Mais conteúdo relacionado Semelhante a Msm Awareness & Sensitivity Handbook Thai (20) Msm Awareness & Sensitivity Handbook Thai2. คํานํา
ป จ จุ บั น นี้ อั ต ราความชุ ก ของการติ ด เชื้ อ เอชไอวี ใ นประเทศไทยมี อั ต ราที่ สู ง โดยเฉพาะในกลุ ม ชายที่ มี
เพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสอง แมจะมีการทํางานในสวนของภาคองคกรชุมชนมากขึ้นเพื่อสามารถ
เขาถึงกลุมเปาหมายดังกลาวในการใหความรูและขอมูลดานการปองกันเอชไอวี ซึ่งสงผลใหกลุมเปาหมาย
สามารถประเมินความเสี่ยงของตัวเองและมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัยมากขึ้น แตยังมีกลุมเปาหมาย
จํานวนไมมากที่สามารถเขาสูการบริการใหการปรึกษาและตรวจเอชไอวี (VCT service) องคการเอฟเอชไอ
(FHI) รวมกับ USAID และ Pact Thailand จึงไดรวมมือกันจัดโครงการสาธิตการใหบริการ ใหการปรึกษาและ
การตรวจเอชไอวี ใ นกลุ ม ชายที่ มี เ พศสั ม พั น ธ กั บ ชายและสาวประเภทสองใน 3 จั ง หวั ด ได แ ก กรุ ง เทพฯ
เชียงใหม และ ชลบุรี (พัทยา) โดยมีเปาหมายเพื่อใหโรงพยาบาล คลินิก หรือหนวยบริการที่เขารวมในโครงการ
สาธิตนี้สามารถเขาใจถึงอุปสรรคในการใหบริการกับกลุมชายที่มีเพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสองทังใน ้
สวนของการบริการและระดับบุคคล และสามารถพัฒนาปรับปรุงบริการของตนเพื่อลดอุปสรรคตางๆ ที่มีตอ
กลุมเปาหมายใหลดนอยลง และในทายที่สุด คาดหวังวา หลังจากมีการพัฒนาปรับปรุงบริการแลว อัตราการใช
บริการดังกลาวโดยกลุมชายที่มเพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสองจะเพิ่มมากขึ้นตามลําดับ
ี
จากการเก็บขอมูลเบื้องตนของโครงการ พบวา อุปสรรคหลักประการหนึ่งที่ทําใหกลุมเปาหมายไมเขามาใช
บริการดังกลาว คือ ทัศนคติเชิงลบของผูใหคําปรึกษาและเจาหนาที่ที่เกี่ยวของที่มีตอกลุมชายที่มีเพศสัมพันธ
กับชายและสาวประเภทสอง คูมือการอบรมฉบับนี้จึงไดรับการปรับปรุงขึ้นเพื่อใหขอมูลและสรางความรูความ
เขาใจในประเด็นดานสุขภาพทางเพศของชายที่มีเพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสองในประเทศไทย ทั้งใน
สวนของวิถีชีวิตและเพศวิถีของกลุมดังกลาว
กิตติกรรมประกาศ
คูมือการฝกอบรมฉบับนี้ดัดแปลงจากชุดฝกอบรมเรื่อง “ขอพึงรูและความเขาใจในเรื่องเพศในการสงเสริม
สุขภาพทางเพศสําหรับชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย” ขององคการเอฟเอชไอ สํานักงานประเทศเวียตนาม (FHI
Vietnam Office) และเรียบเรียงโดย ดร.แคธลีน เคซี่ย จากองคการเอฟเอชไอ สํานักงานภูมิภาคเอเชียและ
แปซิฟก (FHI APRO) และคุณเกรก คารล จากศูนยวิจยโรคเอดส สภากาชาดไทย
ั
ทั้งนี้ไดรับงบประมาณสนับสนุนจากองคการความชวยเหลือแหงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา (USAID)
2
3. สารบัญ
หนา
บทที่ 1: ใครคือชายที่มีเพศสัมพันธกบชายและสาวประเภทสอง
ั 4
บทที่ 2: กรอบความคิดเกียวกับชายทีมีเพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสองใน
่ ่ 8
สังคมไทย
บทที่ 3: ความเสี่ยงและความเปราะบาง/โอกาสเสียงตอการติดเชื้อเอชไอวีของ
่ 12
ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสอง
บทที่ 4: ความซับซอนของความเสี่ยงตอการติดเชือเอชไอวีในประเทศไทย
้ 16
บทที่ 5: ความจําเปนในการใหบริการดานสุขภาพและวิธีการเขาถึงชายที่มี 20
เพศสัมพันธกับชายและสาวประเภทสอง
บทที่ 6: สุขภาพทางเพศและความตองการดานจิตวิทยาสังคมของชายที่มี 22
เพศสัมพันธกบชายและสาวประเภทสอง
ั
บทที่ 7: วิธการมีเพศสัมพันธที่ปลอดภัย
ี 24
บทที่ 8: การใหคาปรึกษากับชายที่มีเพศสัมพันธกบชายที่มเชื้อเอชไอวีและสาว
ํ ั ี 28
ประเภทสองที่มีเชื้อเอชไอวี
บทที่ 9: การปรับสภาพแวดลอมของสถานบริการสุขภาพ 29
บทที่ 10: บทสรุปสําหรับผูใหบริการดานสุขภาพ 38
เอกสารอางอิง 39
3
4. บทที่ 1
ใครคือ ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย และสาวประเภทสอง ?
คําวา “ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย” หมายถึง ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายโดย ไมคํานึงวาจะมีเพศสภาวะแบบ
ใดหรือจะแสดงตัววาเปนเพศใด คําๆนี้มีขึ้นเนื่องจากปกติแลวมีชายที่รักเพศเดียวกันเพียงกลุมนอยเทานั้นที่จะ
ยอมรับวาตนเปนเกย หรือรักเพศเดียวกัน หรือเปนผูที่รักทั้งสองเพศ ในขณะที่ชายดังกลาวสวนใหญจะเรียก
ตัวเองตามพฤติกรรมและอัตลักษณทางเพศตามสภาพสังคมของตน โดยไมไดตัดสินตนเองตามพฤติกรรมทาง
เพศกับชายดวยกันแตอยางใด ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายหลายคนคิดวาตนเปนชายรักหญิงมากกวาชายรัก
เพศเดียวกันหรือชายรักสองเพศ โดยเฉพาะอยางยิ่งถาหากเขายังมีเพศสัมพันธกับผูหญิง หรือแตงงานแลว
หรือเปนฝายรุกในการมีเพศสัมพันธทางทวารหนัก หรือมีเพศสัมพันธกับผูชายเพื่อแลกกับเงินหรือสิ่งตอบแทน
อื่นๆ
ชายที่มเพศสัมพันธกับชายมีดวยกันหลายประเภท ซึ่งอาจแตกตางกันไปโดยขึ้นอยูกับเหตุปจจัยดังตอไปนี้ :
ี
• อัตลักษณทางเพศโดยไมเกี่ยวของกับพฤติกรรมทางเพศ เชน (เกย คนรักเพศเดียวกัน คนรักตางเพศ
คนรักสองเพศ และสาวประเภทสอง รวมถึงเพศวิถีหรืออัตลักษณทางเพศอื่นๆ ที่อาจใชเรียกกัน)
• การยอมรับและเปดเผยอัตลักษณทางเพศของตนเอง
• คูนอน (ชาย/ หญิง / และ/หรือสาวประเภทสอง)
• เหตุผลในการมีเพศสัมพันธกับคูนอน (ชอบอยูแลว ถูกบังคับ มีแรงจูงใจในการหารายได ความสะดวก
ความสนุก และหรืออยูในสภาพแวดลอมที่มีแตผูชายลวน)
• บทบาทในการมีเพศสัมพันธ (เปนฝายรุก ฝายรับ หรือไดทั้งสองอยาง) และ
• ลักษณะที่เกี่ยวของกับเพศสภาวะ บทบาทและพฤติกรรม เชน เปนผูหญิง เปนผูชาย เปนแมน บุคลิก
ออกสาว คนที่แตงตัวเปนหญิง หรือแตงตัวตรงกับเพศสภาวะของตน)
ผูใหบริการสุขภาพควรรูอะไรบางเกี่ยวกับอัตลักษณทางเพศและพฤติกรรมทางเพศของผูใชบริการ ?
คําวา “ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย” เปนคําที่ใชกันอยางแพรหลายในการทํางานดานเอชไอวี เพราะเปนคําที่ใช
สื่อถึงพฤติกรรมที่ทําใหชายเหลานี้มีโอกาสเสี่ยงตอการติดเชื้อ อยางไรก็ตาม ไดมีการโตแยงกันกันวาคําๆนี้
มุงเนนถึงพฤติกรรมทางเพศมากเกินไปซึ่งทําใหไมสามารถครอบคลุมถึงมิติดานอื่นๆ เชน อารมณความรูสึก
ความสัมพันธ อัตลักษณทางเพศ เปนสาเหตุใหบางองคกรหรือคนบางคนนิยมใชคําวา “ผูชายที่มีเพศสัมพันธ
กับผูชาย” มากกวา เพราะใหความหมายที่กวางกวา และสามารถครอบคุลมผูชายทุกประเภทที่มีเพศสัมพันธ
กับคนเพศเดียวกัน โดยเฉพาะอยางยิ่งคําวา “ผูชาย” ไมมีขอจํากัดดานอายุ จึงหมายรวมถึงเด็กผูชายที่มี
เพศสัมพันธกับเด็กผูชายดวยกัน และความสัมพันธทางเพศระหวางชายและเด็กชายอีกดวย (หมายเหตุ: เปน
อธิบายความของคําศัพทระหวาง men who have sex with men และ male who have sex with male)
อาจกลาวไดวาคําวา “ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย” เปนการตอบสนองทางภาษาที่กําเนิดขึ้นในวัฒนธรรม
ตะวันตกเพื่อการอธิบายถึงกิจกรรมทางเพศระหวางชายดวยกัน อีกทั้งการกําเนิด วัฒนธรรมเกย ในประเทศ
ทางตะวันตกในชวงศตวรรษที่ 20 มีสวนทําใหเกิดความเชื่อที่วาคนเรามี 2 ประเภทเทานั้น นั่นก็คือ ผูที่เปนเกย
(รักเพศเดียวกัน) และชายจริงหญิงแท (รักตางเพศ) ซึ่งในปจจุบันแมวาแนวคิดเชนนี้จะเริ่มปรับเปลี่ยนไป แตก็
มีคนจํานวนมากในหลากหลายประเทศที่ยังคงแนวคิดเชนนี้ไว ผูชายจํานวนมากถือวาการมีเพศสัมพันธกับ
ชายดวยกันเปนแคสวนหนึ่งของชีวิตทางเพศของตนเทานั้น และไมมีความเกี่ยวของกับอัตลักษณทางเพศหรือ
สังคมของตนแตอยางใด ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบางคนอาจสังเกตเห็นไดอยางชัดเจนในสังคมของเรา เชน
ชายที่ชอบแตงตัวเปนหญิงหรือใชเสื้อผาสิ่งของเครื่องใชของผูหญิง ในขณะที่ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบาง
คนก็ดูกลมกลืนเหมือนผูชายทั่วไปจนไมสามารถรูไดเลยวาผูนั้นเปนชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย ดังนั้นในบาง
สังคมที่ไมเคยพบเห็นผูที่รักเพศเดียวกัน ก็อาจทําใหเกิดความเขาใจวาในสังคมนั้นไมมีผูที่รักเพศเดียวกันอยู
เลย แมวาในความเปนจริงแลว การมีเพศสัมพันธระหวางชายดวยกันมีอยูในเกือบทุกสังคม ดังนั้นการที่สังคม
ปฏิเสธถึงการมีอยูของผูที่รักเพศเดียวกันจึงไมใชภาพสะทอนความเปนจริงในสังคม
4
5. อาจเปนไปไดวาชายที่มีเพศสัมพันธกับชายสวนใหญในเกือบทุกประเทศในทวีปเอเชียเปนชายที่ไมยอมรับ
พฤติกรรมทางเพศของตนที่แตกตางไปจากผูชายทั่วไปในสังคม และมักไมกลายอมรับโดยเปดเผยวาตนเปน
เกยหรือเปนชายรักเพศเดียวกัน และไมกลายอมรับและพยายามปดบังวา ตนก็มีเพศสัมพันธกับชายหรือมี
ความสัมพันธกับชาย ซึ่งชายเหลานี้บางคนก็แตงงานและมีเพศสัมพันธกับผูหญิง บางคนยอมรับวาตนเปนชาย
รักสองเพศ บางคนก็คิดวาตนเองเปนชายรักหญิง หรือรักสองเพศ โดยมีเพศสัมพันธกับชายอื่นเปนบางครั้งเพื่อ
ตอบสนองความสุขทางเพศ เนื่องจากไมสามารถหาคูนอนที่เปนหญิงได ผูชายบางคนมีเพศสัมพันธกับสาว
ประเภทสองโดยไมไดคิดวาตนเองเปนเกยหรือเปนผูรักเพศเดียวกัน เพราะผูนั้นไมถือวาสาวประเภทสองเปน
ผูชายในสังคมของตน แตกลับถือเสมืองวาสาวประเภทสองก็เปนผูหญิงคนหนึ่ง
คนขามเพศ (Transgender) และเพศกํากวม (intersex)
คําศัพทที่ใชเรียกทัวไป
่
คนขามเพศ เปนคําที่มีความหมายกวางที่ใชเรียกผูที่ไมไดมีลักษณะของ “ชายและหญิง” อยางชัดเจน
หรือใชเรียกคนที่ไมยอมรับเพศสภาพที่ถือกําเนิดมาของตนเอง บางครั้งอาจเรียกคนขามเพศวาผูที่มีความ
แปรผันทางเพศสภาพ
ผูมีจิตใจเหมือนเพศตรงขาม (transsexual) หมายถึง ผูที่รูสึกวาอัตลักษณทางเพศของตนไมตรงกับ
รางกายของตนที่ถือกําเนิดมาหรือไมตรงกับเพศสภาพของตนที่ถูกกําหนดโดยสังคม รวมทั้งหมายถึงผูที่
แปลงเพศจากชายเปนหญิง (male-to-female - MTF) หรือจากหญิงเปนชาย (female-to-male - FTM) และ
ยังหมายรวมถึงผูท่ียังไมไดผาตัดแปลงเพศ (“pre-op”) หรือ ผูที่ผาตัดแปลงเพศแลว (“post-op”) อีก
ดวย นอกจากนี้บางคนก็เรียกตัวเองวาผูที่ไมตองการผาตัดแปลงเพศ (”no-op”)
การแตงกายขามเพศ (Cross-dressing) หมายถึง การแตงกายดวยเสื้อผาที่ตามปกติแลวจะสวมใสโดยผูที่
มีเพศสภาพตรงกันขามซึ่งอาจใชเรียกทั้งผูมีจิตใจเหมือนเพศตรงขามและผูที่แตงกายขามเพศ (Cross-
dressers) ผูที่แตงกายขามเพศหรือบางครั้งเรียกอีกอยางหนึ่งวาชายที่ชอบแตงหญิง (transvestites) มักเปน
คําที่ใชเรียกผูที่ชอบแตงกายเหมือนเพศตรงขามแตไมไดมีความรูสึกขัดแยงในใจเกี่ยวกับเพศสรีระและอัต
ลักษณทางเพศของตนแตอยางใด ผูท่ีแตงกายขามเพศสวนใหญเปนผูชายที่รักตางเพศแตแตงกายขาม
เพศเพื่อความสนุกสนาน เพื่อแสดงบทบาทสมมุติ เพื่อคลายเครียด หรือเพื่อความพึงพอใจทางเพศ
โดยทั่วไปแลวมักจะไมคอยเรียกผูหญิงที่ชอบแตงตัวเหมือนผูชายวาเปนผูแตงกายขามเพศ เนื่องจาก
สังคมยอมใหผูหญิงแตงกายไดหลากหลายมากกวาผูชาย (เชนสามารถสวมกางเกงหรือไวผมสั้นได เปน
ตน)
นอกจากนี้ยังมีคําอีกหลายคําที่ใชเรียกบุคคลนั้นๆ ตามความคิดและความรูสึกของคนในสังคมหรือ
ตามการเปลี่ยนแปลงของเพศสภาพ เชน การขามผาน (Passing) หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่คนใน
สั ง คมมองว า เหมื อ นกั บ มี เ พศสภาพที่ ต รงกั น ข า ม ส ว นคํ า ว า การเปลี่ ย นเพศสภาพ (Transitioning)
5
6. หมายถึงกระบวนการในการเปลี่ยนจากเพศสภาพหนึ่งไปเปนเพศสภาพตรงขาม ซึ่งเปนกระบวนการของ
การพัฒนาการที่มีหลายขั้นตอน
ในปจจุบันคนเราอาจไดยินคําวา เพศกํากวม (intersex) มากขึ้น คํานี้มักจะใชในวงการสาธารณสุขที่
ทํางานเกี่ยวกับสถานะทางเพศ (gender orientation) เพศกํากวมเกิดจากความผิดปกติในการพัฒนา
ลักษณะทางกายภาพที่บงบอกเพศจึงทําใหบุคคลนั้นมีลักษณะที่เปนเพศกํากวม (intersex conditions) ซึ่ง
อาจรวมถึงการมีความผิดปกติของอวัยวะเพศภายนอกหรืออวัยวะสืบพันธุภายใน โครโมโซมเพศหรือ
ฮอรโมนทางเพศ ดังตอไปนี้:
• อวัยวะเพศที่ปรากฏภายนอกไมสามารถบอกไดชัดเจนวาเปนชายหรือหญิง
• การพัฒนาของอวัยวะสืบพันธุภายในไมสมบูรณหรือผิดปกติ
• ความไมสอดคลองกันของลักษณะอวัยวะเพศภายนอกกับอวัยวะสืบพันธุภายใน
• ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ
• ลักษณะที่ผิดปกติของอัณฑะหรือรังไข
• รางกายผลิตฮอรโมนเพศมากเกินไปหรือนอยเกินไป หรือ
• รางกายไมสามารถตอบสนองตอฮอรโมนเพศไดตามปกติ
การวินิจฉัยลักษณะที่เปนเพศกํากวมนี้อาจไมถูกตองเสมอไป แมแตผูเชี่ยวชาญเองบางครั้งก็ไมสามารถ
ตกลงกันไดวาอะไรที่เขาขายลักษณะที่เปนเพศกํากวมที่แทจริง และหนวยงานภาครัฐเองก็ไมไดเก็บ
ขอมูลสถิติเกี่ยวกับจํานวนคนที่มีเพศกํากวมอีกดวย ผูเชี่ยวชาญบางคนประมาณการวาเด็ก 1 คนใน
ทุก 1,500 คนที่เกิดมาจะมีอวัยวะเพศซึ่งไมสามารถบอกไดชัดเจนวาเปนเพศชายหรือเพศหญิง
เพศวิถีของผูที่มีเพศกํากวม
เด็กที่มีลักษณะที่เปนเพศกํากวมสวนใหญมักจะเติบโตขึ้นเปนคนรักตางเพศ แตบางคนที่มีลักษณะที่เปน
เพศกํากวมบางอยางมีแนวโนนสูงที่จะเติบโตขึ้นเปนผูใหญท่เปนเกย เลสเบี้ยน หรือเปนคนรักสองเพศ
ี
หมายเหตุ: ในคูมือเลมนี้ขอใชคําศัพทเรียก คนขามเพศ วา “สาวประเภทสอง”
มีผูชายจํานวนมากที่โดยธรรมชาติแลวเปนผูที่ชอบผูหญิง แตมีความจําเปนตองมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยกัน
เนื่องจากไมสามารถหาผูหญิงมาเปนคูและมีเพศสัมพันธดวยได เนื่องดวยเงื่อนไขหลายประการ อาจจะดวย
การอยูในสังคมแบบอนุรักษนิยมซึ่งไมอนุญาตใหหญิงชายอยูรวมกัน หรืออยูในสภาพแวดลอมที่มีแตชายลวน
เปนระยะเวลายาวนาน เชน เรือนจํา คายทหาร ที่พักของแรงงานตางชาติ หรือสถานศึกษาชายลวน การที่ไม
สามารถมีเพศสัมพันธกับผูหญิงไดทําใหผูชายเหลานี้จําเปนตองหาทางออกเพื่อระบายความตองการทางเพศ
ดวยการมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยกัน พฤติกรรมทางเพศนี้ไมไดมีความเกี่ยวของกับการเปนเกยหรือการเปน
ชายรักเพศเดียวกันแตอยางใด ชายบริการในหลายประเทศในทวีปเอเชียสวนใหญรูตัวดีวาเปนชายรักหญิง แต
6
7. จะยอมมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยก็เพราะจําตองหารายไดเลี้ยงครอบครัว คนเหลานี้สวนใหญมีคูครองหรือมี
คนรักเปนผูหญิง แตกมีชายบริการจํานวนมากที่รูวาตัวเองเปนเกยหรือชายรักชาย และมีเพศสัมพันธเฉพาะกับ
็
ผูชายดวยกันเทานั้น ผูชายบางคนชอบมีเพศสัมพันธกับผูชายเทานั้นแตไมไดตองการมีเพศสัมพันธกับผูหญิง
แตกลับถูกบังคับใหแตงงานและมีครอบครัวจึงทําใหตองมีเพศสัมพันธกับผูหญิง บางคนชอบผูชายแตก็มี
เพศสัมพันธกับผูหญิงได หรือในทางกลับกันบางคนชอบผูหญิงแตก็มีเพศสัมพันธกับชายได บางคนตองการมี
เพศสัมพันธเฉพาะกับผูหญิงเทานั้นแตอาจจะมีเพศสัมพันธกับผูชายเพื่อแลกกับเงินหรืออาจจะเปนเพราะไม
สามารถหาผูหญิงมานอนดวยได ในทํานองเดียวกัน สถานการณเชนนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นไดกับสาวประเภทสอง
เชนกัน อันเนื่องมาจากความจําเปนบางประการ
ทําไมผูชายบางคนจึงมีรกเพศเดียวกัน ?
ั
ไมมีขอมูลแนชัดวา เพราะเหตุใดหลายคนจึงเปนผูที่รักตางเพศ และทําไมบางคนจึงรักเพศเดียวกัน บางทฤษฎี
ใหความสําคัญกับความแตกตางดานชีววิทยาระหวางคนที่เปนคนรักตางเพศและคนรักเพศเดียวกัน เชน ระบบ
รางกายและสมอง และทฤษฎีนี้ยังเชื่ออีกวา คนบางคนเกิดมาพรอมกับเพศวิถีที่ถูกกําหนดมาตั้งแตเกิด แตจาก
การทดลองและทดสอบเพื่อหาความแตกตางของชายทั้งสองประเภทนี้ โดยการวัดระดับฮอรโมน ตรวจสอบ
อวัยวะที่บงบอกเพศ และโครงสรางของสมอง ก็ยังไมพบหลักฐานที่สามารถใชแยกประเภทของคนทั้งสองแบบ
นี้ไดอยางชัดเจน
ในทางจิตวิทยามีคําอธิบายที่มุงเนนปจจัยทางดานอิทธิพลจากประสบการณชีวิต รูปแบบของการเลี้ยงดูในวัย
เด็ก ความสัมพันธกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งกับพอแม ความคิดเรื่องเพศวิถีและพฤติกรรมของบุคคลจะ
ไดรับอิทธิพลมาจากสภาพแวดลอมในครอบครัว ประสบการณสวนตัว และความรูสึกนึกคิดเกี่ยวกับตัวเองของ
บุคคลนั้นๆเอง ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเพศมักจะกอตัวขึ้นจากคานิยมของครอบครัว ซึ่งในภายหลังความเชื่อ
เหลานี้จะแปรเปลี่ยนไปตามประสบการณทางเพศซึ่งอาจเปนความรูสึกที่ดีหรือความรูสึกในเชิงลบก็ได และ
ความรูสึกเหลานี้เองที่จะทําใหเขาตัดสินใจที่จะมีพฤติกรรมทางเพศไปในทางใดทางหนึ่งหรือเลือกคูนอนเปน
แบบใดในที่สด แตอยางไรก็ตามในตลอดชวงชีวิตของคนๆหนึ่ง สิ่งที่มีอิทธิพลที่สุดตอพัฒนาการและพฤติกรรม
ุ
ทางเพศก็คือความรูสกนึกคิดเกี่ยวกับตัวเองของบุคคลนั่นเอง
ึ
นอกจากนี้ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งกลาววา การที่คนเราเลือกที่จะเปนเพศใดนั้นขึ้นอยูกับความตั้งใจของแตละคน
และการที่ผูชายบางคนมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยกัน เกิดขึ้นเพราะมีความตองการจะหลีกเลี่ยงบทบาททาง
เพศที่สังคมกําหนด แตละทฤษฎีที่กลาวมานี้ยังมีหลักฐานสนับสนุนไมมากนัก ดังนั้นจึงมีนักวิจัยหลายคนคิด
วารสนิยมทางเพศเปนผลรวมกันที่เกิดมาจากทั้งปจจัยทางธรรมชาติและปจจัยสภาพแวดลอมทางสังคม
ชายขายบริการและสาวประเภทสองที่ขายบริการ
ผูขายบริการทางเพศครอบคลุมถึงกลุมคนที่แตกตางหลากหลาย จึงไมสามารถจะระบุไดอยางชัดเจนวา คน
เหลานี้มีพฤติกรรมและทัศนคติเรื่องการปองกันการติดเชื้อเอชไอวีและการดูแลรักษาตนเองอยางไร เชน บาง
คนอาจจะเปนผูใชยาเสพติดชนิดฉีด บางคนเปนชายหรือหญิงที่แตงงานแลว บางคนเปนลูกจาง (ถูกบังคับ
หลอกลวง ขมขูใหขายบริการ หรือถูกสงไปตางประเทศ) บางคนอาจจะเปนนักเรียนนักศึกษา หรือชนกลุมนอย
ผูขายบริการอาจมีเพศสภาวะไดทุกรูปแบบ (ชาย หญิง หรือคนขามเพศ) บางคนอาจจะทํางานนี้ชั่วคราว แต
บางคนยึดเปนอาชีพประจําของตน การจัดบริการสุขภาพทั้งดานการปองกันและดูแลรักษาจึงตองดูแลให
ครอบคลุม ไมเฉพาะตัวผูใหบริการทางเพศเทานั้น แตรวมถึงคูนอน สามี ภรรยา พอแมดวย
7
8. บทที่ 2
กรอบความคิดเกี่ยวกับชายที่มีเพศสัมพันธกบชายและสาวประเภทสองในสังคมไทย
ั
คําวา “ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย” (MSM) ใชเพื่ออธิบายพฤติกรรมมากกวาการบงบอกถึงอัตลักษณ คําๆนี้มี
ขึ้นเพื่ออธิบายถึงชายทุกคนที่มีเพศสัมพันธกับชายดวยกัน โดยไมคํานึงวาสภาพแวดลอม ความชอบ หรือการ
ระบุเพศของตนจะเปนอยางไร (Foreman, 2003) คําๆ นี้เริ่มเปนที่รูจักในประเทศไทยในชวงป 2523 พรอมๆ
กับการแพรระบาดของเชื้อเอชไอวี การหาคําอื่นที่มีความหมายเทียบเคียงในภาษาไทยมาใชทดแทนคํานี้
คอนขางทําไดยาก จึงมีการใชคํานี้กันอยางแพรหลาย ซึ่งคนไทยสวนใหญอาจจะไมคุนเคยเทาใดนัก ในขณะที่
คํ า ที่ เ ป น ที่ รู จัก คุ น หู ม ากกวา ในสั ง คมไทย คื อ คํ า ว า “กะเทย” แตคํ า ว า กะเทยนั้ น ไม ไ ด มี ค วามหมายที่ จ ะ
ครอบคลุมพฤติกรรมทางเพศทั้งหมดของชายที่มีเพศสัมพันธกับชายได สวนคําอื่นๆ ที่ใชเพื่ออธิบายพฤติกรรม
เพศของชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย เชน เกย แมคํานี้จะเขาใจไดไมยากในการตีความทั่วไป แตก็มีความหมาย
ที่แตกตางออกไปตามสภาพแวดลอมและสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของแตละบุคคล
ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายประเภทตางๆ 1
เรื่องชายรักชายไมใชเรื่องใหมสําหรับประเทศไทย แตพฤติกรรมดังกลาวกลับตองปกปดซอนเรน เพราะเปน
เรื่องละเอียดออนซึ่งเกิดมาจากบรรทัดฐานและคานิยมทางสังคมไทย และเนื่องจากผูที่มีพฤติกรรมเชนนี้มักจะ
ถูกตีตราจากสังคมรอบขาง จึงเปนเหตุใหชายที่มีเพศสัมพันธกับชายมีรูปแบบในการแสดงออกถึงตัวตนหรืออัต
ลักษณทางเพศของตนที่หลากหลายแตกตางกันออกไป
ในต างจังหวั ดหรื อในสังคมชนบทของไทย พฤติกรรมทางเพศระหวางชายดวยกัน ถูกจํากัดอยูเ พียงคําวา
“กะเทย” กับ “ผูชาย” คําวา กะเทย เปนคําไทยเดิมที่มีความหมายถึงผูหญิงหรือผูชายซึ่งอยากเปนอีกเพศหนึ่ง
ในภาษาสมัยใหมคํานี้หมายถึงคนมีความรูสึกเปนเพศตรงขาม พยายามทําตัวใหเปนเพศที่ตนตองการ หรือ
เปนชายที่กระตุงกระติ้ง ซึ่งอาจถูกเรียกดวยคําตางๆ ที่มีความหมายวาเปนกะเทย แตในตางจังหวัดหรือใน
สังคมเขตชนบทมักจะไมรังเกียจคนที่เปนกะเทย อีกทั้งกะเทยยังสามารถมีสวนรวมในกิจกรรมทางสังคมได
โดยเฉพาะอยางยิ่งในระดับครอบครัวและหมูบาน การยอมรับโดยปริยายเชนนี้มักเกิดจากความเชื่อของคนใน
1 1
Excerpts from: HIV and Men Who Have Sex with Men : HIV/AIDS and Human Rights in Southeast Asia. Expert Meeting on
HIV/AIDS, Organized by Asia-Pacific Regional Office of the United Nations of the High Commissioner for Human Rights (OHCHR),
23 – 24 March 2004. Adapted from "HIV and men who have sex with men: Perspectives from selected Asian Countries" Roy Chan,
Ashok Row Kavi, Greg Carl, Shivanada Khan, Dede Oetomo, Michael L. Tan and Tim Brown, AIDS 1998, 12 (Suppl B):S59-S68.
The current article updates the situation focusing on the countries of Southeast Asia, and with an emphasis on human rights in
relation to MSM and HIV/AIDS
8
9. ชนบทวาเปนเรื่องของเวรกรรมจากการประพฤติผิดในกามที่ติดตัวมาตั้งแตอดีตชาติ ดังนั้นการที่กะเทยจะ
แสดงออกถึงความสนใจในเพศเดียวกันจึงถือเปนเรื่องธรรมดา
บทบาทของผูชายที่มีเพศสัมพันธกับชายอาจกําหนดหรือจําแนกไดยากกวา โดยทั่วๆ ไป มักหมายถึงชายที่คิด
วาตนเปนชายแทแตมีเพศสัมพันธกับทั้งหญิงและชาย การที่สังคมยังมีคานิยมวาผูหญิงจะตองรักนวลสงวนตัว
จนกวาจะแตงงาน ทําใหผูชายไทยตองหาทางออกในการระบายความตองการทางเพศกับหญิงบริการ และอีก
ทางเลือกหนึ่งก็คอกะเทยนั่นเอง โดยเฉพาะอยางยิ่งความเปนชายหรือเพศวิถีของผูชายจะถือวาปรกติเมื่อตนมี
ื
บทบาทเปนฝายรุกกับกะเทย ทางออกอีกทางหนึ่งคือวิธีที่เรียกวาเพื่อนชวยเพื่อน หมายถึง การที่ผูชายสองคน
มีความเขาใจและใกลชิดสนิทสนมกันในภาวะแวดลอมที่มีแตเพศเดียวกัน จึงอาศัยรางกายของกันและกันใน
การสนองความตองการทางเพศ เพราะตองรักษาความบริสุทธิ์หรือพรหมจรรยผูหญิง การกระทําเชนนี้ไมนับวา
เปนการรักเพศเดียวกัน เพราะเปนเพียงเรื่องของทางกายที่ไมมีความรูสึกทางอารมณหรือจิตใจมาเกี่ยวของ2
แตเมื่อใดที่มีอารมณความรูสึกเขามาเกี่ยวของ ก็จะทําใหเขาใจไดยากวาทําไมผูชายคนหนึ่งจึงเกิดความรูสึก
รักใครชอบพอผูชายเหมือนกันไดทั้งๆ ที่ก็เปนผูชายเหมือนกันและไมมีลักษณะของความเปนกะเทยแตอยางใด
ดังนั้นความสัมพันธระหวางคนเพศเดียวกันจึงอาจเกิดขึ้นและดําเนินตอไปไดตราบเทาที่ไมเปดเผยใหผูอื่น
ไดรับรู
ในสังคมกึ่งชนบทหรือสังคมเมืองในตางจังหวัด แมจะยังมีแนวคิดและความรูสึกของการแบงแยกความเปนชาย
และการเปนกะเทยตามที่ไดอธิบายไวขางตน แตคําวา “เกย” ก็เริ่มเปนที่รูจักและเขาใจมากขึ้น แมในชนบทที่
หางไกลออกไปคําวาเกยจะมีความหมายเหมือนกะเทย แตในสังคมเมือง คําวาเกย จะหมายถึงผูชายที่มี
ลัก ษณะเหมื อนผูช ายทั่ วไป เพี ย งแต ช อบผู ช ายด ว ยกัน แม ว า คํ า ว า เกย จ ะสามารถครอบคลุ ม ถึ ง อารมณ
ความรูสึกของการชอบเพศเดียวกันของชายได แตคําวา เกยคิง หรือ เกยควีน ก็ชวยใหเขาใจถึงบทบาทใน
ความสัมพันธและบทบาททางเพศไดดยิ่งขึ้นี
ในสังคมเมืองคําวา เกย ถือเปนคําเรียกธรรมดาเหมือนกับคําวา ผูชาย และ กะเทย แตคําที่แสดงถึงบทบาท
ทางเพศกลับไมแนนอนหรือตายตัวเสมอไป ในรายงานเรื่อง พลวัตและบริบทของเพศสัมพันธระหวางชายกับ
ชายในประเทศอินโดนีเชียและประเทศไทย3 ระบุวา “บทบาทในกิจกรรมทางเพศและเพศสภาวะของแตละคน
อาจจะไมมีความสัมพันธกันแตอยางใด” ดังนั้นจึงไมแนนอนเสมอไปวา ผูที่มีลักษณะภายนอกเหมือนชาย
ทั่ ว ไปจะมี เ พศสั ม พั น ธ เ ป น ฝ า ยรุ ก และผู ที่ มี ลั ก ษณะกระตุ ง กระติ้ ง เหมื อ นผู ห ญิ ง จะเป น ฝ า ยรั บ เท า นั้ น
เชนเดียวกับคําวา “ไบ” บางครั้งอาจหมายถึงชายที่มีเพศสัมพันธกับชายหรือหญิงก็ได หรือบางครั้งก็อาจ
หมายถึงคนที่เปนไดทั้งรุกและรับในการมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยกัน (หรือบางคนเรียกวา “โบธ”)
2
Lyttleton C: Framing Thai sexuality. TAJA 1995, 6:135-139.
3
The Dynamics and Contexts of Male-to-Male Sex in Indonesia and Thailand, Australian Research Centre in Sex, Health and
Society and La Trobe University, 2006.
9
10. ดวยเหตุที่ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายมีความหลากหลายไปตามลักษณะทางสังคม อีกทั้งนิยามที่ไมชัดเจน
ตายตัว ความเขาใจของผูใหบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ทําใหผมารับบริการมีความเสี่ยงจึงเปนเรื่อง
ู
ที่สําคัญยิ่ง เพราะจะชวยปองกันมิใหทําการประเมินหรือตัดสินผูมารับบริการจากบุคลิกภายนอกเทานั้น
คําศัพทที่ใชเรียกและผลกระทบ
แมการมีเพศสัมพันธกับเพศเดียวกันในระหวางผูใหญที่สมัครใจเปนเรื่องไมผิดกฎหมายในประเทศไทย แตการ
มีเพศสัมพันธระหวางชายกับชายยังคงถูกจํากัดดวยกรอบทางสังคมและวัฒนธรรม ดังนั้นการที่สังคมตีตราตอ
ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายจึงเปนปจจัยที่ชวยเพิ่มความเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีและสงผลกระทบตอสุขภาพ
ของผูนั้น เพราะอาจทําใหชายเหลานี้หลีกเลี่ยงหรือไมกลาที่จะไปรับบริการทางสังคมและสาธารณสุข ทายที่สุด
ก็จะไมสามารถเขาถึงคนกลุมนี้ได ซึ่งเปนกลุมที่ตองการขอมูล ความเขาใจ และการปรึกษามากที่สุด4
การตีตราทางสังคมสามารถเห็นไดจากถอยคําหรือความหมายที่ใชเรียกชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย คําบางคํา
อาจเปนที่ยอมรับได แตในขณะที่บางคําแสดงถึงการตีตราและการดูถูกชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย เชน คําวา
“ตุด” (ซึ่งไดรับอิทธิพลมาจากภาพยนตรเรื่อง ตุดซี่ ใชเรียกชายที่กระตุงกระติ้ง กะเทย หรือคนขามเพศ) คําวา
บอย (ปรับมาจากคําภาษาอังกฤษที่ใชเรียกชายที่มีเพศสัมพันธกับชายทั่วๆ ไป แตมีความหมายบงบอกถึง
สถานภาพในความสั ม พั น ธ ) เลดี้ บ อย (เป น คํ า ภาษาอั ง กฤษที่ ใ ช เ รี ย กคนข า มเพศ) มั น นี่ บ อย (เป น คํ า
ภาษาอังกฤษที่ใชเรียกชายขายบริการ) โดยทั่วไปคําที่กลาวมาขางตนบางคนก็อาจจะใชคําศัพทเหลานี้ในการ
ใชเรียกตัวเองเวลาพูดคุยกับคนที่มีความสัมพันธใกลชิด แตคําเหลานี้ผูอื่นไมควรใชในการสื่อสารกับคนที่อยู
ภายนอกความสัมพันธหรือเครือขายทางสังคมหรือเครือขายเพื่อนของตน เชน ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบาง
คน อาจจะเรี ยกกัน และกัน ว า “กะเทย” แต ถาเปน คนอื่ นที่ ไม มี ความสนิท คุน เคยแตอยางใดมาเรียกแบบ
เดียวกันนี้ก็จะทําใหรูสึกโกรธหรือขุนเคืองใจเปนอยางมาก
ดังนั้นผูใหบริการทางสาธารณสุขจึงไมควรใชคําที่กลาวมาขางตนเรียกผูอื่นที่ไมสนิท (แมผูนั้นจะใชคําศัพท
เดียวกันเรียกตัวเองก็ตามเวลาพูดคุยในกลุมเพื่อนที่สนิท) แตควรเรียกตามที่ผูมารับบริการตองการใหเรียก
เพราะการระบุเพศของคนๆ หนึ่งอาจไมใชภาพสะทอนพฤติกรรมทางเพศของคนๆ นั้น นอกจากนี้นผูใหบริการ
บางคนอาจจะเคยพบวา มีผูมารับบริการชาวตางชาติที่เปนคนรักเพศเดียวกันที่มาขอรับการตรวจเอชไอวี
เพราะไมสะดวกใจที่จะไปรับบริการการตรวจเอชไอวีในประเทศตนเองเนื่องจากการเปนผูที่รักเพศเดียวกันใน
ประเทศของเขานั้ นถื อเปน เรื่องผิดกฎหมาย ผู มาขอรับบริการกลุ มนี้ จึง อาจรู สึก อึดอัดและลําบากใจที่จะ
เป ดเผยรสนิ ย มทางเพศของตนให ผู อื่ น ไดท ราบ (โดยเฉพาะผูใ ห บ ริก ารสาธารณสุ ข) ดั ง นั้ น ผู ใ หบ ริก าร
สาธารณสุขจึงควรมุงเนนทําความเขาใจถึงพฤติกรรมทางเพศของผูมารับบริการมากกวาที่จะใหความสนใจใน
รสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณทางเพศของผูนั้น
4
McCamish M, Storer G, Carl G, Kengkanrua K: Why should more attention be given to male-male sex encounters in Thailand. IV
International Congress on AIDS in Asia and the Pacific. Manila, October 1997 [abstract C(P)082].
10
11. การเปดเผยอัตลักษณทางเพศและรสนิยมทางเพศ
แมวาในประเทศไทยจะไมมีการรังเกียจหรือดูถูกการรักเพศเดียวกันอยางชัดเจนมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับ
ประเทศอื่นๆแลว แตไมไดหมายความวาการรักเพศเดียวกันจะเปนที่ยอมรับโดยทั่วไปในสังคม และแมจะเห็น
วาในสังคมจะไมไดมีมาตรการในการปองกันหรือลงโทษผูที่รักเพศเดียวกัน แตการที่สังคมรับไดเชนนี้ก็ไมได
แปลวาเปนการยอมรับโดยสิ้งเชิง ทั้งนี้จะเห็นไดจากการชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบางคนแสดงความวิตก
กังวลกลัววาการเปดเผยพฤติกรรมทางเพศของตนอาจสงผลกระทบตอหนาที่การงาน หรืออาจถึงขั้นถูกไลออก
จากงาน บางคนแสดงความรูสึกอึดอัดใจที่ตองมีชีวิตสองรูปแบบ แบบหนึ่งคือการแสดงใหครอบครัวและเพื่อน
รวมงานยอมรับ อีกแบบหนึ่งคือการไดเปนตัวของตัวเองกับคนที่เปนชายที่มีเพศสัมพันธกับชายดวยกัน แมวา
การแสดงความรังเกียจและดูถูกในสังคมอาจไมชัดเจนนัก แตชายที่มีเพศสัมพันธกับชายสวนใหญก็ยังคงไม
กลาเปดเผยตัวตนที่แทจริงของตัวเอง ดังนั้นการเปดเผยจึงมักจํากัดอยูแตเฉพาะกลุมคนสนิท เชนเพื่อนสนิทที่
คบกันมาเปนเวลานาน เพื่อนเกาสมัยที่เปนนักเรียน เพื่อนรวมงานที่สนิทกันมาก หรือคูของตนเทานั้น
การใหบริการตางๆที่มีในประเทศไทย มักมีเปาหมายเฉพาะสําหรับประชากรกลุมใดกลุมหนึ่งอยางชัดเจน เชน
การบริการสําหรับชายแท เกย สาวประเภทสอง ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย หรือชายขายบริการ ซึ่งยังคงเปน
การแบงบนพื้นฐานของเรื่องเพศมากกวาที่จะมุงประเด็นการใหบริการไปที่เรื่องของพฤติกรรม จึงทําใหคนกลุม
นี้ยิ่งเผชิญกับความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้นเพราะความกลัวที่จะถูกเปดเผยความลับในเรื่องเพศ ทําใหคน
เหลานั้นไมกลาที่จะยอมรับพฤติกรรมทางเพศของตน และยังไมกลาเขาไปรับขอมูลขาวสารและบริการตรวจ
รักษาโรคติดตอทางเพศสัมพันธ และการตรวจเอชไอวี ไปจนถึงําการบริการดานสุขภาพที่เหมาะสมอื่นๆดวย
เครือขายทางเพศของชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย
เครือขายทางเพศของชายที่มีเพศสัมพันธกับชายมักเกิดจากปฏิสัมพันธระหวางคนที่มีอัตลักษณทางเพศหลาย
แบบ ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายอาจมีเพศสัมพันธกับคนในกลุมเดียวกัน หรือกับชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย
กลุมอื่นๆ และกับชายหรือหญิงที่เปนคนรักตางเพศดวย ในรายงานเรื่อง “พลวัตและบริบทของเพศสัมพันธ
ระหวางชายกับชายในประเทศไทยและอินโดนีเชีย5“ ระบุวาเครือขายการมีเพศสัมพันธมักเริ่มมาจากเครือขาย
ทางสังคม นอกจากนี้ยังพบวา เครือขายทางสังคมของชายที่มีเพศสัมพันธกับชายในประเทศไทย มักเกิดจาก
กลุมคนที่มีลักษณะทางเพศคลายๆ กัน มีระดับการเปดเผยอัตลักษณทางเพศที่ใกลเคียงกัน รวมถึงสถานภาพ
ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ใกลเคียงกัน โดยทั่วๆไปการมีกิจกรรมทางเพศมักจํากัดอยูในเครือขายทางสังคม
เดียวกัน แตการมีปฏิสัมพันธขามเครือขายก็อาจนําไปสูกิจกรรมทางเพศไดเชนกัน
5
The Dynamics and Contexts of Male-to-Male Sex in Indonesia and Thailand, Australian Research Centre in Sex, Health and
Society and La Trobe University, 2006.
11
12. บทที่ 3
ความเสี่ยงและความเปราะบาง/โอกาสตอการติดเชื้อเอชไอวีของ
ชายที่มีเพศสัมพันธกบชายและสาวประเภทสอง
ั
ความเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวี
อัตลักษณทางเพศและพฤติกรรมทางเพศของชายที่มีเพศสัมพันธกับชายนั้นมีความแตกตางที่สําคัญอยูหลาย
ประการ และดวยความแตกตางนี้เองจึงไมควรสรุปวา ผูชายทุกคนที่มีเพศสัมพันธกับชายดวยกันจะตองมี
ความเปราะบางหรือโอกาสตอการติดเชื้อเอชไอวีเหมือนกัน ชายที่มีเพศสัมพันธกับคูประจําซึ่งมีความสัมพันธ
ดวยเปนเวลานานอาจเปนคนรักเดียวใจเดียวก็ได (หรืออาจจะไมก็ได) สวนชายที่มีเพศสัมพันธอยางปลอดภัย
เสมอยอมมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีที่นอยกวาชายที่มีคูนอนหลายคนหรือมีเพศสัมพันธโดยไมปองกัน
ดังนั้นการมีเพศสัมพันธทางทวารหนักโดยไมไดใชถุงยางอนามัย เปนสาเหตุหลักของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุม
ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายดวยกัน ชายเหลานี้บางคนมีคูนอนเปนหญิง ซึ่งการที่ผูชายมีเพศสัมพันธทางทวาร
หนักกับผูชายดวยกันโดยไมไดใชถุงยาง จึงอาจจะทําใหหญิงคูนอนหรือลูกของตนมีโอกาสเสี่ยงตอการติดเชื้อ
เอชไอวีดวยเชนกัน และในทํานองเดียวกัน การมีเพศสัมพันธทางชองคลอดหรือทางทวารหนักระหวางชายและ
หญิงโดยไมไดใชถุงยางอนามัย ก็เปนสาเหตุที่ทําใหคูนอนของคนๆ นั้นมีโอกาสเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีดวย
เชนกัน
ความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีจากการมีเพศสัมพันธทางทวารหนักระหวางชายที่มีเพศสัมพันธกับชายหรือ
ชายกับหญิง จะมีความเสี่ยงที่สูงมากหากไมไดใชถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ เนื่องจากผิวเยื่อบุ
ภายในบริเวณทวารหนักมีความบอบบางและฉีกขาดไดงาย แมแตรอยถลอกเล็กนอยที่เกิดขึ้นในชองทวารหนัก
ก็ ส ามารถเป น ช อ งทางให เ ชื้ อ เอชไอวี เ ข า สู ร า งกายได แต ถึ ง แม จ ะไม มี ร อยถลอกก็ ยั ง เชื่ อ กั น ว า เซลล ใ น
ชองทวารหนักมีภูมิคุมกันเชื้อเอชไอวีต่ํากวาเซลลบริเวณอื่นของรางกาย คนที่เปนฝายรับในการมีเพศสัมพันธ
ทางทวารหนักโดยไมไดใชถุงยางปองกัน จะมีความเสี่ยงสูงกวาผูหญิงที่มีเพศสัมพันธทางชองคลอดกับชายที่
ติดเชื้อเอชไอวีโดยไมไดใชถุงยางปองกันหลายเทา ผูชายบางคนชอบที่จะมีกิจกรรมทางเพศดวยการเอากําปน
สอดเขาไปในทวารหนักของคูนอนกอนที่จะสอดใสอวัยวะเพศของตน วิธีการเชนนี้จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทํา
ใหผิวหนังบริเวณทวารหนักฉีกขาดมากขึ้น การมีเพศสัมพันธทางทวารหนักที่ไมไดปองกันทําใหคูนอนที่เปน
ฝายรุกมีความเสี่ยงตอการติดเชื้อไดเชนกันหากคนที่เปนฝายรับนั้นมีเชื้อเอชไอวีแลว ยิ่งไปกวานี้ การเปน
โรคติดตอทางเพศสัมพันธที่ยังรักษาไมหาย เชน ซิฟลิส หนองในแท หรือหนองในเทียมก็ตาม ยิ่งเพิ่มโอกาส
เสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีมากยิ่งขึ้นหากคูนอนของตนมีเชื้อเอชไอวี
การมีเพศสัมพันธทางปาก (ปากกับอวัยวะเพศชาย) เปนอีกกิจกรรมทางเพศที่เกิดขึ้นบอยครั้ง แมวาโอกาส
เสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีจะคอนขางต่ํา แตอาจจะไดรับเชื้อโรคติดตอทางเพศสัมพันธอื่นๆก็ได แตวิธีการ
ปองกันที่ดีที่สุดคือ การใชถุงยางอนามัย หลายคนไมใชถุงยางอนามัยเพราะกลิ่นและรสของถุงยางอนามัย
นั้นเองทําใหลดความสุขทางเพศลง การหลั่งน้ําอสุจิในปากของคูนอนเปนอีกวิธีหนึ่งที่ทําใหเกิดความเสี่ยงตอ
การติดเชื้อเอชไอวีได การถอนอวัยวะเพศออกจากปากคูนอนกอนที่จะหลั่งน้ําอสุจิจะชวยลดความเสี่ยงตอการ
ติดเชื้อเอชไอวีได อยางไรก็ตามหากมีการติดเชื้อโรคติดตอทางเพศสัมพันธ มีบาดแผล หรือมีรอยถลอกในปาก
จะยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีมากยิ่งขึ้น
กิจกรรมทางเพศที่มักเกิดขึ้นบอยครั้งในรูปแบบอื่นๆ เชน การถูไถอวัยวะเพศชายกับรองอกหรือขาหนีบ หรือ
การสําเร็จความใครใหแกกัน มีความเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวีนอยมาก แตอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ
โรคติดตอทางเพศสัมพันธได กิจกรรมทางเพศที่หลากหลายเหลานี้ขึ้นอยูกับแตละกลุมคนหรือสังคมในแตละ
ประเทศ รวมทั้งวิธีการมีเพศสัมพันธที่ปลอดภัยที่ไดรับการยอมรับในแตละสังคม
12
13. ความเปราะบางหรือโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี
การที่ไมมีกิจกรรมดานการปองกันหรือบริการที่เปนมิตรตอชายที่มีเพศสัมพันธชายหรือสาวประเภทสอง ทําให
คนกลุมนี้มีความเปราะบางหรือโอกาสเสี่ยงตอการติดเชื้อเอชไอวี มีหลายประเทศในทวีปเอเชียที่ยังไมเต็มใจ
พรอมจะยอมรับวาประเทศของตนมีประชากรที่เปนชายที่มีเพศสัมพันธชายหรือสาวประเภทสองอยูดวย ซึ่ง
เปนเหตุใหประเทศเหลานั้นปฏิเสธวา ไมมีการตีตราดูถูกตอผูที่รักเพศเดียวกันในประเทศของตน (เนื่องจากไม
ยอมรับรูวามีคนกลุมนี้อยู) ทั้งๆ ที่ในความเปนจริงนั้นทั้งการตีตราดูถูกคนรักเพศเดียวกันและกิจกรรมทางเพศ
ระหวางชายนั้นเกิดขึ้นไดในหลายระดับของสังคม และมักจะถูกตําหนิและดูถูกจากสังคมดวยเชนกัน
การใชถุงยางอนามัย
การตีตราและการดูถูกตอคนรักเพศเดียวกัน เปนสาเหตุที่ทําใหชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบางคนไมกลา
เปดเผยตัว และทําใหสังคมไมไดรับรูวามีคนกลุมนี้อยูในสังคมเดียวกัน ผลกระทบสืบเนื่องจากเรื่องนี้ทําให
การจัดกิจกรรมดานการปองกันและบริการทางดานสุขภาพที่จําเปนตอประชากรกลุมนี้จึงไมมีประสิทธิภาพ
เทาที่ควร การรังเกียจกีดกันยังสงผลใหไมสามารถจัดบริการแจกจายถุงยางและสารหลอลื่นในสถานที่ที่คน
เหลานี้มักจะมีกิจกรรมทางเพศกัน การใชถุงยางอยางสม่ําเสมอเกิดขึ้นนอยมากในคนกลุมนี้ ดวยความเชื่อ
ที่วา พวกเขามีความเสี่ยงนอย และดวยเหตุที่ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายบางคนมีเพศสัมพันธกับคูนอนหญิง
ชายที่มีเพศสัมพันธกับชายจึงอาจเปนปจจัยหนึ่งที่เชื่อมโยงสถานการณการระบาดของเอชไอวีไปสูประชากร
สวนใหญในภาพรวม
การรับรูเรื่องความเสี่ยง
สื่อประชาสัมพันธหรือขอมูลขาวสารที่มีขึ้นเพื่อกลุมชายที่มีเพศสัมพันธกับชายหรือสาวประเภทสองโดยเฉพาะ
นั้นมีอยูนอยมาก โครงการดานการปองกันเอชไอวีในทวีปเอเชียสวนใหญจะมุงเนนการเฉพาะในกลุมรักตาง
เพศ และกลุมที่ใชสารเสพติดชนิดฉีดเทานั้น จึงทําใหกลุมชายที่มีเพศสัมพันธกับชายสรุปเอาเองวา พฤติกรรม
ทางเพศที่พวกเขาปฏิบัติกันนั้นไมไดคงจะมีความเสี่ยงนอย (เกิดจากการสันนิษฐานเอาเองเนื่องจากมีโครงการ
ปองกันเอชไอวีเฉพาะกลุมคอนขางนอยมาก) ซึ่งอาจคิดวาการมีเพศสัมพันธกับผูหญิงเปนเรื่องที่มีความเสี่ยง
มากกวาและการมีเพศสัมพันธแบบชายที่มีเพศสัมพันธกับชายเปนเรื่องที่ปลอดภัยกวา (โดยเฉพาะในบาง
ประเทศ เชน เวียดนาม)
จํานวนและประเภทของคูนอน
การตีตราและการดูถูกทางสังคมอาจเปนปจจัยหนึ่งที่ทําใหชายที่มีเพศสัมพันธกับชายหรือสาวประเภทสองนั้น
ไมสามารถจะมีความสัมพันธกันไดอยางยืนยาว เนื่องจากไดรับผลกระทบในหลายๆดาน แตอยางไรก็ตามชาย
ที่มีเพสสัมพันธกับชายก็ตองการความสัมพันธและความรักในชีวิตของตน จึงสงผลใหในบางครั้ง หลายคนมี
จํานวนคูนอนจํานวนมาก และบางคนมีเพศสัมพันธแบบเปนครั้งคราว (ไมผูกพันหรือผูกมัด)อยูบอยครั้งมาก
ซึ่งมักจะสงผลตอโอกาสในการตอรองที่จะมีเพศสัมพันธอยางปลอดภัย โดยอาจขึ้นอยูกับอัตลักษณทางเพศ
และสถานภาพทางเศรษฐกิจ
การถูกบังคับขืนใจใหมีเพศสัมพันธ
ในกลุ ม ชายที่ มี เพศสั ม พั น ธ กั บ ชายก็ ยัง มี รูป แบบการมีเ พศสั ม พั น ธ ที่อาจไม ได เ กิ ดจากความสมั ค รใจ ซึ่ ง
เหตุการณเชนนี้มักจะเกิดในกลุมชายอายุนอย ซึ่งคนที่เปนเหยื่อของความรุนแรงทางเพศมักไมกลาที่จะ
เปดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นดวยกลัวคนอื่นจะรูวาตนมีเพศสัมพันธกับผูชายดวยกัน
การติดเชื้อโรคติดตอทางเพศสัมพันธที่ยังไมไดรักษาใหหายขาด
การมีเพศสัมพันธที่ไมไดปองกัน อาจทําใหชายที่มเพศสัมพันธกับมีโอกาสไดรับเชื้อโรคติดตอทางเพศสัมพันธที่
ี
สามารถติดตอไดทั้งทางปาก ทางอวัยวะเพศชาย และทางทวารหนัก ซึ่งมีสวนชวยเพิ่มความเสี่ยงตอการติด
เชื้อเอชไอวีใหมากขึ้น และเนื่องจากกลัววาคนอื่นจะรูถึงพฤติกรรมทางเพศของตน ชายที่มีเพศสัมพันธกับชาย
จึงไมกลาเปดเผยถึงอาการของโรคดังกลาว สุดทายจึงไมมีโอกาสไดตรวจพบและรับการรักษาที่เหมาะสม
13