Mais conteúdo relacionado
Semelhante a แนวทางการพัฒนาบริหารจัดการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (20)
Mais de Utai Sukviwatsirikul (20)
แนวทางการพัฒนาบริหารจัดการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
- 1. 1
แนวทางการพัฒนาบริหารจัดการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง
พัชรี ช่วยประดิษฐ1, พงษ์ธนา วณิชย์กอบจินดา2
1บัณฑิตวิทยาลัย, สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์
คณะบัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
โทรศัพท์ : 0894121183, Email: pat_ohyey@hotmail.com
2คณะวิศวกรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 0894771887, Email: Pongtana@gmail.com
บทคัดย่อ
ในการศึกษาเพื่อพัฒนาบริหารจัดการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ของร้านปทุมธานีผู้
ศึกษาได้ทาการศึกษา สารวจและเก็บรวบรวมข้อมูล ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุที่ทาให้การ
ดาเนินงานของทางร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ขาดประสิทธิภาพคือ การมีสินค้าคงคลังที่มีปริมาณ
มากเกินไป เนื่องจากทางร้านค้าต้องการมีสินค้าที่จะเติมเต็มให้ครบตามที่ลูกค้าต้องการ จึง
จาเป็นต้องการมีสต๊อกสินค้าไว้ทุกประเภท และในแต่ละประเภทมีหลาย SKUs ซึ่งทาให้
คลังสินค้ามีสต๊อกที่มากเกินไป ส่งผลต่อต้นทุนการจัดเก็บรักษาเพราะสินค้าบางประเภทมีความ
เคลื่อนไหวที่ช้า (Slow-Movement) และคลังสินค้ามีการจัดเก็บและจัดวางไม่เหมาะสม รวมทั้ง
การเบิกสินค้าเมื่อลูกค้ามีการสั่งซื้อใช้เวลานานและมีข้อผิดพลาดสูง ดังนั้นวัตถุประสงค์ของ
งานวิจัย คือ เพื่อพัฒนาการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพนั่นคือความสามารถในการ
ควบคุมระดับสินค้าคงคลังเพื่อให้มีต้นทุนต่าที่สุดในขณะเดียวกันก็จะต้องมีสินค้าอยู่ในระดับที่
เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ขั้นตอนเริ่มจากการศึกษาต้นทุน
ค่าใช้จ่ายของระบบการสั่งซื้อในแต่ละครั้ง จานวนของการสั่งซื้อ การจัดเก็บสินค้าและทาการ
วิเคราะห์สินค้าคงคลังโดยวิธีการสั่งซื้อประหยัดสุด EOQ (Economy Order Quantity) สต๊อก
เพื่อความปลอดภัย (Safety Stock) และ จุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point; ROP) จัดลาดับ
ความสาคัญของสินค้าด้วยวิธี ABC ออกแบบแผนผังการจัดเก็บ ระบุตาแหน่งการจัดเก็บ การ
จัดทา Visual Control ตามชั้นวางสินค้าทั้งหมด จากการศึกษาดังกล่าวพบว่าผลการปรับปรุง
นั้นทาให้พัฒนาการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังคือ
สามารถทาให้มีการวางแผนการสั่งซื้อใหม่ได้เป็นระบบและประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นโดย
สามารถลดค่าใช้จ่ายรวมในแผนกไฟฟ้าได้ถึง 21% ต่อปีและแผนกประปาลดลงได้ 15% ต่อปี
เป็นต้น
- 3. 3
ปัญหาและลักษณะของปัญหาที่สาคัญของบริษัท
ปัญหาและผลกระทบของปัญหา
การมีสินค้าคงคลังที่มากเกินไป เนื่องจากทางร้านต้องมีสินค้าที่จะเติมเต็มให้ครบตามที่
ลูกค้าต้องการ จึงจาเป็นต้องมีการสต็อกสินค้าไว้ทุกประเภท และในแต่ละประเภทมีหลาย SKUs
ซึ่งทาให้คลังสินค้ามีสต๊อกที่มากเกินไป ส่งผลต่อต้นทุนการจัดเก็บรักษาเพราะสินค้าบางประเภท
มีความเคลื่อนไหวที่ช้า (Slow-Movement) สามารถวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาก่อนการปรับปรุง
ดังภาพต่อไปนี้
ภาพที่ 1 แสดงการวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้นในคลังสินค้า
ในส่วนของคลังสินค้ามีปัญหาหลัก ๆ อยู่ 4 ส่วนคือ
1. MAN ขาดความเข้าใจในการบริหาร บุคลากรในองค์กรขาดความรู้ความเข้าใจในการ
พยากรณ์สินค้า อีกทั้งอานาจการสั่งซื้อมีหลายบุคคล เนื่องจากเป็นร้านค้าที่มีรูปแบบการ
บริหารงานยังไม่เป็นรูปธรรม ทาให้อานาจการสั่งซื้อไม่ได้ขึ้นอยู่กับแผนกการจัดซื้ออย่างเดียว
2. MACHINE องค์กรไม่มีระบบการเช็คสต๊อกสินค้า ใช้เอกสาร Documentary ในการ
บันทึกและการเช็คสต๊อกทาให้ข้อมูลมีการผิดพลาดสูง
3. MATERIAL อุปกรณ์บางประเภทมีการเสื่อมสภาพ เนื่องจากสินค้าบางประเภทที่อยู่
ในคลังสินค้ามี อัตราการ Movement ที่ช้า ทาให้สินค้ามีการเสื่อมสภาพ
4. METHODS การจัดเก็บสินค้าไม่เป็นระบบ องค์กรไม่ได้มีการแยกจาแนกประเภทใน
การจัดคลังสินค้า วิธีการรับสินค้าโดยไม่ได้ทาการจัดเก็บ หรือทาข้อมูล ทาให้การเช็คสต๊อก
ผิดพลาด มีความคลาดเคลื่อนผลกระทบของปัญหา
- 4. 4
ผลกระทบของปัญหา
ระยะสั้น ด้านทุนหมุนเวียน ทาให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ระยะยาว ความสามารถในการแข่งขันลดลงทั้งในด้านต้นทุน และการตอบสนอง
ลูกค้า ทาให้โอกาสในการทากาไรน้อยลง
ปัญหา และความสาคัญของปัญหาแนวทางแก้ไขปัญหา
• การจัดลาดับความสาคัญของสินค้า (Movement) เพื่อให้ทราบว่าสินค้าตัวใดมีการ
หมุนเวียนสูงสุดของรายการสินค้า และทาให้ทราบถึงการหมุนเวียนรอบสินค้า เพื่อช่วย
ในการตัดสินใจต่อการสั่งซื้อเป็นการลดปัญหาสินค้าคงคลังมีมากเกินไป
• คานวณปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (EOQ) เพื่อเป็นการป้องกันการสั่งที่ทาให้เกิด
ต้นทุนจมไปกับสินค้าโดยไม่จาเป็น อีกทั้งทาให้เกิดขนาดการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุดต่อ
ครั้ง
• การจัดรูปแบบ การวางผังสินค้าใหม่ (Fixed ,Random Location) เพื่อการทางานที่
รวดเร็วขึ้น และถูกต้อง ลดความผิดพลาดในการจัดเก็บ การหาสินค้านานเกินไป รวมไป
ถึงการเช็คยอดสินค้าไม่ตรงตามที่บันทึก
• การทาป้ ายระบุตาแหน่งการวางสินค้าให้ชัดเจน ใช้หลักการ Visual Control ซึ่งจะ
เอื้อต่อการมองเห็นได้ง่าย และจะสามารถทราบได้ในการเช็คสต็อกว่าถึงจุดสั่งซื้อใหม่
เมื่อใด
แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยนี้ได้ทาการศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
งานวิจัยนี้ได้ทาการศึกษากรณีร้านปทุมธานี ที่ดาเนินธุรกิจบริการขายปลีกวัสดุก่อสร้าง
และเบ็ดเตล็ดฮาร์ดแวร์ จากการศึกษาสภาพปัญหาของทางร้านในเบื้องต้นมีแนวทางที่จะพัฒนา
และปรับปรุงการดาเนินงานในส่วนงานคงคลังให้มีการทางานที่เป็นระบบ สะดวกและรวดเร็ว
คงไว้ซึ่งความถูกต้องแม่นยาในการทางานให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงปรับปรุงระบบการสั่งซื้อ
การศึกษาค้นคว้าในบทนี้มีทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่นามาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการศึกษา
การลดปริมาณพัสดุสารองคลังได้แก่ทฤษฎี ABC Classification System ทฤษฎีEconomic
- 5. 5
Order Quantity (EOQ) ท ฤ ษ ฎี Reorder Point (ROP) ท ฤ ษ ฎี Engineering Economic
Analysis และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การบริหารพัสดุเป็นสายงานหนึ่งในกระบวนการห่วงโซ่ของการสร้างมูลค่า (Value
Chain) และเป็นกิจกรรมหนึ่งในส่วนของโลจิสติกส์ภายใน(InboundLogistics)ถ้ากิจการได้รับการ
บริหารที่ดีถูกต้องแม่นยามากเพียงไรจะส่งผลไปยังโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้มี
ประสิทธิภาพมากเพียงนั้นกล่าวคือกิจการสามารถเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ลดค่าใช้จ่ายในแต่
ละกิจกรรมลงลดรอบระยะเวลาธุรกิจ(CycleTime)และได้ระดับบริการ (Service Level) ที่เพิ่มขึ้น
คาว่าพัสดุและวัสดุมีความหมายเดียวกัน (พจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ, 2530 :
379)ภาษาอังกฤษใช้คาว่า Material ซึ่งสามารถใช้คาว่าพัสดุและวัสดุได้ตามความเหมาะสมหรือ
ตามความนิยมในแต่ละแห่งแต่ละที่
พัสดุมีความหมายกว้างครอบคลุมถึงสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์อะไหล่เครื่องจักร
เครื่องยนต์วัตถุดิบวัสดุก่อสร้างแม้สินค้าสาเร็จรูปก็ยังสามารถเรียกว่าพัสดุได้ในทางวิชาการควร
เรียกประเภทพัสดุนั้นให้เจาะจงถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งสามารถแยกได้ตามสากลดังนี้คือ 1) วัตถุดิบ
(Raw Material) 2) สินค้าสาเร็จรูป (Finished Goods) 3) พัสดุสาหรับหีบ-ห่อ (Packaging
Material) และ 4) พัสดุสาหรับซ่อมบารุงและปฏิบัติการ (Maintenance Repair and Operation
Items; MRO)
ระเบียบวิธีการศึกษาและผลการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้ผู้ทาการศึกษาค้นคว้าได้ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยขั้นตอนคือเริ่มจาก
การศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหลังจากนั้นจึงนามาวิเคราะห์หาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานี้แบ่งออกเป็น 4 แนวทางในการปรับปรุงคือ
แนวทางที่ 1 การศึกษาครั้งนี้ได้รวบรวมข้อมูลและการทบทวนเอกสารต่างๆ นาข้อมูล
วัสดุคงคลังวัสดุก่อสร้าง และฮาร์ดแวร์ โดยมีการเริ่มต้นศึกษาการดาเนินการลดสินค้าคงคลัง
ด้วยวิธีการจัดประเภทสินค้าพิจารณาจากการจาแนกความเคลื่อนไหวของสินค้าโดยการแบ่ง
สินค้าเป็นประเภท Fast Moving(A), Medium Moving(B), Slow Moving(C) เพื่อใช้ในการ
ออกแบบพื้นที่ในการจัดวางสินค้าให้สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของสินค้า และความสาคัญข้างต้น
โดยให้กลุ่มสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวเร็วเป็นวัสดุคงคลังประเภท A ที่มีปริมาณ (5-15% ของ
สินค้าคงคลังทั้งหมด) พบว่ามี 36 รายการ ถัดมาเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวปานกลาง
เป็นวัสดุคงคลังประเภท B ปริมาณปานกลาง (30% ของสินค้าคงคลังทั้งหมด) มีจานวน 105
รายการ กลุ่มสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวช้าเป็นวัสดุคงคลังประเภท C ที่มีปริมาณมาก (50-60%
ของสินค้าคงคลังทั้งหมด) มีจานวน 136 รายการ สาหรับกลุ่ม A คือรายการที่มีความสาคัญมาก
- 6. 6
และต้องการเอาใจใส่เป็นพิเศษ กลุ่ม B คือรายการที่มีความสาคัญปานกลาง และกลุ่ม C คือ
รายการที่มีความสาคัญน้อย
ตารางที่ 1 สรุปสินค้าในแผนกต่างๆ
สรุปผลการจัดแบ่งความสาคัญของสินค้าและค่าเฉลี่ยรวม (Inventory Turn Over)
ตารางที่ 2 แสดงค่าเฉลี่ยรวมของ Inventory turn over
งานวิจัยนี้เลือกข้อมูลในกลุ่ม A มาศึกษาโดยใช้แนวคิดทฤษฎี EOQ เข้ามาช่วยแต่
สาหรับวัสดุคงคลังประเภท B หรือ C อาจจะคอยดูเป็นระยะๆ ไม่ต้องศึกษาอย่างละเอียด เพราะ
หากทาอย่างทุกรายการจะเป็นการเสียเวลาโดยไม่จาเป็น
แนวทางที่ 2 การคานวณปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantity:
EOQ) เพื่อเป็นการป้องกันการสั่งซื้อที่ทาให้เกิด ต้นทุนจมไปกับสินค้าโดยไม่จาเป็น อีกทั้งทาให้
เกิดขนาดการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุดต่อครั้ง การกาหนดปริมาณของสินค้าคงคลังที่เหมาะสมโดย
คานึงถึงต้นทุนในการบริหารสินค้าคงคลังต้องพิจารณา ปริมาณการสั่งซื้อที่มีต้นทุนต่าที่สุด
(Economic Order Quantity: EOQ) ในแต่ละครั้งซึ่งสามารถคานวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ทาให้
ทั้งต้นทุนในการสั่งซื้อ และต้นทุนในการเก็บรักษา ทาให้ทราบว่าเมื่อสินค้าในคลังสินค้าถูกขาย
ออกไปจนหมด จะต้องสั่งซื้อสินค้าเข้ามาใหม่ในจานวนเท่าใด จึงจะประหยัดที่สุด
- 9. 9
แนวทางที่ 3 การจัดรูปแบบ การวางผังสินค้าใหม่ : เพื่อการทางานที่รวดเร็วขึ้น และ
ถูกต้อง ลดความผิดพลาดในการจัดเก็บ การหาสินค้านานเกินไป รวมไปถึงการเช็คยอดสินค้าไม่
ตรงตามที่บันทึกการจัดเก็บตามปริมาณการใช้งาน และแบ่งตามความถี่ในการเบิกจ่ายสินค้า
(Class Based Average) ซึ่งเป็นการประยุกต์การจัดกลุ่ม ABC (ABC Analysis) มาใช้กาหนด
ตาแหน่งจัดวางสินค้า เนื่องจากรายการสินค้ามีอัตราการเข้าออกที่ต่างกัน บางรายการถูกเก็บไว้
นานไม่มีการเคลื่อนไหว บางรายการมีการหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลาโดยจะถูกแบ่งเป็นกลุ่ม
ต่างๆ โดยสินค้าที่มีอัตราการหมุนเวียนเข้าออกเป็นประจา จะถูกจัดเก็บใกล้กับทางเข้าออก
ส่วนการจัดเรียงสินค้าในกลุ่ม A จะใช้ระบบจัดเรียงกาหนดตายตัวเพื่อให้หาสินค้าได้ง่าย ส่วน
กลุ่ม B และ C จะใช้ระบบการจัดเรียงแบบไม่กาหนดตาแหน่งตายตัว โดยจัดแบ่งประเภท
สินค้าออกเป็น 3 ประเภทตามเกรด A, B และ C ได้ดังนี้
ตารางที่ 7 แสดงการจัดประเภทสินค้าที่แบ่งเกรดตามระยะเวลาการหมุนของสินค้า
ระดับสินค้า ประเภทสินค้า ระยะการเคลื่อนไหว
สินค้าประเภท A สินค้ากลุ่มที่ 1 และ 2 2-3 ครั้ง / สัปดาห์
สินค้าประเภท B สินค้ากลุ่มที่ 3 2-3 สัปดาห์ / ครั้ง
สินค้าประเภท C สินค้ากลุ่มที่ 4 1-3 เดือน / ครั้ง
ซึ่งแผนผังคลังสินค้าใหม่จะเป็นดังนี้
ภาพที่ 2 แสดงผังคลังสินค้าใหม่
- 10. 10
แนวทางที่ 4 การออกแบบรหัสระบุตาแหน่งการจัดเก็บ และป้ายชี้ตาแหน่งการจัดเก็บ
1. การออกแบบป้ายชี้ตาแหน่งการจัดเก็บ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบว่ารายการสินค้านี้
จัดเก็บที่ใด ส่งผลให้การปฏิบัติงานของส่วนงานคงคลังทั้งการรับเข้า เบิกใช้ เกิดความสะดวก
รวดเร็ว และถูกต้อง อีกทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน ช่วยลดเวลาสูญเปล่าอันเกิด
จากการหาสินค้าไม่เจอ
2. ใช้หลักการ Visual Controlเป็นระบบควบคุมการทางานขั้นตอนการทางาน
เป้าหมาย ผลลัพธ์การทางานได้ง่ายและชัดเจน รวมถึงเห็นความผิดปกติต่าง ๆ และแก้ไขได้
อย่างรวดเร็วโดยใช้ บอร์ด ป้าย สัญลักษณ์สี และอื่น ๆเพื่อสื่อสารให้พนักงานทราบถึงสิ่งที่
ต้องการได้โดยง่ายที่สุด และถูกต้อง
ภาพที่ 3 ป้ายชี้ตาแหน่งการจัดเก็บ
3. จัดทาแผนผังของคลังสินค้า มาติดไว้ตรงทางเข้า-ออก ของคลัง เพื่อช่วยให้ทราบถึง
ตาแหน่งพื้นที่เก็บสินค้า
ภาพที่ 4 แผ่นป้ายแสดงพื้นที่ภายในคลัง
4. ชื่อชั้นวาง เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาสินค้า และป้องกันไม่ให้พนักงานวางสินค้าผิด
ตาแหน่ง อีกทั้งยังสะดวกต่อการค้นหา
- 11. 11
ภาพที่ 5 ชั้นวางมีการบอกป้ายล๊อค และโซนการเก็บสินค้า
5. ติดป้ายบอกพื้นที่แต่ละโซนที่วางสินค้าแบ่งตามสี โซน A จะใช้ป้าย สีฟ้า, โซน B จะใช้
ป้าย สีเหลือง และโซน C จะใช้ป้าย สีชมพู
ภาพที่ 6 ชื่อชั้นวางเพื่อให้หาสินค้าได้สะดวกขึ้น
สรุปการเปรียบเทียบแนวทางการแก้ไขปัญหาในส่วนของคลังสินค้า
ตารางที่ 8 ตารางเปรียบเทียบแนวทางการแก้ไขปัญหาในส่วนของคลังสินค้า
แนวทางการแก้ไขปัญหา ข้อดี ข้อเสีย
ปรับปรุงวิธีการและขั้นตอน
การทางานใหม่
- ทาให้การทางานมีการวางแผน
และขั้นตอนมากยิ่งขึ้น
- ลดเวลาในการทางาน ในขั้นตอน
ที่ไม่จาเป็นออกไปได้
เสียเวลาในการทดลอง
กระบวนการดาเนินงานใหม่
ห าก ยังไม่ดีต้องมีก าร
เปลี่ยนแปลงและทดลอง
กระบวนการใหม่ซ้าอีก
แบ่งตามอัตราการหมุนของ
สินค้า Inventory Turnover
- เพื่อง่ายต่อการวางผังในการ
จัดเก็บ และเบิกจ่าย
- ลด ภ าระก ารจัดเก็บ สิน ค้า
สินค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่
หรือค่าเสียโอกาสในการใช้พื้นที่
- 12. 12
ใช้หลักการ Fixed Location เพื่อการจัดวางที่เป็นระเบียบ ไม่
เกิดการสับสนในตัวสินค้าของ
พนักงาน สะดวกต่อการเบิก
สินค้า และการตรวจนับง่ายต่อ
การจัดตั้งคลังและดูแลรักษา
ประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ต่า
ใช้หลักการ
Random Location
มีความยืดหยุ่นสูง ยากต่อการชี้ตาแหน่งของ
สินค้า
ใช้หลักการ FIFO
(FIRST-IN-FIRST-OUT)
- การจัดเก็บ หรือการนาสิ่งของที่
เก็บไว้ก่อนออกมาใช้ก่อน
- เพื่อลดความเสียหายจากสินค้า
หมดอายุและไม่เกิดการสูญเสีย
ใช้หลักการ Visual Control ช่วยให้การทางานมีประสิทธิภาพ
มากขึ้น ง่ายต่อการมองเห็น และชื่อ
สินค้าป้องกันการหยิบสินค้าผิด
ช่วยลดความเข้าใจผิดในตัวสินค้า
ต้องใช้เวลาทาความเข้าใจ
กับรหัสสินค้าให้มากขึ้น
อาจจะเสียเวลาในช่วงแรกๆ
แต่ต่อไปก็จะดีขึ้น
จัดผังคลังสินค้าใหม่ พนักงานมีความรวดเร็วในการ
ทางานมากขึ้นลดเวลา และ
ระยะทางในกระบวนการทางานได้
ถ้า Lay out ที่ออกแบบใหม่
ผิดพลาดจะทาให้
กระบวนการในการทางาน
ยุ่งยากขึ้นต้องมีผู้ที่เชี่ยวชาญ
และมีความชานาญในการ
ออกแบบคลังสินค้ามาช่วยใน
การออกแบบและบริหาร
จัดการ
จัดผังคลังสินค้าใหม่ เป็นการแบ่งเขตที่ตั้งของสินค้าขึ้นมาใหม่ ทาให้เกิดความง่ายและ
รวดเร็วในกระบวนการทางานรวมทั้งทาให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง การจัดเก็บสินค้าตาม
ความถี่ของรายการจะช่วยให้เวลาในการค้นหาสินค้าและหยิบลดลง นอกจากนั้นพนักงานที่ไม่มี
ความชานาญจะสามารถหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ได้มีการนาเอาการควบคุมด้วยการมองเห็น
(Visual Control) เข้ามาช่วยในการจัดเก็บด้วย หลังจากที่มีการปรับปรุงภายในคลังแล้วเวลา
เฉลี่ยทั้งหมดของวิธีการค้นหาสินค้านั้นลดลงจากที่ใช้เวลาผลการดาเนินงานส่วนงานคงคลังก่อน
และหลังการปรับปรุง สรุปผลได้ดังตารางที่ 9
ตารางที่ 9 สรุปผลการแก้ไขปัญหา
เกณฑ์วัดผล ผลการปรับปรุง(ก่อน) ผลการปรับปรุง(หลัง) สรุปผล
เวลาเฉลี่ย
ของกระบวนการ
เบิกจ่ายสินค้า(นาที)
20 11 ลดลง 9 นาที
- 13. 13
ข้อเสนอแนะ
การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (Economic Order Quantity; EOQ) จุดสั่งซื้อใหม่
(Reorder Point; ROP) และสต๊อกเพื่อความปลอดภัย (Safety Stock) ที่ได้จากการคานวณเป็น
เพียงการพยากรณ์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการกาหนดปริมาณการสั่งซื้อต่อครั้งได้ล่วงหน้า
และจุดสั่งซื้อที่เหมาะสมเท่านั้น แต่เนื่องจากพัสดุคงคลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึง
ต้องมีการตรวจสอบปริมาณการใช้พัสดุสานักงานอย่างสม่าเสมอ จึงจะทาให้การพยากรณ์มี
ความแม่นยาและเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งจะทาให้การจัดเก็บพัสดุสารองคลังจะมีปริมาณ
เพียงพอต่อการใช้งาน และไม่ทาให้เกิดการขาดสต็อกของพัสดุสานักงาน
บรรณานุกรม
จินตนัย ไพรสณฑ์. 2551. การจัดการการผลิตและการปฏิบัติการ. กรุงเทพมหานคร:
บริษัท เพียร์สันเอ็ดดูเคชั่น อินโดไชน่า.
ชิดชเนตร ศักดิ์โพธา. 2550. การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินค้าคงคลังร้านค้าปลีก
อะไหล่รถยนต์กรณีศึกษาร้านกระป๋ อง อะไหล่ยนต์. วิทยานิพนธ์วิศวกรรมศาสตร์
มหาบัณฑิต. สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์. บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัย
หอการค้าไทย.
ชาตรี เกียรติสมุทรธารา. 2547. การศึกษาวิเคราะห์ขนาดการสั่งซื้อที่ประหยัดของ
เคมีภัณฑ์ในแผนกคลังสินค้า. โครงการปัญหาพิเศษวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต.
สาขาวิชาวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม. บัณฑิตวิทยาลัย. สถาบันเทคโนโลยี พระ
จอมเกล้าพระนครเหนือ.
ทิฆัมพร รอดเงิน. 2550. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพัสดุคงคลังของกองพัสดุ
มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่านถนนวิภาวดีรังสิต. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจ
มหาบัณฑิต. สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์. บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัย
หอการค้าไทย.
ศุภชัย นุตาดี. 2550. การจัดการสินค้าคงคลังของร้านแต้หน่ากี่. ภาควิชาวิทยาการ
คอมพิวเตอร์. คณะวิทยาศาสตร์. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศราวุธ อุดมรังสีสกุล. 2547. การจัดการคลังสินค้าสาหรับชิ้นส่วนมาตรฐานในการ
ประกอบแม่พิมพ์ฉีดอลูมิเนียม. โครงการปัญหาพิเศษวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต.
สาขาวิชาวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม. บัณฑิตวิทยาลัย. สถาบันเทคโนโลยี พระ
จอมเกล้าพระนครเหนือ.
สุชาติ ศุภมงคล. 2547. การจัดการอะไหล่ให้เพิ่มผลผลิต. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ซีเอ็ด
ยูเคชั่น.