More Related Content
Similar to ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
Similar to ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา (20)
More from Wat Pasantidhamma
More from Wat Pasantidhamma (6)
ลังกากถา ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
- 2. ลังกากถา ค�านิยม
ข้อคิด ของดีเมืองศรีลังกา
ISBN : 978-974-000-000-0
บันทึกการเดินทางของท่านพระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ ที่ให้ชื่อว่า
ที่ปรึกษา : “ลังกากถา” ได้น�าเรื่องราวของประเทศศรีลังกาที่ตนได้สัมผัสด้วยศรัทธา
พระเทพโพธิวิเทศ พระเทพกิตติโสภณ และได้เห็นด้วยตาตนเองเขียนขึ้นมาอย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอรรถรส
พระเทพกิตติโมลี พระวิเทศธรรมรังษี และเนื้อหาสาระที่ครบถ้วนทุกด้าน ด้วยใช้ตัวอักษรย่อน�าเข้าหาเนื้อหาที่
พระสุนทรพุทธิวิเทศ พระวิเทศธรรมกวี เป็นจุดเด่นของศรีลังกา ไม่ว่าจะเป็นด้านผู้คนชาวสิงหล ด้านสถานที่ ด้าน
พระครูวิสิฐธรรมรส พระครูวินัยธรสมุทร ถาวรธมฺโม ดร. วัฒนธรรมชาวพุทธ และปรัชญาแฝงด้วยธรรมะ ด้วยเมตตา ปัญญา ความ
พระครูสังฆรักษ์อ�าพล สุธีโร ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี
พระมหาอุดม ปภงฺกโร พระอาจารย์น้าว นนฺทิโย รู้ความสามารถ และประสบการณ์อันกว้างขวางในฐานะพระธรรมทูตของ
พระมหาเอกชัย สญฺญโต พระมหามนตรี คุตฺตธมฺโม พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ และสมฐานะแห่งภูมิปัญญามหาเปรียญธรรม ๙
พระมหาสมบูรณ์ จตฺตภโย ป.ธ.๙ พระวิญญู สิรญาโณ ประโยค ที่ได้เชื่อมประสานงานเขียนธรรมะง่าย ๆ กับสิ่งที่พบเห็นเป็นของ
ดร.เสาวคนธ์ จันทร์ผ่องศรี ดร.จัด เกิดสบาย ฝากส�าหรับท่านทียงไม่เคยไปท่องเทียวประเทศนี้ และเป็นข้อมูลเตือนความ
่ั ่
ทรงจ�าของท่านที่เคยไปมาแล้ว
ภาพโดย : ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี พระมหาท�านอง แสงชมพู
“ลังกากถา” เป็นงานเขียนอีกชิ้นหนึ่งที่ทรงคุณค่ายิ่ง ผู้อ่านเกิดความ
พระมหาอเนก อเนกาสี พระมหาปิยะ อุตฺตมปญฺโญ
พิสูจน์อักษร : พระมหาสัญชัย ชยสิทฺธิโก ป.ธ.๙ พระมหาสินชัย สิริธมฺโม ป.ธ.๗ รู้ความเข้าใจและเห็นภาพพจน์ของชาวพุทธสิงหล และประเทศศรีลังกาที่
พระมหาสายันต์ อคฺควณฺโณ พระบัญชาสิทธิ์ ชุตินฺธโร เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเลื่อมใสศรัทธาทางศาสนา ผู้อ่านได้เห็น
ดร.พระครูปลัดธนัญชัย อริญฺชโย ดร.พระมหาชัชวาลย์ โชติปญฺโญ ความส�าคัญของโบราณสถานและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งในประเทศศรี
น.ส.กชกร เอี้ยงกุญชร ลังกา ซึ่งต่างสะท้อนถึงรากฐานที่หยั่งลึกของพระพุทธศาสนาในจิตใจของ
ปก/รูปเล่ม : นิรันดร รันระนา ประชาชน นับตั้งแต่เมืองอนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรกของศรีลังกาและ
พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม ๒๕๕๔ จ�านวน ๑,๐๐๐ เล่ม
เมืองแรกที่พระพุทธศาสนาได้เข้าไปประดิษฐานไว้มั่น มหานครโปโลนนารุ
วะ เมืองหลวงแห่งทีสองของศรีลงกา เมืองแคนดีทประดิษฐานพระธาตุเขียว
่ ั ้ ี่ ้
พิมพ์ที่ : หจก. นิติธรรมการพิมพ์ แก้ว ถ�้าอาโลกวิหาร เมืองมะตะเล แหล่งก�าเนิดการจารึกพระไตรปิฎก และ
๗/๕๘๒ หมู่ ๕ ต.บางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ๑๑๑๔๐
โทร. ๐-๒๔๔๙-๒๕๒๕, ๐๘-๑๓๐๙-๕๒๑๕ E-mail : niti2512@hotmail.com
วัดกัลยาณี ศูนย์รวมแห่งศิลปะและมรดกทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น
2 3
- 3. ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นธรรมวิทยากรน�าจาริก (มัคคุเทศก์) แสวงบุญ
ในครั้งนี้ก็อดภูมิใจไม่ได้ในความวิริยะอุตสาหะ ของท่านพระมหาปิยะ อุตฺ
ค�าน�า
ตมปญฺโญ เป็นศิษย์ผู้ติดตามไปด้วยในการจาริกแสวงบุญในครั้งนี้ ที่ได้เก็บ
รายละเอียดและจับประเด็นในการบรรยายให้ความรู้ตลอดระยะเวลา ๗ คืน “เกาะลังกานีเ้ ป็นของพระพุทธเจ้าเอง เป็นเสมือนคลังเต็ม
๘ วันในดินแดนพระพุทธศาสนาอายุ ๒,๓๐๐ปี ได้กลั่นกรองออกมาเป็นตัว ไปด้วยแก้ว ๓ ประการ ดังนั้น ความเป็นอยู่ของพวกมิจฉาทิฐิ
อักษรที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ คติความเชื่อ ข้อคิด หลักธรรม ดังกล่าวแล้ว จะไม่ถาวรไปได้เลย เหมือนการอยูของพวกยักษ์ในสมัยโบราณ
่
จึงขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของท่าน มา ณ โอกาสนี้ ไม่ถาวร ฉะนั้น” จากหนังสือปูชาวลี
ผู้เขียนมีความประทับใจในผู้คนและประเทศศรีลังกามากจากการ
ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี ได้พบปะพูดคุยในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา และ
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา ชาวศรีลังกามีความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีอัธยาศัยดียิ้มแย้ม
ประธานอ�านวยการวัดไทยกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี. แจ่มใส ประกอบกับเคยศึกษาประวัตของท่านอนาคาริกะ ธรรมปาละ ผูอทศ
ิ ุ้ ิ
ชีวตเพืองานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ความประทับใจจึงเพิมขึนเป็นเท่าทวีคณ
ิ ่ ่ ้ ู
เหตุนี้จึงปรารภอยู่ในใจว่า ถ้าเวลาและโอกาสอ�านวยจะเดินทางไปศรีลังกา
ปีพ.ศ.๒๕๕๔ มีการจัดประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
ทั่วโลก ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล พระธรรมทูตสายต่างประเทศจากทวีป
ต่างๆ เดินทางมาร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้ ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี
เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “มีพระคุณเจ้าและญาติ
ธรรมอยากจะไปนมัสการพุทธสถานในศรีลงกา และให้ผมน�าคณะไปนมัสการ
ั
พุทธสถานในลังกา มีความสนใจอยากไปด้วยไหม” เนื่องจากจะต้องเดินทาง
กลับประเทศไทยในระยะเวลานั้นอยู่แล้ว ผู้เขียนจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
สงสัย
เมื่อเดินทางไปศรีลังกาได้สัมผัสบรรยากาศ สถานที่ และผู้คน ยิ่งเพิ่ม
ความประทับใจ ได้ข้อคิด และมองเห็นของดีที่ชาวศรีลังกามี คิดว่าน่าจะน�า
สิ่งที่ได้พบจากประสบการณ์ตรงและการศึกษาของตนเองมาแลกเปลี่ยนกัน
4 5
- 4. บ้าง เพือเป็นคติขอคิดให้ทานทังหลายทีมความสนใจในประเทศแห่งนีได้เรียน
่ ้ ่ ้ ่ี ้
รูรวมกัน ผูเ้ ขียนไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเกียวกับประวัตศาสตร์ บุคคล สถาน
้่ ่ ิ
ที่ และประเทศ เพราะมีผู้รอบรู้หลายท่านเขียนไว้แล้ว ซึ่งหาอ่านได้ทั่วไป
ดังนันหนังสือเล่มนีผเขียนยังมีเจตนาทีเสนอข้อคิด คติเตือนใจ ให้แก่ผู้
้ ้ ู้ ่
อ่านทุกท่านเสมือน “ลังกา” เป็นบทเรียนแห่งการเรียนรูทผคนสามารถน�าไป
้ ี่ ู้
ปรับใช้ในวิถีชีวิตประจ�าวันได้ในฐานะพุทธศาสนิกชน เช่นเดียวกัน
ด้วยความปรารถนาดี
ปิยเมธี
6 7
- 5. สารบัญ
หน้า
ค�านิยม ๓
ค�าน�า ๕
เกริ่นน�า ๑๑
ประเทศหลากนาม ๑๑
บรรพบุรุษของชาวสิงหล ๑๔
ภาค ๑ : ข้อคิด ๘ ส. ของชาวศรีลังกา ๑๕ - ๔๘
ส.ที่ ๑ สังฆมิตตา ๑๖
ส.ที่ ๒ สัทธา ๑๙
ส.ที่ ๓ สาธุ ๒๔
ส.ที่ ๔ สวดมนต์เก่ง ๒๙
ส.ที่ ๕ ใส่ชุดขาว ๓๓
ส.ที่ ๖ สมาธิ ๓๖
ส.ที่ ๗ สรณังกร ๔๐
ส.ที่ ๘ สยามวงศ์นิกาย ๔๕
ภาค ๒ : ๖ T ของดีศรีลังกา ๔๙-๘๒
T ที่ ๑ Bodhi Tree ๕๑
T ที่ ๒ Tooth ๖๑
T ที่ ๓ Tea ๖๕
T ที่ ๔ Tradition ๖๙
T ที่ ๕ Tourism ๗๑
T ที่ ๖ True man ๗๘
8 9
- 6. ภาคผนวก ๘๓-๙๘
เกริ่นน�า
ข
ปกิณณกะศรีลังกา ๘๓
จดหมายเหตุแห่งพุทธอาณาจักรของพระภิกษุฟาเหียน
อกล่าวค�าทักทายที่ชาวสิงหลพูดเวลาพบกันว่า อายุบวร แปลว่า ขอให้
บทที่ ๓๘ ๘๕
อายุยนยาว ค�าว่า อายุบวร คงไม่ใช่คาแปลกใหม่สาหรับชาวไทยมากนัก
ื � �
ภาพการจาริกแสวงบุญ ๙๑
เพราะเป็นค�าที่ได้ฟังมาอย่างคุ้นเคยแล้วโดยเฉพาะชาวพุทธที่เข้าวัดท�าบุญ
หนังสือประกอบการเขียน ๙๕
บ่อยๆ จะได้ฟังพรพระสงฆ์ ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ อายุบวร
มาจากค�า ๒ ค�า คือ อายุกบบวร อายุกคออายุ ส่วนค�าว่า บวร มีคาแปลหลาย
ั ็ื �
เกี่ยวกับปิยเมธี ๙๖
ประการ เช่น ประเสริฐ, เลิศล�้ายืนยาว รวมแล้วแปลว่า ขอให้มีอายุยืนยาว
ความเป็นมาของกองทุนปิยเมธี ๙๗
ก่อนจะกล่าวถึงข้อคิดและของดีศรีลงกา ผูเ้ ขียนใคร่ขอน�าประวัตความ
ั ิ
รายนามผู้ร่วมบริจาคพิมพ์หนังสือ ๑๐๐
เป็นมาของดินแดนคนมีฝ่ามือแดง (ตัมพปัณณิทวีป) มาเล่าสู่ผู้อ่านให้ทราบ
โดยสังเขปว่า ความเป็นมาอย่างไร ท�าไม ท�าไม ? ถึงเรียกประเทศแห่งนี้ว่า
∏
w ศรีลังกา ใครเป็นบรรพบุรุษของชาวสิงหล ? ตลอดถึงข้อมูลเบื้องต้นที่ควร
ทราบเกี่ยวกับชาวศรีลังกา ฉะนั้น เราอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ไปศึกษาด้วย
กันเลยดีกว่า
ที่มาของชื่อ : ประเทศหลากนาม
สมัยเป็นนักเรียนภาษาบาลีศกษาวิชาแต่งฉันท์พบค�าว่า ประเทศซีลอน
ึ
ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่รวาเป็นประเทศอะไร อยูทไหน พอรูตอนหลัง
ู้ ่ ่ ี่ ้
ว่า ศรีลังกา กับ ซีลอน เป็นประเทศเดียวกันจึงถึงบางอ้อ ชาวพุทธที่ศึกษา
พระพุทธศาสนาคงเคยได้ยนค�าว่า นิกายลังกาวงศ์ คือพระพุทธศาสนาทีไทย
ิ ่
รับเอาจากศรีลังกาในสมัยสุโขทัย มาดูกันว่าศรีลังกามีกี่นาม
ชาวไทยส่วนมากเรียกประเทศนี้ว่า “ ลังกา” แปลว่า เกาะ ส่วน
นักศึกษาภาษาบาลี และตัวผู้เขียนเองรู้จักในนาม “ ตัมพะปัณณิทวีป” แปล
ว่า เกาะของคนมีฝ่ามือแดง ก็ยังมีชื่ออื่นอีกที่เรียกกัน เช่น “ลังกาทวีป” และ
10 11
- 7. “สิงหลทวีป” ส่วนชาวยุโรปเรียกว่า ซีลอน(CEYLON) ผู้รู้กล่าวว่า น่าจะมา โสปาระ เมืองบอมเบย์) ไปถึงทีนน เจ้าชายพร้อมสมุนก็ไม่ทงนิสยเดิมยังเทียว
่ ั้ ิ้ ั ่
จากค�าว่า ซีแลนด์(Sea Land) ดินแดนที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล แต่เรียกไป ก่อความไม่สงบอีก จึงถูกจับเนรเทศลงเรืออีกรอบจนไปขึนทีเกาะลังกา วันที่
้ ่
เรียกมากลายเป็น ซีลอน(Ceylon) นับๆ ดูชื่อก็มีมากโข แถมในต�านานยัง เจ้าชายวิชัยขึ้นเกาะลังกา ตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน
กล่าวไว้อีกว่า ในพระพุทธเจ้าแต่ละสมัยก็ชื่อไม่เหมือนกัน เช่น ทั้งมีต�านานเล่าว่าพระพุทธองค์ได้ตรัสกับท้าวสักกะพร้อมทั้งเทวดาและ
- สมัยพระกกุสันโธพุทธเจ้า เรียกว่า โอชทีปะ หรือ โอชทวีป มนุษย์ทั้งหลายว่า “โอ ท้าวสักกะ! ธรรมของเราจะประดิษฐานในเกาะลังกา
- สมัยพระโกนาคมพุทธเจ้า เรียกว่า วรทีปะ หรือ วรทวีป และในวันนี้เอง เจ้าฟ้าชายองค์โตของพระเจ้าสิงหพาหุกษัตริย์แห่งสิงหบุรี
- สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า เรียกว่า มัณฑทีปะ หรือ มัณฑทวีป ในประเทศลาละ เสด็จขึ้นฝั่งที่เกาะนั้นพร้อมด้วยราชบริพาร ๗๐๐ คน และ
สรุปแล้ว สมัยโบราณเรียก ลังกา สมัยอังกฤษปกครอง เรียก ซีลอน จะเสวยราชสมบัติในเกาะนั้น ดังนั้น ขอพระองค์จงปกปักรักษาเจ้าชายนั้น
เมื่อได้รับเอกราชแล้ว จึงใช้ชื่อเดิมแล้วเติมค�าว่า ศรี ไปข้างหน้าเป็นศรีลังกา พร้อมทังบริวารและทังเกาะลังกานันด้วยเถิด” หลังจากขึนเกาะแล้ว เจ้าชาย
้ ้ ้ ้
หมายความว่า เกาะที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง วิชยได้ปราบคนพืนเมือง ตังเมืองหลวง สถาปนาพระองค์เป็นปฐมกษัตริยของ
ั ้ ้ ์
ประเทศศรีลังกา
บรรพบุรุษของชาวสิงหล เกริ่นน�าเรื่องต่างๆ มาซะเนิ่นนาน ขอน�าท่านทั้งหลายดื่มด�ากับข้อคิด
ถ้ า ใครเคยไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)ในพระบรม และของดีศรีลังกาที่น่าเอาเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวิตได้แล้ว ณ บัด
มหาราชวัง มีโอกาสเดินชมผนังก�าแพงรอบในวัดจะเห็นภาพวาดมหากาพย์ เดี๋ยวนี้
รามเกียรติเรืองราวการสูรบระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ จะเห็นภาพหนุมาน
์ ่ ้
ฆ่าท้าวทศกัณฐ์ เผากรุงลงกา ซึ่งกรุงนี้คนส่วนมากลงความเห็นว่า ศรีลังกา
เมือนึกถึงเรืองรามเกียรติครังใด ท�าให้นกถึงกรุงลงกาพระราชวังของทศกัณฐ์
่ ่ ์ ้ ึ
ด้วย แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่ใช่ต้นตระกูลของชาวศรีลังกา
ในต�านานบอกไว้วา บรรพบุรษของชาวลังกา คือ เจ้าชายวิชย ทรงเป็น
่ ุ ั
พระราชโอรสของพระเจ้าสิงหพาหุ และพระนางสิงหสีวลี แห่งเมืองสิงหบุรี มี
พระอนุชา ๑ พระองค์ นามว่า เจ้าชายสุมิตตะ เจ้าชายวิชัยเป็นคนเสเพลดื้อ
รัน พระองค์พร้อมบริวาร ๗๐๐ คน ชอบเบียดบังรังแกชาวบ้าน จนท�าให้พระ
้
ราชบิดาอดทนต่อพฤติกรรมไม่ไหว จึงจับโกนหัวเสียครึงหนึงเพือให้ชาวบ้าน
่ ่ ่
รู้ว่าเป็นคนไม่ดี และเนรเทศทั้งหมดลงเรือไปถึงท่าเรือสุปปารกะ(ปัจจุบันคือ
12 13
- 8. ภาค ๑
q
ข้อคิด ๘ ส.
ของชาวศรีลังกา
- 9. พระมหินทเถระเสด็จไปเกาะลังกาพบกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะใน
วันเพ็ญกลางเดือน ๗ ที่ภูเขามิสสกะ(ปัจจุบันเรียกว่า มิหินตะเล)ในขณะที่
พระราชาเสด็จออกไปล่าเนือ ทรงสนทนาปราศัยทดลองสติปญญาซึงกันและ
้ ั ่
ส. กันจนเกิดความเลื่อมใสใจศรัทธา จากนั้นพระมหินทเถระก็แสดงธรรมโปรด
ที่q๑ พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพร้อมทั้งข้าราชบริพารจนเกิดความศรัทธาในพระ
รัตนตรัย จนพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะได้ถวายพระราชอุทยานมหาเมฆวัน
ให้เป็นที่อยู่ของพระมหาเถระพร้อมคณะ ซึ่งต่อมาอุทยานแห่งนี้กลายเป็น
สังฆมิตตา หรือ วัด “มหาวิหาร”
พระมหินทเถระกล่าวกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะว่า ถ้าอยากให้
พระนางสังฆมิตตาเถรี พระพุทธศาสนาประดิษฐานมั่นคงในลังกาอย่างแท้จริงแล้ว ต้องให้กุลบุตร
ในเกาะนี้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระศาสนา ซึ่งต่อมาพระราชนัดดา
ของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะพระนามว่าอริฎฐะและบริวารอีก ๕๕ คน ได้
พระนามของพระนางสั ง ฆมิ ต ตาเถรี ยั ง ปรากฎเด่ น ชั ด อยู ่ ใ นหน้ า ออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา มิใช่เพราะพระนางเป็นพระราชธิดาของ ในเวลาต่อมาพระนางเจ้าอนุฬา พระราชินีรองและพระสนมก�านัล
พระเจ้าอโศกมหาราชผูเกรียงไกร แต่เพราะวีรกรรมทีพระนางน�าภิกษุณสงฆ์
้ ่ ี แสดงความประสงค์จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุณีบ้าง เมื่อพระมหินทเถระ
และกิ่งพระศรีมหาโพธิ์ไปประดิษฐานไว้ในศรีลังกานั้นต่างหากเล่า ที่ท�าให้ ทราบจึงถวายค�าแนะน�าให้พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงส่งราชทูตไปส�านัก
พุทธศาสนิกชนจดจ�าความดีงามอันนั้นอย่างที่เขาว่า “อยู่เพื่อตนเอง อยู่แค่ ของพระเจ้าอโศกมหาราช เพือทูลขอให้พระนางสังฆมิตตาเถรีพร้อมคณะเดิน
่
สิ้นลม อยู่เพื่อสังคม อยู่ชั่วนิรันดร์” ทางไปยังเกาะลังกาพร้อมทั้งน�ากิ่งพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าไป
หลังจากการท�าสังคายนาครั้งที่ ๓ ณ วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร ปลูกยังลังกาด้วย เพือเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์และเป็นสิรมงคลแก่ผสก
่ ิ ู้ ั
เสร็จแล้ว ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ท�าให้พระเจ้าอโศกมหาราชทรงปรึกษา การะบูชา ซึงกิงพระศรีมหาโพธิทพระนางน�าไปปลูกยังอยูเป็นศูนย์รวมจิตใจ
่ ่ ์ ี่ ่
กับพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเรื่องการพระศาสนา และทรงส่งพระธรรมทูต ของชาวพุทธลังกาจนถึงปัจจุบันนี้มีอายุกว่า ๒,๓๐๐ ปี
๙ สายออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทิศานุทิศ ๑ ใน ๙ สายนั้นคือการ ในคัมภีรอรรถกถาสมันตปาสาทิกากล่าวถึงการเสด็จไปเกาะลังกาของ
์
ส่งพระมหินทเถระพร้อมคณะเดินทางไปประกาศพระพุทธศาสนาในเกาะ พระนางสังฆมิตตาเถรีพร้อมคณะทีนากิงพระศรีมหาโพธิไปปลูกทีเ่ มืองอนุราธ
่ � ่ ์
ตัมพปัณณิทวีปด้วย
16 17
- 10. ปุระ พร้อมทังท�าการอุปสมบทพระนางอนุฬาและพระสนม เป็นพิธกรรมทียง
้ ี ่ ิ่
ใหญ่อลังการน่าเลื่อมใสอันแสดงออกถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้าที่กษัตริย์
ทั้ง ๒ พระองค์ คือ พระเจ้าอโศกมหาราช และพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะมี
ต่อพระพุทธศาสนา เห็นถึงความเสียสละอันยิงใหญ่ของพระมหินทเถระและ
่
ส.
พระนางสังฆมิตตาเถรีแล้วควรที่เราอนุชนรุ่นหลังควรเอาเป็นแบบอย่างใน
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป ขอจบส.ที่ ๑ ด้วยกฤษณาสอนน้องค�าฉันท์
ที่q๒
ของสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสที่ว่า
พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง ส�าคัญหมายในกายมี
สัทธา
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ มีศรัทธาอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ความดีก็ปรากฎ กิติยศก็ฤาชา
ความชั่วก็นินทา ทุรยศยินขจรฯ เมื่อมีโอกาสเดินทางไปประเทศศรีลังกา ดินแดนพระพุทธศาสนา
ทุกวันนีชาวศรีลงกาจะมีพธแห่รปปันพระนางสังฆมิตตาเถรี เพือระลึก
้ ั ิี ู ้ ่ ๒,๓๐๐ ปี ความประทับใจแรก หรือเฟิร์ส อิมเพรสชั่น (First Impression)
ถึงคุณงามความดีที่พระนางทรงท�าไว้ และแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที คือ ความศรัทธาที่ชาวศรีลังกามีต่อพระพุทธศาสนา และกล้าแสดงออกให้
ต่อพระนาง เห็น (กล้าคิด กล้าพูด กล้าท�าในสิงทีถกต้อง) เป็นต้นว่าพระพุทธรูปปางสมาธิ
่ ู่
สีขาวที่ประดิษฐานไว้ภายในสนามบินแห่งชาติ เมืองโคลัมโบให้คนเดินทาง
ไป-มาได้เคารพกราบไหว้เป็นสิริมงคแก่ชีวิต และสิ่งที่ประทับใจอีกประการ
ต่อมา คือ ภายในสนามบินจะมีร้านหนังสือธรรมะ พร้อมสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ
พระพุทธศาสนาไว้ให้คนได้เลือกอ่าน และซื้อหาติดตัวไว้เป็นที่ระลึก
สมัยที่ผู้เขียนเป็นนักศึกษาพักอยู่ที่วัดไทยพุทธคยา เมืองพุทธคยา รัฐ
พิหาร ประเทศอินเดีย ได้ศึกษาประวัติของวีรบุรุษชาวพุทธศรีลังกา นามว่า
อนาคาริกะ ธรรมปาละ ผูกอตังสมาคมมหาโพธิ์ (Mahabodhi Society) และ
้่ ้
เป็นผูมสวนส�าคัญในการฟืนฟูพทธสถานทีส�าคัญในแดนพุทธภูมทชาวพุทธทัว
้ี่ ้ ุ ่ ิ ี่ ่
18 19
- 11. ด้วยวิธีต่างๆ ของชาติตะวันตก (โปรตุเกส, ฮอลันดา และชาวอังกฤษ) และ
ศาสนาทีชาวตะวันตกน�าเข้าไปเผยแพร่ แต่ดวยความศรัทธาของชาวสิงหลที่
่ ้
มีต่อพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง (อจลสัทธา) ท�าให้สามารถรักษาพระพุทธ
ศาสนาไว้ได้จนถึงปัจจุบัน
ผลงานที่ชาวศรีลังกาแสดงออกถึงความรักและศรัทธาต่อพระพุทธ
ศาสนานั้นมีมากมาย เช่น การออกมาปกป้องเมื่อพระพุทธศาสนามีภัย
คุกคาม หรือถูกลบหลูดวยชาวต่างชาติตางศาสนาทีไม่เคารพหรือไม่เข้าใจใน
่้ ่ ่
วัฒนธรรมประเพณีของชาวพุทธ เช่น การที่ชาวต่างชาติหรือคนไม่มีศาสนา
เปลืองผ้านังบนบ่าของพระพุทธรูปแล้วถ่ายภาพโฆษณาไปทัวโลก รวมถึงเมือ
้ ่ ่ ่
พ.ศ.๒๕๔๐ ชาวพุทธศรีลงการ่วมกับชาวพุทธทัวโลก เรียกร้องไม่ให้พวกทาลิ
ั ่
บันท�าลายพระพุทธรูปใหญ่ทพามิยาน ในอัฟกานิสถานช่วยชะลอการท�าลาย
ี่
โลกไม่ควรลืมคุณูปการของท่าน เกิดความเลื่อมใสใจศรัทธามากในปณิธาน มาเป็นเวลาหลายปี แต่ในทีสดพวกทาลิบนก็ได้ระเบิดท�าลายพระพุทธรูปใหญ่
ุ่ ั
การท�างาน การเสียสละอุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาของท่านอนาคาริกะ ที่พามิยานเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔
ธรรมปาละ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานก่อนท่านมรณภาพว่า “จะขอเกิดอีก ๒๕ สิงหนึงทีผเู้ ขียนจ�าได้ดี คือ การทีสหประชาชาติประกาศให้วนวิสาขบูชา
่ ่ ่ ่ ั
ชาติ ในตระกูลพราหมณ์ เพื่อท�างานให้พระพุทธศาสนา” แม้ในประเทศศรี (วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า) เป็นวันส�าคัญของโลก
ลังกาเองตามหัวเมืองต่างๆ จะมีรูปปั้นของท่านตามทางสี่แยกไว้ให้คนกราบ ก็เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของชาวศรีลังกาที่ช่วยกันเรียกร้องให้องค์กรระดับ
ไหว้ ไม่ต่างจากประเทศอินเดียที่ปั้นรูปของท่านมหาตมะ คานธี ไว้ให้คนสัก โลกยอมรับ โดยรัฐบาลศรีลังกาเสนอต่อสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ ๕๔
การะตามหัวเมืองต่างๆ ปีพ.ศ.๒๕๔๒ และเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ สหประชาชาติจึงมีมติให้
ก่อนจะเดินทางไปเยือนศรีลังกา (เดินทางระหว่างวันที่ ๕ – ๑๒ ก.พ. วันวิสาขบูชาเป็นวันสากลของโลก และที่ส�าคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง คือ
๒๕๕๔) ได้ศกษาประวัตศาสตร์ของประเทศและพระพุทธศาสนา ท�าให้ทราบ
ึ ิ การปฏิบตตอพระพุทธรูปเสมือนหนึงพระพุทธเจ้า เช่น การกางมุงให้พระพุทธ
ัิ่ ่ ้
ว่า ตั้งแต่พระพุทธศาสนาเข้าไปประดิษฐานในดินแดนคนมีฝ่ามือแดง ซึ่ง รูปยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม และระเบียบเรื่องการถ่ายภาพที่ห้ามหันหลังให้
พระมหินทเถระ (พระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช) และคณะน�าพระ พระพุทธรูป เพราะถือว่าไม่ให้ความเคารพ ล้วนแสดงออกถึงความเคารพต่อ
สัทธรรมไปมอบแด่ชาวสิงหลจนพระพุทธศาสนาเป็นปึกแผ่นมั่นคง ตั้งแต่ พระรัตนตรัยทั้งสิ้น
บัดนั้นจนถึงบัดนี้ พระพุทธศาสนาในศรีลังกาได้ผ่านมรสุมจากการรุกราน เมือกล่าวถึงศรัทธาของชาวสิงหล ท�าให้นกถึงอุบาสกธรรม หรือธรรมะ
่ ึ
20 21
- 12. ร�าพึงกับตัวเองว่า เรามีศรัทธาแบบเขาไหม และสามารถจะรักษาพระศาสนา
ไว้ได้ไหม ถ้ามีวกฤติพระพุทธศาสนาเกิดขึน ขออย่าให้ศรัทธาของเราเป็นเช่น
ิ ้
ศรัทธาหัวเต่าเลย แต่จงเป็นศรัทธาที่เดินเคียงคู่กับปัญญาจะได้น�าพาพระ
ศาสนาและประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัย
ศรัทธาดี ต้องมี ปัญญาจับ
ช่วยก�ากับ พร้อมกันไป ไม่ห่างเหิน
หากศรัทธา ขาดปัญญา หมดเจริญ
เหมือนเรือเดิน ไร้หางเสือ เพลียหลงทาง
ของอุบาสกอุบาสิกาที่ควรมี ชาวพุทธคงจ�ากันได้ดีถึงคุณสมบัติอันส�าคัญ ๕
ข้อ แต่ขอน�ามากล่าวไว้ในที่นี้ เพียง ๓ ข้อ คือ
- มีสัทธา (ศรัทธา) คือ มีความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญา เช่น เชื่อ
ในกฎแห่งกรรม ว่าท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว เชื่อในพระพุทธ พระธรรม และพระ
สงฆ์ เป็นต้น
- มีศล คือ มีสติสามารถควบคุมความประพฤติทางกาย วาจาให้เป็น
ี
ไปด้วยความเรียบร้อยดีงาม ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
- ไม่ถือมงคลตื่นข่าว เป็นกระต่ายตื่นตูม มุ่งหวังผลจากการกระท�า
และการงาน มิใช่จากโชคลางและสิ่งที่ตื่นกันว่าขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น
เมื่อเห็นความศรัทธาที่ชาวศรีลังกามีต่อพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ได้แต่
22 23
- 13. ทั้ง ๔ คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน สิ่งที่
ได้ยินประจ�าคือเสียงสาธุการที่ชาวลังกาตั้งใจเปล่งออกมาด้วยความเลื่อมใส
ศรัทธา ตอนเช้าๆ ชาวศรีลังกาใส่ชุดสีขาวเข้าแถวเดินไปเจดีย์พุทธคยา ต้น
ส. พระศรีมหาโพธิ์ โดยมีพระภิกษุเดินน�าหน้าพูดธรรมะให้ฟัง ญาติโยมก็พร้อม
ที่q๓ กล่าวค�าว่า สาธุ สาธุ สาธุ ฯลฯ ตลอดทาง
ในนิทานธรรมบท มีบอยครังทีพระภิกษุทาความดีแล้วพระพุทธเจ้าจะ
่ ้ ่ �
ยกย่องสดุดี ด้วยตรัสค�าว่า สาธุ สาธุ สาธุ ดีแล้ว ดีแล้ว เธอท�าดีแล้ว ค�าว่า สาธุ
สาธุ แปลว่า ดีแล้ว เป็นการอนุโมทนากับสิงทีคนอืนท�าดี เป็นบุญอย่างหนึง ภาษา
่ ่ ่
พระเรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย บุญส�าเร็จด้วยการอนุโมทนายินดีกบความดีที่
ั
่
เสน่ห์ของชาวศรีลังกา คนอื่นท�า ฉะนั้น ท่านจึงบอกว่า อย่าคร้านอนุโมทนาบุญ ท�าให้นึกถึงค�าพูด
ของพระเดชพระคุณพระเทพโพธิวเิ ทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา อินเดีย ซึง ่
มีคนมาถามความคิดเห็นของท่านเกียวกับการสร้างวัดไทยในแดนพุทธภูมซง
่ ิ ึ่
มีค�าโบราณกล่าวไว้ว่า เวลาท�าบุญขอให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดชาติใด มีวัดเกิดขึ้นมากมาย ท่านตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ใครท�าดี เราอนุโมทนาด้วย”
ภพใด ขออย่าให้เกิดเป็น “พระลังกา ม้าอินเดีย เมียฮินดู หมูไทย ไก่จน” ท�าไม
ี
นะเหรอ ? เพราะชาวลังกานัน ถ้าจะบวชเป็นพระ ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะ
้
เมื่อบวชแล้วไม่สามารถสึกได้ ส่วนม้าอินเดีย เมียฮินดู คนที่เคยไปประเทศ
อินเดียคงเข้าใจว่า เกิดเป็นม้าอินเดีย และเมียฮินดูล�าบากแค่ไหน ส่วนหมู
ไทย และไก่จีนคงทราบกันดีว่า หัวหมู และไก่นั้น เมื่อถึงเทศกาลส�าคัญจะ
ถูกเฉียดน�าไปเซ่นไหว้เทพเจ้าเป็นประจ�า
เกริ่นมาซะนาน เพื่อจะพูดถึงเสน่ห์ที่ส�าคัญอีกประการหนึ่งของชาว
พุทธลังกา คือค�าว่า สาธุ ท�าไมถึงเป็นเสน่ห์แค่พูดว่าสาธุ ไม่เห็นจะยากเย็น
ตรงไหน หลายท่านอาจตังค�าถามในใจ ไม่เป็นไร เดียวจะไขข้อข้องใจให้คลาย
้ ๋
สงสัย เมือผูเ้ ขียนเป็นนักศึกษาอยูเ่ มืองพุทธคยาสถานทีตรัสรูของพระพุทธเจ้า
่ ่ ้
ประเทศอินเดีย บ่อยครังทีได้พบชาวสิงหลเดินทางมานมัสการสังเชนียสถาน
้ ่
24 25
- 14. ในพระไตรปิฎกมีเรืองเล่าว่า มีชายคนหนึงไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
่ ่ พระเจ้าปเสนทิโกศลมีความสงสัยว่า จะมีด้วยเหรอ? คนที่กลิ่นปาก
หลังจากฟังแล้ว เกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงไปขออนุญาต หอมคล้ายกลิ่นดอกบัว ลองไม่เคี้ยวไม้สีฟันสักวันคงเหม็นน่าดู ยิ่งสมัยนี้ถ้า
ภรรยาออกบวช ครั้นบวชแล้ว ประเพณีในสมัยนั้นเมื่อภรรยาเป็นหม้าย จะ ไม่ได้แปรงฟันคงไม่มีใครกล้าสนทนากับคนอื่น ทรงต้องการที่จะพิสูจน์ว่า
ถูกริบเข้าหลวงเป็นสนมของพระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองเมืองสาวัต จริงหรือไม่ จึงให้ข้าราชบริพารไปกราบนิมนต์พระพุทธเจ้าและพระรูปนั้น
ถี แคว้นโกศล มาฉันภัตตาหารในพระราชวัง เมื่อฉันภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว พระพุทธเจ้า
วั น หนึ่ ง นายมาลาการเก็ บ ดอกบั ว มาถวายพระเจ้ า ปเสนทิ โ กศล ทรงทราบความประสงค์ของพระราชาจึงเปิดโอกาสให้พระรูปนั้นอนุโมทนา
พระองค์ทรงมอบดอกบัวให้กบพระมเหสีและสนมทุกพระองค์ พร้อมทังทรง
ั ้ ทันทีที่พระรูปนั้นเปิดปากพูด กลิ่นหอมก็ฟุ้งไปทั่วพระนคร จนท�าให้พระเจ้า
ยื่นดอกบัวให้สนมนางนั้นด้วย เมื่อนางรับดอกบัวแล้ว ยิ้มด้วยความดีใจ แต่ ปเสนทิโกศลแปลกพระทัย และทูลถามพระพุทธองค์วา พระรูปนีในอดีตชาติ
่ ้
เมือรับมาแล้วดมกลับร้องไห้ ท�าให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสงสัยว่า เกิดอะไร
่ ได้ท�ากรรมอันใดไว้ จึงมีกลิ่นปากหอมเช่นนี้
ขึ้นกับนาง จึงตรัสถาม พระพุทธเจ้าทรงวินจฉัยว่า ในอดีตชาติ พระรูปนีไม่ได้ทาอะไรมากมาย
ิ ้ �
พระนางทูลตอบว่า ดีใจทีได้รบพระราชทานดอกบัว แต่ทรองไห้ เพราะ
่ ั ี่ ้ เพียงแต่เวลาที่คนอื่นท�าความดี จะกล่าวอนุโมทนาสาธุกับเขา คือ ยินดีกับ
กลิ่นหอมของดอกบัวคล้ายกับกลิ่นปากของอดีตสามี ซึ่งตอนนี้ท่านบวชเป็น ความดีที่คนอื่นท�า
สมณะ ศากยะบุตรอยู่
26 27
- 15. ส.
ที่q๔
สวดมนต์เก่ง
“สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน” พวกเราได้ยินค�าพูดนี้บ่อยๆ
คนส่วนมากก็ยงไม่เข้าใจว่ามีความหมายอย่างไร บางคนอาจจะคิดเลยเถิดไป
ั
การกล่ า วสาธุ กั บ การ ว่าเป็นเพียงค�าคล้องจองทีพระนิยมพูด ในต่างประเทศ มีการวิจยจากสถาบัน
่ ั
ท�าความดีของคนอื่น นอกจาก ชั้นน�าหลายแห่งทั่วโลกเกี่ยวกับการสวดมนต์ว่ามีผลดีต่อสุขภาพกาย และ
จะเป็ น การสนั บ สนุ น ให้ ค น สุขภาพจิต เพราะในขณะที่สวดอยู่นั้น จิตใจของผู้สวดจดจ่ออยู่กับบทสวด
ท�าความดีตามหลักที่ว่า ปัคคัณ มนต์ ไม่วอกแวก วุ่นวาย เป็นจิตที่สงบ พบความสว่าง ทั้งการสวดมนต์ยัง
เห ปัคคะหาระหัง ยกย่องคน เสมือนเป็นการออกก�าลังกายอวัยวะต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย เพราะการ
ที่ควรยกย่องแล้ว ยังเป็นการ เปล่งเสียงสวดอักขระแต่ละตัวนั้นเสมือนการเคลื่อนไหวอวัยวะในร่างกาย
ปลูกฝังให้จิตใจของผู้กล่าวไม่ เนื่องจากอักขระแต่ละตัวมีที่เกิดไม่เหมือนกัน เช่น ก ไก่ เกิดที่คอ, ป ปลา
ริษยาในเมื่อคนอื่นท�าดีและได้ เกิดที่ริมฝีปาก เป็นต้น จึงเท่ากับเป็นการออกก�าลังกายไปในตัวอีกโสตหนึ่ง
ดีอีกด้วย เมื่อเห็นคนอื่นท�าดี ด้วย ในขณะที่สวดมนต์อยู่นั้น ถ้าจิตเป็นสมาธิคือตั้งมั่นแน่วแน่อยู่กับสิ่งที่
ลองกล่าวค�าว่าสาธุสิ จะได้รู้ว่า สวด จะท�าให้จิตใจสะอาด สว่าง สงบ เมื่อใจสงบไม่มีสิ่งรบกวน(กิเลส) กาย
มีความสุขใจแค่ไหน ก็พลอยสงบระงับไปด้วย เพราะกายกับจิตเนื่องถึงกัน สังเกตได้ว่า เมื่อเรา
เครียด ร่างกายผิวพรรณก็พลอยเศร้าหมองไม่ผ่องใสไปด้วย ปราชญ์จึงบอก
28 29
- 16. ว่า “ออกก�าลังกายต้องเคลื่อนไหว ออกก�าลังใจต้องหยุดนิ่ง” ของพวกเราก็ขึ้นไปบนชั้นสองของหอที่เก็บพระธาตุเขี้ยวแก้ว มีชาวศรีลังกา
วันที่คณะผู้เขียนเดินทางไปสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ว ณ วัดพระ นังสมาธิบาง นังสวดมนต์บาง(การนังของชาวลังกาส่วนมากจะนิยมเหยียดขา
่ ้ ่ ้ ่
ธาตุเขี้ยวแก้ว กว่าจะผ่านเข้าไปภายในวัดต้องผ่านด่านตรวจหลายครั้ง เคยเห็นชาวลังกานังฟังพระเทศน์ ประนมมือ และเหยียดเท้าไปทางพระ คนที่
่
โดยเฉพาะฆราวาส ส�าหรับ ไม่เข้าใจอาจเกิดอกุศลจิตคิดไม่ดกบเขาว่าไม่เคารพพระ แต่สาหรับชาวลังกา
ีั �
พระภิกษุสามเณรผ่านสบาย แล้วจิตใจทีเ่ คารพเป็นสิงส�าคัญ)รอเวลาทีจะเข้าชมสักการะพระธาตุเขียวแก้ว
่ ่ ้
หน่ อ ย คณะของเราโชคดี ผู้เขียนนั่งกระหย่งแล้วกราบไปทางที่เก็บพระธาตุฯ และนั่งขัดสมาธิหลับตา
ที่ ไ กด์ ทั ว ร์ ป ระสานงานไว้ ท�าสมาธิ ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงสวดมนต์บทต่างๆ เช่น มงคลสูตร กรณีย
เรียบร้อยแล้ว จึงผ่านเข้าไป เมตตสูตร รัตนสูตร เป็นต้น ฟังเสียงสวดมนต์ของชาวศรีลังกาแล้ว รู้สึกปีติ
เดินชมภายในบริเวณวัดที่มี และมีความสุข เพราะสวดมนต์เป็นจังหวะไพเราะจับใจ จึงหน่วงเหนี่ยวเอา
การป้ อ งกั น อย่ า งแน่ น หนา เสียงสวดมนต์มาเป็นอารมณ์ในการท�าสมาธิ ท�าให้จิตใจเบิกบาน แช่มชื่นดี
เพื่ อ ป้ อ งกั น ภั ย ที่ จ ะเกิ ด ขึ้ น เมื่อนั่งสมาธิพอสมควรแล้ว จึงลืมตาขึ้นและเหลือบมองไปทางคณะ
จากผู ้ ที่ ต ้ อ งการจะท� า ลาย สวดมนต์ชาวลังกา พร้อมทั้งยิ้ม
ศูนย์รวมจิตใจของชาวลังกา ให้ พวกเขาจึ ง เข้ า มาท� า ความ
มีประวัติศาตร์บันทึกไว้ว่า บางสมัยมีคนต้องการท�าลายวัดพระธาตุเขี้ยว เคารพ และทักทาย สอบถาม
แก้ว ถึงกับเอารถบรรทุกระเบิดขับวิ่งเข้าไปหมายท�าลายให้ราบคาบ แต่ด้วย สาระทุกข์สกดิบจึงท�าให้รวา ชาว
ุ ู้ ่
เดชานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยรักษาพระธาตุฯ ท�าให้ก�าแพงเสียหายเล็กน้อย ศรี ลั ง กากลุ ่ ม นี้ เ ดิ น ทางมาจาก
คณะพวกเราเข้าไปก่อนเวลานมัสการพระธาตุฯ จึงพากันไปไหว้พระทีหองโถง ่ ้ ที่ไกลห่างจากเมืองแคนดี้เกือบ
และพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพระธาตุฯ เดินชมไปแต่ละชั้นของตึกที่แสดงเกี่ยวกับ ๑๐๐ กิโลเมตร แต่เดินทางมาสัก
พระธาตุเขียวแก้วไม่วาจะเป็นงาช้างเชือกทีเคยใช้ในพิธแห่พระธาตุเขียวแก้ว
้ ่ ่ ี ้ การะพระธาตุฯ เป็นประจ�าทุก
เมือช้างตายไปแล้วก็นางาประดับไว้ให้คนได้ชม ภาพวาดทีแสดงประวัตความ
่ � ่ ิ ปีติดต่อกันเป็นเวลากว่า ๔๕ ปี
ส�าคัญของพระธาตุเขี้ยวแก้วยุคต่างๆ สมบัติอันมีค่าที่คนถอดบูชาพระธาตุ แล้ว เหมือนเป็นจารีตประเพณีอย่างหนึ่งของตระกูลที่ถือปฏิบัติมายาวนาน
เขี้ยวแก้ว ที่ทางรัฐบาลน�ามาแสดงไว้ให้ชม ล้วนเป็นสมบัติ และสิ่งมีค่าที่เกิด สนทนากันพักใหญ่ก็ได้เวลาเข้าไปกราบพระธาตุเขี้ยวแก้ว จึงต้องไปเข้าแถว
จากศรัทธาของคนจากรุ่นสู่รุ่นที่มีต่อพระธาตุฯ เพือเข้ากราบนมัสการพระธาตุฯ ภายในห้องซึงต้องผ่านประตูหลายประตู วัน
่ ่
พอใกล้ถงเวลาทีเ่ ขาจะเปิดให้คนเข้าไปสักการะพระธาตุเขียวแก้ว คณะ
ึ ้ นั้นคณะผู้เขียนเป็นคณะที่ ๒ ที่ได้เข้าไปกราบพระธาตุฯ ภายใน แต่มีเวลาไม่
30 31
- 17. นานในการนมัสการ เพราะต้องเอื้อเฟื้อแก่คณะอื่นที่รอคิวยาวเหยียดด้วย
เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาทีกับการไหว้พระธาตุฯ ก็ท�าให้มีความสุขใจทุกครั้งที่
นึกถึง
ผูเ้ ขียนประทับใจชาวสิงหลทีปลูกฝังการสวดมนต์ให้กบบุตรหลาน และ
่ ั
ส.
คนในครอบครัว เพราะทุกคนในครอบครัวไม่ว่าจะตัวเล็กไม่กี่ขวบก็สามารถ
สวดมนต์สูตรต่างๆ ได้ไม่แพ้พระภิกษุเลยทีเดียว การสวดมนต์เก่งจึงเป็น
ที่q๕
สัญลักษณ์อย่างหนึงของชาวศรีลงกาทีชาวพุทธไทยเราควรเอาเป็นแบบอย่าง
่ ั ่
เพราะอย่างน้อย ถ้ามีคนถามชาวพุทธไทยว่า อะไร คือ สัญลักษณ์ของชาวพุทธ
ไทย อย่างน้อยเราก็ตอบเขาได้ว่า สวดมนต์เก่ง มีชาวพุทธบางท่านเคยบอก
ใส่ชุดขาว
ว่า เป็นชาวพุทธสบายง่ายๆ อะไรก็ได้ ไม่ต้องถืออะไร อันนี้ต้องระวัง เพราะ เอกลักษณ์ของชาวพุทธลังกา
ถ้าไม่ยึดถือปฏิบัติอะไรเลย ก็คงไม่ต่างจากคนที่ไม่มีศาสนา ฉะนั้น ชาวพุทธ
ไทยอย่างน้อยก็ต้องมีเอกลักษณ์อะไรสักอย่างที่จะโชว์ชาวโลกได้ว่าเราก็มีดี
มีเอกลักษณ์ของตนเอง การแต่งชุดขาวไปวัดดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของชาวพุทธลังกา วัน
การสวดมนต์เก่ง นอกจากชาวศรีลังกาแล้ว ชาวธิเบตและชาวพุทธ ที่ผู้เขียนเดินทางไปชมวัดกัลยาณี ในเมืองโคลัมโบ เห็นชาวพุทธลังกาใส่ชุด
มหายานก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่ายกย่อง โดยเฉพาะชาวพุทธธิเบตนั้นมีเอ ขาว พาลูกหลานไปเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ทุกคนต่างแต่งกายด้วย
กลัษณ์ประจ�าตัว คือ ลูกประค�าส�าหรับนับเวลาสวดมนต์ พวกเขาสวดมนต์ ชุดขาว เป็นภาพประทับใจทีหาดูได้ยากในประเทศอืน คณะแสวงบุญต่างพูด
่ ่
สั้นๆ เพียง ๖ ค�า คือ โอม มะณี ปัทเม โอม แค่นี้ก็เป็นการดีมากส�าหรับเป็น เป็นเสียงเดียวกันถึงความประทับใจที่ได้เห็นภาพเด็กๆ ตั้งแต่เล็กจนโตมา
เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน เคยเดินทางไปธรรมศาลาที่ประทับของ ศึกษาพระพุทธศาสนา มีครูทงพระภิกษุและฆราวาสช่วยกันสอนในวิชาต่างๆ
ั้
องค์ดาไล ลามะ เห็นภาพน่าประทับใจที่ชาวธิเบตนิยมไปนั่งสวดมนต์อยู่ที่ ที่เด็กๆ ควรรู้ ผู้เขียนเดินชมไปตามห้องเรียนต่างๆ นักเรียนต่างตื่นเต้นที่เห็น
วัดเป็นประจ�าทั้งเช้าและเย็น บางคนก็นิยมเดินสวดมนต์รอบๆ บริเวณวัด ชาวต่างชาติให้ความสนใจ แต่ไม่กล้าเข้าไปทักทายอะไรมากมายเนืองจากยัง่
อยู่ในชั่วโมงเรียนของเด็กๆ พวกเขาต่างตั้งใจเรียน
ผู้เขียนบวชเรียนมาตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี จนถึงปัจจุบัน อายุ ๓๓ ปี ยังไม่
เคยเห็นนักเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์มากมายอย่างนี้ ถามพระภิกษุชาว
ศรีลงกาทีนาคณะเราไปเยียมชมวัด ท่านกล่าวว่า มีนกเรียนประมาณ ๕,๐๐๐
ั ่ � ่ ั
คน ฟังแล้วได้แต่นกอนุโมทนาและเกิดแรงบันดาลใจว่าบ้านเราน่าจะเอาเป็น
ึ
32 33
- 18. ท�าได้ยากที่สุด โดยเฉพาะตัวเราเอง แต่ถ้าใครฝึกได้ก็เป็นยอดมนุษย์อย่าง
เช่น พระพุทธเจ้า, พระเยซู, มหาตมะ คานธี, มาติน ลูเธ่อร์ คิงส์, และมหา
บุรุษอีกหลายท่านบนโลกใบนี้
มีสุภาษิตจีนเกี่ยวกับการฝึกกาย ฝึกจิตว่า
“จงระวังความคิด เพราะความคิดจะกลายเป็นความประพฤติ
จงระวังความประพฤติ เพราะความประพฤติจะกลายเป็นความเคยชิน
จงระวังความเคยชิน เพราะความเคยชินจะกลายเป็นนิสัย
จงระวังนิสัย เพราะนิสัยจะกลายเป็นสันดาน
จงระวังสันดาน เพราะสันดานจะก�าหนดชะตากรรมตลอดชีวิต”
แบบอย่าง วัดหลายวัดในเมืองไทย และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็จดตัง ั ้
โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์มากว่า ๕๐ ปี เหมือนกัน ถ้าผู้เขียนจ�าไม่
ผิดก็ได้ไอเดียมาจากประเทศศรีลังกานี้ ต่างแต่เพียงจ�านวนนักเรียนยังมีไม่
มากอย่างชาวลังกา อาจจะเป็นเพราะผู้ใหญ่ทั้งพ่อแม่ และทางบ้านเมืองให้
ความส�าคัญ ให้การสนับสนุนถึงท�าอย่างนี้ได้
เคยสังเกตชาวพุทธจากประเทศต่างๆ ทีเดินทางไปไหว้พระในประเทศ
่
อินเดีย ชาวพุทธลังกาจะมีเอกลัษณ์พิเศษเฉพาะตัว ในความมีระเบียบวินัย
เช่น การแต่งกายด้วยชุดขาวเหมือนกันหมด การเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย
การเปล่งวาจาสาธุการพร้อมกัน และการสวดมนต์ เป็นต้น การปฏิบัติได้เช่น
นี้ แสดงว่าได้รับการฝึกฝนอบรมมาอย่างดีจนกลายเป็นอุปนิสัย เห็นภาพ
อันประทับใจแล้วก็ได้แต่นึกถึงพุทธพจน์ที่ “ทันโต เสฏโฐ มะนุสเสสุ ในหมู่
มนุษย์ ผู้ที่ฝึกฝนพัฒนาตนเอง เป็นผู้ประเสริฐ” แต่การฝึกมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่
34 35