Mais conteúdo relacionado
Semelhante a การคายน้ำของพืช (20)
การคายน้ำของพืช
- 1. ใบความรู้
เรือง การคายนําของพืช
การคายนําของพืชเป็ นการขจัดนําส่ วนเกินออกสู่ ภายนอกเมือรากพืชดูดนําเข้าไปจะถูก
ลําเลียงไปตามท่อลําเลียงนํา และส่ วนต่าง ๆ ของพืช ซึ งจะมีนาเพียงบางส่ วนเท่านันทีถูกใช้ไปใน
ํ
กระบวนการต่าง ๆ เช่น การสังเคราะห์ดวยแสงของพืชนําส่ วนใหญ่จะถูกขับออกมาสู่ ภายนอก
้
การคายนําส่ วนใหญ่จะเกิดขึนทีใบเป็ น เนืองจากใบมีท่อลําเลียงนํา และท่อลําเลียงอาหาร เซลล์ที
ผิวใบไม่ได้เรี ยงตัวชิดกันไปทังหมด แต่จะมีรูเล็ก ๆ จํานวนมากเรี ยกว่า รู ใบ หรื อ ปากใบ บริ เวณ
ใต้ปากใบ จะมีช่องว่างหรื อโพรงอากาศเมือนําจากท่อลําเลียงนําแพร่ ออกมาทีเซลล์ของผิวใบ
่
แล้วก็จะแพร่ ออกทางปากใบในรู ปของไอนํา ปากใบอยูระหว่างเซลล์คุม 2 เซลล์ ทําหน้าทีควบคุมการ
ปิ ดเปิ ดของปากใบ เป็ นทางผ่านเข้าออกของนํา และเป็ นทางเข้าของแก๊สคาร์ บอนไดออกไซด์ เพือใช้
ในการสังเคราะห์ดวยแสง และเป็ นทางออกของแก๊สออกซิ เจนทีเกิดขึนด้วย สําหรับพืชทีมีใบจมอยูใน
้ ่
นํา เช่น สาหร่ าย จะไม่มีปากใบ ปากใบหรื อรู ใบพบมากทีบริ เวณท้องใบมากกว่าด้านหลังของใบ เพือ
ลดการสู ญเสี ยนํา การคายนําของพืชนอกจากจะเกิดขึนทีบริ เวณปากใบแล้ว ทีผิวใบและบริ เวณรอย
แตกของลําต้นและกิง ก็เกิดขึนได้ แต่นอยมาก
้
การคายนําของพืช แบ่งเป็ น 2 วิธีคือ
1. การคายนําในรู ปของไอนํา เกิดได้ 3 ลักษณะ ดังนี
1.1 การคายนําทางปากใบ เรี ยกว่า สโตมาทอล ทรานสพิเรชัน (stomatal transpiration)
เป็ นการคายนําทีเกิดขึนมากถึง 90%
ลักษณะของปากใบ ปากใบของพืชประกอบด้วยช่องเล็กๆ ในเนือเยือชันนอกสุ ด
ของใบ เรี ยกว่าชันเอพิเดอร์ มีส (epidermis layer) ) เซลล์ชนนีเป็ นชันทีอยูนอกสุ ดปกคลุมส่ วนทีอยู่
ั ่
ข้างในทังทางด้านบน คือ เอพิเดอร์ มิสด้านบน (upper epidermis) และทางด้านล่าง คือเอพิเดอร์ มิส
ั ่ ้
ด้านล่าง (lower epidermis) เซลล์ชนนีไม่มีคลอโรฟี ลล์อยูดวย จึงทําให้สังเคราะห์ดวยแสงไม่ได้
้
เซลล์เอพิเดอร์ มิสบางเซลล์เปลียนแปลงไปทําหน้าทีเป็ น เซลล์คุม (guard cell) อยูดวยกันเป็ นคู่
่ ้
- 2. มีรูปร่ างคล้ายเมล์ดถัวแดงประกบกัน ผนังด้านในของเซลล์คุมหนากว่าผนังเซลล์ดานนอกระหว่าง
้
่
เซลล์คุมเป็ นปากใบ (stomata) พบว่าทางด้านล่างของใบมีปากใบอยูมากกว่าทางด้านบน
ลักษณะของเซลล์ คุม
เซลล์ คุม (guard cell) ทําหน้าทีปิ ดและเปิ ดปากใบ เซลล์คุมแตกต่างจากเซลล์
่ ้
เอพิเดอร์ มิสอืนคือเซลล์คุมมีคลอโรฟี ลล์อยูดวย จึงสามารถสังเคาระห์ดวยแสงได้และการสังเคราะห์
้
ด้วยแสงนีเป็ นกลไกสําคัญทีทําให้เกิดการเปิ ดปิ ดของปากใบ การคายนําและการลําเลียงสารของพืช
ผิวของเซลล์ชนเอพิเดอร์ มิสมีสารพวกขีผึง เรี ยกว่า คิวทิน ฉาบอยูช่วยป้ องกันการระเหยของนํา
ั ่
ออกจากผิวใบปากใบพืช
เซลล์ คุมและการเปิ ดปิ ดของปากใบ
1.2 การคายนําทางผิวใบ บริ เวณผิวใบมีคิวทิน (Cuticular transpiration) เป็ นสารคล้าย
่
ขีผึงเคลือบอยูจึงทําให้พืชคายนําทางผิวใบเพียง 10%
- 3. 1.3 การคายนําทางเลนติเซล (Lenticular transpiration) เป็ นการคายนําออกทางรอยแตก
ทีผิวของลําต้น กิง ที เรี ยกว่า เลนติเซล (lenticels) ซึ งเกิดขึนน้อยมาก
เลนติเซล (lenticels)
ทีมา : http://www.csdl.tamu.edu/FLORA/tfplab/vegchar.htm
2. การคายนําในรู ปหยดนํา เป็ นการคายนําในรู ปหยดนําเล็ก ๆ ทางรู เปิ ดเล็ก ๆ ตามปลายเส้น
ใบทีขอบใบทีเรี ยกว่า โฮดาโธด (hydathode) การคายนํานี เรี ยกว่า กัตเตชัน (guttation) ซึ งเกิดขึนเมือ
อากาศมีความชืนมาก ๆ อุณหภูมิตาและลมสงบ
ํ
กัตเตชัน (guttation)
ทีมา : http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-6597.html
- 4. ปัจจัยทีมีผลต่ อการคายนํา
อุณหภูมิ ขณะทีปากใบเปิ ดถ้าอุณหภูมิของอากาศสู งขึน อากาศจะแห้ง นําจะแพร่ ออกจาก
ปากใบมากขึน ทําให้พืชขาดนํามากขึน
ความชื น ถ้าความชืนในอากาศลดลงปริ มาณนําในใบและในอากาศแตกต่างกันมากขึน จึงทํา
ให้ไอนําแพร่ ออกจากปากใบมากขึน เกิดการคายนําเพิมมากขึน
ลม ลมทีพัดผ่านใบไม้จะทําให้ความกดอากาศทีบริ เวณผิวใบลดลง ไอนําบริ เวณปากใบจะ
แพร่ ออกสู่ อากาศได้มากขึน และขณะทีลมเคลือนผ่านผิวใบจะนําความชืนไปกับอากาศด้วย ไอนําจาก
ปากใบก็จะแพร่ ได้มากขึนเช่นกัน แต่ถาลมพัดแรงเกินไปปากใบก็จะปิ ด
้
ั
สภาพนําในดิน การเปิ ดปิ ดของปากใบมีความสัมพันธ์กบสภาพของนําในดินมากกว่าสภาพ
ของนําในใบพืช เมือดินมีนาน้อยลงและพืชเริ มขาดแคลนนํา พืชจะสังเคราะห์กรดแอบไซซิ ก (abscisic
ํ
acid) หรื อ ABA มีผลทําให้ปากใบปิ ดการคายนําจึงลดลง
ความเข้ มของแสง ขณะทีพืชได้รับนําอย่างเพียงพอปากใบจะเปิ ดมากเมือความเข้มแสงสู งขึน
และปากใบจะเปิ ดน้อยลงเมือความเข้มของแสงลดลง เนืองจากความเข้มของแสงเกียวข้องกับอัตราการ
สังเคราะห์ดวยแสงซึ งมีผลต่อการเปลียนแปลงความเข้มข้นของคาร์ บอนไดออกไซด์ นําตาล ไอออน
้
่
และสารอินทรี ยบางชนิ ดทีอยูในเซลล์คุม ดังนันเมือความเข้มข้นของแสงมากขึนจะเป็ นผลให้การคาย
์
นําในใบมาก แต่ในบางกรณี ถึงแม้ความเข้มของแสงมากแต่นาในดินน้อย พืชเริ มขาดนําปากใบจะปิ ด
ํ
โดยทัวไปปากใบพืชจะเปิ ดในเวลากลางวันเพือนําคาร์ บอนไดออกไซด์ไปใช้ในการ
สังเคราะห์ดวยแสงและปิ ดในเวลากลางคืน แต่พืชอวบนํา เช่น กระบองเพชรทีเจริ ญในทีแห้งแล้ง
้
ปากใบจะเปิ ดในเวลากลางคืน และปิ ดในเวลากลางวันเพือลดการสู ญเสี ยนํา ในเวลากลางคืนพืช
ตระกูลนีจะตรึ งคาร์ บอนไดออกไซด์แล้วเปลียนเป็ นกรดอินทรี ยเ์ ก็บสะสมไว้ในแวคิลโอล ในเวลา
กลางวันพืชจะนําคาร์ บอนไดออกไซด์จากกรดอินทรี ยมาใช้ในการสังเคราะห์ดวยแสง พืชบางชนิดยังมี
์ ้
การปรับโครงสร้างให้มีประสิ ทธิ ภาพในการดูดนํา โดยมีรากแผ่ขยายเป็ นบริ เวณกว้างหรื อมีรากหยังลึก
ลงไปในดิน เช่น หญ้าแฝก พืชบางชนิดลําต้นและใบอวบนําเพือสะสมนํา มีขนปกคลุมปากใบจํานวน
มาก มีคิวทินหนาทีผิวใบ รู ปร่ างของใบมีขนาดเล็กลงหรื อเปลียนไปเป็ นหนาม บางชนิ ดมีโครงสร้าง
ทีช่วยลดการคายนํา เช่น ปากใบอยู่ตํากว่ าระดับผิวใบ เช่น ปากใบของต้นยีโถ