โครงงานคู่

1. ภาวะโลกร้อน

2. คลิกเชื่อมให้ด้วยนะ
สาเหตุของภาวะโลกร้อน ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน พิธีสารเกียวโต
แนวโน้มในอนาคต การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน
VDO
ผู้จัดทา
ที่มาและความสาคัญ
วัตถุประสงค์

3. ที่มาและความสาคัญ
เนื่องจากปัจจุบันภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ของโลก ซึ่งส่งผลกระทบมากมาย
ต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม จึงได้รวบรวมค้นคว้าศึกษาที่มาวิธีการลดภาวะโลกร้อนจาก
แหล่งข้อมูลต่างๆ ผู้จัดทาจึงจัดทาสื่อการเรียนรู้เป็นบล็อคเกอร์เพื่อให้สามารถรับรู้ข่าวสารจากสื่อ
ต่างๆได้อย่างรวดเร็วโดยมีการออกแบบที่มีความสะดวกและสวยงาม เพื่อให้รับ

4. วัตถุประสงค์
1.เพื่อเปศึกษาสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศปัจจุบัน
2.เพื่อรับมือกับการลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การเกิดโรค พาหะ และการเสียสมดุลธรรมชาติ
3.หาวิธีแก้ปัญหาและรณรงค์ให้รักษาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและอนาคต

5. สาเหตุของปัญหาโลกร้อน
ภาวะโลกร้อนเกิดจากสาเหตุหลักคือ “ปรากฏการณ์ก๊าซเรือนกระจก” Greenhouse
Effect ที่ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศมีความสามารถในการกักเก็บรังสีความร้อนได้มากขึ้น ก๊าซเรือน
กระจก เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน หรือรังสีอินฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่านี้มี
ความจาเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่ หากโลกไม่มีก๊าซเรือนกระจกในชั้น
บรรยากาศ เช่นดาวเคราะห์ดวง จะทาให้อุณหภูมิในตอนกลางวันร้อนจัด และในตอนกลางคืนหนาว
จัด เนื่องจากก๊าซเหล่านี้ดูดคลื่นรังสีความร้อนไว้ในเวลากลางวัน แล้วค่อยๆ แผ่รังสีความร้อน
ออกมาในเวลากลางคืน ทาให้อุณหภูมิในบรรยากาศโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

6. แหล่งกาเนิดของก๊าซเรือนกระจก
a) การย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์
b) จากโรงงานอุตสาหกรรม
c) เครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น ใช้เป็นสารหล่อเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ
d) ของใช้ประจาวัน เช่น ใช้เป็นสารขับดันในเครื่องกระป๋องที่เป็นสเปรย์
e) จากกทานาข้าวหรือพืชที่ขังน้าและปศุสัตว์
f) การเผาไหม้ของซากพืชหรือสัตว์
g) การใช้งานโดยมีการเผาไหม้ของถ่านหิน/น้ามัน/ก๊าซธรรมชาติ
h) การเผาไหม้ในหลายรูปแบบ เช่น การใช้น้ามันเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม ในรถยนต์
i) การเผาป่า เพื่อใช้พื้นที่อยู่อาศัย หรือทาการเกษตร หรือเผาหญ้าเผาฟางหลังการเก็บเกี่ยว
j) การทาปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ การทาฟาร์ม

8. คลิกเชื่อมให้ด้วยมีแค่บางอันตัวที่เป็นสี
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกควบคุมโดยพิธีสารเกียวโต มีเพียง 6 ชนิด โดยจะต้อง
เป็นก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมของ ได้แก่
ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC)
ก๊าซเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFC)
ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)
ก๊าซเรือนกระจกที่ถูกควบคุมโดยพิธีสารมอนทรีออล
ซึ่งใช้เป็นสารทาความเย็นและใช้ในการผลิตโฟม
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N20)มีเทน (CH4)
สารซีเอฟซี (CFC)

9. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีปริมาณเพิ่มขึ้น จากการเผาไหม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเผา
ไหม้เชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรม การเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่สาหรับอยู่อาศัยและการทาปศุสัตว์ เป็นต้น โดย
การเผาป่าเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้โดยเร็วที่สุด เนื่องจากต้นไม้มี
คุณสมบัติในการตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ก่อนที่จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นเมื่อพื้นที่ป่าลด
น้อยลง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงลอยขึ้นไปสะสมอยู่ในบรรยากาศได้มากขึ้น

10. ก๊าซมีเทน (CH4)
เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของซากสิ่งมีชีวิต ก๊าซมีเทนมีคุณสมบัติดูดกลืนรังสีอินฟราเรดได้
ดีกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ก๊าซมีเทนมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการทานาข้าว ปศุสัตว์ และการเผาไหม้มวลชีวภาพ การเผา
ไหม้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหิน น้ามัน และก๊าซธรรมชาติ

11. ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O)
เกิดจากการย่อยสลายซากสิ่งมีชิวิตโดยแบคทีเรีย แต่ที่มีเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน เนื่องมาจาก
อุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริกในกระบวนการผลิต เช่น อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยไนลอน อุตสาหกรรมเคมี
และพลาสติกบางชนิด เป็นต้น

12. สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) หรือ "ฟรีออน" (Freon)
มีแหล่งกาเนิดมาจากโรงงานอุตสาหกรรม และอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น ตู้เย็น
เครื่องปรับอากาศ และสเปรย์ เป็นต้น สาร CFC มีองค์ประกอบเป็นคลอรีน ฟลูออไรด์ และโบรมีน
ซึ่งมีความสามารถในการทาลายโอโซน

13. - ทางธรรมชาติ
- ทางทะเล
ผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศวิทยา
ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ
ผลกระทบในด้านของสุขภาพ

14. ผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศวิทยาทางธรรมชาติ
น้าแปรสภาพเป็นกรด
มหาสมุทรเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศที่ใหญ่ที่สุด โดยที่น้าจะทาการดูด
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วแปรสภาพเป็นกรดก่อนที่จะแปรสภาพกลับมาเป็นน้าธรรมดาอีกครั้งด้วยก๊าซ
ออกซิเจนจากแนวปะการัง และหากแนวปะการัง ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของเหล่าสัตว์น้าถูกทาลาย ก็จะส่งผล
ให้มีออกซิเจนที่คอยกาจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้าน้อยลงจนทาให้ น้าทะเลกลายเป็นกรดในที่สุด
ภัยแล้ง
แม้จะมีหลายพื้นที่ที่ถูกน้าท่วมอย่างหนัก แต่ก็มีอีกหลายพื้นที่ทั่วโลกที่ต้องพบกับสภาพอากาศที่แห้ง
แล้ง จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น และก่อให้เกิดไฟป่าที่รุนแรงและเกิดควันที่เกิดจากไฟป่าคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่
ทาลายชั้นบรรยากาศ

15. สภาพภูมิอากาศที่ไม่สม่าเสมอ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากภาวะโลกร้อน เชื้อโรคเจริญเติบโตเร็วขึ้น
ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง และด้วยอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทาให้ธารน้าแข็งที่ขั้วโลกเหนือมี
ขนาดเล็กลงถึง 50% ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เมื่อธารน้าแข็งละลาย ก็จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ
เช่น น้าท่วมฉับพลัน และน้าในทะเลสาบล้นท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ก่อนที่จะเกิดภัยแล้ง
อย่างรุนแรงตามมา ภาวะโลกร้อนจะส่งผลให้ภูมิอากาศของโลกแปรปรวน การละลายอย่าง
ต่อเนื่องของน้าแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ทาให้น้าในแม่น้าคงคาซึ่งเป็นแหล่งน้าสาคัญของคนกว่า
500 ล้านคน ทาให้แหล่งน้าสาคัญของคนจานวนมากไม่สะอาด และส่งผลเสียต่อคนเหล่านั้นใน
ที่สุด

16. ผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศวิทยาทางทะเล
การสูญพันธุ์ของพืชใต้น้า เพราะระดับน้าทะเลที่สูงขึ้น
ทาให้แสงส่องลงไปไม่ถึงด้านล่าง พืชใต้น้าจึงไม่สามารถ
สังเคราะห์แสงได้ ดังนั้นสัตว์น้าทะเลบางชนิดอาจสูญพันธุ์ได้
เนื่องจากขาดแคลนแหลางอาหาร
พื้นที่ป่าชายเลน เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้าพบว่าจะมี
จานวนพรรณไม้ลดลง เนื่องจากระดับน้าทะเลที่สูงขึ้น จะทา
ให้พืชตาย

17. เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว เพราะอุณหภูมิของน้าทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น
ทาให้ปะการังสูญเสียซูแซนเทลลี ซึ่งเป็นสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นในของปะการังและ
เป็นตัวที่ช่วยสร้างสีสันให้กับปะการังตาย เหลือแค่เพียงสีขาวของหินปูนแทน ผลที่ตามมาก็คือ
สิ่งมีชีวิตในแนวปะการังก็จะลดลง

18. เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ น้าทะเลฝั่งอันดามันเย็นลงในช่วงเดือน
ธันวาคม-เมษายน และในฝั่งอ่าวไทยน้าทะเลจะอุ่นขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม-
กันยายน น้าทะเลฝั่งอันดามันเย็นลงซึ่งนอกจากจะเย็นลงแล้วพบว่ายังมีตะกอน
ขุ่นด้วย และตะกอนดังกล่าวนี้ก็มีธาตุอาหารจานวนมากพอที่จะทาให้พวกแพลงก์
ตอนเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเป็นแพลงก์ตอนที่มีพิษก็จะทาให้
นักท่องเที่ยวที่มาดาน้ารู้สึกคัน ๆ ที่บริเวณผิวหนังได้

19. น้าทะเลกัดเซาะชายหาด
น้าทะเลจะกัดเซาะตลิ่งและชายหาดเป็นบริเวณกว้าง ทาให้หาดทรายที่สวยงามถูกน้า
ทะเลกัดเซาะ จนสร้างความเสียหายแก่แหล่งท่องเที่ยวของประเทศต่างๆทั่วโลก และส่งผลต่อ
เศรษฐกิจจานวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเรื่อยๆ
เกิดการบลูมของแพลงก์ตอนพืช
เกิดขึ้นได้เมื่อแหล่งน้ามีธาตุอาหารที่สมบูรณ์และเวลานั้นมีอุณหภูมิของน้าสูงขึ้น ทาให้
แพลงก์ตอนเจริญเติบโตได้เร็ว เมื่อในน้ามีแพลงก์ตอนเป็นจานวนมากก็ย่อมต้องการใช้ออกซิเจน
ในการหายใจมากตามไปด้วย ออกซิเจนในน้าจึงลดลง สิ่งมีชีวิตในน้าก็จะตายลงในที่สุด

20. การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้าทะเล
ระดับน้าทะเลที่สูงขึ้นคือผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน เกิดจานวนน้าทะเลที่มี
ปริมาณมากขึ้นเพราะธารน้าแข็งละลาย ก่อนหน้านี้คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าที่น้าทะเลสูงเป็นไป
ตามวัฐจักรของธรรมชาติ แต่จริงๆแล้วเกิดจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทาให้ธารน้าแข็ง
ละลายอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ระดับน้าทะเลทั่วโลกขยับสูงขึ้น 1 นิ้วภายใน 10 ปี
ภายใน 100 ปี น้าทะเลจะหนุนขึ้นมาบนพื้นดินเป็นพื้นที่กว้าง ยกตัวอย่างเช่น ชายฝั่ง
ตะวันออกของประเทศอังกฤษ ที่อยู่ต่ากว่าระดับน้าทะเล

21. ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ
ทางท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามถูกทาลายไป ทาให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการ
ท่องเที่ยว
ทางการเกษตร เมื่อสัตว์น้ามีจานวนน้อยลงก็ทาให้สูญเสียรายได้จากการจับสัตว์น้า อีกทั้ง
การเกษตรก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ปริมาณพืชผลที่เคยผลิตได้มากมายก็ลดน้อยไป ส่งผลให้
อาหารการกินแพงขึ้น และสินค้าขาดตลาด

22. ผลกระทบในด้านของสุขภาพ
อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นนั้นส่งผลให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมของการดารงชีวิตของ
แบคทีเรียและศัตรูพืชหลายๆชนิด ทาให้ในอนาคตจะมีผู้ที่ติดเชื้อและล้มป่วยมากขึ้น เช่น
ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย อหิวาตกโรคก็จะระบาดเพิ่มขึ้นมากในอีกประมาณ 20 ปีข้างหน้า
ภัยพิบัติต่างๆทาให้เกิดการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกในน้าที่เราใช้อุปโภคบริโภค อาหารมี
ราคาแพงขึ้น ทาให้ผู้คนได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และทาให้ร่างกายไม่แข็งแรง

23. โลกร้อน สาเหตุ 10 ปรากฏการณ์ประหลาด
1. สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
จากการศึกษาพบว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิพบสภาพมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นโลกร้อนขึ้นและมี
ระดับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น ทาให้พืชพรรณผลิใบเร็วกว่าเดิม และมีปริมาณ
ละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายในอากาศ ทาให้เกิดปฏิกิริยาต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ไวขึ้นเช่น อาการ
ไอ จาม และหอบหืดง่ายและบ่อยขึ้น

24. 2. สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
สัตว์หลายชนิดต้องอพยพขึ้นที่สูง เช่น หมีขั้วโลก เนื่องจากธารน้าแข็งละลายอย่างรวดเร็ว จน
อาจทาให้มันไม่สามารถอยู่ในอาร์กติกขั้วโลกเหนือได้

25. 3. พืชขั้วโลกคืนชีพ
เนื่องจากน้าแข็งขั้วโลกละลาย ทาให้พืชที่อาจเคยถูกปกคลุมอยู่ในน้าแข็งกลายเป็นอิสระ
เริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตอีกครั้ง

26. 4. ทะเลสาบหายสาบสูญ
มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา มีทะเลสาบประมาณ 125 แห่งหาย
สาบสูญจากอาร์กติก เพราะ เพอร์มาฟรอส ที่เป็นน้าแข็ง แข็งตัวอยู่ใต้ทะเลสาบนั้นละลายหมด
ทาให้น้าในทะเลซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้

27. 5. น้าแข็งใต้พื้นโลกละลาย
จากภาวะโลกร้อนได้ทาให้ชั้นน้าแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลง
ไปเช่นกัน โดยผลที่อาจเกิดตามมาคือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้าแข็งหายไปจนเกิดเป็นรูรั่ว
ใต้ดิน ทาให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อยู่เหนือจุดดังกล่าวอาจได้รับความเสียหาย

28. 6. ไฟป่า
เกิดไฟป่าได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เพราะสภาพป่าที่แห้งกว่าเดิมจึงนับเป็นเชื้อ
ไฟได้เป็นอย่างดี

29. 7. ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงอยู่รอด
เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือฤดูหนาวที่สั้นลง และฤดูร้อนที่มาถึงเร็ว
ขึ้น ทาให้เกิดการปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพที่ผันแปรไปไม่ทัน ทาให้สัตว์ที่สามารถอยู่รอดได้นั้น
ต้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุด และสัตว์ที่อยู่รอดได้อาจต้องกลายพันธุ์หรือปรับพันธุกรรมใหม่
เพื่อรับมือภัยที่เกิดขึ้น

30. 8. ดาวเทียมโคจรเร็วขึ้นกว่าเดิม
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ได้ขึ้นไปสะสม
ในชั้นบรรยากาศมากขึ้น ทาให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

31. 9. ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งกาลังขยายตัวสูงขึ้น ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไป
จะมีน้าแข็งปกคลุมอยู่และทาหน้าที่เหมือนตุ้มน้าหนักที่คอยกดทับในฐานล่างของภูเขาทรุดลงไป
ใต้พื้นผิว เมื่อน้าแข็งบนยอดเขาละลายหายไป ส่วนฐานล่างที่เคยจมอยู่ก็จะค่อยๆ กระเด้งคืน
มาเหนือผิวโลก

32. 10. โบราณสถานเสียหาย
เพราะอากาศที่แปรปรวน ภัยธรรมชาติประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายให้แก่
โบราณสถาน เมืองเก่า ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ตัวอย่างโบราณสถานในจังหวัด
สุโขทัย และอยุธยาที่เจอกับภัยน้าท่วมใหญ่

33. พิธีสารเกียวโต (Kyoto protocal)
พิธีสารเกียวโตเป็นพิธีสารภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ พิธีสารเกียวโตกาหนดเป็นข้อผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งกาหนดพันธกรณีในการลด
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศภาคี โดยปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือน
กระจกจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และมีการกาหนดชนิดก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ภายใต้พิธี
สารฯ 6 ชนิดคือ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มีเทน (CH4) ไนตรัสออกไซด์ (N2O) ไฮโดร
ฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) เปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PCFs) และซัลเฟอร์เฮกซาฟลูโอไรด์ (SF6)

34. แนวโน้มในอนาคตต่อโลกร้อน
องค์กรปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (EPA) กล่าวว่า โลกร้อนขึ้นเป็นจริง ในช่วงหลัง 140 ปีที่ผ่าน
มา และยังได้กล่าวอีกว่า ในช่วงทศวรรษ ปี ค.ศ. 1990 และศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด เมื่อเทียบกับ 600
ปีที่แล้ว มีคาถามต่อว่า จะเป็นอย่างไรถ้าโลกร้อนขึ้น รวมถึงคาถามอื่นๆ เช่น
• แล้วจะมีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกสูงขึ้นอีกเท่าไร
• อนาคตอุณหภูมิจะสูงเท่าไร
• จะเร็วแค่ไหน ที่โลกเราจะร้อนขึ้นอีก
• นอกจากฤดูกาลเปลี่ยนแปลง มีอะไรอีก
คาถาม และการคาดการณ์ต่างๆ ดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่สามารถจะให้คาตอบได้ว่าจะเกิดเร็ว
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่ามีปัจจัยจานวนมากที่ส่งผลให้เกิดโลกร้อนขึ้น จนในปัจจุบันอาจจะทาให้เสียสมดุลของโลกเรา
ไปแล้วก็ได้

35. วิธีการแก้ไขป้องกันภาวะโลกร้อนอย่างง่าย
1. ปรับ Desktop Wallpaper ให้เป็นสีให้เข้ม เพราะจะช่วยประหยัดไฟมากกว่า
2. พกผ้าเช็ดหน้า แทนกระดาษทิชชู แม้ว่าจะสะดวกสบายแต่กระดาษทิชชูผลิตมาจากต้นไม้ ยิ่งใช้
มากก็ยิ่งต้องตัดมาก ถ้าไม่จาเป็นก็ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่านะ
3. การชาร์ตแบตมือถือ เวลาแบตเต็มแล้วก็ให้ถอดสายออก แต่ถ้ายังเสียบหม้อแปลงกับเต้าเสียบ
ค้างไว้มันก็ยังกินไฟอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ให้ถอดออกให้หมด
4. ประหยัดน้า อย่าใช้น้าแบบสิ้นเปลืองให้ใช้ก๊อกน้าแบบเพิ่มฟองอากาศ น้าที่ไหลออกมาจะมี
ฟองอากาศออกมาด้วยทาให้ดูเหมือนมีน้าเยอะ แต่จะประหยัดกว่าก๊อกธรรมดาถึงครึ่งหนึ่ง
เวลาใช้น้าที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราก็ควรจะประหยัด

36. 5. ประหยัดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้และถอดปลั๊ก เปลี่ยนหลอดไส้เป็นหลอดประหยัดไฟ
6. ลดใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงที่เราใช้จะย่อยสลายเวลานาน แต่ถ้าต้องใช้จริงๆก็ให้เก็บไว้เพื่อ
นาไปใช้ครั้งต่อไปได้อีก หรือใช้ถุงผ้าแทน
7. ลดอาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งตอนนี้กาลังมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจาก
ขั้นตอนการผลิตนั้นทาให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก เพราะว่ากล่องที่ใส่ก็เป็นพลาสติก
ขั้นตอนในการขนส่งก็ต้องเก็บไว้ในที่เย็นตลอดเวลา รวมไปถึงตอนที่อยู่ในร้านด้วย แม้กระทั่ง
ตอนจะกินยังต้องใช้พลังงานในการอุ่นด้วย

37. 8. ใช้จักรยาน เพราะช่วยประหยัดน้ามันในยุคที่น้ามันแพง แล้วยังช่วยในการออกกาลังกาย มี
สุขภาพที่ดีอีกด้วย
9. ลดการ Shopping ซื้อของที่จาเป็น เนื่องจากสินค้าพวกนี้ใช้พลังงานมากมายในอุตสาหกรรม
สินค้าออกมาจาหน่าย
10. ปลูกต้นไม้ นอกจากช่วยให้สิ่งแวดล้อมเขียวขจีร่มเงาและยังช่วยลดก๊าซพิษในอากาศได้อีกด้วย

38. VDO

39. แหล่งอ้างอิง
• http://www.247friend.net/blog/againlive/2010/08/22/entry-1
• http://www.dol.go.th/sms/interesting.htm
• http://sirirat9876.blogspot.com/p/blog-page_27.html
• http://www.baanjomyut.com/library_2/causes_of_global_warming_pol
lution/index.html

40. • http://www.onep.go.th/library/index.php?option=com_content&view=article
&id=80:-kyoto-protocal-&catid=26:2012-04-02-06-57-22&Itemid=34
• http://www.greentheearth.info/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%
E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E
0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/
• http://www.greentheearth.info/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E
0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%
B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9
%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/

41. ผู้จัดทา
น.ส. แพรพลอย จอมศักดิ์ เลขที่ 6
ม.6/6
น.ส. เปมิกา ยศถามี เลขที่ 7 ม.6/6