันอยางมีระเบียบ จะเกิดปรากฏการณเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ เชนเดียวกับเมื่อแสงผานเกรตติง ทําใหสามารถคํานวณหาระยะหางระหวางอะตอมและลักษณะการจัดเรียงตัวของอะตอม จึงทํา ใหทราบโครงสรางของผลึกแตละชนิดได รังสีแกมมา รังสีแกมมาเปนคลี่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูงกวารังสีเอกซ แตเดิมรังสีแกมมาเปนชื่อ เรียกคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงที่เกิดจากการสลายของนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี แตใน ปจจุบันคลื่นแมเหล็กไฟฟาใด ๆที่มีความถี่สูงกวารังสีเอกซ โดยทั่วไปจะเรียก รังสีแกมมา ทั้ง นั้น ปฏิกิริยานิวเคลียรบางปฏิกิริยาปลดปลอยรังสีแกมมา การระเบิดของลูกระเบิดนิวเคลียรก็ ใหรังสีแกมมาปริมาณมาก การมีความถี่สูงทําใหรังสีนี้เปนอันตรายตอสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นอก จากนี้ยังมีรังสีแกมมาที่ไมไดเกิดจากการสลายของธาตุกัมมันตรังสี เชน รังสีแกมมาที่มาจาก อวกาศและรังสีคอสมิกนอกโลก อนุภาคประจุไฟฟาที่ถูกเรงในเครื่องเรงอนุภาคก็สามารถให กําเนิดรังสีแกมมาไดเชนกัน !
  • 11. Math Online VI http://www.pec9.com บทที่ 18 คลื่นแมเหล็กไฟฟา ! ""! ! ตอนที่ 3 โพลาไรเซชันของคลื่นแมเหล็กไฟฟา! ปกติแลวคลื่นแมเหล็กไฟฟาของแสงทั่วไป จะมีระนาบการเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟา (E ) ประกอบกันอยูหลายระนาบ ถาเราสามารถทําใหระนาบของสนามไฟฟา( E) ในคลื่นแมเหล็ก ไฟฟา เหลือเพียงระนาบเดียวได คลื่นแมเหล็กไฟฟานั้นจะเรียกเปน คลื่นโพลาไรส สําหรับแสงที่ไมโพลาไรส เราสามารถทําใหโพลาไรสได ซึ่งอาจทําไดหลายวิธีเชน 1. ฉายแสงผานแผนโพลารอยด แผนโพลารอยดเปนแผนพลาสติกที่มีโมเลกุลของพอลิไวนิลแอลกอฮอล (polyvinyl alcohol) ฝงอยูในเนื้อพลาสติก และแผนพลาสติกถูกยึดใหโมเลกุลยาวเรียงตัวในแนวขนานกับ เมื่อแสงผานแผนโพลารอยด สนามไฟฟาที่มีทิศตั้งฉากกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลจะผาน แผนโพลารอยดออกไปได สวนสนามไฟฟาที่มีทิศขนานกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลจะถูก โมเลกุลดูดกลืน ตอไปจะเรียกแนวที่ตั้งฉากกับแนวการเรียงตัวของโมเลกุลนี้วา ทิศของโพลา ไรส 2. ใชการสะทอนแสง เมื่อใหแสงไมโพลาไรสตกกระทบผิววัตถุ เชน แกว น้ํา หรือ กระเบื้อง หากใชมุมตกกระทบที่เหมาะสม แสงที่สะทอนออกมาจะเปนแสงโพลาไรส มุมที่ทําใหแสงสะทอนเปนแสงโพลาไรส สามารถหาคาไดจากสมการ tanθB = n ( สมการนี้เรียกวา กฏของบรูสเตอร ) เมื่อ n คือ คาดัชนีหักเหของสสารที่แสงตกกระทบ 18. แสงไมโพลาไรสตกกระทบผิววัตถุ โดยทํามุมตกกระทบเทากับ 48 องศา พบวาแสง สะทอนจากผิววัตถุเปนแสงโพลาไรส ดรรชนีหักเหของวัตถุนี้เปนเทาใด วิธีทํา 19. นิลในอากาศ จงคํานวณหามุมบรูสเตอรของนิล ถามุมวิกฤตของนิลเทากับ 34.4 องศา วิธีทํา 3. โพลาไรเซชันโดยการกระเจิงของแสง เมื่อแสงอาทิตยผานเขามาในบรรยากาศของโลก แสงจะกระทบโมเลกุลของอากาศหรือ อนุภาคในบรรยากาศ อิเล็กตรอนในโมเลกุลจะดูดกลืนแสงที่ตกกระทบนั้น และจะปลดปลอย แสงนั้นออกมาอีกครั้งหนึ่งในทุกทิศทาง ปรากฏการณนี้เรียกวา การกระเจิงของแสง แสงที่ กระเจิงออกมาจะเนแสงโพลาไรส !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!